รีวิวฉบับที่ 1995 … เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Lumpini Ville สุขสวัสดิ์-พระราม2 คอนโด High Rise ที่ออกแบบด้วยแนวคิดเพื่อชุมชนน่าอยู่ โครงการจะเน้นพื้นที่สีเขียวเพื่อให้ลูกบ้านได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำเลตั้งอยู่บนจุดเริ่มต้นของถนนสุขสวัสดิ์ตัดกับถนนพระรามที่ 2 ใกล้ทางด่วน เหมาะกับคนที่ใช้ทางด่วน เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก มองหาคอนโดราคาไม่แรงในย่านพระราม2 โดยโครงการนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ
Fact @ 19 November 2019
- Lumpini Ville Suksawat-Rama 2 (ลุมพินีวิลล์ สุขสวัสดิ์-พระราม 2)
- บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : จอมทอง
- คอนโด High Rise 26 ชั้น 1 อาคาร 377 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 138 คันคิดเป็นประมาณ 36.60% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 2-0-86 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ส.ค. 2561
- สถานะโครงการ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
- 1 Bedroom 23.50 – 27 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 36 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 2 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 76,600 บาท/ตร.ม.
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 02-689-6888
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.684323, 100.488189
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
มาดูแผนที่การเดินทางกันบ้างค่ะ โครงการ Lumpini Ville สุขสวัสดิ์-พระราม2 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ตัดกับถนนสุขสวัสดิ์ ตรงหัวมุมถนนที่บริเวณแยกพระราม 2 เป็นทำเลย่านฝั่งธนฯ สามารถเข้าเมืองได้ง่ายโดยใช้เส้นถนนสุขสวัสดิ์เพื่อขึ้นเหนือไปทางวงเวียนใหญ่ หรือข้ามสะพานพระราม 3 ไปฝั่งพระนครเพื่อไปยังสีลม สาทร ที่ถือเป็น CBD ที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯและเต็มไปด้วยแหล่งงานในตัวเมือง หรือจะลงใต้ไปทางพระประแดงก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกเมืองได้ง่ายโดยใช้ถนนพระราม2 หรือถนนสายธนบุรี-ปากท่อ เพื่อไปสมุทรสาครหรือมหาชัยซึ่งเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากได้ และอีกหนึ่งจุดเด่นของทำเลย่านนี้คือทางด่วนหรือทางพิเศษต่างๆที่ช่วยทำให้เข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากขึ้น โดยสามารถใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครเพื่อเข้าเมืองไปทางพระราม 4 สีลม และสาทรได้ หรือจะใช้ทางพิเศษกาญจนาหรือวงแหวนอุตสาหกรรมกรุงเทพมหานครฝั่งใต้เพื่อไปบางนา สมุทรปราการก็สะดวก
ด้านความอุดมสมบูรณ์บนเส้นถนนพระราม2 จะอยู่บริเวณเซ็นทรัลพระราม 2 ที่รายล้อมไปด้วยตลาดและห้างสรรพสินค้าอื่นๆได้แก่ ห้างบิ๊กซี , SB , โฮมโปร , ไทวัสดุ , เทสโก้โลตัส และตลาดกรีนเดย์ไนท์ ส่วนความอุดมสมบูรณ์อีกจุดหนึ่งจะอยู่บนถนนสุขสวัสดิ์ซึ่งมีห้างบิ๊กซีกับเทสโก้โลตัสตั้งอยู่ นอกจากนี้บนถนนทั้ง 2 เส้น ยังเต็มไปด้วยโรงพยาบาลต่างๆหลายแห่งทั้ง รพ.บางปะกอก 9, รพ.บางมด, รพ.พระราม 2, รพ.บางปะกอก 1, รพ.สุขสวัสดิ์ และรพ.ราษฎร์บูรณะ มีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ส่วนแหล่งงานและอาคารสำนักงานใหญ่ๆส่วนมากจะอยู่ทางฝั่งพระราม 3 เช่น อาคารดีสินชัย และอาคารบุญญสถิตย์ เป็นต้น
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้น ถนนสุขสวัสดิ์เป็นเส้นที่มีการวางแผนว่าจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ซึ่งพึ่งได้รับการอนุมัติจาก ครม. และมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปี 2566 – 2567 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 6 ปี โดยสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ สถานีดาวคะนอง ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขสวัสดิ์ 12 – 14 และสถานีบางปะกอก ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขสวัสดิ์ 23 – 25 และมีอาคารจอดรถด้วย ซึ่งถ้าหากโครงการรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการได้สำเร็จก็จะทำให้คนในย่านนี้สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายมากขึ้นเลยทีเดียว
ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์สำหรับย่านนี้นับว่าสะดวกมาก เพราะมีทางด่วนให้เลือกใช้ 2 เส้นทาง สามารถเข้าหรือออกเมืองได้ง่าย โดยมีจุดขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครอยู่ตรงเส้นถนนพระราม 2 ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการเพียง 2.1 km. เท่านั้น และในขากลับถ้ามาลงตรงจุดลงทางพิเศษเฉลิมมหานครที่ถนนพระราม 2 จะต้องไปกลับรถที่กลับรถที่ถนนสุขสวัสดิ์เพื่อมายังโครงการ โดยจะมีระยะทางประมาณ 2.1 km. เช่นกัน
แต่ถ้าใครที่ต้องการใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครเพื่อเข้าเมืองเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องการเสียเวลาวนมากลับรถไกลที่ถนนสุขสวัสดิ์อีก แนะนำให้ใช้ทางลงที่ถนนสุขสวัสดิ์เลยจะง่ายกว่า ซึ่งมีระยะกลับรถที่ไม่ไกลมากนักและไม่ต้องเสียเวลาขับอ้อมไปลงถึงพระราม 2 แล้วย้อนกลับมาอีกทีหนึ่ง โดยมีระยะทางรวมประมาณ 4.1 km. ส่วนเวลาขึ้นก็ใช้ทางเดิมตรงจุดขึ้นบนถนนพระราม 2 จะสะดวกที่สุดแล้วค่ะ
และสำหรับใครที่ต้องการใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกเพื่อไปทางบางนา สมุทรปราการ ก็แนะนำให้ใช้ถนนสุขสวัสดิ์มุ่งหน้าลงมาทางพระประแดงเพื่อมาขึ้นวงแหวนกาญจนาที่ด้านล่างได้ โดยมีระยะทางจากตัวโครงการประมาณ 9 km. ส่วนขากลับก็เช่นเดียวกันให้ใช้จุดลงบนถนนสุขสวัสดิ์เพื่อมายังโครงการ โดยมีระยะทางประมาณ 8.5 km.
ส่วนทางขึ้นอีกจุดหนึ่งบริเวณถนนพระราม 2 นั้นจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 9.8 km. ซึ่งมีระยะทางที่พอๆกันกับจุดขึ้น-ลงที่ถนนสุขสวัสดิ์ แต่สำหรับใครที่ต้องการเดินทางเข้าเมืองนั้นจะไม่แนะนำเพราะเป็นเส้นทางที่ต้องไปอ้อมเขตทุ่งครุเพื่อกลับมาข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาฝั่งสมุทรปราการอีกที ทำให้มีระยะทางรวมที่ไกลกว่ามาก
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการเป็นชุมชนแนวราบ และติดถนนใหญ่ทั้ง 2 ด้าน จึงไม่มีตึกสูงมาบดบังวิวในระยะประชิด สามารถสรุปได้ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ จุดตัดของถนนพระราม2 และ ถนนสุขสวัสดิ์
- ทิศใต้ ติดกับ วัดโพธิ์แก้วกับโรงเรียนวัดโพธิ์แก้ว ชุมชนแนวราบสูงไม่เกิน 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ ชุมชนแนวราบและคลองบางปะแก้ว
- ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนหลักพระราม 2 สะพานข้ามแยกพระราม 2 และชุมชนแนวราบ
ทางฝั่งทิศเหนือจะติดกับจุดตัดของถนนพระราม2 กับถนนสุขสวัสดิ์
ซึ่งถ้าเยื้องมาทางทิศตะวันออก โครงการจะติดกับคลองบางปะแก้วและชุมชนแนวราบ
บริเวณหน้าโครงการจะมีเกาะกลางถนนกั้นอยู่ ซึ่งทำให้ลดความพลุกพล่านของรถที่ผ่านหน้าโครงการได้ ซึ่งทางฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นถนนหน้าโครงการซึ่งถ้าวิ่งไปจะไปบรรจบกับถนนพระราม2
บริเวณข้างๆโครงการจะมีอาคารพาณิชย์และตึกแถวตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ เรียงกันไปตลอดทางค่ะ ส่วนใหญ่เป็นร้านค้ามากกว่า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C บางปะกอก – 3.5 km.
- รพ.บางมด – 3.8 km.
- Health Land – 4.2 km.
- รพ. บางปะกอก 1 – 4.3 km.
- Tesco Lotus บางปะกอก – 4.6 km.
- รพ. สุขสวัสดิ์ – 4.7 km.
- รพ. ราษฎร์บูรณะ – 5 km.
- รพ. ประชาพัฒน์ – 5 km.
- รพ. บางปะกอก 9 – 5.1 km.
- SB HomePro Rama 2 – 5.6 km.
- Big C Rama 2 – 5.9 km.
- กรมสรรพกรบางขุนเทียน – 6 km.
- รร. วรรณสว่างจิต – 6.2 km.
- Central Rama 2 – 7.2 km.
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี – 7.8 km.
- รร. จินดาศึกษา – 8.7 km.
- Tesco Lotus Rama 2 – 8.7 km.
- รร. พรพิมพ์ พระราม 2 – 10 km.
- รพ. พระราม 2 – 11.3 km.
- ตลาดสำเพ็ง 2 – 11.7 km.
- Makro บางบอน – 14.7 km.
Lumpini Ville สุขสวัสดิ์-พระราม2 เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนพระราม 2 ตัดกับถนนสุขสวัสดิ์ บริเวณแยกพระราม 2 โครงการออกแบบโดยใช้แนวคิดเพื่อชุมชนน่าอยู่ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เน้นพื้นที่สีเขียว ตัวอาคารจึงใช้สี Earth tone โทนสีนี้เป็นสีที่ดึงมาจากธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและมีการนำเส้นสีเหลืองสดช่วยเพิ่มลูกเล่นให้อาคารดูโดดเด่นมากขึ้น
มาดูแปลนโครงการกันให้ชัดๆกันอีกทีนะคะ ทางเข้าโครงการทางด้านหน้าอยู่ติดกับถนนหน้าโครงการซึ่งเชื่อมต่อกับถนนพระราม 2 ได้ เมื่อผ่านป้อมยามเข้ามาด้วยระบบ Key Card Access จะมีวงเวียนซึ่งสามารถวนรถเพื่อรับ-ส่งคนที่จุด Drop-Off ตรงโถงทางเข้าล็อบบี้แล้วสามารถวนรถกลับออกไปได้ง่าย ซึ่งได้ความเป็นส่วนตัวจากบุคคลภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนภายในโครงการมากเกินไป ส่วนถ้าเป็นลูกบ้านสามารถเลี้ยวขวาเพื่อไปเข้าที่จอดรถในอาคารที่อยู่ทางด้านข้างตึกได้เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถมอไซค์อยู่ทางด้านหลังอาคารอีกด้วย เส้นทางเดินรถจะวนรอบอาคารไม่ได้เพราะพื้นที่อีกฝั่งของตัวอาคารเป็นพื้นที่ส่วนกลางนั่นเองค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 1 แบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนกลางภายนอกประกอบด้วยสวนรวมใจ สนามเด็กเล่น ลานพักผ่อนที่จะมีโต๊ะหรือชุดเก้าอี้ให้นั่งเล่นในสวนได้ และลานฟิตแอนด์เฟิร์มซึ่งจะมีเครื่องเล่นออกกำลังกายกลางแจ้งไว้ให้เล่นกันอีกด้วย ส่วนพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคารประกอบด้วยโถงทางเข้าทางด้านหน้าเป็นพื้นที่ Open air ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดที่จะได้ลมธรรมชาติพัดผ่านละยังช่วยประหยัดค่าแอร์ของลูกบ้านได้ในระยะยาว ส่วนล็อบบี้ด้านในเป็นพื้นที่ Indoor ที่จะเปิดแอร์และมีชุดโซฟาสำหรับนั่งคอยได้ ติดกันเป็นโถงลิฟต์ซึ่งต้องใช้ Key Card สำหรับลูกบ้านเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้เพื่อความปลอดภัยค่ะ
ระบบรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการจะมีป้อมรปภ. กล้อง CCTV และระบบ Key Card Access ใครที่ไม่ใช่ลูกบ้านก็จะต้องแลกบัตรบริเวณนี้นะคะ
ระบบ Key Card Access และ กล้อง CCTV ค่ะ
เมื่อเข้ามาด้านในโครงการจะเจอกับ Drop-Off ที่สามารถวนรถรับ-ส่งคนที่บริเวณโถงล็อบบี้ได้ พอวนแล้วก็สามารถวนรถกลับออกมาจากโครงการได้ทันทีซึ่งสะดวกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านได้ดีในกรณีที่นั่ง Taxi หรือคนภายนอกเข้ามาส่งจะได้ไม่เข้าไปรบกวนพื้นที่ด้านในของโครงการมากนัก ส่วนถ้าเป็นลูกบ้านที่ต้องการจอดรถในอาคารก็สามารถเลี้ยวขวาไปเพื่อขึ้นที่จอดรถด้านข้างอาคารได้
พอเลี้ยวเข้ามาทางขวาจะเป็นทางขึ้นและลงที่จอดรถในอาคาร
โดยชั้น 2 – 6 เป็นชั้นจอดรถที่สามารถจอดได้ประมาณ 138 คันคิดเป็นประมาณ 36.60% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
พอจอดรถเรียบร้อยแล้ว ถ้าใครขี้เกียจเดินบนชั้นจอดรถจะมีลิฟต์เพื่อใช้ลงมายังชั้นล่างได้ค่ะ
โดยโถงลิฟต์นี้จะใช้สำหรับชั้นจอดรถเท่านั้นและจะแยกออกจากโถงลิฟต์หลักของอาคารนะคะ
พอลงมาชั้น 1 ก็จะเจอกับโถงลิฟต์อันนี้ค่ะ
เรามาเดินดูพื้นที่ส่วนกลางชั้น 1 กันต่อ ทางด้านซ้ายของตัวอาคารจัดเป็นสวนพักผ่อนสีเขียวของโครงการประกอบด้วย สวนรวมใจ สนามเด็กเล่น ลานพักผ่อน และลานฟิตแอนด์เฟิร์มซึ่งจะมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งให้ลูกบ้านได้ใช้ออกกำลังกายกันด้วย ในวันที่เราไปกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ
เดินวนมาจนถึงด้านหน้าโครงการจะเจอกับสนามเด็กเล่นและสวนรวมใจ บริเวณนี้ถ้าต้นไม้โตเต็มที่ บรรยากาศน่าจะร่มรื่นและสามารถเป็นตัวกรองฝุ่นควันจากถนนใหญ่หน้าโครงการได้ อีกทั้งยังช่วยให้ภายในโครงการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย
ซูมใกล้ๆจะเห็นว่ามีแทมโบรีนให้เด็กๆกระโดดเล่นกัน
ถัดมาพื้นที่บริเวณนี้เป็นสวนรวมใจซึ่งมีที่นั่งให้เรามาใช้พักผ่อนหรือพบปะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกบ้านท่านอื่นๆได้
เราเดินเข้ามายังบริเวณ Drop-Off ซึ่งเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor มีหลังคาคลุมเวลาจอดรถรับส่งสามารถกันแดดกันฝนได้ พื้นที่ทางฝั่งขวาคือตำแหน่งของร้านค้าในอนาคต ส่วนด้านในจะเป็นล็อบบี้และห้องอเนกประสงค์ค่ะ
ก่อนทางเข้าล็อบบี้จะมีพื้นที่นั่งพักคอยแบบ Open air ซึ่งใช้นั่งรอรถวนมารับได้ ที่เห็นเป็นห้องกระจกอยู่ด้านหลังคือสำนักงานนิติบุคคลและห้องอเนกประสงค์
สำนักงานนิติบุคคลและห้องอเนกประสงค์จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลย ถ้าเดินตรงต่อไปก็จะไปเจอพื้นที่สวนด้านข้างโครงการที่เราเดินมากันมาเมื่อสักครู่ค่ะ
ในห้องอเนกประสงค์ทางโครงการมีการจัดชุดที่นั่งเอาไว้รองรับลูกบ้านที่มาทั้งแบบเป็นกลุ่มและมาเดี่ยวๆ สามารถเอางานลงมาทำหรือนัดประชุมกับเพื่อนๆได้ บรรยากาศในห้องนี้ดูโปร่งดีเพราะมีช่องแสงอยู่รอบด้าน และสามารถเห็นวิวสวนได้ด้วยค่ะ
ห้องนี้มีที่นั่งมาให้เลือกหลายแบบ ถ้านั่งทำงานอยู่ในห้องเบื่อๆก็สามารถลงมาใช้งานได้เลย
มุมนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว มองออกไปเห็นวิวสวนและพื้นที่สีเขียวด้านข้างตัวอาคารด้วยค่ะ
เดินถัดมาจนถึงบริเวณที่จะออกไปที่สวน เราจะเจอกับพื้นที่ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติซึ่งตอนนี้ทางโครงการมีเอามาวาง 1 ตู้
ตู้นี้สามารถกดเครื่องดื่มแบบขวดและกระป๋องได้สะดวกดี ในอนาคตก็น่าจะมีตู้รูปแบบอื่นๆตามมาค่ะ
กลับมาที่โถงทางเข้าด้านหน้าอาคารที่เป็นพื้นที่ Open air ทั้งสองฝั่งจะมีที่นั่งมาให้ด้วยเหมาะกับการมานั่งรอรถวนมารับ การนัดเจอเพื่อน หรือมารออาหาร Delivery ต่างๆ
ด้านหลังที่นั่งเป็นระแนงไม้แบบโปร่งซึ่งข้อดีคือลมพัดผ่านได้เวลาเรานั่งรอจะได้ไม่ร้อน และด้านบนทางโครงการติดพัดลมบนฝ้าเพดานมาให้ด้วยค่ะ
เดินเข้ามายังล็อบบี้ ตรงกลางจะมีเคาน์เตอร์สำหรับเจ้าหน้าที่และประตูทางเข้าไปยังโถงลิฟต์ด้านใน ส่วนทางฝั่งซ้ายคือทางไปห้องน้ำค่ะ
บรรยากาศภายในล็อบบี้ดูโปร่งโล่งดีและมีพื้นที่นั่งพักคอยมาให้
อีกฝั่งจะเป็นทางเดินไปยังห้องน้ำ
ห้องน้ำมีแยกมาให้ทั้งชาย-หญิง และห้องน้ำสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถเข็น
บรรยากาศภายในห้องน้ำซึ่งจะมีมาให้ครบทั้งอ่างล้างมือและห้องน้ำ
ถ้าจะเข้าไปยังโถงลิฟต์ตะต้องใช้ Keycard ผ่านประตูนี้เข้าไปค่ะ
พอเดินเข้ามาเราจะเจอกับโถงที่มีบอร์ดประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆในโครงการ ทางฝั่งขวาคือห้องจดหมายค่ะ
ห้องจดหมายจะรวมตู้จดหมายของลูกบ้านทุกท่านอยู่บริเวณนี้เลย พอรับจดหมายเสร็จก็เดินขึ้นไปเก็บที่ห้องได้สะดวก การที่ห้องนี้อยู่ด้านหลังประตูโถงลิฟต์มีข้อดีคือพื้นที่ตรงนี้จะมีเฉพาะลูกบ้านเท่านั้น คนนอกไม่สามารถเอานามบัตรหรือโฆษณาต่างๆมาหยอดตู้ได้ค่ะ
ถัดมาคือโถงลิฟต์ที่มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 126:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก
จากโถงลิฟต์เดินไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวจะเจอกับพื้นที่ทิ้งขยะซึ่งมีการแยกประเภทตามมาตรฐานของลุมพินี
เดี๋ยวเราขึ้นไปดูที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้น Main Facilities ประกอบด้วยสระว่ายน้ำและลานกิจกรรมซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโครงการเพราะเป็นพื้นที่ที่จะได้ลมเย็นสบาย เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดโล่งไม่มีผนัง ห้องพัก หรืออาคารสูงโดยรอบมาบดบังทิศทางลมเลย พื้นที่ส่วนกลางภายในประกอบด้วยฟิตเนสโซนที่ได้ผนังกระจกถึง 3 ด้านทำให้ออกกำลังกายไปและ Take View ไปได้ด้วย รวมถึงมีห้องเปี่ยมสุขซึ่งเป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับนั่งพักผ่อนหรือทำกิจกรรมของลูกบ้านได้ ติดกันเป็นห้องคุณหนูที่มีเครื่องเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็กอยู่ภายใน จากแปลนมีจุดสังเกตคือห้องน้ำของชั้นนี้ไม่มีส่วนอาบน้ำหรือที่ล้างตัวอยู่เลย สำหรับคนที่ใช้สระว่ายน้ำหรือฟิตเนสอาจต้องล้างตัวหรือขึ้นไปอาบบนห้องของตัวเองแทนนะคะ
นอกจากนี้ที่ชั้นนี้ยังมีส่วนห้องพักอาศัยจำนวน 9 ยูนิต ขนาด 23.5 – 26.5 ตารางเมตร รวมอยู่ด้วย จึงเป็นชั้นที่เหมาะกับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางบ่อยๆ โดยส่วนนี้มีจุดสังเกตอีกแล้วคือ การจะเข้ามาในส่วนที่พักอาศัยของชั้นนี้ได้นั้นจะต้องใช้ Key Card Access อีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวซึ่งถือว่าดีค่ะ แต่ประตูที่ใช้แตะ Key Card ไม่สามารถเข้ามาได้ทันทีเมื่อออกจากโถงลิฟต์ แต่จะต้องออกประตูจากโถงลิฟต์ไปด้านนอกก่อนครั้งหนึ่งจึงค่อยแตะ Key Card เพื่อเข้าส่วนพักอาศัยของตัวเอง ทำให้อาจไม่สะดวกโดยเฉพาะเวลาฝนตกแรงๆอาจเปียกก่อนได้เข้าห้องได้นะคะ
ขึ้นมาที่โถงลิฟต์ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยผสมอยู่กับ Main Facilities
โถงลิฟต์นี้จะได้ความสว่างจากช่องแสง ซึ่งจากวันที่เราไปรีวิวสังเกตว่าในเวลากลางวันไม่ต้องเปิดไฟพื้นที่บริเวณนี้ก็ยังสว่างเลยค่ะ ถ้าจะไปพื้นที่ส่วนกลางจะต้องเดินไปจนสุดทางและเปิดประตูที่กั้นเอาไว้ออกไปนะคะ
ด้านในลิฟต์โดยสารตกแต่งด้วยไม้และกระจก มีให้ใช้อยู่ตัวกัน 3 ตัวค่ะ
ชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางคือ ห้องคุณหนู ห้องเปี่ยมสุข สระว่ายน้ำ และฟิตเนสตามป้ายเลยค่ะ
เดินออกมาจะเจอกับโถงก่อนจะแจกไปยังส่วนต่างๆ
ห้องคุณหนูทางโครงการมีของเล่นมาให้ พร้อมกับปูพื้นด้วยวัสดุที่กันกระแทก ครอบครัวไหนมีลูกเล็กก็สามารถพาลงมาเล่นได้
ห้องเปี่ยมสุขจัดห้องมาคล้ายๆกับ Co-Working Space เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราลงมาใช้นั่งเล่นหรือนั่งทำงานได้ค่ะ
สระว่ายน้ำมีขนาด 8.20 x 15.30 เมตร มองออกไปเห็นวิวมุมกว้างและมีพื้นที่นั่งพักผ่อนอยู่ข้างๆสระ
โดยสระนี้จะแบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตร และ สระเด็กลึก 0.60 เมตร
ด้านข้างสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่สวน สามารถเดินลงไปนั่งเล่นได้นะคะ
มองย้อนกลับมาจะเจอกับพื้นที่อาบน้ำล้างตัวก่อนหรือหลังว่ายน้ำ
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ห้องฟิตเนส และห้องน้ำ การใช้วัสดุปูพื้นของชั้นนี้จะเลือกที่เป็นผิวด้านทำให้ไม่ลื่น ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในชั้นที่มีสระว่ายน้ำค่ะ
มุมนี้ลมพัดผ่านดีนะคะ แถมยังเป็นพื้นที่ Semi-outdoor มีหลังคาคลุมกันแดดกันฝน สามารถมานั่งพักผ่อนชิลๆกันได้ค่ะ
ห้องฟิตเนสจะมีฝ้าเพดานสูง บรรยากาศดูโปร่งโล่งมากๆเพราะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ เวลามาใช้งานไม่รู้สึกอึดอัด
และมีพื้นที่บางส่วนที่เป็นกระจกเงาทำให้เราสามารถมาใช้จัดท่าทางออกกำลังกายของตัวเองให้ถูกต้องได้
ฝั่งหน้าห้องจะมีพื้นที่พักคอยเล็กๆ และพื้นที่สำหรับเล่นเวทสร้างกล้ามเนื้อค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับห้องฟิตเนสจะเป็นห้องน้ำนะคะ และเคาน์เตอร์ที่เห็นอยู่จะมีเจ้าหน้าที่มานั่งอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้ตลอดค่ะ
ตู้กดน้ำดื่ม เครื่องซักผ้าก็จะอยู่บริเวณนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราถือว่ามีความสะดวกมากทีเดียว
แปลนอาคารชั้น 8 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด และมีพื้นที่บางส่วนทางด้านซ้ายของอาคารถูกเว้าออกไปเนื่องจากเป็นพื้นที่ของฟิตเนสโซนซึ่งเป็นห้องเพดานสูงกินพื้นที่ขึ้นมาถึงชั้น 8 นี้นั่นเอง อาคารรูปตัว L จึงทำให้ไม่บังวิวกันเอง วางโถงลิฟต์และส่วนงานระบบเอาไว้ตรงกลางของอาคารทำให้สะดวกต่อการใช้งานทั้ง 2 ฝั่ง มีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่ง ชั้นนี้มีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 18 ยูนิต มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 126:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ประกอบไปด้วย
- 1 Bedroom : 23 – 27 ตารางเมตร จำนวน 17 ห้อง
- 2 Bedroom : 36 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
สำหรับโครงการนี้เลือกวางตำแหน่งห้อง 2 Bedroom ไว้ช่วงกลางของอาคารฝั่งขวา และมีเพียงชั้นละ 1 ยูนิตเท่านั้น อยู่ในตำแหน่งซึ่งเป็นจุดที่ได้วิวที่ดีที่สุดทั้งสวนกับสระว่ายน้ำของโครงการที่ชั้น 7 และหน้าห้องหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งแดดไม่ค่อยร้อนนัก แล้วยังได้วิวที่เปิดโล่งอีกด้วย
แปลนอาคารชั้น 9 – 21 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดและจะเหมือนกันหมดทุกชั้น มีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 20 ยูนิต/ชั้น มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 126:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ประกอบไปด้วย
- 1 Bedroom : 23 – 27 ตารางเมตร จำนวน 19 ห้อง
- 2 Bedroom : 36 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
ส่วนแปลนอาคารชั้น 22 เป็นชั้นพักอาศัยซึ่งมีการลดจำนวนยูนิตพักอาศัยทางด้านหน้าออกไป 2 ยูนิต โดยพื้นที่ที่หายไปนั้นในชั้นนี้ไม่ใช่พื้นที่ที่สามารถออกไปใช้งานได้นะคะ ชั้นนี้มีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 18 ยูนิต มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 126:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ประกอบไปด้วย
- 1 Bedroom : 23 – 27 ตารางเมตร จำนวน 17 ห้อง
- 2 Bedroom : 36 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
แปลนอาคารชั้น 23 – 26 มีการวางผังที่คล้ายกับชั้น 22 โดยจะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมด 18 ยูนิต มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว โดยมีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 126:1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมากนัก โดยรูปแบบห้องในชั้นนี้ประกอบไปด้วย
- 1 Bedroom : 23 – 27 ตารางเมตร จำนวน 17 ห้อง
- 2 Bedroom : 36 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง
บรรยากาศภายในโถงทางเดินชั้นพักอาศัยจะตกแต่งด้วยโทนสีขาว และได้แสงธรรมชาติจากช่องแสงที่อยู่บริเวณทางเดินค่ะ
ขอกลับมาที่แผนที่นี้เพื่อวิเคราะห์วิวกันอีกครั้ง จะเห็นว่ารอบๆโครงการไม่มีตึกสูงมาบดบังวิวในระยะประชิด โดยวิวแต่ละด้านจะเป็นดังนี้ค่ะ
ทิศเหนือ ติดกับ ถนนสุขสวัสดิ์ เห็นชุมชนแนวราบสูงไม่เกิน 4 ชั้น มีคอนโดสูง 29 – 32 อยู่ในระยะไกลและเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาบางส่วน
ทิศตะวันออก ติดกับ ชุมชนแนวราบ มองเห็นถนนสุขสวัสดิ์ บิ๊กซีบางปะกอก และคอนโดสูง 24 ชั้นในระยะห่างออกไป
ทิศใต้ หรือฝั่งด้านหลังโครงการติดกับ วัดโพธิ์แก้วกับโรงเรียนวัดโพธิ์แก้ว ชุมชนแนวราบสูงไม่เกิน 4 ชั้น และวิวแบบเปิดโล่ง
ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนหลักพระราม 2 สะพานข้ามแยกพระราม 2 และชุมชนแนวราบวิวเปิดโล่ง
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- ห้องอเนกประสงค์
- สระว่ายน้ำขนาด 8.20 x 15.30 เมตร แบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ลึก 1.20 เมตร และ สระเด็กลึก 0.60 เมตร
- ฟิตเนส วางเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 9 เครื่อง
- ห้องเปี่ยมสุข
- ห้องคุณหนู
- ลานกิจกรรม
- สวนรวมใจ
- สนามเด็กเล่น
- ลานพักผ่อน
- ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 126 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 138 คันคิดเป็นประมาณ 36.60% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
สำหรับแบบห้องของโครงการนี้จะมีห้อง 2 แบบคือ 1 Bedroom และ 2 Bedroom ขายแบบ Fully Fitted คือเป็นห้องเปล่ามาตรฐานของโครงการ ปูพื้นไม้ลามิเนต ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี รวมถึงมีชุดเคาน์เตอร์ครัว Built in มาให้ และห้องน้ำมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน ซึ่งห้องพักจะมีให้เลือกดังนี้
- 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 – 27 ตารางเมตร
- 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36 ตารางเมตร
โดยทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ดูทั้ง 2 แบบ และยังมีห้องเปล่ามาตรฐานให้ดูด้วย จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
ห้องตัวอย่างแรกเป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.50 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ Common area ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง เริ่มต้นที่ด้านหน้าห้องทางด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์ครัวและได้เป็นครัวเปิดจึงอาจไม่เหมาะที่จะทำอาหารจริงจังมากนัก แต่ยังมีพื้นที่พอให้กั้นผนังเพิ่มเติมได้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่วางตู้เย็นเชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหารหรือโต๊ะอเนกประสงค์ที่สามารถนั่งได้ 2 ที่นั่ง ถัดมาด้านในเป็นห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับประตูกระจกบานเลื่อนสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ นอกจากนี้ยังกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนจึงทำให้ภายในห้องค่อนข้างกว้างและโปร่งโล่งเพราะได้ช่องแสง 2 ช่องทั้งจากระเบียงและหน้าต่างกระจกในห้องนอน จึงเป็นห้องที่เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่โปร่งโล่งเป็นอย่างมาก ภายในห้องนอนก็สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องและยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือสามารถใช้งานได้สะดวก ด้านซ้ายของเตียงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนที่เปิดระบายอากาศได้ ส่วนทางด้านขวาสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ ติดกันเป็นห้องน้ำซึ่งภายในมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน
ประตูที่ได้เป็นประตูไม้ HDF สีแบบนี้เลยค่ะ และได้ลูกบิดทรงกลมและมีตัวล็อคเพิ่มให้อีก 1 ตัว พร้อมช่องตาแมวมาให้อีก 1 จุด
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ โดยเรามีรูปห้องเปล่าเปรียบเทียบให้ดูของจริงกันด้วย จริงๆแล้วห้องนั่งเล่นและห้องนอนถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนจึงทำให้มีพื้นที่เชื่อมต่อกันมีความโปร่งโล่งมากขึ้น แต่จากมุมหน้าห้องนี้เราจะมองไม่เห็นในส่วนของห้องนอน จึงยังคงได้ความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอกอยู่ ถือเป็น Layout ที่ดีเลยทีเดียว มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.4 m. และปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตหนา 8 mm.ค่ะ
ถ่ายรูปย้อนกลับมาที่หน้าห้อง เราจะเจอกับพื้นที่ครัวซึ่งจะได้เป็นครัวเปิด แต่ยังสามารถกั้นผนังเพิ่มเติมได้ถ้าเป็นคนชอบทำอาหาร ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางตู้เย็น และโต๊ะอเนกประสงค์ซึ่งสามารถใช้เป็นโต๊ะทานอาหารได้ด้วย พื้นที่ด้านบนยังเหลือสามารถทำตู้แขวนผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวโครงการจะ Built in มาให้เป็นชุดแบบนี้เลย โดยตู้ด้านบนเป็นแบบชั้นไม่มีบานปิดครึ่งหนึ่งทางซ้าย และมีตู้ที่มีบานปิดทางด้านขวา ในตู้ซ่อนตัวควบคุมระบบไฟฟ้าเอาไว้ด้านในอีกชั้นหนึ่งเพื่อความเรียบร้อย พื้นที่ด้านบนตู้ยังมีพื้นที่เหลือสูง 50 cm. สามารถ Built ตู้เพิ่มพื้นที่เก็บของหลังตู้ได้อีก ส่วนตู้ด้านล่างเก็บของได้พอประมาณ มีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่างทำให้สะดวกต่อการใช้งาน
Top เคาน์เตอร์ปิดผิวลามิเนต ทนความร้อนและความชื้นได้ระดับหนึ่ง ผนังโดยรอบกรุกระเบื้องมาให้ทั้ง 3 ด้านทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และสำหรับใครที่อยากประกอบอาหารจริงจังแนะนำให้ติด Hob&Hood เพิ่มเติมด้วยนะคะ เพราะทางโครงการไม่ได้ติดมาให้ ต้องติดเองนะ
อ่างล้างจานที่ได้ขนาดประมาณ 50 x 40 cm. ลึก 20 cm. และมีพื้นที่ทางด้านซ้ายกว้างประมาณ 60 cm. ไว้ใช้วางของหรือประกอบอาหารได้
ถัดเข้ามาด้านในจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น จุดเด่นของห้องนี้คือประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทั้ง 2 ช่องทางคือ จากประตูกระเบียงกระจก และหน้าต่างห้องนอนซึ่งกั้นพื้นที่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเช่นกัน จึงทำให้ภายในห้องค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งมาก
ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นกว้างประมาณ 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาดประมาณ 44 – 46 นิ้วได้
พื้นที่ระเบียงด้านนอกมีขนาดประมาณ 2.3 x 0.75 m. สามารถออกไปใช้งานได้ ธรณีประตูสูงประมาณ 10 cm. ช่วยป้องกันน้ำฝนสาดหรือไหลซึมเข้ามาด้านใน และได้ราวกันตกเหล็กสูงประมาณ 1 m.
Condensing unit แขวนอยู่ด้านบนเหนือประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ไม่บังวิวหรือเกะกะสายตาและเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก
ภายนอกระเบียงทางด้านซ้ายต่อท่องานระบบเอาไว้สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ซึ่งจะใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าหรือฝาบนก็ได้ ส่วนทางด้านขวามีก๊อกน้ำติดตั้งมาให้อีก 1 จุด พร้อมติดไฟส่องสว่างที่ผนังมาให้อีก 1 ดวง
ส่วนต่อไปเป็นห้องนอนซึ่งอย่างที่บอกว่าถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ห้องสว่างและดูโปร่งโล่งมากขึ้นเพราะได้ช่องแสงจากทั้งส่วนของประตูระเบียงกระจกและหน้าต่างในห้องนอน ซึ่งถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวสามารถทำเป็นกระจกฝ้าหรือติดม่านด้านในเพิ่มเติมได้นะคะ
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้อง และมีหน้าต่างกระจกช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในทำให้ห้องสว่างและไม่อึดอัด
เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุต ไปแล้วยังมีพื้นที่เหลือโดยรอบสามารถใช้งานได้สะดวก
พื้นที่ปลายเตียงกว้างประมาณ 40 cm. สามารถใช้เดินผ่านได้พอดีค่ะ
ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำซึ่งทางโครงการไม่ได้ติดประตูมาให้ดู แต่เราจะได้เป็นประตูบานเปิด UPVC ค่ะ
เข้ามาภายในห้องน้ำมีอุปกรณ์และสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน ซึ่งเราจะได้ทุกอย่างตามที่เห็นในห้องตัวอย่างยกเว้นอุปกรณ์ตกแต่งเลยค่ะ
อ่างล้างหน้าได้เป็นของ Charmer ขนาดประมาณ 60 x 40 cm. มีที่วางของด้านข้างกว้างประมาณ 13 cm. สามารถวางอุปกรณ์หรือของใช้ที่จำเป็นได้ และได้ก๊อกน้ำแบบก้านโยกของ Hafele สะดวกต่อการใช้งาน
ทางด้านซ้ายเป็นโถสุขภัณฑ์ของ American Standard มีพื้นที่ด้านข้างเหลือข้างละประมาณ 20 cm. ใช้งานได้ไม่อึดอัดค่ะ
ติด Hand shower ของ American Standard ขนาดพอดีมือมาให้ เสาสามารถปรับความสูง-ต่ำได้ และได้ก๊อกน้ำของ Hafele แบบก้านโยกสามารถปรับความแรงน้ำได้ พร้อมติดที่วางสบู่แบบฝังผนังของ American Standard มาให้ทางด้านขวาด้วย
ห้องตัวอย่างที่สองเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร เข้ามาภายในจะเจอพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่รูปตัว L ซึ่งจากหน้าประตูทางเข้าจะมองไม่เห็นพื้นที่ในห้องทั้งหมดจึงได้ความเป็นส่วนตัว ทางด้านขวามีพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารหรือโต๊ะอเนกประสงค์ได้ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นและได้เป็นพื้นที่ครัวเปิดจึงไม่เหมาะที่จะทำอาการจริงจังและไม่เหมาะที่จะกั้นผนังทำเป็นครัวปิดเพิ่มเติมได้ และจากแปลนบริเวณหลังโซฟาจะมองเห็นเสาขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง จึงทำให้มีช่องว่างเล็กๆเกิดขึ้นข้างๆเสาหลังโซฟา ติดกับห้องนั่งเล่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในทำให้ห้องสว่างและเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้
ห้องนอนทั้งสองจะแยกออกจากกันคนละฝั่งเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยห้องนอนเล็กจะอยู่ทางด้านขวาซึ่งกั้นด้วยผนังทึบจึงได้ความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว ภายในสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ไว้ชิดริมผนังข้างหน้าต่างและยังมีพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งสามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือโต๊ะอเนกประสงค์ได้ ส่วนห้อง Master Bedroom อยู่ทางด้านซ้ายของห้อง ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องโดยยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือสามารถใช้งานได้สะดวก ทางด้านขวาของเตียงมีช่องหน้าต่างกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในและสามารถเปิดระบายอากาศได้ ผนังปลายเตียงเป็นผนังทึบสามารถติดทีวีปลายเตียงได้ ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าซึ่งติดกับห้องน้ำ ภายนห้องน้ำมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งาน และสามารถเข้าได้ 2 ทางคือจากห้อง Master Bedroom และจากครัวตรง Common area เป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้อง Master Bedroom ห้องนอนเล็ก และพื้นที่ส่วนกลาง
เมื่อเข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ Common area รูปตัว L ขนาดใหญ่ ทำให้มองไม่เห็นพื้นที่ห้องทั้งหมดจึงได้ความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงได้พื้นที่โปร่งโล่งเชื่อมต่อถึงกันดี ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.4 m. และปูพื้นห้องด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm.
ถ่ายย้อนกลับมาให้ดูบริเวณทางเข้า ด้านขวาของประตูเป็นพื้นที่วางโต๊ะอาหารหรือโต๊ะอเนกประสงค์ได้ ซึ่งทางโครงการได้วางโต๊ะอาหารแบบ 4 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กซึ่งภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้พอดี และมีช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ห้องดูสว่างมากขึ้น หน้าต่างข้างเตียงเป็นกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและสามารถเปิดระบายอากาศได้
เมื่อวางเตียงชิดริมหน้าต่างทางด้านซ้ายแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือทางด้านขวากว้างประมาณ 1.2 m. สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้และมีพื้นที่หน้าตู้สามารถยืนแต่งตัวได้สะดวก
พื้นที่ต่อไปด้านในห้องเป็น Common area เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่ครัวกับห้องนั่งเล่นจึงทำให้ห้องกว้างและโปร่งโล่ง
พื้นที่ครัววัดจากเคาน์เตอร์ถึงเสากว้างประมาณ 0.9 m. สามารถใช้งานได้สะดวก และพื้นเป็นไม้ลามิเนตซึ่งจะไม่ทนน้ำหรือความชื้น ต้องใช้งานครัวอย่างระมัดระวังกันด้วยนะคะ
เคาน์เตอร์ครัว Built in มาให้แบบนี้เหมือนห้องแรกแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย และได้เป็นครัวเปิดจึงไม่เหมาะกับทำอาหารจริงจังมากนัก ตู้ด้านบนมีช่องเก็บของแบบมีบานปิดเพิ่มทางด้านซ้ายอีก 1 ช่อง สามารถเก็บของได้มากขึ้นพอสมควร ส่วนตู้ด้านล่างมีช่องเก็บของตรงกลางเพิ่มเติมทำให้เก็บของได้มากขึ้นอีกเล็กน้อย
Top เคาร์เตอร์เป็นไม้ลามิเนตซึ่งทนความร้อนและความชื้นได้ระดับหนึ่ง และได้พื้นที่ประกอบอาหารด้านข้างเพิ่มขึ้นจาก 60 cm. เป็น 90 cm. ทำให้สามารถวางของหรือประกอบอาหารได้มากขึ้น ผนัง 2 ด้านกรุกระเบื้องช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย
ภายในห้องน้ำจะได้ตามนี้ มีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งานเช่นเดียวกับห้องแรก แต่จะมีขนาดพื้นที่กว้างกว่าเล็กน้อยและมีการจัดวางฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกและลงตัวกว่าห้องแรก
ได้อ่างล้างหน้าของ Charmer กับก๊อกน้ำของ Hafele และโถสุขภัณฑ์ของ American Standard เหมือนกับห้องแรกเลย
ต่อมาด้านในเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งมีพื้นที่ติดกับประตูระเบียงกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ห้องสว่าง ระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 44 – 46 นิ้วได้
ระเบียงมีขนาดพื้นที่ประมาณ 0.75 x 2.5 m. ธรณียกสูงประมาณ 10 cm. ช่วยกันฝนสาดและน้ำไหลซึมเข้ามาด้านใน และได้ราวกันตกเหล็กสูงประมาณ 1 m.
Condensing unit แขวนอยู่ด้านบนเหนือประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ไม่บังวิวหรือเกะกะสายตาและเป่าลมร้อนออกสู่ภายนอก พร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างด้านข้างผนังอีก 1 ดวง
ทางด้านซ้ายของระเบียงมีก๊อกน้ำติดตั้งไว้ให้ ส่วนทางด้านขวาต่อท่องานระบบเรียบร้อย สามารถวางเครื่องซักผ้าแบบฝาบนหรือฝาหน้าก็ได้
เรามาดูห้อง Master Bedroom กันต่อซึ่งจะอยู่ข้างๆห้องน้ำ ประตูนี้จะเป็นประตูไม้บานทึบ HDF ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว
ภายในห้อง Master Bedroom มีพื้นที่ใช้งานค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้อง และมีช่องหน้าต่างกระจกช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น
พื้นที่รอบๆเตียงมีระยะสามารถเดินผ่านได้โดยรอบ โดยผนังปลายเตียงเป็นผนังทึบ สามารถติดทีวีปลายเตียงได้ โดยทางโครงการได้เตรียมปลั๊กไฟและช่องเคเบิ้ลทีวีไว้ให้พร้อมใช้งาน ส่วนกล่องสี่เหลี่ยมทางด้านซ้ายเป็นกล่อง Fiber Optic ของอินเตอร์เน็ตค่ะ
ทางด้านซ้ายของเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าซึ่งมีพื้นที่หน้าตู้กว้างประมาณ 1.2 m. สามารถใช้ยืนแต่งตัวหน้าตู้ได้สะดวก ติดกันเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำซึ่งห้องนี้สามารถเข้าได้ 2 ทางทั้งจากด้านนอกและด้านในห้องนอน
ส่วนสวิตซ์ไฟและปลั๊กในห้องทั้งหมดจะได้หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 November 2019
- 1 Bedroom ขนาด 23 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 2 Bedrooms 36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : โครงการ Lumpini Ville สุขสวัสดิ์-พระราม2 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ตัดกับถนนสุขสวัสดิ์ ตรงหัวมุมถนนที่บริเวณแยกพระราม 2 เป็นทำเลย่านฝั่งธนฯ สามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย พื้นที่โดยรอบโครงการไม่มีตึกสูงบังวิวในระยะใกล้ แต่ด้านข้างมีพื้นที่ติดกับโรงเรียนและวัดโพธิ์แก้ว เพราะฉะนั้นห้องพักทางฝั่งนี้จึงอาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเสียงดังรบกวนในเวลากลางวันหรือต้องมองเห็นวัดตลอดเวลา ด้านความอุดมสมบูรณ์จะไม่มีร้านค้าหรือตลาดอยู่ใกล้โครงการในระยะเดิน แต่จะมีอยู่บนเส้นถนนพระราม2 บริเวณเซ็นทรัลพระราม 2 ที่รายล้อมไปด้วยตลาดและห้างสรรพสินค้าอื่นๆได้แก่ ห้างบิ๊กซี, SB โฮมโปร, ไทวัสดุ, เทสโก้โลตัส และตลาดกรีนเดย์ไนท์ ส่วนความอุดมสมบูรณ์อีกจุดหนึ่งจะอยู่บนเส้นถนนสุขสวัสดิ์ซึ่งมี ห้างบิ๊กซี กับ เทสโก้โลตัส ตั้งอยู่ นอกจากนี้บนถนนทั้ง 2 เส้นยังเต็มไปด้วยโรงพยาบาลต่างๆหลายแห่ง ทั้งรพ.บางปะกอก 9, รพ.บางมด, รพ.พระราม 2, รพ.บางปะกอก 1, รพ.สุขสวัสดิ์, และรพ.ราษฎร์บูรณะ มีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ส่วนแหล่งงานและอาคารสำนักงานใหญ่ๆส่วนมากจะอยู่ทางฝั่งพระราม 3
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกมาก โดยที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ตัดกับถนนสุขสวัสดิ์ สามารถใช้เส้นถนนสุขสวัสดิ์เพื่อขึ้นเหนือไปทางวงเวียนใหญ่ หรือข้ามสะพานพระราม 3 ไปฝั่งพระนครเพื่อไปยังสีลม สาทร หรือจะลงใต้ไปทางพระประแดงก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกเมืองได้ง่ายโดยใช้ถนนพระราม2 หรือถนนสายธนบุรี-ปากท่อ เพื่อไปสมุทรสาครหรือมหาชัยได้ และยังใกล้ทางด่วนหรือทางพิเศษต่างๆที่ช่วยทำให้เข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากขึ้น สามารถใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครเพื่อเข้าเมืองไปทางพระราม 4 สีลม และสาทรได้ โดยมีระยะห่างจากตัวโครงการเพียง 2.1 km. หรือจะใช้ทางพิเศษกาญจนาหรือวงแหวนอุตสาหรรมกรุงเทพมหานครฝั่งใต้เพื่อไปบางนา สมุทรปราการก็สะดวก มีระยะห่างจากตัวโครงการประมาณ 9 km. แต่โครงการมีที่จอดรถประมาณ 127 คันคิดเป็น 33% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลที่ต้องใช้รถแบบนี้ค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ซึ่งไม่ไกลจากโครงการมีป้ายรถเมล์และมีสะพานลอยข้ามไปเรียกรถสาธารณะฝั่งตรงข้ามได้ง่าย และนอกจากนี้ถนนสุขสวัสดิ์ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปี 2566 – 2567 โดยสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ สถานีดาวคะนอง และสถานีบางปะกอก ซึ่งถ้าหากโครงการรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการได้สำเร็จก็จะทำให้คนในย่านนี้สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายมากขึ้น
วัสดุ : ได้ตามมาตรฐานคอนโดระดับราคานี้ ประตูไม้ HDF และลูกบิดทรงกลม, พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm., Built in เคาน์เตอร์ครัว Top ปิดผิวลามิเนต, ชุดประตูและหน้าต่างกระจกทั้งหมดเป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกใสเขียวธรรมดา, อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Charmer, ก๊อกน้ำและ Hand shower ของ Hafele, โถสุขภัณฑ์และสายชำระของ American Standard
การออกแบบ : เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้นออกแบบโดยเน้นพื้นที่พักผ่อนสีเขียวที่ชั้นล่างซึ่งเข้ากับ Facade และสี Earth tone ให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่น่าเบื่อ ที่ชั้นจอดรถที่ทำเป็นลายไม้และสวนแนวตั้งให้ได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น มีการจัดการทางเดินรถได้ดีโดยสามารถวนรถรับ-ส่งคนที่ Drop-Off บริเวณโถงล็อบบี้แล้วสามารถวนรถกลับออกมาจากโครงการได้ทันทีซึ่งสะดวกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี คนภายนอกเข้ามาส่งจะได้ไม่เข้าไปรบกวนพื้นที่ด้านในของโครงการมากนัก พื้นที่ครึ่งหนึ่งของโครงการจัดเป็นพื้นที่สวนร่มรื่น แต่พื้นที่ติดตลองด้านหลังน่าเสียดายที่ไม่ได้จัดเป็นพื้นที่นั่งริมน้ำมาให้ ส่วนการวางอาคารเป็นรูปตัว L ถือว่าดีเพราะจะไม่บังวิวกันเอง และที่ชั้น 7 ทางเข้าของส่วนพักอาศัยจำเป็นต้องออกมาด้านนอกอาคารก่อนครั้งหนึ่งจึงคอยแตะ Key Card เข้าส่วนพักอาศัยอีกครั้งซึ่งไม่ค่อยสะดวกนักโดยเฉพาะเวลาฝนตกอาจเปียกฝนได้ และตัวโครงการมีจำนวนยูนิตน้อยจึงได้ความเป็นส่วนตัว แต่มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคารอยู่ที่ 126:1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นไปหน่อย
สาธารณูปโภค : ถือว่าให้มาครบและหลากหลาย เน้นพื้นที่สีเขียวที่ชั้น 1 ประกอบด้วยสวนรวมใจ สนามเด็กเล่น ลานพักผ่อน และลานฟิตแอนด์เฟิร์ม ที่มีการทำสวนและปลูกต้นไม้ให้อย่างร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน ส่วนชั้น 7 เป็นชั้น Mail Facilities ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำกว้าง 8 x 15.3 m. ฟิตแนสโซน ห้องคุณหนู ห้องเปี่ยมสุข และลานกิจกรรมภายนอกซึ่งไม่มีผนังกั้นจึงทำให้มีลมพักโกรกเย็นสบายผ่านช่องอาคารตลอดเวลา เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนสบายๆ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 – 90,000 บาท/ตร.ม., 19 November 2019
- ทำเล 7/10 – ติดถนนหลัก แต่หาของกินยาก รอบข้างไม่มีตึกสูงบังวิวแต่ติดโรงเรียนและวัด
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวกมาก ใกล้ทางด่วนและวงแหวนกาญจนา แต่ที่จอดรถน้อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ เรียกรถสาธารณะง่าย อนาคตมีรถไฟฟ้า
- วัสดุ 7/10 – มาตรฐานระดับราคานี้ Fully Fitted ต้องแต่งเพิ่ม
- แบบ 8/10 – ออกแบบดี โปร่งโล่ง ได้ความเป็นส่วนตัว
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ถือว่าให้มาครบและหลากหลาย เน้นพื้นที่สีเขียว
- MAIN CLASS
- 7.38 / 10.00
**หมายเหตุ: เรื่องการเดินทางโดยไม่ใช้รถเป็นคะแนน ณ ปัจจุบันที่รถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ แต่ถ้าหากรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการแล้วผู้อ่านสามารถเพิ่มคะแนนได้ด้วยตัวเองตามความเหมาะสมเลยนะคะ
BOTTOM LINE
Lumpini Ville สุขสวัสดิ์-พระราม2 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใหม่ย่านพระราม 2 – สุขสวัสดิ์ มองหาคอนโดสูงได้วิวไม่โดนบัง ทำเลใช้รถยนต์เป็นหลักเดินทางสะดวกใกล้ทางด่วน อนาคตมีรถไฟฟ้าใช้ เน้นฟังก์ชันห้องที่ลงตัว โปร่งโล่ง มีความเป็นส่วนตัว มีส่วนกลางหลักๆให้ใช้ครบ ชอบพื้นที่สีเขียว มีงบประมาณเริ่มต้นประมาณ 1.69 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนเริ่มต้นประมาณ 12,000 บาท/เดือนขึ้นไป
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving