อีกประมาณ 5 เดือน เราจะได้ใช้รถไฟฟ้าส่วนสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย “หัวลำโพง-บางแค” ที่จะเปิดใช้ภายในสิงหาคมนี้แล้ว จากที่ตั้งตารอกันมานาน เชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้ใช้งานแล้ว จะทำให้ถนนเพชรเกษมคึกคักมากยิ่งขึ้นแน่ๆ จะมีคอนโดเกิดใหม่และสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาอีก ส่วนการเดินทางเข้า-ออกเมืองจะสะดวกมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถกำหนดเวลาในการเดินทางได้อีกด้วย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง Think of Living ได้มีการจัดทำหนังสือ “ชีวิตติดรถไฟฟ้า” เนื้อหาจะเป็นเชิงวิเคราะห์ทำเลและตัวสถานี พร้อมบริบทโดยรอบ หนึ่งในนั้นคือ “ทำเลย่านเพชรเกษม” ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเดิม เพื่อลงรายละเอียดเฉพาะคอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงปี 2560 – 2563 เริ่มตั้งแต่สถานีท่าพระ-หลักสอง ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นานและอยู่ระหว่างก่อสร้างใกล้เสร็จ เอาไว้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจสำหรับคนที่ต้องการอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้า ในราคาที่สามารถหยิบจับได้ไม่แรงมากนัก ถ้าเทียบกับคอนโดใจกลางเมือง
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนตัวขยาย จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ” บางซื่อ-ท่าพระ” และ “หัวลำโพง-บางแค” ซึ่งเป็นเส้นที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT “หัวลำโพง- บางซื่อ” ที่เราใช้งานมานานกว่า 15 ปีแล้ว จุดมุ่งหมายของรถไฟฟ้าเส้นนี้คือนำพาคนจากชานเมืองฝั่งตะวันตกเข้าสู่ในตัวเมือง ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ เราเคยทำบทความกันไว้แล้ว ถ้าใครสนใจบทความนี้สามารถ คลิกที่นี่ ได้เลยนะคะ
ส่วนวันนี้เราจะพาไปรู้จักเส้นทางในช่วงหัวลำโพง-บางแคกันบ้างนะคะ เริ่มจากแบ่งโซน เพื่อทำให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราขอแบ่งย่อยออกเป็นอีก 3 โซนตามบริบทโดยรอบและประเภทที่อยู่อาศัย
- โซนที่ 1 (สีแดง) >> สถานีวัดมังกร-สถานีสามยอด-สถานีสนามไชย-สถานีอิสรภาพ
- อยู่ในย่านเมืองเก่า และเกาะรัตนโกสินทร์ที่มีกฎหมายควบคุมอาคารพิเศษ ถ้าจะ
ก่อสร้างและต่อเติมจะต้องขออนุญาตเขตก่อน ซึ่งหากใครสังเกตจะเห็นได้ว่าพวกอาคารบ้านเรือนในปัจจุบัน ยังคงเป็นอาคารประเภทแนวราบ ที่ไม่ได้แตกต่างจากสมัยก่อนมากนัก ซึ่งย่านนี้จะไม่มีคอนโด High Rise เลยนะคะ ดังนั้นเราจะไม่ได้มาเจาะลึกโซนนี้ที่ไม่มีโครงการกัน
ส่วนโซนที่ 2 และ 3 จะวิ่งบนถนนเพชรเกษม ยาวจนถึงทางด่วนกาญจนาภิเษก โดยเริ่มตั้งแต่สถานีท่าพระ-หลักสอง ซึ่งในสมัยก่อนย่านนี้จะเป็นลักษณะชุมชนเก่า อยู่อาศัยหนาแน่น ไม่มีคอนโดให้เห็นมากนัก แต่หลังจากการมาของรถไฟฟ้า ทำให้มีคอนโดเกิดใหม่มากขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2560 เป็นต้นมา ส่วนความอุดมสมบูรณ์จะมีทั้ง ตลาด, Hypermarket และห้างสรรพสินค้า เพราะฉะนั้นเรื่องหาของกินจึงไม่น่าเป็นห่วง รวมถึงยังคมนาคมทางน้ำได้อีกด้วย เนื่องจากมีคลองภาษีเจริญวิ่งขนานกับถนนเพชรเกษม ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพจาก บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด
โครงการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ เป็นการขยายเส้นทางการเดินเรือโดยสารโดยเริ่มต้นที่คลองแสนแสบช่วงต่อขยาย(วัดศรีบุญเรือง – มีนบุรี) ต่อมาได้พัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ จากท่าเทียบเรือประตูน้ำภาษีเจริญไปจนถึงเพชรเกษม 69 รวมทั้งหมดจำนวน 15 ท่า ระยะทางประมาณ 11.50 กิโลเมตร
เริ่มต้นที่ โซน 2 สถานีท่าพระ-สถานีบางไผ่-สถานีบางหว้า ซึ่งเราขอเรียกโซนนี้ว่า โซน Interchange ที่มีถึง 2 สถานี อย่างสถานีท่าพระที่เป็นจุดเปลี่ยนของสายสีน้ำเงินกันเอง คือ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ที่จะพาคนขึ้นไปยังตอนบนกรุงเทพ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าในตัวเมือง ถัดไปเป็นสถานีบางหว้าที่เปลี่ยนกับ BTS สายสีลม ที่เราคุ้นเคยกันดีที่จะผ่านใจกลางเมืองอย่าง สาทร สีลม และสยาม แต่ถ้าจะเทียบความเจริญกันแล้วเรามองว่าสถานีบางหว้ามีภาษีดีกว่า เพราะนอกจากเป็นจุดเปลี่ยนแล้ว ยังมีถนนราชพฤกษ์ที่ตัดผ่านถนนเพชรเกษมซึ่งเป็นถนนเส้นใหญ่ที่รถติดน้อยกว่าและสามารถวิ่งเข้าออกเมืองได้ง่าย รวมถึงถ้าเลยขึ้นตอนบนของตัวสถานีไป จะมีหมู่บ้านราคาหรูมากมายให้เลือกสรรกันอีกด้วย เช่น ลัดดาวัลย์ ระดับราคาประมาณ 50 – 100 ล้านบาท ส่วนสถานีบางไผ่ยังไม่มีคอนโดเกิดขึ้นใหม่ เนื่องจากคนยังนิยมอยู่ทำเลที่เป็นจุด Interchange มากกว่า ดังนั้นวันนี้เราจะขอข้ามสถานีนี้ไปนะคะ
สถานีท่าพระ
เริ่มที่สถานีท่าพระ ที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับเส้นสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ โดยลักษณะการใช้งานของสถานี ต้องลงมาเปลี่ยนขบวนที่ชานชาลาคล้ายสถานีสยามเลยค่ะ ความอุดมสมบูรณ์ยังมีไม่มากนัก อาจจะต้องขับรถไปแถววงเวียนใหญ่ หรือบริเวณถนนรัชดาภิเษก การเดินทางค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีถนน 3 สายมาบรรจบกัน จัดเป็นจุดตัดที่สำคัญได้แก่ ถนนเพชรเกษม, ถนนจรัญสนิทวงศ์และถนนรัชดาภิเษก โดยถนนแต่ละเส้นจะมีวิถีชีวิต
และความอุดมสมบูรณ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย
รูปแบบที่อยู่อาศัย
เริ่มมีรูปแบบคอนโดให้เห็นกันบ้างแล้ว ซึ่งตัวโครงการที่เลือกมาให้ดูจะเป็นคอนโดที่เกิดในช่วง 2560-2563 กับโครงการ Ideo ท่าพระ Interchange และ The Privacy ท่าพระ Interchange ทั้ง 2 โครงการ ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 100 เมตรเท่ากัน ซึ่ง Ideo ติดกับถนนเพชรเกษม The Privacy ติดกับถนนจริญสนิทวงศ์ เรามองว่า The Privacy เดินทางด้วยรถยนต์ดูจะสะดวกกว่า เนื่องจากเป็นเส้นที่เข้า-ออกเมืองได้ง่าย ส่วนรูปแบบห้องได้เป็น Fully Furnished ทั้งคู่ ถ้าเทียบกันแล้ว The Privacy จะมีราคาที่สูงกว่าและห้องเริ่มต้นขนาดเล็กกว่า แต่จะได้พื้นที่ส่วนกลางและที่จอดรถยนต์ที่มากกว่า รวมถึงถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตก็จะน้อยกว่าเล็กน้อย ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน ส่วนรายละเอียดตัวห้องและพื้นที่ส่วนกลางจะเป็นยังไงบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ > <
Ideo ท่าพระ Interchange ของ อนันดา มีทางเข้า-ออกอยู่ติดถนนเพชรเกษมระหว่างซอยเพชรเกษม 7 และ 9 ใกล้แยกท่าพระ ห่างสถานีประมาณ 100 เมตร เป็นระยะที่เดินสบายทีเดียว ตัวคอนโดสูง 22 ชั้น มีจำนวน 844 ยูนิต ซึ่งมากที่สุดถ้าเทียบกับโครงการในละแวก ขนาดห้องมีตั้งแต่ Studio – 2 Bedrooms 27.5 – 71 ตารางเมตรโดยตัวอาคารสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2560 ปัจุบันยังเหลือห้องมือ 1 ให้จับจองกันอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 2.70 ล้านบาท(April 2019)
ห้อง Studio ขนาด 27.5-28 ตารางเมตร ลักษณะห้องหน้าแคบลึก ผังห้องนี้มีความน่าสนใจและแปลกกว่าโครงการทั่วไปอยู่นะคะ เพราะผังห้องแบบนี้ปกติเข้ามาจะเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน จากนั้นดันพื้นที่เตียงนอนไว้ติดหน้าต่างภายนอก แต่สำหรับโครงการนี้สลับโซนฟังก์ชันกันเลย แสดงให้เห็นว่าตัวโครงการค่อนข้างในความสำคัญกับการใช้งานส่วน Service เต็มประสิทธิภาพ อย่างห้องน้ำติดหน้าต่างระบายอากาศได้ดี หรือจะเป็นครัวปิด+ติดหน้าต่างที่เหมาะกับทำอาหารหนัก แต่ก็แลกมากับบรรยากาศบริเวณพื้นที่เตียงนอนและโซฟาที่จะไม่ได้วิวภายนอก และเน้นรับแสงภายนอกผ่านทางห้องครัวเท่านั้นค่ะ
พื้นที่ส่วนกลาง เน้นไปที่ชั้น 21 และชั้นดาดฟ้า ซึ่งชั้น 21 จะเป็น Facilities แบบ Indoor ได้แก่ ห้อง Fitness, Game Room, Meeting Room และ Sky Lounge ส่วนชั้นบนเป็นส่วน Outdoor คือสระว่ายน้ำและสวนหย่อมด้านบน
บรรยากาศของสระว่ายน้ำ มีแนวคิดที่ต้องการให้พื้นสระว่ายน้ำเป็นพื้นสีขาวเพื่อสะท้อนสีสันของท้องฟ้าลงมาที่สระ ซึ่งบรรยากาศน่าจะดีมากๆ ในช่วงเย็นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงตอนกลางคืน ส่วนลักษณะของสระจะเป็นแบบวงรีล้อมรอบพื้นที่นั่งเล่นซึ่งด้วยขนาดสระประมาณนี้น่าจะเหมาะกับการเล่นน้ำมากกว่าการว่ายแบบออกกำลังกายนะคะ
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
The Privacy ท่าพระ Interchange จาก พฤกษา ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ สถานีท่าพระประมาณ 100 เมตร เป็นระยะที่เดินสบาย ตัวโครงการเป็น คอนโด High Rise สูง 22 ชั้นและชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีจำนวน 795 ยูนิต ขนาดห้องมีตั้งแต่ 1 Bedroom – 2 Bedrooms 22.50 – 50.5 ตารางเมตร ที่คาดว่าสร้างเสร็จ กุมภาพันธ์ 2563 ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.50 ตารางเมตร ลักษณะห้องหน้ากว้าง ที่แบ่งสัดส่วนออกมาได้ดี แต่จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะกับการใช้งาน 1-2 คน ซึ่งมีการกั้นพื้นที่ห้องนอนชัดเจน แม้พื้นที่นั่งเล่นไม่ได้อยู่ติดริมหน้าต่าง แต่ยังได้แสงสว่างจากส่วนห้องนอนอยู่ ส่วนห้องนอนจะได้วิวและรับแสงภายนอกได้เต็มที่ นอกจากนี้จะได้เป็นครัวเปิด ซึ่งไม่สามารถทำอาหารจริงจังได้ แต่สามารถกั้นเพิ่มในอนาคตได้ ส่วนพื้นห้องครัวอาจจะต้องระมัดระวังนิดนึง เนื่องจากเป็นพื้นลามิเนต ที่ไม่ได้ทนความชื้นหรือทำความสะอาดง่ายเท่าแกรนิตโต้
จุดเด่นของโครงการนี้คือ Facilities ที่มีตั้งแต่ชั้นล่างๆ ถึงด้านบน กระจายตัวให้ใช้งานได้เต็มที เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 Lobby แบบ Double Volume ออกแบบมาหรูหราทีเดียว กระจกเต็มบาน ทำให้รับแสงธรรมชาติได้ดี ฝั่งซ้ายมือมี Facilities ที่เชื่อมต่อกันถึง 3 ชั้น ภายในมี Mail Room , Reading Space, Laundry , Co-Working Space และ Play Space ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ดีทีเดียว
ถัดขึ้นมาที่ชั้น 5 จะมีสระว่ายน้ำและฟิตเนสมาให้ พร้อมพื้นที่สีเขียวให้เดินเล่นออกกำลังกายได้ รวมถึงยังสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีอาคารช่วยบังแดดให้ ถัดขึ้นมาทางโครงการได้จัดสวนเป็นแบบขั้นบันได ไล่ระดับขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า ส่วนชั้นบนสุด จะมีสระว่ายน้ำมาให้ พร้อมพื้นที่สำหรับกิจกรรมของลูกบ้านพร้อมชมวิวมุมสูงของโครงการ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น1- LOBBY/ MAIL ROOM
- ชั้น2 – READING SPACE AND LAUNDRY
- ชั้น3- CO-WORKING SPACE
- ชั้น4- PLAY SPACE
- ชั้น5- WORKOUT SPACE & SWIMMING POOL 10 x 30 ม. ระบบเกลือ
- ชั้น 19-21 ส่วนกลางลอยฟ้า 5 ชั้นต่อเนื่อง
- ชั้น22- SKY LOUNGE, SAUNA, YOGA AREA
- ชั้น Roof Top – Star Pool 3.5 x 20 ระบบเกลือ, BAR B Q AREA
สามารถอ่านพรีวิวโครงการเพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่
สถานีบางหว้า
ถัดมาที่สถานีบางหว้า ที่เป็นจุด Interchange กับ BTS ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นสถานีที่มีคอนโดมากที่สุดในเส้นนี้ แต่ช่วงปี 2560 เป็นต้นมา จะมีอยู่ประมาณ 2 โครงการ ที่สร้างเสร็จไล่เลี่ยกัน ซึ่งโดยรวมแล้วราคา/ตร.ม. เท่ากัน แต่เนื่องจาก Chewathai มีขนาดห้องที่เล็กกว่าทำให้ราคาเริ่มต้นถูกกว่า ส่วนระยะห่างรถไฟฟ้า ใกล้เคียงกัน แต่ตัว Aspire มี Sky Walk มาหยุดที่หน้าโครงการเลย ส่วนชีวาทัยต้องเดินข้างล่างแทน แต่ถ้าถามเรื่องความอุดมสมบูรณ์ชีวาทัยจะมีภาษีที่ดีกว่าเนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็น ม.สยาม และด้านใต้คอนโด ทางโครงการได้ทำเป็นเวิ้งคล้าย Community Mall ทำให้หาของกินได้ง่าย แถมยังมีจำนวนยูนิตที่น้อยกกว่า Aspire เกือบครึ่งนึง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยจะเป็นยังไง เราตามไปดูกันเลยค่ะ
Chewathai เพชรเกษม 27 จาก ชีวาทัย ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ห่างสถานีประมาณ 400 เมตร เป็นระยะที่เดินได้สบาย ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น 1 อาคาร ร้านค้าด้านล่างทั้งหมด 14 ยูนิต จำนวนห้องพักอาศัยที่ 638 ยูนิต ขนาดห้องมีตั้งแต่ Studio – 2 Bedrooms 23 – 55 ตารางเมตร โครงการเพิ่งสร้างเสร็จปีที่แล้ว ทำให้อาคารยังดูใหม่อยู่ จุดเด่นของโครงการคือเรื่องทำเล ที่อยู่ตรงข้าม ม.สยาม ทำให้เหมาะกับนักศึกษา และบุคลากรในมหาวิทยาลัย สะดวกทั้งเช่าเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน รวมถึงด้านล่างมีร้านค้าถึง 14 ยูนิต ทำให้หาของกินได้ง่าย ส่วนห้องพักอาศัยจะขายแบบ Fully Furnished ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาตกแต่ง พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง Studio ขนาด 24.00 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้าง จะคล้ายกับแปลนของโครงการ The Privacy แต่โครงการนี้จะกั้นห้องครัวปิดมาให้แทน ส่วนห้องนอนเล่นและห้องนอนจะเชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ได้ตามใจชอบ แต่เวลามีแขกมาห้องอาจจะไม่ส่วนตัวมากนัก ส่วนห้องครัวจะมีขนาดใหญ่สามารถวางโต๊ะกินข้าวเข้ามุมได้ รวมถึงยังสามารถทำอาหารจริงจังได้ แต่พื้นครัวเป็นลามิเนต ซึ่งต้องระวังพื้นบวมกันด้วยนะคะ ห้องน้ำได้แยกสัดส่วนเปียกและแห้งออกจากกันชัดเจน เหมาะกับอยู่อาศัยคนเดียว หรือนักศึกษาที่เช้าห้องอยู่กับเพื่อนไม่เกิน 2 คน
พื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 4 ทั้งหมด จะมีสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และพื้นที่สวนหย่อม ซึ่งสระว่ายน้ำจะมีลักษณะเป็น Free Form ลึก 1.20 เมตร ไม่มีสระเด็ก เป็นสระกลางแจ้งจะได้ในเรื่องของบรรยากาศ สามารถชมวิวโดยรอบได้ แต่อาจจะใช้งานไม่ได้เมื่อฝนตก หรือช่วงเวลากลางวันแดดร้อนๆ รอบข้างสระว่ายน้ำมีต้นไม้ช่วยบังสายตาจากอาคารอื่นๆด้วย โดยรวมแล้วถือว่าให้มาไม่มากนัก พอดีการใช้งานเท่านั้น
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ จาก AP ตั้งอยู่ติดถนนราชพฤกษ์ สร้างเสร็จปี 60 ข้อดีของโครงการนี้คือทาง AP ได้ลงทุนทำ Sky Walk มาลงด้านหน้าโครงการเลย ทำให้สะดวกในการใช้รถสาธารณะ รวมถึงเอื้ออำนวยกับคนที่อยู่ในซอยเทอดไทอีกด้วย ซึ่งซอยนี้จะวิ่งคู่ขนานกับถนนเพชรเกษมจนถึงถนนบางแค ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักมาถึง 1,087 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ Studio – 2 Bedrooms 26-48 ตร.ม. ซึ่งมีจำนวนมากสุดถ้าเทียบกับโครงการในละแวก แต่ก็ได้ Facilities จัดเต็มถ้าเทียบกับโครงการอื่นเช่นกัน ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง Studio ขนาด 26.00 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้าง จะคล้ายกับแปลนของโครงการ The Privacy แต่โครงการนี้จะกั้นห้องครัวปิดมาให้แทน ส่วนห้องนอนเล่นและห้องนอนจะเชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ได้ตามใจชอบ แต่เวลามีแขกมาห้องอาจจะไม่ส่วนตัวมากนัก ส่วนห้องครัวจะมีขนาดใหญ่สามารถวางโต๊ะกินข้าวเข้ามุมได้ รวมถึงยังสามารถทำอาหารจริงจังได้ แต่พื้นครัวเป็นลามิเนต ซึ่งต้องระวังพื้นบวมกันด้วยนะคะ ห้องน้ำได้แยกสัดส่วนเปียกและแห้งออกจากกันชัดเจน เหมาะกับอยู่อาศัยคนเดียว หรือนักศึกษาที่เช้าห้องอยู่กับเพื่อนไม่เกิน 2 คน
พื้นที่สวนกลางจัดเต็มทีเดียว เรียกว่าครบครันและคุ้มค่า เนื่องจากมีการกระจายพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ เริ่มตั้งแต่ Lobby ชั้นล่าง ที่มาพร้อม Co-Working Space และสวนหย่อม ขึ้นมาชั้นที่ 8 จะมีสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ที่ออกแบบทางเดินขนานไปกับผืนน้ำ นับว่าเป็นดีไซน์ใหม่ที่ไม่ค่อยได้เห็นในโครงการ Aspire อื่นๆ นอกจากนี้ห้อง Fitness จะวางขนานไปกับสระว่ายน้ำ ทำให้ขณะเล่นจะเห็นวิวสระว่ายน้ำและพื้นที่สีเขียวของโครงการได้ค่ะ
บริเวณชั้นที่ 32 จะเป็น Rooftop Garden ด้านบนจะมีพื้นที่ Urban Farming ที่ลูกค้า สามารถปลูกผักสลักและสมุนไพรต่างๆ เพื่อนำมาประกอบอาหารได้ อีกทั้งสามารถชมวิวได้ 360 องศา พร้อม Co-Recreational Sky Park ที่่มาพร้อมพื้นที่กิจกรรมต่างๆให้ลูกบ้านได้เลือกใช้งานกันได้เต็มที่
สิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้นที่ 1
- Lobby Lounge + Mailbox
- Co Working Space
- พื้นที่สวนหย่อม Outdoor Garden
- สระว่ายน้ำ
- ฟิตเนส
- Rooftop Garden
- Co Recreational Sky Park
- Relax Sitting
- Amphitheater
- Jogging Track
- BBQ area
- Outdoor TRX
โซน 3 สถานีเพชรเกษม48-สถานีภาษีเจริญ-สถานีบางแค-สถานีหลักสอง
จะตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมทั้งหมด เป็นโซนที่มีจุดสำคัญหลายอย่าง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิม ที่เป็นอาคารประเภทแนวราบเป็นหลัก แต่พอมีรถไฟฟ้าตัดผ่าน ทำให้เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ขึ้นมาก เพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการอยู่คอนโดติดรถไฟฟ้าที่ราคาไม่แรงมาก ส่วนความอุดมสมูบรณ์จะเกาะกลุ่มริมถนนเพชรเกษม ที่ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านค้าพาณิชย์ หรือถ้าพูดถึงตลาดเก่าแก่ ก็คงต้องพูดถึงตลาดบางแค ที่ขายทั้งของสดและแห้งให้เลือกสรรมากมาย ส่วนห้างที่ใกล้กับตัวสถานีก็จะมี Secon บางแค, The Mall บางแค, Tesco Lotus และ Big C รวมถึงจะมีซอยที่น่าสนใจ อย่าง เพชรเกษม 48 ที่ลัดออกไปออกถนนบางแวกได้ด้วย ภายในซอยมีความคึกคักพอสมควร เนื่องจากมีที่อยู่อาศัยเยอะ ส่วนถนนหลักอย่างเพชรเกษมจะสามารถเชื่อมไปออกถนนถนนพุทธมณฑลสาย 1, ถนนกาญจนาภิเษก และถนนบางแคได้ค่ะ
สถานีเพชรเกษม 48
ตัวสถานีตั้งอยู่ระหว่างซอยเพชรเกษม 31/1 และเพชรเกษม 46/2 ถนนเพชรเกษม
ช่วงนี้จะยังไม่คึกคักมากนัก ริมถนนเป็นตึกแถวที่เน้นอยู่อาศัย จุดเด่นจริงๆของช่วงนี้คือ ซอยเพชรเกษม 48 ที่เอาไปตั้งเป็นชื่อสถานี เนื่องจากเป็นเส้นที่สำคัญของช่วงนี้ สามารถทะลุไปออกบริเวณถนนบางแวก ที่ลัดไปออกได้ทั้งถนนราชพฤกษ์และถนนกาญจนาภิเษก ภายในซอยมีหมู่บ้านหลากหลายโครงการทั้งใหม่และเก่า รวมถึงมีตลาดและร้านค้าค่อนข้างเยอะ ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าถนนเพชรเกษม ซึ่งตอนนี้มีโครงการ 2 ตัวที่เป็นคู่แข่งกันอยู่ ที่จะสร้างเสร็จพร้อมกันในปี 63 อย่าง The Key ของ LH และ The Base ของแสนสิริ ซึ่งเป็นแบรน์ระดับบนทั้งคู่ มีรูปแบบโครงการที่แตกต่างกัน และตั้งอยู่คนละฝั่งถนน ถ้าใกล้ตัวสถานีที่สุดจะเป็น
โครงการ The Key เพชรเกษม48 มีจุดเด่นเรื่องรูปแบบโครงการที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเช่น การออกแบบห้องด้วยโครงสร้างผนังรับน้ำหนัก ทำให้ภายในห้องไม่มีเสา สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย แต่จะแลกกับราคาที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน
โครงการ The Base เพชรเกษม48 เป็นแบรนด์จากแสนสิริที่ขึ้นชื่อว่าให้พื้นที่ส่วนกลางมาแบบจัดเต็ม โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 1,5, 28, 40 ช่วยเรื่องการกระจายตัวของคนใช้งานไม่ให้แออัดอยู่ที่เดียวจนเกินไป เหมาะสำหรับคนที่ชอบให้พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่และหลากหลาย แต่จะแลกมากับระยะทางเดินที่ไกลจากรถไฟฟ้ามากกว่าและมีที่จอดรถไม่มากนัก
ส่วนรูปแบบห้องทั้งคู่ขายแบบ Fully Fitted ซึ่งถ้าเทียบกับโครงการที่ผ่านมา 2 สถานี ที่ขายแบบ Fully Furnished ราคานี้ถือว่าเปิดตัวมาแรงทีเดียว แต่เราอาจจะต้องดูหลายๆอย่างประกอบกัน ทั้งรูปแบบโครงการ การจัดวางแปลน วัสดุภายในห้อง และพื้นที่ส่วนกลางค่ะ
The Key เพชรเกษม48 จาก แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมือง คาดว่าน่าจะสร้างเสร็จปี 63 ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักมาถึง 639 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ 1 Bedroom – 2 Bedrooms 27.80 – 51.20 ตร.ม. ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท (April 2019)
การออกแบบจะเน้นความเป็นส่วนตัวมากๆ เขาดันอาคารพักอาศัยไปไว้ด้านหลัง เอาที่จอดรถอยู่ข้างหน้า ทำให้อาคารมีระยะห่างจากถนนใหญ่และรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นและเสียงจากถนนใหญ่ได้บ้าง อีกทั้งรางรถไฟฟ้าจะมีความสูงเท่ากับประมาณชั้น 5 ของที่จอดรถพอดี ไม่มีการวางผังห้องพักบริเวณนั้น จึงจะไม่มีห้องที่จะได้รับเสียงดังจากถนนและรถไฟฟ้าค่ะ
โครงการนี้มีการออกแบบห้องพักให้ไม่มีเหลี่ยมเสาทำให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นและสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย โดยห้องพักจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 27.80 ตารางเมตร มีการฟังก์ชันแตกต่างจากที่ผ่าน เริ่มต้นจากเข้าห้องมาเจอส่วนครัวเปิด ที่ไม่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ ทำให้กลิ่นไหลไปที่ห้องนั่งเล่นด้วย แต่แลกมากับการที่ได้บรรยากาศโปร่งโล่งมากขึ้น ส่วนห้องนอนมีการกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงยังสามารถเข้าห้องน้ำจากภายในห้องได้เลย ทำให้สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวกทีเดียว แต่ถ้ามีแขกมาที่ห้องอาจจะไม่ส่วนตัวมากนัก
พื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างครบ ที่ชั้น 1 มีสวนหย่อม และ Lobby สูง 6.5 เมตร ชั้น 6 เป็นส่วนของ Facility มีสระว่ายน้ำ ขนาดประมาณ 29×5 เมตร พร้อม Jacuzzi และห้อง Fitness ที่ได้วิวสวนและสระว่ายน้ำ ชั้น 30 มี Game Station และ Co-working Space ชมวิวโดยรอบได้ โดยรวมแล้วออกแบบมาสวยงามทีเดียว ดูแล้วค่อนข้างทันสมัยทีเดียว
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
The Base เพชรเกษม48 จาก บริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน หายไม่ได้นะ ตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาออกเมือง คาดว่าน่าจะสร้างเสร็จปี 63 ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักมาถึง 640 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ 1 Bedroom – 2 Bedrooms 23.00 – 52.25 ตร.ม. ซึ่งจะเริ่มต้นห้องขนาดเล็กกว่า The Key รวมถึงมีราคาที่ถูกกว่า ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท (April 2019)
เริ่มจาก 1 Bedroom 24 ตร.ม. เรามองว่าเป็นการออกแบบมาค่อนข้างดี เพราะห้องนั่งเล่นและห้องนอน มีการกั้นพื้นที่เพื่อความเป็นส่วนตัวชัดเจน ห้องนอนของแปลนนี้ จะมีพื้นที่เหลือสามารถเดินรอบเตียงได้ แต่จะไม่สามารถวางโต๊ะทานข้าวได้ อาจจะต้องไปนั่งกินที่โซฟาจะสะดวกมากกว่า รวมถึงส่วนครัวมีการกั้นครัวปิดชิดริมอาคารมาให้ พร้อมพื้นกระเบื้อง ที่ทำความสะอาดได้ง่าย ห้องน้ำมีการแบ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ส่วนวัสดุได้ตามมาตรฐานค่ะ
โครงการนี้จัดมาให้จัดเต็ม เริ่มตั้นแต่ชั้นที่ 1 มีสวนหย่อมและสนามเด็กเล่น อยู่ด้านหน้าทางเข้าอาคาร ภายในอาคารมี Lobby และ Co-Working Space ชั้นที่ 5 มีพื้นที่สวนหย่อม ชั้นดาดฟ้า มี Sky Facilities ซึ่งเราจะได้ Take view ไปด้วย มีสระว่ายน้ำยาว 40 เมตร พร้อม Floating deck และ Sunken Seat ฟิตเนสจะเป็นแบบ 2 ชั้น มองเห็นวิวเมืองได้เต็มที่ เนื่องจากรอบด้านเป็นกระจก มีทั้งเครื่องเล่น Cardio, Weight Training และห้องทำกิจกรรมอย่าง Yoga, Boxing และ Dance เป็นต้น
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
สถานีภาษีเจริญ
