รีวิวโครงการ

The Sneak EP.120 : ดุสิต เรสซิเดนเซส – ดุสิต พาร์คไซด์

11 กันยายน 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจและมีความเฉพาะตัวมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โครงการนี้คือ Dusit Residences และ Dusit Parkside คอนโดมิเนียมระดับ Luxury จาก วิมานสุริยา ค่ะ

คอนโดมิเนียม 2 สไตล์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ mixed-use project ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Dusit Central Park ประกอบด้วย โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และ คอนโดมิเนียม เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจุดที่น่าสนใจของคอนโดมิเนียมทั้ง 2 โครงการนี้คือ

  • ที่ดินโครงการ : ที่มีหน้ากว้างขนาดใหญ่ ติดถนนพระราม 4 หันหน้าเข้าหาสวนลุมซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาด 360 ไร่ ได้วิวสวนแบบจัดเต็ม
  • ความสะดวกในการเดินทาง : ทำเลใจกลางเมือง เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนพระราม 4 ซอยสีลม และซอยศาลาแดง รวมไปถึงติดกับรถไฟฟ้าสายหลักสถานี interchange สถานีสีลม(BTS) และ สถานีศาลาแดง(MRT) ที่ชาวกรุงเทพฯ ใช้เป็นหลักด้วยค่ะ
  • ความอุดมสมบูรณ์ : ความสะดวกสบายจากการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประเภท mixed-use และทำเลที่อยู่ตรงสีลม/สวนลุม ซึ่งมีร้านค้า ร้านอาหารชื่อดังมากมายเป็นตัวเลือกในการใช้ชีวิต
  • การออกแบบ : ในส่วนของคอนโดมิเนียมจะมีการดีไซน์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่คนเดียวและอยู่กันเป็นครอบครัว รวมถึงการออกแบบห้องพักอาศัยหรือพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ก็คำนึงถึงการใช้ชีวิต โดยออกแบบให้สามารถใช้ชีวิตได้สบาย ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างทั่วถึงในทุกฟังก์ชัน
  • การให้บริการภายในคอนโดมิเนียม : ในคอนโดมิเนียมระดับ Luxury นอกจากตัว product ที่ต้องออกแบบมาดีแล้ว การให้บริการก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้ซื้อคอนโดระดับนี้ต้องการเช่นกันค่ะ โดยคอนโดที่นี่จะมีรูปแบบเป็น Branded Residence ที่พ่วง services จากโรงแรมดุสิตธานีมาให้ด้วย

โดยรีวิวนี้เราจะขอเกริ่นถึงภาพรวมของ Dusit Central Park กันก่อน แล้วจะขอลงรายละเอียดไปยังตัวคอนโดมิเนียมทั้ง 2 สไตล์นะคะ เรามาดูกันว่าทำไมต้องแยกเป็น 2 สไตล์? ทั้ง 2 สไตล?มีอะไรที่แตกต่างกัน? แต่ละสไตล์นั้นเหมาะกับใคร? นอกจากนี้เราจะมีบรรยากาศของห้องตัวอย่าง 3 แบบจากทั้ง 2 โครงการมาให้ดูกันค่ะ ตามกันต่อได้เลย


Dusit Central Park

Dusit Central Park (ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูสโดย บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ซึ่งเกิดจากบริษัทดุสิตธานี กับ เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ได้ร่วมมือกันพัฒนาโปรเจคนี้ลงบนที่ดินของโรงแรมดุสิตธานีเดิม ที่อยู่บนถนนพระราม 4 ตรงข้ามกับสวนลุมพินี และติดกับรถไฟฟ้าสถานีเชื่อมต่อ(interchange) ระหว่างสายสีเขียวและสายสีน้ำเงินซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายหลักของชาวกรุงเทพฯ ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม >> Dusit Central Park

ในโปรเจค Dusit Central Park (ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) นี้จะถูกแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 4 ส่วน ตอบรับทั้งในแง่ธุรกิจ การพักผ่อน และ ที่อยู่อาศัย รองรับการใช้งานของกลุ่มคนทุกวัย โดยทั้ง 4 ส่วนนั้นจะประกอบด้วย

  • โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ :  การปรับปรุงโฉมใหม่โดยได้นำเอาเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมของโรงแรมเดิมที่ยังคงเป็นภาพจำในใจของใครหลายคนมาประยุกต์ใช้ โดยพื้นที่ส่วนโรงแรมนี้จะประกอบไปด้วยห้องพักอาศัย 259 ห้อง

ภาพถ่ายโรงแรมดุสิตเดิม

  • ดุสิต เรสซิเดนเซส : พื้นที่ต่อมาจะเป็นส่วนพักอาศัย (คอนโดมิเนียม) ซึ่งในส่วนนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 สไตล์คือ ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์
  • เซ็นทรัล พาร์ค : จะเป็นส่วนของศูนย์การค้า สามารถมาช้อปปิ้ง กินดื่ม รองรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัย
  • เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส : อาคารสำนักงานที่รองรับธุรกิจทุกระดับ บนทำเลที่เชื่อมต่อสะดวก และมีความอุดมสมบูรณ์ที่สูงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ในการออกแบบพื้นที่ทั้ง 4 ส่วนจะถูกแยกออกจากกันเป็นอาคารสูง 3 อาคาร (โรงแรม, คอนโดมิเนียม และสำนักงาน) โดยพื้นที่ศูนย์การค้าจะเป็นส่วนที่อยู่ตรงกลาง เชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆเข้าด้วยกันค่ะ

ในการออกแบบนั้นแต่ละตึกนั้นก็มีโจทย์สำคัญคือการเปิดมุมมองหรือวิว ให้คนที่ใช้งานในอาคารสามารถมองไปเห็นวิวของสวนลุมซึ่งเป็นสวนใหญ่ของชาวกรุงเทพฯ ขนาด 360 ไร่ได้ และทุกๆอาคารก็จะต้องไม่หันหน้าชนกันค่ะ ซึ่งวิวสวนลุมนี้เองก็ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของโครงการนี้เลย เนื่องจากตัวที่ดินของโครงการเป็นที่ดินหน้ากว้าง เลียบไปกับถนนพระราม 4 ซึ่งฝั่งตรงกันข้ามจะเป็นสวนลุมพินี ทำให้การันตีได้ว่าจะได้วิวสวนขนาดใหญ่แบบจัดเต็ม ไม่มีอาคารไหนมาบังวิวทางฝั่งนี้ได้นะคะ คนที่ใช้งานภายในโปรเจคมิกซ์ยูสนี้ นอกจากจะได้วิวที่เปิดโล่ง ชวนผ่อนคลายแล้ว ก็ยังสามารถเข้าไปใช้งานสวนสาธารณะได้ง่ายด้วย

ROOF PARK

พื้นที่อีกจุดที่น่าสนใจของโครงการ Dusit Central Park แห่งนี้คือ ชั้นบนสุดของส่วน Central Park ที่เป็นศูนย์การค้า โดยจะมีการออกแบบ Roof Park ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา เป็นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการขนาดประมาณ 7 ไร่

ซึ่งพื้นที่สวนนี้เรามองว่าเป็นการออกแบบพื้นที่ส่วนที่ควรเป็นหลังคาให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียว ลดการสะท้อนความร้อนจากวัสดุที่เป็นหลังคาได้ ทำให้คนที่ใช้งานอยู่บนอาคารสูงต่างๆของโปรเจคนี้เมื่อมองออกมาก็จะเจอกับพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นอีกจุด เพิ่มความสบายตา เชื่อมต่อพื้นที่สีเขียวระหว่างตัวโครงการเราเองไปยังสวนลุมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าได้อีกด้วยค่ะ

Image 1/4
ภาพจำลองบรรยากาศ roof park

ภาพจำลองบรรยากาศ roof park

พื้นที่ roof park นี้จะเป็นส่วน public ซึ่งคนทั่วไปที่มาใช้บริการศูนย์การค้าก็สามารถขึ้นมาใช้งานหรือจัดกิจกรรมต่างๆได้ รวมไปถึงคนที่อยู่ในส่วนของคอนโดมิเนียมก็สามารถมาใช้งานได้เช่นกัน จุดนี้เองก็จึงเป็นความท้าทายทางด้านการออกแบบ ว่าจะแบ่งพื้นที่แต่ละส่วนให้มีลำดับการเข้าถึงได้อย่างไร? (จุดไหนที่ควรเป็นพื้นที่ Public หรือจุดไหนที่ควรสร้างความ Privateให้กับคนที่อยู่คอนโดมิเนียม) แต่จากที่เราได้ยินมาคร่าวๆ ในการออกแบบนี้ก็จะมีการเล่นระดับของพื้นที่ส่วนต่างๆ ให้อยู่ในระดับสายตาที่แตกต่างกัน และมีการจัด landscape เลือกพันธุ์ไม้ต่างๆมาช่วยพรางพื้นที่ส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวค่ะ


Dusit Residences

มาดูยังส่วนที่เป็นที่พักอาศัยภายใน Dusit Central Park กันบ้างค่ะ ตัวอาคารของส่วนคอนโดมิเนียมจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในโครงการสูง 69 ชั้น เป็นคอนโดมิเนียมระดับ  Luxury มีรูปแบบการขายเป็น leasehold ระยะเวลา 29+29 ปี (แปลว่าเมื่อซื้อมาจะได้สิทธิ์ในการอยู่อาศัยทั้งหมด 58 ปีค่ะ)

โดยในส่วนของที่พักอาศัยเองก็จะถูกแบ่งออกเป็น 2 สไตล์ที่มีชื่อว่า Dusit Residences ที่มีความเรียบหรูเจาะกลุ่มครอบครัว เน้นรูปแบบห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ ออกแบบมาในสไตล์  ‘Classic Luxury’  กับ Dusit Parkside ที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าที่เด็กลงมาเป็น young generation, คนโสด ที่ต้องการห้องขนาดเล็กลงมา 1-2 ห้องนอน และมีสไตล์การออกแบบ ‘Lifestyle Luxury’ ทำให้ทั้งสองสไตล์นี้ดูแตกต่างกันค่ะ

เนื่องจากทั้ง Dusit Residences และ Dusit Parkside จะอยู่ในอาคารเดียวกัน แต่ว่าทั้ง 2 ส่วนนี้สามารถมองว่าเป็นคนละโครงการกันก็ว่าได้ค่ะ เพราะจะมีการแยกพื้นที่ส่วนกลาง แยกทางเข้า-ออก แยกชั้นพักอาศัยออกจากกัน จะมีเพียงชั้น 8 ที่เป็น Shared facilities ชั้นเดียวที่ใช้ร่วมกันได้เท่านั้น

