ก่อนหน้านี้เราได้ทำบทความรวมบ้านเดี่ยวในย่านทาวน์อินทาวน์มา และ โครงการ VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรา ถือว่าเป็นโครงการที่มีราคาแพงที่สุดในบทความเลยค่ะ ถ้าเทียบกับเกณฑ์ Segment จากที่ Website Thinkofliving กำหนดก็จะอยู่ที่ Super Luxury Class ส่วนโครงการอื่นจะอยู่ที่ Luxury Class เท่านั้น เราจึงอยากรู้ว่าทำไม…โครงการนี้จึงมีราคาที่แพง? และบรรยากาศภายในบ้านที่แพงระดับ 60 ล้านบาทขึ้นนั้นเป็นอย่างไร? ดังนั้นวันนี้เราจะพาผู้อ่าน Walk-in ไปที่โครงการจริงพร้อมกันกับเรากันค่ะ
Fact @ 27 July 2020
- VEVA PRIVA EKKAMAI-RAMINDRA (วีว่า พรีว่า เอกมัย-รามอินทรา)
- บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอยรามคำแหง 21 (ซอยนวศรี)
- จำนวน 7 ยูนิต
- ขนาดที่ดิน : 111.6-128.1 ตร.วา
- ขนาดพื้นที่ใช้สอย : 644-678 ตร.ม.
- ฟังก์ชัน : 5 ห้องนอน, 7 ห้องน้ำ, ที่จอดรถ 4 คัน
- ราคาเริ่มต้น 62 ล้านบาท
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร VEVA PRIVA : 062-121-1222
- Call Center Narai property : 1393
ก่อนที่เราจะไปดูประเด็นที่น่าสนใจต่างๆของโครงการนี้ เราขอนำ Gallery ของบ้านจาก VEVA PRIVA ขึ้นมาให้ชมเป็นน้ำจิ้มกันก่อนเลยนะคะ คลิกเลื่อนดูรูปได้ค่ะ
VEVA PRIVA
Project Location
โครงการ VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรา ถือว่าตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองเหมือนกันนะคะ โดยตัวโครงการนี้จะอยู่ที่ซอยรามคำแหง 21 ค่อนไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม ไปยังโซนทาวน์อินทาวน์ได้ง่าย และอยู่ฝั่งขาเข้าเมืองค่ะ จากตัวโครงการ ไปยังถนนพระราม 9 เพียง 1.5 km. หรือว่าไปยังเอกมัยก็ประมาณ 3 km. เท่านั้นค่ะ
Convenience Location
โดยตัวทำเลนี้ถือว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายสำหรับการใช้ชีวิตมากค่ะ
ด้านการเดินทาง – อย่างที่บอกไป ไปยังประดิษฐ์มนูธรรม, รามคำแหง, ลาดพร้าว และพระราม 9 ได้ง่ายมาก และยังไม่ไกลจากทางด่วนฉลองรัชและทางด่วนศรีรัช ซึ่งเป็นตัวเลือกในวันรถติดได้อีกด้วย
ด้านห้างสรรพสินค้า – ด้วยทำเลที่ค่อนข้างใจกลางเมืองและเดินทางสะดวก ดังนั้นจึงสามารถเลือกไปใช้งานห้างสรรพสินค้าได้หลากหลายค่ะ ถ้าใกล้ที่สุดก็จะเป็นโซนรามคำแหงเองเลย จะมีทั้ง Hypermarket และห้าง The Mall รามคำแหงที่กำลัง Renovate ชุดใหญ่ น่าจะเปิดพร้อมๆกับการใช้งานของรถไฟฟ้า หรือว่าเลียบทางด่วนเองก็ไปยังโซน Central Eastville หรือ The Crystal Park ได้ง่ายมาก 10- 15 นาทีเท่านั้น โซนนี้ก็จะของกินเยอะ ที่จอดรถไม่เสียค่าบริการ และไม่หนาแน่นเท่าไรค่ะ หรือว่าอีกตัวเลือกคือขับเข้าไปยังโซนสุขุมวิทเลย เรามองว่าไปใช้งาน เอกมัย,ทองหล่อ หรือว่า Em District ก็สบายเช่นกันค่ะ
ด้านโรงพยาบาล – ในละแวกนี้จะมีตัวเลือกทางด้านสุขภาพอยู่หลากหลาย ใกล้สุดๆก็จะเป็นศูนย์แพทย์พัฒนา หรือว่าจะขยับมาทางเพชรบุรี-สุขุมวิทจะมีโรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลปิยะเวช และโรงพยาบาลสมิติเวชค่ะ หรือบนถนนรามคำแหงเองก็จะมีโรงพยาบาลรามคำแหงที่ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่เช่นกันนะคะ
ด้านโรงเรียน – สำหรับทำเลนี้จะเป็นตำแหน่งที่มีโรงเรียนนานาชาติอยู่เยอะมาก โดยเฉพาะบนถนนประชาอุทิศ(โซนเหม่งจ๋าย) จะมี Regent’s International School, KIS International School, Singapore International School of Bangkok ตั้งอยู่ค่ะ ส่วนครอบครัวไหนที่มองโรงเรียนนานาชาติโซนสุขุมวิทไว้ เราว่าจากทำเลนี้ก็เดินทางไปไม่ยากเลยเช่นกันนะคะ
สำหรับโครงการนี้เรามองว่าจะอยู่ในย่านที่ใกล้กับทาวน์อินทาวน์ค่ะ ซึ่งโครงการที่อยู่บนทำเลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับ Luxury Class แต่ VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทราจะเป็นบ้านที่ออกแบบมาในระดับ Super Luxury Class ค่ะ โดยโครงการที่สร้างมาในระดับเดียวกันที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Issara Residence ที่อยู่ตรงพระราม 9 หรือว่าบ้านที่อยู่บนเส้นเลียบทางด่วน แต่อยู่ในช่วงรามอินทรามากกว่าค่ะ
Project Insight
VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรา เป็นโครงการขนาดเล็กมีอยู่ 7 หลังเท่านั้น มองในแง่กฏหมายแล้วจึงจะเป็นโครงการไม่จัดสรรค่ะ ซึ่งรูปแบบของโครงการไม่จัดสรรนั้นก็จะไม่มีการเก็บค่าส่วนกลาง แต่ก็จะไม่มีถนนภายในโครงการหรือว่า Facility ที่เป็นส่วนกลางไว้ให้ใช้งาน สำหรับประเด็นนี้คนที่ก็อาจจะต้องชั่งน้ำหนักในใจเอานะคะ ว่าชอบรูปแบบของโครงการที่ไม่จัดสรรหรือไม่
ถึงแม้จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลาง แต่ทางโครงการจะมีการเก็บค่าบำรุงรักษาถนนอยู่ค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะอยู่ที่ 200 บาทต่อหลังต่อเดือน เรียกเก็บเป็นรายปี รวมๆแล้วปีละ 2,400 บาทเท่านั้น เทียบกับราคาบ้านหลังละ 62 ล้านบาทขึ้นถือว่าถูกมากเลยค่ะ
สำหรับโครงการไม่จัดสรรนั้น ส่วนตัวมองว่ามี 3 ประเด็นที่คนอาจจะกังวลกัน คือ
1) ความปลอดภัยของโครงการ
2) พื้นที่ส่วนกลาง
3) ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
ซึ่งภายในตัวบ้านเองจะมีการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาของทั้ง 3 เรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ เราลองมาดูทีละหัวข้อกันนะคะ แล้วเราอยากให้ผู้อ่านลองตัดสินใจเอาเองว่าสิ่งที่แก้ปัญหามานั้น ทดแทนกับรูปแบบของโครงการจัดสรรได้หรือไม่ค่ะ
1) ความปลอดภัยในตัวบ้าน
สำหรับแบบบ้านของ VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรานั้นจะมี
– ระบบรองรับการติดตั้ง CCTV และ Alarm ต่างๆ
– ภายในครัวทั้งครัวไทยและครัวในบ้านจะมี Fire protection system
– อุปกรณ์นิรภัยในบ้านจะให้ Motion sensor, Magnetic contact, Glass break Detector และ Smoke Heat Detector
– มีบริษัท SECOM ดูแลรักษาความปลอดภัย 3 ปีแรกฟรีค่ะ ซึ่ง SECOM ถือว่าเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยอันดับต้นๆเลย ระบบการทำงานขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ คือ เมื่อเกิดการงัดแงะบ้าน อุปกรณ์จับสัญญาณที่เราติดตั้งจะส่งไปที่ศูนย์ของ SECOM ที่คอย Monitor ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นทาง SECOM จะติดต่อกลับมายังเจ้าของบ้านว่าสัญญาณที่ถูกส่งเกิดจากความผิดพลาด เช่น ลืมปิดหรือไม่ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นทางศูนย์จะส่ง SECOM Security Engineer ที่มีทักษะการต่อสู้มาที่บ้านเรา หรือว่าแจ้งตำรวจหรือรถดับเพลิงให้ค่ะ
2) ฟังก์ชันในบ้าน ทดแทนพื้นที่ส่วนกลาง
เนื่องจากแบบบ้านของ VEVA PRIVA เป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่ ที่ดินมากกว่า 100 ตร.วา และพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 600 ตร.ม. ดังนั้นในตัวบ้านก็จะมีฟังก์ชันของสระว่ายน้ำ ห้องอเนกประสงค์ และพื้นที่สีเขียวอยู่ค่ะ
Private Pool ขนาด 2.60x10.00 เมตร ลึก 1.25 เมตร
ส่วนตัวมองว่าพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนั้นในหลายๆโครงการก็จะดูแล้วสวยงาม เป็นหน้าเป็นตาให้กับบ้าน แต่การใช้งานจริงหลายๆครอบครัวก็ไม่ได้ไปใช้กันนะคะ อย่างสระว่ายน้ำบางครั้งก็เล็กเกินออกกำลังกาย หรือว่าจัดตำแหน่งให้โครงการดูสวยงามแต่ไม่ได้ความเป็นส่วนตัว หรือแม้กระทั่งฟิตเนสบางคนก็สะดวกใช้บริการฟิตเนสรายเดือนข้างนอกมากกว่าเพราะว่ามีเทรนเนอร์และเครื่องเล่นให้เลือกเยอะกว่า ดังนั้นสำหรับบางคนพื้นที่ส่วนกลางอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อชีวิตขนาดนั้น…
แต่สำหรับตัวบ้านของ VEVA PRIVA เรามองว่าสระว่ายน้ำเป็นจุดที่สร้างบรรยากาศให้กับบ้าน และสามารถใช้งานได้อย่างส่วนตัวค่ะ และอย่างช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา หลายๆพื้นที่ส่วนกลางปิด รวมถึงฟิตเนสข้างนอกด้วย ดังนั้นหลายๆคนเริ่มที่จะจัดพื้นที่ภายในบ้าน ให้เป็นห้องออกกำลังกาย เพื่อนบางคนของเราเองก็มีจ้างเทรนเนอร์ หรือครูสอนโยคะให้มาสอนที่บ้านด้วย ดังนั้นพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ก็จะอาจเหมาะกับชีวิตแบบ New Normal มากขึ้นก็ได้นะคะ
3) การออกแบบเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว
เนื่องจากตัวบ้านอยู่ในระดับ Super Luxury แต่ว่าที่ดินติดกับถนนที่เป็นทางเชื่อมระหว่างรามคำแหงกับประดิษฐ์มนูธรรม สิ่งที่เราสงสัยเลยคือความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยนั้นจะเป็นอย่างไร แต่จากที่เราได้เข้าไปดู เราเห็นว่าในการออกแบบ Zoning และการจัด Element เช่น ผนังทึบ หน้าต่าง ก็คำนึงถึงเรื่อง Privacy อยู่พอสมควร
บ้านหน้าแคบ ออกแบบปิดทึบ เพิ่มความเป็นส่วนตัว
ตัวบ้านตอนลึก มองจากหน้าบ้านจะไม่สามารถมองเข้าไปในตัวบ้านได้ตรงๆ
ลักษณะของแปลงที่ดินจะเป็นที่ดินตอนลึกเข้าไป ทำให้เมื่อขับรถผ่านไปมาหรือมองเข้ามาจากถนนใหญ่จะไม่ได้เห็นว่าบ้านมีขนาดใหญ่ จะเห็นแต่โซนที่จอดรถที่อยู่ด้านหน้าสุดของที่ดินเท่านั้นค่ะ และการออกแบบชั้น 1 ที่จอดรถที่มีผนังและประตูรั้วค่อนข้างปิดทึบ ส่วนชั้น 2-3 จะมีแผงบังแดดที่ช่วยพรางตาจากภายนอกไม่ให้เห็นข้างในบ้านได้โดยตรง ซึ่งสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่ภายในบ้านได้
ออกแบบให้ฝั่งหนึ่งทึบ ฝั่งหนึ่งเปิดโปร่ง
ถ้าเราสังเกตดูจะเห็นว่าการออกแบบบ้านที่วางเรียงกันต่อเนื่องทั้ง 7 ยูนิตนั้น ตัวบ้านฝั่งหนึ่งจะออกแบบให้มีผนังทึบ และอีกฝั่งจะเป็นหน้าต่างกว้างค่ะ อย่างที่ชั้น 1 เองฝั่งที่ต้องทึบ ก็จะวางฟังก์ชัน Service อย่างครัว ห้องแม่บ้าน ห้องเก็บของและห้องเครื่องสระว่ายน้ำเอาไว้ ส่วนชั้น 2 และ 3 ก็จะเป็นผนังทึบส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ต้องกลัวไปค่ะ เพราะว่ายังมีแสงสว่างส่องเข้ามาทางด้านข้างแบบ Indirect light แทน ซึ่งการออกแบบเช่นนี้ก็จะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ และยังคงได้แสงสว่างและการระบายอากาศที่ดีอยู่ ส่วนฝั่งที่เปิด ก็จะเป็นกระจกกว้างเต็ม มองไปเห็นวิวด้านที่เป็นสระว่ายน้ำและพื้นที่สีเขียวค่ะ
ฝั่งที่ทึบของหลังหนึ่งจะชนกับฝั่งที่เปิดเป็นกระจกของบ้านอีกหลัง ถือเป็นการบังคับมุมมองให้ทั้งสองหลังไม่สามารถมองเข้าไปเห็นภายในบ้านของอีกฝั่งได้ค่ะ ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยด้วย
Product Insight
VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรา จะมีบ้านอยู่แบบเดียวค่ะ มีพื้นที่ใช้สอย 644-678 ตร.ม. ตั้งบนที่ดิน 111.6-128.1 ตร.วา ในบ้านจะมีฟังก์ชัน 5 ห้องนอน, 7 ห้องน้ำ, ที่จอดรถ 4 คัน, Living area แบบฝ้าเพดานสูง, ห้องทำงานแบบฝ้าเพดานสูง, พื้นที่กินข้าว, ห้องอเนกประสงค์, ครัวฝรั่ง, ครัวไทย, ห้องแม่บ้าน, ห้องซักรีด, สระว่ายน้ำ และ ลิฟต์ภายในบ้าน
มาดูที่ผังพื้นของตัวบ้านกันค่ะ ตัวบ้านจะเป็นบ้านตอนลึกนะคะ และถ้าดูดีดีจะเป็นบ้านที่มีรูปร่าง L-shape โอบล้อมสระว่ายน้ำอยู่ โดยฟังก์ชันที่ไม่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือวิวมาก ก็จะถูกวางไว้ฝั่งหน้าบ้านมากกว่า เช่น ที่จอดรถ ห้องทำงาน เป็นต้น ส่วนฟังก์ชันที่ต้องการวิว หรือต้องการหน้าต่างๆเยอะๆจะวางไว้ด้านใน เพื่อที่จะสามารถเห็นวิวของสระว่ายน้ำได้
ที่ชั้น 1 ของบ้าน ฟังก์ชันหลักๆจะเป็นพื้นที่ที่สามารถต้อนรับแขกได้เต็มที่ และฟังก์ชันที่เป็นส่วน Service เช่นห้องครัว ห้องเครื่องของสระว่ายน้ำ ส่วนชั้น 2 และ ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอย่างห้องนอน และ Family area ค่ะ
ดีไซน์บ้านใกล้ชิดธรรมชาติ
จากที่เราไปเยี่ยมชมโครงการมา การออกแบบบ้านของที่นี่ดูเหมือนจะเต็มพื้นที่ดิน แต่ก็มีการออกแบบที่พยายามให้ทุกฟังก์ชันสามารถใกล้ชิดธรรมชาติ หรือ แดด ลม แสง และเห็นพื้นที่สีเขียวนะคะ โดยการออกแบบนี้ก็จะเน้นการเลือกใช้กระจกบานใหญ่ เปิดชมวิวหรือรับแดดได้เต็มที่ โดยที่ไม่ต้องกลัวใครมองเข้ามาภายในบ้าน (อย่างที่เราเล่าไปว่าฝั่งหนึ่งผนังออกแบบทึบ อีกฝั่งหนึ่งเลยจะเน้นช่องเปิด) และในแต่ละพื้นที่จะมีส่วนที่เชื่อมถึงกันได้ทางสายตา จากชั้น 2 มองลงมาเห็นชั้น 1 จาก Master Bedroom มองลงมาเห็น Living Area ได้ ทำให้แต่ละฟังก์ชันไม่แยกขาดออกจากกัน สมาชิกในบ้านยังคงเห็นความเป็นไปของทุกคนอยู่ ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ค่ะ
เราลองมาดูผังเทียบกันค่ะ ในผังบ้านชั้น 1 เราจะเจอกับพื้นที่ Court กลางบ้านอยู่ 2 จุด จุดแรกอยู่ระหว่างที่จอดรถและ Living Area เป็นเหมือน Space ที่ออกแบบมาไว้เพื่อช่วยพรางตาไม่ให้คนที่อยู่ส่วนจอดรถมองเข้าไปเห็น Living Area ได้โดยตรง และเป็นเหมือนมุมมองให้กับส่วน Foyer ของบ้านค่ะ ในขณะที่Court ข้างในนั้นจะเป็นสระว่ายน้ำ ที่เป็นวิวหลักให้กับบ้านหลังนี้ ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะเชื่อมต่อห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องนอนที่ชั้น 1 และห้อง Master Bedroom ให้สามารถมองเห็นกันและกันได้
ในส่วนของชั้น 2 ด้านหน้าบ้านจะมี Outdoor Balcony ที่จะต่อเนื่องมาจากห้องทำงาน พื้นที่ส่วนนี้ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆเท่าไร เรามองว่าเพราะห้องทำงานนี้อาจจะเป็นพื้นที่ที่มีแขกมาบ่อย เวลาใช้งานอาจจะไม่ต้องการให้รบกวนผู้อื่นที่อยู่อาศัยในบ้านด้วย การออกแบบเช่นนี้เลยเหมาะกับการแยกพื้นที่ออกจากส่วนอื่นๆของบ้านค่ะ
ส่วนของห้อง Master Bedroom ตำแหน่งของห้องนอนจะยื่นมาบนสระว่ายน้ำพอดี ทำให้ห้องนอนสามารถเห็นวิวสระได้ และมองเชื่อมต่อมายังห้องกินข้าวและห้องนั่งเล่นได้อีกด้วย นอกจากนั้นการออกแบบห้องน้ำ ก็จะมีพื้นที่ Outdoor และ Sky light ส่วนตัวภายในห้องน้ำ ทำให้ห้องน้ำสามารถเปิดช่องแสงได้เต็มที่ ดูโปร่งสบายน่าใช้งานมากขึ้นค่ะ
ส่วนที่ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ๆสามารถมองเห็นส่วนที่เป็นหลังคาของ Master Bedroom และ Living Area ได้ ดังนั้นพื้นที่ตรงหลังคาจึงสามารถปูหญ้าเทียมเอาไว้ เพื่อลดความร้อนที่สะท้อนบนหลังคานี้ค่ะ
พื้นที่ห้องนอนมีขนาดใหญ่ อยู่อาศัยสบาย
ในบ้านทั่วไปที่เราเจอจากที่ไปรีวิวมา พื้นที่ตัวบ้านที่สามารถเรียกว่าบ้านขนาดใหญ่ได้ก็จะมีพื้นที่ราวๆ 300-400 ตร.ม. (ขนาดบ้านที่รองรับได้ 3 Generations) มีอยู่ 4-5 ห้องนอน ส่วนใน VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรา เป็นบ้านที่รองรับการอยู่อาศัย 3 Generations เช่นกัน แต่ว่าตัวบ้านนั้นจะมีพื้นที่ใช้สอยถึง 600-700 ตร.ม. เลยค่ะ โดยที่จำนวนห้องนอนก็อยู่ที่ 5 ห้องนอน ดังนั้นเราจึงพอนึกภาพตามคร่าวๆได้ว่าพื้นที่แต่ละส่วนที่จัดมา น่าจะออกแบบไว้ใหญ่พอสมควร อย่างเช่นห้องนอนของบ้านหลังนี้ ทุกห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัว มีพื้นที่กว้างขวางที่สามารถวางเตียงขนาดใหญ่เท่าไรก็ได้ และยังมีพื้นที่เหลือที่จะทำเป็น Walk-in Closet ได้อีกด้วย
ห้องนอนชั้น 1 เหมาะกับการจัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ มีห้องน้ำในตัว
ที่จอดรถกว้าง รองรับเพื่อนได้
หรืออย่างที่จอดรถที่บางโครงการระบุไว้ว่าจอดได้ 4 คัน แต่การจอดอาจจะเป็นการจอดที่ต้องซ้อนคัน ถ้าคันข้างในอยากออก ก็ต้องมาเลื่อนรถกันให้วุ่นวาย แต่ VEVA PRIVA ที่ระบุไว้ว่าจอดรถได้ 4 คัน นั่นหมายความว่าจอดได้ 4 คันแบบสบายๆ มีพื้นที่ให้ถอยจอดหรือขับออกนอกบ้านได้สะดวก ซึ่งเราชอบการระบุฟังก์ชันแบบนี้ดีค่ะ ถือเป็นข้อมูลตามจริงที่อยู่อาศัยสบาย นอกจากนั้นอย่างพื้นที่จอดรถก็จะมี EV Charger ให้มาอีกด้วย
และสำหรับวันไหนที่มีเพื่อนมาหาก็สามารถจอดซ้อนได้อีก 2 คันค่ะ เท่ากับว่าจอดรถในร่มได้ประมาณ 6 คันเลยนะ
ฟังก์ชันที่นอกเหนือจากฟังก์ชันมาตรฐาน
ในแง่ฟังก์ชันการใช้งานถือว่าได้เยอะเลยนะคะ ส่วนใหญ่ที่เราไปรีวิวบ้านทั่วๆไปก็จะมีแค่ห้องนอน ห้องน้ำ พื้นที่ Common Area ที่รวมนั่งเล่น,กินข้าว เท่านั้น แต่พอเป็นบ้านระดับ Super Luxury แบบนี้ พื้นที่สำหรับการใช้ชีวิตอื่นๆได้ถูกเพิ่มเข้ามาให้ แต่ละส่วนก็ถูกแบ่งแยกการใช้งานออกจากกันเป็นสัดส่วน และในแต่ละส่วนก็ถูกคิดมาเพื่อการใช้งานนั้นๆโดยเฉพาะ สิ่งที่เราชอบคือรายละเอียดฟังก์ชันเหล่านี้ที่ตอบรับกับการใช้งานจริง เช่น พื้นที่ห้องที่เพิ่มเข้ามา สามารถทำเป็นห้องเก็บรองเท้าได้ และอยู่ใกล้ประตูทางเข้า
แน่นอนว่าพื้นที่เก็บรองเท้าเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่ถ้าไม่ได้ออกแบบพื้นที่รองรับไว้ก่อน อาจจะมีปัญหาตามมาแน่นอน ซึ่งบ้านของ VEVA PRIVA ฟังก์ชันนี้จะอยู่ภายในตัวบ้าน ไม่ใช่ที่จอดรถ ดังนั้นถ้าจะเก็บรองเท้าแบรนด์เนม หรือคนที่ชอบซื้อ Sneaker มีราคาก็มั่นใจได้ว่ามีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับเก็บรองเท้าแล้วค่ะ
นอกจากนั้นก็จะมีพื้นที่อื่นๆที่นอกเหนือจากฟังก์ชันมาตรฐานมาให้อีกค่ะ เราลองเลื่อน Gallery ด้านล่างดูได้นะคะ
Foyer ตรงประตูทางเข้า พื้นที่แบบฝ้าเพดานสูง สร้างบรรยากาศให้ดูบ้านดูโปร่งโล่ง
ส่วนบริการถูกออกแบบให้ดูเรียบร้อย หลบสายตา
พื้นที่ส่วนบริการเป็นพื้นที่ที่มักถูกละเลยไป แต่สำหรับโครงการนี้ออกแบบมาได้สะดุดตาเราพอสมควรค่ะ โดยรวมการออกแบบส่วนนี้ถือว่าดูเรียบร้อยมาก แยกพื้นที่เอาไว้ฝั่งเดียวเลย มีทางเดินที่ปูพื้นด้วยกระเบื้อง ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆก็อยู่ในร่มดูมิดชิด และคำนึงถึงการใช้งานของแม่บ้าน ช่าง และชาวสวนที่ต้องมาใช้งานพอสมควร อย่างพื้นที่ของแม่บ้านก็จะมีห้องนอน ห้องน้ำ มีห้องซักรีดที่ Built-in ด้านในไว้ให้ มีพื้นที่โล่ง Semi-indoor มีห้องเก็บของภายนอก และส่วนที่ต้องวาง Tank น้ำก็ออกแบบให้มีหลังคาปกคลุม พร้อมกับประตูเปิด-ปิดมิดชิดดูเรียบร้อยมาก พอแม่บ้านอยู่ที่ที่สวยงาม สะอาด ก็ย่อมช่วยทำงานบ้านและช่วยดูแลบ้านให้สะอาดเรียบร้อยเช่นกันใช่ไหมคะ
พื้นที่ทิ้งขยะเป็นห้องขยะดูเรียบร้อย เดินจากครัวมาทิ้งได้ทันที
ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
สำหรับโครงการ VEVA PRIVA เอกมัย-รามอินทรา นี้จากที่ดูทั้งบทความผู้อ่านคงมีคิดว่าเรา Bias รึเปล่านะ? ดูพูดชมโครงการจังเลย ซึ่งส่วนตัวเรามองว่าบ้านระดับนี้จะให้ออกแบบไม่ดีก็คงไม่ได้แน่นอนค่ะ ดังนั้นในแง่ของการออกแบบ การจัดฟังก์ชันการใช้งาน มุมมองต่างๆ ย่อมถูกคิดมาเป็นอย่างดีนะ และก็อยู่ในทำเลที่สะดวกทั้งการเดินทางและความอุดมสมบูรณ์รอบๆด้วย แต่สิ่งที่จะคัดคนที่สามารถอยู่โครงการนี้ได้ก็คงเป็นเรื่องของ Budget หรือเงินของผู้ซื้อค่ะ คนที่ซื้อบ้านราคานี้ย่อมคาดหวังสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเป็นคนที่ยอมรับข้อจำกัดของโครงการไม่จัดสรรได้ด้วยเช่นกันนะคะ
ถ้าจะให้ลองเปรียบเทียบ โครงการบ้านที่อยู่ใกล้ๆเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราก็จะมี “Issara Residence Rama9 ที่มีขนาดที่ดินและพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกัน แต่โครงการนี้จะราคาประมาณ 100 ล้านบาท” หรือว่าโครงการ “Crystal Solana เองก็จะมีแบบบ้านที่มีที่ดิน พื้นที่ใช้สอย และราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ว่าทำเลจะเลยถนนเกษตร-นวมินทร์ไปเกือบถึงรามอินทราค่ะ” นอกจากนั้นราคาประมาณนี้ก็ยังสามารถหยิบจับบ้านย่านถนนสุขุมวิทได้เช่นกัน แต่บรรยากาศในสุขุมวิทก็จะเป็นที่ดินที่ถูกล้อมรอบด้วยที่พักอาศัย และรูปแบบบ้านก็มักจะออกแบบแน่นเต็มพื้นที่ และสูง 4-5 ชั้น ที่ดินจะเล็กกว่า และไม่ได้บรรยากาศที่ดูใกล้ชิดธรรมชาติแบบโครงการนี้ค่ะ
จบแล้วนะคะสำหรับ Walk-in Review ในครั้งนี้ ถ้าผู้อ่านอยากให้เราพาไปชมโครงการไหนอีก ลอง Comment กันมาได้เลยค่ะ