ความแปลกใหม่ของ The Forestias (เดอะ ฟอเรสเทียส์) คือตัวโครงการเน้นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ และเป็นโครงการมิกส์ยูสที่มีอสังหาหลากหลายประเภทรวมอยู่ด้วยกัน

สำหรับสวนป่าที่นี่จะไม่ใช่แค่การเอาต้นไม้มาลงเหมือนโครงการที่อื่นๆ แต่เป็นการปลูกป่าใหม่ขึ้นมาตั้งแต่ต้น เพื่อให้รากฐานมีความแข็งแรง มั่นคง พร้อมออกแบบระบบนิเวศให้ใช้งานได้ยั่งยืน (Sustainable System) พร้อมออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ให้รองรับการใช้งานทุกช่วงอายุ หรือ Universal Design นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีรูปแบบอสังหาหลากหลายประเภทภายในโครงการ

สำหรับใครที่เคยอ่านโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จากที่อื่นๆมาบ้างแล้ว แต่ยังสับสนกับข้อมูลของโครงการอยู่นั้น วันนี้เรารวบรวมข้อมูลมาให้ดูเข้าใจง่ายมากขึ้น และจุดเด่นของโครงการนี้มีดีอะไรบ้าง? ไปดูกันค่ะ

  • ทำเลที่ตั้ง – โครงการติดถนนบางนา-ตราด กม.7 (ฝั่งขาเข้าเมือง) ใกล้กับ Mega Bangna, ศูนย์แสดงงาน BITEC Bangna, Bangkok Mall(มิกส์ยูส), Central Plaza Bangna, Central Village และอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ ที่คาดว่าย่านกำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็แลกกับทำเลที่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองนะคะ
  • ลักษณะโครงการ – มีอสังหาหลากหลายรูปแบบประเภท ทั้งโรงพยาบาล, ออฟฟิศ, ห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์, Service Apartment, โรงแรม, คอนโด High Rise, คอนโด Low Rise, คอนโดผู้สูงอายุ และพื้นที่สวนป่า+ Forest Pavilion(ศูนย์การเรียนรู้) เรียกว่าตอบสนอง lifestyle ของคนทุกช่วงวัย
  • จุดเด่น – พื้นที่สีเขียวสวนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ ความพิเศษคือทาง MQDC เริ่มปลูกต้นไม้ใหม่เองตั้งแต่ต้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มมีสิ่งปลูกสร้างด้านในโครงการ เผื่อให้รากฐานมีความมั่นคง แข็งแรง โดยภายในไม่ใช่แค่สวนธรรมดา แต่มีกิจกรรมต่างๆให้ทำทั้งทางเดิน (Sky Canopy Walk), ลานกิจกรรม และ Forest Pavilion(ศูนย์การเรียนรู้)
  • Forest Pavillion –  ศูนย์การเรียนรู้ขนาดใหญ่กว่า 6,500 ตร.ม. มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านต่าง ๆ หนึ่งใน Highlight คือ ห้องจัดแสดงที่มีชื่อว่า “Chamber of Secret” เป็นการแสดงภาพบนหน้าจอแบบไมโครแอลอีดี (microLED) ที่สามารถถ่ายทอดที่สุดแห่งประสบการณ์ล้ำสมัยของการรับชมภาพที่คมชัดมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI
  • ซื้อขายแบบ Freehold – สำหรับโครงการมิกซ์ยูสในกรุงเทพ ส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยจะขายในรูปแบบ Leasehold หรือสิทธิ์การเช่าถือครองอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นโครงการใจกลางเมือง แต่สำหรับโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะซื้อขายในรูปแบบ Freehold ที่เราได้กรรมสิทธิ์ขายขาด แต่ก็แลกกับทำเลที่ไกลออกมาหน่อยในจังหวัดสมุทรปราการ

ข้อมูลโครงการ

The Forestias (เดอะ ฟอเรสเทียส์) ณ วันที่ 11 February 2021

 ชื่อโครงการ  The Forestias (เดอะ ฟอเรสเทียส์)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
 SEGMENT CLASS  N/A CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนบางนา-ตราด กม.7 อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ
 ที่ดิน  ภายในมีทั้งหมด 11 ประเภทโครงการ ที่ดินรวมทั้งหมด 398 ไร่
 พื้นที่สวนป่า (Forest Area)  พื้นที่สวนป่า (Forest Area)
– Forest @ the Forestias : พื้นที่สวนป่าสีเขียวขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่
– Forest Pavilion : ศูนย์การเรียนรู้
 พื้นที่สาธาราณะ (Public Area) – Medical Complex
– Office Building
– Retails Community Center
– Family Center
– Town Center
– Six Senses The Forestias Hotel
 พื้นส่วนพักอาศัย (Residence Area) – Whizdom Condominiums : คอนโด High-Rise
– Mulberry Grove Condominiums : คอนโด Low-Rise
– Mulberry Grove Villas : บ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury
– Six Senses Residences : บ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury
– The Aspen Tree Residences : คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ
– Service Apartment : ยังไม่ทราบรายละเอียด
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2563
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2565
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center  1265

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.656453, 100.669175
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

ทำเลที่ตั้งโครงการ The Forestias

ก่อนไปดูรายละเอียดโครงการ The Forestias เรามาดูทำเลที่ตั้งกันก่อนนะคะ โดยตั้งติดถนนบางนา-ตราด กม.7 (ฝั่งขาเข้าเมือง) ที่เชื่อมต่อสุขุมวิท (ไม่ต้องกลับรถ) สำหรับย่านบางนาเป็นโซนที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพและสมุทรปราการ โดยเป็นถนนเส้นยาววิ่งตั้งแต่เส้นสุขุมวิทไปสิ้นสุดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนจะเปลี่ยนจาก “ถนนบางนา-ตราด” เป็น “ถนนสุขุมวิท” แล้วไปสิ้นสุดที่ชลบุรี นอกจากนี้ถนนบางนา-ตราดยังมีทางด่วนให้เลือกใช้หลากหลาย ทั้งทางด่วนกาญจนาภิเษก, บางนา(Toll way) และทางพิเศษเฉลิมมหานคร

โดยถนนเส้นนี้มีคนใช้เข้า-ออกเมืองเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวโซนนี้ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเป็นทำเลที่อยู่ไม่ไกลจาก “สนามบินสุวรรณภูมิ” ทำให้สิ่งที่ตามมา คือการพัฒนาถนนเส้นนี้อย่างต่อเนื่อง ที่มีทั้งสำนักงานขนาดใหญ่, ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การแสดงสินค้า และคอมมูนิตี้ Outlet Mall เป็นต้น

สำหรับรถไฟฟ้าในอนาคตบนถนนบางนา-ตราด จะมีรถไฟฟ้าแบบ Light Rail บางนา-สุวรรณภูมิ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพและสมุทรปราการ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ BTS บางนา(สายสุขุมวิท) ไปสิ้นสุดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ทำให้คนที่อยู่ในย่านบางนา เดินทางสะดวกมากขึ้น พร้อมจุด Interchange กับรฟฟ.สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) อีกด้วย เรียกได้ว่าการมาของรถไฟฟ้าจะทำให้บรรยากาศย่านนี้ยิ่งคึกคักมากขึ้นด้วยนะคะ

Mega Project บนถนนบางนา-ตราด

ความอุดมสมบูรณ์ย่านบางนา หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีนั้นก็คือ Central Plaza Bangna และ BITEC Bangna ที่มีอยู่มาอย่างยาวนาน แต่คนส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ และละแวกใกล้เคียง แต่หลังจากนั้นก็มีโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Mega Bangna ที่ช่วยดึงคนจากในตัวเมืองมาย่านนี้กันมากขึ้น ทำให้ย่านนี้มีพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น BITEC Bangna Phase 2, Bangkok Mall, Central Plaza Bangna, Megacity, The Forestias, Central Village และสนามบินสุวรรณภูมิ Phase 2 เป็นต้น

  • Bitec Bangna Phase 2 – เมื่อปี 2559 ได้มีการเปิดตัว BITEC Bangna Phase 2 ไปเป็นที่เรียบร้อย ขยายพื้นที่อีก 37,800 ตร.ม. รวมทั้งหมด 70,000 ตร.ม. ทำให้สามารถรองรับการจัดงานและกิจกรรมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ลบ.
  • Bangkok Mall – โครงการ Mixed Use ในเครือของเดอะมอลล์กรุ๊ป ภายในมีศูนย์การแสดงสินค้า, ที่อยู่อาศัย, ออฟฟิศ, Hall แสดงคอนเสิร์ตแบบครบวงจร บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ลบ.
  • Central Plaza Bangna – มีการปรับโฉมใหม่ปี 2560 เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยมีการคัดสรรแบรนด์แฟชั่นระดับ Hi-end มาไว้ในจุดเดียว เรียกได้ว่าเป็นการปรับโฉมเพื่อรองรับกลุ่มคนหลากหลายมากขึ้น ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 4,500 ลบ.
  • Mega City – เป็นเฟสใหม่ที่เปลี่ยน “เมกาบางนา” จากการเป็นแค่ศูนย์การค้า ให้เป็น “เมกาซิตี้” รวมเอาโซนที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน, โรงเรียน และ โรงแรมเข้ามาอยู่ด้วย บนพื้นที่ 400 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 67,000 ลบ.
  • The Forestias – โครงการ Mixed Use ที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้จาก MQDC บริษัทในเครือกลุ่มซีพี ภายใต้คอนเซ็ปที่ต้องการผสมผสานเมืองเข้ากับผืนป่าบนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 398 ไร่ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 125,000 ลบ.
  • Central Village (Premium Outlet) – ทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เปิด Outlet ที่มีทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และแบรนด์ไทย ทั้งหมด 235 ร้านค้า พร้อมส่วนลด 35-70% ทุกวันตลอดปี มุ่งเน้นให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก
  • Suvarnabhumi Airport Phase 2 – เพิ่มเติมพื้นที่อาคารผู้โดยสารเฟส 2 เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านคน/ปี  ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ลบ.

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Shopping Center
    – Mega Bangna & IKEA
    – Central บางนา
    – Central Village
    – Market Village สุวรรณภูมิ
    – Seacon Square
    – Paradise Park
    – King Power ศรีวารี
  • School
    – โรงเรียนนานาชาติ เบิร์คลีย์
    – โรงเรียนบางกอกพัฒนา
    – โรงเรียนนานาชาติไทย-สิงค์โปร์
  • Hospital
    – โรงพยาบาลไทยศรีนครินทร์
    – โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
    – โรงพยาบาลสิรินธร

รายละเอียดโครงการ

ประเด็นที่น่าสนใจ

  • ผู้ร่วมพัฒนาโครงการหลายบริษัท – สำหรับโครงการ The Forestias ที่มีรูปแบบอสังหาที่หลากหลาย มีการดึงผู้พัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามาร่วมงานด้วยกัน เพื่อพัฒนาโครงการให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
  • พื้นที่สีเขียวส่วนป่า 30 ไร่ – แปลนโครงการเลือกวางพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ + Pavilion (ศูนย์การเรียนรู้) เอาไว้ตรงกลางเลย เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานของทุกโครงการในพื้นที่ รวมถึงยังให้ความรู้สึกต่อเนื่องกันของโครงการเองด้วย

เจ้าของโครงการ – The Forestias

สำหรับโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ The Forestias เป็นโครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ของทาง MQDC (บริษัทในเครือกลุ่ม CP) รูปแบบค่อนข้างแตกต่างจากมิกซ์ยูสที่อื่นๆ เน้นพื้นที่แนวราบขนาดใหญ่ พร้อมวางระบบนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยความที่เป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ ทางบริษัท MQDC ได้ดึงพันธมิตรหลายๆบริษัทจากต่างประเทศ เข้ามาช่วยพัฒนาโครงการให้สมบูรณ์มากขึ้น อาทิ

  • Foster + Partners – ที่ปรึกษาด้านการออกแบบและวางผังและงานสถาปัตยกรรม
  • EEC Engineering Network – ร่วมวิจัยและพัฒนาระบบอาคาร ตามแนวทาง Sustain novation หรือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาระบบอาคาร
  • Ateiler Ten – ร่วมทำวิจัย ศึกษา และวางแผนการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนของระบบนิเวศ รวมถึงเป็นผู้ตรวจสอบ, ควบคุมการออกแบบ โดยเป็นบริษัทเดียวกับที่ออกแบบโครงการ Garden by The Bay ที่ประเทศสิงคโปร์
  • ITEC Entertainment – ด้านสันทนาการ และประสบการณ์เพื่อผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยี่ยมเยือน ด้วยความรู้สึก Entertainment Experience โดยเป็นบริษัทเดียวกับที่ออกแบบดิสนีย์แลนด์, ดิสนีย์แลนด์ ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เป็นต้น
  • Six Senses – ร่วมบริหารและให้บริการด้านบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัย รวมทั้งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ค ที่ร่วมเข้ามาวิจัยในโครงการนี้ด้วย

คอนเซ็ปต์ของโครงการ – The Forestias

ที่มาของโครงการก็ตามชื่อเลย The Forestias ที่เกิดจากการนำคำว่า “Forest” แปลว่า “ผืนป่าธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์” และคำว่า “Fantasia” ที่แปลว่า “ความมหัศจรรย์แห่งการสร้างสรรค์ที่ไม่รู้จบ” หรือเข้าใจง่ายๆคือการนำตัวเมืองผสมผสานเข้ากับผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ เสมือนเป็นแหล่งฟอกอากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่คนกรุงโหยหา โดยเฉพาะสถานการณ์ช่วงฝุ่น PM2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน นอกจากนี้เป็นการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากกรุงเทพและปริมณฑลถือว่าอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์

ภาพรวมภายโครงการ – The Forestias

สำหรับการออกแบบโครงการ The Forestias ออกแบบให้มีโครงการอสังหาครบเกือบทุกประเภท มีทั้ง ห้างสรรพสินค้า, ออฟฟิศ, โรงแรม, โรงพยาบาล, ศูนย์การเรียนรู้, ลานกิจกรรม และส่วนพักอาศัยก็มี Service Apartment, คอนโด High Rise & Low Rise, คอนโดผู้สูงอายุ และบ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury โดยรายละเอียดตำแหน่งดูตามภาพด้านบนได้เลยนะคะ ส่วนรายละเอียงเชิงลึกแต่ละโครงการ ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีเปิดขายรอบ VIP กันไปอยู่นะคะ ส่วนข้อมูล Official คาดว่าจะเปิดช่วงกลางปี 64

The Forestias พื้นที่สีเขียวเป็นการยกพื้นที่สวนป่า ซึ่งมีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์เข้ามาไว้อยู่ภายในโครงการ มีพื้นที่สีเขียวชอุ่มกว่า 30 ไร่ (48,000 ตร.ม.) ทั้งหมดคิดเป็น 45% ของพื้นที่โครงการ พร้อมระบบจัดการต่างๆที่ช่วยให้เราอยู่สบายมากยิ่งขึ้น ดังนี้

  • ระบบจัดการ CUP – เป็นระบบช่วยลดจำนวนหน่วยทำความร้อนที่จะเกิดขึ้นในที่อยู่อาศัย เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ โดยระบบนี้จะรวมความร้อนที่จุดเดียวกัน แล้วส่งน้ำเย็นให้เปลี่ยนเป็นแอร์เย็นภายในห้องพักอาศัย รวมถึงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนอีกด้วย
  • การวางอุโมงค์ใต้ดิน (Underground Tunnel) – เป็นการนำระบบน้ำ ไฟ เครื่องปรับอากาศไว้ใต้ดิน ทำให้ไม่มีสายไฟรบกวนสายตา นอกจากนี้การบริหารจัดการน้ำในโครงการ จะไม่กระทบน้ำประปาสาธารณะ เพราะจะนำน้ำทั้งหมดมารีไซเคิลใหม่ ไม่ปล่อยลงสู่ท่อระบายน้ำ สามารถนำน้ำมารดน้ำต้นไม้เองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำประปาในการบริหารจัดการพื้นที่ผืนที่ป่าภายในโครงการ
  • ออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) – ภายในโครงการให้รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้อาศัย เช่น เลนสำหรับปั่นจักรยาน, เลนสำหรับวิ่ง ไปจนถึงเลนสำหรับรถอัตโนมัติไร้คนขับที่กำลังจะมาในอนาคต นอกจากนั้นยังมีสถานีชาร์จไฟ (EV Charger) ให้บริการด้วย

สำหรับใครที่มีคำถามเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เรามีบทความดีดีมาแนะนำ รถยนต์ไฟฟ้า EV ต้องใช้ไฟบ้านแบบไหน? จ่ายค่าไฟเท่าไหร่?

การออกแบบ Universal Design คำนี้อาจจะคุ้นๆหูเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีการหยิบยกมาใช้ในโครงการมากขึ้น ซึ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือการออกแบบสภาพแวดล้อม และสิ่งปลูกสร้างให้ใช้งานปลอดภัยสำหรับทุกช่วงอายุ ยกตัวอย่าง ถนนภายในโครงการ มีการวางต้นไม้+พุ่มไม้ริมทาง ป้องกันอุบัติเหตุได้ดีขึ้น ถัดมาพื้นที่ Side Walk กว้าง 2-3 เมตร ที่ถือว่าค่อนข้างใหญ่ พร้อมต้นไม้สูงให้ร่มเงาตลอดทางเดินใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

จุดเด่นของโครงการ – พื้นที่สวนป่า & Forest Pavilion

สำหรับพื้นที่สีเขียวในโครงการ ออกแบบให้ผืนป่าเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการทั้งหมด รวมทั้งเปิดโอกาสให้ชุมชนและบุคคลภายนอกสามารถเข้ามาพักผ่อนและแอบอิงธรรมชาติขนาดใหญ่ ซึ่งออกแบบเป็นโซนต่างๆ ทั้งหมด 4 ระดับ ได้แก่

  • พื้นที่เขตป่าลึกขนาด 3.75 ไร่ (Deep Forest) – ที่อุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และแมกไม้นานาพรรณ เช่น นิโครธ พระเจ้าห้าพระองค์ เสี้ยวดอกขาว เป็นต้น และยังเป็นที่พักพิงของสัตว์นานาชนิด ซึ่งอนุญาตให้เพียงเจ้าหน้าที่เข้าออกได้เท่านั้น
  • ผืนป่าใจกลางโครงการ (Resident Forest)- ผืนป่าที่เชื่อมต่อกับแต่ละโครงการ โดยมีทางเดินชมธรรมชาติ (Sky Canopy) ที่เชื่อมต่อผู้อยู่อาศัย ทุกโครงการสามารถเดินหากันได้ตลอดเวลา ด้วยทางเดินคาโนปี
  • พาวิลเลี่ยนสไตล์ธรรมชาติ (Forest Pavilion) – ศูนย์การเรียนรู้แบบ Immersive Experience ที่เสนอองค์ความรู้เรื่องระบบนิเวศแบบยั่งยืน (Sustainable System) และเปิดกว้างให้บุคคลภายนอกที่สนใจ สามารถเข้ามาศึกษา ค้นคว้า ข้อมูลเรื่องธรรมชาติได้
  • ลานกิจกรรม (Forest Center) – สำหรับทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ เช่น กิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านระบบนิเวศ แคมป์ปิ้ง งานอีเวนท์ จัดงานแต่งงาน งานเทศกาลต่างๆ

แปลนทางเดินภายในพื้นที่สวนป่าของโครงการ โดยมีทางเดินหลักด้านล่าง และ Sky Canopy ที่แยกลูกบ้านและบุคคลภายนอกออกจากกันชัดเจน ซึ่งทางเดินสำหรับลูกบ้านจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในโครงการแต่ละจุด ที่ทำให้เดินใช้งานง่ายมากยิ่งขึ้น

Image 1/9
บริเวณพื้นที่สวนป่าภายในโครงการ

บริเวณพื้นที่สวนป่าภายในโครงการ

Community Center & Six Senses @ The Forestias

พื้นที่ร้านค้าถูกออกแบบด้วยแนวคิด “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ที่นำเสนอทุก lifestyle และช่วงอายุ อาทิเช่น โรงหนังสไตล์วินเทจ, โรงเรียนสอนพิเศษ, ร้านอาหาร Healthy กับคอนเซ็ปต์ร้านอาหาร Organic นอกจากนี้ยังมีร้านขายต้นไม้ดอกไม้ คลินิกทั่วไป ฟิตเนส และตลาดในหลากหลายรูปแบบ

Image 1/4
บรรยากาศจำลอง Retails Community Center

บรรยากาศจำลอง Retails Community Center

Project Overview

พื้นส่วนพักอาศัย (Residence Area)

Whizdom Condominiums

Whizdom Condominiums – นิยามใหม่ของคอนโดมิเนียมแบบ Vertical Living เชื่อมต่อคนเข้ากับธรรมชาติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Feel The Wild” กลับสู่ชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ประกอบไปด้วยอาคาร High-Rise ทั้งหมด 3 อาคาร โดยออกแบบตัวอาคารให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ซึ่ง 1 ใน 3 เป็นคอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly) ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเลี้ยงสัตว์คู่ใจมากขึ้น

Image 1/2
บรรยากาศพื้นที่ภายในโครงการ Whizdom Condominiums (คอนโด High Rise 3 อาคาร)

บรรยากาศพื้นที่ภายในโครงการ Whizdom Condominiums (คอนโด High Rise 3 อาคาร)

Mulberry Grove Condominiums &  Mulberry Grove Villas

Mulberry Grove แบรนด์ที่อยู่อาศัยระดับ Super Luxury Residence ภายใต้ แนวคิด “สานความสุขให้ทุกเจเนอเรชั่น” เปิดโอกาสให้ทุกคนในครอบครัว สามารถใช้เวลาร่วมกันได้ทุกวัน ในขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวในการใช้ชีวิต โดยมีทั้งรูปแบบคอนโด Low Rise ราคาประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม. และบ้านเดี่ยวหรู ราคาเริ่มต้น 140 ล้านบาท

บรรยากาศภายในพื้นที่จำลอง Mulberry Grove Condominiums (คอนโด Low-Rise)

บรรยากาศภายในพื้นที่จำลอง Mulberry Grove Condominiums (คอนโด Low-Rise)

อ่านรีวิว > Mulberry Grove The Forestias : Condominium


บรรยากาศภายในพื้นที่จำลอง Mulberry Grove Villas (บ้านเดี่ยวหรูระดับ)

บรรยากาศภายในพื้นที่จำลอง Mulberry Grove Villas (บ้านเดี่ยวหรูระดับ luxury)

อ่านพรีวิว > Mulberry Grove The Forestias : Villas


Six Senses Residences

Six Senses Residences บ้านเดี่ยวหรูระดับ Luxury วิวทะเลสอบ ที่ได้ความเป็นส่วนตัวเพียง 27 หลัง ที่บริหารจัดการโดย Six Senses แบรนด์ Service ระดับโลก โครงการถูกออกแบบด้วยสไตล์ Thai Tropical (บ้านในพื้นที่เขตร้อนชื้น) ที่มีระบบหมุนเวียนอากาศที่โปร่งสบาย ทำให้คุณผ่อนคลายกับวิวทะเลสาบ และสวนสีเขียว พร้อมบริการสุดพิเศษกับ Six Senses Hostel Resort & Spa ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

Image 1/2
บรรยากาศพื้นที่ภายในโครงการ Six Senses Residences (บ้านเดี่ยวหรูระดับ Luxury)

บรรยากาศพื้นที่ภายในโครงการ Six Senses Residences (บ้านเดี่ยวหรูระดับ Luxury)


The Aspen Tree Residences

The Aspen Tree Residences เป็นคอนโดผู้สูงวัย ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป วางแผนการใช้ชีวิตในระยะยาวที่เพียบพร้อมทั้งที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก การบริการครบครัน ที่ให้การบริการไปตลอดชีวิต ตามหลักการ ‘age-in-place’ นอกจากนี้ยังคำนึงถึงด้านสังคม และการดูแลทางการแพทย์ มุ่งเน้นส่งเสริมให้ใช้ชีวิตบั้นปลายให้มีความสุขมากที่สุด

เรามีบทความดีๆ เกี่ยวกับคอนโดผู้สูงอายุมาแนะนำให้อ่านกันค่ะ บ้านพักคนชรา-คอนโดผู้สูงอายุ อยู่ 20 ปี หลังเกษียณต้องใช้เงินเท่าไหร่

Image 1/6
บรรยากาศพื้นที่ของโครงการ The Aspen Tree Residences (คอนโดผู้สูงอายุ)

บรรยากาศพื้นที่ของโครงการ The Aspen Tree Residences (คอนโดผู้สูงอายุ)

อ่านรีวิวโครงการ >> The Aspen Tree

ราคา

สำหรับรายละเอียดราคาของโครงการพักอาศัยยังไม่ได้เปิดเผยยังเป็นทางการ (Official) ข้อมูลที่ได้มาเป็นราคาที่ผู้เขียนหาข้อมูลมาเองนะคะ โดยมีราคาเฉพาะของ MQDC เท่านั้น ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

11 February 2021

  • Whizdom Condominiums : คอนโด High-Rise 3 อาคาร ราคาประมาณ 150,000 บาท/ตร.ม. ห้องเริ่มต้นขนาด 35 ตรม.
  • Mulberry Grove Condominiums : คอนโด Low-Rise ราคาประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม. ห้องเริ่มต้นขนาด 63 ตรม.
  • Mulberry Grove Villas : บ้านเดี่ยวหรูระดับ Super Luxury ราคา 140 ล้านบาทขึ้นไป

บทสรุป

ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

สำหรับรายละเอียดโครงการยังไม่ได้เปิดเผยยังเป็นทางการ (Official) แต่ที่เรารู้คือโครงการขายแบบ Freehold ที่ซื้อขายสิทธิ์ขาด ไม่ได้เป็นลักษณะเช่าระยะยาว (Lease hold) แบบโครงการมิกส์ยูสอื่นๆในกรุงเทพ แต่ก็แลกกับทำเลที่ขยับออกมาอยู่ในจ.สมุทรปราการ รวมถึงรูปแบบโครงการก็มีความโดดเด่น เน้นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ แถมภายในโครงการมีการบริการครบวงจร ซึ่งถ้าโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์น่าจะเป็นที่น่าจับตามองทีเดียวนะคะ

บทความนี้ผู้เขียนหวังว่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับผู้อ่านที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในโครงการมิกส์ยูส ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในตัวสูง และความปลอดภัยในการใช้งาน แต่อาจจะต้องแลกกับผู้คนที่พลุกพล่านมากกว่าคอนโดทั่วไปที่เป็นลักษณะปิด ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล ส่วนใครที่อยากแชร์ประสบการณ์พูดคุยก็สามารถพิมพ์คอมเมนต์ใต้บทความนี้ได้เลย ทั้งเสนอแนะ แนะนำ ติชม ผู้เขียนยินดีที่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ขอบคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านเลยค่าาา ^^