ข้อมูลพื้นที่ส่วนกลางโครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside

สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง ถ้าดูจากตารางที่เราสรุปมาให้ด้านบนจะเห็นได้ว่าฟังก์ชันแต่ละอย่างที่ให้มาจะเหมือนกันนะคะ เพียงแต่จะแยกอยู่คนละชั้น ในแง่การใช้งานก็ไม่ปะปนกัน โดยการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางแม้จะเป็นฟังก์ชันเดียวกัน แต่ก็จะมีการออกแบบภายในที่สร้างบรรยากาศให้แตกต่างกันอยู่ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศทางเข้าโครงการ Dusit Residences

ภายในโครงการ Dusit Central Park จะมีทางเข้าออกทั้งหมด 3 จุด จากถนนพระราม 4, ซอยสีลม และซอยศาลาแดงค่ะ โดยถนนทั้งหมดจะเชื่อมกันภายในโครงการ แต่ว่าในแต่ละพื้นที่จะมีทางเข้าเฉพาะโซนแยกออกจากกันอีกที ทำให้พื้นที่จอดรถต่างๆไม่เกี่ยวกันนะคะ

อย่างพื้นที่ส่วนพักอาศัยเอง ทั้ง Dusit Residence และ Dusit Parkside ก็จะมีโถงต้อนรับและจุด Drop-off แยกออกจากกันอยู่กันคนละฝั่ง ในแง่การใช้งานก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของ Dusit Residences

Ground Floor
– Grand Lobby & Concierge
– Library
– Meeting Room
– Kids’ Room
– Entertainment Area
– Lounge
– Theatre Room

บรรยากาศของพื้นที่ Lobby ภายใน Dusit Residences บริเวณนี้นอกจากจะเป็นมุมต้อนรับที่ดูโอ่โถงแล้ว ก็จะมีจุด Concierge ที่จะ stanby ดูแลลูกบ้านของโครงการประจำอยู่ด้วยค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศอีกมุมหนึ่งของบริเวณ Lobby

ภาพบรรยากาศ Lounge ที่ชั้น 1 จัดเป็นอีกมุมที่รองรับแขก หรือมานั่งพักผ่อนแบบสบายๆได้เช่นกัน

ชั้น 46
– Reception
– Swimming Pool
– Jet Pool and Kids’ Pool
– Fitness Centre
– Prep Kitchen
– Private Event Room
– Sky Lounge
– Steam & Sauna Rooms

ภาพบรรยากาศ Sky Lounge ที่ชั้น 46 ค่ะ ชั้นนี้ยังคงได้พื้นที่ฝ้าเพดานสูง ดูโอ่โถง มาพักผ่อนได้สบายๆ

Private Event room เป็นโซนที่สามารถมาจัดปาร์ตี้ ชวนเพื่อนมากินข้าวกันได้ค่ะ

Fitness centre พื้นที่ออกกำลังกายที่อยู่ชั้น 46 ใช้งานไปชมวิวสวนลุมได้เต็มที่

อีกมุมของ Fitness Centre ค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของ Dusit Parkside

Ground Floor
– Grand Lobby & Concierge
– Library
– Meeting Room
– Kids’ Room
– Entertainment Area
– Lounge
– Theatre Room

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Lobby ในโซน Dusit Parkside ค่ะ สไตล์การตกแต่งโครงการนี้จะมีสไตล์ในแบบ Lifestyle Luxury ที่ดูทันสมัยขึ้น ซึ่งจะเห็นการเลือกใช้ไม้มาตกแต่ง หรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดูสนุกสนานมากขึ้น

ภาพบรรยากาศ Kids’ Room สำหรับเด็กเล็ก ในห้องนี้จะมีการออกแบบที่ใช้โทนสีพาสเทลค่ะ

ชั้น 29
– Reception
– Swimming Pool
– Jet Pool and Kids’ Pool
– Fitness Centre
– Prep Kitchen
– Private Event Room
– Sky Lounge
– Steam & Sauna Rooms

ชั้น 29 จะเป็น main facilities ของส่วน Dusit Parkside โดยจะมีสระว่ายน้ำแบบ Lap pool ยาวถึง 36 เมตร มาใช้งานออกกำลังกายได้และสามารถชมวิวสวนลุมระหว่างใช้งานได้เต็มที่ด้วยค่ะ

ภาพบรรยากาศ Sky lounge ของ Dusit Parkside ที่ชั้น 29

ภาพบรรยากาศโซน Private event room

ภาพบรรยากาศโซน Private event room ที่สามารถจองพื้นที่นัดเพื่อนมาสังสรรค์ที่โซนนี้ได้ค่ะ

บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางชั้น 8 ที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Dusit Residences และ Dusit Parkside

ที่ชั้น 8 จะเป็น Facilities ที่ใช้ร่วมกันระหว่างโครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside ประกอบไปด้วย

– Wellness Center
– Workout Studio
– BBQ Area
– Spa & Salon Facilities
– Garden Terrace
– Kids’ World
– Multi-purpose Room
– Outdoor Garden
– Function Lawn

โซน Spa & Salon Facilities นัดช่างมาเสริมความงามกับแบบ Private ได้ที่นี่เลยค่ะ


ห้องพักอาศัยโครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside

การออกแบบห้องพักอาศัยของทั้ง 2 โครงการเรามองว่ามีการออกแบบทั้งขนาดพื้นที่ใช้สอย การจัดฟังก์ชันต่างๆ ภายในห้องที่ตอบรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ หรืออยู่กันเป็นครอบครัว ต้องอยู่ที่นี่แล้วสบาย โดยโครงการ Dusit Residences จะเน้นที่ห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 2 bedrooms ขึ้นไปจนถึง penthouses ทุกยูนิตพักอาศัยมี private lift เพื่อความเป็นส่วนตัวและถูกออกแบบให้หันหน้าเข้าหาสวนลุมทั้งหมด เพื่อรับวิวสวนขนาดใหญ่ ได้บรรยากาศเปิดโล่ง อยู่สบาย

ส่วนโครงการ Dusit Parkside รูปแบบห้องพักจะมีขนาดที่กะทัดรัดขึ้น ห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1-2 bedrooms แต่ก็จะมี special units อยู่เผื่อใครที่ชอบบรรยากาศการออกแบบในส่วนของ Dusit Parkside แต่ต้องการห้องขนาดใหญ่พิเศษก็มีตัวเลือกให้เช่นกันค่ะ

รูปแบบห้องพักอาศัยของโครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside

Branded Residence

นอกเหนือจากตัวโปรดักส์ห้องพักอาศัยที่ถูกออกแบบมาอย่างดีแล้ว เพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย ทั้งสองโครงการนี้ก็จะเป็นคอนโดแบบ Branded Residence อีกด้วยค่ะ โดยคำจำกัดความของ Branded Residence คือที่พักอาศัย ที่ได้การบริการระดับโรงแรมเพิ่มเข้ามาด้วย จึงมองได้ว่าโครงการนี้ไม่ได้ขายเฉพาะ product ที่เป็นห้องพักอาศัยเท่านั้นแต่จะเป็น product+services ห้องพักอาศัยและการบริการระดับโรงแรม ซึ่งมาตรฐานการบริการในแบบดุสิต และนี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของโครงการนี้เช่นกันค่ะ

การบริการในแบบฉบับของโรงแรมดุสิตนั้นจะมีเอกลักษณ์ความเป็นไทยสอดแทรกไว้ในการให้บริการอย่างเต็มเปี่ยม เช่น การไหว้ ความอ่อนน้อมถ่อมตน การดูแลหรือให้บริการอย่างจริงใจ เป็นต้น ซึ่งเรามองว่าในการให้บริการนั้นจะต้องพึ่งพา”คน“ที่ให้บริการอย่างดี เพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งดุสิตมีมาตรฐานที่ดี มีชื่อเสียงในเรื่องนี้มากค่ะ

โดยบริการที่จะมอบให้กับคนที่อยู่อาศัยในโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Standard services และ A la Carte Services ซึ่งจุดที่เราว่าน่าสนใจคือบริการ standard บางอย่าง เช่น แม่บ้านทำความสะอาด 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือบริการซักผ้าปูที่นอน 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งเราสามารถระบุวันเวลาที่ต้องการได้ด้วย ซึ่งใน Branded Residence อื่นๆ มักจะเป็นบริการที่เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราจึงมองว่าเป็นการบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยดี และใช้ได้จริงค่ะ

Standard Services 

  • Residence manager and Property management
  • 24-hour concierge, doorman and valet parking
  • 24-hour technician and security
  • Housekeeping service (2 times per week)
  • Bed linen laundry service (2 times per month)
  • Fitness centre attendant
  • Exclusive activities for residents
  • Streamlined communication with facilities in Dusit Central Park
  • Well maintained common and public areas

A le Carte Services

  • Housekeeping on demand
  • Laundry / Seamstress
  • Household maintenance
  • Room service
  • In-residence dining
  • Party and event planning services
  • Floral arrangement
  • Catering for event
  • Babysitting
  • Elderly companion care
  • Limousine

โดยห้องขนาดเริ่มต้นของที่นี่จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 55 ตร.ม. (วิวเมือง) ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท ความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องราคาเรามองว่าความคุ้มค่าของโครงการนี้คือทำเลที่เป็น Prime area สีลม-ศาลาแดง และสวนลุมที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งจุดนี้เองไม่มีโครงการไหนที่ได้ และรูปแบบการบริการที่จะได้รับอีกตลอด 29+29 ปีด้วยค่ะ

รายการวัสดุ

ในส่วนของวัสดุที่ใช้ในโครงการจะได้ของดีเป็นมาตรฐานนะคะ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเลือกใช้วัสดุเกรดเดียวกันทั้งหมด แต่จะมีจุดที่แตกต่างบางอย่างเช่น pattern พื้น, ลวดลายและโทนสีของกระเบื้อง, รุ่นของสุขภัณฑ์ และยี่ห้อของชุดอุปกรณ์ภายในครัวที่แตกต่างกันค่ะ

ห้องตัวอย่างที่จัดไว้ให้ชมภายใน sale gallery จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ห้องค่ะ ซึ่งเราจะมีบรรยากาศของทั้ง 3 ห้องมาให้ชมกันครบเลย

ห้องตัวอย่าง Dusit Parkside 1 Bedroom

ห้อง 1 Bedroom จาก Dusit Parkside จะเป็นห้องที่มีขนาด 77 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท และเป็นห้องตำแหน่งมุมอาคารที่ได้วิวสวนลุมค่ะ จุดเด่นของห้องนี้สำหรับเราคือเป็นห้อง 1 Bedroom ที่จัดฟังก์ชันเป็นสัดส่วนมาก ได้ครัวปิด มีมุมทำงาน walk-in closet ขนาดใหญ่ อยู่อาศัยได้ 1-2 คนสบาย

Living + Dining area

พื้นที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง เปิดวิวโล่งไปที่สวนลุมค่ะ

Image 1/6
พื้นที่ส่วน living+dining สามารถจัดได้สบาย อยู่แล้วไม่อึดอัดค่ะ

พื้นที่ส่วน living+dining สามารถจัดได้สบาย อยู่แล้วไม่อึดอัดค่ะ

Dining + Kitchen area

เราสามารถจัดชุดรับประทานอาหารไว้บริเวณพื้นที่หน้าห้องครัวได้ค่ะ ในห้องตัวอย่างลองจัดวางแบบ 4 ที่นั่งเอาไว้ แต่เรามองว่าพื้นที่ที่มีก็สามารถรองรับได้ 6 ที่นั่งนะคะ

Image 1/3
ทางฝั่งห้องครัวก็จะมีขนาดใหญ่เลยค่ะ ได้เคาน์เตอร์ครัวทั้ง 2 ฝั่ง และเป็นห้องที่ได้ผนังกระจกเป็นช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ด้วย เปิดวิว แสงธรรมชาติส่องมาภายในห้องได้เต็มที่ และระบายอากาศได้ดีค่ะ

ทางฝั่งห้องครัวก็จะมีขนาดใหญ่เลยค่ะ ได้เคาน์เตอร์ครัวทั้ง 2 ฝั่ง และเป็นห้องที่ได้ผนังกระจกเป็นช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ด้วย เปิดวิว แสงธรรมชาติส่องมาภายในห้องได้เต็มที่ และระบายอากาศได้ดีค่ะ

Master Bedroom

ถัดเข้ามาภายในห้องนอน การออกแบบที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของห้องนอนนี้คือลำดับการเข้าถึงตัวห้องที่สร้างความเป็นส่วนตัวให้พื้นที่พักผ่อนค่ะ พอเราเข้ามาในโซนของห้องนอนแล้ว เราจะเจอกับทางเดินที่มี walk-in closet ทางซ้าย และห้องน้ำทางขวามือ ส่วนพื้นที่พักผ่อนนั้นเราจะต้องเดินไปสุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงนี้เราชอบมาก เพราะว่าถ้าเกิดมีเพื่อนมาเยี่ยมแล้วต้องการเข้าห้องน้ำ ก็ยังไม่เห็นไปยังโซนเตียงนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเรานั่นเองค่ะ

Bathroom

Image 1/4
ห้องน้ำที่ได้บรรยากาศโปร่งโล่งสว่างจากผนังกระจก

ห้องน้ำที่ได้บรรยากาศโปร่งโล่งสว่างจากผนังกระจก

Walk-in closet

Image 1/3
Walk-in closet จาก Poliform พื้นที่ส่วนนี้มีการกั้นโซนแยกเป็นสัดส่วน มีพื้นที่เก็บของเยอะอยู่นะคะ

Walk-in closet จาก Poliform พื้นที่ส่วนนี้มีการกั้นโซนแยกเป็นสัดส่วน มีพื้นที่เก็บของเยอะอยู่นะคะ

Study corner

Image 1/3
มุมทำงานที่อยู่สุดทางเดินของห้องนอนค่ะ พื้นที่ตรงนี้จัดเป็นพื้นที่ทำงานส่วนตัวได้นะ

มุมทำงานที่อยู่สุดทางเดินของห้องนอนค่ะ พื้นที่ตรงนี้จัดเป็นพื้นที่ทำงานส่วนตัวได้นะ

Master bedroom

พื้นที่เตียงนอนซึ่งเป็นมุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากที่สุดก็ถูกออกแบบให้อยู่ด้านในสุดของห้องเช่นกัน โดยพื้นที่ห้องนอนนี้แม้จะต้องการความเป็นส่วนตัวแต่ก็ยังต้องการวิวที่สวยงามและบรรยากาศภายในห้องที่โปร่งโล่งสบาย ซึ่งห้องนี้ก็จะได้ผนังกระจกที่เปิดโล่งชมวิวสวนลุมได้ ในขณะที่มีขนาดกว้างใหญ่พอที่จะจัดมุมนั่งเล่นพักผ่อนส่วนตัวภายในห้องอีกด้วยค่ะ

Image 1/3

ห้องตัวอย่าง Dusit Residences 2 Bedrooms

ห้องแบบต่อมาที่เราจะพาไปชมกันเป็นห้องภายในโครงการ Dusit Residences แบบ 2 Bedrooms ขนาด 158 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 55 ล้านบาทค่ะ

สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้างอยู่ที่ตำแหน่งมุมอาคาร พื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน รวมไปถึงห้องน้ำใน Master Bedroom ก็จะได้รับวิวของสวนลุมที่เปิดโล่ง ในส่วนของการจัดฟังก์ชันการใช้งานต่างๆก็จะคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของห้องนอน การเชื่อมต่อพื้นที่ของส่วน Living กับ Dining และมีการออกแบบพื้นที่ส่วนบริการภายในบ้านให้มีเส้นทางของแม่บ้านแยกออกจากผู้อยู่อาศัยด้วยค่ะ

Private Lift

ความพิเศษของห้องพักอาศัยในโครงการ Dusit Residences คือทุกยูนิตจะมี Private Lift 2 ตัวที่ขึ้นตรงไปยังห้องพักอาศัยเลยค่ะ สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่โครงการนี้เพิ่มนะคะ

Image 1/2
เมื่อเปิดลิฟต์ออกมาจะเจอกับโถงหน้าลิฟต์ โดยพื้นที่บริเวณนี้ก็จะนับรวมเป็นพื้นที่พักอาศัย เราสามารถวางของใช้ส่วนตัวตรงนี้ได้เลยค่ะ

เมื่อเปิดลิฟต์ออกมาจะเจอกับโถงหน้าลิฟต์ โดยพื้นที่บริเวณนี้ก็จะนับรวมเป็นพื้นที่พักอาศัย เราสามารถวางของใช้ส่วนตัวตรงนี้ได้เลยค่ะ

เข้ามาในห้องเราจะเจอกับทางเดินก่อน การออกแบบลำดับการเข้าถึงพื้นที่ใช้งานภายในห้องจะมีระยะอยู่ ทำให้คนที่ยืนหน้าประตูจะไม่เห็นคนที่นั่งเล่นอยู่โดยตรง เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้ค่ะ

ซึ่งฟังก์ชันที่วางขนาบทางเดินหน้าประตูทางเข้าจะเป็นตู้เก็บรองเท้าและห้องน้ำที่เป็นแบบ powder room ไม่มีฟังก์ชันอาบน้ำนะคะ

เมื่อเดินเข้ามาเราจะเจอกับพื้นที่โล่งกว้างต่อเนื่อง จัดเป็นครัว พื้นที่กินข้าว และพื้นที่รับแขก / พักผ่อน บรรยากาศตรงนี้จะดูโปร่งโล่งค่ะ

Western kitchen

ครัวที่ให้มาจะเป็นครัวฝรั่ง มี built-in ตู้และชั้นวางของจาก Arclinea ส่วนชุดอุปกรณ์ครัวต่างๆ จะได้ของ Miele, Liebherr and Bosch ค่ะ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ก็จะมีเคาน์เตอร์แบบ island อยู่ตรงกลาง เดินวนรอบได้ จัดเป็นมุมดริปกาแฟ หรือทานอาหารเช้าเบาๆเพิ่มได้นะคะ

Image 1/4

ฝั่งขวาของครัวจะมีห้องเล็กๆหนึ่งห้อง ห้องนี้จะเป็นห้องซักรีดและห้องเก็บของค่ะ

โดยห้องนี้จะเป็นเส้นทางของแม่บ้านที่ขึ้นมาทำความสะอาดต่างๆด้วย เพราะจะมีประตูทางออกอีกบานที่เชื่อมต่อกับลิฟต์บริการค่ะ

Dining

โซนรับประทานอาหารที่จัดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างจะวางได้ขนาด 8 ที่นั่ง มีทางเดินได้โดยรอบ เรียกได้ว่ารองรับการชวนเพื่อนมาทำอาหารกินกันเองภายในบ้านได้เลยค่ะ หรือจะเชิญเชฟมาทำอาหารให้กินก็ทำได้สบายเลย

Image 1/4

Living

สำหรับโซนนั่งเล่นจะถูกวางให้อยู่ด้านในสุดของห้อง แต่อยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่และเปิดวิวไปยังสวนลุม ชวนให้การพักผ่อนมีบรรยากาศที่สบาย มองออกไปเห็นวิวสวน ได้แสงธรรมชาติเหมาะสำหรับการพักผ่อนค่ะ

Image 1/4

อีกฝั่งของห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนอนค่ะ แบ่งออกเป็น 2 ห้อง ทางขวาจะเป็นห้องนอน 2 ส่วนทางซ้ายมือเป็น Master bedroom

Bedroom 2

ห้องนอนรองนี้แม้จะมีขนาดไม่เท่ากับ Master Bedroom แต่ภายในห้องก็ถือว่าอยู่อาศัยได้สบายนะคะ จากประตูทางเข้ามีระยะเล็กๆ จัดโซฟาพักผ่อนส่วนตัวภายในได้ และมีตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ติดผนังฝั่งประตูทางเข้า ถือเป็นระยะร่นที่ช่วยกันเสียงรบกวนจากโซนห้องนั่งเล่นได้ และช่วยให้จากทางเข้าห้องมองเข้ามาไม่เห็นหัวเตียงโดยตรง ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนค่ะ

Image 1/3
ปลายเตียงเป็นผนังกระจก จัดเป็นช่องแสงธรรมชาติเพิ่มความสว่างให้ภายในห้อง

ปลายเตียงเป็นผนังกระจก จัดเป็นช่องแสงธรรมชาติเพิ่มความสว่างให้ภายในห้อง

Bathroom 2

ตัวห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุดถือว่ามีฟังก์ชันครบครัน แยกเป็นสัดส่วน ใช้งานสะดวก และยังมีการออกแบบที่เลือกใช้ผนังกระจกสองฝั่งของห้อง ได้บรรยากาศโปร่งโล่งสบายอีกด้วยค่ะ

Image 1/3
ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่โซนเปียก-โซนแห้งเอาไว้ สะดวกในการใช้งาน

ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่โซนเปียก-โซนแห้งเอาไว้ สะดวกในการใช้งาน

