ปัจจุบันนี้ประชากรไทยมีอายุยืนยาวขึ้นทำให้ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุกันแล้วนะคะ วันนี้อยากชวนคุณลุงคุณป้าที่เตรียมตัววางแผนหลังเกษียณ โดยเฉพาะคนโสดที่กำลังนึกหวั่นเหมือนกันว่าบ้านหลังเดิมอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลาย บ้านช่องหลังใหญ่และการขึ้นบันไดก็ไม่สะดวกอีกต่อไป เพราะเมื่อแก่ตัวไปก็คงมีกำลังลดลง ยิ่งหากเจ็บป่วยก็ต้องการคนดูแลมากขึ้น

ทำให้ทุกวันนี้คุณลุงคุณป้าหลายๆ ท่านกำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ให้กับตัวเองในวัยหลังเกษียณ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบบ้านพักคนชรา ที่มีพยาบาลดูแลใกล้ชิด 24 ชั่วโมง หรือจะเลือกเป็นบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของชาวสูงวัยให้เดินเหิน ทำกิจกรรมได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาหาคำตอบว่า “หากอยากจะใช้ชีวิตในบ้านพักคนชรา หรือคอนโดผู้สูงอายุ ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่” หรือ“หากเป็นคุณลุงคุณป้าที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องการพยาบาลดูแล 24 ชั่วโมง ต้องเลือกอยู่โครงการแบบไหน? ไปดูกันเลยค่ะ

ก่อนอื่นที่จะไปดูรายละเอียดเรื่องเงิน อยากให้มาดูกันก่อนว่าคุณลุงคุณป้าแต่ละท่าน เหมาะกับโครงการแบบไหนบ้าง เพื่อให้เลือกที่อยู่ได้เหมาะที่สุด ซึ่งสำหรับวัย 50 หยกๆ 60 หย่อนๆ แล้วมีปัจจัย 2 ส่วนหลักๆ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ

1. สภาพร่างกาย : คุณลุงคุณป้าต้องดูจากสุขภาพก่อนว่าเป็นกลุ่มที่สามารถดูแลตัวองได้หรือต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา 

  • กลุ่มที่สามารถดูแลตัวเองได้ อาจจะมีการไปหาคุณหมอบ้าง ทำกายภาพบ้างแต่ไม่ถึงกับต้องการคนดูแลตลอดเวลา สามารถเลือกอยู่บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุได้ เพราะที่เหล่านั้นมักออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการออกแบบโดยใช้หลัก Universal Design รองรับการใช้งานคนทุกกลุ่มรวมถึงผู้สูงอายุ เช่น ออกแบบให้ทางเดินมีความกว้างพิเศษสามารถใช้งานวีลแชร์หรือรถเข็นได้ มีราวจับ ใช้ทางลาดแทนบันได วัสดุพื้นชนิดไม่ลื่น เป็นต้น
  • กลุ่มที่ต้องการผู้ดูแลใกล้ชิด ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีภาวะติดเตียง กลุ่มนี้แนะนำให้เลือกบ้านพักคนชรา เพราะมักจะมีพยาบาลมืออาชีพดูแล 24 ชั่วโมง มีเครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ค่อนข้างครบครัน มีอาหารที่เหมาะสม จะดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้ได้ดีกว่า

2. เงินเก็บ : อีกเรื่องที่ต้องเช็คต่อจากสุขภาพร่างกาย ก็คือสุขภาพการเงิน เพราะเมื่อถึงวัยเกษียณแล้วความสามารถในการกู้เงินมาซื้อบ้าน-คอนโดใหม่จะน้อยลง ลองเช็คดูว่าเรามีเงินก้อนหรือมีลูกหลานกู้ร่วมด้วยไหม หรือได้เป็นบำนาญแบบรายเดือน เพราะแต่ละโครงการก็มีราคา รูปแบบการให้บริการต่างกัน อยู่ที่งบประมาณของเราค่ะ

  • กลุ่มที่มีเงินก้อน หรือมีลูกหลานกู้ร่วมได้ และมีสุขภาพที่ดีช่วยเหลือตัวเองได้ จะเหมาะกับการเลือกอยู่อาศัยในบ้าน-คอนโดผุ้สูงอายุ เพราะจะได้อิสระในการใช้ชีวิตมากกว่า ในขณะที่ยังได้รับการดูแลขั้นพื้นฐาน มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก เรียกใช้งานได้ในเวลาฉุกเฉิน ซึ่งก็มีให้เลือกหลายรูปแบบเช่น แบบขายสิทธิการอยู่อาศัย 30 ปี, ขายสิทธิการอยู่อาศัยตลอดชีวิต จ่ายครั้งเดียวก็อยู่ไปยาวๆ ได้เลย
  • ลุ่มที่มีเงินได้รายเดือน เช่น เงินบำนาญ เงินปันผล กลุ่มนี้หากไม่มีเงินก้อนก็จะกู้ซื้อบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุได้ยาก เพราะอย่างที่บอกไปว่าในวัยเกษียณแล้ว ธนาคารจะไม่ปล่อยกู้ให้ง่ายๆ เหมือนเดิม ทางเลือกที่เหมาะสมก็จะเป็นบ้านพักคนชรา ที่คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน ซึ่งจะรวมค่าดูแลทำความสะอาด ค่าอาหาร ค่าพยาบาลไว้หมดแล้ว

หลังจากเลือกคร่าวๆ ได้แล้วว่าบ้านพักคนชรา หรือ บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ เหมาะกับตัวเรามากกว่ากัน ก็มาดูกันหน่อยค่ะว่าทั้ง 2 แบบนี้แตกต่างกันอย่างไร มีบริการอะไรตอบโจทย์กับคุณลุงคุณป้าบ้าง เรารวบรวมมาให้ดูเข้าใจง่ายๆ ว่าทั้ง 2 แบบนี้ตอบโจทย์ผู้สูงอายุแตกต่างกันนะคะ

บ้านพักคนชรา

จุดเด่นของบ้านพักคนชราที่ต่างจากบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุคือมีการดูแลโดยพยาบาลมืออาชีพตลอด 24 ชั่วโมง การเลือกอยู่อาศัยที่นี่จึงไม่ใช่แค่ได้ที่พักอาศัยอย่างเดียว แต่จะได้เรื่องงานบริการทั้งอาหาร 3 มื้อ การดูแลทำความสะอาด มีกิจกรรมให้ผู้สูงอายุเข้าร่วม

รูปแบบห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้องรวม แต่ในหลายๆ ที่ก็มีห้องพักคู่เผื่อมากันทั้งสามีภรรยา ก็อยู่ด้วยกันได้ และมีห้องพักเดี่ยวสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมด้วย อีกเรื่องคือไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ สามารถจ่ายเป็นแบบรายเดือนได้

เหมาะกับ : ผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการพยาบาลคอยดูแลป้อนอาหาร อาบน้ำเช็ดตัวให้ ต้องให้อาหารทางสายยาง หรือคนที่ต้องการจ่ายเป็นรายเดือน มีเงินเก็บในรูปแบบของเงินบำนาญก็จะเหมาะกับการอยู่อาศัยในบ้านพักคนชรา

ราคา : ขั้นต่ำเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน ไปจนถึงแบบหรูหราอยู่สบายแบบ 80,000 บาทต่อเดือนก็มี ขึ้นอยู่กับโครงการ รูปแบบห้อง และความยากง่ายในการดูแลของผู้สูงอายุแต่ละราย เห็นค่าใช้จ่ายต่อเดือนบางที่ไม่สูงนักแต่ก็อาจจะมีค่าแรกเข้า อย่างเช่น บ้านบางแคที่ต้องมีค่าแรกเข้า 300,000 บาท เพิ่มขึ้นมาด้วยนะคะ

และค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่งที่ต้องเตรียมไว้ก็คือ ค่ายา ค่าหาหมอ ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งปกติแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่ได้รวมอยู่ในค่าเช่ารายเดือนของบ้านพักคนชรา จึงต้องสำรองในส่วนนี้ไว้เผื่อด้วยค่ะ

บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ

บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุเป็นโครงการที่มีขึ้นมาในยุคที่หลายๆ ประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้รูปแบบที่อยู่อาศัยเดิมๆ เริ่มไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณลุงคุณป้าท่านแล้ว ลักษณะของการออกแบบฟังก์ชันต่างๆ ในโครงการจึงต่างจากโครงการทั่วไป เช่น ลดการใช้บันไดลง ใช้ทางลาดให้มากขึ้น ประตูแบบบ้านเลื่อนทำให้ใช้งานง่าย ทางเดินกว้างเข็นวีลแชร์ได้สะดวก เป็นต้น

หลายๆ ที่มี Facilities ส่วนกลางให้ใช้ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส มีกิจกรรมเพิ่มเติมให้ผู้สูงอายุ เช่น โยคะ มีรถรับ-ส่งไปแหล่งช้อปปิ้งตามวัน เวลา ที่โครงการกำหนด อธิบายง่ายๆ คือเหมือนซื้อบ้านหรือคอนโดทั่วไป ที่มีบริการขั้นพื้นฐานแถมให้ด้วย เช่น การตรวจสุขภาพ การบริการโดยพยาบาลมืออาชีพในเวลาทำการนั่นเอง โครงการบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุ จะมีรูปแบบการขายที่เป็นทั้งขายสิทธิการอยู่อาศัยตลอดชีวิต , สิทธิอยู่อาศัย 30 ปี หรือบางที่ก็ขายขาด

เหมาะกับ : คนที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีการออกแบบให้เหมาะกับวัย มีกิจกรรมให้เข้าสังคมบ้าง และมีการบริการให้เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยากเกษียณแบบโสดๆ ร่างกายยังแข็งแรงออกไปเที่ยวช้อปปิ้งได้ก็จะเหมาะมาก

ราคา : สำหรับบ้าน-คอนโดผุ้สูงอายุจะมีช่วงราคาตั้งแต่ 200,000 บาท (โครงการบุศยานิเวศน์ที่ดูแลโดยมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช) ไปจนถึงระดับราคา 5 ล้านบาท คือราคาไม่แตกต่างจากคอนโดทั่วไปนั่นแหละค่ะ ขึ้นอยู่กับรูปแบบโครงการ หากขายเป็นสิทธิในการอยู่อาศัยก็จะมีราคาที่ต่ำกว่ารูปแบบขายขาดลงมาหน่อย แต่รูปแบบสิทธิในการอยู่อาศัยมักจะให้จองได้เมื่อถึงเกณฑ์อายุที่กำหนด ส่วนใหญ่ก็จะกำหนดไว้ที่ 55 – 60 ปี ค่ะ

และเช่นเดียวกับบ้านพักคนชราคือ คุณลุงคุณป้าต้องสำรองค่าใช้จ่ายพวกค่ายา ค่าหาหมอ ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน ไว้เผื่อด้วย เพราะไม่รวมอยู่ในค่าที่อยู่อาศัยนะคะ


ในปี 2562 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่ประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยมีมากกว่ากลุ่มเด็กแล้วจากสถิติในปัจจุบันผู้หญิงมีอายุเฉลี่ย 80.4 ปี ส่วนผู้ชายมีอายุเฉลี่ย 73.2 ปี และมีการคาดการณ์ไว้ว่าอีกประมาณ 7 ปี (ช่วงปี 2564) ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัว คือมีประชากรผู้สูงอายุเกิน 20% ของประชากรทั้งประเทศค่ะ คิดเล่นๆ ว่าหากเราเกษียณตอนอายุ 60 ปี ก็ควรมีการวางแผนไว้ว่าอีก 20 ปีข้างหน้าว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไร? มีไลฟ์สไตล์แบบไหน? และต้องใช้เงินเท่าไหร่นะคะ

ปัจจุบันบ้านพักคนชรามีให้เลือกหลายที่มากๆ มีตั้งแต่รายเดือนประมาณ 1,800 – 26,000 บาท รูปแบบนี้จะจ่ายเป็นรายเดือนไม่ต้องมีเงินก้อนก็เข้ามาอยู่อาศัยได้ แต่หากมองระยะยาวว่าต้องเตรียมเงินสำหรับอยู่อาศัยทั้งหมด 20 เป็นจำนวนเท่าไหร่ ..ลองมาคำนวณกันคร่าวๆ โดยเราลองคิดแบบรวมเงินเฟ้อปีละ 3% อ้างอิงตามที่แบงค์ชาติประกาศออกมาล่าสุดในปี 2563 นี้ว่าจะคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในช่วง 1-3 % นะคะ

ตัวอย่างการคำนวณค่าใช้จ่ายในการอยู่บ้านบางแค 20 ปี

  • ค่าเช่ารายเดือนเริ่มต้น 1,500 บาท + ค่าน้ำค่าไฟ 300 บาท = 1,800 บาท
  • ค่าเช่าต่อปี = 1,800 x 12 = 21,600 บาท
  • ค่าเช่า 20 ปี หากมีการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อปีละ 3% = 21,600 (ปีที่ 1)  +  21,600+3% =22, 248 (ปีที่ 2) + 22,258+3% (ปีที่ 3)……… +36,772+3% (ปีที่ 20) รวม 580,400 บาท

ซึ่งเราได้คำนวณค่าใช้จ่าย 20 ปี มาให้ทุกโครงการแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณลุงคุณป้ามีงบประมาณเท่าไหร่ ถ้าเป็นบ้านพักคนชราก็จะรวมค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ค่าทำความสะอาดมาให้แล้ว ทำให้ไม่ต้อกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายจิปาถะ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอีกส่วนที่ต้องสำรองไว้ใช้ดูแลสุขภาพ จะมากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับรายบุคคลว่ามีโรคประจำตัวไหม ต้องหาคุณหมอบ่อยแค่ไหน ถ้าเราหมั่นออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้ด้วยนะคะ^^

หากดูตามเรทราคาของแต่ละโครงการก็คงจะอยากรู้กันแล้วว่าแต่ละราคานั้นต่างกันอย่างไรบ้าง จากที่ได้พูดคุยมากับเจ้าหน้าที่แต่ละโครงการ เราคิดว่างานบริการขั้นพื้นฐานนั้นได้เหมือนกันนะคะ จะแตกต่างกันที่บรรยากาศของสถานที่ในการพักอาศัย ไปดูกันเลย

1. บ้านบางแค

(ดูแลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์)

  • ราคาเริ่มต้น : 1,500 บาท/เดือน, ค่าน้ำค่าไฟ 300 บาท/เดือน (ข้อมูลโดยประมาณจากการสอบถามเจ้าหน้าที่) และค่าแรกเข้า 300,000 บาท
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนเพชรเกษม จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • ลักษณะ : ดูแลโดยหน่วยงานของรัฐทำให้มีค่าบริการถูกที่สุด แต่ด้วยค่าบริการที่เป็นมิตรแบบนี้ แน่นอนว่าคนเข้าคิวกันยาวหน่อย เจ้าหน้าที่ที่นี่แนะนำมาว่า พออายุถึงเกณฑ์ก็ให้มาลงทะเบียนจองคิวไว้ก่อนเลยนะคะ เพราะปัจจุบันคิวยาว 2,000 กว่าคิว รอเรียกันหลายปีค่ะ
  • คลิกอ่านรายละเอียด บ้านบางแค เพิ่มเติมได้ที่นี่

2. บ้านเย็นจิต

  • ราคาเริ่มต้น : 10,000 บาท/เดือน
  • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
  • จุดเด่น : ราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ และรองรับผู้สูงอายุที่เป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  • คลิกอ่านรายละเอียด บ้านเย็นจิต เพิ่มเติมได้ที่นี่

3. แสนสิริ โฮม แคร์ (Sansiri Home Care)

  • ราคาเริ่มต้น : 16,000 บาท/เดือน
  • โครงการมี 4 สาขา ตั้งอยู่ :

  • ซอยสุขุมวิท 101/1 จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • ซอยอนามัยงามเจริญ 23 จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  • ซอยแบริ่ง 36 จังหวัดสมุทรปราการ
  • ซอยแบริ่ง 17/5 จังหวัดสมุทรปราการ

  • จุดเด่น : โครงการออกแบบเป็นกลุ่มบ้านหลายๆ หลัง ทำให้ดูอบอุ่น มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลายทั้งแบบ 2, 4, 8, 10 เตียง แต่ละห้องแยกชาย/หญิง และมีนักกายภาพบำบัดเข้ามาประเมินสุขภาพให้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
  • คลิกอ่านรายละเอียด แสนสิริ โฮม แคร์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
  • 4. เอลเดอรี่คลับ เนอร์สซิ่งโฮม (Elderly Club Nursing Home)

    • ราคาเริ่มต้น : 16,000 บาท/เดือน
    • โครงการตั้งอยู่ : ซอยศิริสุข 1 จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    • จุดเด่น : n/a
    • คลิกอ่านรายละเอียด เอลเดอรี่คลับ เนอร์สซิ่งโฮม เพิ่มเติมได้ที่นี่

    5. คุณตา คุณยาย เนอร์สซิ่งโฮม (Kuntakunyay Nursing Home)

    • ราคาเริ่มต้น : 18,000 บาท/เดือน
    • โครงการมี 3 สาขา ตั้งอยู่ :

    • ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
    • ซอยพัฒนาการ 57 จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    • ซอยรามอินทรา 60 จังหวัดกรุงเทพมหานคร

  • จุดเด่น : n/a
  • คลิกอ่านรายละเอียด คุณตา คุณยาย เนอร์สซิ่งโฮม เพิ่มเติมได้ที่นี่
  • 6. เถาจือ โฮม

    • ราคาเริ่มต้น : 20,000 บาท/เดือน
    • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
    • จุดเด่น : ให้บรรยากาศอารมณ์รีสอร์ท ดูแลโดยเจ้าของโครงการเอง ซึ่งเป็นนักกายภาพบำบัดโดยตรง
    • คลิกอ่านรายละเอียด เถาจือ โฮม เพิ่มเติมได้ที่นี่

    7. ดิษฐ์ราเนอร์สซิ่งโฮม

    • ราคาเริ่มต้น : 26,000 บาท/เดือน
    • โครงการมี 3 สาขา ตั้งอยู่ :

    • ซอยโรงพยาบาลเจ้าพระยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    • ซอยเจริญนคร 40 จังหวัดกรุงเทพมหานคร
    • ซอยบางขุนเทียน 16 จังหวัดกรุงเทพมหานคร

  • จุดเด่น : อาคารถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ บรรยากาศดูโปร่งโล่ง สะอาดสอ้าน จัดการพื้นที่รอบอาคารให้เป็นพื้นที่พักผ่อนของผู้สูงอายุแบบถูกลักษณะ ทำให้กลุ่มนี้จะมีราคาสูงกว่าโครงการอื่นๆ
  • คลิกอ่านรายละเอียด ดิษฐ์ราเนอร์สซิ่งโฮม เพิ่มเติมได้ที่นี่

  • สำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์มากขึ้นมาหน่อย ยังแข็งแรงพอที่จะดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันได้ บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งมีราคาให้เลือกหลากหลาย เราได้ลิสต์มาให้ดูราคากันเป็นแนวทางว่าต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ ก็มีให้เลือกตั้งแต่ 7 แสนบาทขึ้นไป แต่โครงการส่วนใหญ่ก็จะมีราคาประมาณ 2 – 4 ล้านบาท

    ตามในตารางเราลองคิดในกรณีที่คุณลุงคุณป้ามีเงินเก็บสักก้อนหนึ่งให้สามารถซื้อบ้าน-คอนโดได้เมื่อยามเกษียณ ลองมาคำนวณดูสักตัวอย่างนะคะ

    ตัวอย่างการคำนวณค่าใช้จ่ายในการเซ้งคอนโดสวางคนิเวศเพื่ออยู่อาศัย 20 ปี

    • ค่าคอนโดเริ่มต้น 650,000 บาท จ่ายเมื่อวันที่เข้าอยู่เป็นเงินก้อน
    • ค่าส่วนกลางเดือนละ 2,500 บาท
    • ค่าส่วนกลางปีละ 2,500×12 =30,000 บาท
    • ค่าส่วนกลาง 20 ปี หากมีการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อปีละ 3% = 30,000 (ปีที่ 1)  +  30,000+3% = (ปีที่ 2) + 30,900+3% (ปีที่ 3)……… +51,072+3% (ปีที่ 20) รวม 806,111 บาท

    รวมค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยที่สวางคนิเวศ 20 ปี = 650,000+806,111 = 1,456,111 บาท ส่วนโครงการอื่นๆ เราได้คำนวณมาให้เรียบร้อยตามในตารางนะคะ

    การซื้อบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุนอกจากจะต้องดูราคาตามงบประมาณของเราแล้ว ก็ต้องดูเรื่องรูปแบบการขายด้วย บางโครงการจะกำหนดไว้ว่าขายเป็นสิทธิในการอยู่อาศัย ซึ่งจะกำหนดไว้ เช่น ตลอดชีวิต แต่เมื่อไปอ่านรายละเอียดแล้ว จะบอกไว้ว่า ‘ตลอดชีวิต’ คือจนกว่าจะดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ต้องให้ลูกหลานมารับกลับไปดูแล

    ซึ่งรูปแบบนี้ส่วนใหญ่จะกำหนดว่าสามารถซื้อได้เมื่อมีอายุ 55-60 ปี ตรงนี้จะมีปัญหานิดหนึ่งสำหรับคนที่ไม่มีเงินเก็บไว้เป็นก้อน เพราะเมื่ออายุมาถึงวัยเกษียณจะขอยื่นกู้ยาก ทำให้ไม่สามารถซื้อบ้าน-คอนโดรูปแบบนี้ได้

    อีกทางเลือกหนึ่งที่มาแก้ปัญหายื่นกู้หลังเกษียณไม่ได้ คือการวางแผนซื้อคอนโดผู้สูงอายุไว้ตั้งแต่วัยทำงานเลย กลุ่มบ้าน-คอนโดที่ซื้อได้ก็คือโครงการที่ขายขาด เราลองยกตัวอย่างมาว่าหากซื้อโครงการตั้งแต่วัย 40 จะต้องใช้เงินผ่อนเท่าไหร่ และอย่าลืมที่จะเผื่อเงินไว้สำหรับจ่ายค่าส่วนกลางอีก 40 ปี คือตั้งแต่วันที่เราซื้อโครงการตอนอายุ 40 ไปจนถึงเราอายุ 80 ปีด้วยนะคะ แต่ในความเป็นจริงเราอาจจะไม่ต้องจ่ายเยอะเท่าในตารางเพราะหากเรานำคอนโดไปปล่อยเช่าก็จะได้เงินมาช่วยลดภาระในการผ่อนได้เหมือนกันนะ

    การซื้อบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุก็ไม่ต่างจากการซื้อที่อยู่อาศัยทั่วไปสักเท่าไหร่ ส่วนที่ต่างคือมีบริการพื้นฐานเบื้องต้นที่ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกได้บ้าง แต่หากเจ็บป่วยก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีค่าอาหาร ค่าทำความสะอาด ที่ไม่ได้รวมไว้แบบบ้านพักคนชรา ทำให้เราต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายจิปาถะเหล่านี้ในชีวิตประจำวันด้วย ต่อไปเรามาดูรายละเอียดแต่ละโครงการกันค่ะ

    1. สวางคนิเวศ

    • ดูแลโดย : สภากาชาดไทย
    • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
    • สิทธิการใช้งาน : สิทธิอยู่อาศัยตลอดชีวิต
    • รูปแบบ : คอนโด Low Rise 6-8 ชั้น 9 อาคาร รวม 468 ยูนิต
    • ราคา : 650,000 – 900,000 บาท
    • ค่าส่วนกลาง : 2,500 บาท
    • จุดเด่น : ราคาหยิบจับง่ายไม่ถึง 1 ล้านบาท ซึ่งราคานี้จะได้การออกแบบที่ได้มาตรฐานสำหรับผู้สูงอายุ
    • คลิกอ่านรายละเอียดโครงการ สวางคนิเวศ เพิ่มเติมได้ที่นี่

    2. วิลล่ามีสุข เรสซิเดนท์เซส

    • ดูแลโดย : บริษัท มีสุข (ประเทศไทย) จำกัด
    • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
    • สิทธิการใช้งาน : ขายขาด
    • รูปแบบ : คอนโดขนาดพื้นที่ใช้สอย 48 ตร.ม.
    • ราคา : 3,400,000 – 5,500,000 บาท
    • ค่าส่วนกลาง : 50 บาท/ตร.ม./เดือน
    • จุดเด่น : มี Shuttle Van 4 เที่ยวต่อวัน คอยรับส่งตามแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ เช่น เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, ตลาดสดรวมโชค, ตลาดสดริมปิง  ผู้ที่สนใจโครงการมีรูปแบบเช่ารายเดือน ทำให้คุณลุงคุณป้าสามารถทดลองอยู่ก่อนซื้อได้
    • คลิกอ่านรายละเอียดโครงการ วิลล่ามีสุข เรสซิเดนท์เซส เพิ่มเติมได้ที่นี่

    3. Wellness City

    • ดูแลโดย : บริษัท เวลเนส ซิตี้ จำกัด
    • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    • สิทธิการใช้งาน : สิทธิอยู่อาศัย 30 ปี
    • รูปแบบ : บ้านพร้อมที่ดิน

    • ที่ดินขนาด 83.5 ตร.วา
    • พื้นที่ใช้สอยของบ้าน 150 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้อน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว จอดรถ 1 คัน

  • ราคา : 4,000,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง : 1,500 บาท/เดือน
  • จุดเด่น : มีโรงพยาบาลในโครงการชื่อ Wellness Care ดูแลโรคของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
  • คลิกอ่านรายละเอียดโครงการ Wellness City เพิ่มเติมได้ที่นี่
  • โครงการนี้มีขายในรูปแบบคอนโดด้วยนะคะ ซึ่งกำลังจะเปิดเฟสถัดไปในราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท ได้สิทธิการเช่า 30 ปี ห้องพักมีขนาดประมาณ 41 ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์มาให้พร้อมอยู่ ซึ่ง 1 ห้องสามารถพักอาศัยได้ 2 ท่านค่ะ ข้อมูลส่วนนี้ทางเซลล์แจ้งมาทางโทรศัพท์ยังไม่เห็นในหน้าเว็บไซต์นะคะ

    4. Jin Wellbeing County

    • ดูแลโดย : บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป
    • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
    • สิทธิการใช้งาน : ขายขาด
    • รูปแบบ : คอนโด Low Rise 7 ชั้น 5 อาคาร 494 ยูนิต (เฉพาะเฟส 1)
    • ราคาเริ่มต้น : 4.2 – 6.2 ล้านบาท
    • ค่าส่วนกลาง : 60 บาท/ตร.ม./เดือน
    • จุดเด่น : เป็นโครงการที่มีทั้ง Condominium + Wellness Center + Hospital และ Community Mall อยู่ในโครงการเดียวกัน จึงเป็นศูนย์รวมการดูแลรักษาสุขภาพที่ครบวงจร
    • คลิกอ่านรีวิวโครงการ Jin Wellbeing County เพิ่มเติมได้ที่นี่

    5. แสนสรา แอท แบคเม้าท์เท่น

    • ดูแลโดย : บริษัท แสนสรา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
    • โครงการตั้งอยู่ : อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    • สิทธิการใช้งาน : สิทธิอยู่อาศัย 30 ปี ต่อสัญญาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี
    • รูปแบบ : Apartment ขนาด 60 ตร.ม. และ Pool Villa ขนาดประมาณ 256 – 277 ตร.ม.
    • ราคาเริ่มต้น : 4.7 ล้านบาท
    • ค่าส่วนกลาง : 60 บาท/ตร.ม./เดือน
    • จุดเด่น : ทำเลอยู่บนสนามกอล์ฟยูโรเปี้ยน พีจีเอ ทุกยูนิตได้วิวแฟร์เวย์ของสนามกอล์ฟ ได้เทคโนโลยี Smart Home เหมาะกับชาวต่างชาติเพราะมีบริการดูแลติดตามเรื่องวีซ่าให้ด้วยค่ะ
    • คลิกอ่านรายละเอียดโครงการ แสนสรา แอท แบคเม้าท์เท่น เพิ่มเติมได้ที่นี่

    เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีโครงการไหนที่อยู่ในงบประมาณและเข้าตาคุณลุงคุณป้ากันบ้างไหมเอ่ย? ดูๆ จากข้อมูลแล้วหากจะอยู่บ้านพักคนชรา 20 ปีต้องใช้เงินตั้งแต่ 580,000 บาท ราคากลางๆ ก็จะใช้งบประมาณ 3 ล้านบาท และมีหลายระดับราคาไปจนถึง 10 ล้านบาทเลยค่ะซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จ่ายเป็นแบบรายเดือน ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ และครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว แถมมีพยาบาลมืออาชีพคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้ามองในระยะยาวก็มีราคาสูงกว่าคอนโด จึงเหมาะอยู่แค่ระยะสั้นนะคะ

    แต่ถ้ามีเงินก้อนลองมาพิจารณาดูบ้าน-คอนโดผู้สูงอายุก็มีให้เลือกตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป ซึ่งราคาส่วนใหญ่ที่เป็นของเอกชนจะต้องใช้เงินก้อนตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปค่ะ ราคานี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ถ้าเจ็บป่วยหนักขึ้นมาก็อาจจะต้องมีค่าจ้างพยาบาลส่วนตัวเพิ่ม เพราะไม่ได้มีพยาบาลดูแลใกล้ชิดเท่าบ้านพักคนชรานะคะ

    สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการใช้ชีวิตให้มีความสุขในบั้นปลายของทุกคนนะคะ หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อผิดลาดประการใดก็สามารถมาแชร์กันได้ เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านต่อไปค่า^^