รีวิวโครงการ
คอนโดวิวสวน 700 ไร่ ที่สวยที่สุดในห้าแยกลาดพร้าว | The Crest Park Residences | คิดเรื่องอยู่ EP.719
1 กันยายน 2023
The Crest Park Residences จาก SC Asset โครงการนี้มาบนทำเล Prime Area อย่างห้าแยกลาดพร้าว และทำออกมาในระดับ Luxury น่าจะที่สุดในโซนนี้ก็ว่าได้ค่ะ จุดที่น่าสนใจของโครงการมีดังนี้
- ทำเลใกล้รถไฟฟ้า – แถมยังเป็นสถานี interchange ระหว่าง BTS สายสีเขียวและ MRT สายสีน้ำเงินซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่คนทำงานในเมืองใช้กันด้วย โดยโครงการนี้จะอยู่ระหว่าง 2 สถานี เดินไปใช้งานได้ใกล้ในระยะพอๆ กัน (แตกต่างจากโครงการในโซนห้าแยกฯ ที่มักจะใกล้ BTS แต่ไกล MRT นะคะ)
- ทำเลติดห้าง – โครงการนี้จะอยู่ใกล้กับ Central ลาดพร้าว และ ติดกับยูเนียน มอลล์เลย และมี Sky walk หน้าโครงการไปเดินเล่นดูหนังได้ จะหาของกิน ของใช้ entertainment อะไรก็สะดวกจริง
- Privacy – ในโครงการระดับ Luxury เรามองว่าความเป็นส่วนตัวเป็นอีกปัจจัยที่ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญนะ โดยที่นี่จะมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 418 ห้อง ซึ่งน้อยสุดท่ามกลางโครงการมือหนึ่งที่ขายอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการวางผังโครงการเป็นรูปตัว V ทำให้ทุกห้องได้ทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor เพิ่มความเป็นส่วนตัวเข้าไปอีก
- Concierge Service – นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาจัดเต็มเป็น Sky facility ก็ยังมีบริการ Concierge Service พ่วงเข้ามาด้วย ซึ่งจุดนี้โครงการใกล้เคียงก็ไม่มีเช่นกัน
- วิวสวนขนาด 700 ไร่ – ด้วยทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่และวางตัวอาคารขนานไปกับถนน ทำให้พื้นที่ครึ่งหนึ่งของโครงการหันหน้าเข้าหาสวนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ รวมแล้วมากกว่า 700 ไร่ โดยวิวนี้ไม่ใช่จะเห็นเฉพาะห้องพักราคาสูงเท่านั้น แต่จะเห็นได้จากส่วนกลางหลักของโครงการด้วยค่ะ
The Crest Park Residences เป็นอีกหนึ่งคอนโดที่น่าสนใจสำหรับคนที่หาคอนโดในโซนห้าแยกลาดพร้าวอยู่นะคะ ปัจจุบันราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6.29 ล้านบาท รายละเอียดโครงการจะเป็นอย่างไร ไปอ่านรีวิวฉบับเต็มกันเลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
The Crest Park Residences @ 1 December 2022
ชื่อโครงการ | The Crest Park Residences (เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนซ์) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนพหลโยธิน เขต จตุจักร |
ที่ดิน | 1 – 3 – 93.5 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 36 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 418 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 16 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 235 คัน (Automatic 230 คัน + conventional 5 คัน) คิดเป็น 56.22% |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2563 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2565 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.75 – 3 เมตร ในแบบห้องปกติ และ 5.9 เมตร ในแบบห้องฝ้าสูงพิเศษ |
ราคาเริ่มต้น | 6.29 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | สอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.scasset.com/th/condominium/the-crest-park-residences-ha-yaek-ladprao/ |
Call Center | 1749 / 02-079-1169 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.814136 , 100.560767
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ทำเลโครงการ The Crest Park Residences น่าสนใจอย่างไร? อ่านข้อมูลทำเลและดูสภาพแวดล้อมโครงการนี้เพิ่มเติมได้ที่ >> Walk-in The Crest Park Residences
จุดน่าสนใจของทำเลและสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ
- ที่ตั้งติดถนนใหญ่ – ถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้าเมือง ทำให้เดินทางเข้าเมืองได้ง่าย เลี้ยวเข้าลาดพร้าว ไปพหลโยธิน หรือวิภาวดีรังสิตได้สะดวก
- ใกล้ 5 แยกลาดพร้าวมากที่สุด – ทำให้เป็นโครงการที่ใช้ BTS และ MRT ได้สะดวกมากในระยะพอๆ กัน ในขณะที่โครงการอื่นๆ ต้องเดินมาใช้งาน MRT ไกลกว่า
- ติดยูเนียนมอลล์ – ทำให้หาของกินของใช้ได้ง่าย และหน้าโครงการมีทางขึ้น Sky walk เดินไป Central ลาดพร้าวได้สะดวก
- วิวสวน – ตัวโครงการอยู่ในโซนใกล้ 5 แยกลาดพร้าวในแบบที่ไม่น่าจะมีอาคารสูงอื่นๆ ขึ้นมาบังวิวสวนนี้ได้แล้ว จุดนี้จึงเป็น Benefit ที่สำคัญ การมองสวนได้แบบเต็มตาทั้งจากพื้นที่ส่วนกลางและห้องพัก(บางยูนิต)
หน้าโครงการจะเป็นถนนพหลโยธิน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Union Mall ~ 50 m.
- Central ลาดพร้าว ~ 160 m.
- Tesco Lotus ~ 550 m.
- ตลาดนัดจตุจักร ~ 2.2 km.
โรงพยาบาล
- รพ.เปาโล เกษตร ~ 5 km.
- รพ.วิภาวดี ~ 5.5 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนหอวัง ~ 500 m.
- St. Stephen int. school ~ 2 km.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 4.6 km.
อาคารสำนักงาน
- PTT สำนักงานใหญ่ ~ 900 m.
- Sun Tower ~ 1 km.
- SC Asset ~ 1.2 km.
- Thai Airways ~ 1.2 km.
- SCB Park ~ 1.7 km.
