รีวิวฉบับที่ 2188 … สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะพาทุกคนมาดูคอนโดตึกเสร็จในย่านพญาไทกันกับ The Room พญาไท จาก Land & Houses ครับ

  • ที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยาเลย ใกล้รถไฟฟ้า 2 สายอย่าง APL สถานีราชปรารภ และ BTS สถานีพญาไท แถมในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มในระยะใกล้โครงการด้วยครับ
  • พื้นที่จอดรถของโครงการนี้ให้มาทั้งหมด 64 % รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจัดเป็นตัวเลขที่เยอะกว่าโครงการข้างเคียงในย่านนี้นะครับ
  • โครงการนี้มีที่ดินประมาณ 2-2-22.9 ไร่ รวม 437 ยูนิต ซึ่งเมื่อถ้าเทียบขนาดที่ดินกับจำนวนยูนิต ก็จัดว่าน้อยกว่าโครงการใกล้เคียงในย่านนี้นะครับ
  • ปัจจุบันจะมี Promotion รูปแบบการขายแบบ Fully Furnished ชนิดที่ซื้อแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เข้าอยู่ได้เลยครับ
  • การออกแบบภายในโครงการทั้งส่วนกลางและห้องพักอาศัย มีรายละเอียดที่เน้นการอยู่อาศัยและใช้งานจริงในหลายๆจุด และเลือกใช้วัสดุนำเข้าจากต่างประเทศเกือบทั้งหมดครับ

ข้อมูลโครงการ

29 January 2021

  • The Room Phayathai (เดอะรูม พญาไท)
  • บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี
  • ที่ดินประมาณ 2-2-22.9 ไร่
  • คอนโด High Rise 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 437 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิตที่ชั้น 8-15
  • ที่จอดรถประมาณ 64% รวมจอดซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2561
  • แล้วเสร็จ : ปลายปี 2563
  • Studio 27.5-28.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 37.8-38.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.64 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 64.7-73.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.69 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 196,071 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 190,000 บาท/ตร.ม.
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1198

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.756624 , 100.540770
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ ตัวโครงการ The Room พญาไท ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนสถานีพญาไทประมาณ 700 เมตร และรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีราชปรารภ ประมาณ 250 เมตร และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านทางเส้นราชปรารถอีกสายหนึ่งด้วย โดยจะมีจุด Interchange ทั้ง Airport Rail Link สถานีพญาไท ( Interchange กับสายสีเขียว) และ Airport Rail Link สถานีราชปรารภ (Interchange กับสายสีส้มในอนาคต) ทำให้โครงการใกล้กับรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย

ซึ่งปัจจุบันตัวโครงการ The Room พญาไท ก็สร้างเสร็จและเป็นที่สังเกตได้ง่าย และในรีวิวก่อนหน้านี้เราก็ได้เขียนเกี่ยวกับทำเลโครงการนี้ไว้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว ใครสนใจอ่านเพิ่มคลิก > ทำเลโครงการ The Room พญาไท

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

มาดูพื้นที่รอบโครงการในแนวราบกันก่อนครับ โครงการตั้งอยู่ติดถนนศรีอยุธยาเลยครับ ตั้งอยู่ข้างๆซอยศรีอยุธยา 2 สภาพแวดล้อมโดยรอบจะไม่มีตึกสูงบังในระยะประชิด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์ที่ไม่สูงมาก แต่ถ้าห่างหน่อยทางทิศตะวันออกจะมีอาคารมหานครยิบซั่ม ทิศตะวันตกจะมีคอนโด Supalai Elite พญาไท สูง 31 ชั้น และทางทิศใต้จะเยื้องๆกับโรงพยาบาลพญาไท 1 โดยสรุปแต่ละด้านของโครงการจะติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับอพาร์ทเม้นท์สูงประมาณ 10 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับเจ้าพระยา2 และอาคารมหานครยิบซั่ม
  • ทิศใต้ – ติดกับถนนศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามเป็นแนวตึกแถว เยื้องๆกันจะเป็นโรงพยาบาลพญาไท 1
  • ทิศตะวันตก – ติดกับซอยศรีอยุธยา 2 บ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์

Image 1/11
ด้านข้างจะติดกับซอยศรีอยุธยา 2 ครับ ซึ่งจะเป็นซอยเดินรถทางเดียวทะลุมาจากทางฝั่งซอยรางน้ำครับ

ด้านข้างจะติดกับซอยศรีอยุธยา 2 ครับ ซึ่งจะเป็นซอยเดินรถทางเดียวทะลุมาจากทางฝั่งซอยรางน้ำครับ

ลองมาดูวิวบนตึกเสร็จกันบ้างครับว่าแต่ละทิศของโครงการจะเห็นอะไรบ้าง โดยตัวอาคารจะมีห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 8 ซึ่งทำให้ได้วิวค่อนข้างสูงแล้ว หลัก ๆ แล้วอาคารจะรับวิวฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นหลัก ซึ่งจะได้รับแสงและลมอย่างเต็มที่ ส่วนทิศเหนือใต้จะมีเฉพาะห้องมุมบางห้องและพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้นที่จะเห็นวิวทาง 2 ฝั่งนี้ จากแผนที่จะเห็นว่าโดยหลัก ๆ แล้วไม่มีตึกสูงในระยะประชิดตัวโครงการ ทำให้ได้มุมมองที่ค่อนข้างเปิดกว้างโล่ง ในทุก ๆ ฝั่งเลยลองไปดูวิวแต่ละฝั่งกันครับ

Image 1/4
ทิศตะวันออก : เริ่มที่ทิศที่เป็นวิวหลักกันก่อนนะครับ จะเป็นฝั่งที่หันเข้าสู่แยกหมอเหล็ง เห็นแนวรถไฟฟ้า APL และสถานีราชปรารภ ฝั่งนี้จะมีแค่อาคารมหานครยิบซั่มที่สูง 26 ชั้น จัดเป็นอาคารสูงที่ใกล้โครงการเราที่สุดครับ