จุดสำคัญที่เด่นๆคือ มีห้าง Secon บางแค ที่มีการปรับปรุงให้ดูทันสมัยมากขึ้น แต่คนก็ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรเพราะเดิมทีก็เป็นทำเลที่เดินทางมาได้ยากอยู่แล้ว แถมยังโดนห้างใหญ่ๆดักอยู่หัวท้ายอย่าง The Mall ท่าพระ และ The Mall บางแค อีกด้วย แต่ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จก็เชื่อว่าจะมีคนใช้งานมากขึ้น เพราะตัวสถานีจะตั้งอยู่หน้าห้างเลย ต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่าจะคึกคักมากขึ้นขนาดไหนนะคะ
เราจะมาพูดถึงโครงการเปิดใหม่อย่าง Supalai และ Parkland ที่ราคาถูกที่สุดถ้าเทียบกับสถานี่อื่นๆที่ผ่านมา และมาพร้อมกับทำเลที่ดีใกล้ตัวห้าง แต่มีจำนวนยูนิตค่อนข้างมากทีเดียว เริ่มกันที่ Supalai ที่ยังคงราคาถูก พร้อมพื้นที่ห้องขนาดใหญ่ มีจำนวนยูนิต 1,803 ถือว่าค่อนข้างมากทีเดียว แต่ก็ยังมีจำนวนน้อยกว่า Parkland นะคะ พร้อมพื้นที่จอดรถมากถึง 57% ค่อนข้างมากทีเดียวถ้าเทียบกับโครงการใหม่ในละแวก ส่วน Parkland ที่ให้ Facilities ครบครัน เหมาะกับจำนวนยูนิตที่เยอะประมาณ 2,047 ยูนิต ส่วนรายละเอียดเราไปติดตามกันเลยค่ะ
Supalai Veranda สถานีภาษีเจริญ จาก ศุภาลัย ตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมือง คาดว่าน่าจะสร้างเสร็จปี 63 ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 150 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่เดินสบาย ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 30 และ 34 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้องพักมาถึง 1,802 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ Studio – 2 Bedrooms 28 – 69.5 ตร.ม. ซึ่งจะได้ห้องขนาดเริ่มต้นที่ใหญ่กว่าโครงการในละแวก ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง Studio ขนาด 28 ตร.ม. ลักษณะห้องหน้าแคบลึกตามสไตล์ศุภาลัย เข้ามาด้านในเจอห้องครัว พร้อมพื้นกระเบื้องที่ทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงห้องน้ำที่เข้าจากในครัวได้ ซึ่งจะตต้องพึ่งพาเครื่องระบายอากาศ เพื่อไม่ให้กลิ่นและความชื้นวนอยู่ในตัวห้อง เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งกว้าง ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ ที่สามารถวางเตียงไว้ริมหน้าต่าง เพื่อให้ได้รับแสงและวิวเต็มที่ แต่ห้องแคบลึกนั้นแสงอาจจะส่องเข้าไปไม่ถึงด้านในตัวห้องมากนัก ทำให้ต้องติดไฟช่วยด้วยค่ะ
มีให้ค่อนข้างเยอะทั้งสวนหย่อมรอบโครงการประมาณกว่า 4 ไร่ Lobby แยกแต่ละอาคาร บน ชั้น 7 มีส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก และสวนหย่อม ห้อง Fitness ห้อง Aerobic ห้อง Lifestyle Space ส่วนบนชั้น Roof Top ของทั้ง 2 อาคารมีสวนหย่อมและ Co-Working Space
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
The Parkland เพชรเกษม 56 จาก นารายณ์ พร็อพเพอตี้ ตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมือง ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 50 เมตร เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วค่ะ คาดว่าน่าจะสร้างเสร็จปี 63 ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 30 และ 34 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้องพักมาถึง 1,802 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ Studio – 2 Bedrooms 28 – 69.5 ตร.ม. ซึ่งจะได้ห้องขนาดเริ่มต้นที่ใหญ่กว่าโครงการในละแวก ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง Studio ขนาด 25 ตร.ม. รูปแบบการขายแบบ Fully Furnished วางออกแบบห้องเป็นสัดส่วนดี แต่จะได้เป็นห้องครัวเปิดชิดริมหน้าต่าง ที่มีพื้นที่วางโต๊ะกินข้าวมาให้ ซึ่งเรามองว่าอาจจะนั่งกินข้าวไม่ถนัดมากนัก แนะนำให้ไปนั่งกินข้าวบริเวณโซฟาแทนนะคะ ซึ่งเราสามารถทำเป็นครัวปิดเองได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางโครงการนี้ให้มาจัดเต็มทีเดียว ซึ่งจัดพื้นที่ส่วนกลางไว้บนอาคารจอดรถ ที่เชื่อมทั้ง 3 อาคารเข้าด้วยกัน ทำให้ลูกบ้านในทุกอาคารสามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย มีสระน้ำแยกใช้งานถึง 2 สระ พร้อมพื้นที่สีเขียว และห้องกิจกรรมต่างๆ
Sky Social club Area ที่ให้นั่งชิลล์ๆ ด้วยบรรยากาศวิวมุมสูงกรุงเทพแบบพาโนรามา หรือผ่อนคลายไปกับ Mini Theater & Karaoke Room , SKY Private Party Room ซึ่งสามารถดูหนังร้องเพลงคาราโอเกะ หรือจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆก็สามารถทำได้ค่ะ
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
สิ่งอำนวยความสะดวก
- Grand Lobby
- Double Volume Co-Working Space
- Social Club + Workshop Area
- Gaming Recreation (Football Table, Pool Table)
- Meeting Room + Library Area
- สระว่ายน้ำ ที่ Tower A ระบบเกลือขนาด 6 x 25 ม.
- สระว่ายน้ำ ที่ Tower C ระบบเกลือขนาด 7 x 24 ม.
- Garden พื้นที่ประมาณ 2,748 ตร.ม.
- Outdoor Co-Living Area
- Playground + Street Basketball
- Jogging Track
- Fitness Area
- Mini Theater & Karaoke Room
- Sky Private Party Room
- Sky Social Club Area
สถานีบางแค
ตั้งอยู่ระหว่างซอยเพชรเกษม 62/3 และเพชรเกษม 62/4 ที่ฝั่งขาออกจะมีตลาด
บางแควิ่งยาวมาตั้งแต่เพชรเกษม 39/1 และขายตลอดทางไปจนถึงแยกบางแค ซึ่งจะ
มีผู้คนคึกคักมากเลยทีเดียว โดยจะขายตั้งแต่เช้า – เย็นสำหรับคนที่จะเดินไปรถไฟฟ้า
ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของกินเลยนะคะ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็น Tesco Lotus และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตัวสถานีนั้นจะอยู่ใกล้กับแยกบางแค ที่ถนนเพชรเกษมจะตัดกับถนนบางแค สามารถเชื่อมไปออกถนนเทอดไท และถนนกัลปพฤกษ์ได้ ซึ่งด้านในจะประกอบไปด้วยชุมชนที่อยู่อาศัยหนาแน่นขนาดใหญ่ แน่นอนว่าชุมชนเหล่านี้จะได้ใช้ประโยชน์จากรถไฟฟ้าเส้นนี้ได้แน่นอนค่ะ
ซึ่งจริงๆแล้วคอนโดในสถานียังไม่เกิดใหม่มากนัก เราเลยจะขอเอาสถานีบางแค และหลักสองมาเปรียบเทียบกัน เรามองว่าอย่าง The Prodigy ได้เปรียบเรื่องทำเล ที่อยู่เยื้องๆกับตลาดบางแค ที่เหมาะกับการเดินทางด้วยรถยนต์เนื่องจากอยู่ห่างถนนราชพฤกษ์ประมาณ 190 เมตร ซึ่งขับไปสุดที่เส้นบรมราชชนนี ทำให้เข้าเมืองย่านดุสิต หรือบางซื่อ จตุจักรง่ายกว่าไปทางเพชรเกษม ส่วนถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวให้เลือก The President เนื่องจากเป็นคอนโดที่ยูนิตน้อยที่สุด ถ้าเทียบกับสถานีอื่นๆที่ผ่านมา แต่ Facilities ก็จะไม่มากนัก พอใช้งานได้ ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์อาจจะมีข้อจำกัดสักเล็กน้อย เพราะทางเข้า-ออกหลักจะอยู่ตรงถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งถ้าใครมาจากฝั่งถนนเพชรเกษม อาจจะต้องใช้ทางรถยนต์วิ่งตัดลอดใต้ห้างเดอะมอลล์บางแค เพื่อมาออกประตูห้างฝั่งถนนกาญจนาฯกลับเข้าโครงการ เลยทำให้โครงการนี้มีราคาไม่แรงมากนัก
The Prodigy เพชรเกษม 62 จาก บริษัท จี ดี ที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมือง สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 60 ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 350 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่เดินสบาย ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 31 และ 33 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้องพัก 1,273 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ Studio – 2 Bedrooms 23 – 50.5 ตร.ม. ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.30 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished ออกแบบได้เป็นสัดส่วนดี ห้องนอนเล่นถึงแม้ว่าจะอยู่ด้านในแต่ยังได้รับแสง ที่ผ่านมาจากห้องครัวอยู่ ห้องนี้จะได้เป็นห้องครัวปิดชิดริมหน้าต่าง ทำให้ไม่มีกลิ่นเข้ามาในตัวห้อง ส่วนห้องน้ำจะต้องเข้าจากห้องนอน ซึ่งสะดวกสำหรับผู้อยู่อาศัย แต่ถ้ามีแขกมาบ้านจะต้องเดินผ่านห้องนอนก่อน ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงเล็กน้อย ห้องนอนจะชิดริมหน้าต่าง ทำให้ได้รับแสงและวิวเต็มที่
พื้นที่ส่วนกลางครบครัน ชั้นล่าง มีพื้นที่สวนหย่อมประมาณ 1 ไร่ ชั้น 6 มีสระว่ายน้ำยาว 29 เมตร และห้องฟิตเนสบริเวณใกล้สระว่ายน้ำ ซึ่งถ้าจะใช้งานต้องเดินออกมาด้านนอกก่อน
ส่วนชั้นดาดฟ้าทั้ง 2 อาคาร จะมี Sky Lounge พร้อมพื้นที่สวนมาให้ด้วย ข้อดีคือเราไม่จำเป็นต้องซื้อห้องชั้นสูง แต่ก็ยังสามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศาได้ มีที่นั่งพักผ่อนให้ลูกบ้านมาใช้บริการอีกด้วยนะคะ
สามารถอ่านรีวิวฉบับเต็ม คลิกที่นี่
สถานีหลักสอง
เป็นสถานีปลายทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค ตัวสถานีตั้งอยู่ตาม
แนวถนนเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก เป็นจุดที่คึกคักที่สุดเนื่องจากมีห้างอย่าง
The Mall บางแค ที่ถือว่าเป็นห้างขนาดใหญ่ของคนในย่านนี้ จุดเด่นของตัวสถานีคือ จะมีอาคารจอดแล้วจร 2 อาคารอยู่ทั้ง 2 ฟากฝั่งถนน ที่รองรับรถได้ถึง 1,000 คัน ซึ่งจะจอดอาคารไหนก็ได้เพราะมีสะพานเชื่อมต่อกันระหว่าง 2 อาคาร เวลาออกสามารถเลือกไปออกถนนได้ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก และยังมี Sky walk ที่เชื่อมต่อไป BTS ได้เลยค่ะ ถือว่าสะดวกทีเดียว
The President เพชรเกษม-บางแค จาก บริษัท ชัยพัฒนาที่ดิน จำกัด ตั้งอยู่ติดถนนกาญจนาภิเษก โครงการสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 60 ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 150 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่เดินสบาย ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 27 ชั้น จำนวนห้องพักมาถึง 645 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ 1 Bedroom – 2 Bedrooms 30 – 52 ตร.ม. ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 2.30 ล้านบาท (April 2019)
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished ทำออกมาได้ดี ห้องนอนเล่นกว้างสามารถวางโต๊ะทานข้าวเข้ามุมได้ ส่วนห้องนอนใหญ่จะอยู่ชิมริมอาคาร ทำให้สามารถรับแสงและวิวได้ดี ส่วนห้องครัวจะได้เป็นครัวปิดชิดริมหน้าต่าง ทำให้ไม่มีกลิ่นเข้ามารบกวนภายในตัวห้อง ห้องน้ำแยกส่วนแห้งและเปียกชัดเจน แต่ตัวห้องอยู่ชิดริมด้านใน ทำให้ต้องใช้เครื่องดูดอากาศช่วยระบายความชื้นนะคะ
พื้นที่ให้มาตามมาตราฐาน ชั้นที่ 5 มีสระว่ายน้ำและฟิตเนส ซึงเรามองว่ามีไม่มากนักถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆในละแวก แต่ก็มีจำนวนที่น้อยสุดในละแวก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
สรุป
ในด้านทำเลบนถนนเพชรเกษมนั้น เริ่มมีคอนโดเปิดใหม่มาแข่งขันกันมากขึ้น เนื่องจากรถไฟฟ้ากำลังจะเปิดให้ใช้งานในปี 62 และเชื่อว่าอนาคตน่าจะมี Developer เข้ามาจับจองพื้นที่กันมากขึ้น เนื่องจากคนซื้อส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเดินทางไปทำงานในตัวเมืองได้ง่าย รวมถึงต้องการราคาที่ไม่แรงมากนัก โดยรวมทุกโครงการจะขายแบบ Fully Furnished แต่จะมีเพียง 3 โครงการที่ขายแบบ Fully Fitted อย่าง The Key เพชรเกษม48, The Base เพชรเกษม48 และ The Parkland เพชรเกษม56
- สถานีท่าพระ
- Ideo ท่าพระ Interchange และ The Privacy ท่าพระ Interchange มีระยะห่างรถไฟฟ้าเพียง 100 เมตร เท่ากันเลยนะคะ แต่ Ideo มีราคาต่อตารางเมตรถูกกว่าประมาณ 5,000 บาทต่อตารางเมตร และขนาดห้องเริ่มต้นที่มีขนาดอยู่สบาย เหมาะอยู่ 1-2 คน ขนาด 27.5 ตร.ม. ซึ่งเรามองว่าถ้าใครมีกำลังทรัพย์เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยประมาณ 300,000 – 400,000 บาท ก็จะได้ห้องที่ใหญ่มากขึ้น ในราคาคุ้มค่ากว่า
- Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ และ Chewathai เพชรเกษม 48 มีระยะห่างจากรถไฟฟ้าพอๆกัน แต่ Aspire มี Sky Walk จาก BTS มาลงหน้าโครงการเลย รวมถึงมี Facilities มากกว่า เหมาะกับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ Chewathai ถึงจะไม่มี Sky Walk แต่ได้เปรียบเรื่องทำเลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ม.สยาม รวมถึง มียูนิตน้อยกกว่าเกือบครึ่ง ส่วนราคาต่อตารางเมตรเท่ากันเลยนะคะ แต่ Chewathai จะมีขนาดห้องเริ่มต้นที่เล็กกว่า ทำให้ราคาเริ่มต้นถูกกว่าค่ะ
- The Key เพชรเกษม 48 และ The Base เพชรเกษม 48 ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะมีราคาสูงกว่าทำเลที่แล้ว เนื่องจากเป็นแบรน์ที่เน้นลูกค้าระดับบน รูปแบบโครงการใช้วัสดุที่ดี และมาพร้อมกับความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า ตัว The Key จะใกล้ BTS มากกว่าเพียง 50 เมตร รวมถึงมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว แต่มาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างแพงพอควร ส่วน The Base จะมีราคาที่ต่ำกว่า แต่จะต้องแลกกับระยะทางที่ไกลกว่า รวมถึงให้ที่จอดรถมาไม่มากนัก
- ส่วนโครงการที่มีราคาถูกสุดคงหนีไม่พ้น Supalai Veranda สถานีภาษีเจริญ เนื่องจากทาง Developer ยังคงความคุ้มค่าของลูกบ้านไว้ ทั้งห้องขนาดใหญ่ ที่จอดรถมากถึง 58% ถ้าเทียบกับคอนโดที่เกิดขึ้นใหม่ ในราคาเริ่มต้น 1.50 ล้านบาท เป็นราคาเริ่มต้นที่ถูกที่สุดในทุกๆโครงการที่ผ่านมา ส่วนโครงการที่ให้ Facilities จัดเต็มที่สุด คือ The Parkland เพชรเกษม 56 มีทั้งหมด 3 อาคาร มีจำนวนมากถึง 2,047 ยูนิต จึงต้องทำพื้นที่ส่วนกลางมาแบบจัดเต็ม เพื่อรองรับกับจำนวนลูกบ้านภายในโครงการ เรามองว่าเขาทำออกมาได้ดีทีเดียวค่ะ
- ถ้าเทียบกัน The President เพชรเกษม-บางแค มีจำนวนยูนิตน้อยกว่าเกือบครึ่งหนึ่ง รวมถึงมีราคาต่อตารางที่ถูกกว่าประมาณ 21,000 บาท ถือว่าต่างกันมากทีเดียว นอกจากนี้ยังมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ใหญ่ถึง 30 ตารางเมตร มากที่สุดถ้าเทียบกับโครงการที่ผ่านๆมา ซึ่งถ้าเทียบกับ The Prodigy MRT บางแค ที่มีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 23 แสดงให้เห็นว่าเราสามารถซื้อคอนโดในราคาเท่ากัน แต่ The President จะได้พื้นใช้สอยภายในห้องที่มากกว่า แต่ต้องยอมรับว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ของค่อนข้างลำบากทีเดียว รวมถึงทางเดินเท้าก่อนเขาโครงการก็เดินไม่ค่อยสะดวกมากนัก หรือถ้าใครใช้ส่วนกลางบ่อยๆแนะนำ The Prodigy มากกว่า เพราะมี Facilities มาให้ครบครันทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับคอนโดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สถานีท่าพระ-หลักสอง จะเห็นว่าแต่ละโครงการก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าใครมี Lifestyle แบบไหน เน้นอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งมองแล้วขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนบุคคลมากกว่านะคะ แต่เราสามารถมาดูเปรียบเทียบในเรื่องของข้อมูลได้ว่าสิ่งที่เราต้องการจะตรงกับโครงการไหนมากที่สุด แนะนำให้เพื่อนๆ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม และลงไปเดินดูทำเลโครงการที่เราสนใจ รวมถึงลองสำรวจหลายๆโครงการ เพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดค่ะ