รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ The Base เพชรเกษม คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น ใกล้ MRT เพชรเกษม 48 เพียง 120 ม. จาก แสนสิริ [รีวิวฉบับที่ 1987]

16 พฤศจิกายน 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1348 … สวัสดีค่ะวันนี้จะพาไปชมโครงการ เดอะ เบส เพชรเกษม คอนโด High Rise 30 ชั้น ตัวใหม่จากแสนสิริ ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้สถานีเพชรเกษม48 เดินทางเข้าเมืองสะดวก เชื่อมต่อทั้ง รถ.เรือ.ราง  มีเส้นทางลัดให้หลบรถติด มี Facilities ครบครัน ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ไปชมกันค่ะ

Fact @ 9 May 2017

  • THE BASE Phetkasem เดอะ เบส เพชรเกษม)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ภาษีเจริญ
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 640 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 239 คัน คิดเป็น 37% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2563
  • 1 Bedroom (S) 23.00-24.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (M) 31.00-32.50 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 44.00-52.25 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร (ส่วนงานระบบ 2.45 เมตร)
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 95,000 าท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center : 1685

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :  13.715850, 100.447317

ทำเลของ  เดอะ เบส เพชรเกษม ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษม ข้างๆซอยเพชรเกษม29/1 ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโครงการนั่นเอง มีเส้นทางลัดให้เลี่ยงรถติดอย่างซอยเพชรเกษม48 โดยโครงจะอยู่ห่างจาก MRT สถานีเพชรเกษม48 ประมาณ 120 เมตร  จากถนนเพชรเกษมสามารถเดินทางไปทางถนน ราชพฤกษ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ หรือไปทางวงเวียนใหญ่ที่เชื่อมไปออกสาทรได้ รวม ไปถึงเส้นกัลปพฤกษ์ซึ่งสามารถใช้ไปสีลม สาทรได้สะดวก

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มอยู่บนถนนเพชรเกษม ร้านอาหารส่วนมากจะเป็นร้านในตึกแถว  มีตลาดบางแคที่เป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำให้จับจ่ายซื้อของสดของแห้งกัน ส่วนห้างที่ใกล้ๆก็มี ซีคอน บางแค, The Mall บางแค, Tesco Lotus, Big C หรือจะแวะไปเส้นราชพฤกษ์ก็มี  The Circle และ ร้านอาหาร ร้านขนมสวยๆนั่งสบายๆ อยู่หลายร้าน มีรพ.เพชรเกษม2  รพ.บางไผ่ รพ.พญาไท3 ส่วนสถานศึกษา มีมหาวิทยาลัยสยามและวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม หากโฟกัสมาที่ทำเลรอบๆโครงการ จะไม่คึกคักเท่าฝั่งตรงข้าม แต่ก็สามารถข้ามสะพานลอยไปได้ สาเหตุที่ฝั่งเลขคู่มีความคึกคักมากกว่าเนื่องจากมีซอยลัดที่สำคัญอย่าง ซอยเพชรเกษม48 ที่ลัดไปถนนบางแวกได้ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยและตึกแถวเก่าแก่ที่สร้างมานานแล้ว มี 7/11 อยู่หน้าปากซอย ช่วงต้นซอยเพชรเกษม 48 จะมีตลาด, Tesco Lotus express และมีของให้เลือกหลากหลายเลย หากต้องการซื้อขนม, ของกิน , น้ำดื่ม หรือของใช้ในบ้านเล็กๆน้อยๆก็มีให้ซื้อกันได้ครบ ในซอยมี Community mall ที่เปิดใหม่สไตล์จีน ชื่อ Dragon Mall ให้ไปกินข้าว ซื้อของ ช้อปปิ้งกันได้


จุดเด่นของทำเลที่ตั้งของโครงการคืออยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินประมาณ 120 เมตรก็ถึง มีจุดกลับรถอยู่หน้าโครงการ และสามารถใช้ซอยลัดเพชรเกษม48 เชื่อมต่อไปยังถนนบางแวกหรือซอยจรัญสนิทวงศ์13ได้ ใกล้ท่าเรือเพชรเกษม31 อีกหนึ่งตัวเลือกในการคมนาคม ทำให้การเดินทางจากโครงการไปยังสถานที่ต่างๆค่อนข้างสะดวก

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาซูมดูใกล้ๆจะเห็นว่าแปลงที่ดินจะโค้งตามแนวรางของรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นรางที่วิ่งไปศูนย์ซ่อมบำรุงพื้นที่ประมาณ 90 ไร่ อยู่ใกล้ๆกับสถานีเพชรเกษม48 หรือสถานีใกล้ๆโครงการเรานั่นแหละ ทางเข้าออกมีอยู่ทางเดียวคือจากถนนเพชรเกษม ด้านหลังโครงการติดกับคลองภาษีเจริญ ส่วนเพื่อนบ้านในระยะประชิดจะเป็นชุมชนริมน้ำ บ้านแนวราบเป็นส่วนใหญ่ เยื้องๆกันมีคอนโด Bangkok Horizon ที่เป็นตึกสูง โดยรอบๆโครงการมีแต่ละด้านติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับถนนเพชรเกษม ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ และศาลขุนด่านเจ้าพ่อเสือ
  • ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านแนวราบ
  • ทิศใต้ – ติดกับคลองภาษีเจริญฝั่งตรงข้ามเป็นชุมชนริมคลอง
  • ทิศตะวันตก – ติดกับตึกแถว บ้านพักอาศัย และโชว์รูมรถ

ตอนนี้สำนักงานขายสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่างกันได้ โดยจะอยู่บริเวณที่ตั้งของโครงการเลย ติดถนนใหญ่ ห่างจากสถานีเพชรเกษม48 ประมาณ 120 เมตร เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สะดวก โดยโครงการจะเริ่มเปิดให้จองวันที่ 20-21 พ.ค. นี้ค่ะ

การออกแบบสำนักงานขายมีการใช้ Vertical line หรือเส้นแนวตั้ง ที่มีลักษณะเป็นการ Random กันในการตกแต่ง พร้อมจัดสวนรอบโดยรอบ

ทางเดินเข้าไปที่สำนักงานขายค่ะ ร่มรื่นทีเดียว

บรรยากาศภายในสำนักงานขาย จะมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่ต้อนรับและมีโมเดลตั้งอยู่ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องตัวอย่าง หลังจากอธิบายภาพรวมโครงการครบแล้ว เราจะพาไปชมกัน