ทิศตะวันออก : เริ่มที่ทิศที่เป็นวิวหลักกันก่อนนะครับ จะเป็นฝั่งที่หันเข้าสู่แยกหมอเหล็ง เห็นแนวรถไฟฟ้า APL และสถานีราชปรารภ ฝั่งนี้จะมีแค่อาคารมหานครยิบซั่มที่สูง 26 ชั้น จัดเป็นอาคารสูงที่ใกล้โครงการเราที่สุดครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลพญาไท 1 ~ 290 เมตร
  • โรงพยาบาลเดชา ~ 750 เมตร
  • สวนสันติภาพ ~ 800 เมตร
  • โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ ~ 900 เมตร
  • King Power Complex และโรงแรม Pullman King Power ~ 900 เมตร
  • โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ~ 1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนศรีอยุธยา ~ 1.3 กิโลเมตร
  • อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ~ 1.5 กิโลเมตร
  • อาคารวรรณสรณ์ ~ 1.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลราชวิถี ~ 1.7 กิโลเมตร
  • โรงเรียนอำนวยศิลป์ ~ 1.7 กิโลเมตร
  • Century The Movie Plaza ~ 1.8 กิโลเมตร
  • อาคารพญาไท พลาซ่า ~ 1.8 กิโลเมตร
  • C.P. Tower 3 ~ 2 กิโลเมตร
  • Heap Cafe & Restaurant ~ 2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ~ 2.1 กิโลเมตร
  • พระราชวังพญาไท ~ 2.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี ~ 2.4 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ~ 2.5 กิโลเมตร
  • สำนักงานเขตราชเทวี ~ 2.7 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ~ 2.7 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

สร้างเสร็จมาไม่นานสำหรับ The Room พญาไท คอนโด High Rise 38 ชั้น 437 ยูนิต พื้นที่จอดรถจะอยู่ในชั้น 1-7 พื้นที่ส่วนกลางชั้น 1 มี Lobby Lounge, Meeting Room, Co-Working Space ที่สามารถเดินขึ้นชั้นบนไปยัง Mini Theatre และ Social Lounge มุมพักผ่อนที่มี Pool Table และ Table Soccer ให้เล่นด้วย ที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8-36 ชั้น 8 จะมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง เป็น Private Garden ส่วน Facilities อื่นๆที่เน้นการ Take View ทั้งหมดจะยกไปไว้ในชั้นบนสุด โดยชั้น 37 เป็นสระว่ายน้ำ สวนหย่อม ห้องน้ำแยกชายหญิงที่มีห้อง Steam ส่วนชั้น 38 เป็นฟิตเนสครับ

โครงการนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด Panoramic Living ซึ่งถูกนำไปใช้ในการวางผังโดยยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆเอาไปไว้ชั้นบนสุดเพื่อให้เห็นวิวได้รอบด้าน ส่วนตัวผมชอบในรายละเอียดแต่ละจุดของตัวอาคาร อาจจะเห็นว่า Facilities ไม่ได้มีเยอะยาวเหยียดนัก แต่ในพื้นที่แต่ละส่วน เขาทำออกมาได้ดี โดยที่ผมเองรู้สึกว่าเขาคิดและใส่ใจรายละเอียดในการใช้งานจริง (สไตล์ LH) รวมถึงภายในห้องพักอาศัยด้วย เช่น ออกแบบให้มีผนังกระจกขนาดใหญ่และยกฝ้าเพดานที่ค่อนข้างสูง ทำให้เวลาเรามาใช้งาน Space นั้น ๆ แล้วรู้สึกโปร่ง โล่ง พื้นที่ภายในแต่ละส่วนก็จัดขนาดและอุปกรณ์มาให้ครบครัน เช่น ห้องออกกำลังกายที่รู้สึกเหมือนใช้งานอยู่ในฟิตเนสชั้นนำตามห้างสรรพสินค้า ส่วนห้องพักโครงการนี้ออกแบบมาเป็นห้องหน้ากว้างและมีการปรับฝ้าเพดานให้สูงถึง 2.80 เมตร ทำให้อยู่สบาย ไม่อึดอัด แถมยังมีรายละเอียดเล็กๆที่ช่วยให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายขึ้นอีกหลายจุด เดี๋ยวลองไปชมกันในส่วนห้องพักอาศัยนะครับ

ทางเข้า-ออกของโครงการจะมีทางเดียวนะ พอเข้ามาจะเจอกับสวนหย่อม รถจะเดินทางเดียววนรอบโครงการโดยจะมีทางขึ้นที่จอดรถอยู่ด้านข้าง ซึ่งดีตรงที่จะไม่มีรถวิ่งสวนกัน ช่วยลดอุบัติเหตุ ภายในอาคารชั้นนี้จะมี Lobby Lounge, Meeting Room, Co-Working Space มีลิฟต์โดยสารอยู่ 3 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการเท่ากับ 146 : 1 + Service Lift อีก 1 ตัว

ทางเข้าออกโครงการจะมีถนนมารับและร่นตัวอาคารเข้าไปด้านในประมาณ 30 กว่าเมตร ข้อดีคือช่วยลดมลภาวะเรื่องเสียงและฝุ่นให้กับตัวอาคาร มีแนวสนามหญ้าและต้นไม้ทั้ง 2 ฝั่งคอยต้อนรับที่ทางเข้าให้เลยครับ พื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายยาวเข้าไปด้านใน

ส่วนแรกจะเป็นป้อม รปภ. ซึ่งพี่เขาจะคอยดูแลตั้งแต่ตรงนี้เลย (ด้านในมีรั้วกันไม้กระดกอีกนะครับ)

ด้านข้างเป็นป้อม รปภ. ที่ออกแบบมาได้กลมกลืนไปกับตัวอาคาร ดูดีทีเดียว

เข้ามาด้านในเป็นการวนรถทางเดียว จะเป็น Drop Off เข้าตัวอาคารครับ

เลยมาหน่อยจะเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับ Visitor รอบตัวอาคารเลย

ส่วนลูกบ้านจะขึ้นไปจอดรถด้านบนครับ เป็นรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติระบบ Bluetooth ไม่ต้องเลื่อนกระจกลงมาทาบบัตรให้เสียเวลา โดยจะมีที่จอดรถประมาณ 64% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจัดว่าเยอะกว่าโครงการใกล้เคียงในย่านนี้

วนอ้อมมาที่ด้านหน้าโครงการอีกที หลังป้ายโครงการจะมีสวนให้ใช้งานครับ ส่วนตัวผมชอบที่แอบซ่อนอยู่ตรงนี้ เพราะจะได้ความเป็นส่วนตัวจากถนนและพื้นที่ภายนอก ใช้งานได้จริง เพราะมีร่มเงาให้ รวมถึงขนาดก็กว้างชนิดที่พาเด็กๆมาวิ่งเล่นกันให้เหนื่อยได้เลย

ด้านในมีพื้นที่นั่งจัดเป็นมุมๆให้ ซึ่งก็จะได้ความเป็นส่วนตัว ไม่รบกวนกันครับ

มาดูทางเข้าอาคารกัน จะทำมุมหลบเข้าไปด้านในเล็กน้อย ได้ความเป็นส่วนตัวจากสายตาภายนอก

เข้ามาภายในจะมีขนาด Lobby ที่ค่อนข้างกว้างเลย แยกออกเป็นหลายมุม หลายพื้นที่การใช้งาน เขายกระดับฝ้าเพดานให้แบบ Double Volume ทั้งพื้นที่เลย

ส่วนแรกเป็นพื้นที่ริมแนวอาคาร ติดเป็นแนวกระจกที่เชื่อมต่อไปยังถนนรอบอาคารด้านนอก ฝั่งนี้จะร้อนหน่อยในช่วงบ่าย เพราะอยู่ทิศตะวันตก แต่สามารถปิดเปิดม่านได้ครับ

อีกฝั่งเป็นเคาน์เตอร์สำหรับนั่งทำงาน หรือนั่งเล่นได้

ด้านข้างจะแยกเป็นพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆให้ใช้งานอีก มี Transition Space เป็นแนวทางเดินที่ตกแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงกระจกรับแสงฝั่งหน้าโครงการด้วย

ภายในจะเป็น Co-Working Space มีบริการ Free-WiFi ให้ ถ้าเบื่อๆก็สามารถเดินขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนซึ่งจะมี Mini Theatre และ Social Lounge ที่มีที่นั่งพักผ่อน Pool Table และ Table Soccer ให้เราเล่นเพื่อ Relax ได้ เข้าไปชมกันครับ

ชั้น 1 เป็นส่วนของ Co-Working Space ที่มีขนาดค่อนข้างกว้างเลย แบ่งออกเป็นหลายมุมใช้งานได้จริง น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายๆคนแน่ๆครับ

เป็นพื้นที่รับแสงและวิวสวนภายนอกด้านหน้าโครงการ ทำให้มีแสงที่เพียงพอต่อการอ่านหนังสือและทำงาน

แยกโซนออกเป็นหลายๆส่วน แบ่งความเป็นส่วนตัวได้ดีเลยครับ

ย้อนกลับมาที่ประตูจะมีทางขึ้นชั้น 2 ให้ ไปชมกัน

เป็นพื้นที่พักผ่อนที่พาเพื่อนๆมาเล่นกันได้ครับ มีมุมนั่งเล่นหลายมุมเลยครับ

มีทั้งโต๊ะพูลและโต๊ะฟุตบอลให้เล่นหลายจุดเลยครับ

ด้านในมีห้องดูหนังฟังเพลงที่ทำออกมาเป็นโรงหนังเล็กๆเลย ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติมนะครับ

กลับออกมาที่ Lobby หลัก ลองเดินไปดูอีกฝั่งกันบ้างครับ ตรงนี้จะมีห้องประชุมให้บริการ 2 ฝั่งซ้ายขวาเลย

ภายในมีทีวีติดตั้งมาให้สำหรับ Zoom หรือใช้งาน Online ได้ด้วย

อีกฝั่งก็เป็นห้องที่ตกแต่งลักษณะเดียวกันครับ

เข้ามาด้านในก่อนจะเป็นส่วนของโถงลิฟต์ ด้านข้างจะมีห้องน้ำแยกชายหญิง รวมถึงสำหรับรถเข็นมาให้ครบเลย

ภายในขนาดใช้งานได้พร้อมกันหลายคนเลยครับ ตกแต่งออกมาดูดีทีเดียว

ส่วนของโถงลิฟต์ต้องเข้าออกด้วยระบบ Keycard นะครับ มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการเท่ากับ 146 : 1 ก็ยังแอบเยอะอยู่นะครับ

ชั้น 8 จะเริ่มมีห้องพักอาศัยแล้วครับ การวางผังจะนำเอาห้อง 2 Bedroomมาไว้เป็นห้องมุม ส่วนห้อง Studio และ 1 Bedroom จะอยู่ตรงกลาง ชั้นนี้จะมีสวนหย่อมรวมอยู่ด้วย ออกมานั่งเล่นพักผ่อนได้ ถ้าสังเกตในแปลนจะเห็นว่าที่สุดทางของโถงทางเดินทั้ง 2 ฝั่งจะมีช่องเปิดเพื่อให้ลมพัดผ่าน ระบายอากาศได้ดีและช่วยลดความร้อนในตัวอาคารได้ด้วย รวมถึงเราก็จะได้แสงสว่างเข้ามาด้านในโถงทางเดิน ทำให้โถงสว่าง แทบไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวันซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ด้วยครับ

ส่วนใหญ่พื้นที่บริเวณนี้จะมีในโครงการที่ทำชั้นล่างเป็นพื้นที่จอดรถ และมีเพื่อให้ผ่านกฎหมายข้อกำหนดพื้นที่สีเขียวภายในอาคาร แต่สำหรับที่นี่ทำออกมาดูดีทีเดียว แยกออกเป็นหลายๆพื้นที่ ตกแต่งและออกแบบมาน่าใช้งาน เป็นสวนภายนอก 2 ชั้นครับ

ส่วนแรกจะลดระดับลงมาเล็กน้อย ทำให้รู้สึกนั่งพักผ่อนแล้วถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้ต่างๆ ได้ร่มเงาจากกำแพงด้านหลังครับ

ใครที่ชอบชมวิวก็มีเคาน์เตอร์มาให้นั่งเล่นชมวิวกันได้

ส่วนด้านข้างจะเป็นบันไดตกแต่งลายหินอ่อนขึ้นมาด้านบนครับ เป็นพื้นที่พักผ่อนที่รับวิวโล่งรอบๆ จัดเป็นเหมือนที่นั่งแบบกลุ่มมาให้หลายจุด

นั่งเล่นบอร์ดเกมหรือพูดคุยสังสรรค์กันเป็นกลุ่มรับวิวรอบๆได้ชิลเลย

อีกฝั่งก็มีแนวทางเดินที่จะได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อยมาให้ด้วย ออกมาออกกำลังกาย เล่นโยคะกันได้

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 37-38 เป็น Sky Facilities ทั้งหมด โดยชั้น 37 นอกจากสระว่ายน้ำและสวนหย่อมแล้ว ก็ยังมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงที่มีห้อง Steam มาให้ด้วยครับ จุดเด่นคือรับวิวโดยรอบและพื้นที่ที่แยกความเป็นส่วนตัวออกจากกัน แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ดี

สระว่ายน้ำขนาด 35 x 4.5 เมตร ที่มีทั้งส่วนภายนอกและภายในอาคาร ทำให้ใช้งานได้หลายบรรยากาศ จะว่ายออกกำลังกาย หรือแช่น้ำเล่นรับวิวก็ได้ มาพร้อมพื้นที่ริมสระสำหรับนั่งพักผ่อน

ใช้งานได้หลายช่วงเวลา ฝนตกหรือแดดออกก็ยังมีด้านในให้ใช้งานได้ครับ

ตัวอาคารจะเชื่อมชั้น 37-38 ด้วยบันได 2 จุด จะขึ้นจากทางสวนด้านข้าง หรือโถงลิฟต์ด้านในก็ได้ ซึ่งจะมีระเบียงรับวิวให้ใช้งานได้ด้วย

ด้านล่างจะเป็นสวนที่มีทางลาดรับวิวและรับบรรยากาศของตึกใบหยกทางฝั่งทิศใต้ครับ

ด้านในสุดจะเป็นพื้นที่พักผ่อนอีกจุด และบันไดเชื่อมต่อขึ้นไปยังชั้น 38 ครับ แต่ก่อนจะขึ้นไปด้านบน แวะเข้าไปชมห้องน้ำกันนิดนึง

เป็นห้องน้ำแยกชายหญิงครับ ทำมุมทางเข้าที่ได้ความเป็นส่วนตัวด้วย

ด้านในจัดมาดูดีเลยครับ ขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้พร้อมกัน 6-8 คนเลย มี 3 อ่างล้างมือ ห้องน้ำอีก 2 ห้องอาบน้ำ 3 มีล็อคเกอร์มาให้ และไฮไลท์อยู่ที่ด้านในสุดครับ เป็นห้อง Steam ที่มีขนาดใหญ่ทีเดียว

ขึ้นมาต่อกันด้านบนจะเจอกับห้องออกกำลังกาย ส่วนตัวผมชอบส่วนนี้มาก เพราะมีขนาดใหญ่ อุปกรณ์ให้มาครบแยกออกเป็นหลายมุม และรับวิวมุมสูงได้เยอะเลย ส่วนแรกจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนครับ ด้านในเป็นส่วนของ Weight Training ส่วนแรก

อีกฝั่งจะแยกเป็น Cardio ริมหน้าต่าง และเครื่องเล่นแบบ Weight Training อีกโซน เครื่องมือจัดเต็มมาให้เหมือนในฟิตเนสตามห้างสรรพสินค้าเลย

รับวิวสระว่ายน้ำภายนอก เห็นวิวรอบข้างชัดเจนครับ

บรรยากาศโถงลิฟต์ในชั้นพักอาศัยครับ จะได้ช่องแสงภายนอกค่อนข้างกว้าง ทำให้สว่างในเวลากลางวัน จะช่วยประหยัดไฟได้ดีเลย ซึ่งจะไปมีผลกับค่าส่วนกลางของโครงการ

บรรยากาศของโถงทางเดินภายในชั้นพักอาศัยครับ เป็นแบบ Double Corridor ที่ห้องพักอาศัยจะหันหน้าชนกัน แต่ก็เลือกวางประตูให้เหลื่อมกันเล็กน้อยครับ ที่ปลายทางเดินจะเจาะช่องแสงไว้ให้ ทำให้ดูสว่างและไม่ทึบตลอดทั้งวันครับ

Image 1/3
ชั้น 9-15 จะวางผังคล้ายกับชั้น 8 แต่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางรวมอยู่ด้วยแล้วครับ โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากันที่ 17 ยูนิต ตำแหน่งโถงลิฟต์จะวางค่อนมาทางด้านซ้ายทำให้จะมีห้องที่ใกล้ลิฟต์และไกลลิฟต์ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สังเกตว่าห้องทางฝั่งซ้ายมือของลิฟต์จะมีอยู่ไม่กี่ยูนิตเท่านั้น บริเวณนี้เป็นส่วนตัวพอสมควรและเป็นตำแหน่งที่เดินใกล้ลิฟต์ด้วย ส่วนห้องทางฝั่งขวาห้องในๆที่ต้องเดินไกลลิฟต์หน่อยก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเข้ามาแทน

ชั้น 9-15 จะวางผังคล้ายกับชั้น 8 แต่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางรวมอยู่ด้วยแล้วครับ โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากันที่ 17 ยูนิต ตำแหน่งโถงลิฟต์จะวางค่อนมาทางด้านซ้ายทำให้จะมีห้องที่ใกล้ลิฟต์และไกลลิฟต์ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย สังเกตว่าห้องทางฝั่งซ้ายมือของลิฟต์จะมีอยู่ไม่กี่ยูนิตเท่านั้น บริเวณนี้เป็นส่วนตัวพอสมควรและเป็นตำแหน่งที่เดินใกล้ลิฟต์ด้วย ส่วนห้องทางฝั่งขวาห้องในๆที่ต้องเดินไกลลิฟต์หน่อยก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเข้ามาแทน

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Front Garden
  • Lobby Lounge
  • Co-working Space
  • Social lounge (Pool table and Table soccer)
  • Mini theatre
  • Multi-purpose room
  • Smart Locker
  • Private Garden
  • Panorama Sky pool ขนาด 35 x 4.5 เมตร
  • Sky kid pool and parent lounge
  • Sky Fitness
  • Steam room
  • Sky Garden
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 146 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 64% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

แบบห้อง

ปัจจุบันโครงการนี้ขายในรูปแบบ Fully Furnished นะครับ ซึ่งจัดเป็นโปรโมชั่นที่โดดเด่นในเวลานี้เลย เพราะให้มาค่อนข้างครบ ชนิดที่ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ส่วนอีกจุดเด่นนึงที่ส่วนตัวผมชอบคือเขาใส่ใจในรายละเอียดต่างๆภายในการอยู่อาศัย เช่น การมีกริ่งหน้าห้อง มี Air Post คอยระบายอากาศภายในห้อง มีการซ่อน Return Air และรางม่าน รวมถึงพื้นที่วาง Condensing Unit ของทางโครงการที่ไม่นับในโฉนดห้อง เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มที่ และรายละเอียดในการออกแบบอีกหลายส่วน นอกจากนี้ห้องยังมาพร้อมแนวกระจกบานใหญ่และฝ้าเพดานที่ยกสูง 2.8 เมตร ทำให้ห้องดูโล่งและกว้างยิ่งขึ้น โดยโครงการนี้จะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 3 แบบหลัก ๆ ประกอบไปด้วย

  • Studio ขนาด 27.5-28.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 37.8-38.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.64 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ขนาด 64.7-73.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.69 ล้านบาท

ซึ่งทาง Thinkofliving เคยมาทำรีวิวไว้ทั้งในรูปแบบรีวิวและ VDO ก่อนหน้านี้แล้ว มีหลายรูปแบบห้องให้เลือกชมได้ ส่วนในรีวิวตึกเสร็จฉบับนี้จะเป็นห้องแบบ Studio 27.5-28.7 ตร.ม. และ 1 Bedroom ขนาด 37.8-38.3 ตร.ม. ไปชมห้องแรกกันเลยครับ

ห้องแรกของเราในวันนี้จะเป็นห้อง Studio ขนาด 27.8 ตารางเมตร ซึ่งห้องรูปแบบนี้จะมี 2 แบบให้เลือกนะครับ คือจะมีห้องที่เป็น Studio เลย (ไม่มีการกั้นแยกส่วนระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นภายใน) และห้องที่เป็น 1 Bedroom (มีการกั้นส่วนห้องนอนแยกมาให้) ซึ่งในวันนี้จะเป็นห้องที่มีการกั้นห้องนอนแยกมาให้นะครับ เพราะขนาดของพื้นที่ 27.8 ตร.ม. ก็จัดว่าเป็นห้อง Studio ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นห้อง 1 Bedroom ได้สบายๆเลยทีเดียว

ห้องนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นห้องหน้ากว้าง ดังนั้นข้อดีคือเราจะได้ความโปร่งโล่งเนื่องจากห้องจะได้ช่องแสงที่มากขึ้น และยังทำให้สามารถจัดวางแปลนให้มีพื้นที่นั่งดูทีวีที่กว้างกว่าห้องแบบหน้าแคบ ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับครัวก่อน เป็นครัวเปิดดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหาร ฝั่งตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำซึ่งจุดที่ชอบคือ เค้ามีการเจาะช่องแสงให้มีแสงสว่างส่องผ่านห้องนอนไปยังห้องน้ำได้ด้วย จึงทำให้ห้องน้ำไม่มืดและไม่อับชื้น ด้านในสุดจะเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับห้องนอน พื้นที่ตรงนี้จะค่อนข้างกว้าง ตำแหน่งของเตียงนอนจะอยู่หลบมุมเข้ามาด้านใน ดังนั้นจึงเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย สำหรับระเบียงห้องนี้จะอยู่บริเวณห้องนั่งเล่น สามารถออกไปยืดสูดอากาศหรือซักล้างได้

หน้าห้องจะเป็นประตูบานใหญ่ มาพร้อม Digital Door Lock จาก Mazi (แบรนด์เกาหลี) ซึ่งเป็นแบบคันโยก เหมาะสำหรับเวลาถือของก็สามารถเข้าออกได้สะดวก รองรับ 4 รูปแบบเลย ด้านข้างมีกริ่งสำหรับกดให้ ไม่ต้องเคาะ ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องลมที่ทะลุเข้าไปเป็น Air Post ภายใน ที่ทาง Land & Houses ได้จดสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง หน้าที่คือจะช่วยระบายอากาศภายในห้อง โดยที่ไม่ต้องเปิดประตู ทำให้ห้องไม่อับชื้นและมีการหมุนเวียนของอากาศตลอดเวลา ด้านในเองยังมีช่อง Mail Box สำหรับรับจดหมายและพัสดุ และช่องเก็บของเล็กๆน้อยๆด้านข้างให้อีก เช่นพวกกุญแจรถ หรือของใช้ที่มักจะวางเวลาเข้าออกอยู่บ่อยๆ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องที่มีความสูง 2.8 เมตร (ส่วนครัวสูง 2.55 เมตร) พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 12 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟ Downlight ทั้งห้อง ส่วนเครื่องปรับอากาศในห้องนั่งเล่นจะได้เป็นแบบ Concealed Type มาให้ จาก Daikin ขนาด 12,000 BTU. ส่วนในห้องนอนจะได้เป็นแบบ Wall Type ขนาด 9,000 BTU. พวกสวิทช์ไฟต่างๆจะเป็นของ Siemens ครับ

ส่วนแรกของห้องจะเป็นห้องครัว และห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นครัวเปิด ที่จะเหมาะกับห้องขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะจะช่วยทำให้ห้องดูโล่งยิ่งขึ้น แต่เวลาทำอาหารก็จะควบคุมกลิ่นและควันได้ยากหน่อย แต่ห้องนี้เหมาะกับคนที่ไม่ได้ประกอบอาหารเองอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นครัวเปิดและทางโครงการไม่ได้ให้เตาไฟฟ้ามาด้วยสำหรับห้องรูปแบบนี้

ส่วนพื้นที่หน้าห้องนี้ผมแอบเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางรองเท้าให้เท่าไรนัก มีพื้นที่ให้วางชิดผนังห้องน้ำ แต่ได้ไม่ใหญ่และบังสวิทช์ไฟและแนวทางเดิน ทำให้อาจจะต้องนำรองเท้าเข้าไปเก็บภายในห้อง ไม่อย่างนั้นก็อาจจะกองอยู่ด้านหน้าห้องไม่เป็นระเบียบ และสกปรกได้ง่าย

ส่วนของครัวจะได้ Built-in มาให้ลักษณะนี้เลยครับ ไม่ได้แค่เครื่องใช้ไฟฟ้า หน้าบานต่างๆจะเป็นเมลามีนเคลือบกระจกผิวซาติน ข้อดีคือเป็นไม่เป็นรอยนิ้วมือ เวลาที่นิ้วที่มีคราบมันมาจับก็ไม่ต้องห่วงเลย

ท็อปเคาน์เตอร์และผนังครัวจะปิดผิวด้วยหิน Quatz ซึ่งเป็นหินที่มีคุณภาพสูง ทนทานและเนื้อละเอียดไม่มีรูสำหรับเก็บสะสมสิ่งสกปรก มีราคาสูง มาพร้อมที่แขวนอุปกรณ์ต่างๆเหมือนห้องตัวอย่างเลย และได้อ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยวจาก TEKA ในส่วนของห้องนี้จะไม่มีเตาไฟฟ้าให้นะครับ แต่ถ้าอยากทำก็มีพื้นที่รองรับเตาลอยตัวได้เหมือนกัน

ข้ามฝั่งมาดูห้องน้ำกันต่อ เป็นห้องน้ำที่ขนาดใหญ่และตกแต่งมาให้ดูดีทีเดียว แถมด้านข้างประตูทางเข้าจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ทำให้ห้องน้ำสว่างและไม่อับชื้น ซึ่งเราจะได้ตามนี้ทุกอย่างเลย

การออกแบบจะเน้นไปที่การใช้กระเบื้อง Porcelain แผ่นใหญ่ลายหินอ่อนสีขาว ช่วยให้ดูสว่าง ฝ้าซ่อนไฟหลืบสร้างบรรยากาศมาให้ ตัดด้วยขอบอุปกรณ์ต่างๆสีดำด้านเข้ากันทั้งห้องดูทันสมัยยิ่งขึ้นครับ

เริ่มที่ส่วนแรกจะได้อ่างล้างหน้าแบบฝังเคาน์เตอร์จาก Kasch แบรนด์ดังจากเยอรมัน มาพร้อมกระจกเงาวงกลมติดตั้งไฟมาให้เรียบร้อย สำหรับให้คุณผู้หญิงแต่งหน้าได้เลย ด้านข้างมีสวิทช์ไฟพร้อมฝาครอบให้มาด้วย

ด้านล่างจะมีพื้นที่เก็บของและเครื่องทำน้ำอุ่นจาก Stiebel Eltron แบรนด์เครื่องทำน้ำอุ่นจากเยอรมันอีกเช่นเคย ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน

สุขภัณฑ์จะได้เป็นแบบชิ้นเดียวจาก Kasch พร้อมอุปกรณ์ชำระล้างสีดำด้านติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน

ส่วนอาบน้ำจะได้ฉากกั้นอาบน้ำแบบบานสไลด์ 2 ตอนมาให้ เปิดได้กว้างเลยทีเดียว

ด้านในพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดประมาณ 1.1 x 1.6 เมตร ซึ่งจัดเป็นขนาดที่ใหญ่แบบอาบ 2 คนพร้อมกันได้เลย ด้านข้างเจาะเป็นชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้ จะได้ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower สีดำด้านมาให้เลือกใช้งานทั้งสองแบบเลยครับ

ออกมาจากห้องน้ำเข้าไปดูภายในห้องกันต่อ จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งถ้าห้องอีกรูปแบบ (Studio) ก็จะไม่มีฉากกั้นตรงกลางนี้ให้นะครับ ก็จะดูโล่งและจัดได้หลากหลายยิ่งขึ้น แต่ข้อดีของห้องแบบนี้ก็คือจะได้พื้นที่ที่เป็นสัดส่วน แยกความเป็นส่วนตัวในแต่ละพื้นที่ออกจากกันได้ดี

ส่วนของห้องนั่งเล่นจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามนี้เลยทั้งโซฟา ชั้นวางทีวี และโต๊ะกลาง มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร เหมาะกับทีวีไม่เกิน 40 นิ้ว ได้ช่องแสงหลักจากระเบียงด้านใน ทำให้สว่างตลอดทั้งวันไปจนถึงประตูหน้าห้องเลย รวมถึงด้านหลังก็ได้ผนังกระจกสีดำและทำช่องและชั้นวางของมาให้แบบนี้เลย

ด้านในจะซ่อนรางม่านไว้ให้ด้วย และแถมม่านทึบมาให้พร้อมใช้งานเลย แต่ม่านโปร่งไม่ได้ให้นะครับ ใครชื่นชอบก็ซื้อมาติดเองได้ไม่ยาก

ด้านนอกเป็นพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.8 x 0.9 เมตร ปิดผิวด้วยกระเบื้องลายไม้ เพื่อให้ดูต่อเนื่องจากภายในห้อง

ด้านนอกจากเป็นแนวระแนงเหล็กที่มีให้เลือกเปิดปิดได้ สำหรับป้องกันนกและความปลอดภัยอื่นๆ จะตากผ้าก็ไม่ต้องกลัวปลิวตกลงไป แถมยังช่วยกันแดดและความร้อนเข้าสูงภายในห้องได้ รวมถึงมองจากด้านนอกตัวอาคารก็จะดูสวยเรียบร้อยด้วยครับ

มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้องจะเห็นว่าพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างเลย ที่ผมชอบคือเขาซ่อน Return Air ในส่วนของเครื่องปรับอากาศห้องนั่งเล่นไว้ให้ด้านข้าง ให้ดูเรียบร้อยขึ้น

ในส่วนของห้องนอนก็มีจะมีแนวประตูกระจกบานเลื่อนเปิดปิดแบ่งพื้นที่ได้มาให้นะครับ เป็นกระจกแบบรางบนซึ่งจะไม่ต้องมีรางให้เดินเตะด้านล่าง ช่วยแบ่งพื้นที่การเปิดแอร์ได้ และยังได้แสงสว่างที่เชื่อมถึงกัน ทำให้ห้องไม่ทึบตันจนเกินไป

ภายในห้องนอนก็กว้างทีเดียว ได้แนวกระจกบานใหญ่มาให้และหัวเตียงก็ Built-in มาให้แบบนี้เลย ซ่อนไฟไว้ให้พร้อมใช้งาน

ขนาดพื้นที่เหมาะกับการวางเตียง 5 ฟุต เพราะจะได้ไม่แคบจนเกินไปนะครับ

ด้านในได้ช่องแสงค่อนข้างกว้าง และได้บานกระทุ้งมาด้วย สำหรับห้องที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกจะได้เป็นกระจกเขียวใสตัดแสง

ด้านในจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ และช่องแสงที่เชื่อมไปกับห้องน้ำ ทำให้ห้องน้ำสว่าง แต่ก็ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของห้องน้ำมากนัก

ห้องถัดมาเป็น 1 Bedroom ขนาด 37.8 ตร.ม. ครับ  เป็นห้องที่จัดพื้นที่ภายในออกมาได้ดีเหมือนกันครับ จุดเด่นจะเน้นการใช้งานทางฝั่งห้องนั่งเล่น เพราะมีขนาดกว้าง ระยะดูทีวีเยอะ ทำให้วางโซฟาและทีวีขนาดใหญ่ได้เลย ด้านในมีครัวเปิดที่สามารถกั้นปิดได้สำหรับใครที่ชอบประกอบอาหาร ซึ่งก็ยังสามารถได้รับแสงธรรมชาติจากระเบียงได้เช่นกัน ส่วนห้องนอนจะถูกแยกออกไปด้วยประตูบานทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น และห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอนครับ สำหรับเข้าใช้งานได้ง่ายจากภายในห้อง จะแต่งตัว แต่งหน้าก็สะดวก แต่ในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวจากจุดนี้ไปบ้าง ลองไปชมกันครับ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องบรรยากาศคล้ายๆเดิมครับ ตกแต่งมาให้ ซึ่งเราจะได้ทั้งหมดตามนี้เลย ! ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และรอยตัว จะไม่ได้ก็เพียงแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและม่านโปร่งเท่านั้นเอง

พื้นที่ด้านหน้าห้องจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นเลย ซึ่งจะเป็นจุดเด่นหนึ่งของห้องนี้ เพราะจัดได้หลากหลาย มีพื้นที่กว้าง ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.8 เมตร ซึ่งทำให้สามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่แบบ 60 นิ้วขึ้นไปได้เลย แถมยังทำให้ห้องดูโปร่งและเหลือทางเดินแบบสบายๆ

ด้านในจะแยกออกเป็นครัวทางฝั่งขวามือ และห้องนอนที่มีห้องน้ำภายในตัวตรงกลางครับ จะได้ช่องแสงด้านข้างที่เชื่อมต่อกันได้ ช่วยให้แสงสว่างภายในห้องนั่งเล่นที่มากยิ่งขึ้น และทำให้ห้องดูโล่งโปร่งมากยิ่งขึ้นครับ

เนื่องจากเป็นแนวโซฟาตัว L ชุดใหญ่ ทำให้ไม่มีพื้นที่สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารแบบจริงๆจังๆนะครับ ต้องรับประทานอาหารในโซนนี้ด้วย ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาของใครหลายๆคนนะครับ

ส่วนครัวจะ Built-in มาให้ลักษณะนี้เลย เป็นเคาน์เตอร์ครัวฝั่งขวา และพื้นที่ประกอบอาหารทางฝั่งซ้าย โดยจะมีชั้นวางของให้ทั้งด้านบนและด้านล่างทั้งสองฝั่งวัสดุเดิมเหมือนกันกับห้องที่ผ่านมาเลยครับ

แต่ห้องนี้จะได้เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอกและเตาอบด้านล่างจาก Teka มาให้ด้วยนะครับ

ชั้นวางของก็จัดมาให้เต็มทีเดียว ด้านในยังมีช่องสำหรับวางเก้าอี้ทำโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับทานคนเดียวได้ด้วย

ระเบียงของห้องนี้ก็จะมีลักษณะคล้ายกันกับห้องที่ผ่านมาครับ จะมีขนาดประมาณ 1.8 x 0.75 เมตร ครับ ตรงนี้ต้องวางเครื่องซักผ้าด้วยนะ

อีกจุดเด่นนึงคือเขามีพื้นที่ยื่นของแนวอาคารออกไปเพื่อวาง Condensing Unit ให้ ทำให้ห้องได้พื้นที่ใช้สอยเต็มๆ ไม่ต้องมาแขวนหรือวางให้รบกวนพื้นที่ใช้งาน

ขยับมาห้องด้านข้าง จะปิดด้วยประตูบานทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนมากยิ่งขึ้น พื้นที่ภายในก็กว้างเลยทีเดียว มีช่องแสงและพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ

พื้นที่ตรงนี้จริงๆสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้เลยนะ แต่ถ้าวาง 5 ฟุตก็จะได้พื้นที่ด้านข้างที่ดูเหมาะสมกว่านะครับ

ด้านในมีแนวหน้าต่างเป็นช่องแสงของห้องนี้ครับ มาพร้อมบานกระทุ้งตรงกลาง สำหรับเปิดรับลมระบายอากาศได้

ด้านในจะมีตู้เสื้อผ้ามาให้หน้าห้องน้ำ ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับยืนใช้งานได้กำลังพอดีเลย

ห้องน้ำจะมีลักษณะการตกแต่งเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ใช้วัสดุและอุปกรณ์ของ Kasch ทั้งหมด ได้ฉากกั้นอาบน้ำและอุปกรณ์ตามที่เห็น

อ่างล้างหน้าเซรามิคแบบฝังบนเคาน์เตอร์มาพร้อมกระจกเงาวงกลมติดไฟมาให้ ด้านข้างมีโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น และอุปกรณ์ชำระล้างติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน

ด้านในจะเป็นพื้นที่อาบน้ำที่ได้ฉากกั้นบานกระจกนิรภัยเลื่อนด้านข้างมาให้เช่นเดิม

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.1 x 1.6 เมตร ด้านข้างมีชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ มาพร้อม Hand Shower และ Rain Shower สีดำด้านครับ

.

.

.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคา

29 January 2021

  • Studio 27.5-28.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 37.8-38.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.64 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 64.7-73.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11.69 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.80 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหิน Quatz
  • Hob & Hood แบบต่อท่อออกภายนอก / ของยี่ห้อ Teka
  • ทำสัญญา 50,000-100,000 บาท
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : The Room พญาไท ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ข้างซอยศรีอยุธยา 2 ซึ่งจะใกล้ Airport Rail Link สถานีราชปรารภประมาณ 250 เมตร ส่วน BTS พญาไท ประมาณ 700 เมตร แต่ก็จัดเป็นทำเลในเมืองที่ใกล้กับย่านพญาไท ในระยะใกล้โครงการถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควรเพราะตั้งอยู่เยื้องๆกับรพ.พญาไท 1 โดยย่านพญาไทนั้นจุดเด่นจะอยู่ที่เป็นแหล่งทำงานและ “ใกล้สยาม-จุฬาฯ-ชิดลม” ตามริมถนนจะมีพวกตึกแถวร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงมีร้านกินดื่มแฮงก์เอาท์อยู่นิดหน่อย แต่ถ้าจะเดินเป็นห้างใหญ่ๆ หรือ Community Mall ง่ายเลยคือไปแถวสยาม ชิดลม พระราม 1 ซึ่งจะมีแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังอย่าง สยามสแควร์ Siam Paragon และ Central World เป็นต้น

การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกเลย เพราะสามารถใช้เส้นทางได้หลากหลายทั้งถนนพญาไทใช้เดินทางไปสยาม, ถนนศรีอยุธยาใช้ไปถนนจตุรทิศและสามเสน และ ถนนเพชรบุรีที่ใช้ไปอโศกได้ อีกทั้งยังขึ้นทางด่วนได้หลายจุด อีกหนึ่งจุดเด่นคืออยู่ข้างซอยศรีอยุธยา 2 ซึ่งเป็นซอยลัดแบบ One Way ที่มาจากถนนรางน้ำ หรือถนนราชวิถี ใช้หนีรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ ที่สำคัญคือพื้นที่จอดรถของโครงการนี้ให้มาทั้งหมด 64% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจัดเป็นตัวเลขที่เยอะกว่าโครงการข้างเคียงในย่านนี้นะครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใช้งานเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ใกล้กับ Airport Rail Link สถานีราชปรารภ โดยมีระยะห่างประมาณ 250 เมตร เหมาะกับคนที่เดินทางเส้นทางนี้อยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นยังใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน BTS สถานีพญาไทประมาณ 700 เมตร สถานีนี้เป็น Interchange เชื่อมไปยัง Airport Rail Link พญาไทได้ และนั่ง BTS ข้ามไปอีกแค่ 2 สถานีก็ถึงสยามแล้ว และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านทางเส้นราชปรารถอีกสายหนึ่ง โดยจะมีจุด Interchange ทั้ง Airport Rail Link สถานีพญาไท และราชปรารภ (มีกำหนดแล้วเสร็จประมาณปี 2568)

วัสดุ :  รูปแบบการขายเป็นแบบ Fully Furnished ได้ตามห้องตัวอย่างยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า, ม่านทึบ และของตกแต่ง หน้าห้องจะได้ Digital Door Lock จาก Mazi (แบรนด์จากประเทศเกาหลี) เป็นแบบคันโยก รองรับ 4 รูปแบบ ด้านข้างมีกริ่งสำหรับกด และช่อง Mail Box ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องลมที่ทะลุเข้าไปเป็น Air Post ภายในห้องเป็นพื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 12 มม. และพื้นห้องน้ำกระเบื้อง Porcelain ผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าฉาบเรียบมีซ่อนรางม่านและซ่อน Return Air ไฟเป็น Downlight ทั้งห้อง ชุดครัวจะได้เป็นอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอก, เตาอบ ทั้งหมดจาก TEKA เคาน์เตอร์ครัวจาก RCD จะได้ Top และ Backsplash เป็นหิน Quatz หน้าบานตู้เป็นเมลามีนปิดผิวด้วยกระจกเคลื่อบผิวซาติน สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำจาก Kasch (แบรนด์จากประเทศเยอรมัน) มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยบานสไลด์ และเครื่องทำน้ำอุ่นจาก Stiebel Eltron (แบรนด์เยอรมัน) ส่วนเครื่องปรับอากาศจะได้ทั้งแบบ Concealed Type และ Wall Type จาก Daikin ขนาด 9,000 และ 12,000 BTU. พวกสวิทช์ไฟต่าง ๆ จะเป็นของ Siemens ครับ

การออกแบบ : ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยครับ โดยโครงการนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด Panoramic Living ซึ่งถูกนำไปใช้ในการวางผังโดยยกพื้นที่ส่วนกลางหลัก ๆ เอาไปไว้ชั้นบนสุดเพื่อให้เห็นวิวได้แบบพาโนรามา ส่วน Facilities อื่น ๆ จะก็การออกแบบให้มีผนังกระจกขนาดใหญ่หรือไม่ก็มีฝ้าเพดานที่ค่อนข้างสูง ทำให้เวลาเรามาใช้งาน Space นั้นๆแล้วรู้สึกโปร่ง สบาย ส่วนตัวรู้สึกว่าแต่ละพื้นที่ทำออกมาโดยคำนึงถึงการใช้งานจริง เช่น การแยกส่วน Co-Working Space และ Social Lounge ออกจากกันแต่ยังเชื่อมถึงกันได้ง่ายเพื่อไม่รบกวนกัน, การทำห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่แยกสัดส่วนและจัดพื้นที่ภายในได้ดี ส่วนของห้องน้ำก็มีการคำนึงถึงรถเข็นและขนาดพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างเลย ส่วนสระว่ายน้ำก็มีทั้งภายในและภายนอกอาคาร ใช้งานได้หลากหลายช่วงเวลา และอีกหลายๆส่วนเลยครับ

ส่วนห้องพักอาศัยของโครงการนี้ออกแบบมาเป็นห้องหน้ากว้างซะส่วนใหญ่ เพื่อให้อยู่สบาย ไม่อึดอัด เพราะจะได้ช่องแสงที่มีขนาดใหญ่รับแสงเข้ามาในห้องได้เต็มที่ และมีการปรับฝ้าเพดานให้สูงขึ้นถึง 2.80 เมตร แต่ละพื้นที่ภายในห้องก็มีการลงรายละเอียดการใช้งานให้ เช่น Mail Box ที่ห้องตัวเอง ได้ความเป็นส่วนตัว, Air Post ระบายอากาศภายในห้อง, ช่องแสงภายในห้องน้ำ, ระเบียงที่สามารถเปิด-ปิดระเบียงภายนอกได้อีกชั้น เพื่อป้องกันนกพิราบ และเวลาตากผ้าก็ไม่ต้องกังวลว่าผ้าจะปลิวตกลงไป รวมไปถึงการซ่อน Return Air และรางม่าน เป็นต้น

สาธารณูปโภค : ให้มาหลากหลายและน่าใช้งาน รวมถึงอย่างที่บอกไปว่าคำนึงถึงการใช้งานจริงได้ดี โดยชั้น 1 มี Lobby Lounge, Meeting Room, Co-Working Space ที่สามารถเดินขึ้นชั้นบนไปยัง Mini Theatre และ Social Lounge มุมพักผ่อนที่มี Pool Table และ Table Soccer ชั้น 8 จะมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่งเป็น Private Garden ส่วน Facilities อื่น ๆ ที่เน้นการ Take View ทั้งหมดจะยกไปไว้ในชั้นบนสุด โดยชั้น 37 เป็นสระว่ายน้ำ สวนหย่อม ห้องน้ำแยกชายหญิงที่มีห้อง Steam ส่วนชั้น 38 เป็นฟิตเนสที่มีผนังกระจกเห็นวิวได้โดยรอบ บรรยากาศที่สร้างเสร็จจริงก็สวยงามน่าใช้งาน มีการตกแต่งในรายละเอียดที่น่าสนใจ เช่นการปิดผิวผนังในแต่ละส่วน เขาก็ปิดผิวด้วยวัสดุต่างๆ ไม่ได้ปล่อยเป็นปูนเปลือยไว้ รวมไปถึงการตกแต่งเล็กๆน้อยๆภายในห้องน้ำด้วยเช่นกัน

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 190,000 บาท/ตร.ม., 29 January 2021

  • ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ศรีอยุธยา อยู่ในย่านพญาไทที่มีความอุดมสมบูรณ์
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางเข้าเมืองสะดวกและหลากหลาย มีซอยลัดที่มาจากถนนรางน้ำ ใช้หนีรถติดได้ ได้ที่จอดรถ 64%
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – อยู่ติดถนนใหญ่เรียกรถสาธารณะได้ง่าย มีตัวเลือกทั้ง BTS สถานีพญาไท ห่าง 750 เมตร และ Airport Rail Link สถานีราชปรารภห่าง 250 เมตร
  • วัสดุ 8.5/10 – เฟอร์นิเจอร์ Fully Furnished + Built in ระบบ Air Post วัสดุเกรดดีนำเข้าจากต่างประเทศ
  • แบบ 8.5/10 – คำนึงถึงการอยู่และใช้งานจริงในหลายๆส่วน ชอบการวางผังให้มีความเป็นส่วนตัว ออกแบบห้องหน้ากว้างได้ลงตัว
  • สาธารณูปโภค 8.25/10 – มีให้ใช้ครบครันและหลากหลาย มี Sky Facilities บรรยากาศน่าใช้งาน

  • LUXURY CLASS
  • 7.93 / 10.00

BOTTOM LINE

The Room พญาไท เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่มองหาคอนโด High Rise ติดถนนใหญ่ ใจกลางเมืองย่านพญาไท เน้นใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ชอบทำเลที่มีซอยลัดใช้หนีรถติดได้ หรือเดินทางไปใช้รถไฟฟ้าก็สะดวก อยากได้พื้นที่ส่วนกลางที่ใช้งานได้จริง และ Sky Facilities รับวิวเมือง ชอบห้องหน้ากว้าง ไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ มีงบประมาณ 5.5 – 13 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 39,000 – 91,000 บาทต่อเดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะครับ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc