รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ Kensington Rayong คอนโดสไตล์รีสอร์ท ใกล้ตัวเมืองระยองและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จาก Origin [รีวิวฉบับที่ 2377]

10 พฤษภาคม 2022

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1934 ,, ระยองเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศในทุกปี วันนี้ผมมี Kensington ระยอง คอนโด Low Rise บนแยกเนินสำลี ที่จะมาพร้อม Origin Smart City Rayong ซึ่งจะเป็นแหล่งความเจริญแห่งใหม่ของระยอง เป็นทำเลที่ไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้สะดวก เข้าตัวเมืองระยองก็ง่าย เน้นที่ห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก ในราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท เข้าไปชมรายละเอียดภายในกันครับ

Fact @ 28 August 2019

  • Kensington Rayong (เคนซิงตัน ระยอง)
  • บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนสุขุมวิท อ.เมืองระยอง จังหวัดระยอง 
  • ที่ดินประมาณ North Wing 2-3-49.5 ไร่ / South Wing 3-0-92.5 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 697 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิตที่อาคาร A และ อาคาร C
  • ที่จอดรถประมาณ 30 % รวมจอดซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง : Q4 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4 2563
  • North Wing 345 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
    1 ห้องนอน ขนาด 23.20 – 32 ตารางเมตร
    1 ห้องนอน พลัส ขนาด 35.70 – 36.10 ตารางเมตร
  • South Wing 352 ยูนิต
    1 ห้องนอน ขนาด 23.20 – 32.90 ตารางเมตร
    1 ห้องนอน พลัส ขนาด 35.70 – 36.90 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท (โปรโมชั่น 1.29 ล้านบาท)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 020-300-000

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 12.703138, 101.186738
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

“ระยอง” เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องของแหล่งงานอุตสาหกรรมและการขนส่ง(สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา) แถมยังเป็นแหล่งการเกษตรขนาดใหญ่ที่ไม่ได้เป็นรองจังหวัดเพื่อนบ้านประจำภาคตะวันออกอย่างจันทบุรีเลย รวมถึงยังเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วย (ชายหาดทะเล) สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ระยองเป็นทั้งเมืองเศรษฐกิจและท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเราถึงเห็น “ระยอง” อยู่ในอันดับต้นๆของประเทศในเรื่องของจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดทุกปี

ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทที่แยกเนินสำลี จังหวัดระยอง เป็นแยกสำคัญที่เป็นช่วงแบ่งระหว่างมาบตาพุดและตัวเมืองระยอง ซึ่งสามารถใช้เดินทางได้หลากหลาย ทั้งเข้าตัวเมืองระยอง ไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, บ้านฉาง และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หรือจะตัดเข้าถนนบายพาส พัทยา-ระยอง ผ่านทางหลวงหมายเลข 363 ก็ได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีการก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แยกเนินสำลี สายศูนย์ราชการระยอง – นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 และโครงการของเราก็มีทางออกที่สามารถใช้ทางลอดส่วนนี้ได้เลยด้วยเช่นกัน

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลในบริเวณตัวเมืองระยองนั้นค่อนข้างทำได้คล่องตัว ยิ่งโครงการของเราตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างสุขุมวิทและทางหลวง 363 อย่างนี้ก็ยิ่งสามารถเดินทางได้ค่อนข้างหลากหลายเลย ฝั่งตัวเมืองและพื้นที่ใกล้ชายหาดจะมีทางลัดเลาะอยู่หลายเส้น การจราจรที่นี่จะไม่ค่อยติดขัดเท่าไร ยกเว้นช่วงเวลาเลิกงานช่วงเดียว ที่น่าจะเป็นปัญหาคือการเดินทางระบบสาธารณะของที่นี่นั้นถือว่าน้อยมาก แต่โชคดีที่หลักๆแล้วจะมีรถเมล์รถสองแถวจะวิ่งผ่านถนนสุขุมวิทเป็นหลัก

ความอุดมสมบูรณ์ เริ่มที่พื้นที่ใกล้โครงการจะมีปั๊มน้ำมันปตท. ที่อยู่ในระยะประมาณ 250 เมตร ภายในจะ KFC, Pizza Company, Chester Grill จากหน้าโครงการ บนถนนทางหลวงหมายเลข 364 ก็มี The Ozone Lifestyle Mall, Tesco Lotus และ บขส.ใหม่ระยอง ส่วนความเจริญห่างออกมาหน่อย ถ้าดูจากทำเลที่ตั้งจะสังเกตได้ว่า ตัวโครงการอยู่ระหว่างนครเมืองมาบตาพุดและตัวเมืองระยอง ซึ่งจะเป็น 2 จุดหลักๆที่มีความเจริญสูง สามารถไปใช้งานได้สะดวกทั้งสองฝั่ง โดยทางฝั่งในเมืองจะอิงถนนสุขุมวิทเป็นหลัก จะมีโรงพยาบาลและโรงเรียนชื่อดัง, สนามกีฬา และ Passione ห้างสรรพสินค้าที่หลายคนจะรู้จักในนามห้างแหลมทอง ถัดไปทางถนนจันทอุดมจะมีพวกตลาด Star Night Bazaar, Tesco Lotus หรือเลยไปถึงเส้นบายพาส ที่จะมี Central ระยอง, Big C Supercenter และ แม็คโคร ซึ่งสถานที่เหล่านี้ถ้าในช่วงเวลาปกติก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น

ส่วนอีกฝั่งทางด้านนครเมืองมาบตาพุด หลักๆเลยก็จะมีนิคมอุตสาหกรรมที่สามารถใช้ทางหลวง 363 ลอดใต้แยกเนินสำลีไปได้เลย หรือจะเดินทางไปบนถนนสุขุมวิทก็ได้ ก็จะผ่านพวกศูนย์ราชกาลจังหวัดระยอง ตลาดมาบตาพุด ทางเข้านิคมฯอีกทาง รวมไปถึงสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ไม่ไกลโครงการยังมีพื้นที่พักผ่อนริมชายหาดบนถนนเลียบชายฝั่งที่เต็มไปด้วยร้านอาหารซีฟู้ดให้เลือกอยู่หลายร้านมากๆ

สำหรับการเดินทางไปโครงการวันนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไร เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิท ซึ่งผมเองก็เดินทางมาบนถนนสุขุมวิทฝั่งที่เดินทางมาจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเข้าตัวเมืองระยอง เพื่อที่จะให้เห็นบรรยากาศระหว่างทางไปโครงการ เริ่มต้นที่ Tesco Lotus มาบตาพุด ผ่านมาบตาพุด และมาถึงแยกเนินสำลี จากนั้นก็ตรงเข้าสู่ตัวโครงการ ซึ่งปัจจุบันยังก่อสร้างมาลอดแยกเนินสำลีอยู่นะครับ แต่ในอนาคตทางลอดนี้จะสร้างเสร็จก่อนตัวโครงการของเราแน่นอน บรรยากาศจะเป็นอย่างไรตามผมมากันเลยครับ

เริ่มต้นบนถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองระยอง ทางฝั่งซ้ายมือจะมี Tesco Lotus มาบตาพุดอยู่ ซึ่งจะมีระยะห่างจากตัวโครงการประมาณ 2.7 กิโลเมตร

ตรงมาอีกเล็กน้อยจะเจอกับโรงเรียนโสภณราษฎร์บูรณะ หรือโรงเรียนบ้านมาบตาพุดนั่นเอง เป็นโรงเรียนเก่าที่มีอายุประมาณ 80 ปี บริเวณนี้จะมีร้านค้าร้านอาหารของคนในพื้นที่ตามแนวถนนใหญ่

ถัดมาไม่กี่เมตรจะเจอกับตลาดมาบตาพุด ซึ่งจะเกิดจากคนในชุมชนนั่นเอง ถือเป็นอีกจุดที่คึกคักของย่านนี้

ถัดมาจะมีสี่แยกมาบตาพุดซึ่งจะสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้ทางถนนสุขุมวิท 38 (เลี้ยวขวา) ซึ่งคนในชุมชนที่ทำงานในนิคมฯก็จะใช้เส้นทางนี้ ทำให้มีความหนาแน่นในช่วงเช้าและเย็น ส่วนทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นถนนเข้าวัดมาบตาพุด เป็นชุมชนพักอาศัยแนวราบขนาดใหญ่

ตรงต่อมาเรื่อยๆบนถนนสุขุมวิทจะเจอกับศูนย์ราชกาลจังหวัดระยอง เป็นพื้นที่สำนักงานราชกาลขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะประกอบไปด้วยหลายส่วน เช่น

  • สำนักงานจัดหางาน ระยอง
  • สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ระยอง 1
  • ศาลากลางจังหวัดระยอง
  • สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าระยอง
  • ศาลปกครองระยอง
  • สำนักงานประชาสงเคราะห์
  • สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค
  • ที่ทำการการประปามาบตาพุด
  • ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง

ตรงต่อมาอีกนิดเดียวเรากำลังจะถึงแยกเนินสำลีของเรากันแล้ว ซึ่งจะมีป้ายบอกทางให้สามารถเดินทางได้ค่อนข้างหลากหลาย เช่นเลี้ยวซ้ายไปชลบุรี พัทยา หรือเลี้ยงขวาไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หรือจะตรงไปเข้าตัวเมืองระยองก็ได้ ให้เราตรงต่อไปเลยนะครับ สำหรับพื้นที่โครงการของเรา

แยกเนินสำลี เป็นแยกที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเมืองระยองและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และยังสามารถใช้เดินทางไปยังชลบุรีและพัทยาได้อีกด้วย จึงทำให้ปกติจะมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นในช่วงเวลาเข้า-ออกงาน แต่ปัจจุบันมีก็มีการก่อสร้างบนถนนทางหลวงหมายเลข 363 เป็นทางลอดใต้แยกเนินสำลีเพื่อตรงเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณแยกนี้ได้พอสมควรเลย และจะมีกำหนดแล้วเสร็จประมาณต้นปีหน้า (2563) เสร็จก่อนตัวโครงการของเราแน่นอน

ขับตรงต่อมาจะพบกับแยกเนินสำลี ซึ่งจะเห็นพื้นที่โครงการอยู่ที่หัวมุมฝั่งตรงข้ามตามรูปครับ ถ้าใครมาเยี่ยมชมพื้นที่โครงการหรือ Sale Gallery ในช่วงนี้ ก็อาจจะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยูเทิร์นกลับมาสักหน่อยนะครับ จะมีป้ายบอกทางติดตามแนวถนนให้ ไม่ซับซ้อนครับ

ขอบคุณภาพประกอบจาก pmdu.soc.go.th

ก่อนจะเข้าไปภายในตัวโครงการ ผมขออธิบายพื้นฐานของโครงการนี้กันสักนิดนะครับ ระยอง จัดเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดร่วมกับ ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา ที่เข้าร่วมในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นกลุ่มเขตอุตสาหกรรมสำคัญอันดับต้น ๆ ของประเทศอยู่แล้ว อุดมไปด้วยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย

ขอบคุณภาพประกอบจาก pmdu.soc.go.th

โดย EEC จะมีส่วนในการพัฒนาเมืองและแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมในการอยู่อาศัย พักผ่อน และประกอบธุรกิจ มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีความทันสมัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในพื้นที่เดิมและผู้ที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ ภายใต้การลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน ทั้งทางถนน ทางรางรถไฟ ทางอากาศ และทางน้ำ อาทิเช่น

  • พัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งที่ 3 ของไทย
  • สร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา)
  • รถไฟทางคู่เชื่อมแหล่งอุตสาหกรรมกับท่าเรือ
  • พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
  • พัฒนาท่าเรือมาบตาพุด
  • ก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง
  • พัฒนาเมืองในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
  • ลงทุนด้านการท่องเที่ยว
  • พัฒนาเขตนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและลงทุนกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย

เห็นได้ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องกับศักยภาพภายในจังหวัดระยองและตัวโครงการของเราโดยตรงเลย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ได้มากทีเดียว

นอกจากนั้นโครงการของเราไม่ใช่แค่คอนโด Low Rise ธรรมดานะครับ แต่เป็นโครงการภายในโปรเจคใหญ่ที่ชื่อ Origin Smart City Rayong ทำให้มีพื้นที่ข้างเคียงโครงการที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน รวมถึงจะได้ความปลอดภัยและการดูแลจัดการแบบทั้งภาพรวมใหญ่และภายในตัวโครงการเองด้วย

โครงการนี้เรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นเมืองขนาดย่อมบนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่ โดยมีมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้าน ภายในจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วนคร่าวๆ ประกอบไปด้วย

  • Kensington ระยอง คอนโด Low Rise 4 อาคาร ที่จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม (กลุ่มละ 2 อาคาร)
  • Notting Hill ระยอง คอนโด High Rise 33 ชั้น ซึ่งจะเป็นคอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดในระยอง
  • Mixed Use ภายในจะมี Community Mall, Service Office, Service Apartment, Supermarket และ Retail Shop, โรงแรม Holiday Inn Express ในเครือ Intercontinental Hotel Group
  • โครงการคอนโดในอนาคต ซึ่งยังไม่มีการสรุปว่าจะเป็นแบรนด์ไหนจาก Origin นะครับ
  • พื้นที่โครงการภายในอนาคต

ภายในจะมีพื้นที่เป็น 4 เหลี่ยมคางหมูที่หัวมุมแยกเนินสำลี มีทางเข้าออก 2 ทาง ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปเจาะภายในโครงการอีกที ส่วนนี้เราจะมาดูพื้นที่รอบๆโครงการกันก่อน ซึ่งพื้นที่โครงการจะติดกับถนนใหญ่ 2 สาย คือ ถนนสุขุมวิท และถนนทางหลวงหมายเลข 363 ส่วนพื้นที่รอบๆส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบและพื้นที่ว่างล้อมรอบ

ทิศเหนือ – เป็นถนนทางหลวงหมายเลข 363 ซึ่งจะมีทางเข้าออกจากบริเวณนี้ด้วย ส่วนฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นพื้นที่ของรัฐ ที่จะมีกลุ่มอาคารสำนักงานราชการมากมายเหมือนที่เราผ่านมา

ทิศตะวันออก – จะติดกับซอยสุขุมวิท 51 เป็นถนนไม่ใหญ่นักทะลุจากสุขุมวิทไปยังถนนทางหลวงหมายเลข 363 ได้ รวมถึงจะมีชุมชมพักอาศัยแนวราบในซอยด้วยเช่นกัน

ทิศใต้ – จะเป็นถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเป็นทางเข้าออกหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบ มีแนวร้านค้า ตึกแถวริมถนน

ทิศตะวันตก – จะเป็นแยกเนินสำลี ถัดไปเป็นพื้นที่ว่างของรัฐ และพื้นที่ชุมชนพักอาศัยแนวราบทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

มุมมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตัวโครงการมีลักษณะพื้นที่โดยรวมเป็นสามเหลี่ยมนะครับ จะขนาบด้วยถนนทุกฝั่ง คือถนนสุขุมวิท ถนนทางหลวงหมายเลข 363 และถนน สุขุมวิท 51 จะมีตึกแถวตามแนวถนนสุขุมวิท ส่วนภายในซอยสุขุมวิท 51 จะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบ ส่วนถนนทางหลวงหมายเลข 363 จะเป็นพื้นที่ว่างในรั้วของศูนย์ราชการจังหวัดระยองครับ

มุมมองไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ ฝั่งตรงข้ามโครงการบนถนนสุขุมวิท จะมีแนวตึกแถวตามถนนใหญ่ ด้านในจะเป็นหมู่บ้านจัดสรรครับ

ตัวโครงการติดกับแยกเนินสำลี ซึ่งปัจจุบันก็มีการก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้แยกเนินสำลี สายศูนย์ราชการระยอง – นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 และโครงการของเราก็มีทางออกที่สามารถใช้ทางลอดส่วนนี้ได้เลยด้วยเช่นกัน ทำให้การจราจรบริเวณนี้จะคล่องขึ้นอีกมากเลยครับ

มุมมองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ฝั่งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ก็ใช้เดินทางไปได้ทั้งถนนทางหลวงหมายเลข 363 ลอดใต้ทางลอดไปได้เลยที่แยกเนินสำลี หรือจะไปทางถนนสุขุมวิทก็ได้จะมีส่วนของศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ตรงไปจะเจอกับชุมชนมาบตาพุด และมีทางเลี้ยวเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดด้วยเช่นกัน

มุมมองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลองดูถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมืองระยองกันครับ ใช้การเดินทางได้ไม่ยากเลย แค่ตรงเข้าไปอย่างเดียวก็ถึงตัวเมืองระยองแล้ว บริบทโดยรอบจะมีความคึกคักตามแนวถนนซะเป็นส่วนใหญ่ครับ

นอกจากนั้นภายในจังหวัดระยองก็มีสถานที่สำคัญให้ไปใช้สอยกันได้ไม่ยากอีกหลายจุดเลย ลองไปดูบรรยากาศกันครับ

Big C Supercenter ระยอง จะมีตำแหน่งใกล้เคียงกับ Central Plaza ระยอง และแม็คโคร ซึ่งจะตั้งอยู่บนถนนบายพาส พัทยา-ระยอง ซึ่งเรามีทางเลือกในการเดินทางได้หลายช่องทาง เปิดบริการทุกวัน 9.00 – 22.00 น. มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 12.2 กิโลเมตร

ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Central Plaza ระยอง ขนาดใหญ่กว่า 53 ไร่ ภายในมีทั้งหมด 4 ชั้น มีทุกอย่างครบครันเหมือนที่เราทราบๆกันดี ทั้งร้านค้าแบรนด์ชั้นนำมากมาย ร้านอาหารหลากหลายชนิด รวมถึง Major Cineplex ด้วยเช่นกัน เปิดบริการวันธรรมดา 10.30 – 21.00 น. วันเสาร์อาทิตย์ 10.00 – 21.00 น. มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 11.9 กิโลเมตร

ใกล้ๆเข้ามาอีกหน่อยบนถนนเส้นเดียวกัน จะมี Makro ระยอง ให้เป็นอีกสถานที่สำหรับช็อปปิ้งสินค้าปลีกและส่ง ทั้งอาหารสดและแห้งกันได้ เปิดให้บริการทุกวัน 6.00 – 22.00 น. มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 10.2 กิโลเมตร

ย้ายมาทางฝั่งถนนสุขุมวิทกันบ้าง แค่เพียงตรงจากตัวโครงการออกมาประมาณ 7.3 กิโลเมตร ก็จะมี Passione ระยอง หรือแหลมทองเดิมนั่นเอง เป็นห้างที่คนระยองคงจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เปิดทำการทุกวัน 8.00 – 18.00 น.

ตลาดสตาร์ไนท์บาร์ซ่า เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถถึง 1,000 คัน ภายในประกอบไปด้วยร้านค้ากว่า 1,000 ร้าน มีตลาดสตาร์คลองถม แหล่งรวมสินค้ามือสองและของเก่าทุกวันจันทร์และวันศุกร์ ด้วยร้านค้ากว่า 600 ร้าน ภายในมีทั้งพื้นที่กลางแจ้งและในร่ม จัดสัดส่วนประเภทสินค้าไว้ชัดเจน ทั้งโซนของกิน แฟชั่น และอุปกรณ์ต่าง ๆ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 น. – 22.00 น.

ถ้าพูดถึงสถานที่สำคัญของจังหวัดระยองแล้ว จะไม่มาเหยียบพื้นทรายริมชายหาดกันเลยก็คงจะเป็นไปได้ไม่ได้ จังหวัดระยองตั้งอยู่ติดอ่าวไทย มีส่วนที่เป็นชายหาดและท่าเรือค่อนข้างหลากจุดเลยทีเดียว แต่วันนี้ผมขอเลือกหาดแสงจันทร์และหาดแหลมเจริญเพราะเป็นหาดที่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุดนะครับ (ประมาณ 5.5 กิโลเมตร) เป็นหาดที่อยู่ติดถนนเลียบชายหาด มีลักษณะเป็นแนวเส้นตรงยาว มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยการปรับแต่งภูมิทัศน์ให้มีลักษณะเป็นเหมือนอ่าวขนาดเล็กเรียงต่อกัน โดยภูมิประเทศแล้ว หาดแสงจันทร์กับหาดแหลมเจริญเป็นหาดผืนเดียวกัน แต่ลักษณะพื้นที่ค่อนข้างแตกต่างกัน จึงได้แบ่งหาดออกเป็น 2 ช่วง โดยหาดแสงจันทร์จะอยู่ทางฝั่งที่ติดกับชลบุรี (ใกล้โครงการเรามากกว่า) เป็นหาดสำหรับนักท่องเที่ยวผู้มาพักผ่อน มีที่พักและร้านอาหารให้บริการค่อนข้างเยอะ ริมหาดจะมีร้านนั่งเล่นเหมือนในภาพซึ่งจะเปิดช่วงเย็นๆไปจนถึงตี 2 ส่วนหาดแหลมเจริญ จะเป็นชุมชนชาวประมง แหล่งลงปลา โรงน้ำปลา โรงงานทำกะปิ จะมีร้านอาหารไม่เยอะนัก แต่ก็ยังสามารถไปชมวิวเล่นน้ำได้ ส่วนอีกฝั่งของถนนจะเป็นพวกรีสอร์ทและโรงแรมกระจายอยู่ปะปนไปกับพื้นที่พักอาศัยของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณทางไปยังสุดแหลม จะมีร้านที่มีชื่อเสียงของระยอง คือ ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ศูนย์ราชกาลระยอง ~ 1 km.
  • Tesco Lotus มาบตาพุด ~ 2.7 km.
  • บขส.ใหม่ระยอง ~ 4.4 km.
  • The Ozone Lifestyle Mall ~ 5.0 km.
  • หาดแสงจันทร์ ~ 5.5 km.
  • รพ.กรุงเทพระยอง ~ 6.4 km.
  • รร.อัสสัมชัญ ระยอง ~ 7.0 km.
  • Passione ~ 7.3 km.
  • นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ~ 9.0 km.
  • ตลาด Star Night Bazaar ~ 9.8 km.
  • Makro ~ 10.2 km.
  • เทศบาลนครระยอง ~ 11.0 km.
  • Central Plaza ระยอง ~ 11.9 km.
  • Big C Supercenter ~ 12.2 km.
  • สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ~ 36.1 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

เข้ามาดูภายในโครงการกันบ้าง อย่างที่ผมเกริ่นไปเมื่อสักครู่ ว่าโครงการของเราเป็นหนึ่งในโปรเจคใหญ่ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน ภายในจะประกอบไปด้วยพื้นที่หลายส่วนแบบที่บอกไปแล้วนะครับ ทำให้ลักษณะของโครงการจะโครงการย่อยภายใน ข้อดีคือมีการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น มีทางเข้าออกหลักที่ถนนใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง ใช้งานได้สะดวก ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นแถมยังได้ความเป็นส่วนตัวด้วย แต่ก็อาจจะต้องแลกกับเรื่องวิวและความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง เพราะเป็นอาคาร Low Rise ที่มีตึกสูงในระยะประชิดถึง 4 อาคาร แต่ทางโครงการก็ออกแบบให้เน้นวิวภายในโครงการ รวมถึงพื้นที่ที่จะได้รับวิวภายนอกโครงการส่วนใหญ่ก็ยังมีฝั่งที่โล่งอยู่นะครับ

โดยตัวโครงการของเราจะถูกแบ่งออกเป็น South Wing และ North Wing มีรูปแบบอาคาร พื้นที่ส่วนกลาง และรูปแบบห้องพักอาศัยเหมือนกันทั้งหมด แต่จะแยกรั้วกันอย่างชัดเจน ข้อดีคือมีจำนวนผู้อยู่อาศัยร่วมกันลดลง พื้นที่ส่วนกลาง ลิฟต์ ที่จอดรถ ก็จะใช้งานได้สะดวกมากขึ้น และจะทำให้สามารถจัดการและดูแลรักษาความปลอดภัยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับทางเข้าโครงการจะเริ่มที่ถนนหลักอย่างสุขุมวิท มีทางเข้ามาด้านหน้าเป็นถนนภาระจำยอม จะต้องผ่านอาคารที่เป็นส่วนของพวก Community Mall, Service Office, Service Apartment และ Hotel ทั้งสองอาคารด้านหน้าก่อน จึงละเลยเข้าไปเป็นพื้นที่พักอาศัยลักษณะคอนโดมิเนียม ข้อดีก็คือจะไม่ต้องมีรถที่มาใช้งานพวกอาคารสาธารณะ 2 อาคารด้านหน้านี้เข้าไปวุ่นวายภายในโครงการนัก จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่านั่นเอง

เมื่อตรงเข้ามาด้านในจากทางฝั่งถนนสุขุมวิทจะเห็นโครงการของเราอยู่ทางขวามือครับ ฝั่งซ้ายจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในอนาคตนะ

ส่วนแรกที่จะเจอคือ Kensington ระยอง South Wing ภายในจะมี 2 อาคาร บนพื้นที่ 3 ไร่กว่าๆ รวม 352 ยูนิต มีทางเข้าออกทางเดียวนะครับ ข้อดีของอาคารนี้คือใกล้กับอาคาร Community ด้านหน้า สามารถไปใช้งานได้สะดวก แต่อาจจะได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและความวุ่นวายมากกว่า North Wing ที่อยู่ด้านใน

ตรงเลยมาอีกหน่อยก็จะมีทางเข้าออกในส่วนของ North Wing จะมีพื้นที่ทั้งหมด 2-3-49.5 ไร่ เล็กกว่าส่วนของ South Wing เล็กน้อย ภายในมีทั้งหมด 345 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต เป็นทางเข้าออกแยกชัดเจน ส่วนด้านหลังนี้น่าจะมีความเงียบสงบมากกว่าหน่อย เพราะห่างจากแนวอาคาร Community ด้านหน้ามากกว่า แต่ถ้าเข้าจากถนนสุขุมวิทก็อาจจะต้องเข้ามาลึกซักหน่อย จะไกลจากอาคารที่เป็น Community ด้านหน้า จึงมีร้านค้าภายใน 1 ร้านมาให้บริการแทน

ด้านหน้าจะเป็นวงเวียนที่สามารถวนรถกลับ ให้เราเลือกไปออกทางสุขุมวิทหรือถนนทางหลวงหมายเลข 363 ก็ได้ครับ

ตัวโครงการออกแบบในสไตล์ Modern เน้นโทนสี ขาว-เทา ให้ดูเรียบง่ายลงตัว ช่วยให้อาคารสามารถอยู่ได้นาน ไม่ดูล้าสมัยเมื่อเวลาผ่านไป อีกทั้งยังดูเรียบง่ายและกลมกลืนกับพื้นที่สวนและแนวต้นไม้โดยรอบ ด้วยความที่เป็นอาคาร Low Rise ที่มองโดยรวมแล้วจะดูเป็นกลุ่มอาคารที่ค่อนข้างหนาและยาว จึงใช้แนวเส้นตั้งในการออกแบบช่วยให้อาคารดูสูงและสง่ามากขึ้น ทั้งยังมีช่องระหว่างอาคารให้เห็นกันอยู่ จึงทำให้ดูไม่แน่นและทึบจนเกินไป

เข้าไปดูภายในโครงการกันครับ ตัวโครงการของเราจะถูกแบ่งออกเป็น South Wing และ North Wing แยกรั้วกันอย่างชัดเจน  ลักษณะการออกแบบและวางผังพื้นที่ภายในจะเหมือนกันเกือบจะทั้งหมดครับ จะเป็นอาคารลักษณะรูปตัว L 2 อาคาร หันหน้าเข้าหากัน โดยจะมีพื้นที่ส่วนกลางของโครงการอยู่ตรงกลาง ทั้งสองพื้นที่จะมีความคล้ายกันเกือบจะทั้งหมด วางแนวอาคารลักษณะ Mirror กันแค่นั้นเอง แต่ด้วยขนาดของพื้นที่ในแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้มีความต่างอยู่บ้างเล็กน้อย เดี๋ยวผมจะพาเข้าไปชมกันอีกทีครับ

ด้วยลักษณะที่คล้ายกันมากๆ ผมขอนำเสนอในส่วนของ North Wing ฝั่งเดียวนะครับ ส่วนที่แตกต่างกันจะบอกรายละเอียดลงไปด้วยอีกที

ภายในพื้นที่ของ North Wing จะเล็กกว่า South Wing เล็กน้อย ทำให้มีความแต่ต่างในเรื่องของพื้นที่จอดรถ เพราะทั้งสองส่วนจะจอดรถที่ชั้น 1 รอบๆและใต้อาคารทั้งหมด รวมซ้อนคันแล้ว 30% ทั้งสองพื้นที่ แต่ส่วนของ South Wing จะมีพื้นที่มากกว่าจึงทำให้เริ่มมียูนิตพักอาศัยที่ชั้น 1 เลย แต่ส่วนของ North Wing จะมีเริ่มมีห้องพักอาศัยที่ชั้น 2 นะครับ ลักษณะของอาคารคือจะมีวิวหลักๆ 2 แบบคือ หันเข้าพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ และหันออก ซึ่งก็จะได้คนละบรรยากาศแล้วแต่คนชอบนะครับ พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ตรงกลางทั้งหมด เพื่อง่ายแก่การใช้งานของทั้ง 2 อาคาร รวมถึงช่วยเป็นวิวให้กับห้องพักอาศัยภายในโครงการด้วย

หน้าโครงการจะอยู่บนถนนภาระจำยอมภายใน ซึ่งมีรถผ่านไปมาได้ตลอด ตัวป้อม รปภ. จะมีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เข้าออกด้วยรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ Keycard Access ระบบ Easy Pass แบบทางด่วน ไม่ต้องเปิดกระจกลงมาแตะบัตรให้เมื่อย

เข้ามาภายในจะเป็นแบบเดินรถทางเดียววนซ้ายรอบตัวอาคาร มีส่วน Drop Off เข้า Lobby ที่ด้านหน้า ภายใน Lobby จะเป็นแนวผนังกระจกเห็นความเคลื่อนไหวภายนอก และยกระดับฝ้าขึ้นแบบ Double Volume ตกแต่งด้วยโทนสีขาว-เทา เช่นเดียวกับตัวอาคาร ดูสว่างและสบายตา

พื้นที่กลางโครงการจะมีสระว่ายน้ำขนาด 25 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร และพื้นที่รอบข้าง ด้วยความที่มีแนวอาคารล้อมรอบพื้นที่บริเวณนี้จึงถูกจัดให้เป็นสวนที่ดูดีเพราะต้องเป็นวิวให้กับห้องพักอาศัยด้านบนด้วย อีกทั้งยังได้แนวอาคารช่วยบังแดดให้ ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายช่วงเวลามากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องแลกมากับความเป็นส่วนตัวของสระเช่นกัน

ภายนอกจะมีพื้นที่ Terrace สำหรับนั่งเล่น นอนเล่นใต้ร่มไม้ รับวิวสระว่ายน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านข้างภายในอาคารแต่ละฝั่งก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางรับวิวสวนและสระว่ายน้ำอยู่ภายในอาคาร ส่วนแรกจะเป็นห้องออกกำลังกายที่ยกระดับฝ้าขึ้นสูงแบบ Double Volume ตกแต่งด้วยแนวผนังการจกใหญ่เพื่อรับแสงและวิวของพื้นที่ส่วนกลางภายนอกได้เยอะทีเดียว ใช้เส้นสายและเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้ดู Active มากขึ้น เหมาะกับเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย

ส่วนอีกฝั่งภายนอกจะเป็นสวนที่จัดไว้เป็น Amphitheatre สำหรับทำกิจกรรมเป็นกลุ่มได้ ส่วนภายในจะเป็นห้อง Co-Working Space สำหรับนั่งทำงาน รับวิวภายนอกได้สบายใจ

พื้นที่ส่วนกลางอีกส่วนคือด้านบน ที่จะออกแบบให้เป็นสวนหย่อมชั้นดาดฟ้า มีเคาน์เตอร์บาร์พร้อมชุดเก้าอี้นั่งรับวิวดาดฟ้า สำหรับมาจัดปาร์ตี้ BBQ หรือนั่งเล่นกินลมชมวิวกันได้ ส่วนนี้จะมีให้ทั้งสองอาคารเลยครับ

มาดูส่วนผังโครงการกันต่อนะครับ จะอธิบายถึงรูปแบบภายในโครงการ ตำแหน่งห้อง รวมถึงมุมมองต่างๆในแต่ละฝั่ง โดยพื้นที่โครงการของเราครึ่งหนึ่งหรือส่วนใหญ่จะอยู่ภายใน  Origin Smart City Rayong ซึ่งเป็นโครงการเดียวกัน อย่างที่บอกไปว่ามีการดูแลจัดการ และรักษาความปลอดภัยอย่างดี แต่ในแง่ของมุมมองจะโดนบล็อคค่อนข้างทั้งหมด เพราะมีอาคารสูงรายล้อม รวมถึงมีแนวอาคารภายโครงการ Kensington เอง บังวิวกันเองด้วยเช่นกัน ส่วนอีกฝั่งคือถนนสุขุมวิท 51 และพื้นที่พักอาศัยแนวราบของชุมชนข้างเคียงซึ่งจะเป็นฝั่งเดียวที่ได้วิวโล่งนั่นเอง

มาเริ่มที่ South Wing กันก่อนนะครับ จะมีทางเข้าออกใกล้กับถนนสุขุมวิทมากกว่า ภายในวนรถทางเดียวตามแนวรั้วและใต้ตัวอาคาร พร้อมพื้นที่จอดรถ รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 30% ตัวอาคารจะแยกออกเป็น 2 อาคาร คือ Tower A และ Tower B มีลิฟต์ให้อาคารละ 2 ตัว ข้อดีคือการกระจายจำนวนผู้พักอาศัย ทำให้ลดจำนวนยูนิตต่อชั้น และใช้ลิฟต์ได้สะดวกขึ้น

พื้นที่ส่วนกลาง – มี Drop Off ที่ทางเข้าออก เข้า Lobby ที่ Tower A ได้เลย ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆจะอยู่ด้านในทั้งหมด มีสระว่ายนำ้และสวนอยู่ตรงกลาง, ห้อง Fitness (Tower B) กับ ห้อง Co-Working Space (Tower A) จะอยู่ฝั่งรับวิวสระของแต่ละอาคาร เหมือนที่พาไปชมส่วนของโมเดลกันมานะครับ

ความพิเศษของ South Wing นี้คือขนาดพื้นที่ดินจะใหญ่กว่า North Wing เล็กน้อย ทำให้สามารถมีห้องพักอาศัยที่ชั้น 1 ได้ เพิ่มขึ้นมาอีก 7 ยูนิต ที่ Tower A เป็นห้องพักอาศัยที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบการเข้าถึงง่าย ใช้พื้นที่ส่วนกลางได้สะดวก ไม่อยากขึ้นลงลิฟต์ และไม่ซีเรียสกับผลกระทบเรื่องเสียงและความวุ่นวายของพื้นที่ส่วนกลางนัก

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2-7 จะเหมือนกันทั้งหมด โดย Tower A จะมี 24 ยูนิต/ชั้น ส่วน Tower B จะมี 23 ยูนิต/ชั้น โดยจะเป็นห้อง 1 Bedroom เกือบทั้งหมด มีห้อง 1 Bedroom Plus ที่ Tower A 3 ห้อง/ชั้น และ Tower B 2 ห้อง/ชั้น ที่มุมอาคาร ทั้งสองอาคารจะมีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง เพื่อใช้งานง่ายสำหรับทุกห้อง และมีโถงทางเดินแบบ Double Corridor Loaded พร้อมช่องแสงที่สุดแนวทางเดินเหมือนกัน แต่ของ Tower A จะีแนวทางเดินฝั่งหน้าทางเข้าออกโครงการ เปิดชั้น 2 ของ Lobby ทำให้ไม่มีช่องแสงให้ในส่วนนี้นะ

มุมมอง – สำหรับวิวโดยรอบหลักๆจะแบ่งเป็นภายในโครงการกับภายนอกโครงการ ซึ่งวิวภายในของทั้งสองอาคารหันหน้าชนกัน ได้วิวสวนภายใน แต่จะได้ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่ามุมมองนอกโครงการ ส่วนมุมมองภายนอก

ขอเริ่มที่ Tower A จะได้วิวโล่งทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่เป็นถนนสุขุมวิท 51 และชุมชนพักอาศัย ส่วนฝั่งทิศใต้จะชนกับอาคาร Community Mall ซึ่งจะโดนบล็อควิวพอสมควร

ส่วน Tower B มุมมองภายนอกโครงการจะโดนบล็อคเกือบจะทั้งหมด ทางทิศตะวันออกจะติดกับ Kensington North Wing  ทางฝั่งนี้จะมีระยะค่อนข้างชิด ส่วนทางทิศเหนือจะเป็นทางเข้าออกโครงการ มีถนนภาระจำยอมซึ่งอาจจะส่งผลกระทบเรื่องเสียงบ้าง และถัดไปเป็นโครงการคอนโดในอนาคตซึ่งเป็นอาคาร High Riseทำให้ก็ไม่ได้วิวโล่งนัก แต่จะมีระยะห่างมากกว่าฝั่งทิศตะวันออกเพราะมีถนนภาระจำยอมและทางเข้าโครงการที่ต้อง Set Back ถอยแนวอาคารเข้าไปทำให้จะเห็นวิวมุมกว้างกว่า

ขึ้นมาที่ชั้น 8 ส่วนของ Tower A จะเพิ่มมาเป็น 25 ยูนิต/ชั้น ส่วน Tower B จะมี 23 ยูนิต/ชั้น เท่าเดิม แต่จะเพิ่มมาเป็นมีห้อง 1 Bedroom Plus 3 ยูนิต/ชั้น เท่ากับ Tower A แล้ว นอกจากนั้นยังมีส่วนของบันไดขึ้นชั้นดาดฟ้าให้ด้วยครับ

พื้นที่ดาดฟ้าของทั้งสอง Tower จะแยกออกจากกัน เท่ากับว่าจะมีส่วนที่เชื่อมกันแค่ที่ชั้น 1 เท่านั้น ทำให้พื้นที่ด้านบนนี้ใช้งานแยกกันในแต่ละอาคาร จำนวนผู้ใช้ก็น้อยลงไปอีก จัดเป็นอีกพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวและน่าใช้งานเหมือนกันนะ

ต่อกันที่ North Wing กันบ้าง จะมีทางเข้าออกใกล้กับถนนทางหลวงหมายเลข 363 หรือด้านในของพื้นที่โครงการนั่นเอง ภายในวนรถทางเดียวตามแนวรั้วและใต้ตัวอาคาร พร้อมพื้นที่จอดรถเช่นกัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 30% ลักษณะโดยรวมจะเหมือนกับ South Wing เกือบทั้งหมด ตัวอาคารจะแยกออกเป็น 2 อาคาร คือ Tower C และ Tower D มีลิฟต์ให้อาคารละ 2 ตัว เช่นกัน สำหรับ North Wing ที่มีขนาดเล็กกว่าหน่อย จึงทำให้มีพื้นที่พักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 2 นะครับ

พื้นที่ส่วนกลาง – มี Drop Off ที่ทางเข้าออก เข้า Lobby ที่ Tower C ได้เลย ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆจะอยู่ด้านในเหมือนกันทั้งหมด มีสระว่ายนำ้และสวนอยู่ตรงกลาง, ห้อง Fitness (Tower D) กับ ห้อง Co-Working Space (Tower C) จะอยู่ฝั่งรับวิวสระของแต่ละอาคาร

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2-7 จะเหมือนกันทั้งหมด โดย Tower C จะมี 24 ยูนิต/ชั้น ส่วน Tower D จะมี 23 ยูนิต/ชั้น เหมือนกับ South Wing ทั้งหมด

มุมมอง – Tower C จะได้วิวโล่งทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่เป็นถนนสุขุมวิท 51 และชุมชนพักอาศัย ส่วนฝั่งทิศตะวันออกจะติดกับพื้นที่โครงการในอนาคต​ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะสร้างเป็นอะไรนะครับ

ส่วน Tower D มุมมองภายนอกโครงการจะโดนบล็อคเกือบจะทั้งหมด ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับ Kensington South Wing ในระยะค่อนข้างชิด ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเป็นทางเข้าออกโครงการ มีถนนาระจำยอมซึ่งอาจจะส่งผลกระทบเรื่องเสียงบ้าง และถัดไปเป็นโครงการ Notting Hill  คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น ทำให้ก็ไม่ได้วิวโล่ง แต่จะมีระยะถนนและ Set Back แนวอาคาร ช่วยให้ได้วิวมุมกว้างเช่นกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 8 ส่วนของ Tower C จะเพิ่มมาเป็น 25 ยูนิต/ชั้น ส่วน Tower D จะมี 23 ยูนิต/ชั้น เท่าเดิม แต่จะเพิ่มมาเป็นมีห้อง 1 Bedroom Plus 3 ยูนิต/ชั้น

พื้นที่ดาดฟ้าจะแยกกันเหมือนกับของ South Wing เลยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนหย่อมที่ชั้น 1 และชั้นดาดฟ้าในแต่ละอาคาร
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 25 x 5 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • มีการแบ่งสระเด็ก
  • ห้องออกกำลังกายขนาด
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 87 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ South Wing 88 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ North Wing 86 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ Tower A 88 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ Tower B 88 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ Tower C 84.5 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ Tower D 88 : 1
  • ทั้ง South Wing และ North Wing แยกที่จอดรถเท่ากัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan


Product Walkthrough

สำหรับห้องพักอาศัยของที่นี่จะมีรูปแบบห้องให้เลือกค่อนข้างหลากหลายขนาด แต่จะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ทั้งหมด โดยจะเริ่มต้นที่ขนาด 23.30 ตร.ม. และใหญ่ที่สุดที่ 1 Bedroom Plus ขนาด 36.90 ตร.ม. ทุกห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted ได้ ชุดครัว, ตู้รองเท้า, ชั้นวางทีวี, ฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำ พร้อมเครื่องปรับอากาศ Daikin ขนาด 9000 BTU. จำนวนแล้วแต่ขนาดห้องนะครับ

มาเริ่มกันที่ห้องแรกของเรากันเลย เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 24.50 ตร.ม. เป็นน้องเล็กแต่ไม่เล็กที่สุด (มี23.30 ตร.ม.) หน้าตาผังห้องเป็นที่คุ้นตากันอยู่แล้ว มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จะได้เป็นครัวเปิดทำให้ห้องดูโล่ง แต่จะควบคุมกลิ่นและควันเวลาประกอบอาหารยากนิดนึง มีห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอน ก็ได้ความเป็นส่วนตัวดี แต่ถ้าในกรณีที่มีแขกมาห้องอาจจะต้องเสียความเป็นส่วนตัวของห้องนอนไปบ้าง

ภายในห้องแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 5 พื้นที่ ครัว ห้องนั่งเล่น ระเบียงซักล้าง ห้องนอน และห้องน้ำ เริ่มที่เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวและตู้รองเท้าที่เราจะได้มาด้วยประกบประตูทางเข้าออกทั่งฝั่งซ้ายและขวา เข้ามาภายในจะมีพื้นที่ของห้องนั่งเล่นที่จะรวมพื้นที่นั่งรับประทานอาหารไว้ในส่วนนี้ด้วย ทั้งยังมีประตูบานเลื่อนเชื่อมไปยังระเบียงซักล้าง ซึ่งจะช่วยเป็นช่องแสงหลักของห้องนี้ ด้านข้างมีประตูเชื่อมไปยังห้องนอนภายใน ซึ่งจะจัดฐานรองเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ มีแนวกระจกให้แสงสว่าง ส่วนอีกฝั่งคือห้องน้ำที่ถูกจัดไว้เป็นสัดส่วนมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย เข้าไปดูของจริงกันเลยครับ

ตัวห้องจะมีรูปแบบการขายแบบ Fully Fitted ที่จะได้เฉพาะ ชุดครัว, ตู้รองเท้า, ชั้นวางทีวี, ฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำนะ พร้อมเครื่องปรับอากาศ Daikin ขนาด 9000 BTU. 2 ตัว ส่วนของประตูห้องจะได้เป็นบานประตู HDF พร้อม Digital Door Lock ภายในห้องมีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร พื้นเป็นไวนิล ซึ่งจะมีข้อดีที่ทนทานต่อน้ำได้ดี ผนังและฝ้าจะเป็นฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight ทั้งห้อง ส่วนหน้าต่างจะเป็นกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Anodized กระจกสีเทาตัดแสง สวิตช์ไฟทั้งหมดจะเป็นแบบ Touch Screen ทั้งห้อง

เปิดเข้ามาฝั่งซ้ายมือจะพบกับส่วนของเคาน์เตอร์ครัวแนวยาวชิดผนัง พร้อมแนวทางเดินเข้าไปด้านในครับ มีระยะจากเคาน์เตอร์ถึงตู้รองเท้าประมาณ 1.7 เมตร

เป็นหน้าบานลามิเนตลายไม้ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ใช้เก็บของได้ค่อนข้างหลากหลาย รวมถึงมีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าไว้ให้ด้วยตรงกลาง

ส่วนกลางจะปิดผิวด้วยลามิเนตเช่นกัน ซึ่งต้องระวังเรื่องความชื้นและความร้อนกันด้วยนะครับ ได้อ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายในจาก MEX ครับ ส่วนผนังด้านหลังของจริงจะเป็นฉาบเรียบทาสีปกตินะครับ แนะนำให้ใช้วัสดุผิวมันมาปิดเพื่อง่ายแก่การทำความสะอาดคราบสกปรกต่างๆ

อีกฝั่งจะมีตู้วางรองเท้าปิดผิวลามิเนตลายไม้ขนาดประมาณ 0.6 x 0.35 เมตร ภายในจะเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลายเลย เพราะมีบานเปิดด้านบนสำหรับเก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยๆ ชั้นวางของตรงกลางสำหรับวางของที่ใช้เข้าออกเป็นประจำ เช่น กุญแจรถ กระเป๋าตัง แว่นตา และบานเปิดสำหรับเก็บรองเท้าด้านล่างครับ เรียกว่าให้มาครบทีเดียว

ด้านข้างจะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วย ซึ่งจะต้องแบ่งพื้นที่กับโซฟา ถ้าใครอยากวางชุดโซฟาขนาดใหญ่หน่อย ก็จะทำให้วางโต๊ะรับประทานอาหารได้เล็กลงนะครับ ซึ่งถ้าวางชุดโซฟาขนาดเล็กสำหรับ 2-3 ที่นั่งแบบห้องตัวอย่าง ก็จะวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้แบบนี้เลยครับ

ด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งจะมีแนวกระจกเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ระเบียงด้วย เป็นช่องแสงหลักของห้องนี้

ส่วนฝั่งตรงข้ามโซฟาจะได้ชั้นวางทีวีและชั้นวางของด้านบนมาด้วย หน้าตาแบบนี้เลย ขนาดประมาณ 1.2 x 0.35 เมตร ที่ชอบคือจะมีลักษณะของเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาเป็นรูปแบบเป็นลายไม้เหมือนกันทั้งหมด ดูกลมกลืนและตกแต่งภาพรวมได้ง่ายครับ

บริเวณนี้จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.8 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 42 – 46 นิ้ว ที่ริมสุดด้านในจะมีประตูกระจกบานเลื่อนที่เชื่อมต่อไปยังระเบียงซักล้างด้วย

ด้านในห้องส่วนนี้จะได้ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบทาสีและไฟ Downlight 3 ดวงครับ

ประตูเชื่อมต่อไปยังระเบียงเขาเลือกใช้เป็นกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดสุดได้กว้างกว่าแบบ 2 ตอน จะมีระยะอยู่ประมาณ 0.9 เมตร ทำให้สามารถรับลมระบายอากาศได้ดีกว่า แต่ก็จะดูมีกรอบบานเยอะหน่อย แล้วแต่ความชอบในการใช้งานครับ

พื้นที่ภายนอกจะมีขนาดประมาณ 2.4 x 0.65 เมตร เป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทา และแนวระแนงเหล็กสีดำครับ

มีพื้นที่วาง Condensing Unit ด้านในพร้อมแนวระแนงปิดให้เรียบร้อย จะเหลือพื้นที่ใช้งานประมาณ 1.6 x 0.65 เมตร สำหรับออกมาเดินสูดอากาศได้ ส่วนอีกฝั่งจะมีไฟกิ่งให้แสงสว่างอยู่ด้วย 1 ดวงครับ

มาดูอีกฝั่งของตัวห้องกันบ้าง เป็นพื้นที่ด้านในที่เป็นส่วนพักผ่อนกันบ้างแล้ว เข้าไปดูกันเลยครับ

ส่วนของห้องนอนจะได้ตู้เสื้อผ้าและฐานรองเตียงมาด้วย ภายในจะมีขนาดสำหรับพอใช้งานได้ 1-2 คนครับ ที่สำคัญคือมีช่องแสงให้ด้วยนะครับ

พื้นที่ภายในสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ พร้อมพื้นที่ด้านข้างที่ยังเหลือให้เดินเล็กน้อยครับ แต่จะวางโต๊ะหัวเตียงยากสักหน่อยนะครับ

พื้นที่ปลายเตียงสามารถแขวนทีวีได้ด้วยครับ ด้านข้างจะมีหน้าต่างที่เป็นช่องแสงทั้งบาน Fixed และ บานกระทุ้งครับ

พื้นที่ปลายเตียงเหลือประมาณ 40 เซนติเมตร ให้เดินผ่านได้ แต่ถ้าแขวนทีวีก็อาจจะทำให้เดินยากสักหน่อยนะครับ

ด้านข้างก็มีพื้นที่เหลือประมาณ 40 เซนติเมตรเช่นกันครับ สำหรับขึ้นลงเตียงทางนี้ได้

หน้าต่าง 2 บานด้านล่าง จะเป็นบาน Fixed ขนาดประมาณ 1.1 x 1.1 เมตร ส่วนด้านบนจะเป็นบาน Fixed 1 บาน และบานกระทุ้งขนาด 1.1 x 0.65 เมตร

มองย้อนกลับเข้าไปด้านในของห้องจะมีส่วนของพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำอยู่ด้านในครับ

ภายในห้องนี้จะได้ตู้เสื้อผ้าหน้าตาแบบนี้ให้มาด้วยเลยครับ เป็นตู้เสื้อผ้าสูงถึงฝ้า กว้าง 1.2 เมตร ได้หน้าบานกระจกด้วยหนึ่งฝั่งแบบในห้องตัวอย่างเลยครับ ภายในสามารถเก็บของได้หลากหลาย ทั้งชั้นวางของด้านบนและด้านล่างขนาดใหญ่สำหรับเก็บพวกกระเป๋าเดินทาง ด้านล่าง มีช่องสำหรับใส่ของแยกประเภท ส่วนตรงกลางก็เป็นราวแขวนเสื้อแบบตู้เสื้อผ้าทั่วไปครับ

ภายในห้องนอนจะได้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง ได้แอร์ Daikin 9000 BTU. มาให้ด้วยนะครับ

ด้านในจะมีห้องน้ำหนึ่งเดียวของห้องนี้ครับ ข้อดีคือสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในห้องนอน ก็จะใช้งานได้สะดวกไม่ต้องเดินไกล แต่สำหรับในกรณีที่มีแขกมาเยี่ยมห้องแล้วต้องใช้ห้องน้ำ อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวภายในห้องนอนไปหน่อยนะครับ

ภายในห้องน้ำจะปูกระเบื้องเซรามิคลายเดียวกันทั้งพื้นและผนัง ทำให้ดูกลมกลืนกันทั้งหมด แถมยังเป็นสีโทนเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์ที่ Built-in มาให้ต่างๆภายในห้องอีกด้วย สุขภัณฑ์ทุกอย่างภายในห้องน้ำจะได้ของ Cotto หรือเทียบเท่านะครับ

พื้นที่ภายในขนาดกำลังพอดี แบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกไว้อย่างชัดเจน พื้นภายในห้องน้ำลดระดับลงจากพื้นภายในห้องเล็กน้อย

ส่วนแรกเลยจะได้กระจกเงาบานใหญ่ขนาดประมาณ 1.3 x 0.8 เมตร แบบในห้องตัวอย่างมาให้ด้วย

อ่างล้างหน้าเซรามิคของ Cotto มีพื้นที่วางของที่ด้านบนให้ด้วยเล็กน้อย

มีปลั้กไฟพร้อมแผงกันน้ำที่มีช่องสำหรับเสียบ USB ให้ภายในมาด้วย

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะได้เป็นโถเซรามิคแบบ 2 ชิ้นจาก Cotto พร้อมสายชำระสเตนเลสติดตั้งให้ในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน แต่ไม่มีที่ใส่กระดาษชำระมาให้นะครับ แต่ก็ติดเองได้ไม่ยาก

ส่วนอาบน้ำจะได้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วยหน้าตาแบบในห้องตัวอย่างเลยพร้อมราวจับสเตนเลส ช่วยแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียก

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.1 x 0.85 เมตร ยืนอาบน้ำได้สบายๆ

ด้านข้างจะมีพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำติดตั้งมาไว้ให้ด้วยนะครับ

สำหรับส่วนอาบน้ำของที่นี่จะเป็น Hand Shower จาก Cotto  นอกจากนั้นส่วนอาบน้ำของที่นี่ก็ยังจะเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้อีกต่างหาก ถือว่าคิดไว้อย่างเหมาะสมสำหรับการใช้งานจริง

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวงครับ

มาดูกันต่ออีกห้องนะครับ เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35.70 ตร.ม. ที่มีขนาดใหญ่เกือบจะที่สุดของโครงการ เป็นห้องที่มีตำแหน่งมุม ข้อดีของห้องนี้คือเป็นห้องหน้ากว้างทำให้สามารถรับช่องแสงได้เยอะ สามารถเข้ามาได้ทั่วถึงพื้นที่ภายในของห้อง การจัดวางสัดส่วนพื้นที่ภายในก็ทำได้ดีนะครับ แยกส่วน Common Area และ Living Area อย่างชัดเจน ที่ชอบคือได้ครัวเป็นครัวปิด และห้องน้ำที่มีทางเข้าออกสองทาง ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งจากห้องนอนหลักและพื้นที่ภายนอก แถมยังมีห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดได้หลากหลายตามความชอบมาให้ด้วยเช่นกัน

ภายในห้องแบ่งออกเป็น 6 ส่วน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนพื้นที่ของห้องนั่งเล่น ที่จะรวมพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วย เป็นพื้นที่ตรงกลางที่แจกไปยังส่วนต่างๆของห้อง ไปดูฝั่งพื้นที่ Common Area กันก่อนนะครับ จะมีครัวที่ให้มาพร้อมประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถแบ่งเป็นครัวปิดได้ ทำให้ควบคุมกลิ่นและควันในการประกอบอาหารให้ไม่ไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้อง ส่วนฝั่งติดผนังอาคารจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีช่องแสงภายใน สามารถจัดได้เป็นทั้งห้องนอน ห้องทำงานก็ได้ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีช่องแสงภายในและห้องน้ำหนึ่งเดียวของห้องที่สามารถใช้งานได้ทั้งจากห้องนอนและห้องนั่งเล่นเลยครับ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่รวมพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วย ห้องนี้จะมีรายละเอียดต่างๆเหมือนกับห้องที่แล้วทั้งหมดนะครับ ตั้งแต่ Digital Door Lock เข้ามาภายในทั้งระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร พื้นไวนิล ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟส่องสว่างเป็น Downlight ทั้งห้อง สวิตช์ต่างๆเป็น Touch Screen และหน้าต่างกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Anodized กระจกสีเทาตัดแสง

ภายในห้องส่วนแรกเนี่ย จะเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนของพื้นที่รับประทานอาหาร ด้านข้างจะมีตู้เก็บรองเท้าให้มาด้วยลักษณะเดียวกันกับห้องที่ผ่านมานะครับ ส่วนของห้องนี้จะมีเครื่องปรับอากาศให้มาด้วย 1 ตัว เป็น Daikin 9,000 BTU. ครับ

ตู้รองเท้าจะมีตำแหน่งอยู่หน้าห้องน้ำ และหน้าประตูเข้าออกห้อง ซึ่งจะสะดวกแก่การใช้งาน

ภายในจะมีพื้นที่ดูทีวีริมระเบียง คล้ายๆกับของห้องก่อนหน้านี้นะครับ จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.2 เมตร กว้างกว่าห้องก่อนหน้านี้เล็กน้อย เหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 45-50 นิ้ว ครับ แนะนำให้ใช้โต๊ะกลางขนาดประมาณห้องตัวอย่างเพื่อให้สามารถเดินได้สะดวกและดูไม่แน่นจนเกินไป

ส่วนห้องนั่งเล่นนี้จะได้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 3 ดวง

ริมระเบียงจะได้ประตูกระจกแบบ 3 บาน เหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้ครับ มีระยะเปิดสุดประมาณ 90 เซนติเมตร

ขนาดพื้นที่ระเบียงประมาณ 2.4 x 0.7 เมตร พร้อม Condensing Uni ด้านในเดิม จะเหลือพื้นที่ใช้งานประมาณ 1.6 x 0.7 เมตร สำหรับออกมาเดินสูดอากาศ

มาดูฝั่งพื้นที่ Common Area กันก่อน ซึ่งตรงนี้จะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร ส่วนด้านในจะเป็นส่วนของครัวครับ

พื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารจะมีให้ประมาณ 2 เมตร ซึ่งก็กว้างพอที่จะจัดเป็นโต๊ะสำหรับ 4-5 ที่เลยทีเดียว จริงๆพื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างหลากหลายเลยนะ จะทำเป็นเคาน์เตอร์บาร์ฝรั่ง หรือพื้นที่อื่นๆแล้วแต่ความชอบครับ

สำหรับครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด ซึ่งที่ชอบคือจัดเป็นกระจกแบบ 3 ตอนเหมือนเดิมทำให้มีระยะเปิดที่กว้างกว่าแบบ 2 ตอน สำหรับการถืออาหารหรือจานชามเข้าออกก็ทำได้สะดวก

ภายในห้องครัวจะมีขนาดประมาณ 2.25 x 1.25 เมตร เคาน์เตอร์เป็นแนวยาวขนาด 1.85 x 0.6 เมตร จึงสามารถใช้งานได้ง่าย และไม่ใช้พื้นที่ห้องเยอะ ส่วนรายละเอียดของชุดครัวจะเหมือนกับห้องที่แล้วทั้งหมดเลยนะครับ

ด้านข้างจะมีประตูเข้าสู่ห้องอเนกประสงค์ครับ ส่วนนี้อาจจะทำให้ช่องแสงส่องเข้ามาไม่ถึงส่วนของห้องครัวเท่าไรนัก แต่ก็ยังดีที่ได้เป็นประตูกระจกทำให้พอมีแสงจะทะลุเข้ามาได้บ้าง

เป็นแบบรางแขวนด้านบนนะครับ ทำให้ไม่ต้องกังวลเดินสะดุด

ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2 x 2.4 เมตร เป็นขนาดที่กว้างพอจะวางเตียง 3.5 ฟุต เพื่อทำเป็นห้องนอนที่สองของห้องนี้ได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่นดูหนังฟังเพลงอีกห้องก็ได้นะครับ

ด้านในของห้องมีหน้าต่างที่เป็นช่องแสงแถมยังเป็นบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศได้ด้วยนะ

ตู้เสื้อผ้าในส่วนนี้ไม่ได้มีให้มานะครับ แต่จะนำมาตกแต่งเองได้ มีขนาดพื้นที่ที่เพียงพอต่อการใช้งาน

สำหรับถ้าจะทำเป็นห้องนอนก็เหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับเดินเข้าออกและใช้งานตู้เสื้อผ้าได้สะดวกนะครับ

ภายในนี้จะได้ไฟ Downlight 1 ดวง และส่วนที่ผมชอบคือห้องอเนกประสงค์นี้เขาให้เครื่องปรับอากาศ Daikin 9,000 BTU. มาด้วย 1 ตัว ซึ่งถ้าห้องอเนกประสงค์ที่ไม่ได้ให้เครื่องปรับอากาศมาด้วยนั้น ในเชิงปฎิบัติแล้วจะสามารถใช้งานจริงได้ค่อนข้างลำบาก ทำเป็นห้องนอนและห้องทำงานก็อาจจะร้อนเกินไป หรือถ้าจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเองในภายหลังก็ต้องเดินท่อแบบลอยตามแนวผนัง ดูไม่เรียบร้อยครับ

อีกฝั่งของห้องจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำของห้องนี้ครับ ไปดูส่วนห้องนอนกันก่อนเลย

ภายในห้องนอนมีขนาดพอเหมาะสำหรับอยู่อาศัยประมาณ 1-2 คน

จุดที่น่าสนใจภายในนี้คือส่วนของตำแหน่งห้องนอนที่อยู่มุมอาคาร ทำให้ได้แนวกระจกเข้ามุมมาเล็กน้อย พร้อมกระจกบานกระทุ้งที่ยังทำให้สามารถเปิดระบายอากาศรับลมได้อยู่นะ

ส่วนพื้นที่พักผ่อนสามารถวางเตียง 5 ฟุต ได้และสามารถเดินได้รอบพอดี วางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ฝั่งทางเข้าห้อง

ปลายเตียงจะได้ชั้นวางทีวีขนาด 0.85 x 0.3 เมตร เป็นขนาดที่เล็กกว่าห้องนั่งเล่น และใช้โทนสีเข้มเพื่อให้ไม่สว่างและรบกวนการนอน

ด้านในจะมีตู้เสื้อผ้าให้มาหน้าห้องน้ำเช่นเดิม สำหรับใช้งานได้ง่ายครับ

ตู้เสื้อผ้าแบบเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ มีพื้นที่หน้าตู้สำหรับการใช้งานได้ครับ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง มีแอร์ Dainkin 9,000 BTU. ให้ด้วยครับ

ภายในห้องน้ำจะมีลักษณะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดครับ พื้นและผนังปิดผิวด้วยกระเบื้องเซรามิคสีโทนอ่อน พร้อมสุขภัณฑ์ของ Cotto หรือเทียบเท่าครับ

พื้นที่ภายในขนาดใช้งานสบายครับ ห้องนี้จะมีทางเข้าออก 2 ทาง ซึ่งทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกและรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องนอนได้มากขึ้น ในกรณีที่ใช้งานอยู่ก็อย่าลืมล็อคประตูอีกฝั่งด้วยล่ะครับ

อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์เซรามิคจาก Cotto ครับ

ส่วนอาบน้ำก็ให้ฉากกั้นอาบน้ำให้มาเช่นเคย มีฉากกั้นอาบน้ำแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกภายในให้ชัดเจน ทำให้ใช้งานและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้ขนาดประมาณ 1.1 x 0.85 เมตร ใช้งานได้สบายๆ

ส่วนอาบน้ำของห้องนี้จะได้เป็น Hand Shower จาก Cotto หรือเทียบเท่า ซึ่งจะมีที่วางอุปกรณ์อาบน้ำให้ด้านข้าง แต่จะไม่ได้เจาะผนังมาให้เหมือนห้องก่อนหน้านี้นะครับ อาจจะต้องทำชั้นวางหรือแขวนเพิ่มเอง ซึ่งก็มีพื้นที่ให้นะครับ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 23.20 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.50 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.40 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.50 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.90 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 36.90 ตร.ม.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 August 2019

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปลามิเนต
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อง MEX
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

โดยวันที่ 28 ก.ย.นี้ จะเปิดจองครั้งแรกนะครับ  เข้าไปรับชม Sales Gallery กันได้ที่แยกเนินสำลี ระยอง พร้อมสามารถ รับ Gift Voucher เพื่อใช้เป็นส่วนลดสูงสุด 200,000.-* ในการเข้าจองครั้งแรก จอง 5,000.- ผ่อนเพียง 4,900.- เริ่ม 1.29 ล้านบาท*
คลิก https://bit.ly/2kGxwje
#ระยองต้องมา #จัดจ้านไปถึงย่านอีอีซี #OriginSmartCity #Rayong

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : ตัวโครงการอยู่บนถนนสุขุมวิทและถนนทางหลวงหมายเลข 363 ติดหัวมุมแยกเนินสำลีซึ่งเป็นแยกสำคัญที่เชื่อมระหว่างตัวเมืองระยองกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เดินทางเข้าเมืองก็ง่าย ไปยังนิคมฯ หรือสนามบินก็สะดวก โดยความอุดมสมบูรณ์ของโครงการจะเริ่มต้นตั้งแต่ภายในตัวโครงการเอง เพราะเป็น Origin Smart City Rayong ที่กำลังจะกลายเป็น Landmark แห่งใหม่ของเมืองระยองก็ว่าได้ เพราะภายในประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัย คอมมูนิตี้มอลล์, ร้านค้า, ร้านอาหารชั้นนำ, 24 Hours Co-working Space, เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์, เซอร์วิสออฟฟิศ รวมถึง โรงแรม Holiday Inn Express ในเครือ Intercontinental Hotel Group นอกจากนั้นยังอิงความเจริญในฝั่งเมืองระยองและชุมชนมาบตาพุดได้ไม่ยากล้วนแต่มีเส้นทางในการเดินทางที่สะดวกและให้เลือกได้หลากหลายเลยครับ

การเดินทางโดยใช้รถ :  เนื่องจากตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับแยกเนินสำลี ภายในตัวโครงการสามารถใช้ทางเข้าออกได้บนถนนสายสำคัญได้ทั้ง 2 สาย ทั้งสุขุมวิทและทางหลวงหมายเลข 363 ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างทางลอดใต้แยกเนินสำลีเพื่อสามารถเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้ง่ายขึ้น (คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2563) ทำให้เราสามารถมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ภายในโครงการเองอาจจะมีพื้นที่จอดรถน้อยไปหน่อยที่ 30% รวมจอดซ้อนคัน แต่เราสามารถใช้พื้นที่จอดรถของอาคาร Community Mall ด้านหน้าทั้ง 2 อาคารได้ด้วย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โดยทั่วไปแล้วการเดินทางด้วยระบบสาธารณะของจังหวัดระยองนั้นยังไม่ได้มีความหลากหลายมากนัก แต่เราก็โชคดีที่ส่วนใหญ่นั้นจะวิงตามแนวเส้นถนนสุขุมวิท ซึ่งอยู่แค่ด้านหน้าของโครงการเราเท่านั้นเอง หรือหากเข้าไปภายในตัวเมืองระยองเองก็มีแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการด้วยนะครับ

วัสดุ : ที่จัดให้มาก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานนะครับ ขายแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัว ตู้รองเท้า ชั้นวางทีวี ฐานรองเตียง แอร์ Daikin 9,000 BTU. จำนวนแล้วแต่ขนาดห้อง ตู้เสื้อผ้า ส่วนอื่นๆจะได้ตั้งแต่ ประตู HDF พร้อม Digital Door Lock พื้นไวนิล ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟส่องสว่างเป็น Downlight ทั้งห้อง สวิตช์ต่างๆเป็น Touch Screen และหน้าต่างกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Anodized กระจกสีเทาตัดแสง ภายในห้องน้ำจะเป็นสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ Cotto ทั้งหมด ได้กระจกเงาบานใหญ่และฉากกั้นอาบน้ำด้วย

การออกแบบ :  เนื่องด้วยเป็นโครงการ Low Rise ที่มีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดประมาณ 700 ยูนิต เขาจึงแยกส่วนออกเป็น South Wing และ North Wing ซึ่งภายในแต่ละ Wing ก็แยกออกเป็นอีก 2 อาคาร เท่ากับว่าจะตกอาคารละไม่ถึง 200 ยูนิต ก็เป็นการกระจายการจัดการดูแล และจำนวนห้องพักอาศัยได้ดี ทำให้ได้ในเรื่องของการจัดการดูแลง่าย และความเป็นส่วนตัว เช่นอัตราส่วนของลิฟต์ต่ออาคารก็ไม่ถึง 100 ยูนิต ต่อลิฟต์หนึ่งตัว และเนื่องจากตัวอาคารต้องแยกเป็นหลายอาคาร ทำให้อาจจะเกิดการบังวิวกันเอง หรือต้องหันหน้าชนกันบ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เขาเลือกวางพื้นที่ส่วนกลางไว้ตรงกลางสำหรับเป็นวิวให้กับห้องพักอาศัยที่ล้อมรอบอยู่ด้วย

ส่วนการออกแบบห้องเรียกว่าเน้นที่ขนาด 1 Bedroom ทั้งหมด แต่ก็มีรูปแบบและขนาดให้เลือกหลากหลาย ตามความชอบ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี การให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ภายในก็จัดมาเป็นชุดเดียวกัน มีการตกแต่งด้วยวัสดุและสีชนิิดเดียวกัน ทำให้ดูกลมกลืนและสามารถตกแต่งห้องได้ง่าย ภายในห้องก็จัดแบ่งพื้นที่ภายในได้ดี ทั้งครัวเปิดและครัวปิด ห้องน้ำที่สามารถเข้าได้หลายทาง รวมถึงช่องแสงที่สามารถทำให้ภายในห้องสว่างได้ทุกส่วน

สาธารณูปโภค : ก็มีจัดมาให้ครบตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise นะครับ ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้อง Co-Working Space ที่จะอยู่บริเวณชั้น 1 ใช้งานง่ายจากทั้ง 2 Tower อีกทั้งยังได้แนวอาคารช่วยบังแดดในช่วงเวลาเช้า-เย็น ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายช่วงเวลามากขึ้น นอกจากนั้นยังใช้งานพื้นที่ดาดฟ้าอย่างคุ้มค่าด้วยการจัดเป็นพื้นที่สวนด้านบน เพื่อให้สามารถขึ้นไปรับลมระบายอากาศได้ด้วย แถมยังแยกเป็นแต่ละตัวอาคาร ทำให้จะยิ่งได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีก


Judgement

เนื่องจากเป็นทำเลต่างจังหวัดที่ Think of Living ไม่คุ้นเคย จึงไม่สามารถให้คะแนนเปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ครับ

BOTTOM LINE

โครงการ Kensington ระยอง เหมาะกับคนเดินทางไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นประจำ หรือจะเข้าเมืองระยองก็สะดวก ภายในตัวโครงการมีความเจริญที่มากับ Origin Smart City Rayong และความอุดมสมบูรณ์ภายนอกก็ยังไปใช้งานได้ไม่ยาก เน้นใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เน้นห้องแบบ 1 Bedroom จะอยู่ประจำหรือเป็นบ้านหลังที่สอง, บ้านพักต่างจังหวัดก็ได้ครับ ในราคาเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท หรือผ่อนประมาณเดือนละ 10,000 บาทขึ้นไป


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving