Trend ห้องเพดานสูง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าห้อง “Loft” กำลังเป็นที่สนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องการจะอยู่ในเมืองแต่อยากได้ห้องอารมณ์เหมือนบ้านที่มี 2 ชั้น เพราะชื่นชอบห้องที่มีความสูงโปร่งจากการได้ช่องเปิดแบบ Double Space แต่ห้องลักษณะนี้ก็แลกมากับราคาที่สูงกว่าห้องปกติ เป็นห้อง Limited ที่มีโฉนดเพียงแค่พื้นที่ชั้นล่างแต่ชั้นลอยถูกเคลมว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะแตกต่างจากห้อง Duplex ที่เราคุ้นเคยกัน ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เราจึงได้เห็นห้อง Loft ที่มีขนาดกะทัดรัดลงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เห็นกันบ่อยที่สุดคือขนาดไม่เกิน 40 ตารางเมตร ทำให้เกิดคำถามขึ้นมามากมายว่า “ ห้องเพดานสูงมีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไร?” หรือ “ถ้ามีงบประมาณ 3 – 5 ล้าน อยากได้ห้องเพดานสูง จะได้ห้องแบบไหน?”

สำหรับคนที่ไม่ได้ตามอัพเดทข่าวโครงการเปิดใหม่อยู่ตลอด อาจจะไม่ทราบว่าห้องเพดานสูง ก็มีการออกแบบที่หลากหลาย วันนี้จึงอยากพาทุกคนไปชมห้องเพดานสูงขนาดเล็ก – กลาง พื้นที่ไม่เกิน 40 ตร.ม. ที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ถึง 5 ล้านบาท ในหลายๆ โครงการ เพื่อจะได้ทราบถึงข้อดี – ข้อเสียของห้องแบบต่างๆ จะมีห้องแบบไหนให้เลือกบ้าง และจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่ ไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ

สำหรับใครที่อยากลงลึกรายละเอียดว่าห้อง Loft และ Duplex แตกต่างกันอย่างไร สามารถคลิกอ่านเพิ่มเติมได้จาก บทความ Loft vs Duplex ต่างกันอย่างไร นี้เลย

ห้อง Loft ขนาดไม่เกิน 40 ตร.ม. เป็นอย่างไร

ห้องเพดานสูง (Loft) ขนาดไม่เกิน 40 ตารางเมตร ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบห้อง 1 Bedroom เป็นห้องขนาดเล็กถึงปานกลาง มีการจัดพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนแบบกะทัดรัด เหมาะกับการพักอาศัย 1-2 คน สามารถดูแลและทำความสะอาดได้ง่าย จุดไฮไลท์คือบริเวณ Common Area ที่ได้ Double Space ทำให้ห้องได้ช่องแสงขนาดใหญ่ จึงดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษ และได้พื้นที่ใช้สอยในแนวตั้ง จึงทำตู้วางของสูงๆได้ แขวนโคมไฟระย้าสวยๆได้

ส่วนข้อเสียของห้องแบบนี้คือ การใช้งานชั้นบนที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดอยู่ตลอด ถ้าอยากจะเข้าห้องน้ำเวลากลางคืนจะต้องเดินลงบันไดมาเข้าชั้นล่าง ขนาดของห้องไม่ใหญ่มาก สำหรับคนมีของเยอะอาจจะมีที่เก็บไม่ค่อยเพียงพอ และการทำครัวหากไม่มีการกั้นห้องที่ดีและมิดชิด กลิ่นอาหารก็จะลอยไปทั่วทั้งห้องได้ อีกข้อจำกัดของห้อง Loft คือ เรื่องของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะต้องใช้แอร์ขนาด BTU ใหญ่ๆ หน่อยเพื่อจะทำความเย็นได้ทั่วห้อง เพราะพื้นที่ห้องมีความสูงมากกว่าห้องปกติ หรือต้องกั้นห้องที่ชั้นบนเพิ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้แอร์จากชั้นบนไหลลงมาชั้นล่าง จะทำให้เปลืองไฟค่ะ สำหรับชั้นลอยของห้อง Loft จะไม่ได้สูงเท่าห้อง Duplex นะ ทำให้ความสะดวกสบายในการใช้งานพื้นที่ชั้นบนต่างกัน ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นมาหลายๆที่ ก็จะทำความสูงมาตั้งแต่ 1.5 ม. ไปจนถึงประมาณ 2 ม. นะคะ

สิ่งสำคัญในการเลือกห้อง คือการเลือกห้องที่ออกแบบและจัดวางฟังก์ชันได้ดี และลดข้อเสียออกมาให้ได้มากที่สุดนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วฟังก์ชันของห้องเพดานสูง จะประกอบด้วย

1. พื้นที่ Common Area พื้นที่ส่วนกลางที่ให้แขกมาพบ ได้แก่ พื้นที่นั่งเล่นและทานอาหาร
2. พื้นที่ Service ส่วนอำนวยความสะดวกและเป็นที่ตั้งของงานระบบต่างๆได้แก่ พื้นที่ของห้องครัว,ห้องน้ำและระเบียง
3. พื้นที่ Private พื้นที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว คือ พื้นที่ของห้องนอน

ปัจจุบันห้อง Loft ที่เราเห็นมีขายอยู่ในตลาดจะมีการจัดวางห้องแบบต่างๆ ถ้าลองแบ่งง่ายๆตามรูปทรงของห้อง จะจัดได้ 3 แบบหลักๆ ตามนี้นะคะ

ลองเอาตัวอย่างผังห้องมาให้ดูเปรียบเทียบกัน 3 แบบ จะเห็นว่าทั้งห้องแบบ A, B และ C มีรูปทรงของห้องต่างกัน

โดยที่ แบบ A เป็นห้องหน้ากว้างจะได้เปรียบในเรื่องของการได้แสงธรรมชาติเข้ามาในตัวห้องมากพิเศษ และได้มุมมองของวิวมากกว่าแบบอื่นๆในขณะที่ห้อง แบบ B มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ได้ขนาดของช่องหน้าต่างแคบลง แต่มีความลึกของห้องที่มากขึ้น ดูๆ แล้วการวางพื้นที่ใช้สอยของห้องทรงนี้จะเป็นสัดส่วนกว่าแบบแรก เพราะเค้ามีพื้นที่ให้วางส่วน Service ไว้บริเวณหน้าห้องได้ทั้งหมด และดัน Common Area ไปติดกับหน้าต่างทำให้พื้นที่นั่งเล่นได้วิวเปิดโล่งแบบเต็มๆ ส่วนห้อง แบบ C จะเป็นแบบห้องตอนลึกที่เราเห็นกันบ่อยที่สุด ได้แสงธรรมชาติน้อยสุด แต่ก็ยังจัดพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัว โดยจะมีการวาง Zoning ของห้องคล้ายๆ กับห้องแบบ B นะคะ

สำหรับจุดไฮไลท์ที่ห้อง Loft ทุกๆ แบบจะเหมือนๆ กันเลยคือ การได้ Double Space บริเวณของ Common Area แลกกับการยกห้องนอนไปไว้บนชั้นลอย ซึ่งการใช้งานจะต้องขึ้นลงบันไดเอานะ ก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่าข้อดี – ข้อเสียของห้องแบบนี้เราจะรับได้หรือไม่

“ข้อดี – ข้อเสีย” ของห้องเพดานสูง

ข้อดี

1. ได้ฝ้าเพดานสูงบริเวณ Common Area ทำให้ภายในห้องดูโปร่งโล่ง ให้อารมณ์คล้ายกับอยู่บ้านที่มี 2 ชั้น
2. เสียค่าส่วนกลางเฉพาะพื้นที่ออกโฉนด ก็คือเฉพาะพื้นที่ชั้น 1 เท่านั้น เราจึงไม่ต้องเสียค่าส่วนกลางเต็มพื้นที่ใช้สอยจริงนะคะ เช่น พื้นที่ใช้สอยทั้งห้อง 40 ตร.ม. แบ่งเป็นชั้นล่าง 30 ตร.ม. ชั้นลอย 10 ตร.ม. ก็เสียค่าส่วนกลางแค่ 30 ตร.ม. (แต่หากโครงการเป็นห้อง Loft ทั้งหมดจะถือว่าเท่าเทียมกันหมดค่ะ)
3. ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นแต่ไม่ต้องจ่ายในราคาเต็มของพื้นที่ใช้สอยปกติ เราลองคิดเทียบราคากันดูระหว่างห้อง Loft กับห้องธรรมดาที่มีขนาดเดียวกัน (คิดตามโฉนด) ว่าราคาของห้องจะคุ้มค่ากับพื้นที่ที่เพิ่มเข้ามาด้วยหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น เราไปเจอห้อง “ขนาด 40 ตารางเมตร” ของทั้ง แบบ Loft และ แบบธรรมดา มามีราคาดังต่อไปนี้