สำหรับบทวิเคราะห์ทำเลโครงการ เดอะ เบส เพชรเกษม แบบเจาะลึกเรามีเขียนไว้แล้วนะคะ สามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่ 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ศาลขุนด่านเจ้าพ่อเสือ ~ 65 เมตร
  • ม. สยาม ~ 1.4 กิโลเมตร
  • ธนาคาร ยูโอบี สำนักงานใหญ่ ~ 1.4 กิโลเมตร
  • ซีคอน บางแค ~ 1.5 กิโลเมตร
  • รพ. เพชรเกษม2 ~  1.7 กิโลเมตร
  • รพ.บางไผ่ ~ 2.4 กิโลเมตร
  • รพ.พญาไท3 ~ 2.4 กิโลเมตร
  • ตลาดบางแค ~  3.2 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus บางแค ~  4 กิโลเมตร
  • ไอที แกรนด์ บางแค ~  4.7 กิโลเมตร
  • เดอะมอลล์ บางแค ~ 5.8 กิโลเมตร
  • The Circle  ~ 7.2 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

เดอะ เบส เพชรเกษม เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 640 ยูนิต ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษม ห่างจาก MRT สถานีเพชรเกษม48 ประมาณ 120 เมตร ออกแบบด้วยแนวคิด “Living with nature” ที่ต้องการให้ความเป็นธรรมชาติของท้องถิ่นผสมผสานกับเมือง ตัวอาคารเป็นรูปคล้ายๆตัวแอล สีของตัวอาคารเป็นสีของหินเทอร์ควอยส์ อัญมณีที่เป็นตัวแทนของความเจริญก้าวหน้า และมั่งคง โดยจะมีการไล่สีจากเข้มไปอ่อน ทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น ตัดกับการใช้เส้นแนวตั้งสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีจากธรรมชาติเข้ากับ Concept  จากในภาพจะเห็นว่ามีรางรถไฟฟ้าโค้งพาดผ่าน เป็นรางไปศูนย์ซ่อมบำรุง รถไฟฟ้าจะเดินเป็นทาง Oneway ผ่านรางนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ไม่บ่อยและจะวิ่งหลังเที่ยงคืน ซึ่งเวลาและรอบการวิ่งต้องตรวจเช็คหรือรอดูกันอีกทีตอนรถไฟฟ้าสร้างเสร็จค่ะ ส่วนระดับของรางจะสูงประมาณ 15 เมตร (ประมาณชั้น 4) ซึ่งห้องพักอาศัยของเราจะเริ่มที่ชั้น 5 เป็นระยะที่พ้นรางพอดี ตัวอาคารมีระยะห่างจากรางพอสมควร ระยะร่นนี้จะถูกจัดเป็นสวนหย่อมร่มรื่น

มาดูภาพรวมจากโมเดลกันต่อ โดยโครงการจะเป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร ที่จอดรถสามารถจอดได้ทั้งรอบๆอาคารและที่ชั้น 1 – 4 เข้ามาในโครงการจะเจอกับสวนหย่อมและสนามเด็กเล่น (Play Ground) อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคาร ภายในอาคารจะมี Lobby และ Co-Working Space มีสวนหย่อมอยู่ที่ชั้น 5 อีกจุดหนึ่ง ตั้งแต่ชั้น 5-30 จะเป็นชั้นพักอาศัย การวางห้องพักส่วนใหญ่จะวางให้ทิศเหนือและทิศตะวันตกเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก 1 ห้องนอน 23.00-24.50 ตร.ม. และที่ชั้น 28 จะมี Facilities คือ สระว่ายน้ำ , ฟิตเนสอยู่

ทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ติดกับถนนเพชรเกษมเลย สำหรับใครที่เอารถเข้ามาก็จะผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาเพื่อหาที่จอดด้านใน ส่วนใครที่ไม่ได้เอารถมาก็สามารถเดินผ่านอุโมงค์ไม้เลื้อย ที่เชื่อมต่อกับที่นั่งพักผ่อน (Welcome Pavilion)

ส่วนพื้นที่พักอาศัยทิศใต้ และ ทิศตะวันออก จะเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย 1 Bedroom (M) 31.00-32.50 ตร.ม. และ 2 Bedrooms 44.00-52.25 ตร.ม. ห้อง 2 ห้องนอนจะอยู่บริเวณมุมของอาคาร ที่ด้านหลังโครงการจะมีพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนริมน้ำ 

ถัดเข้ามาที่ด้านหลังโครงการจะมีที่จอดรถกลางแจ้งและพื้นที่นั่งพักผ่อนริมน้ำอยู่ด้วย พื้นที่ริมคลองจะมีการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม เราสามารถมาใช้พักผ่อนหย่อนใจได้ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 28 จะเจอกับสระว่ายน้ำที่มีความยาว 40 เมตร และ Sky Fitness ที่มีพื้นที่แบบ Double Space เปิดรับวิวมุมสูงได้ 360 องศาเพราะรอบด้านดีไซน์มาให้เป็นกระจก ทำให้ใช้ประโยชน์ของการอยู่ในชั้นสูงๆได้เต็มที่

ภาพจำลองบรรยากาศอุโมงค์ทางเดินไม้เลื้อย (GREEN TUNNEL) คือทางเดินที่เชื่อมจากหน้าโครงการเข้าสู่ในโครงการ แนวคิดในการออกแบบพื้นที่บริเวณนี้คือการเปลี่ยนผ่านจากตัวเมืองที่วุ่นวายเข้าสู่ธรรมชาติ  ถ้าแสงมาตกกระทบจะเกิดเงาที่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลา ระหว่างทางจะมีการจัดสวน ร่มรื่นตลอดทาง และจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับที่นั่งพักผ่อน (Welcome Pavilion) ด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศ สนามเด็กเล่น (Play Ground) พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับกิจกรรมต่างๆและพื้นที่วิ่งเล่นของเด็ก ประกอบด้วย  pocket seating สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่นั่งทำงาน  นั่งคุย ที่พบปะเพื่อนฝูง หรือจะใช้เวลากับครอบครัว สำหรับเด็กๆจะมีพื้นที่วิ่งเล่น  เนินหญ้าสลับกันไปทั้งยังสอดแทรกอุโมงค์ลอด ที่ปีนป่าย บ่อทราย ดีไซน์ให้มีสีสันที่สดใส หรือจะใช้เป็นพื้นที่จัด party เชื่อมต่อกับสนามหญ้าก็ได้ 

ภาพจำลองบรรยากาศ CANAL PAVILION & FLOATING TERRACE พื้นที่นั่งเล่นริมน้ำที่เชื่อมต่อไปกับทางเดินยาวตลอดแนวลำคลอง มีจุดนอนเล่นมาให้ด้วย ออกแบบมาให้ได้บรรยากาศระเบียงริมน้ำ เราสามารถมาเดินเล่นพักผ่อนได้ โดยทางโครงการจะมีการเลือกใช้พืชพรรณที่มีกลิ่นหอมตลอดทางเดินริมน้ำเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย

ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่เดินเล่นริมคลองพร้อมกับที่นอนพักผ่อน

เข้ามาในอาคารที่ชั้นล่างจะมี  Lobby ฝ้าเพดานสูงโปร่ง ด้านข้างเป็นบานกระจกเปิดรับวิวสวนภายนอก ออกแบบโดยนำความรู้สึกของป่ายามเย็นโดยนำ form ของตัวต้นไม้ที่ถูกย้อนแสงจากดวงอาทิตย์มาใช้ในงานออกแบบ ใช้โทนสีและบรรยากาศให้เกิดความรู้สึกสงบ สบาย ผ่อนคลาย มีการผสมผสานรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ระหว่างทันสมัยและคลาสสิค

ใกล้ๆกับ Lobby จะมี CO-WORKING SPACE หรือพื้นที่นั่งทำงาน สามารถรองรับได้ทั้งแบบส่วนตัว แบบกลุ่มเล็ก หรือ การประชุมที่มาเป็นทีม มีห้อง Brainstorm Room ที่ปรับเป็น Private Theatre ได้และมีห้องสมุดให้นั่งอ่านหนังสือในบรรยากาศสงบรับวิวสวน

ที่ชั้น 5 จะมี Breezy Lounge พื้นที่สวนสำหรับเดินเล่นนั่งเล่นรับลมอย่างเป็นส่วนตัว เพราะตำแหน่งของห้องพักจะยกสูงขึ้นจากบริเวณสวน บริเวณทางเดินและที่นั่งที่ถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับระดับของไม้พุ่ม เวลาใช้งานทั้งในห้องพักและคนที่อยู่ที่สวนจะไม่เห็นกันทำให้มีความเป็นส่วนตัว ถ้าใครจะมานั่งเล่นเย็นๆ ค่ำๆก็มี Lighting ให้ด้วยนะ

ขึ้นมาที่ชั้น 28และชั้น30 จะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดหนึ่งประกอบด้วย สระว่ายน้ำยาว 40 เมตรพร้อมสระเด็ก Floating deck และ Sunken Seat ฟิตเนสจะเป็นแบบ 2 ชั้น มองเห็นวิวเมืองได้เต็มที่เนื่องจากรอบด้านเป็นกระจก ชั้นล่างจะออกแบบให้รองรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มีเครื่องเล่นต่างๆ ส่วนชั้นบนจะเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรม Active คือ Class ต่างๆเช่น Yoga Boxing Dance เป็นต้น 

อีกมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำระบบเกลือยาว 40 เมตร เป็น Infinity Edge Pool ด้วยสามารถมองเห็นวิวเมืองได้ และมีที่นั่งข้างๆสระสำหรับพักผ่อน

ภาพจำลองบรรยากาศ Facilities ที่ชั้นบนและวิวรอบๆโครงการ เราไปดูของจริงกันว่าจะเห็นวิวเป็นอย่างไรบ้าง

ทิศเหนือ ฝั่งหน้าโครงการชั้นที่ไม่สูงมากมองลงมาจะเห็นแนวรถไฟฟ้า แต่ไม่ได้บดบังทัศนียภาพมากนักเพราะชั้นพักอาศัยอยู่สูงกว่าค่ะ ส่วนในชั้นสูงๆจะเห็นเป็นวิวเปิดโล่งของชุมชนแนวราบมุ่งหน้าไป ราชพฤกษ์ บางแวก บรมราชชนนี ไม่มีตึกสูงมาบดบัง

ทิศใต้ ฝั่งท้ายโครงการติดกับคลองภาษีเจริญและชุมชนแนวราบ เป็นวิวมุ่งหน้าไปทางถนนกัลปพฤกษ์  กลุ่มอาคารด้านหลังคือ Metro Park สาทร กลุ่มคอนโด Low Rise ทางฝั่งขวาจะเห็นแนวของรางรถไฟฟ้าที่ไปศูนย์ซ่อมบำรุงด้วย 

ทิศตะวันออก เป็นวิวถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าไปทางฝั่งราชพฤกษ์ มองเห็นสถานีบางหว้าที่เป็น Interchange กับสายสีน้ำเงินอยู่ไกลๆ และจะมองเห็นชุมชนแนวราบกับคลองภาษีเจริญ ไม่มีตึกสูงในระยะประชิด มีคอนโดแนวสูงขึ้นอยู่บริเวณแยกที่ตัดกับถนนราชพฤกษ์ค่ะ

ทิศตะวันตก เป็นวิวถนนเพชรเกษมฝั่งมุ่งหน้าไปทางพุทธมณฑล มองเห็นคลองภาษีเจริญและเห็นMRTสถานีเพชรเกษม48 ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด ฝั่งนี้มีคอนโด High Rise เกาะแนวรถไฟฟ้ามาขึ้นเยอะเหมือนกัน แต่ไม่มีตึกสูงมาบดบังวิวในระยะประชิดเช่นเดียวกันค่

มาดู Master Plan กันต่อ ทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ติดกับถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากรฟม.กว้างประมาณ 13 เมตร ด้านข้างมีทางเดินและสวนหย่อม เข้ามาในโครงการจะเจอกับสวนหย่อมและที่จอดรถกลางแจ้ง ที่จอดรถนอกจากกลางแจ้งแล้วยังสามารถเข้าไปจอดในอาคารชั้น 1-4 ได้อีก ไม่รวมซ้อนคันประมาณ 37% มี Drop-off อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้า Lobby ให้วนรถรับ-ส่ง พื้นที่ฝั่งที่อยู่ติดกับแนวรางรถไฟฟ้าจะมีพื้นที่เปิดโล่ง โครงการทำเป็นสวนหย่อม สนามเด็กเล่นและพื้นที่อเนกประสงค์ ส่วนด้านหลังโครงการฝั่งริมคลองภาษีเจริญจัดเป็นสวนและพื้นที่พักผ่อนให้เรามานั่งเล่น เดินเล่นริมน้ำได้ ซึ่งทางโครงการจะปรับทัศนียภาพพื้นที่ริมคลองให้สวยงาม ในตัวอาคารที่ชั้นล่างจะมี Lobby และ Co-Working space และสำนักงานนิติบุคคล 

ขึ้นมาที่ชั้น 5 จะมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่งสามารถมาใช้นั่งเล่นพักผ่อนได้ สวนนี้ระดับพื้นจะต่ำกว่าโซนห้องพักจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวเวลาออกมาใช้งาน ตัวอาคารเป็นรูปคล้ายๆตัวแอล ที่ฐานเฉียงๆหน่อย วางผังให้ลิฟท์ค่อนมาตรงกลาง ทำให้เดินไปห้องพักแต่ละตำแหน่งได้สะดวก บริเวณโถงลิฟท์ก่อนเข้าโซนห้องพักจะมีการกั้นประตูอีกจุดหนึ่งเพื่อความเป็นส่วนตัว ข้อดีคือไม่มีประตูห้องไหนที่หันชนกับลิฟท์แบบจังๆเลย มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์บริการ 1 ตัว ชั้นนี้มีจำนวนห้องพัก 26 ห้องต่อชั้น การวางผังจะคล้ายๆกันทุกชั้นคือทางทิศเหนือและทิศตะวันตก ส่วนใหญ่จัดเป็นห้องขนาดเล็ก 1 Bedroom (S) 23.00-24.50 ตร.ม. ทิศนี้ถ้ามองลงมาจะได้วิวเป็นสวนหย่อม ส่วนทางทิศใต้และทิศตะวันออกจัดเป็น 1 Bedroom (M) 31.00-32.50 ตร.ม. มีห้อง 2 Bedrooms 44.00-52.25 ตร.ม. อยู่บริเวณหัวมุมค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 6 การวางผังคล้ายกันเลยค่ะ แต่ไม่มีสวนหย่อมแล้ว เป็นชั้นที่มีแต่ห้องพักอาศัยล้วนๆเลย ส่วนในชั้น 7-26 ผังก็จะคล้ายๆแบบนี้เช่นกัน

ชั้น 27 มีห้องพักเพียง 15 ห้องเป็นส่วนตัวกว่าหน่อย เพราะพื้นที่ที่เหลือถูกใช้เป็นส่วน Service ของสระว่ายน้ำ

ชั้น 28 จะมีห้องพักเพียง 10 ห้อง นอกนั้นจะเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำและฟิตเนส คนที่อยู่ชั้นนี้จะเดินมาใช้ Facilities ได้สะดวกมากๆ น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายและชมวิวสวยๆ ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัวก็จะมีประตูกั้นให้ระหว่างโซนห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางค่ะ สระว่ายน้ำในชั้นนี้จะมีทั้งสระผู้ใหญ่ สระเด็ก พื้นที่นั่งพักผ่อน และ Sunken Seat ฟิตเนสเป็นแบบ 2 ชั้น มองเห็นวิวเมืองได้เต็มที่เนื่องจากรอบด้านเป็นกระจก ชั้นล่างออกแบบให้รองรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มีเครื่องเล่นต่างๆ ส่วนชั้นบนจะเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรม Active คือ Class ต่างๆเช่น Yoga Boxing Dance เป็นต้น 

ชั้น 29 ผังส่วนห้องพักคล้ายกับชั้น 28

ส่วนชั้น 30 ชั้นบนสุดจะเป็นชั้นบนของฟิตเนส โดยห้องพักจะมีถึงชั้นนี้เลยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby Lounge
  • สนามเด็กเล่น
  • Co – working space
  • สระว่ายน้ำยาว 40 ม. และสระเด็ก
  • ห้องออกกำลังกาย 2 ชั้น
  • สวนส่วนกลาง พร้อมพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง
  • ห้องซักผ้า
  • อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงต้อนรับและส่วนสันทนาการ
  • จุดบริการชาร์ตแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 214 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 239 คัน คิดเป็น 37% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

สำหรับห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมกัน ทางโครงการทำให้ดู 2 แบบคือ 1 Bedroom 24.00 ตร.ม. และ 1 Bedroom 31.75 ตร.ม. ขายแบบ Fully-Fitted คือมีให้เฉพาะรายการมาตรฐานอย่างครัว แอร์ สุขภัณฑ์ และ ฉากกั้นอาบน้ำ ให้ของวัสดุที่ค่อนข้างดี ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร ห้องพักจะมีให้เลือกดังนี้

  • 1 Bedroom (S) 23.00-24.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (M) 31.00-32.50 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 44.00-52.25 ตร.ม.

เริ่มจาก 1 Bedroom 24.00 ตร.ม.ก่อน ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับ Living Area วางโซฟาได้ 2 ที่นั่งและข้างๆโซฟามีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะอาหารหรือโต๊ะทำงานได้ ต่อเนื่องกันเป็นพื้นที่ของห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ มีข้อดีคือช่วยให้ห้องดูโปร่ง สามารถเลื่อนเปิดประตูใช้พื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนอนให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ แต่ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น เวลาเราจะนอนก็สามารถหาม่านหรือมูลี่มาปิดได้ ห้องนอนปลายเตียงจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า มีหน้าต่างอยู่ที่ผนังด้านข้าง ส่วนอีกฝั่งของห้องเป็นครัวและห้องน้ำ ครัวเป็นครัวปิดมีกั้นด้วยประตูบานเลื่อน สามารถทำอาหารได้เต็มที่กว่าครัวเปิด และยังเชื่อมต่อกับระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศได้ นอกจากนั้นระเบียงยังใช้ชมวิวและซักล้างได้อีกด้วย ห้องน้ำอยู่ถัดจากครัว แยกส่วนแห้งส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำมาให้ครบ เป็นสัดส่วนดีค่ะ ไปดูห้องกันเลยดีกว่า

บานประตูเป็นบานเรียบๆสีขาวหน้าตาแบบนี้ สูง 2.20 เมตร มีติดตั้ง Digital Door Lock มาให้

Digital Door Lock เป็นของ Yale เป็นแบบที่ใช้ได้ครบทั้ง กดรหัส คีย์การ์ด กุญแจ สแกนนิ้วมือ และ ยังใช้กับ Rabbit Card ได้ด้วย ส่วนรายละเอียดนั้นสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โครงการค่ะ

เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก่อน ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ สูงจากพื้นถึงฝ้า ซึ่งทางโครงการให้เรามาแบบนี้เลย สังเกตว่าห้องจะดูโปร่งเพราะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างที่อยู่ในห้องนอนเข้ามา ทางฝั่งขวาจะเป็นครัว ระเบียง และ ห้องน้ำ ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.55 เมตร พื้นเป็นลามิเนตลายไม้ ของจริงให้แบบ Fully-Fitted ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้นะ

บรรยากาศฝั่งหน้าห้องค่ะ ในห้องตัวอย่างเค้าวางโซฟายาวตลอดแนวผนังเลย แล้วหาโต๊ะทานข้าวมาวางเสริมเอา แต่ถ้าเราอยากแต่งห้องแบบมีโต๊ะทานข้าวเป็นสัดส่วนไปเลยก็ทำได้นะ โดยลดขนาดโซฟาลงค่ะ

ฝั่งตรงข้ามวางตู้วางทีวีได้ทั้งแนวผนัง ถ้าอยากใช้พื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าก็จัดเป็นพื้นที่ชั้นวางแบบติดผนังไปเลย  ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรค่ะ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบนี้

ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำ

ซึ่งสามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา รองรับการใช้งานของเราได้ว่าอยากจะเปิดฝั่งไหน

ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต ด้านข้างเป็นหน้าต่างเปิดรับแสง ใช้ชมวิวหรือเปิดรับลมได้

ข้างเตียงทางฝั่งซ้ายมีระยะเหลือประมาณ 30 cm. ทางฝั่งขวามีระยะประมาณ 50 cm. สามารถวางโต๊ะข้างเตียงชุดเล็กๆได้

ปลายเตียงมีระยะให้เดินผ่านได้สบายๆค่ะ

มีหน้าต่างอยู่ข้างเตียงเปิดได้ 1 บาน นอกนั้นเป็นบาน Fix

ปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

ในห้องตัวอย่างจัดพื้นที่แบ่งเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอย่างละครึ่ง แต่ถ้าเราอยากได้ตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆก็ทำเต็มแผงเลยก็ได้นะ แต่ต้องระวังระยะการติดตั้งแอร์นิดนึง

ออกมาจากห้องนอนจะเป็นทางไปห้องครัวค่ะ ซึ่งครัวจะเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงจากพื้นถึงฝ้าตามในห้องตัวอย่างเลย

ในห้องครัววางเคาน์เตอร์ได้เป็นรูปตัว I-Shape มีระยะผนังถึงเคาน์เตอร์ประมาณ 90 cm. เป็นระยะที่หมุนตัว หยิบจับอะไรได้สะดวก เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงเวลาทำอาหารผัดๆทอดๆก็เปิดประตูระบายอากาศได้

อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวได้ของ hafele

เตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวของ hafele  เช่นเดียวกัน

เครื่องดูดควันก็ของ hafele  ค่ะ

ด้านล่างเคาน์เตอร์มีช่องสำหรับใช้วางไมโครเวฟมาให้ด้วย

พื้นที่ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งเวลาเปิดจะทำให้ได้ช่องเปิดค่อนข้างกว้าง

พื้นที่ระเบียงนอกจากใช้ชมวิวแล้ว ยังเป็นพื้นที่ซักล้างและวาง Condensing Unit ของแอร์อีกด้วย มีระแนงบังสายตาบริเวณด้านที่แขวน CDU ช่วยให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น สีผนังตรงระเบียงจะมีลูกเล่นคือจะเป็นสีเดียวกันผนังด้านนอก อย่างที่บอกไปว่าตัวอาคารจะมีการทาไล่สีจากเข้มไปอ่อน ใครอยากได้สีไหนก็ลองไปเล็งกันดูค่ะ

มีพื้นที่ระเบียงประมาณ 1.10 x 1.15 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานและทำความสะอาด

ฝั่งตรงข้ามระเบียงเป็นห้องน้ำ

ห้องน้ำแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ พื้นและผนังปูกระเบื้องเซรามิค

จากพื้นห้องครัวลงมาห้องน้ำมีลดระดับลงมาเล็กน้อย ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็มีการยกธรณีขึ้นมากั้นค่ะ

อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆกัน บริเวณผนังด้านหลังมีการก่อขึ้นมาให้สามารถวางของใช้เล็กๆน้อยได้

ด้านบนของอ่างล้างหน้าจะมีติดตั้งกระจกเงาส่องหน้ามาให้

อ่างล้างหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard

โถสุขภัณฑ์ก็ American Standard เช่นเดียวกัน

พื้นที่อาบน้ำมีกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำมาให้

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.80 x 1.45 เมตร ค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm.

พื้นที่ส่วนอาบน้ำติดตั้งเป็นผนังโมเสค มีเผื่องานระบบสำหรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ครบ

ซูมหน้าตาของฝักบัวค่ะ ซึ่งสามารถปรับรูปแบบของน้ำได้

อีกห้องหนึ่งที่จะพาไปชมคือ 1 Bedroom 31.75 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้เป็นผังแบบใหม่ที่จัดให้มี Multipurpose Area ที่สามารถปรับเป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน หรือ Walk-in Closet ได้สบายๆ เชื่อมต่อกับระเบียง และจัดให้ห้องรับแขกมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าห้องก่อนหน้า จัดพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัวมากขึ้น ส่วนห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนเดิม ครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนเหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องที่เป็นสัดส่วนหรืออยู่กันหลายคนมากขึ้น

เข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดไปเป็นห้องนอนกั้นด้วยบานเลื่อนกระจก ทางฝั่งซ้ายเป็นทางไปห้องน้ำและห้องครัว ผังจะคล้ายๆกับห้องแบบ 24 ตร.ม.แต่ได้พื้นที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างกว่า และจะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาด้วยค่ะ เดี๋ยวเราค่อยๆไปดูกัน

มุมมองย้อนกลับไปที่หน้าห้อง ระยะดูทีวีประมาณ 2.45 เมตร สามารถวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งและโต๊ะทำงาน (ใช้เป็นโต๊ะอาหารแทนได้) ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่ทำเป็นตู้วางทีวีหรือตู้เก็บของได้ทั้งแนว

แอร์ทางโครงการแถมมาให้ของ Trane จำนวนเครื่องและBTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้องค่ะ

ระหว่างชั้นวางทีวีกับทางไปห้องนอน จะเป็นห้องครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เวลาจะทำอาหารสามารถเลื่อนมาปิดได้

ห้องครัวจะอยู่ติดกับห้องน้ำ ชุดครัวได้แบบนี้เลยค่ะ เป็นครัวปิดกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนสามารถกันกลิ่นเวลาประกอบอาหาร ในเรื่องระบายอากาศสามารถใช้เครื่องดูดควันและพัดลมระบายอากาศช่วยได้

เคาน์เตอร์ครัวที่เราได้ Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว หน้าบานทั้งหมดเป็นลามิเนตลายไม้ ได้ครบทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และ อ่างล้างจาน ที่ตู้ด้านล่างมีช่องใส่ไมโครเวฟมาให้ด้วย

ทุกอย่างได้เหมือนกับห้องก่อนหน้าค่ะ ยี่ห้อ Hafele

ข้างๆมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ด้านบนตู้เย็นเป็นตำแหน่งของตู้ควบคุมไฟฟ้า

ในห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งกับส่วนเปียกเป็นสัดส่วน พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกบานเลื่อน อุปกรณ์และวัสดุทุกอย่างให้เหมือนกับห้อง 1  Bedroom 24 ตร.ม. ค่ะ

ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาส่องหน้า ได้ตามนี้เลย

ฝั่งตรงข้ามเป็นโถสุขภัณฑ์ ผนังด้านข้างติดที่วางทิชชู่มาให้ ใช้งานสะดวกไม่ต้องเอื้อมมือไปหยิบไกล

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ตามในภาพเลย

มือจับบานเลื่อนทำเป็นครีบออกมาแบบนี้

พื้นที่อาบน้ำห้องนี้ขนาดประมาณ 0.80 x 1.80 เมตร เป็นขนาดที่ค่อนข้างกว้างอยู่นะ

พื้นที่อาบน้ำปูโมเสคมาให้เช่นเดียวกันค่ะ ด้านข้างมีช่องสำหรับวางของ มีติดตั้งงานระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย

ออกมาจากห้องครัวและห้องน้ำจะเจอกับพื้นที่ที่ต่อเนื่องกันของห้องนั่งเล่นและห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้

บานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอนค่ะ กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีดำ หน้าบานเป็นกระจกใส ทำให้ห้องดูโปร่ง

ห้องนอนวางเตียงได้ 5 ฟุต ข้างเตียงมีหน้าต่าง ส่วนปลายเตียงจะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ

ช่องแสงในห้องนอน ขนาดมาถือว่าโอเคนะ ได้แสงส่องผ่านมากระจายทั่วถึงทั่งห้องแต่รูปแบบจะสามารถเปิดได้แค่ตำแหน่งขวาบนเท่านั้น

ทั้ง 2 ฝั่งของเตียงมีระยะเหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงค่ะ ส่วนเตียงวางได้ขนาดประมาณ 5 ฟุตนะ

มีระยะทางเดินปลายเตียงอยู่ที่ 50 ซม. เดินผ่านไปมาได้โอเค

ฝั่งปลายเตียงที่บอกว่าเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ มีประตูบานเลื่อนกั้นมาให้เป็นสัดส่วนดี ห้องนี้สามารถปรับใช้ทำได้ทั้ง Walk-in Closet และ ห้องทำงาน ได้ตามความต้องการและความชอบของเราเลย

อย่างในห้องตัวอย่างจัดเป็น Walk-in Closet

ในห้องนี้จะมีทางออกไปที่ระเบียงด้วย ถ้าเราจัดห้องเป็นพื้นที่ Walk-in Closet  พอซักผ้า ตากผ้าเสร็จก็เอามาเข้าตู้ได้เลยสะดวกดี แต่ถ้าจัดเป็นห้องทำงานก็สามารถชมวิวได้

ระเบียงจัดเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและ Condensing Unit มีระแนงกั้นมาให้เรียบร้อย

พื้นที่ระเบียงขนาดพอเหมาะต่อการใช้งาน ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm.

Condensing Unit ของแอร์ 2 ตัว แขวนไว้ด้านบนเป่าลมร้อนออกข้างนอก เวลาเราออกมาใช้งานพื้นที่ระเบียงก็จะไม่โดนลมร้อนเป่า

มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าเป็นสัดส่วนค่ะ

สำหรับห้องอื่นๆที่ไม่มีห้องตัวอย่างโชว์ก็จะมี 1 Bedroom 32 ตร.ม. ห้องนี้เป็นห้องที่กั้นทุกห้องเป็นสัดส่วนหมดเลย เข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ได้พื้นที่ครัวใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าวได้ในห้องครัวเลย ข้อดีคือทำอาหารหรือเตรียมอาหารเสร็จก็ทานในห้องได้เลย เป็นสัดส่วน และห้องนี้ยังเชื่อมต่อกับระเบียงสามารถเปิดประตูระบายอากาศได้ ห้องน้ำอยู่บริเวณฝั่งหน้าห้อง แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ส่วนห้องนอนมีกั้นห้องด้วยผนังทึบมาให้จะเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวค่ะ

2 Bedroom 44 ตร.ม. ห้องนี้วางผังแบ่งพื้นที่เป็นส่วน Private และ Public ชัดเจน เข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ ตำแหน่งโต๊ะอาหารจะวางอยู่กลางห้องไม่ค่อยเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ต้องเลือกโต๊ะที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ห้องครัวเป็นครัวปิด ส่วนห้องน้ำออกแบบมาให้ใช้ร่วมกันได้ส่วนกลางและห้องนอนใหญ่ ห้องนอน 2 ห้องทำออกมาขนาดใกล้เคียงกันค่ะ 

2 Bedroom 49.75 ตร.ม. ห้องนี้อยู่ตรงหัวมุมทั้ง 2 ฝั่งของอาคารพอดี รูปทรงจึงไม่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีด้านหนึ่งเฉียงออกหน่อยแต่ก็จัดพื้นที่ใช้สอยออกมาได้ค่อนข้างลงตัว เข้าห้องมาจะเจอกับครัวเปิดก่อน เหมาะกับเตรียมอาหารเบาๆ ไม่เน้นทำอาหารที่มีกลิ่น ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันของพื้นที่รับประทานอาหารและนั่งเล่น อีกฝั่งเป็นห้องนอนอีก 2 ห้อง ห้องนอนเล็กวางเตียงได้ขนาด 3.5 ฟุต ห้องนี้จะได้ระเบียงด้วย ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีขนาดห้องใหญ่กว่า ไม่มีระเบียงแต่ได้หน้าต่างแบบ Bay Window แทน ห้องน้ำวางอยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอน 2 ห้อง แยกส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน สามารถเข้าได้ทั้งจากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนใหญ่

2 Bedroom 51 ตร.ม. เข้าห้องมาจะเจอส่วนรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับส่วนนั่งเล่นก่อน ขนาดพื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้าง ห้องนั่งเล่นวางโซฟาแบบ Daybed ได้ ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำและห้องครัว ห้องครัวเป็นครัวปิดเชื่อมต่อกับระเบียง สามารถซักล้างหรือเปิดประตูระบายอากาศได้สะดวก ห้องน้ำมีอยู่ห้องเดียวเข้าได้ทั้ง 2 ทางทั้งจากครัวและบริเวณห้องทานข้าว,นั่งเล่น ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นห้องนอน 2 ห้องขนาดพอๆกันเลย ไม่มีห้องน้ำในตัวต้องออกมาใช้ร่วมกันค่ะ

2 Bedroom 52.25 ตร.ม. เข้ามาจะเจอกับพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารและนั่งเล่น ติดๆกับส่วนนั่งเล่นเป็นระเบียง ห้องน้ำมีอยู่ 1 ห้องบริเวณหน้าห้องทางฝั่งขวา เข้าได้ทั้งจากห้องนอนใหญ่และห้องนั่งเล่น ห้องครัวกั้นแยกเป็นครัวปิดเป็นสัดส่วนอยู่หน้าห้องทางฝั่งซ้าย ถัดเข้าไปด้านในมีห้องนอนขนาดพอๆกัน 2 ห้องอยู่ตรงข้ามกัน จากการสังเกตจะเห็นว่าห้อง 2 ห้องนอนของโครงการนี้ มักจะจัดพื้นที่ให้ห้องนอนทั้ง 2 มีขนาดใกล้เคียงกันเหมาะสำหรับเพื่อนหรือพี่น้องที่อยู่ด้วยกัน ต้องการห้องขนาดพอๆกัน หรือ กลุ่มครอบครัวที่ซื้อเพื่อลูกโตไปเลยทีเดียว แต่ก็จะได้ห้องน้ำเพียงห้องเดียวค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 May 2017

  • 1 Bedroom (S) 23.00-24.50 ตร.ม. ราคา 1.99 – 2.62 ล้านบาท 
  • 1 Bedroom (M) 31.00-32.50 ตร.ม. ราคา 2.44 – 3.40 ล้านบาท 
  • 2 Bedrooms 44.00-52.25 ตร.ม. ราคา 4.31 – 5.40 ล้านบาท 

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • เงินจอง 20,000-30,000 บาท
  • เงินทำสัญญา 30,000 – 60,000 บาท
  • เงินดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 27 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 57 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ  เดอะ เบส เพชรเกษม ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษม ข้างๆซอยเพชรเกษม29/1 ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโครงการนั่นเอง มีเส้นทางลัดให้เลี่ยงรถติดอย่างซอยเพชรเกษม48 โดยโครงจะอยู่ห่างจาก MRT สถานีเพชรเกษม48 ประมาณ 120 เมตร  สำหรับความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มอยู่บนถนนเพชรเกษม ร้านอาหารส่วนมากจะเป็นร้านในตึกแถว  มีตลาดบางแคที่เป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำให้จับจ่ายซื้อของสดของแห้งกัน ส่วนห้างที่ใกล้ๆก็มี ซีคอน บางแค, The Mall บางแค, Tesco Lotus, Big C หรือจะแวะไปเส้นราชพฤกษ์ก็มี  The Circle และ ร้านอาหาร ร้านขนมสวยๆนั่งสบายๆ อยู่หลายร้าน มีรพ.เพชรเกษม2  รพ.บางไผ่ รพ.พญาไท3 ส่วนสถานศึกษา มีมหาวิทยาลัยสยามและวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม หากโฟกัสมาที่ทำเลรอบๆโครงการ จะไม่คึกคักเท่าฝั่งตรงข้าม แต่ก็สามารถข้ามสะพานลอยไปได้ สาเหตุที่ฝั่งเลขคู่มีความคึกคักมากกว่าเนื่องจากมีซอยลัดที่สำคัญอย่าง ซอยเพชรเกษม48 ที่ลัดไปถนนบางแวกได้ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยและตึกแถวเก่าแก่ที่สร้างมานานแล้ว มี 7/11 อยู่หน้าปากซอย ช่วงต้นซอยเพชรเกษม 48 จะมีตลาด, Tesco Lotus express และมีของให้เลือกหลากหลายเลย หากต้องการซื้อขนม, ของกิน , น้ำดื่ม หรือของใช้ในบ้านเล็กๆน้อยๆก็มีให้ซื้อกันได้ครบ ในซอยมี Community mall ที่เปิดใหม่สไตล์จีน ชื่อ Dragon Mall ให้ไปกินข้าว ซื้อของ ช้อปปิ้งกันได้

การเดินทางโดยใช้รถ สามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้ไม่ยาก ใช้เส้นทางได้ทั้งถนนเพชรเกษมตรงไปออก ถนนราชพฤกษ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ หรือออกไปวงเวียนใหญ่เชื่อมไปออกสาทรได้  ถ้าจะใช้เส้นพุทธมณฑลสาย 1,2 ก็สามารถไปออกถนนบรมราชชนนีได้ ส่วนเส้นกาญจนาภิเษกก็สามารถใช้ยิงยาวไปฝั่งบางใหญ่หรือพระราม 2 หรือจะใช้ถนนบางแคมาออกเส้นกัลปพฤกษ์เพื่อไปออกสาทร สีลมก็ได้ค่ะ สำหรับความสะดวกอีกอย่างคือจะมีที่กลับรถอยู่บริเวณหน้าโครงการเลย ไม่ต้องไปวนหาที่กลับรถไกลๆ ช่วยการเดินทางได้มากโดยเฉพาะเวลารถติด และสามารถมาขึ้นทางด่วนได้บริเวณทางด่วนส่วนต่อขยายศรีรัช

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ จึงเรียกรถได้ง่าย มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือรถสองแถววิ่งผ่านตลอดทั้งวัน สำหรับรถไฟฟ้าคงต้องอดใจรออีกซักระยะ  โดยตัวโครงการจะอยู่ห่างจาก MRT สถานีเพชรเกษม48 ประมาณ 120 เมตรอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ โดย “สถานีเพชรเกษม 48” ตั้งอยู่ตามแนวถนนเพชรเกษม ระหว่างซอยเพชรเกษม 31/1 และซอยเพชรเกษม 46/2 สามารถเดินทางไป Interchange กับสถานีบางหว้าทำให้วิธีการเข้าเมืองมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น

วัสดุ จัดมาให้ค่อนข้างเหมาะสมกับราคา ได้กระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่เต็มบาน ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของห้องสูง 2.55 เมตร , พื้นเป็นลามิเนตลายไม้ 8 mm. กระเบื้องห้องน้ำและระเบียงเป็นกระเบื้องผิวด้านขนาด 30×30 cm. ได้แอร์ ของ TRANE  เฟอร์ได้แบบ Fully Fitted ชุดครัวได้ Kitchen&Sink + Hob&Hood มีหน้าบานทั้งบนล่าง Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ฉากกั้นได้ทั้งครัวและห้องน้ำ วัสดุในห้องน้ำของ American Standard พร้อม Digital Doorlock

การออกแบบ ได้แนวคิดมาจาก “Living with nature” ที่ต้องการให้ความเป็นธรรมชาติของท้องถิ่นผสมผสานกับเมือง ตัวอาคารเป็นรูปคล้ายๆตัวแอล สีของตัวอาคารเป็นสีของหินเทอร์ควอยส์ อัญมณีที่เป็นตัวแทนของความเจริญก้าวหน้า และมั่งคง โดยจะมีการไล่สีจากเข้มไปอ่อน ทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น ตัดกับการใช้เส้นแนวตั้งสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีจากธรรมชาติ  การวางชั้นพักอาศัยจะคล้ายๆกันทุกชั้นคือทางทิศเหนือและทิศตะวันตก ส่วนใหญ่จัดเป็นห้องขนาดเล็ก 1 Bedroom ขนาดเล็ก ส่วนทางทิศใต้และทิศตะวันออกจัดเป็น 1 Bedroom  31.00-32.50 ตร.ม. และ 2 Bedrooms 44.00-52.25 ตร.ม. อยู่บริเวณหัวมุมค่ะ ส่วนการออกแบบตัวห้องพักทำออกมาได้ดีทั้งห้องขนาดเล็ก 24 ตร.ม.ก็จัดให้มีบานเลื่อนกระจกดึงแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง ห้อง 1 ห้องนอน 31.75 ตร.ม.มีฟังก์ชั่นพิเศษคือห้องเอนกประสงค์ สามารถปรับใช้เป็น Walk-in Closet หรือ ห้องทำงานได้ ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนออกแบบมาให้ขนาดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องพอๆกัน มีข้อดีสำหรับเพื่อนหรือพี่น้องที่อยู่ด้วยกัน ต้องการห้องขนาดพอๆกัน หรือ กลุ่มครอบครัวที่ซื้อเพื่อลูกโตไปเลยทีเดียว แต่ก็จะได้ห้องน้ำเพียงห้องเดียวค่ะ

สาธารณูปโภค โครงการนี้จัดมาให้เยอะและน่าใช้พอสมควร มีสวนหย่อมและสนามเด็กเล่น (Play Ground) อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคาร ภายในอาคารมี Lobby และ Co-Working Space หลังโครงการฝั่งริมคลองภาษีเจริญจัดเป็นสวนและพื้นที่พักผ่อนให้เรามานั่งเล่น  มีสวนหย่อมอยู่ที่ชั้น 5  ออกแบบให้ระดับพื้นจะต่ำกว่าโซนห้องพักจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวเวลาออกมาใช้งาน และจุดเด่นเลยของโครงการนี้คือมีพื้นที่ส่วนกลางพวก Sky Facilities ที่ชั้นบนสุดซึ่งเราจะได้ Take view ไปด้วย โดยที่ชั้น 28 จะมีสระว่ายน้ำและฟิตเนสอยู่ สระว่ายน้ำยาว 40 เมตรพร้อมสระเด็ก Floating deck และ Sunken Seat ฟิตเนสจะเป็นแบบ 2 ชั้น มองเห็นวิวเมืองได้เต็มที่เนื่องจากรอบด้านเป็นกระจก ชั้นล่างจะออกแบบให้รองรับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ มีเครื่องเล่นต่างๆ ส่วนชั้นบนจะเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรม Active คือ Class ต่างๆเช่น Yoga Boxing Dance เป็นต้น 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 95,000 บาท/ตร.ม., 9 May 2017

  • ทำเล 8/10 – ทำเลฝั่งธนฯ ติดถนนใหญ่ ห่างสถานีเพชรเกษม48 ระยะ 120 ม.
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ ที่กลับรถอยู่หน้าโครงการ มีซอยลัดไว้หนีรถติด ไม่ไกลจากทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – สะดวกใกล้รถไฟฟ้า ติดถนนใหญ่ เรียกรถสะดวก เดินไปขึ้นเรือได้
  • วัสดุ 7/10 – ให้มาครบและคุณภาพค่อนข้างดี ได้ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ แต่ไม่มีเฟอร์
  • แบบ 8/10 – ออกแบบสวยน่าใช้ มี Concept จัดผังห้องลงตัว
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาครบครัน บวกคะแนนที่มี Facilities รับวิวที่ชั้นบนสุด

  • UPPER CLASS
  • 7.93 / 10.00

BOTTOM LINE

เดอะ เบส เพชรเกษม เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำเลฝั่งธนฯหรืออาจทำงานในเมืองเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้าง เดินทางสะดวกมีเส้นทางลัดให้หนีรถติด ชอบใช้ Facilities มีห้องพักให้เลือกหลายแบบ  มีงบประมาณประมาณ 1.99 – 5.40 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 14,000 – 38,000 บาท/เดือน

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )