..อัพเดตล่าสุด!! ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วกว่า 10 สายแล้วนะครับ ซึ่งเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการคมนาคมด้วยรถไฟฟ้า กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตของใครหลายๆคนไปซะแล้ว เพราะจะช่วยให้เราสามารถฟันฝ่าการจราจรที่ติดขัด และมีชีวิตรอดเพื่อไปทำงานได้ทันในตอนเช้า นั่นจึงทำให้บ้าน/คอนโดใกล้รถไฟฟ้า กลายเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน
แน่นอนว่าทุกวันนี้เราสามารถหาข้อมูลทุกอย่างบนโลกนี้ได้บนอินเตอร์เน็ต แต่ข้อมูลก็มีเยอะมากจนหากันแทบไม่หวาดไม่ไหว หรือไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีใช่มั้ยครับ ถ้างั้นลองเริ่มจากอะไรง่ายๆก่อน เช่น ลองมาดูกันว่าเพื่อนๆคนอื่น และคนทั่วประเทศเค้ากำลังสนใจทำเลไหน เพราะอะไร? กับบทความ 3 อันดับทำเลคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ที่คนมองหากันมากที่สุดในปี 2566 ซึ่งเป็นข้อมูลสถิติจากทีมงาน Think of Living ที่ได้รวบรวมมาให้ เผื่อเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆครับ ประกอบด้วย
- อันดับ 1 : สถานี พหลโยธิน 24 – ห้าแยกลาดพร้าว
- อันดับ 2 : สถานี หมอชิต – อารีย์
- อันดับ 3 : สถานี พระโขนง – อ่อนนุช
**เกณฑ์ในการคัดเลือกโครงการ : มีระยะห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 2 km. และเป็นโครงการมือ 1 ที่เปิดตัวมาแล้วไม่เกิน 5 ปี (หรือยังมีขายอยู่)
อันดับ 1 สถานี พหลโยธิน 24 – ห้าแยกลาดพร้าว
..หากพูดถึง ‘ห้าแยกลาดพร้าว’ ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นทำเลที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ที่มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งให้ได้จับจ่ายใช้สอย เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว / ยูเนี่ยนมอลล์ / บิ๊กซี และโลตัส
อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวก โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่บริเวณนี้จะเป็นสถานี Interchange กันระหว่างรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จึงทำให้มีตัวเลือกในการเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทาง
นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่ใกล้แหล่งงานสำคัญๆอยู่ 2 จุดใหญ่ๆคือ บริเวณห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชโยธิน ซึ่งล้วนเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานมากมาย เช่น ปตท. สำนักงานใหญ่ / ตึกการบินไทย / อาคารชินวัตร / Sun Tower / ตึกช้าง และ SCB Park เป็นต้น
รวมถึงยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่าง สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ), สวนจตุจักร และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ มีพื้นที่รวมกว่า 726 ไร่ และยังเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งหมอชิตอีกด้วย จึงทำให้เป็นทำเลที่มีความแตกต่าง และน่าสนใจเป็นพิเศษกว่าทำเลใกล้รถไฟฟ้าอื่นๆไม่น้อยเลยครับ ไม่แปลกใจเลยที่จะมาแรงเป็นอันดับ 1 ในช่วงนี้
ด้วยเหตุนี้จึงมี Demand ของคอนโดค่อนข้างเยอะโดยเราก็ได้เห็น Developer หลายๆเจ้าต่างให้ความสนใจมาเปิดโครงการใหม่ๆกันมากมาย ซึ่งนับวันที่ดินขนาดใหญ่ก็ยิ่งหาได้ยาก และมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี
เชื่อมั้ยครับว่าหากเราลองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คอนโดในย่านนี้มีราคาขายกันอยู่ที่ประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม.เท่านั้น แต่ปัจจุบันหลังจากที่ทำเลแห่งนี้เจริญมากขึ้น และมีการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ก็ทำให้บางโครงการมีราคาขายพุ่งขึ้นไปกว่า 200,000 บาท/ตร.ม.เข้าไปแล้ว
ดังนั้น ทำเลนี้นอกจากจะเหมาะกับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว ยังเหมาะกับกลุ่มนักลงทุนอีกด้วย เพราะไม่ว่าเราจะปล่อยเช่า หรือขายต่อในอนาคตก็น่าสนใจทั้งนั้นครับ โดยคอนโดที่มีห้องมือ 1 ขายอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 8 โครงการด้วยกัน ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มความน่าสนใจออกได้ 5 ข้อตามนี้
- คอนโดที่ได้ห้องฝ้าเพดานสูง มีบรรยากาศโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน
- คอนโดที่มีส่วนกลางน่าสนใจ และให้มาเยอะสุดในย่าน
- คอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly)
- คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายและคุ้มค่าสุดในย่าน (เมื่อเทียบต่อตารางเมตร)
- คอนโดที่อยู่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุดในย่าน
1. คอนโดที่ได้ห้องฝ้าเพดานสูง มีบรรยากาศโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน
โดยทั่วไปมักจะเรียกกันว่าห้องสไตล์ Loft หรือบางโครงการก็จะมีชื่อเรียกเฉพาะเป็นของแบรนด์นั้นๆเอง เช่น Duo Space หรือ Vertical Suite ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปแบบห้องฝ้าเพดานสูงมากกว่า 4.2 m.ขึ้นไปเหมือนกัน (ห้องปกติจะสูงอยู่ที่ 2.4 m.)
จึงทำให้ภายในห้องมีบรรยากาศที่สูงโปร่งมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น และมีบันไดให้เดินขึ้น-ลงชั้นลอยได้ด้วย จึงให้ความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่บ้านเลยทีเดียวครับ ซึ่งปัจจุบันจะมีให้เลือก 3 โครงการคือ
ลักษณะเด่นของห้องสไตล์ Loft คือ ‘พื้นที่ชั้นลอย’ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 40% ของพื้นที่ห้องทั้งหมด จึงทำให้เป็นห้องที่มีฟังก์ชันยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราได้ช่องแสงขนาดใหญ่และมีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษด้วยครับ โดยสำหรับคนที่สนใจห้องประเภทนี้ ก็มี 3 สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษร่วมด้วยก็คือ
- ราคา : เนื่องจากตัวห้องมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าย่อมมีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่าห้องแบบปกติอยู่พอสมควร
- ความสะดวกในการใช้งานฟังก์ชัน : การเดินขึ้น-ลงบันไดทุกวัน อาจไม่สะดวกสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น เด็ก หรือผู้สูงอายุ และถึงแม้จะเป็นคนปกติที่แข็งแรง ก็ยังต้องใช้ความระมัดระวัง ในการใช้งานบันไดอยู่เสมอ
- การออกแบบและจัดแบ่งฟังก์ชัน : พื้นที่ชั้นลอยส่วนใหญ่มักจะมี Space เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างของห้องเพื่อความโปร่งโล่ง แต่ก็ต้องแลกมากับปริมาตรห้องที่เครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นอาจต้องมีการกั้นฟังก์ชันเพิ่มเติมเอง เพื่อให้ตัวห้องมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
- Knightsbridge Space Ratchayothin คอนโด High Rise ใกล้สถานีพหลโยธิน 24 มาพร้อมกับห้องฝ้าเพดานสูง 4.2 ม. จาก Origin [รีวิวฉบับที่ 1543]
- ส่อง LIFE Phahon-Ladprao พร้อมเทียบ 7 คอนโดในโซนห้าแยกลาดพร้าว
- รีวิวตึกเสร็จ The Privacy จตุจักร คอนโด High Rise ติดถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว และ MRT พหลโยธิน จากพฤกษา [รีวิวฉบับที่ 2479]
2. คอนโดที่มีส่วนกลางน่าสนใจ และให้มาเยอะสุดในย่าน
Life Ladprao Valley จาก AP เป็นโครงการที่มีความโดดเด่นเรื่อง Facilities ที่ให้มามากสุดในย่านตอนนี้ก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากจะมีส่วนกลางถึง 4 ชั้น และมีสระว่ายน้ำมากถึง 3 สระแล้ว ยังออกแบบได้ถึง Concept ของความเป็นหุบเขาและการผจญภัยได้ดีมากๆอีกด้วย ซึ่งหากใครที่ชอบการใช้งานฟังก์ชันส่วนกลางอยู่แล้ว ก็คงจะถูกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยการที่สามารถทำพื้นที่ส่วนกลางมาได้เยอะแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มียูนิตเยอะถึง 1,140 ยูนิต จึงต้องมีเพื่อนบ้านมาแชร์การใช้งานร่วมกันเยอะอยู่สักหน่อย แต่โครงการก็ได้กระจายฟังก์ชัน Facilities ออกเป็นหลายๆจุดแบบนี้ เพื่อช่วยลดความหนาแน่นในการใช้งาน และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเอง
Life Ladprao Valley มี Concept ในการออกแบบ Valley + Adventure โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คนในเมืองที่เป็น World Explorer หรือเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว การเดินทาง ท่องโลกกว้างไปยังสถานที่ต่างๆ อาจเป็นคนที่เบื่อชีวิตและความวุ่นวายในเมือง แล้วกำลังมองหาโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่สนุก ตื่นเต้น และมีกิจกรรมที่ให้รู้สึกเหมือนเราได้ผจญภัยในทุกๆวัน
สำหรับฟังก์ชันเด่นๆที่น่าสนใจต่างจากที่อื่นๆก็ เช่น สระว่ายน้ำในสวนส่วนตัวบนชั้น 6 ที่เราสามารถแช่น้ำไปและดูหนังที่ฉายไปด้วยได้ / Skywalk Circuit บนชั้น 44 ที่จำลองการเดินขึ้นเนินเขาให้เราได้ออกกำลังกาย หรือจะไปปีนหน้าผาจำลองจริงๆเลยก็มี / สระว่ายน้ำบนชั้น 44M ที่มี Highlight หลักคือ Skylight เป็นพื้นกระจกใต้สระว่ายน้ำ ที่ใครมาโครงการนี้ก็จะต้องแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันได้ให้ เป็นต้น
อ่านรีวิวเจาะลึก :
3. คอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly)
สำหรับใครที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมว โครงการของ Metris จาก Major Development น่าจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีครับ เพราะเค้าเป็นแบรนด์คอนโดที่อนุญาตให้สามารถเลี้ยงสัตว์ในห้องได้ไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีฟังก์ชันส่วนกลางที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับให้น้องๆสัตว์เลี้ยงได้ใช้งานอีกด้วย โดยปัจจุบันในทำเลห้าแยกลาดพร้าวนี้ก็จะมีอยู่ 2 โครงการ คือ
**สำหรับข้อกำหนดการเลี้ยงสัตว์ ให้ห้องพักอาศัย 1 Bedroom 1 ตัว / 2 Bedrooms 2 ตัว และสัตว์เลี้ยงน้ำหนักไม่เกิน 15 กก. เลี้ยงสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นสัตว์มีพิษและสัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงยังต้องมีการตรวจสุขภาพประจำทุกปี และยังอาจต้องเสียค่าส่วนกลางเพื่อบำรุงรักษาสถานที่เพิ่มเติมมากกว่าห้องปกติด้วยครับ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าจุดเด่นของ Metris คือฟังก์ชันส่วนกลางสำหรับน้องๆสัตว์เลี้ยง ที่จัดออกมาให้ได้ใช้งานกันอย่างจริงจัง ได้แก่
- Cat Haus : ห้องสำหรับน้องแมวที่มีเครื่องปีนป่ายให้น้องๆได้สนุกกัน และคนก็สามารถเข้าไปนั่งเล่นด้วยได้เหมือนเป็นคาเฟ่แมวเลยครับ
- Multi-Pet Playroom : เป็นห้องที่มีพื้นที่วิ่งเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ เช่น หนู กระต่าย กระรอก ให้สามารถออกมาวิ่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศกันได้
- Pet Park : สวนกลางแจ้งของน้องหมาน้องแมว ให้ได้มาวิ่งสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกห้อง
อีกหนึ่งความพิเศษในการออกแบบคือ ผนังแบบ Double Wall ด้วยความที่โครงการนี้อนุญาตให้สามารถเลี้ยงสัตว์ภายในห้องได้ จึงมีการคิดเผื่อกรณีที่น้องๆอาจมีการส่งเสียงดังในบางครั้ง จึงได้มีการก่อผนังระหว่างยูนิตไว้ถึง 2 ชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านข้างๆเอาไว้แล้ว
นอกจากนี้ภายในห้องพักอาศัยยังมีการใช้วัสดุแบบ Non-Toxic Materials ที่จะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ ที่อาจติดมาจากน้องๆสัตว์เลี้ยงได้ดีกว่าวัสดุทั่วไป นับว่าทาง Major ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดได้ดีทีเดียว ซึ่งหลายๆอย่างเราก็จะไม่ได้เห็นในโครงการคอนโดทั่วๆไปเลยครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
4. คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายและคุ้มค่าสุดในย่าน (เมื่อเทียบต่อตารางเมตร)
โครงการที่ว่าก็คือ The Line Vibe จาก Sansiri ซึ่งหากเราลองสำรวจตลาดคอนโดย่านนี้ดูดีๆจะพบว่า โครงการนี้มีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรถูกสุดอยู่ที่ 102,800 บาท หรือเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท ในขณะที่เพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะมีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่าอยู่ที่ 120,000 – 200,00 บาท
เรียกได้ว่าโครงการ The Line Vibe เป็นหนึ่งในคอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่าย และคุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน (ถ้าเทียบเป็นราคาต่อตารางเมตรนะ เพราะขนาดห้องที่นี่จะเริ่ม 30 ตร.ม. ในขณะที่บางโครงการอาจเริ่มแค่เพียง 22 ตร.ม. แบบนั้นราคาเริ่มต้นอาจถูกกว่าก็จริง แต่ถ้าคิดแบบเฉลี่ยก็จะสูงกว่าอยู่ดี)
เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านห้าแยกลาดพร้าว แต่ก็อาจมีงบประมาณที่จำกัดอยู่สักหน่อยนั่นเองครับ แน่นอนว่าจะต้องแลกมากับทำเลหรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านนั่นเอง
อย่างแรกเลยก็คือ ‘ทำเล’ โดยโครงการ The Line Vibe จะเป็นโครงการตึกที่ 3 ที่อยู่ด้านในสุดของ Abstract และ The Line พหลโยธิน พาร์ค โดยจะอยู่ลึกเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 500 m. ในขณะที่เพื่อนบ้านอื่นๆมักจะอยู่ติดถนนใหญ่ด้านหน้า และไม่ต้องเดินไกลจากสถานีแบบนี้ครับ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ด้านหน้าปากซอยก็ค่อนข้างสะดวกอยู่ไม่น้อย เพราะจะมีทั้งห้างโลตัสให้จับจ่ายใช้สอย และมีบันไดทางขึ้น Skywalk ให้เดินเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว + เดินไปห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวได้เลย เพียงแต่อาจมีระยะที่ค่อนข้างไกลกว่าเพื่อนบ้านอยู่สักหน่อยนั่นเอง
ส่วนความน่าสนใจอีกอย่างก็คือ เป็นตึกที่อยู่ ‘ใกล้อาคารจอดรถมากที่สุด’ ซึ่งสะดวกกับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองมาก เพราะเราไม่จำเป็นต้องเดินผ่านตึกอื่นไกลๆให้เสียเวลา รวมถึงยังมี ‘พื้นที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่’ เป็นของส่วนกลางอีกด้วย ซึ่งจะใช้งานและเป็นสินทรัพย์ส่วนกลางร่วมกันของทั้ง 3 โครงการครับ
อีกหนึ่งประเด็นก็คือ ‘สเปควัสดุ’ โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted อาจต้องเผื่องบในการตกแต่งห้องเพิ่มเติมเองเอาไว้ด้วย โดยวัสดุอื่นๆที่โครงการให้มาผมมองว่าค่อนข้างเป็นมาตรฐาน และอาจไม่ได้หวือหวาถ้านำไปเทียบชนกับเพื่อนบ้านจริงๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามระดับราคาที่ทำออกมาให้จับต้องได้ง่ายแบบนี้นั่นเอง
อ่านรีวิวเจาะลึก :
5. คอนโดที่อยู่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุดในย่าน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า The Crest Park Residences จาก SC Asset เป็นแปลงคอนโดที่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุดในปัจจุบัน (มีเพียงที่ดินของจักรวาลโฟโต้ดิจิตอล คั่นอยู่แค่แปลงเดียวเท่านั้น) ซึ่งข้อดีและจุดเด่นของทำเลที่ดินโครงการแบบนี้มีค่อนข้างเยอะเลยครับ ได้แก่
- ใกล้รถไฟฟ้า 2 สายในระยะเดินถึงได้สบายๆ : โดยจะอยู่ห่างจาก MRT พหลโยธิน 80 m. และบันไดขึ้นรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว 20 m. แน่นอนว่านอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังได้ในเรื่องความปลอดภัยในการเดินมาใช้งานทุกช่วงเวลาอีกด้วย เพราะแทบจะไม่ต้องเดินผ่านที่มืดๆเปลี่ยวๆตอนกลางคืนเลยนั่นเองครับ (ลงบันไดมาปุ๊ป ก็คืออยู่ในสายตายามโครงการพอดี)
- ใกล้ความอุดมสมบูรณ์และห้างสรรพสินค้า : สำหรับห้าง Union Mall เรียกได้ว่ามีรั้วติดกันเลยครับ ซึ่งจะห่างจากประตูทางเข้าประมาณ 50 m. ส่วนห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวก็สามารถเดินไปได้ในระยะ 160 m. เท่านั้น และรอบๆโครงการก็ยังมีร้านค้าและร้านอาหารอีกมากเลยครับ เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์สุดๆไปเลย
- ได้วิวพื้นที่สีเขียวกว่า 700 ไร่ : ด้วยความที่อยู่ติดถนนใหญ่และใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุด จึงการันตีได้ว่าจะไม่มีตึกสูงที่จะขึ้นมายังวิวสวนในอนาคต ทำให้เราสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวของสวนรถไฟ สวนจตุจักร และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้ตลอดไป
และด้วยจุดแข็งต่างๆของทำเลที่ตั้งโครงการแปลงนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม SC Asset ถึงได้นำแบรนด์ The Crest ที่เป็นคอนโดระดับ Luxury ที่สุดของเค้ากลับมาลงอีกครั้งหนึ่ง (หากไม่นับรวมโปรเจคพิเศษอย่าง 28 Chidlom / Beatniq / Saladaeng One)
ซึ่งถือเป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 8 ปี และแน่นอนว่านี่ยังถือเป็นโปรเจคที่มีราคาเริ่มต้นสูงที่สุดในย่านด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันจะมีราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท (หรือเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม.)
แต่นอกจากเราจะได้ทำเลที่ดี มีวิวที่การันตีเจ๋งๆแล้ว การเลือกใช้วัสดุต่างๆ ก็นับว่าให้ของแต่เกรด Premium สมราคาจริงๆครับ เช่น ชุดครัวครบเซ็ตจาก Gorenje ทั้งเตาไฟฟ้า เตาอบ และเครื่องดูดควัน / หน้าบานตู้เป็นกระจก Hi-Gloss สีแชมเปญ / พื้นห้อง Hybrid Engineered Wood / โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก TOTO และได้ฝ้าเพดานสูง 3 m. เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นสเปคที่สูงที่สุดในย่านตอนนี้เลยครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
อันดับ 2 สถานี หมอชิต – อารีย์
..หากพูดถึงย่าน ‘อารีย์’ นอกจากจะเป็นแหล่ง Community Mall และคาเฟ่สไตล์ชิคๆแล้ว ยังเป็นแหล่งงานที่สำคัญย่านหนึ่งของกรุงเทพอีกด้วยครับ เพราะทำเลนี้มีอาคารสำนักงานต่างๆมากมาย เช่น Pearl Bangkok / EXIM Bank Building / SC Tower และ AIS Tower เป็นต้น ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นพนักงานออฟฟิศ ออกมาเดินจับจ่ายใช้สอยในทำเลนี้กันเยอะคือเป็นเรื่องปกติ
แน่นอนว่า Demand ที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ แต่สำหรับ Supply อย่างพวกที่ดินที่จะสร้างคอนโดมิเนียนใหม่ๆ กลับมีน้อยลงจนเรียกว่าแทบหาได้ยากมากๆ (Rare Item) เนื่องจากทำเลนี้เป็น ‘ย่านผู้ดีเก่า’ ซึ่งคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างมีฐานะ และไม่ค่อยจะยอมขายบ้านหรือที่ดินให้ผู้พัฒนาได้ง่ายๆ อีกทั้งราคาที่แถวนี้ก็พุ่งสูงกว่า 200,000 – 500,000 บาท/ตร.วาเข้าไปแล้ว
ดังนั้นเวลาที่เกิดโครงการอสังหาใหม่ๆในย่านนี้ ก็มักจะเป็นโปรดักส์ระดับ Luxury ที่มีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร โดยเฉพาะซอยฝั่งอารีย์จะมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า และยังสามารถลัดไปขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ง่ายอีกด้วย
แต่ถ้าเป็นซอยฝั่งพหลโยธินก็จะมีราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้นมาหน่อย แลกกับการที่ต้องเข้าไปอยู่ภายในซอยที่คึกคักน้อยกว่าครับ โดยปัจจุบันจะมีโครงการมือ 1 ที่เปิดขายอยู่ทั้งหมด 6 โครงการ และมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในย่าน
- คอนโดระดับ Luxury ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในย่าน
- คอนโดที่ใกล้ BTS อารีย์ มากที่สุดในย่าน
- คอนโดในซอยที่เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากที่สุดในย่าน
- คอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่ของย่าน
1. โครงการที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในย่าน
หากใครที่กำลังหาคอนโดราคาไม่สูงใกล้ย่านอารีย์ ก็อาจต้องลองมองเป็นสถานีใกล้เคียงอย่าง BTS หมอชิต หรือสะพานควาย กับโครงการ DENIM Jatujak ซึ่งจะมีราคาห้องเริ่มต้นน้อยกว่าอยู่ที่ 2.39 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 95,000 บาท/ตร.ม. (Fully Furnished)
ซึ่งหากเทียบกับราคาคอนโดตรงสถานีอารีย์แล้ว ก็ถือว่าประหยัดเงินไปได้หลายแสน หรือเผลอๆก็อาจเป็นล้านเลยทีเดียว โดยแลกกับทำเลที่เป็นรองอยู่ในซอยย่อย และห่างจากรถไฟฟ้ามากกว่าเพื่อนประมาณ 1 – 1.5 km. แต่ก็ยังพอจะสามารถนั่งรถสาธารณะอย่างวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อไปขึ้น BTS ได้ไม่ยากครับ
รวมถึงยังต้องแลกมากับการเป็นโครงการขนาดใหญ่ และเพื่อนบ้านที่มีมากถึง 1,813 ยูนิต แบ่งออกเป็น 3 Tower ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดของย่านในบทความนี้อีกด้วยครับ แต่ก็มีข้อได้เปรียบคือ ‘ส่วนกลาง’ ที่มีมาให้เยอะด้วยเช่นกัน เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้านทุกคนนั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้โครงการ DENIM Jatujak มีราคาจับต้องได้ง่ายก็คือ ‘ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เล็ก แต่จัดฟังก์ชันลงตัวมาก’ โดยห้องพักจะมีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 22.5 ตร.ม. เท่านั้นครับ แต่ก็ยังได้ครัวปิดที่อยู่ทางด้านหน้าห้อง และบริเวณข้างหน้าต่างก็ยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานอีกด้วย เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน หรือถ้าจะลงทุนเปล่าเช่าให้กับพนักงานออฟฟิศก็น่าสนใจ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
2. คอนโดระดับ Luxury ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในย่าน
สำหรับ 2 โครงการอย่าง Aritier Penthouse At Ari และ KARA Ari – Rama 6 เป็นคอนโดที่มีราคาเริ่มต้น 10 – 17.9 ล้านบาทขึ้นไป หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 190,000 – 200,000 บาท/ตร.ม. แน่นอนว่าหลายๆองค์ประกอบย่อมมีความพิเศษ แตกต่างจากโครงการทั่วๆไปในย่านอย่างมาก
โดยสิ่งที่โดดเด่นอย่างแรกเลยก็คือ ‘ความเป็นส่วนตัวสูงสุด’ ซึ่งทั้งสองเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีเพื่อนบ้านอยู่เพียง 24 – 28 ยูนิต และสำหรับ KARA Ari – Rama 6 ก็จะมีเพื่อนร่วมชั้นเพียง 4 ยูนิตเท่านั้นอีกด้วย พร้อมทั้งยังได้เป็นโถงทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor จึงนับว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยที่สูงมากครับ
นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่มี ‘จำนวนที่จอดรถเยอะมากที่สุด’ อีกด้วย โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 100 – 150% ของจำนวนห้องพักอาศัย (Automatic Parking) ทำให้สามารถการันตีได้ว่าทุกๆห้องจะมีที่จอดรถให้ใช้งานได้ แบบไม่ต้องแย่งหรือจอดรถซ้อนคันกันเลยนั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ‘ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ และกว้างขวาง’ จึงทำให้เหมาะกับการอยู่อาศัยร่วมกันจริงจังได้หลายคนสบายๆ ซึ่งอาจมีลูกสัก 1 คน หรือจะเป็นพี่น้องอยู่ด้วยกันก็ได้ อีกทั้งการที่ห้องพักมีขนาดใหญ่แบบนี้ ก็ยังทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านอีกด้วยครับ โดยแบบห้องของแต่ละโครงการจะประกอบด้วย
- KARA Ari – Rama 6 : 2 Bedrooms ขนาด 60 – 61.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท
- Aritier Penthouse At Ari : 1 Bedroom – Penthouse ขนาด 62 – 110 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.5 – 17.9 ล้านบาท
อ่านรีวิวเจาะลึก :
3. คอนโดที่ใกล้ BTS อารีย์มากที่สุด
โครงการใหม่ล่าสุดจาก Noble ชื่อว่า Nue Evo Ari ตั้งอยู่ภายในซอยอารีย์ 1 ซึ่งเข้าไปจากถนนใหญ่พหลโยธินไม่ลึกเลยครับ และอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานี อารีย์ ประมาณ 300 m. เท่านั้น ถือเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ และยังนับว่าเป็นคอนโดที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากที่สุดในบทความนี้อีกด้วยครับ โดยมีราคาขายเริ่มต้น 3.9 – 6.4 ล้านบาท
อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ ‘แปลนห้องพักอาศัย’ ซึ่งปกติแล้วทาง Noble เค้ามักจะชอบทำเป็นห้องหน้ากว้าง ที่สามารถจัดฟังก์ชันได้ค่อนข้างลงตัว และยังมีความเป็นส่วนตัวทุกแบบอีกด้วย (ลองดูจากตัวอย่างแปลน 2 ห้องนี้ได้ครับ) เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังมองหาห้องพักอาศัยแบบนี้อยู่
อ่านรีวิวเจาะลึก :
เนื่องจากทาง ThinkofLiving ยังไม่ได้เข้าไปทำรีวิวโครงการนี้ จึงยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆมากนัก และหากมีโอกาสได้เข้าไปทำรีวิวเมื่อไหร่ จะลองมาวิเคราะห์กันดูใหม่อีกนะครับ
4. คอนโดในซอยที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากที่สุด
ใครที่อยากอยู่ย่านอารีย์ แต่ต้องการทำเลที่เงียบสงบไม่พลุกพล่าน ก็น่าจะเหมาะกับโครงการ Savvi Phahol 2 นี้มากๆครับ เพราะทำเลของเค้าจะตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 2 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมถนนพหลโยธินกับถนนวิภาวดีรังสิตได้ จึงทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะไปทางวิภาวดีทำได้สะดวกมากเลยทีเดียว
สำหรับซอยพหลโยธิน 2 จะเป็นซอยสั้นๆที่เป็นชุมชนเป็นส่วนใหญ่ และบริเวณด้านหน้าโครงการก็จะไม่ค่อยมีรถขับผ่านไป-มามากนัก เป็นโครงการขนาดเล็กที่มีเพื่อนบ้านเพียง 64 ยูนิตเท่านั้น จึงทำให้บรรยากาศในการอยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวที่ดีเลยครับ ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะ โดยห้องที่ยังเหลือขายอยู่จะเป็น 2 Bedrooms ขนาด 45.56 – 80.11 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.59 ล้านบาท
อ่านรีวิวเจาะลึก :
5. คอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่ของย่าน
Lumpini Selected Sutthisan-Saphan Khwai ถือว่าเป็นคอนโดหนึ่งเดียวของย่านในวันนี้เลยนะครับ ที่มีทำเลอยู่ติดถนนใหญ่สุทธิสารวินิจฉัยแบบนี้ ซึ่งเป็นตึกเสร็จที่เราเคยได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายรีวิวเมื่อ 5 ปีก่อน และได้ข่าวว่าตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ยูนิตแล้วนะ
โดยความโดดเด่นของคอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่ก็คือ สามารถเรียกรถสาธารณะด้านหน้าโครงการได้สะดวก เพราะจะมีรถแท็กซี่ สองแถว รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ขับผ่านได้ง่ายกว่าโครงการที่อยู่ในซอย อีกทั้งเวลาในช่วงกลางคืนก็จะไม่เปลี่ยว หรืออันตรายเหมือนโครงการในซอยเล็กๆมากนักอีกด้วย
ความน่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ การออกแบบห้องเป็นลักษณะ Interlocking คือ จะมีฟังก์ชันห้องน้ำที่ยื่นออกมาด้านข้างของห้อง เพื่อทำการเข้าล็อคพอดีกับห้องที่อยู่ติดกันข้างๆ ข้อดีคือจะทำให้พื้นที่ Common area ไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับห้องน้ำ เราจึงได้ห้องที่ดูโปร่งโล่งมากขึ้น โดยไม่มีเหลี่ยมมุมเสายื่นออกมาบังสายตาเลยนั่นเอง
ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแรกๆของ LPN เลยก็ว่าได้ครับ ที่สมัยนั้นเพิ่งจะเริ่มมีการนำระบบนี้เข้ามาใช้ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในเรื่อง ‘นิติบุคคล’ ที่มีชื่อเสียงในด้านการบริหารจัดการ และดูแลโครงการได้ค่อนข้างดีได้มาตรฐานอีกด้วย
อ่านรีวิวเจาะลึก :
อันดับที่ 3 สถานี พระโขนง – อ่อนนุช
..ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตอนที่เพิ่งจะเริ่มเปิดบริการสถานีรถไฟฟ้า BTS กันเป็นครั้งแรก ซึ่งสถานีอ่อนนุชสถานีต้นทางของสุขุมวิทตอนปลายในการเข้าเมือง และได้เติบโตจนกลายมาเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างรถสาธารณะอื่นๆอีกมากมาย จึงได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยและลงทุนเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน ที่ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยของย่านนี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
ทีนี้เราลองมาคิดกันดูเล่นๆว่า ..ทำไมคอนโดแถวพระโขนง-อ่อนนุช ถึงได้มาแรงแซงรุ่นพี่ที่ใกล้เมืองกว่าอย่าง พร้อมพงษ์-ทองหล่อ? ทั้งๆที่อยู่ทำเลใกล้เคียงกัน รถไฟฟ้าก็วิ่งผ่านเหมือนกัน ของกินก็อุดมสมบูรณ์พอๆกัน
ซึ่งสิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ ‘ราคา’ ที่ถึงแม้จะห่างกันเพียง 4 – 5 สถานี หรือเสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นมาแค่ 10 นาที แต่กลับต้องเสียเงินเพิ่มเป็น 2 – 3 เท่า (พระโขนง-อ่อนนุช = 100,000 – 165,000 บาท/ตร.ม. , พร้อมพงษ์-ทองหล่อ = 200,000 – 300,000 บาท/ตร.ม.)
และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าคิดก็คือ ..อนาคตของย่านอ่อนนุชจะเป็นอย่างไรต่อไป? ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าที่นี่จะกลายเป็น Hub ในการอยู่อาศัยและเดินทางเชื่อมต่อไปได้ทั่ว ทั้งในกรุงเทพและสมุทรปราการ
เพราะอย่าลืมว่าทุกวันนี้ตรงแถวๆโซนบางนา-ตราด กำลังมี Mega Project และอาคารสำนักงานเกิดขึ้นใหม่มากมาย ดังนั้นแหล่งงานในอนาคต จึงอาจไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าเข้าเมืองเพียงอย่างเดียวแล้วก็ได้ ซึ่งทำเลพระโขนง-อ่อนนุช มีความได้เปรียบในการเดินทางทั้ง 2 โซนที่สะดวกดีมากๆอยู่ครับ
ทั้งหมดนี้จึงพอจะทำให้เห็นภาพกันชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า ทำไมย่านพระโขนง-อ่อนนุชจึงมีความน่าสนใจ และตลาดซื้อขาย/ปล่อยเช่าก็ยังคงคึกคักอยู่เสมอ ซึ่งก็มี Demand จากทั้งชาวไทยและต่างชาติครับ โดยคอนโดมือ 1 ที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากถึง 14 โครงการ และผมก็ได้แบ่งกลุ่มความน่าสนใจออกมาเป็น 4 กลุ่มดังนี้
- คอนโดที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ในระยะที่สามารถเดินถึงได้
- คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายของย่าน
- คอนโดที่มีห้องฝ้าเพดานสูง (Loft / Vertical Suite)
- คอนโดที่ใกล้จุดขึ้นทางด่วน
1. คอนโดที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ในระยะที่สามารถเดินถึงได้
การที่เรามีคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดิน จะช่วยประหยัดทั้งเวลาในการเดินทาง ที่จะไม่ต้องมาคอยฟันฝ่ารถติดก่อนมาขึ้นรถไฟฟ้า รวมถึงยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลายต่ออีกด้วย โดยทั้ง 4 โครงการนี้จะมีระยะเดินอยู่ที่ประมาณ 200 – 400 m. ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเดินได้จริง ประกอบด้วย
- Chambers Onnut Station มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 200 m.
- Aspire Onnut Station มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 200 m.
- Ideo Sukhumvit – Rama 4 มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 350 m.
- Quintara Arte Sukhumvit 52 มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 400 m.
และนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศตัวอย่าง ของโครงการที่เหมาะแก่การเดินครับ ซึ่งระหว่างทางหากมีร้านค้าอยู่ด้วย ก็จะทำให้เราสามารถแวะซื้อของก่อนกลับเข้ามาได้สะดวก หรือถ้ามีฟุตบาทก็จะทำให้เราเดินได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
แต่ที่สำคัญคือ ซอยทางเข้าโครงการไม่ควรจะเปลี่ยว หรือมีแสงน้อยจนมืดมากเกินไป เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ง่ายๆ แนะนำว่าหากเราไม่ใช่คนพื้นที่ ก็อาจลองมาสำรวจดูตอนช่วงกลางคืนก่อนด้วยก็ได้ครับ ซึ่งจะช่วยทำให้เราได้เห็นภาพและพิจารณาได้ง่ายมากขึ้น ว่าโครงการนั้นๆมีความปลอดภัยในการเดินหรือไม่อย่างไร
อ่านรีวิวเจาะลึก :
- Ideo สุขุมวิท – พระราม 4 คอนโด High Rise ติดถนนพระราม 4 ใกล้ BTS พระโขนง จาก Ananda [รีวิวฉบับที่ 2007]
- รีวิวตึกเสร็จ Quintara Arte สุขุมวิท 52 คอนโด Low Rise ใกล้รถไฟฟ้าอ่อนนุช จาก Eastern Star [รีวิวฉบับที่ 2251]
- Chambers อ่อนนุช สเตชั่น Condo Low Rise ในซอยสุขุมวิท 81 ใกล้ BTS อ่อนนุช 230 เมตร [รีวิวฉบับที่ 1974]
- Aspire Onnut Station คอนโด High Rise ติดถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS อ่อนนุช 200 ม. พร้อมส่วนกลางวิวโค้งน้ำบางกระเจ้า จาก AP [รีวิวฉบับที่ 2469]
2. คอนโดที่อยู่ภายในซอย ราคาจับต้องได้ไม่ยาก
ใครที่กำลังมองหาคอนโดในย่านพระโขนง-อ่อนนุช แต่มีงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด ผมแนะนำให้ลองหาเป็นโครงการที่อยู่ภายในซอยย่อยต่างๆ เช่น 4 โครงการนี้ ได้แก่
ซึ่งจะมีราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่า หากเทียบกับเพื่อนบ้านโครงการอื่นๆในละแวกเดียวกัน โดยจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.87 – 2.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80,000 – 100,000 บาท/ตร.ม. ในขณะที่โครงการส่วนใหญ่มักจะมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 – 150,000 บาท/ตร.ม.
สิ่งที่แลกมาก็คือ ‘ทำเล’ ที่อาจอยู่ภายในซอย และค่อนข้างไกลจากรถไฟฟ้ากว่าคนอื่นหน่อย (อยู่ในช่วงประมาณ 1 – 2 km.) แต่ก็โชคดีที่โครงการส่วนใหญ่มักจะมี Shuttle Service ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านด้วยครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
- PARK 168 อ่อนนุช 19 คอนโด Low Rise บนถนนอ่อนนุช (สุขุมวิท 77) ใกล้ People Park จาก LPN [รีวิวฉบับที่ 2456]
- รีวิวตึกเสร็จ IKON สุขุมวิท 77 คอนโด Low Rise ในซอยสุขุมวิท 81 จาก V Property [รีวิวฉบับที่ 2136]
- DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 คอนโด Lowrise 8 ชั้น 2 อาคาร ใกล้ทางด่วนและห่าง BTS อ่อนนุช 1.2 กม. จาก PTF Realty[รีวิวฉบับที่ 1937]
- รีวิวตึกเสร็จ THE BASE Sukhumvit 50 คอนโด Low Rise ใกล้ทางด่วนและโลตัสอ่อนนุช จาก แสนสิริ [รีวิวฉบับที่ 2006]
3. คอนโดที่มีห้องฝ้าเพดานสูง (Loft / Vertical Suite)
อย่างที่เราเคยได้อธิบายไปแล้วว่า จุดเด่นของห้อง Loft หรือห้องฝ้าเพดานสูง ก็คือความโปร่งโล่ง และมีบันไดให้เราได้เดินขึ้น-ลงชั้นลอย ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งในย่านพระโขนง-อ่อนนุชก็จะมีให้เลือกอยู่ 3 โครงการด้วยกัน ประกอบด้วย
เรามาดูตัวอย่างแบบห้องของ Modiz Sukhumvit 50 กันสักหน่อยครับ ซึ่งพื้นที่ใช้สอยมีค่อนข้างเยอะ ฟังก์ชันยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ โดยห้องนี้จะมีห้องนอนให้ใช้งานถึง 2 ห้อง และส่วนตัวผมชอบห้องที่อยู่ชั้นล่างมากกว่า เพราะมีประตูให้เข้าห้องน้ำได้สะดวก อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาเดินขึ้น-ลงให้เหนื่อยอีกด้วย (แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน) และจัดว่าเป็นห้องที่สามารถอยู่ได้ 2 – 3 คนเลยครับ
แต่จุดเด่นของการออกแบบห้องนี้จริงๆคือ การออกแบบให้ทุกๆฟังก์ชันได้อยู่ติดกับช่องแสงทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถได้รับแสงหรือชมวิวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการมองผ่าน Living Area เพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัวให้มากขึ้นได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่มีแขกมาเราก็สามารถปิดม่านหรือกั้นห้องแยกเป็นส่วนตัวได้ โดยที่ภายในห้องนอนจะไม่มืดทึบหรืออึดอัด เพราะยังมีช่องแสงเป็นของตัวเองอยู่ภายในครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
ส่วนในด้านของโครงการ ASPIRE Sukhumvit – Rama 4 เค้าจะมีจุดเด่นอีกอย่างคือเรื่อง ‘พื้นที่ส่วนกลาง’ ที่ได้จัดเต็มมาให้ใช้งานกันกว่า 5,000 ตร.ม. โดยเน้นการออกแบบพื้นที่และสวนส่วนกลางที่สามารถเชื่อมต่อการใช้งานได้แบบ Infinity Loop ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชาวเมืองที่ต้องการ WORK – ACTIVE – RETREAT ครบเลยนั่นเองครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
4. คอนโดที่ใกล้จุดขึ้นทางด่วน
สำหรับใครที่เน้นการขับรถเข้าเมือง ด้วยการขึ้นทางด่วนฉลองรัชไปรามอินทราเป็นประจำ ผมแนะนำ 3 โครงการที่อยู่ใน T77 และซอยปรีดีพนมยงค์ครับ ซึ่งจะเป็นทำเลที่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัชไปรามอินทราได้สะดวกมาก เพราะจะมีถนนให้ให้เป็นทางลัดเลาะ ไปขึ้นทางด่วนได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปรถติดที่ถนนใหญ่ด้านนอก ประกอบด้วย
- NIA by Sansiri : ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 200 m. / ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 1.2 – 1.5 km.
- Kawa HAUS : ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 650 m. / ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 1.6 km.
- The Nest Sukhumvit 71 : ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 500 m. / ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 850 km.
สำหรับถนนภายในของโครงการ T77 (สีแดง) นับว่าเป็นทางลัดที่สำคัญ ในการขับรถผ่านเข้า-ออกถนนอ่อนนุชไปยังทางด่วนฉลองรัช ซึ่งหากเป็นลูกบ้านในโครงการของแสนสิริอยู่แล้ว เราจะไม่ต้องเสียค่าผ่านทางเวลาต้องขับผ่าน T77 เลยครับ แต่ถ้าไม่ใช่ลูกบ้านก็จะต้องเสียเงินก่อนตามปกติ (น่าจะ 10 – 20 บาทเนี่ยแหละครับ)
ส่วนซอยแสงทิพย์ที่อยู่ทางฝั่งปรีดีพนมยงค์ (สีฟ้า) ก็เป็นซอยที่สามารถขับรถสวนทางกัน 2 เลนได้ จึงทำให้สามารถลัดมาขึ้นทางด่วนได้สะดวกมาก แต่ถ้าเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วนจริงๆ ซอยนี้ก็ค่อนข้างมีรถเยอะเป็นเรื่องปกติอยู่เหมือนกันครับ
อ่านรีวิวเจาะลึก :
- ส่อง NIA by Sansiri คอนโดใกล้ BTS 2 สถานีพระโขนงและอ่อนนุช เชื่อมต่อ T77 จาก แสนสิริ
- รีวิวตึกเสร็จ Kawa HAUS คอนโด Low Rise ริมคลองพระโขนง ใน T77 อ่อนนุช จาก แสนสิริ [รีวิวฉบับที่ 2076]
- The Nest สุขุมวิท 71 กลุ่มคอนโด Low Rise ย่านพระโขนง ซอยปรีดีย์พนมยงค์ 2 ใกล้ทางด่วน จาก The Nest Property [รีวิวฉบับที่ 1699]
..ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความ 3 อันดับทำเลคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ที่คนมองหากันมากที่สุดในปี 2566 ซึ่งก็จัดเต็มกันไปกว่า 28 โครงการกันเลยทีเดียว หวังว่าจะมีโครงการที่เพื่อนๆสนใจ และช่วยเป็นแนวทางในการเลือกทำเลที่ตรงใจกับทุกคนได้บ้างนะครับ และครั้งหน้า Think of Living จะมีบทความอะไรมาฝากกันอีก ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