..อัพเดตล่าสุด!! ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วกว่า 10 สายแล้วนะครับ ซึ่งเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการคมนาคมด้วยรถไฟฟ้า กลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตของใครหลายๆคนไปซะแล้ว เพราะจะช่วยให้เราสามารถฟันฝ่าการจราจรที่ติดขัด และมีชีวิตรอดเพื่อไปทำงานได้ทันในตอนเช้า นั่นจึงทำให้บ้าน/คอนโดใกล้รถไฟฟ้า กลายเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน

แน่นอนว่าทุกวันนี้เราสามารถหาข้อมูลทุกอย่างบนโลกนี้ได้บนอินเตอร์เน็ต แต่ข้อมูลก็มีเยอะมากจนหากันแทบไม่หวาดไม่ไหว หรือไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีใช่มั้ยครับ ถ้างั้นลองเริ่มจากอะไรง่ายๆก่อน เช่น ลองมาดูกันว่าเพื่อนๆคนอื่น และคนทั่วประเทศเค้ากำลังสนใจทำเลไหน เพราะอะไร? กับบทความ 3 อันดับทำเลคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ที่คนมองหากันมากที่สุดในปี 2566 ซึ่งเป็นข้อมูลสถิติจากทีมงาน Think of Living ที่ได้รวบรวมมาให้ เผื่อเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆครับ ประกอบด้วย

  • อันดับ 1 : สถานี พหลโยธิน 24 – ห้าแยกลาดพร้าว
  • อันดับ 2 : สถานี หมอชิต – อารีย์
  • อันดับ 3 : สถานี พระโขนง – อ่อนนุช

**เกณฑ์ในการคัดเลือกโครงการ : มีระยะห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 2 km. และเป็นโครงการมือ 1 ที่เปิดตัวมาแล้วไม่เกิน 5 ปี (หรือยังมีขายอยู่)


อันดับ 1 สถานี พหลโยธิน 24 – ห้าแยกลาดพร้าว

..หากพูดถึง ‘ห้าแยกลาดพร้าว’ ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นทำเลที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ที่มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งให้ได้จับจ่ายใช้สอย เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว / ยูเนี่ยนมอลล์ / บิ๊กซี และโลตัส

อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวก โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่บริเวณนี้จะเป็นสถานี Interchange กันระหว่างรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จึงทำให้มีตัวเลือกในการเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทาง

นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่ใกล้แหล่งงานสำคัญๆอยู่ 2 จุดใหญ่ๆคือ บริเวณห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชโยธิน ซึ่งล้วนเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานมากมาย เช่น ปตท. สำนักงานใหญ่ / ตึกการบินไทย / อาคารชินวัตร / Sun Tower / ตึกช้าง และ SCB Park เป็นต้น

รวมถึงยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่าง สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ), สวนจตุจักร และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ มีพื้นที่รวมกว่า 726 ไร่ และยังเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งหมอชิตอีกด้วย จึงทำให้เป็นทำเลที่มีความแตกต่าง และน่าสนใจเป็นพิเศษกว่าทำเลใกล้รถไฟฟ้าอื่นๆไม่น้อยเลยครับ ไม่แปลกใจเลยที่จะมาแรงเป็นอันดับ 1 ในช่วงนี้

ด้วยเหตุนี้จึงมี Demand ของคอนโดค่อนข้างเยอะโดยเราก็ได้เห็น Developer หลายๆเจ้าต่างให้ความสนใจมาเปิดโครงการใหม่ๆกันมากมาย ซึ่งนับวันที่ดินขนาดใหญ่ก็ยิ่งหาได้ยาก และมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี

เชื่อมั้ยครับว่าหากเราลองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คอนโดในย่านนี้มีราคาขายกันอยู่ที่ประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม.เท่านั้น แต่ปัจจุบันหลังจากที่ทำเลแห่งนี้เจริญมากขึ้น และมีการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ก็ทำให้บางโครงการมีราคาขายพุ่งขึ้นไปกว่า 200,000 บาท/ตร.ม.เข้าไปแล้ว

ดังนั้น ทำเลนี้นอกจากจะเหมาะกับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว ยังเหมาะกับกลุ่มนักลงทุนอีกด้วย เพราะไม่ว่าเราจะปล่อยเช่า หรือขายต่อในอนาคตก็น่าสนใจทั้งนั้นครับ โดยคอนโดที่มีห้องมือ 1 ขายอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด 8 โครงการด้วยกัน ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มความน่าสนใจออกได้ 5 ข้อตามนี้

  1. คอนโดที่ได้ห้องฝ้าเพดานสูง มีบรรยากาศโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน
  2. คอนโดที่มีส่วนกลางน่าสนใจ และให้มาเยอะสุดในย่าน
  3. คอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly)
  4. คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายและคุ้มค่าสุดในย่าน (เมื่อเทียบต่อตารางเมตร)
  5. คอนโดที่อยู่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุดในย่าน

1. คอนโดที่ได้ห้องฝ้าเพดานสูง มีบรรยากาศโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน

โดยทั่วไปมักจะเรียกกันว่าห้องสไตล์ Loft หรือบางโครงการก็จะมีชื่อเรียกเฉพาะเป็นของแบรนด์นั้นๆเอง เช่น Duo Space หรือ Vertical Suite ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปแบบห้องฝ้าเพดานสูงมากกว่า 4.2 m.ขึ้นไปเหมือนกัน (ห้องปกติจะสูงอยู่ที่ 2.4 m.)

จึงทำให้ภายในห้องมีบรรยากาศที่สูงโปร่งมากเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น และมีบันไดให้เดินขึ้น-ลงชั้นลอยได้ด้วย จึงให้ความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่บ้านเลยทีเดียวครับ ซึ่งปัจจุบันจะมีให้เลือก 3 โครงการคือ

ลักษณะเด่นของห้องสไตล์ Loft คือ ‘พื้นที่ชั้นลอย’ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ไม่เกิน 40% ของพื้นที่ห้องทั้งหมด จึงทำให้เป็นห้องที่มีฟังก์ชันยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราได้ช่องแสงขนาดใหญ่และมีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษด้วยครับ โดยสำหรับคนที่สนใจห้องประเภทนี้ ก็มี 3 สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษร่วมด้วยก็คือ

  • ราคา : เนื่องจากตัวห้องมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่าย่อมมีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่าห้องแบบปกติอยู่พอสมควร
  • ความสะดวกในการใช้งานฟังก์ชัน : การเดินขึ้น-ลงบันไดทุกวัน อาจไม่สะดวกสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น เด็ก หรือผู้สูงอายุ และถึงแม้จะเป็นคนปกติที่แข็งแรง ก็ยังต้องใช้ความระมัดระวัง ในการใช้งานบันไดอยู่เสมอ
  • การออกแบบและจัดแบ่งฟังก์ชัน : พื้นที่ชั้นลอยส่วนใหญ่มักจะมี Space เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างของห้องเพื่อความโปร่งโล่ง แต่ก็ต้องแลกมากับปริมาตรห้องที่เครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นอาจต้องมีการกั้นฟังก์ชันเพิ่มเติมเอง เพื่อให้ตัวห้องมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

2. คอนโดที่มีส่วนกลางน่าสนใจ และให้มาเยอะสุดในย่าน

Life Ladprao Valley จาก AP เป็นโครงการที่มีความโดดเด่นเรื่อง Facilities ที่ให้มามากสุดในย่านตอนนี้ก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากจะมีส่วนกลางถึง 4 ชั้น และมีสระว่ายน้ำมากถึง 3 สระแล้ว ยังออกแบบได้ถึง Concept ของความเป็นหุบเขาและการผจญภัยได้ดีมากๆอีกด้วย ซึ่งหากใครที่ชอบการใช้งานฟังก์ชันส่วนกลางอยู่แล้ว ก็คงจะถูกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยการที่สามารถทำพื้นที่ส่วนกลางมาได้เยอะแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มียูนิตเยอะถึง 1,140 ยูนิต จึงต้องมีเพื่อนบ้านมาแชร์การใช้งานร่วมกันเยอะอยู่สักหน่อย แต่โครงการก็ได้กระจายฟังก์ชัน Facilities ออกเป็นหลายๆจุดแบบนี้ เพื่อช่วยลดความหนาแน่นในการใช้งาน และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเอง

Life Ladprao Valley มี Concept ในการออกแบบ Valley + Adventure โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คนในเมืองที่เป็น World Explorer หรือเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว การเดินทาง ท่องโลกกว้างไปยังสถานที่ต่างๆ อาจเป็นคนที่เบื่อชีวิตและความวุ่นวายในเมือง แล้วกำลังมองหาโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่สนุก ตื่นเต้น และมีกิจกรรมที่ให้รู้สึกเหมือนเราได้ผจญภัยในทุกๆวัน

สำหรับฟังก์ชันเด่นๆที่น่าสนใจต่างจากที่อื่นๆก็ เช่น สระว่ายน้ำในสวนส่วนตัวบนชั้น 6 ที่เราสามารถแช่น้ำไปและดูหนังที่ฉายไปด้วยได้ / Skywalk Circuit บนชั้น 44 ที่จำลองการเดินขึ้นเนินเขาให้เราได้ออกกำลังกาย หรือจะไปปีนหน้าผาจำลองจริงๆเลยก็มี / สระว่ายน้ำบนชั้น 44M ที่มี Highlight หลักคือ Skylight เป็นพื้นกระจกใต้สระว่ายน้ำ ที่ใครมาโครงการนี้ก็จะต้องแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันได้ให้ เป็นต้น

อ่านรีวิวเจาะลึก :

3. คอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly)

สำหรับใครที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมว โครงการของ Metris จาก Major Development น่าจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีครับ เพราะเค้าเป็นแบรนด์คอนโดที่อนุญาตให้สามารถเลี้ยงสัตว์ในห้องได้ไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีฟังก์ชันส่วนกลางที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับให้น้องๆสัตว์เลี้ยงได้ใช้งานอีกด้วย โดยปัจจุบันในทำเลห้าแยกลาดพร้าวนี้ก็จะมีอยู่ 2 โครงการ คือ

**สำหรับข้อกำหนดการเลี้ยงสัตว์ ให้ห้องพักอาศัย 1 Bedroom 1 ตัว / 2 Bedrooms 2 ตัว และสัตว์เลี้ยงน้ำหนักไม่เกิน 15 กก. เลี้ยงสัตว์ได้ทุกชนิด ยกเว้นสัตว์มีพิษและสัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงยังต้องมีการตรวจสุขภาพประจำทุกปี และยังอาจต้องเสียค่าส่วนกลางเพื่อบำรุงรักษาสถานที่เพิ่มเติมมากกว่าห้องปกติด้วยครับ

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าจุดเด่นของ Metris คือฟังก์ชันส่วนกลางสำหรับน้องๆสัตว์เลี้ยง ที่จัดออกมาให้ได้ใช้งานกันอย่างจริงจัง ได้แก่

  • Cat Haus : ห้องสำหรับน้องแมวที่มีเครื่องปีนป่ายให้น้องๆได้สนุกกัน และคนก็สามารถเข้าไปนั่งเล่นด้วยได้เหมือนเป็นคาเฟ่แมวเลยครับ
  • Multi-Pet Playroom : เป็นห้องที่มีพื้นที่วิ่งเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ เช่น หนู กระต่าย กระรอก ให้สามารถออกมาวิ่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศกันได้
  • Pet Park : สวนกลางแจ้งของน้องหมาน้องแมว ให้ได้มาวิ่งสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกห้อง

อีกหนึ่งความพิเศษในการออกแบบคือ ผนังแบบ Double Wall ด้วยความที่โครงการนี้อนุญาตให้สามารถเลี้ยงสัตว์ภายในห้องได้ จึงมีการคิดเผื่อกรณีที่น้องๆอาจมีการส่งเสียงดังในบางครั้ง จึงได้มีการก่อผนังระหว่างยูนิตไว้ถึง 2 ชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านข้างๆเอาไว้แล้ว

นอกจากนี้ภายในห้องพักอาศัยยังมีการใช้วัสดุแบบ Non-Toxic Materials ที่จะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ ที่อาจติดมาจากน้องๆสัตว์เลี้ยงได้ดีกว่าวัสดุทั่วไป นับว่าทาง Major ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดได้ดีทีเดียว ซึ่งหลายๆอย่างเราก็จะไม่ได้เห็นในโครงการคอนโดทั่วๆไปเลยครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

4. คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายและคุ้มค่าสุดในย่าน (เมื่อเทียบต่อตารางเมตร)

โครงการที่ว่าก็คือ The Line Vibe จาก Sansiri ซึ่งหากเราลองสำรวจตลาดคอนโดย่านนี้ดูดีๆจะพบว่า โครงการนี้มีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรถูกสุดอยู่ที่ 102,800 บาท หรือเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท ในขณะที่เพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะมีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่าอยู่ที่ 120,000 – 200,00 บาท

เรียกได้ว่าโครงการ The Line Vibe เป็นหนึ่งในคอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่าย และคุ้มค่าที่สุดในปัจจุบัน (ถ้าเทียบเป็นราคาต่อตารางเมตรนะ เพราะขนาดห้องที่นี่จะเริ่ม 30 ตร.ม. ในขณะที่บางโครงการอาจเริ่มแค่เพียง 22 ตร.ม. แบบนั้นราคาเริ่มต้นอาจถูกกว่าก็จริง แต่ถ้าคิดแบบเฉลี่ยก็จะสูงกว่าอยู่ดี)

เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านห้าแยกลาดพร้าว แต่ก็อาจมีงบประมาณที่จำกัดอยู่สักหน่อยนั่นเองครับ แน่นอนว่าจะต้องแลกมากับทำเลหรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านนั่นเอง

อย่างแรกเลยก็คือ ‘ทำเล’ โดยโครงการ The Line Vibe จะเป็นโครงการตึกที่ 3 ที่อยู่ด้านในสุดของ Abstract และ The Line พหลโยธิน พาร์ค โดยจะอยู่ลึกเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 500 m. ในขณะที่เพื่อนบ้านอื่นๆมักจะอยู่ติดถนนใหญ่ด้านหน้า และไม่ต้องเดินไกลจากสถานีแบบนี้ครับ

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ด้านหน้าปากซอยก็ค่อนข้างสะดวกอยู่ไม่น้อย เพราะจะมีทั้งห้างโลตัสให้จับจ่ายใช้สอย และมีบันไดทางขึ้น Skywalk ให้เดินเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว + เดินไปห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวได้เลย เพียงแต่อาจมีระยะที่ค่อนข้างไกลกว่าเพื่อนบ้านอยู่สักหน่อยนั่นเอง

ส่วนความน่าสนใจอีกอย่างก็คือ เป็นตึกที่อยู่ ‘ใกล้อาคารจอดรถมากที่สุด’ ซึ่งสะดวกกับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองมาก เพราะเราไม่จำเป็นต้องเดินผ่านตึกอื่นไกลๆให้เสียเวลา รวมถึงยังมี ‘พื้นที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่’ เป็นของส่วนกลางอีกด้วย ซึ่งจะใช้งานและเป็นสินทรัพย์ส่วนกลางร่วมกันของทั้ง 3 โครงการครับ

อีกหนึ่งประเด็นก็คือ ‘สเปควัสดุ’ โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted อาจต้องเผื่องบในการตกแต่งห้องเพิ่มเติมเองเอาไว้ด้วย โดยวัสดุอื่นๆที่โครงการให้มาผมมองว่าค่อนข้างเป็นมาตรฐาน และอาจไม่ได้หวือหวาถ้านำไปเทียบชนกับเพื่อนบ้านจริงๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามระดับราคาที่ทำออกมาให้จับต้องได้ง่ายแบบนี้นั่นเอง

อ่านรีวิวเจาะลึก :

5. คอนโดที่อยู่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุดในย่าน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า The Crest Park Residences จาก SC Asset เป็นแปลงคอนโดที่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุดในปัจจุบัน (มีเพียงที่ดินของจักรวาลโฟโต้ดิจิตอล คั่นอยู่แค่แปลงเดียวเท่านั้น) ซึ่งข้อดีและจุดเด่นของทำเลที่ดินโครงการแบบนี้มีค่อนข้างเยอะเลยครับ ได้แก่

  • ใกล้รถไฟฟ้า 2 สายในระยะเดินถึงได้สบายๆ : โดยจะอยู่ห่างจาก MRT พหลโยธิน 80 m. และบันไดขึ้นรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว 20 m. แน่นอนว่านอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังได้ในเรื่องความปลอดภัยในการเดินมาใช้งานทุกช่วงเวลาอีกด้วย เพราะแทบจะไม่ต้องเดินผ่านที่มืดๆเปลี่ยวๆตอนกลางคืนเลยนั่นเองครับ (ลงบันไดมาปุ๊ป ก็คืออยู่ในสายตายามโครงการพอดี)
  • ใกล้ความอุดมสมบูรณ์และห้างสรรพสินค้า : สำหรับห้าง Union Mall เรียกได้ว่ามีรั้วติดกันเลยครับ ซึ่งจะห่างจากประตูทางเข้าประมาณ 50 m. ส่วนห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวก็สามารถเดินไปได้ในระยะ 160 m. เท่านั้น และรอบๆโครงการก็ยังมีร้านค้าและร้านอาหารอีกมากเลยครับ เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์สุดๆไปเลย
  • ได้วิวพื้นที่สีเขียวกว่า 700 ไร่ : ด้วยความที่อยู่ติดถนนใหญ่และใกล้ห้าแยกลาดพร้าวมากที่สุด จึงการันตีได้ว่าจะไม่มีตึกสูงที่จะขึ้นมายังวิวสวนในอนาคต ทำให้เราสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวของสวนรถไฟ สวนจตุจักร และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้ตลอดไป

และด้วยจุดแข็งต่างๆของทำเลที่ตั้งโครงการแปลงนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม SC Asset ถึงได้นำแบรนด์ The Crest ที่เป็นคอนโดระดับ Luxury ที่สุดของเค้ากลับมาลงอีกครั้งหนึ่ง (หากไม่นับรวมโปรเจคพิเศษอย่าง 28 Chidlom / Beatniq / Saladaeng One)

ซึ่งถือเป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 8 ปี และแน่นอนว่านี่ยังถือเป็นโปรเจคที่มีราคาเริ่มต้นสูงที่สุดในย่านด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันจะมีราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท (หรือเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม.)

แต่นอกจากเราจะได้ทำเลที่ดี มีวิวที่การันตีเจ๋งๆแล้ว การเลือกใช้วัสดุต่างๆ ก็นับว่าให้ของแต่เกรด Premium สมราคาจริงๆครับ เช่น ชุดครัวครบเซ็ตจาก Gorenje ทั้งเตาไฟฟ้า เตาอบ และเครื่องดูดควัน / หน้าบานตู้เป็นกระจก Hi-Gloss สีแชมเปญ / พื้นห้อง Hybrid Engineered Wood / โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก TOTO และได้ฝ้าเพดานสูง 3 m. เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นสเปคที่สูงที่สุดในย่านตอนนี้เลยครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

อันดับ 2 สถานี หมอชิต – อารีย์

..หากพูดถึงย่าน ‘อารีย์’ นอกจากจะเป็นแหล่ง Community Mall และคาเฟ่สไตล์ชิคๆแล้ว ยังเป็นแหล่งงานที่สำคัญย่านหนึ่งของกรุงเทพอีกด้วยครับ เพราะทำเลนี้มีอาคารสำนักงานต่างๆมากมาย เช่น Pearl Bangkok / EXIM Bank Building / SC Tower และ AIS Tower เป็นต้น ดังนั้นเราจึงสามารถเห็นพนักงานออฟฟิศ ออกมาเดินจับจ่ายใช้สอยในทำเลนี้กันเยอะคือเป็นเรื่องปกติ

แน่นอนว่า Demand ที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ แต่สำหรับ Supply อย่างพวกที่ดินที่จะสร้างคอนโดมิเนียนใหม่ๆ กลับมีน้อยลงจนเรียกว่าแทบหาได้ยากมากๆ (Rare Item) เนื่องจากทำเลนี้เป็น ‘ย่านผู้ดีเก่า’ ซึ่งคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างมีฐานะ และไม่ค่อยจะยอมขายบ้านหรือที่ดินให้ผู้พัฒนาได้ง่ายๆ อีกทั้งราคาที่แถวนี้ก็พุ่งสูงกว่า 200,000 – 500,000 บาท/ตร.วาเข้าไปแล้ว

ดังนั้นเวลาที่เกิดโครงการอสังหาใหม่ๆในย่านนี้ ก็มักจะเป็นโปรดักส์ระดับ Luxury ที่มีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร โดยเฉพาะซอยฝั่งอารีย์จะมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า และยังสามารถลัดไปขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ง่ายอีกด้วย

แต่ถ้าเป็นซอยฝั่งพหลโยธินก็จะมีราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้นมาหน่อย แลกกับการที่ต้องเข้าไปอยู่ภายในซอยที่คึกคักน้อยกว่าครับ โดยปัจจุบันจะมีโครงการมือ 1 ที่เปิดขายอยู่ทั้งหมด 6 โครงการ และมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

  1. คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในย่าน
  2. คอนโดระดับ Luxury ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในย่าน
  3. คอนโดที่ใกล้ BTS อารีย์ มากที่สุดในย่าน
  4. คอนโดในซอยที่เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากที่สุดในย่าน
  5. คอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่ของย่าน

1. โครงการที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในย่าน

หากใครที่กำลังหาคอนโดราคาไม่สูงใกล้ย่านอารีย์ ก็อาจต้องลองมองเป็นสถานีใกล้เคียงอย่าง BTS หมอชิต หรือสะพานควาย กับโครงการ DENIM Jatujak ซึ่งจะมีราคาห้องเริ่มต้นน้อยกว่าอยู่ที่ 2.39 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 95,000 บาท/ตร.ม. (Fully Furnished)

ซึ่งหากเทียบกับราคาคอนโดตรงสถานีอารีย์แล้ว ก็ถือว่าประหยัดเงินไปได้หลายแสน หรือเผลอๆก็อาจเป็นล้านเลยทีเดียว โดยแลกกับทำเลที่เป็นรองอยู่ในซอยย่อย และห่างจากรถไฟฟ้ามากกว่าเพื่อนประมาณ 1 – 1.5 km. แต่ก็ยังพอจะสามารถนั่งรถสาธารณะอย่างวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อไปขึ้น BTS ได้ไม่ยากครับ

รวมถึงยังต้องแลกมากับการเป็นโครงการขนาดใหญ่ และเพื่อนบ้านที่มีมากถึง 1,813 ยูนิต แบ่งออกเป็น 3 Tower ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดของย่านในบทความนี้อีกด้วยครับ แต่ก็มีข้อได้เปรียบคือ ‘ส่วนกลาง’ ที่มีมาให้เยอะด้วยเช่นกัน เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้านทุกคนนั่นเอง

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้โครงการ DENIM Jatujak มีราคาจับต้องได้ง่ายก็คือ ‘ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เล็ก แต่จัดฟังก์ชันลงตัวมาก’ โดยห้องพักจะมีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 22.5 ตร.ม. เท่านั้นครับ แต่ก็ยังได้ครัวปิดที่อยู่ทางด้านหน้าห้อง และบริเวณข้างหน้าต่างก็ยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานอีกด้วย เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน หรือถ้าจะลงทุนเปล่าเช่าให้กับพนักงานออฟฟิศก็น่าสนใจ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

2. คอนโดระดับ Luxury ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในย่าน

สำหรับ 2 โครงการอย่าง Aritier Penthouse At Ari และ KARA Ari – Rama 6 เป็นคอนโดที่มีราคาเริ่มต้น 10 – 17.9 ล้านบาทขึ้นไป หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 190,000 – 200,000 บาท/ตร.ม. แน่นอนว่าหลายๆองค์ประกอบย่อมมีความพิเศษ แตกต่างจากโครงการทั่วๆไปในย่านอย่างมาก

โดยสิ่งที่โดดเด่นอย่างแรกเลยก็คือ ‘ความเป็นส่วนตัวสูงสุด’ ซึ่งทั้งสองเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีเพื่อนบ้านอยู่เพียง 24 – 28 ยูนิต และสำหรับ KARA Ari – Rama 6 ก็จะมีเพื่อนร่วมชั้นเพียง 4 ยูนิตเท่านั้นอีกด้วย พร้อมทั้งยังได้เป็นโถงทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor จึงนับว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยที่สูงมากครับ

นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่มี ‘จำนวนที่จอดรถเยอะมากที่สุด’ อีกด้วย โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 100 – 150% ของจำนวนห้องพักอาศัย (Automatic Parking) ทำให้สามารถการันตีได้ว่าทุกๆห้องจะมีที่จอดรถให้ใช้งานได้ แบบไม่ต้องแย่งหรือจอดรถซ้อนคันกันเลยนั่นเอง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ‘ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ และกว้างขวาง’ จึงทำให้เหมาะกับการอยู่อาศัยร่วมกันจริงจังได้หลายคนสบายๆ ซึ่งอาจมีลูกสัก 1 คน หรือจะเป็นพี่น้องอยู่ด้วยกันก็ได้ อีกทั้งการที่ห้องพักมีขนาดใหญ่แบบนี้ ก็ยังทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านอีกด้วยครับ โดยแบบห้องของแต่ละโครงการจะประกอบด้วย

  • KARA Ari – Rama 6 : 2 Bedrooms ขนาด 60 – 61.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท
  • Aritier Penthouse At Ari : 1 Bedroom – Penthouse ขนาด 62 – 110 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.5 – 17.9 ล้านบาท

อ่านรีวิวเจาะลึก :

3. คอนโดที่ใกล้ BTS อารีย์มากที่สุด

โครงการใหม่ล่าสุดจาก Noble ชื่อว่า Nue Evo Ari ตั้งอยู่ภายในซอยอารีย์ 1 ซึ่งเข้าไปจากถนนใหญ่พหลโยธินไม่ลึกเลยครับ และอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานี อารีย์ ประมาณ 300 m. เท่านั้น ถือเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ และยังนับว่าเป็นคอนโดที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากที่สุดในบทความนี้อีกด้วยครับ โดยมีราคาขายเริ่มต้น 3.9 – 6.4 ล้านบาท

อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ ‘แปลนห้องพักอาศัย’ ซึ่งปกติแล้วทาง Noble เค้ามักจะชอบทำเป็นห้องหน้ากว้าง ที่สามารถจัดฟังก์ชันได้ค่อนข้างลงตัว และยังมีความเป็นส่วนตัวทุกแบบอีกด้วย (ลองดูจากตัวอย่างแปลน 2 ห้องนี้ได้ครับ) เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังมองหาห้องพักอาศัยแบบนี้อยู่

อ่านรีวิวเจาะลึก :

เนื่องจากทาง ThinkofLiving ยังไม่ได้เข้าไปทำรีวิวโครงการนี้ จึงยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆมากนัก และหากมีโอกาสได้เข้าไปทำรีวิวเมื่อไหร่ จะลองมาวิเคราะห์กันดูใหม่อีกนะครับ

4. คอนโดในซอยที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากที่สุด

ใครที่อยากอยู่ย่านอารีย์ แต่ต้องการทำเลที่เงียบสงบไม่พลุกพล่าน ก็น่าจะเหมาะกับโครงการ Savvi Phahol 2 นี้มากๆครับ เพราะทำเลของเค้าจะตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 2 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมถนนพหลโยธินกับถนนวิภาวดีรังสิตได้ จึงทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะไปทางวิภาวดีทำได้สะดวกมากเลยทีเดียว

สำหรับซอยพหลโยธิน 2 จะเป็นซอยสั้นๆที่เป็นชุมชนเป็นส่วนใหญ่ และบริเวณด้านหน้าโครงการก็จะไม่ค่อยมีรถขับผ่านไป-มามากนัก เป็นโครงการขนาดเล็กที่มีเพื่อนบ้านเพียง 64 ยูนิตเท่านั้น จึงทำให้บรรยากาศในการอยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวที่ดีเลยครับ ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะ โดยห้องที่ยังเหลือขายอยู่จะเป็น 2 Bedrooms ขนาด 45.56 – 80.11 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.59 ล้านบาท

อ่านรีวิวเจาะลึก :

5. คอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่ของย่าน

Lumpini Selected Sutthisan-Saphan Khwai ถือว่าเป็นคอนโดหนึ่งเดียวของย่านในวันนี้เลยนะครับ ที่มีทำเลอยู่ติดถนนใหญ่สุทธิสารวินิจฉัยแบบนี้ ซึ่งเป็นตึกเสร็จที่เราเคยได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายรีวิวเมื่อ 5 ปีก่อน และได้ข่าวว่าตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ยูนิตแล้วนะ

โดยความโดดเด่นของคอนโดที่อยู่ติดถนนใหญ่ก็คือ สามารถเรียกรถสาธารณะด้านหน้าโครงการได้สะดวก เพราะจะมีรถแท็กซี่ สองแถว รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ขับผ่านได้ง่ายกว่าโครงการที่อยู่ในซอย อีกทั้งเวลาในช่วงกลางคืนก็จะไม่เปลี่ยว หรืออันตรายเหมือนโครงการในซอยเล็กๆมากนักอีกด้วย

ความน่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ การออกแบบห้องเป็นลักษณะ Interlocking คือ จะมีฟังก์ชันห้องน้ำที่ยื่นออกมาด้านข้างของห้อง เพื่อทำการเข้าล็อคพอดีกับห้องที่อยู่ติดกันข้างๆ ข้อดีคือจะทำให้พื้นที่ Common area ไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับห้องน้ำ เราจึงได้ห้องที่ดูโปร่งโล่งมากขึ้น โดยไม่มีเหลี่ยมมุมเสายื่นออกมาบังสายตาเลยนั่นเอง

ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแรกๆของ LPN เลยก็ว่าได้ครับ ที่สมัยนั้นเพิ่งจะเริ่มมีการนำระบบนี้เข้ามาใช้ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในเรื่อง ‘นิติบุคคล’ ที่มีชื่อเสียงในด้านการบริหารจัดการ และดูแลโครงการได้ค่อนข้างดีได้มาตรฐานอีกด้วย

อ่านรีวิวเจาะลึก :

อันดับที่ 3 สถานี พระโขนง – อ่อนนุช

..ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตอนที่เพิ่งจะเริ่มเปิดบริการสถานีรถไฟฟ้า BTS กันเป็นครั้งแรก ซึ่งสถานีอ่อนนุชสถานีต้นทางของสุขุมวิทตอนปลายในการเข้าเมือง และได้เติบโตจนกลายมาเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างรถสาธารณะอื่นๆอีกมากมาย จึงได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยและลงทุนเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน ที่ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่ความต้องการที่อยู่อาศัยของย่านนี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย

ทีนี้เราลองมาคิดกันดูเล่นๆว่า ..ทำไมคอนโดแถวพระโขนง-อ่อนนุช ถึงได้มาแรงแซงรุ่นพี่ที่ใกล้เมืองกว่าอย่าง พร้อมพงษ์-ทองหล่อ? ทั้งๆที่อยู่ทำเลใกล้เคียงกัน รถไฟฟ้าก็วิ่งผ่านเหมือนกัน ของกินก็อุดมสมบูรณ์พอๆกัน

ซึ่งสิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ ‘ราคา’ ที่ถึงแม้จะห่างกันเพียง 4 – 5 สถานี หรือเสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นมาแค่ 10 นาที แต่กลับต้องเสียเงินเพิ่มเป็น 2 – 3 เท่า (พระโขนง-อ่อนนุช = 100,000 – 165,000 บาท/ตร.ม. , พร้อมพงษ์-ทองหล่อ = 200,000 – 300,000 บาท/ตร.ม.)

และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าคิดก็คือ ..อนาคตของย่านอ่อนนุชจะเป็นอย่างไรต่อไป? ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าที่นี่จะกลายเป็น Hub ในการอยู่อาศัยและเดินทางเชื่อมต่อไปได้ทั่ว ทั้งในกรุงเทพและสมุทรปราการ

เพราะอย่าลืมว่าทุกวันนี้ตรงแถวๆโซนบางนา-ตราด กำลังมี Mega Project และอาคารสำนักงานเกิดขึ้นใหม่มากมาย ดังนั้นแหล่งงานในอนาคต จึงอาจไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าเข้าเมืองเพียงอย่างเดียวแล้วก็ได้ ซึ่งทำเลพระโขนง-อ่อนนุช มีความได้เปรียบในการเดินทางทั้ง 2 โซนที่สะดวกดีมากๆอยู่ครับ

ทั้งหมดนี้จึงพอจะทำให้เห็นภาพกันชัดเจนมากขึ้นแล้วว่า ทำไมย่านพระโขนง-อ่อนนุชจึงมีความน่าสนใจ และตลาดซื้อขาย/ปล่อยเช่าก็ยังคงคึกคักอยู่เสมอ ซึ่งก็มี Demand จากทั้งชาวไทยและต่างชาติครับ โดยคอนโดมือ 1 ที่ยังมีขายอยู่ในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากถึง 14 โครงการ และผมก็ได้แบ่งกลุ่มความน่าสนใจออกมาเป็น 4 กลุ่มดังนี้

  1. คอนโดที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ในระยะที่สามารถเดินถึงได้
  2. คอนโดที่มีราคาจับต้องได้ง่ายของย่าน
  3. คอนโดที่มีห้องฝ้าเพดานสูง (Loft / Vertical Suite)
  4. คอนโดที่ใกล้จุดขึ้นทางด่วน

1. คอนโดที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ในระยะที่สามารถเดินถึงได้

การที่เรามีคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดิน จะช่วยประหยัดทั้งเวลาในการเดินทาง ที่จะไม่ต้องมาคอยฟันฝ่ารถติดก่อนมาขึ้นรถไฟฟ้า รวมถึงยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางหลายต่ออีกด้วย โดยทั้ง 4 โครงการนี้จะมีระยะเดินอยู่ที่ประมาณ 200 – 400 m. ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเดินได้จริง ประกอบด้วย

  • Chambers Onnut Station มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 200 m.
  • Aspire Onnut Station มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 200 m.
  • Ideo Sukhumvit – Rama 4 มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 350 m.
  • Quintara Arte Sukhumvit 52 มีระยะเดินอยู่ที่ ~ 400 m.

และนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศตัวอย่าง ของโครงการที่เหมาะแก่การเดินครับ ซึ่งระหว่างทางหากมีร้านค้าอยู่ด้วย ก็จะทำให้เราสามารถแวะซื้อของก่อนกลับเข้ามาได้สะดวก หรือถ้ามีฟุตบาทก็จะทำให้เราเดินได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

แต่ที่สำคัญคือ ซอยทางเข้าโครงการไม่ควรจะเปลี่ยว หรือมีแสงน้อยจนมืดมากเกินไป เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ง่ายๆ แนะนำว่าหากเราไม่ใช่คนพื้นที่ ก็อาจลองมาสำรวจดูตอนช่วงกลางคืนก่อนด้วยก็ได้ครับ ซึ่งจะช่วยทำให้เราได้เห็นภาพและพิจารณาได้ง่ายมากขึ้น ว่าโครงการนั้นๆมีความปลอดภัยในการเดินหรือไม่อย่างไร

อ่านรีวิวเจาะลึก :

2. คอนโดที่อยู่ภายในซอย ราคาจับต้องได้ไม่ยาก

ใครที่กำลังมองหาคอนโดในย่านพระโขนง-อ่อนนุช แต่มีงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด ผมแนะนำให้ลองหาเป็นโครงการที่อยู่ภายในซอยย่อยต่างๆ เช่น 4 โครงการนี้ ได้แก่

ซึ่งจะมีราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่า หากเทียบกับเพื่อนบ้านโครงการอื่นๆในละแวกเดียวกัน โดยจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.87 – 2.69 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ  80,000 – 100,000 บาท/ตร.ม. ในขณะที่โครงการส่วนใหญ่มักจะมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 – 150,000 บาท/ตร.ม.

สิ่งที่แลกมาก็คือ ‘ทำเล’ ที่อาจอยู่ภายในซอย และค่อนข้างไกลจากรถไฟฟ้ากว่าคนอื่นหน่อย (อยู่ในช่วงประมาณ 1 – 2 km.) แต่ก็โชคดีที่โครงการส่วนใหญ่มักจะมี Shuttle Service ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านด้วยครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

3. คอนโดที่มีห้องฝ้าเพดานสูง (Loft / Vertical Suite)

อย่างที่เราเคยได้อธิบายไปแล้วว่า จุดเด่นของห้อง Loft หรือห้องฝ้าเพดานสูง ก็คือความโปร่งโล่ง และมีบันไดให้เราได้เดินขึ้น-ลงชั้นลอย ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งในย่านพระโขนง-อ่อนนุชก็จะมีให้เลือกอยู่ 3 โครงการด้วยกัน ประกอบด้วย

เรามาดูตัวอย่างแบบห้องของ Modiz Sukhumvit 50 กันสักหน่อยครับ ซึ่งพื้นที่ใช้สอยมีค่อนข้างเยอะ ฟังก์ชันยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ โดยห้องนี้จะมีห้องนอนให้ใช้งานถึง 2 ห้อง และส่วนตัวผมชอบห้องที่อยู่ชั้นล่างมากกว่า เพราะมีประตูให้เข้าห้องน้ำได้สะดวก อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาเดินขึ้น-ลงให้เหนื่อยอีกด้วย (แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน) และจัดว่าเป็นห้องที่สามารถอยู่ได้ 2 – 3 คนเลยครับ

แต่จุดเด่นของการออกแบบห้องนี้จริงๆคือ การออกแบบให้ทุกๆฟังก์ชันได้อยู่ติดกับช่องแสงทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถได้รับแสงหรือชมวิวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการมองผ่าน Living Area เพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัวให้มากขึ้นได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่มีแขกมาเราก็สามารถปิดม่านหรือกั้นห้องแยกเป็นส่วนตัวได้ โดยที่ภายในห้องนอนจะไม่มืดทึบหรืออึดอัด เพราะยังมีช่องแสงเป็นของตัวเองอยู่ภายในครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

ส่วนในด้านของโครงการ ASPIRE Sukhumvit – Rama 4 เค้าจะมีจุดเด่นอีกอย่างคือเรื่อง ‘พื้นที่ส่วนกลาง’ ที่ได้จัดเต็มมาให้ใช้งานกันกว่า 5,000 ตร.ม. โดยเน้นการออกแบบพื้นที่และสวนส่วนกลางที่สามารถเชื่อมต่อการใช้งานได้แบบ Infinity Loop ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชาวเมืองที่ต้องการ WORK – ACTIVE – RETREAT ครบเลยนั่นเองครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

4. คอนโดที่ใกล้จุดขึ้นทางด่วน

สำหรับใครที่เน้นการขับรถเข้าเมือง ด้วยการขึ้นทางด่วนฉลองรัชไปรามอินทราเป็นประจำ ผมแนะนำ 3 โครงการที่อยู่ใน T77 และซอยปรีดีพนมยงค์ครับ ซึ่งจะเป็นทำเลที่ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัชไปรามอินทราได้สะดวกมาก เพราะจะมีถนนให้ให้เป็นทางลัดเลาะ ไปขึ้นทางด่วนได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปรถติดที่ถนนใหญ่ด้านนอก ประกอบด้วย

  • NIA by Sansiri : ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 200 m. / ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 1.2 – 1.5 km.
  • Kawa HAUS : ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 650 m. / ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 1.6 km.
  • The Nest Sukhumvit 71 : ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 500 m. / ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 850 km.

สำหรับถนนภายในของโครงการ T77 (สีแดง) นับว่าเป็นทางลัดที่สำคัญ ในการขับรถผ่านเข้า-ออกถนนอ่อนนุชไปยังทางด่วนฉลองรัช ซึ่งหากเป็นลูกบ้านในโครงการของแสนสิริอยู่แล้ว เราจะไม่ต้องเสียค่าผ่านทางเวลาต้องขับผ่าน T77 เลยครับ แต่ถ้าไม่ใช่ลูกบ้านก็จะต้องเสียเงินก่อนตามปกติ (น่าจะ 10 – 20 บาทเนี่ยแหละครับ)

ส่วนซอยแสงทิพย์ที่อยู่ทางฝั่งปรีดีพนมยงค์ (สีฟ้า) ก็เป็นซอยที่สามารถขับรถสวนทางกัน 2 เลนได้ จึงทำให้สามารถลัดมาขึ้นทางด่วนได้สะดวกมาก แต่ถ้าเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วนจริงๆ ซอยนี้ก็ค่อนข้างมีรถเยอะเป็นเรื่องปกติอยู่เหมือนกันครับ

อ่านรีวิวเจาะลึก :

..ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความ 3 อันดับทำเลคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ที่คนมองหากันมากที่สุดในปี 2566 ซึ่งก็จัดเต็มกันไปกว่า 28 โครงการกันเลยทีเดียว หวังว่าจะมีโครงการที่เพื่อนๆสนใจ และช่วยเป็นแนวทางในการเลือกทำเลที่ตรงใจกับทุกคนได้บ้างนะครับ และครั้งหน้า Think of Living จะมีบทความอะไรมาฝากกันอีก ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