  • ห้องธรรมดา 40 ตร.ม. ราคา 5.84 ล้านบาท หรือประมาณ 146,000 บาท/ตร.ม.
  • ห้อง Loft 40.5 ตร.ม. (ชั้นล่าง 28.5 ตร.ม., ชั้นลอย 12 ตร.ม.) ราคา 5.42 ล้านบาท

ถ้าเราคิดตามโฉนดจะได้ประมาณ 190,000 บาท/ตร.ม. แต่ถ้าเราคิดตามพื้นที่ใช้สอยจะได้ประมาณ 134,000 บาท/ตร.ม.

จะเห็นว่าในห้องแบบ Loft นั้นถ้าคิดราคาตามโฉนดเราจะรู้สึกว่าแพง เพราะห้องขนาด 28.5 ตร.ม. ราคาแรงไปถึง 5.42 ล้านทีเดียว ซึ่งถ้าคิดราคาต่อพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมดราคาเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับห้องแบบธรรมดานะ แต่ก็ต้องเข้าใจในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยชั้นลอยด้วยว่าอาจจะไม่ได้ใช้งานได้สะดวกเหมือนชั้นล่าง เพราะหลายๆ โครงการให้ความสูงฝ้ามาไม่สูงนัก และหากต้องการต่อเติมก็ต้องดูเรื่องน้ำหนักและโครงสร้างด้วยค่ะ

ข้อเสีย

1. ห้องน้ำอยู่คนละชั้นกับห้องนอน ถ้าอยากเข้าห้องน้ำกลางดึกก็ต้องเดินลงบันไดเอานะ แถมบันไดของห้อง Loft มักจะมีความชันที่มากกว่าปกติ เนื่องจากบันไดของห้องถูกนับเป็นเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ความกว้าง-ความสูงของลูกตั้งลูกนอนไม่ต้องได้มาตรฐานตามที่กฎหมายควบคุมอาคารกำหนด เค้าจึงมักออกแบบให้เสียพื้นที่บันไดน้อยที่สุด เราก็เลยได้เห็นขั้นบันไดรูปพัดบ้าง บันไดแคบ-ชัน บ้างในห้องลักษณะนี้
2. เพดานบนชั้นลอยของหลายๆ โครงการไม่สูงนัก เพราะบริเวณชั้นลอยของห้อง Loft นับเป็นเฟอร์นิเจอร์ ตามกฎหมายแล้วจึงไม่ต้องสูง 2.4 ม. ก็ได้ บางที่จึงสูงเพียง 1.5-1.6 ม. เวลาใช้งานจริงก็อาจจะไม่สะดวกตลอด ต้องเดินก้มหัวบ้าง
3. การเป็นพื้นที่เดียวกันทั้งหมดทำให้การติดแอร์ในห้อง Loft เปลืองไฟ ต้องทำฉากกั้นเพิ่ม มิฉะนั้นแอร์จะไม่เย็นเพราะความเย็นจะไหลลงที่ต่ำและทำให้เปลืองค่าไฟ

อ่านมาถึงตรงนี้ถ้ายังสนใจห้อง Loft กันอยู่ ก็ตามเราไปดูห้องเพดานสูงของแต่ละโครงการกันเลย

ชื่อโครงการ : GROOVE VIBES ลาดพร้าว 18

แบบห้อง : Loft 1 Bedroom
ขนาดพื้นที่ : 20.77 ตร.ม.(ตามโฉนด) +พื้นที่ชั้นบน 9.36 ตร.ม. รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 30.13 ตร.ม.
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า : 4.45 เมตร
รูปแบบการขาย : Fully Furnished
ราคา@29 May 2019 : เริ่มต้นที่ 3.08 ล้าน หรือ 102,223 บาท/ตร.ม. คิดตามพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด

ห้องเพดานสูงที่โครงการนี้ ถือเป็นของแปลกที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาในการทำห้องเพดานสูง ตั้งแต่ขนาดที่เรียกว่ากะทัดรัดที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้ (ทำให้ราคารวมไม่สูงมาก) แต่ยังคงมีความพิเศษที่ได้เป็นห้องแบบหน้ากว้าง ซึ่งแน่นอนว่าห้องลักษณะนี้จะได้เปรียบเรื่องของการได้แสงธรรมชาติเข้ามาในตัวห้องมากเป็นพิเศษ และได้มุมมองของวิวมากกว่าด้วย

เรามาดูทีละจุดที่น่าสนใจกันสักหน่อย ส่วนของ Common Area เป็นการใช้พื้นที่ฟังก์ชันร่วมกันระหว่าง Dining & Living ซึ่งตรงโต๊ะกินข้าวนี่แหละ เราก็ต้องมานั่งทำงานแบบ 2 in 1 ที่ตรงนี้ด้วย ถัดจากโซฟาด้านนอกก็มีระเบียงมาให้ใช้งาน ซึ่งเค้าให้พื้นที่ระเบียงมาแค่พอใช้งานตากผ้าได้เท่านั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องให้มากขึ้น ถึงแม้เป็นห้องเล็ก แต่ก็ยังมีการกั้นโซนครัวมาให้เป็นครัวปิด ถ้าใครทำอาหารกินเองประจำก็เวิร์คเลย เพราะกลิ่นและควันจะไม่ไปกวนส่วนนั่งเล่นด้านนอก

ตำแหน่งของห้องน้ำจะไปอยู่ใกล้กับทางขึ้นบันไดมากที่สุด เพราะห้อง Loft นั้นห้องนอนจะถูกยกไปอยู่ชั้นบน ถึงแม้จะเดินไม่ไกลก็จริง แต่ต้องลงบันไดลงมาเวลาอยากจะเข้าห้องน้ำตอนดึกๆนะ ก็ถือเป็นจุดที่ต้องแลกไปสำหรับคนชอบห้องประเภทนี้ ว่ารับได้ไหม? แต่การออกแบบบันไดห้องนี้ถือว่าทำได้ไม่เลวนะ เพราะเค้าออกแบบทางเดินเป็น L-Shape ซึ่งทำให้ไม่ต้องหั่นชานพักบันไดซอยเยอะมากเกินไป ถ้าไปเจอบางที่ออกแบบเป็น U-Turn นี่เดินขึ้นลงลำบากทีเดียว

และสุดท้ายไฮไลท์ของห้องนี้ น่าจะเป็นส่วนของห้องนอนชั้นบน ที่เค้าจัดเฟอร์นิเจอร์ของเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้แล้วเข้ากับพื้นที่ ความสูงชั้นบน 2.10 ม. เรียกว่าผู้ชายก็ไม่มีปัญหาให้รู้สึกอึดอัดนัก ตำแหน่งของเตียงนอนเวลานอนแล้ว เราจะได้เห็นวิวจากนอกห้องเต็มๆตา แต่ต้องบอกนิดนึงว่าที่ชั้นบนนี้ไม่ได้กั้นห้องปิดเป็นสัดส่วนนะ ทำเป็นราวกั้นกระจกนิรภัยกันตก ซึ่งการทำแบบนี้แอร์ก็จะกระจายตัวออกไปส่วนอื่นๆ ทำให้เปลืองไฟกว่าปกติทั่วไป

สรุป : ห้องนี้เป็นห้องเพดานสูงที่เล็กที่สุดในตลาดตอนนี้ ราคารวมไม่แรง เหมาะกับคนที่ชอบห้องหน้ากว้างที่แสงเข้าห้องเยอะ อยู่คนเดียวน่าจะชอบ มีการกั้นสัดส่วนของครัวปิดจึงดีสำหรับคนที่ชอบทำอาหารเป็นประจำ มีเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ แต่ข้อเสียคงจะเป็นเรื่องของการที่ไม่ได้กั้นโซนห้องนอนชั้นบนอาจจะทำให้แอร์กระจายออกและเปลืองไฟหน่อย ถ้าให้ดีคงต้องกั้นเพิ่มเองอีกสักหน่อยค่ะ

ชื่อโครงการ : ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก

แบบห้อง : Loft 1 Bedroom
ขนาดพื้นที่ : 28 ตร.ม.(ตามโฉนด) +พื้นที่ชั้นบน 5.7 ตร.ม. รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 33.7 ตร.ม.
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า : 3.6 เมตร
รูปแบบการขาย : Fully Furnished
ราคา@7 July 2019 : เริ่มต้นที่ 4.99 ล้าน หรือ 148,071 บาท/ตร.ม. คิดตามพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด

ขยับมาดูห้องขนาดใหญ่ขึ้นอีกสักนิด สำหรับโครงการนี้เค้าทำมาเป็นห้อง Loft ทั้งหมด เอาใจคนชอบห้องเพดานสูงโดยเฉพาะ ถามว่าราคาต่อตารางเมตรแพงกว่าห้องปกติไหม? จึงลองหาราคามาได้ว่า

  • ห้องธรรมดาของโครงการในทำเลนี้มีราคาต่อตร.ม. อยู่ที่ประมาณ 160,000 บาท/ตร.ม.
  • ห้อง Loft ของโครงการนี้ คิดราคาต่อตร.ม.ตามพื้นที่ใช้สอยจะได้ประมาณ 148,000 บาท/ตร.ม.

จะเห็นว่าถ้าคิดราคาต่อพื้นที่ใช้สอยจะถูกกว่าห้องธรรมดา แต่พื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยสูงเพียง 1.5 ม. จึงไม่สามารถยืนใช้งานได้เต็มที่เหมือนพื้นที่อื่นๆภายในห้อง ก็ Trade off กับการที่บริเวณ Common Area ได้ High Ceiling ที่สูง 3.6 ม. จึงเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ช่วยทำให้ห้องโปร่งโล่งขึ้นแทนนะ

เรามาดูทีละจุดที่น่าสนใจในห้องกันหน่อย ส่วนแรกคือ Common Area เป็นการใช้พื้นที่ฟังก์ชันร่วมกันระหว่าง Dining & Living คือนั่งทานข้าวดูทีวีตรงโซฟานี่แหละ จากตำแหน่งของโซฟาทำให้เห็นวิวภายนอกได้เต็มๆ ตาแบบไม่ต้องมองผ่านระเบียงเลยนะ ซึ่งระเบียงเค้าจะดันไปไว้อีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับตำแหน่งวางโต๊ะทำงานแทน

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของห้องแปลนนี้คือ ตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าที่อยู่ชั้นล่าง ต่างจากโครงการส่วนใหญ่ที่มักจะยกขึ้นไปไว้ชั้นบน ซึ่งการวางตู้ไว้ชั้นล่างจะใช้งานได้สะดวกกว่า ไม่ต้องขึ้นลงบันไดหลายรอบ ยิ่งเป็นสาวๆ จะเข้าใจดีว่าห้องน้ำจำเป็นมากแค่ไหนในเวลาแต่งตัว แต่งหน้า

ถึงแม้ขนาดห้องไม่ใหญ่นักแต่ก็ยังมีการกั้นโซนครัวมาให้เป็นครัวปิด ถ้าใครทำอาหารกินเองประจำก็สะดวกเลยนะ และตำแหน่งของห้องน้ำก็อยู่ใกล้กับทางขึ้นบันไดอีกเช่นกัน ที่เค้าจัดแปลนแบบนี้เพราะห้องนอนที่อยู่บนชั้นลอย หากอยากจะเข้าห้องน้ำดึกๆ จะได้เดินลงบันไดมาเข้าได้ไม่ไกล แต่ก็ต้องเดินลงบันไดมานะ ถือเป็นจุดที่ต้องแลกไปสำหรับคนชอบห้องประเภทนี้ ว่ารับได้ไหม? แต่การออกแบบบันไดห้องนี้ดี เพราะเค้าออกแบบเป็นบันไดตรง เดินขึ้นลงได้สะดวก ไม่ต้องระวังมากเวลาเดินขึ้นลง

และสุดท้ายจุดที่เป็นไฮไลท์ของห้องนี้เป็นส่วนของห้องนอนชั้นบน ที่เค้าจัดตำแหน่งมาให้ติดกับหน้าต่างเลย ทำให้บริเวณชั้นลอยมีช่องเปิดเพื่อระบายอากาศได้ด้วย จากตำแหน่งของเตียงเวลานอนแล้ว เราจะได้เห็นวิวจากนอกห้องเต็มๆ ตา ตรงนี้เป็นข้อดีที่แตกต่างจากแบบห้องเพดานสูงส่วนใหญ่ที่มักจะดันห้องนอนไว้ด้านในสุดของห้อง ต้องขอย้ำอีกครั้งว่าชั้นลอยของห้องนี้สูง 1.5 เมตรนะคะ ถ้าเดินก็คงต้องก้มหัว เช้าๆ สะลึมสะลืมอย่าเผลอยืนตรงหล่ะ หัวโขกได้นะ และขอบอกอีกนิดนึงว่าที่ชั้นลอยนี้ไม่ได้กั้นห้องปิดเป็นสัดส่วนนะ ทำเป็นราวกั้นกันตกไว้เฉยๆ ซึ่งแอร์ก็จะกระจายตัวออกไปส่วนอื่นๆ ทำให้เปลืองไฟกว่าปกติทั่วไป ถ้าอยู่อาศัยจริงก็แนะนำให้กั้นห้องเพิ่มอีกสักหน่อยค่ะ

สรุป : ห้องนี้เป็นห้องเพดานสูงที่ให้ชั้นลอยมาแบบกะทัดรัด เหมาะกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ชอบห้องที่ดูโปร่งโล่ง มีช่องแสงกว้างๆ ให้อารมณ์เหมือนบ้าน 2 ชั้น อยู่คนเดียวน่าจะชอบ มีการกั้นสัดส่วนของครัวปิด ใครที่ชอบทำอาหารทานเองก็ใช้งานได้สะดวก มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ แต่ข้อเสียก็เป็นเรื่องของการที่ไม่ได้กั้นโซนห้องนอนชั้นบนมาให้ ถ้ากลัวเปลืองค่าไฟก็คงต้องกั้นเพิ่มเองค่ะ

ชื่อโครงการ : Knightsbridge Space รัชโยธิน

แบบห้อง : Loft 1 Bedroom
ขนาดพื้นที่ : 26.5 ตร.ม.(ตามโฉนด) +พื้นที่ชั้นบน 10 ตร.ม. รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 36.5 ตร.ม.
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า : 4.2 เมตร
รูปแบบการขาย : Fully Fitted
ราคา@March 2018 : เริ่มต้นที่ 5.09 ล้าน หรือ 139,452 บาท/ตร.ม. คิดตามพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด

ห้องเพดานสูงของโครงการนี้เป็นห้องตอนลึก ซึ่งห้องลักษณะนี้เป็นแปลนมาตรฐานที่เราเจอกันบ่อยที่สุด ฟังก์ชันการใช้งานก็ลงตัวตามปกติ แต่ด้วยตำแหน่งห้องนี้ที่อยู่ทางทิศตะวันตก ทางโครงการจึงมีลูกเล่นของห้องที่บิดตัวผนังเป็นกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window เพื่อเห็นวิวเปิดโล่งมากขึ้น และหากช่วงกลางวันที่แดดเข้าทางทิศตะวันตก ก็ยังสามารถเปิดม่านในฝั่งของทิศเหนือ เพื่อช่วยลดความร้อนแต่ยังคงได้แสงธรรมชาตินั่นเอง

เรามาดูจุดที่น่าสนใจของห้องนี้กันก่อน ถึงแม้ว่าห้องนี้จะเป็นห้องตอนลึก แต่ก็จัดพื้นที่บริเวณ Common Area ได้ออกมาโปร่งโล่ง น่าใช้งานทั้งในส่วนของ Dining& Living แบบลงตัว เพราะมีพื้นที่เพียงพอให้เราสามารถวางโซฟา L-Shape ขนาดใหญ่ติดกับ Bay Window วางโต๊ะทานข้าว หรือใครจะวางโต๊ะทำงานด้วย ก็เลือกเป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่งแทน ส่วนระเบียงเค้าจะออกแบบมาให้แค่พอใช้วางราวตากผ้าได้นะ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้มากขึ้น

การออกแบบบันไดห้องนี้ออกแบบมาเป็น U-Tern เพื่อจะบีบให้เสียพื้นที่บันไดน้อยที่สุดและยังได้ห้องเก็บของใต้บันไดด้วย แต่ก็ทำให้ชานพักกลายเป็นขั้นบันไดไปเช่นกัน เวลาจะเดินขึ้นลงมาเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ ก็ระวังกันหน่อยนะ ซึ่งโครงการก็จัดตำแหน่งห้องน้ำให้อยู่ใกล้ทางขึ้นลงบันไดอีกเช่นกันเพื่อให้เดินมาเข้าห้องน้ำได้สะดวก

และสุดท้ายจุดที่น่าสนใจอีกอย่างของห้องนี้ น่าจะเป็นส่วนของห้องนอนชั้นบน ที่เค้าจัดห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet มาให้แล้วเข้ากับพื้นที่ แต่ความสูงชั้นบน 1.8 เมตร ถ้าผู้หญิงตัวเล็กๆ คงไม่มีปัญหาแต่ถ้าเป็นผู้ชายสูง 170 ซม.กว่าๆ ตามมาตรฐานชายไทย ก็คงจะรู้สึกอึดอัดหน่อย

ตำแหน่งของเตียงนอนจะอยู่ด้านในสุดของห้อง ถึงจะไม่ได้วิวข้างนอกชัดๆแบบเต็มตา แต่ก็ยังได้ความรู้สึกโปร่งโล่งของบริเวณ Common Area และยังสามารถมองวิวภายนอกได้ แต่ต้องบอกนิดนึงว่าที่ชั้นบนนี้ไม่ได้กั้นห้องปิดเป็นสัดส่วนนะ ทำเป็นราวเหล็กติดกระจกกันตกตรงกลาง ซึ่งการทำแบบนี้แอร์ก็จะกระจายตัวออกไปส่วนอื่นๆ ทำให้เปลืองไฟกว่าปกติทั่วไปด้วย

สรุป : ห้องนี้เป็นห้องเพดานสูงตอนลึก เป็นแปลนห้องมาตรฐานที่เราเห็นในตลาดบ่อยที่สุด ราคารวมเมื่อเทียบตามพื้นที่ใช้สอยก็ไม่ได้ต่างจากห้องปกติมากนัก เหมาะกับคนที่ชอบห้องนั่งเล่นที่มีช่องแสงกว้างๆ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องวิวจากที่นอนมากนัก ห้องนี้อยู่ 1-2 คนได้ไม่อึดอัด แต่ต้องดูเรื่องส่วนสูงกันนิดนึงเพราะชั้นบนเพดานมีความสูงที่ 1.8 เมตร หากใครชอบทำครัวก็ไม่มีปัญหาเพราะมีการกั้นสัดส่วนเป็นครัวปิด โครงการให้เฟอร์นิเจอร์มาแล้วไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ แต่ข้อเสียคงจะเป็นเรื่องของการที่ไม่ได้กั้นโซนห้องนอนชั้นบนอีกเช่นเคย ถ้าอยากเซฟค่าไฟหน่อยก็กั้นห้องเพิ่มเติมเอานะคะ

ชื่อโครงการ : Altitude Unicorn สาทร-ท่าพระ

แบบห้อง : Loft 1+1 Bedroom
ขนาดพื้นที่ : 21.89 ตร.ม.(ตามโฉนด) +พื้นที่ชั้นบน 11.19 ตร.ม. รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 39.08 ตร.ม.
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า : 4.6 เมตร
รูปแบบการขาย : Fully Furnished
ราคา@26 June 2019 : เริ่มต้นที่ 4.8 ล้าน หรือ 122,824 บาท/ตร.ม. คิดตามพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด

ห้องเพดานสูงที่โครงการนี้ ถือเป็นของแปลกอีกโครงการหนึ่ง ตั้งแต่ความสูงของห้องที่เรียกว่าสูงที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้ แทบจะเท่าห้องปกติเลย จึงมีความคล้ายห้อง Duplex มากๆ แถมยังได้มาเป็น 1+1 Bedroom จึงอยู่อาศัยได้ 2 คนแบบไม่อึดอัด ถึงแม้ว่ารูปแบบห้องเค้าทำมาเป็นห้องจัตุรัส ทำให้พื้นที่ติดหน้าต่างไม่ได้เยอะเท่ากับห้องหน้ากว้าง แต่การจัดแปลนเค้าทำออกมาได้ไม่อึดอัด เพราะทำให้พื้นที่อยู่อาศัยหลักๆ 3 ส่วนคือ Common Area, Kitchen และ Bedroom มีหน้าต่างรับแสงในตัวทุกห้องเลย

เรามาดูทีละจุดที่น่าสนใจกันสักหน่อย ส่วนของ Common Area เป็นการใช้พื้นที่ฟังก์ชันร่วมกันระหว่าง Dining, Living และ Kitchen ซึ่งห้องนี้ดันครัวเข้ามาอยู่ติดหน้าต่างและให้พื้นที่นั่งเล่นไปอยู่ด้านหน้าห้องแทน ข้อดีคือเราจะได้พื้นที่ที่เป็น Double Space มากขึ้น เรียกว่าเปิดห้องเข้ามาก็ได้ความรู้สึกโปร่งโล่งเลย แต่ก็ต้อง Trade off กับการที่จะไม่ได้นั่งดูทีวีและชมวิวภายผ่านหน้าต่างไปได้นะ เพราะจะต้องมองผ่านครัวไปก่อน ห้องนี้ไม่ได้กั้นโซนครัวมาให้นะ เป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับใครที่ไม่ได้ทำอาหารกินเองประจำหรือไม่ได้ทำอาหารกลิ่นแรงนัก ตรงโต๊ะกินข้าวนี่เราก็ต้องมานั่งทำงาน 2 in 1 ที่โต๊ะตรงนี้ด้วยนะ และถัดจากครัวไปด้านนอกก็มีระเบียงมาให้ใช้งาน ซึ่งกว้างพอให้คนชอบนั่งชมวิว หาโซฟาเบดตัวเล็กๆ มานั่งเล่นได้นะ

ตำแหน่งของห้องน้ำก็อยู่ใกล้กับทางขึ้นบันไดอีกเช่นกัน ที่เค้าจัดแปลนแบบนี้เพราะมีห้องนอนที่อยู่ชั้นบนด้วย หากอยากจะเข้าห้องน้ำดึกๆ จะได้เดินลงบันไดมาเข้าได้ไม่ไกล แต่การออกแบบบันไดห้องนี้ไม่เลวทีเดียว เพราะเค้าออกแบบมาเป็น L-Shape ซึ่งทำให้ไม่ต้องหั่นชานพักบันไดซอยเยอะมากเกินไป

และไฮไลท์สุดท้ายของห้องนี้คือส่วนของห้องนอนชั้นบน ที่เค้ากั้นห้องปิดมาให้เป็นสัดส่วนเลย ทำให้ต่างจากโครงการอื่นๆ ที่ให้มาเป็นราวกันตกเท่านั้น แต่ต้องบอกนิดนึงว่าชั้นบนนี้เค้าไม่ได้มีประตูมาให้ ต้องติดเพิ่มอีกหน่อยเพื่อความเป็นส่วนตัว และทำให้แอร์ไม่กระจายไปส่วนอื่นๆ จึงจะช่วยประหยัดไฟให้กับห้องเพดานสูงได้ ชั้นบนนี้เค้าจัดเฟอร์นิเจอร์ของเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้แล้ว พอดีกับพื้นที่ ความสูงชั้นบน 2.2 ม. เรียกว่าผู้ชายก็ไม่อึดอัดนัก ตำแหน่งของเตียงนอนเวลานอนแล้ว เราจะได้เห็นวิวจากนอกห้องเต็มๆ ตา

สรุป : ห้องนี้เป็นห้องเพดานสูงที่ถูกออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับห้อง Duplex ที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้ อยู่ 2 คนได้แบบไม่อึดอัด มีความเป็นส่วนตัวของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ได้ระเบียงแบบใช้งานได้จริง มีเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ แต่ก็มีในเรื่องของส่วนครัวที่ให้มาเป็นครัวเปิด เหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารทานเองเป็นประจำและไม่ได้ทำอาหารที่มีกลิ่น ควัน แรงนัก

ทั้งหมดที่เล่ามานี้ก็เป็นตัวอย่างของห้องเพดานสูงขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 40 ตร.ม. จะเห็นว่าแม้แต่ละห้องจะได้ฟังก์ชันที่คล้ายๆกัน แต่ก็มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่แตกต่างกัน ก็ต้องลองเลือกันดูให้เหมาะกับความชอบและงบประมาณในกระเป๋าของเรามากที่สุด สุดท้ายนี้ก็ขอรวบรวมราคาของห้องเพดานสูงในหลายๆโครงการมาให้ดูกันนะคะ

ผังของห้องเพดานสูงแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ที่สุดแล้วคงให้ใครมาฟันธงไม่ได้ว่าแบบไหนดีที่สุด เพราะแบบที่ดีสุดก็คงไม่ดีเท่าแบบที่เหมาะกับเราที่สุดใช่ไหมหล่ะคะ ใครชอบแบบไหนกันบ้าง สามารถ Comment พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ 🙂