รายละเอียดโครงการ
The Crest Park Residences คอนโด High Rise ที่สร้างเสร็จใหม่จากทาง SC Asset ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาทาง SC Asset เองเปิดโครงการประเภทคอนโดมิเนียมมาไม่มาก จะมีโครงการ The Crest Park Residences ที่เพิ่งสร้างเสร็จนี้ และ Reference สาทร-วงเวียนใหญ่ ที่เปิดตัวมาล่าสุดในช่วงกลางปีนี้และกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง
สำหรับแบรนด์ The Crest นี้ ถือว่าเป็นแบรนด์ในระดับ Luxury ของทาง SC Asset เป็นคอนโดที่เปิดใน Prime Location เช่น ถนนสุขุมวิท, ซอยร่วมฤดี หรือพหลโยธิน แต่ก็เป็นแบรนด์ที่เราไม่ได้เห็นเปิดใหม่มานาน (โครงการล่าสุดภายใต้แบรนด์นี้คือ The Crest สุขุมวิท 34 ซึ่งสร้างเสร็จในปี 2014 หรือว่าเมื่อ 8 ปีก่อนเลยค่ะ)
ในคราวนี้ The Crest มาเปิดตัวใหม่ในทำเลที่ทาง SC Asset บอกมาว่าเป็น Prime on Prime Location เพราะเป็นทำเลที่ใกล้สถานี interchange ของรถไฟฟ้า BTS และ MRT, ติดห้างสรรพสินค้า, ใกล้สำนักงานหลายแห่ง และมี Mega Project รายล้อมเป็นจำนวนมาก รวมกับทำเลที่สามารถเห็นสวนขนาดใหญ่มากกว่า 700 ไร่ จึงกลายมาเป็น The Crest Park Residences แห่งนี้ค่ะ
The Crest Park Residences เป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร สูง 36 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดเกือบ 2 ไร่ มีจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องพักอาศัย เพียง 418 ยูนิต น้อยสุดในย่าน 5 แยกลาดพร้าวนี้ เมื่อเทียบกับโครงการมือ 1 ที่ขายอยู่ ณ ปัจจุบัน นอกจากนี้ก็ยังเป็นอาคารที่ออกแบบมาให้ผังพื้นเป็นรูปตัว V เกิด Form ของอาคารที่แปลกตาและทำให้ห้องพักอาศัยทุกห้องได้ทางเดินด้านหน้าห้องเป็น Single Corridor หรือไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามทางเดิน ได้ความสงบและเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
อีกเรื่องที่น่าสนใจในการออกแบบอาคารของที่นี่คือการคำนึงถึงบริบทโดยรอบค่ะ เช่น ฝั่งที่ติดกับ union mall ชั้นล่างๆ ก็ออกแบบให้เป็นที่จอดรถทั้งหมด เพื่อให้ห้องพักอาศัยอยู่ระดับความสูงพ้นอาคารข้างๆ ไป ไม่ให้อาคารข้างเคียงมาบล็อควิว หรือฝั่งด้านหน้าก็ออกแบบให้ชั้นพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 4 ซึ่งสูงพ้นตึกแถวที่อยู่ด้านหน้าอาคารเช่นกัน
พื้นที่ส่วนกลาง
ในการจัดฟังก์ชันภายในอาคาร พื้นที่ส่วนกลางจะกระจายตัวอยู่ที่ชั้น G, 2, 4, 21, 36 และดาดฟ้า รายละเอียดแต่ละฟังก์ชันตามรูปด้านบนเลยค่ะ ส่วนห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 4 เป็นต้นไป โดยจะมีชั้น 4 และชั้น 21 ที่มีความพิเศษ เป็นชั้น High Ceiling สูง 5.9 เมตร (ยูนิตที่อยู่ 2 ชั้นนี้จะมีลักษณะฝ้าเพดานสูง)
ส่วนของ Concept โครงการ “Urban Luxury Living inspired by Nature” ซึ่งอ้างอิงมาจากบริบทของทำเลที่ใกล้กับสวนขนาดใหญ่ ดังนั้นภายในโครงการจึงต้องการหยิบเอา Sense of nature มาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ ที่เราจะเห็นได้ในการตกแต่งภายใน ซึ่งจะมีวัสดุที่เหมือนหิน ผนังโค้งเว้าเหมือนถ้ำ หรือสวนต่างๆ ที่เชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอกอาคารค่ะ
อีกสิ่งที่สำคัญของโครงการ The Crest Park Residences คือ บริการ Concierge Service ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการเดียวในย่านที่มีบริการนี้ให้ โดยทางโครงการจะเลือกใช้บริษัท Concierge service เจ้าเดียวกับโครงการ Beatniq บริการนี้ก็เปรียบเสมือนผู้ช่วย เช่น เรียกรถ ส่งเสื้อผ้าไปซักรีด จัดหาแม่บ้าน จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม หรือติดต่อสปามาทำ Treatment ส่วนตัวที่คอนโด เป็นต้น (*อาจจะมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมนะคะ) เป็นบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตได้ดีเลยค่ะ
Ground Floor
เราขอพาไปดูพื้นที่ส่วนกลางกันทีละชั้นเลยค่ะ เริ่มจากชั้นแรก หรือว่า Ground floor ทางเข้าออกของโครงการจะมีอยู่ทางเดียวคือฝั่งถนนพหลโยธินเท่านั้น เมื่อเข้ามาแล้วเราจะเจอกับ Drop-off ขนาดใหญ่ และทางเดินรถที่วนรอบนอกอาคาร
ในส่วนของที่จอดรถจะเป็นที่จอดรถระบบ Auto Parking เป็นหลัก สามารถจอดได้ 230 คัน และมีที่จอดรอบๆ อาคารประมาณ 5 คัน ซึ่งจะมีจุดจอดสำหรับ EV Charger เตรียมเอาไว้ให้ และในส่วนที่จอดรถอัตโนมัติก็จะมีการแบ่ง Tower เพื่อรองรับรถขนาดทั่วไปและรถขนาดใหญ่อย่าง SUV เอาไว้ด้วยค่ะ
ฟังก์ชันภายในอาคาร จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Grand Lobby และ Private Lobby นอกจากนี้ด้านหลังของ Grand Lobby จะมีพื้นที่ที่เตรียมไว้เรียกว่า “one pick up point” เป็นจุดสำหรับ service ต่างๆ เช่นคนมาส่งพัสดุ, delivery, laundry และมี smart locker ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นการวางตำแหน่งรับ-ส่งของที่ชัดเจน ทำให้ภายใน Lobby จริงไม่วุ่นวายค่ะ
ประตูรั้วโครงการจะออกแบบให้อยู่ห่างจากถนนใหญ่ เพื่อให้มีระยะสำหรับรถที่จอดรถหรือแลกบัตรระหว่างเข้า จะได้ไม่เกะกะคนที่สัญจรอยู่ที่ถนนใหญ่ด้วยค่ะ
ทางเข้านี้ก็จะมีรปภ.คอยดูแลประจำตลอดเวลา และมีระบบเข้าออกอัตโนมัติ เปิด-ปิดไม้กั้นกระดกและประตูบานเลื่อน ในการเข้าออกจะมีระบบจดจำป้ายทะเบียนรถเอาไว้ ลูกบ้านที่อยู่ก็ไม่ต้องคอยสแกนการ์ดเพื่อเข้า-ออกโครงการค่ะ
ในส่วนของทางเดินคนนั้นจะมีอยู่ทั้ง 2 ฝั่งเลย เป็นทางเท้าขนาดใหญ่ เดินสบาย และมีการออกแบบ Landscapes เป็นต้นไม้ใหญ่ บ่อน้ำอยู่ทั้ง 2 ฝั่งทางเข้า สร้างบรรยากาศให้ทางเข้าดูร่มรื่นมากขึ้นค่ะ
Landscape บริเวณทางเข้าโครงการ
Drop-off
เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับจุด Drop-off ขนาดใหญ่
เลี้ยวซ้ายมาตามทางเราเจอกับที่จอดรถรอบๆอาคาร ซึ่งโซนนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับ EV Charger ค่ะ
ด้านข้างอาคารมีพื้นที่สวนเล็กๆ อยู่
Grand Lobby
เข้ามาภายในอาคาร ส่วนแรกที่เจอจะเป็น Grand lobby ฝ้าเพดานสูง ตรงนี้จะมีการออกแบบผนังทางฝั่งขวามือให้เป็นไม้ที่โค้งไปเป็นฝ้าเพดาน ใช้ Sense of Scale เล่นกันความสูง ความโค้ง เหมือน “Cave” ตามธรรมชาติ ออกแบบให้เป็น Double Space สูงกว่า 8เมตร
ในแง่ฟังก์ชัน Grand lobby เป็นจุดแรกที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เวลาที่เพื่อนมาหาก็สามารถนั่งรถตรงนี้ได้ค่ะ บรรยากาศจะโปร่งโล่ง ฝ้าเพดานสูงและกระจกสูงโปร่ง
มุมนั่งพักผ่อนบริเวณ Grand Lobby
Private Lobby
และจากประตูทางเข้า เลี้ยวขวาไปจะเป็นพื้นที่ Private Lobby ค่ะ โดยโซนนี้จะต้องใช้ Keycard scan เพื่อเข้า-ออก ด้านในก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
พอเข้ามาตรงนี้ก็จะเป็นพื้นที่เดียวกันกับโถงลิฟต์ หน้าโถงลิฟต์จึงมีพื้นที่นั่งพักคอย บรรยากาศเหมือนอยู่โรงแรมค่ะ
บรรยากาศ Private Lobby จะมีมุมนั่งพักผ่อนหลายจุด เป็นพื้นที่นั่งเล่น รอลิฟต์ และ รอรถจาก Auto Parking ได้
จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบที่พยายามนำเอาธรรมชาติจากภายนอก เข้ามาเชื่อมต่อกับภายในอาคาร เราเลยจะเห็นแนวหิน ธารน้ำ ต้นไม้ที่ออกแบบให้ต่อเนื่องกันระหว่างภายในและภายนอก
บรรยากาศภายใน Private Lobby
บริเวณ Private Lobby จะมีจอสำหรับรับรถจาก Auto Parking อยู่ค่ะ เราสามารถ Scan บัตร แล้วนั่งรอรถบริเวณนี้ได้เลย
ชั้น 2
พื้นที่ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกชั้น เราสามารถใช้ Lobby ขึ้นมาจากฝั่ง Private Lobby หรือว่าเดินขึ้นบันไดมายัง Business Lounge จาก Grand Lobby ได้ค่ะ
ฟังก์ชันที่ชั้นนี้จะมีอยู่ 2 ฝั่ง คือ Dressing Room และ Business Lounge โดยจะมีห้องเล็กๆ แยกเผื่อคนที่ต้องการมานั่งทำงาน หรือนัดประชุมงานกับบุคคลภายนอกก็สามารถจับจองพื้นที่ตรงนี้ได้ค่ะ
Business Lounge
เมื่อเราเดินขึ้นบันไดมาจะเจอกับพื้นที่ที่เรียกว่า Business Lounge ตรงกลางจะเป็นชุดโซฟาจัดไว้หลายที่นั่ง ส่วนด้านข้างจะแบ่งเป็นห้อง ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
Business Lounge
Meeting Room ด้านข้างจะมีห้อง 2 ขนาด ขนาดเล็กนั่งกันได้ 4-5 คน
ปลายสุดทางเดินจะมี counter bar และห้องนิติบุคคลอยู่
จาก Business Lounge จะมีทางเดินไปยังห้องน้ำและ Dressing Room อีกฝั่งของอาคาร
ที่ชั้น 2 จะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงอย่างละ 1 ห้องมาให้ค่ะ
Dressing Room
สำหรับห้อง Dressing room นี้ออกแบบมาเหมือน Salon เลย สามารถเรียกช่างมาแต่งหน้า ทำผมเวลาที่เราจะออกงานได้ มีห้องเปลี่ยนชุดมาให้พร้อม เราจะจัดหาเองหรือให้ทาง Concierge Service ช่วยติดต่อให้ก็ได้ค่ะ
บรรยากาศภายใน Dressing Room
ชั้น 4
สำหรับชั้น 4 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย โดยจะเป็นชั้นที่มีความพิเศษ สูง 5.9 เมตร โดยจะมีเฉพาะทางฝั่งด้านหน้าโครงการ (ขนานกับถนนพหลโยธิน) เท่านั้น ส่วนอีกฝั่งจะเป็นที่จอดรถค่ะ โดยชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เรียกว่า Floating Oasis อยู่
Floating Oasis
ระหว่างปีกอาคารที่เป็นรูปตัว V จะเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งทาง SC Asset ได้มีแนวคิดอยากให้พื้นที่ตรงนี้ดูสดชื่น และร่มรื่นมากขึ้น ด้วยการแทรกสวนและพื้นที่สีเขียวเอาไว้ระหว่างชั้นต่างๆ พื้นที่สีเขียวตรงนี้ลูกบ้านสามารถมาใช้งาน หรือ จะมองออกมาเพื่อรับความสดชื่นก็ได้ค่ะ
Floating Oasis
ชั้น 21
ขึ้นมาที่ชั้น 21 เป็นอีกชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางค่ะ โดยจะมี Sky Lounge , Co-Kitchen เชื่อมต่อกัน และมี BBQ Area เป็นเป็นที่ส่วน Semi outdoor ด้านนอกอาคาร ซึ่งชั้นนี้ก็จะเป็นอีกชั้นที่ห้องพักอาศัยอยู่ในรูปแบบของยูนิต High Ceiling หรือฝ้าเพดานสูง 5.9 เมตร ทำให้ฟังก์ชันส่วนกลางที่ชั้นนี้ก็มีบรรยากาศที่สูงโปร่งเช่นกันค่ะ
Sky Lounge & Co-Kitchen
บรรยากาศของ Sky Lounge และ Co-Kitchen จะเป็นห้องโปร่งโล่ง ที่แบ่งพื้นที่เป็นฟังก์ชันนั่งพักผ่อน ชมวิวชั้นบนของอาคาร
Sky Lounge
Sky Lounge จะจัดชุดโซฟาพักผ่อนไว้ 2-3 ชุด นั่งเล่นบรรยากาศสบายๆ
Co-Kitchen
พื้นที่ตรงกลางห้องจะเป็นส่วนของ Co-Kitchen ซึ่งจะมีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ และครัวที่ลูกบ้านสามารถจองใช้ได้ อาจจะจองไว้สำหรับเชิญเชฟมาทำอาหารให้ทาน หรือว่าจะจองไว้เป็นมุมปาร์ตี้ เลี้ยงฉลองในวันสำคัญต่างๆ ก็ได้ค่ะ เป็นโซนที่เหมาะสำหรับชวนเพื่อนมากินเลี้ยงกัน ชมวิวสวยๆ ไปในตัวด้วยนะ
Co-Kitchen
ส่วนเคาน์เตอร์ที่ให้มาจะนำเอา Element ของฟิน มาออกแบบ ดูไม่เหมือนใคร
อุปกรณ์ที่ให้มาก็ถือว่าครบครันเลยนะคะ
อีกมุมหนึ่งของตัวห้องจะจัดพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนเอาไว้ให้ เป็นอีกมุมที่ได้วิวสวน หยิบหนังสือสักเล่มมานั่งอ่านเพลินๆ ได้เลยค่ะ
ที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางรองรับอยู่เช่นกันนะ
เปิดประตูออกมาจะมีพื้นที่นอกอาคารแบบ Semi-outdoor อยู่ค่ะ ซึ่งตรงนี้จะมีเคาน์เตอร์ยาวที่ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนหินธรรมชาติ งอกออกมาจากเสาโครงสร้าง ดูแปลกตา เห็นได้เฉพาะที่นี่โครงการเดียวนะ
BBQ Area
มุม BBQ Area ที่ออกแบบมาให้อยู่นอกตัวอาคาร (แต่มีหลังคาคลุมอยู่ไม่ต้องกลัวร้อน) เราสามารถจัด Party ปิ้งย่างกับเพื่อนตรงนี้ได้เช่นกัน โดยพื้นที่ตรงนี้จะดูไม่เป็นทางการเท่ากับภายใน Co-kitchen ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ
วิวจากชั้น 21
วิวจากชั้น 21
ชั้น 36
ขึ้นมายังชั้น 36 ซึ่งเป็น Main Facility และก็เป็น Sky Facility ก็ว่าได้ค่ะ โดยชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบยกชั้นเลย ประกอบไปด้วย ฟิตเนสที่แบ่งเป็นห้องย่อยๆ อีก 2 ห้องคือ Weight Training และ Class exercise room อีกฝั่งจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสระในร่ม พร้อมกับห้อง Spa อีก 2 ห้อง เป็นชั้นที่ให้ความสำคัญกับร่างกายดีนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือว่าทำ Treatment ผ่อนคลายร่างกายก็รวมกันที่ชั้นนี้หมด
Fitness
เข้ามายัง Fitness จะเจอเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นเหมือนมุมต้อนรับก่อนอันดับแรก เป็นมุมนั่งพัก หรือพูดคุยกับเพื่อนที่มาใช้งานฟิตเนสด้วยกัน จะนั่งคุยหรือว่านั่งดื่ม energy drink เบาๆ ก็มีพื้นที่รองรับค่ะ
มุมต้อนรับในฟิตเนส
Class exercise room
ห้องทางซ้ายมือจะเป็นห้องขนาดใหญ่ และมีจอขนาดใหญ่ติดตั้งเอาไว้ให้ด้วย เป็นห้องโล่งกว้างที่มีบอล เสื่อโยคะ อุปกรณ์สำหรับเล่นโยคะเตรียมไว้ให้ เราจะเชิญครูมาสอนส่วนตัวหรือจะเปิดวีดีโอเรียนออนไลน์ ฝึกท่าทางตามก็ทำได้สะดวก ตัวห้องเป็นกระจกเราก็เช็คท่าทางให้สวยงามถูกต้องได้เองด้วยค่ะ
Class exercise room
ส่วนภายในฟิตเนสนั้นก็มีขนาดกว้างขวางเช่นกัน เครื่องเล่นที่เตรียมไว้ให้ก็จะเป็นของ TechnoGym ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีทั้งคุณภาพและชื่อเสียงนะคะ
จุดที่เราชอบคือบางมุมแต่ละเครื่องจะมี partition หรือฉากกั้นเอาไว้ให้ ได้ความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ
Weight Training
อีกห้องที่แยกโซนออกมาเหมาะสำหรับสายลุยนะ เป็นห้องสำหรับเล่น weight training, body training ได้ มีลายที่พื้นและอุปกรณ์มาให้ครบครัน สามารถจ้าง Trainer มาสอนส่วนตัวให้เหมาะกับความต้องการของเราได้ด้วยค่ะ
Weight Training room
วิวจากฟิตเนส
สำหรับห้องฟิตเนสจะเป็นห้องที่หันไปทางฝั่งลาดพร้าวเป็นหลัก ดังนั้นวิวส่วนใหญ่จะเป็น City view ทางฝั่งลาดพร้าวซึ่งเป็นบ้านแนวราบเป็นส่วนใหญ่ วิวจึงค่อนข้างเปิดโล่งค่ะ
วิวจากฟิตเนส
ห้องน้ำ
ที่ชั้นนี้เนื่องจากเป็นชั้นกิจกรรม Active อย่างฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องน้ำจึงออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มี Locker ไว้เก็บของ มีห้องสุขา มีห้องอาบน้ำ และก็มี Steam room อยู่ภายใน แยกชาย-หญิงเอาไว้ด้วยค่ะ
ห้องน้ำ
สระว่ายน้ำ
สำหรับเราสระว่ายน้ำถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นสระในร่ม(มีหลังคาปกคลุม) ในแง่การใช้งานก็สามารถขึ้นมาว่ายน้ำได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องรอแดดร่ม และก็ไม่ต้องกลัวฝนตกด้วยค่ะ
สระว่ายน้ำเป็นสระที่มีขนาดยาวถึง 35 เมตร เป็นระยะที่สามารถว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกายได้สบาย
นอกจากนี้ตำแหน่งของสระก็จะวางตัวยาวได้วิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ด้วย ไม่ต้องมาใช้งานก็สามารถขึ้นมาชมวิวสวยๆ แบบนี้ได้
พื้นที่ด้านข้างสระ จะมีจุดชำระล้างร่างกายก่อนและหลังว่ายน้ำเอาไว้ให้ค่ะ
บริเวณนี้ มีสระเด็ก ด้านบนมีการออกแบบให้มี Sky light สามารถมองทะลุ เห็น ท้อง ฟ้าได้ ส่วน jucuzzi จะอยู่ทางปลายสระอีกฝั่ง นั่งแช่น้ำ ชมวิวสวนได้เต็มที่
ภาพบรรยากาศสระว่ายน้ำในช่วงกลางคืน มีการออกแบบแสง (lighing) ที่ฝ้าเพดานให้เหมือนหมู่ดาว และเห็นแสงระยิบระยับจากเมืองกรุงฯ ด้วยค่ะ
Spa
อีกฟังก์ชันที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Spa ค่ะ โดยจะมีอยู่ 2 ห้อง อยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลย
ห้อง Spa จะออกแบบมาให้ได้ความเป็นส่วนตัวมาก มีอยู่ 2 ห้อง (ห้อง 1 เตียง และห้อง 2 เตียงเผื่อใครอยากทำสปาเป็นคู่) ภายในห้องตกแต่งไม่ต่างจากสปาหรูเลยค่ะ มีอุปกรณ์พร้อม ทั้งเตียง อ่างล้างมือ โซฟาพักผ่อน และห้องน้ำ เรียกว่านอกจากนวดแล้วก็ยังขัดผิว scrub ต่างๆ ได้เต็มที่
สำหรับสปานี้เราสามารถให้ทาง Concierge Service ช่วยติดต่อบริษัทสปาจากภายนอก นัดหมายมาทำให้ที่คอนโดได้เลย ซึ่งสปาที่มีชื่อเสียงเดี๋ยวนี้หลายๆ เจ้าก็มีบริการไปทำสปาให้ที่บ้านหมดแล้วนะคะ มีการคำนึงถึงรูป รส กลิ่น เสียง ให้เหมือนอยู่ที่สปาจริง (พก Moisture oil, ชา, เครื่องหอมต่างๆ มาพร้อม)
SPA ห้องแบบที่มีอ่างอาบน้ำภายใน
Roof floor plan
ในส่วนของชั้นดาดฟ้าจะเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งหมดค่ะ ในวันที่เราไปถ่ายรีวิว พื้นที่ส่วนนี้ยังไม่เรียบร้อย เราเลยไม่มีรูปมาให้ดูนะคะ
Plan ชั้นพักอาศัย
การออกแบบผังชั้นพักอาศัยของที่นี่น่าสนใจค่ะ เนื่องจากรูปร่างอาคารที่เป็นรูปตัว V ทำให้สามารถออกแบบให้ทางเดินหน้าห้องเป็นแบบ Single Corridor ได้ เปิดประตูห้องออกมาก็จะไม่เจอห้องฝั่งตรงข้าม หรือปริมาณคนที่จะเดินผ่านหน้าห้องของเราก็มีไม่เยอะ เป็นผังที่เอื้อให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
โถงลิฟต์โปร่ง หน้าลิฟต์จะหันออกไปทาง Floating Oasis ซึ่งในบางชั้นพักอาศัยก็จะเห็นพื้นที่สีเขียวโดยตรง และบางชั้นพักอาศัยก็สามารถมองเห็นสวนที่อยู่ตรงกลางนี้ได้ ทำให้บรรยากาศเมื่อขึ้น-ลงลิฟต์ดูโปร่ง เห็นวิว และ ได้แสงธรรมชาติค่ะ
Mail Box หรือตู้จดหมายไปไว้ที่ชั้นพักอาศัยเลย ลูกบ้านก็ไม่ต้องเดินไปยัง Mail room เหมือนโครงการอื่นๆ ขึ้น-ลง หรือเข้า-ออกก็ต้องผ่านทุกวัน นอกจากนี้ทางนิติบุคคลหรือแม่บ้านก็จะได้ขึ้นลงยังชั้นพักอาศัยทุกชั้นบ่อยๆ เกิดทางเดินไม่สะอาด หรือว่าไฟส่องสว่างชำรุดตรงไหนก็แจ้งซ่อมได้รวดเร็ว มีคนคอยช่วยดูแลไม่เฉพาะชั้นส่วนกลางด้วยค่ะ
บรรยากาศโถงลิฟต์ที่ชั้นพักอาศัย
ตู้จดหมายหรือ Mail box จะอยู่ที่ชั้นพักอาศัยเลย เดินขึ้นลงก็เช็คได้สะดวก
โถงทางเดินหน้าห้องพักแบบ Single Corridor
วิวจากห้องพักอาศัย
ส่วนวิวจากห้องพักอาศัยเราขอแบ่งเป็น 2 ฝั่งนะคะ
- ฝั่งถนนพหลโยธิน หรือ หน้าโครงการ – ห้องที่หันมายังฝั่งนี้จะได้วิวสวนขนาดใหญ่ และเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหนึ่งของโครงการ ดังนั้นห้องที่ถูกออกแบบให้อยู่ทางฝั่งนี้จะเป็นห้องขนาดใหญ่หรือห้องที่เป็น Highlight ของโครงการ
- ฝั่งลาดพร้าว หรือ ด้านหลังโครงการ – สำหรับห้องที่หันมายังฝั่งนี้จะเป็นห้องที่ได้ City View เป็นส่วนใหญ่ แม้จะไม่ใช่วิวสวนแต่ก็เป็นวิวที่เปิดโล่ง ไม่มีอาคารสูงขึ้นในระยะประชิด โดยห้องที่ถูกวางไว้โซนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาดเริ่มต้น 31 ตร.ม.ค่ะ
ในส่วนห้องที่เราวงเส้นประไว้ จะมีอยู่ 4 แบบ ซึ่งเป็นห้องตัวอย่างที่เราจะพาทุกคนไปดูกันนั่นเองค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Ground Floor
- Grand Lobby สูง 8 เมตร
- Private Lobby
- Waterior Garden
- EV Charger
- ที่จอดรถ Automatic Parking 230 คัน และที่จอดแบบปกติ 5 คัน รวมคิดเป็น 56%
2nd Floor
- Business Lounge
- Meeting Room
- Private Dressing Room
4th Floor
- Floating Oasis
21st Floor
- Sky Lounge
- Co-Kitchen Space
- Pocket Park with BBQ Area
36th Floor
- Swimming Pool ขนาด 35 x 5 m.
- Kids Pool
- Jacuzzi
- Fitness
- Spa Room
Rooftop
- Green Space
ระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ
- ประตู Main Gate ปิด-เปิด ด้วยรีโมทคอนโทรล
- ประตูเล็กด้านหน้า 2 บาน ทำงานด้วยระบบ Access Control (Card Reader)
- ไม้กระดก 4 จุด / จุดที่ 1,4 ที่ซุ้มทางเข้าด้านหน้า เป็นระบบอ่านป้ายทะเบียน / จุดที่ 2 ที่บริเวณก่อนเข้าช่องจอด Auto Parking เป็นระบบอ่านป้ายทะเบียน / จุดที่ 3 ที่บริเวณก่อนถึง Drop off เป็นระบบจับ sensor
- ระบบ CCTV ที่ส่วนกลาง รวม 191 จุด
- Key Card Access ระยะไกล ระบบ RFID
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- บริการ Concierge Service
แบบห้อง
สำหรับแบบห้องภายในโครงการ The Crest Park Residences จะมีหลากหลาย Layout ให้เลือกค่ะ Type ห้องหลักๆ มีดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 31 – 50 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 47 – 50 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 73 ตร.ม.
- High Ceiling ขนาด 31 – 73 ตร.ม. (Sold Out)
ห้องส่วนใหญ่ภายในโครงการจะเป็นห้อง 1 Bedroom ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus และห้อง 2 Bedroom นั้นจะมีรองลงมาอยู่ที่ตำแหน่งมุมอาคาร ส่วนห้อง High ceiling ที่มีอยู่เพียง 2 ชั้นเท่านั้น Sold out แล้วค่ะ
โดยในรีวิวนี้เราจะมีห้องตัวอย่างให้ดูมากถึง 4 แบบ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 31, 41 และ 50 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่สุดในโครงการ ขนาด 73 ตร.ม. แต่ละห้องจะเป็นอย่างไรไปดูกันค่ะ
วัสดุภายในห้อง
- รูปแบบการขาย Fully Fitted พร้อมครัว, ห้องน้ำ, เฟอร์นิเจอร์ Built-in เช่น ตู้เสื้อผ้าและชั้นวางรองเท้า (ขึ้นอยู่กับรูปแบบห้อง)
- พื้นห้องครัว Travertine Grey Tile (MATT)
- พื้นห้องน้ำกระเบื้อง Porcelain: Pieta Grey Tile (MATT)
- พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอน Hybrid engineering wood
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ TOTO , เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า Built-in ได้ Top หิน Quartz พร้อมกระจกเงาดีไซน์ซ่อนไฟและชั้นเก็บของด้านใน
- ครัวและพื้นที่เก็บของ Built-in ได้ Top หิน Quartz , Back splash ได้กระจกเงา, หน้าบานตู้ได้กระจกและ Arcrylic สี champagne
- ชุดครัวได้ของ Gorenje พร้อม Built-in ตู้เย็นและไมโครเวฟ
- ตู้เสื้อผ้า Built-in หน้าบานกระจกใสสีเทา
- เครื่องปรับอากาศ แบบ concealed type และ split type
- ระบบ Home Automation ผ่าน Application “บ้านรู้ใจ” (สามารถปิด-เปิดปลั๊กจุดที่อยู่บนเคาน์เตอร์ครัวได้ , เปิด-ปิด ไฟและแอร์ในห้องได้)
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
1 Bedroom 31 Sq.m.
ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ 31 ตร.ม. โดยจุดที่น่าสนใจของห้อง Type นี้มีดังนี้ค่ะ
- ห้องโปร่งโล่ง : ในการจัด Layout ของห้องนี้จะเลือกกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ซึ่งสามารถเปิดกว้างเชื่อมต่อกันได้ ทำให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งโล่ง ดูใหญ่ขึ้นค่ะ
- ห้องหน้ากว้าง : พื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่
- ฟังก์ชันครบ : ครัว พื้นที่กินข้าว โซฟาพักผ่อน เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า สามารถจัดวางได้ครบครัน
- วันที่ไปรีวิวทางโครงการมีทำโปรโมชั่น สำหรับห้องแบบนี้ โดยมีแถม Fully Furnished package จาก CHANINTR ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ imported furniture ดีไซน์เก๋จากต่างประเทศเข้ามาขาย (เป็นร้านที่ดีไซน์เนอร์หลายๆ คนนิยมกันมากเลยนะ)
เป็นห้องที่เรามองว่าถ้าใครอยู่คนเดียวก็ถือว่าอยู่สบายเลยค่ะ แต่ก็ยังเป็นห้องที่อยู่กันเป็นคู่ได้เช่นกันนะ ภายในห้องจะเป็นอย่างไร เราไปดูกันเลย
ประตูทางเข้าห้องจะเป็นประตูลายไม้ ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ไว้ที่ประตูของ Philips ค่ะ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน ซึ่งเชื่อมต่อกับโต๊ะกินข้าวและพื้นที่พักผ่อนที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน
พื้นที่ตรงนี้จะมีหน้ากว้างประมาณ 2.35 เมตรและลึกประมาณ 6 เมตร วัสดุพื้นตรงที่เป็นส่วนครัวจะเลือกใช้เป็นกระเบื้อง travertine แต่ถ้าเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะเป็น hybrid engineering wood ซึ่งเหมาะกับแต่ละฟังก์ชันดีนะคะ ส่วนครัวอาจจะมีคราบหรือรอยเปื้อนจากการทำอาหารได้ง่าย พอเลือกใช้เป็นกระเบื้องก็จะมีความคงทน และทำความสะอาดได้ง่ายกว่าด้วยค่ะ
ส่วนครัวนี้จะมี Built-in มาให้สองฝั่งแบบที่เห็นเลยค่ะ ความสูงของพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ที่ 2.7 เมตร
ด้านหนึ่งจะได้เป็นชั้นวางรองเท้าที่ Built-in มาให้ ตู้จะกว้างประมาณ 70 ซม. ถือว่าเก็บรองเท้าได้หลายคู่เลย ส่วนหน้าบานก็จะได้เป็นกระจกเงา ก่อนออกจากบ้านก็ส่องเช็คความเรียบร้อยได้แบบเต็มตัวเลยค่ะ
ส่วนชุดครัวก็ได้แบบ Built-in มาให้ยาวถึง 2.7 เมตรเลยค่ะ จุดเด่นที่เราว่าน่าสนใจคือลักษณะการ Built-in ที่จะเอาชุดครัวอย่างเตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ และตู้เย็น Built มาเป็นส่วนหนึ่งของชุดครัวเลย ถือว่าแตกต่างจากโครงการอื่นในโซนนี้แน่นอนค่ะ โดยที่นี่จะเลือกใช้ของ Gorenje ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับ Hi-end ด้วยนะ
พื้นที่ใต้เคาน์เตอร์นอกจากจะมีจุดที่ Built-in เป็นไมโครเวฟแล้วก็จะมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าเอาไว้ให้ ซึ่งการวางเครื่องซักผ้าไว้ในห้องก็จะถนอมตัวเครื่องได้ดีกว่าการวางไว้ที่ระเบียงอยู่แล้วค่ะ โดยความกว้างของช่องจะอยู่ที่ 75 ซม. และสูงราวๆ 85 ซม. แนะนำให้เลือกรุ่นที่เป็นฝาเปิดหน้านะคะ
เตาไฟฟ้าและตู้เย็น Built-in จาก Gorenje
ที่ผนังบริเวณเคาน์เตอร์นี้จะมี Smart Plug เตรียมไว้ให้ 1 จุด เป็นปลั๊กที่เชื่อมกับระบบ Home Automation ของห้องได้ ซึ่งเราสามารถเปิดปิดกระแสไฟฟ้าได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็จะมีข้อดีเช่น เวลาเราออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเสียบไฟเครื่องทำน้ำร้อนคาไว้ไหม ก็ปิดกระแสไฟตรงนี้เลย ไม่ต้องกังวลว่าลืมถอดปลั๊กรึเปล่า? สบายใจเมื่อไม่อยู่บ้านค่ะ
อีกจุดที่น่าสนใจของห้องคือระบบแอร์ ที่โครงการนี้จะออกแบบให้พื้นที่ห้องนั่งเล่นได้แอร์แบบฝังฝ้าหรือ Concealed Type เอาไว้ (ส่วนห้องนอนจะใช้ระบบ Split Type ปกติ) ซึ่งแอร์ลักษณะนี้ก็จะนิยมใช้ในโครงการระดับ Luxury นะคะ ได้ความเย็นสบาย ในขณะที่ไม่เห็นตัวเครื่อง ดูเรียบร้อยสวยงามค่ะ
ติดกันกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นพื้นที่กินข้าว รองรับได้ 2-3 ที่นั่งนะ
ในห้องตัวอย่างจะจัดไว้เป็นโต๊ะกินข้าวแบบ 2 ที่นั่ง พื้นที่โต๊ะถือว่ามีขนาดใหญ่เลย วางกับข้าวกินกันได้หลายจานนะ
เข้ามายังด้านในสุดจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ โดยกระจกที่ผนังห้องนี้ออกแบบไว้ให้เป็นบานใหญ่เลย รวมกับฝ้าเพดานห้องที่สูง 3 เมตรแล้ว พื้นที่ตรงนี้ถือว่าดูโปร่งมากขึ้นดูสบาย
ส่วนโซฟาก็จะเหมาะสำหรับแบบ 2 ที่นั่ง สามารถวาง coffee table เล็กๆ ไว้ด้านหน้าโซฟาได้ค่ะ
ส่วนระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรนะ เราอาจจะหาชั้นวางทีวีที่ใหญ่กว่าห้องตัวอย่างมาวางได้ หรือจะ Built-in เพิ่มพื้นที่เก็บของก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเลือกเฟอร์แบบลอยตัวเราก็มองว่าหาต้นไม้กระถางแบบในห้องตัวอย่างมาตกแต่ง หรือจะวางเป็นโคมไฟก็ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องได้ดีนะ
ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นห้องนอนที่อยู่ด้านข้างค่ะ
ส่วนห้องนอนจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ซึ่งเราเปิดเชื่อมต่อกันก็จะได้พื้นที่ห้องที่ดูกว้างขึ้นด้วย
พื้นที่ห้องนอนจะกว้าง 2.85×2.65 เมตร ถือว่าวางเตียงได้ เดินรอบเตียงได้ และเพิ่มโต๊ะข้างหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ
จุดที่น่าสนใจคือตู้เสื้อผ้า ที่ทางโครงการจะ Built-in มาเต็มแนวผนังเลย 2.65 เมตร ถือว่าใหญ่กว่าห้อง 1 Bedroom ไซส์เริ่มต้นที่เราเคยไปรีวิวมานะคะ
หน้าบานตู้จะเป็นกระจกใสสีเทา ภายในก็จะมีราวแขวน ลิ้นชัก และชั้นวางของมาให้แบบที่เห็นเลยค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงสามารถวางโต๊ะเล็กๆ หัวเตียงได้ด้วยค่ะ
เป็นห้องที่เมื่อเปิดประตูเชื่อมแล้วจะดูกว้างพอสมควรเลย อยู่กัน 1-2 คนสบายนะ
ในส่วนของระเบียงจะอยู่ติดกับห้องนอนค่ะ ตัวระเบียงจะกว้าง 60 ซม. และยาว 2.3 เมตร
มาพื้นที่สุดท้ายของห้องคือห้องน้ำค่ะ โดยจะอยู่ตรงทางเข้าห้องติดกับชั้นวางรองเท้าเลยนะ
ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งเอาไว้ให้ เพื่อเวลาใช้งานจะได้สะดวก ห้องอาบน้ำอยู่ด้านในสุด มีฉากกั้นกระจกติดมาเรียบร้อย ได้ทั้ง Hand shower และ Rain Shower เลยค่ะ สุขภัณฑ์ส่วนใหญ่จะได้ยี่ห้อ Toto นะ
อ่างล้างหน้าก็จะมีกระจกเงาที่ดีไซน์มาให้มีพื้นที่เก็บของหลังกระจกและไฟส่องสว่างเพิ่มเติม ส่วนพื้นที่ใต้อ่างก็มีชั้นวางของเพิ่มเติมอีก
1 Bedroom 41 sq.m.
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปรีวิวกันแบบละเอียดห้องต่อมาเป็น 1 Bedroom ขนาด 41 ตร.ม.ค่ะ โดยห้องนี้มีจุดเด่นดังนี้
- ห้องหน้ากว้าง ห้องนอนปิดแยกเป็นส่วนตัว : สำหรับห้องนี้เราจะได้ห้องนอนที่เป็นห้องปิด (ผนังทึบ) ได้ความเป็นส่วนตัว เช่น เวลามีแขกมาเยือน ก็จะไม่สามารถเห็นภาพในห้องนอนเราได้โดยตรง หรือว่าเวลาอยู่กัน 2 คน คนหนึ่งอยากนอนพักผ่อน อีกคนยังติดซีรีส์ ก็สามารถแยกกันอยู่คนละห้องได้ แสงและเสียงไม่รบกวนกันค่ะ
- ห้องครัวปิด : ห้องนี้จะได้ครัวปิด อยู่ตรงทางเข้าห้องเลย พื้นที่ภายในครัวมีขนาดใหญ่ สามารถทำอาหารได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวกลิ่น ควัน ลอยไปติดยังเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนั่งเล่น และยังมีตู้เก็บของ Built-in มาให้เป็นระเบียบด้วยค่ะ
- ห้องนอนมีผนังกระจกที่มุมห้อง : การออกแบบเช่นนี้จะช่วยให้วิวที่ได้เปิดกว้างมากขึ้นด้วยนะ
ห้องนี้เป็นห้องที่เรามองว่าเหมาะสำหรับอยู่อาศัยกันแบบ 2 คนสบาย ต่างคนต่างหาพื้นที่ส่วนตัวได้ด้วย
นอกจากห้องขนาด 41 ตร.ม.ที่เราจะพาไปดูแล้ว แปลนห้องนอนปิดที่เป็นสัดส่วนแบบนี้ก็จะมีอยู่ในผังขนาด 34 ตร.ม.เช่นกันค่ะ ซึ่งขนาดที่ต่างกัน 7 ตร.ม. นี้ก็ทำให้ราคาห้องต่างกันเป็นล้านบาทเลยนะคะ ดังนั้นใครที่อยากได้ห้องนอนปิด แต่ก็ยังอยากประหยัดงบเอาไว้ เผื่อเป็นค่าตกแต่งภายใน ห้องขนาด 34 ตร.ม.ก็อาจจะตอบโจทย์นะ
โดยความแตกต่างของห้อง 2 แบบนี้จะอยู่ที่ความลึกของตัวห้อง ทำให้ห้องขนาด 34 ตร.ม.อาจจะไม่ได้เป็นครัวปิด พื้นที่กินข้าวอาจจะกะทัดรัดมากขึ้น (อาจจะมานั่งกินข้าวที่โซฟาแทน) ส่วนในห้องนอนก็อาจจะต้องตัดพื้นที่แต่งตัวหรือโต๊ะทำงานภายในห้องทิ้ง เหลือแต่พื้นที่พักผ่อนวางเตียงแทนค่ะ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน แล้วจึงเป็นพื้นที่กินข้าว + นั่งเล่นพักผ่อนด้านใน
โดยห้องขนาด 41 ตร.ม. จะเป็นห้องที่ได้ครัวปิดค่ะ ประตูกั้นจะเป็นบานเลื่อนกระจกที่เปิดได้ 2 ฝั่ง เมื่อเปิดสุดสามารถซ่อนตัวบานไว้ที่ผนังและอยู่ข้างเคาน์เตอร์พอดี ทำให้พื้นที่ภายในห้องดูเชื่อมต่อกันเต็มที่ค่ะ
จุดเด่นห้องนี้สำหรับเราคือพื้นที่ครัวขนาดใหญ่ ซึ่งเราจะได้เคาน์เตอร์ครัวและชั้นวางของต่างๆ ทางขวามือ พร้อมกับพื้นที่เก็บของที่ Built-in มาให้ทางซ้ายมือเต็มความลึกของห้องเลยค่ะ โดยพื้นที่ทางเดินตรงกลางเหลือกว้างพอสมควร ซึ่งจะแตกต่างจากครัวที่อยู่ติดประตูส่วนใหญ่ที่มักจะเหลือทางเดินแคบๆ เดินสวนกันลำบาก แต่ครัวแบบนี้สามารถเดินเข้า-ออกได้สบาย ในขณะที่มีคนใช้งานครัวอยู่
พื้นที่ส่วนนี้จะลึกประมาณ 2 เมตร พอ Built-in มาให้ภายในห้องก็จะดูเรียบร้อยสวยงามดีเลยค่ะ โดยหน้าบานตู้ก็จะมีทั้งกระจกเงา และ Arcrylic สี champagne ดูเรียบหรู
ด้านในก็จะมีส่วนที่เป็นตู้เย็นจาก Gorenje พื้นที่วางเครื่องซักผ้า และชั้นวางรองเท้า
ส่วนเคาน์เตอร์ครัวก็จะได้แบบที่เห็นเลยค่ะ ชั้นวางของด้านบน หน้าบานเป็นกระจกเงา เช่นเดียวกับ Back splash ที่ผนังด้านหลัง ส่วนด้านล่างเราก็จะได้ไมโครเวฟที่ Built-in มาพร้อมกันกับเคาน์เตอร์ครัวเลย
เคาน์เตอร์ครัวขนาดใหญ่ เข้ามุมเป็นรูปตัว L
เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่พักผ่อน+กินข้าวค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงของห้องได้
พื้นที่กินข้าวในห้องตัวอย่างจะจัดมาให้ดูแบบ 2 ที่นั่ง แต่ส่วนตัวเรามองว่าสามารถเลือกดีไซน์เล็กๆ ที่จัดแบบ 4 ที่นั่งก็ได้ หรือเราจะเน้นเลือกโต๊ะเหลี่ยมขนาดใหญ่ เผื่อใช้เป็นมุมทำงานด้วยก็ได้ ไม่ว่ากัน
สำหรับพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนตรงนี้จะมีหน้ากว้าง 3.1 เมตร ถือว่ากว้างมากเลยค่ะ เราสามารถวางชั้นวางทีวี โซฟา และ Coffee Table หน้าโซฟาได้ และยังมีทางเดินไปยังระเบียงได้สบาย
ขนาดโซฟาสามารถเลือกแบบ 2-3 ที่นั่งได้นะคะ
เวลาที่เปิดทีวีดูหนังหรือซีรีส์ เราก็ปิดผ้าม่านกันแสงสะท้อนได้ แต่ถ้าช่วงเวลากินข้าว ทำงาน หรือ อ่านหนังสือก็เปิดม่านรับแสง มองวิวได้ค่ะ
พื้นที่ระเบียงจะกว้างประมาณ 70 ซม. และยาว 1.85 เมตร
มาดูภายในห้องนอนกันค่ะ ห้องนอนนี้จะเป็นห้องนอนปิดที่ได้ความสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่า โดยขนาดห้องนี้จะค่อนข้างใหญ่เลย หน้ากว้างประมาณ 3 เมตรและลึกประมาณ 4.4 เมตร
จุดเด่นอย่างหนึ่งของห้องนี้คือการทำกระจกที่เข้ามุมเล็กๆ ทำให้มุมมองภายในห้องเปิดกว้างมากขึ้น เราจะเห็นว่าจากเตียงนอนมองออกไปเห็นสวนขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ ซึ่งมีไม่กี่โครงการในกรุงเทพที่เราจะนอนเห็นวิวแบบนี้ได้นะ
ด้วยพื้นที่ห้องที่มีขนาดใหญ่ เราสามารถเลือกเตียงไซส์ใหญ่ King Size ได้ และมีพื้นที่รอบเตียงเหลือ เป็นห้องนอนที่ดูใช้งานสบาย
ภายในห้องนอนก็จะสามารถเข้าไปใช้งานห้องน้ำได้ภายในตัว โดยจะมีตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้บริเวณผนังหน้าห้องน้ำ
พื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้าถือว่ากว้างมาก เราจัดเป็นมุมสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งหรือว่าโต๊ะทำงานส่วนตัวภายในห้องนอนได้เลยนะคะ
ขนาดตู้เสื้อผ้าจะยาว 1.65 เมตร มีราวแขวนเสื้อผ้า ลิ้นชัก และชั้นวางของแบบที่เห็นเลยค่ะ หน้าบานตู้จะเป็นกระจกใสสีเทานะ
ในส่วนของห้องน้ำ เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับห้องอาบน้ำก่อน ซึ่งจะได้ฉากกั้นกระจก ด้านในได้ทั้งฝักบัวแบบ Hand Shower และ Rain Shower ถัดเข้าไปด้านในจะได้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ และโถสุขภัณฑ์ Toto Washlet ด้วยค่ะ
อ่างล้างหน้า Built-in มาพอดีกับพื้นที่ กว้าง 1.45 เมตรค่ะ
2 Bedroom 73 sq.m.
ห้องตัวอย่างห้องที่ 3 ที่เราจะพาไปดูกันเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่สุดของโครงการนี้ค่ะ โดยห้องนี้ถือว่าเป็นห้อง Highlight ของที่นี่ก็ว่าได้ เป็น Layout ที่มีเฉพาะโครงการนี้เท่านั้น จุดที่น่าสนใจของห้องนี้มีดังนี้ค่ะ
- ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โดยห้องนอนใหญ่จะได้ห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำ ส่วนห้องน้ำรองจะเป็นห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทางจากพื้นที่ครัวและห้องนอนรองค่ะ สะดวกเวลาใช้งานมาก
- ห้องครัวปิด พื้นที่ครัวและกินข้าวสามารถกั้นปิดแยกจากพื้นที่นั่งเล่นได้ ทำให้สะดวกเวลาทำอาหาร กลิ่นหรือควันไม่ลอยคลุ้งไปทั่วห้อง
- ห้องหน้ากว้างยาวมากกว่า 12 เมตร ทำให้ทุกฟังก์ชันสามารถเห็นวิวได้เต็มที่
- วิวห้อง ซึ่งหันไปทางสวนขนาดใหญ่ และ Central ลาดพร้าว โดยห้องนี้จะเป็นห้องตำแหน่งมุม ที่ออกแบบให้ห้องนอนใหญ่ได้ Sexy Bath และอ่างอาบน้ำ ซึ่งจากห้องน้ำเองเราสามารถนอนแช่อ่างมองวิวเห็นวิวและท้องฟ้าโปร่งโล่งได้เลย
- ห้องนอนขนาดใหญ่อยู่สบาย ทั้งห้องนอนรองและ Master Bedroom ห้องนอนรองสามารถจัดเตียง 6 ฟุตได้ หรือจะวางมุมนั่งพักผ่อน / มุมทำงานส่วนตัวภายในห้องได้ ส่วน Master Bedroom ก็มีพื้นที่กว้าง แยกโซน Walk-in Closet ชัดเจน
โดยรวมแล้วห้องนี้เป็นห้องที่ออกแบบ Layout ห้องมาเหมาะสมกับตำแหน่งและวิวของห้อง เป็นห้องที่มีขนาดกว้าง เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 2-3 คน เลือกอยู่ที่นี่แทนการหาบ้านย่านชานเมืองได้เลย
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 73 ตร.ม.
1 Bedroom 50 Sq.m.
ห้องตัวอย่างสุดท้ายที่ทางโครงการได้ตกแต่งไว้ให้ดู เป็นห้อง 1 Bedroom ตำแหน่งมุมอาคาร ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่
- เป็นห้องตำแหน่งมุม ทำให้ฟังก์ชันหลักแทบทั้งหมดมีหน้าต่างเป็นช่องแสง และบางจุดสามารถระบายอากาศได้
- ห้องครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นแยกเป็นสัดส่วน ทำอาหารกินเองได้สะดวก
- ห้องนอนปิด มี Walk-in Closet ภายในห้อง
โดยห้องนี้ถือว่าเป็นห้องขนาดใหญ่ (50 ตร.ม.) ที่จัดฟังก์ชันได้ครบครัน อยู่ 1-2 คนได้สบายมาก แต่ก็มีข้อควรคำนึงเล็กน้อยตรงตำแหน่งห้องน้ำที่จะต้องเข้ามาจากห้องนอน ในกรณีที่มีเพื่อนมาหาแล้วต้องการใช้ห้องน้ำก็อาจจะต้องเดินไกลหน่อย ผ่านห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของใครหลายคนค่ะ
บรรยากาศห้องกินข้าว+นั่งเล่นในห้อง 1 Bedroom ตำแหน่งมุมอาคาร ขนาด 50 ตร.ม.
ราคา
ราคา The Crest Park Residences @ 1 December 2022
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. (ฝั่ง city view) **Promotion พร้อมเฟอร์นิเจอร์จาก Chanintr ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. (ฝั่ง Park view) ราคาเริ่มต้น 6.29 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. (Layout ใกล้เคียงกับห้องตัวอย่างขนาด 41 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 41 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.9 ล้านบาท
- ห้อง 2 Bedroom ขนาด 73 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 17.5 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ค่าจองห้อง 1 Bedroom = 50,000 / 1 Bedroom Plus = 100,000 / 2 Bedrooms = 150,000 บาท
- ค่ากองทุน 700 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 85 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
ตั้งอยู่หัวมุมใกล้กับ 5 แยกลาดพร้าวมากที่สุด ตรงนี้เป็นจุด interchange ระหว่างรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวและ MRT สายสีน้ำเงิน อีกทั้งยังเป็นทำเลที่ถือว่าเป็น node ที่สำคัญของคนในย่าน เพราะมีห้างสรรพสินค้าและ Hyper market ตั้งอยู่ ทำให้เป็นทำเลที่สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย ทั้งในแง่การหาอาหารการกิน และ ในแง่การเดินทาง
นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่มี Mega Project เกิดขึ้นเยอะ ทั้งที่ยังเป็นแผนการและโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว รวมไปถึงเป็นทำเลที่เข้าถึงสวนขนาดใหญ่ได้ โดยสวนทั้งหมดในโซนตั้งอยู่ใกล้กันและต่อเนื่องกัน รวมแล้วขนาดมากกว่า 700 ไร่ ทำให้ทำเลตรงนี้ถือว่ามีศักยภาพในการเติบโตที่ดี และมีสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมสำหรับใช้ชีวิต
การออกแบบ :
โครงการนี้เป็นโครงการในระดับ Luxury มีการออกแบบที่คำนึงถึงการดีไซน์ เกิดเป็นอาคารที่มีผังเป็นรูปตัว V ซึ่งแตกต่างจากตึกส่วนใหญ่ นอกจากนี้ก็ยังคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว ทำให้มีจำนวนยูนิตที่น้อย หรือทางเดินหน้าห้องพักที่เป็น Single Corridor นอกจากนี้ก็ยังมีบริการอย่าง Concierge service ที่เพิ่มเข้ามา ถือว่าเป็น Benefit ที่ออกแบบมาสำหรับโครงการในระดับ Luxury
ในส่วนห้องพักอาศัยมีหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งขนาดเล็ก ใหญ่ ครัวปิด ครัวเปิด แบบที่ห้องนอนเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้ หรือแบบที่ห้องนอนแยกปิดจากห้องนั่งเล่น เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับคนที่มาดูโครงการค่ะ เพราะสามารถหาฟังก์ชันห้องที่เหมาะกับการใช้ชีวิตได้แน่ นอกจากนี้ก็ยังมีการคำนึงถึงวิวภายในห้อง ซึ่งตำแหน่งของโครงการจะไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด ทำให้ได้ทั้งวิวเมืองหรือว่าวิวสวน ซึ่งเป็นไฮไลท์หนึ่งของโครงการค่ะ
วัสดุ :
ภายในห้องจะขายแบบ Fully Fitted (*สอบถามโปรโมชันเพิ่มเติมกับทางโครงการอีกครั้ง) โดยวัสดุต่างๆ ที่ได้ภายในห้องถือว่าตามมาตรฐานค่ะ จุดที่โดดเด่นจะเป็นครัวที่ได้ Built-in ชุดครัวอย่างไมโครเวฟ ตู้เย็นเป็นส่วนหนึ่งของเคาน์เตอร์เลย และได้ยี่ห้อ Gorenje ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้วย นอกจากนี้ก็จะมีตู้เสื้อผ้า และ ชั้นวางรองเท้าที่ Built-in มาให้เลย เลือกใช้วัสดุที่ดูดี ทำให้ห้องดูเรียบร้อย เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเพิ่มไม่กี่ชิ้นก็เข้าอยู่ได้แล้วค่ะ
สาธารณูปโภค :
พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่ถือว่ามีให้หลายโซนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Lobby ที่ให้มาถึง 2 จุด มีโซน Business Lounge ที่นัดเพื่อนมาทำงานได้ ส่วน Sky Lounge และ Co-kitchen ก็เหมาะเป็นมุมสำหรับจัดปาร์ตี้ แล้วยังมี Dressing Room และ SPA room ที่เราสามารถแต่งหน้า แต่งตัว ทำ Treatment ต่างๆ ได้ภายในคอนโด ในส่วนฟังก์ชัน Active อย่างฟิตเนสและสระว่ายน้ำก็จัดมาแบบที่คิดถึงการใช้งานจริง เช่น สระว่ายน้ำในร่มที่ยาว 35 เมตร ออกกำลังกายได้ หรือ ห้องโยคะกับห้อง Weight training ที่เวลาคนออกกำลังกายอยากได้ความเป็นส่วนตัวเนื่องจากการใช้เสียงหรืออุปกรณ์ที่ต่างจากการเล่นฟิตเนสทั่วไปค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 200,000 บาท/ตร.ม., 1 December 2022
- ทำเล 8.5/10 – Prime Location
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้รถไฟฟ้า interchange
- วัสดุ 7.5/10 – fully fitted พร้อม Built-in ครัว, ตู้เสื้อผ้า
- แบบ 8/10 – ดีไซน์แปลก น่าสนใจ สร้างความเป็นส่วนตัวและเปิดรับวิวได้ดี
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบครัน
- LUXURY CLASS
- 8.125 / 10.00
The Crest Park Residences เหมาะกับใคร?
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้คอนโดระดับ Premium บนทำเลห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งทำเลนี้ยังไม่มี Product คอนโดที่ให้ความ Luxury ทั้งส่วนกลาง ห้อง และการบริการอย่าง Concierge Service เลยค่ะ ซึ่งที่นี่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่สูงเนื่องจากจำนวนห้องที่น้อยกว่าโครงการรอบๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังเป็นคอนโดที่ได้วิวสวนขนาดใหญ่จริงๆ เห็นแบบเต็มตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นคุณค่าหรือว่า Value ที่แลกมากับราคาของโครงการนี้ ที่เริ่มต้นสูงกว่าโครงการอื่นในโซนนี้นะคะ