Master Bedroom

Master Bedroom นั้นจะเป็นห้องตำแหน่งที่สามารถมองออกไปเห็นวิวสวนลุมได้เต็มที่ค่ะ ผนังทางฝั่งนี้จึงออกแบบเป็นกระจกบานใหญ่เพื่อเปิดรับวิวสวนลุมพินี

Image 1/4
จากทางเข้ายังคงแนวความคิดที่ว่ามองเข้ามาจะไม่เห็นหัวเตียงโดยตรงเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน

จากทางเข้ายังคงแนวความคิดที่ว่ามองเข้ามาจะไม่เห็นหัวเตียงโดยตรงเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อน

Master Bathroom

ตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุดซึ่งเป็นมุมของอาคาร ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำนี้จะได้ช่องแสงถึง 2 ฝั่ง ได้บรรยากาศการใช้งานที่ดูโปร่งสบายค่ะ

Image 1/5
ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่ส่วนแห้งกับส่วนเปียกเอาไว้

ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่ส่วนแห้งกับส่วนเปียกเอาไว้

ห้องตัวอย่าง Dusit Residences 3 Bedrooms

ห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายจะเป็นห้องขนาดใหญ่ 3 Bedrooms ขนาด 196 ตร.ม. ห้องนี้จะราคาเริ่มต้นที่ 80 ล้านบาทค่ะ ในการออกแบบผังห้องจะค่อนข้างคล้ายกับห้อง 2 Bedrooms ที่เราพาไปชมก่อนหน้า แต่ในโซนห้องพักอาศัยจะมีทางเดินแยกโซนดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น และที่พิเศษคือพื้นที่แบบ Double volume หรือฝ้าเพดานสูง 6.6 เมตร บริเวณโซนกินข้าวและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งจะสูงกว่าระดับปกติที่อยู่ที่ 3 เมตร ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูเหมือนกับโถงบ้านระดับ luxury ที่มีห้องนั่งเล่นฝ้าเพดานสูงดูโอ่อ่าค่ะ

Private Lift

อย่างที่เราบอกไปว่าทุกยูนิตพักอาศัยภายใน Dusit Residences นั้นจะได้ Private Lift ที่ขึ้นมายังห้องพักอาศัยได้โดยตรง และมีพื้นที่โถงหน้าลิฟต์ที่นับเป็นพื้นที่ใช้สอยของเราด้วยค่ะ

Image 1/2
ฝั่งหนึ่งของโถงหน้าลิฟต์จะมีประตูเชื่อมต่อกับโซนแม่บ้าน

ฝั่งหนึ่งของโถงหน้าลิฟต์จะมีประตูเชื่อมต่อกับโซนแม่บ้าน

Image 1/2
หลังจากเปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอกับโถงทางเดินเช่นเดียวกับห้อง 2 Bedrooms ที่เห็นกันก่อนหน้าค่ะ

หลังจากเปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอกับโถงทางเดินเช่นเดียวกับห้อง 2 Bedrooms ที่เห็นกันก่อนหน้าค่ะ

ห้องเก็บรองเท้านี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นห้องปิดแยกเป็นสัดส่วนเพื่อความเรียบร้อยสวยงาม รองรับได้ทั้งครอบครัวค่ะ

ส่วนห้องน้ำตรงนี้จะเป็นแบบ Powder room ดีไซน์สวยงาม

เดินเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นยาวต่อเนื่องกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความสูงของห้องที่มีความสูงแบบ double volume 6.6 เมตรค่ะ

Western Kitchen

สำหรับห้อง type นี้จะได้ครัว 2 จุดนะคะ ครัวฝรั่งที่อยู่ด้านหน้า กับครัวไทย ครัวฝรั่งนี้จะเหมาะสำหรับทำอาหารเบาๆที่กลิ่นหรือควันไม่เยอะ รูปแบบการจัดห้องวัสดุและชุดครัวจะเหมือนกับห้องแบบ 2 Bedrooms ค่ะ

Image 1/3

Laundry and Asian Kitchen

ในจุดที่เป็นห้องซักรีดนั้น พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มครัวไทยแบบปิดมาให้ค่ะ สามารถทำอาหารที่มีกลิ่นหรือควันเยอะบริเวณนี้ได้ ไม่ต้องกลัวกลิ่นไหลลอยไปยังโซนนั่งเล่นนะคะเพราะห้องนี้เป็นห้องปิด นอกจากนั้นยังเป็นโซนสำหรับให้พี่แม่บ้านทำงานและมีทางเดินไปยังลิฟต์บริการได้สะดวกอีกด้วย

Image 1/2

Dining

ต่อมาเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่กว้างขวาง ในห้องตัวอย่างจัดโต๊ะแบบ long table ขนาด 6-8 ที่นั่ง แต่ด้วยพื้นที่ที่ใหญ่เรามองว่าจะเลือกแบบ 10 ที่นั่งก็ได้ค่ะ เผื่อจัดเลี้ยงรับรองแขกครอบครัวก็จะได้นั่งกินข้าวกับแบบสบายๆ

Image 1/3

Living

พื้นที่นั่งเล่น บริเวณนี้มีการออกแบบให้ได้บรรยากาศที่โปร่งโล่ง อยู่สบาย ความสูงพื้นที่เป็นแบบ double volume สูง 6.6 เมตร เปิดโล่งไปยังผนังกระจกกับระเบียงที่มีความกว้างยาวเท่ากับหน้ากว้างห้อง ในวันที่อากาศดี เราสามารถเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายในห้องนั่งเล่นไปยังระเบียงภายนอก และมองออกไปยังสวนลุมได้นะคะ

Image 1/3

Image 1/2
ในส่วนของห้องนอนจะถูกแยกออกไปอีกโซน มีทางเดินหน้าห้องที่แยกออกมาชัดเจน ได้ความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่เหมือนอยู่บ้าน

ในส่วนของห้องนอนจะถูกแยกออกไปอีกโซน มีทางเดินหน้าห้องที่แยกออกมาชัดเจน ได้ความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่เหมือนอยู่บ้าน

BEDROOM

ส่วนที่เป็นห้องนอนทั้ง 3 ห้องนั้น ห้องนอน 3 และ Master Bedroom จะหันหน้าไปยังสวนลุมพินีค่ะ ส่วนห้องนอน 2 จะเป็นห้องที่อยู่ด้านในสุด โดยห้องนอนทุกห้องจะได้ห้องน้ำส่วนตัวนะคะ

Bedroom 3

เข้ามาห้องนอน 3 ซึ่งเป็นห้องแรกที่เจอก่อนนะคะ ห้องนี้เมื่อเข้ามาก็จะเป็นทางเดินและมีห้องน้ำอยู่ทางขวามือ ยังคงแนวความคิดเรื่องการสร้างระยะห่างระหว่างประตูกับพื้นที่หัวเตียงนอน สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่อยู่ในห้องค่ะ

Image 1/2
ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันครบครัน พื้นที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งใช้งานได้สะดวกค่ะ

ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันครบครัน พื้นที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งใช้งานได้สะดวกค่ะ

พื้นที่พักผ่อนขนาดกำลังพอดี อยู่ 1-2 คนได้ค่ะ

Image 1/2
ห้องนี้จะมีตำแหน่งที่สามารถมองออกไปยังสวนลุมได้ด้วย

ห้องนี้จะมีตำแหน่งที่สามารถมองออกไปยังสวนลุมได้ด้วย

Bedroom 2

ห้องนอนรองอีกห้องที่อยู่สุดทางเดิน เมื่อเราเข้าไปภายในห้องก็จะเจอกับห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือก่อนเช่นเคยค่ะ

Image 1/3
ห้องนี้จะมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น สามารถปรับเป็นฟังก์ชันห้องเด็กหรือว่าห้องทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวได้นะคะ

ห้องนี้จะมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น สามารถปรับเป็นฟังก์ชันห้องเด็กหรือว่าห้องทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวได้นะคะ

สำหรับห้องนี้จะหันออกไปอีกฝั่งได้วิวเมืองแทนนะคะ

Master Bedroom

ห้องสุดท้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ เมื่อเข้ามาในห้องเราก็จะเจอกับทางเดินกันก่อน ผนังสองฝั่งนี้สามารถหาภาพมาประดับตกแต่งเพิ่มเติมได้นะคะ

Image 1/3
เข้ามาทางด้านในจะเจอกับพื้นที่พักผ่อน วางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ ขนาดกำลังพอดี

เข้ามาทางด้านในจะเจอกับพื้นที่พักผ่อน วางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ ขนาดกำลังพอดี

Walk-in Closet

ติดกับหัวเตียงเราจะเจอกับทางเดินเล็กๆไปห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่หน้าห้องน้ำนี้ก็ออกแบบไว้ให้เป็น walk-in closet เข้ามุมเป็นรูปตัว L ค่ะ ใช้งานได้สะดวกเลย

Image 1/2

Master Bathroom

ห้องน้ำใน master bedroom นี้ก็จะได้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ได้วิวสวนลุม ได้อ่างล้างหน้าแบบ his&her และมีอ่างอาบน้ำส่วนตัวอยู่ภายในค่ะ

Image 1/4
อ่างล้างหน้าแบบ his and her ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้สบาย

อ่างล้างหน้าแบบ his and her ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้สบาย


บทสรุป

Dusit Residences และ Dusit Parkside เป็น 2 คอนโดมิเนียมภายในโครงการมิกซ์ยูส Dusit Central Park ที่ได้รับความสนใจจากใครหลายคนนะคะ เหตุผลที่หลายคนให้ความสนใจกับโครงการนี้เรามองว่า… ถ้าพูดถึงโรงแรมดุสิตธานี ทุกคนย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงดี และอยู่บนทำเลที่เรียกได้ว่าเป็น Prime area ติดรถไฟฟ้า ตรงข้ามกับสวนลุม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าหลายคนจึงอยากรู้ว่าการ Renovate ครั้งใหญ่นี้จะออกมารูปแบบไหนและเป็นอย่างไรบ้าง

โดยโปรเจคที่เกิดขึ้น Dusit Central Park ก็เป็นโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งส่วนโรงแรม ส่วนสำนักงาน ส่วนพื้นที่พักอาศัย และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทุกส่วนมีการแบ่งโซนการใช้งานชัดเจน และมีแนวความคิดในการสร้าง Roof Park ขนาดใหญ่ถึง 7 ไร่เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ทุกส่วนของโครงการเข้าไปอีก ล้อไปกับสวนลุมที่เป็นพื้นที่สีเขียว เป็นปอดขนาดใหญ่ของชาวกรุงเทพฯอยู่แล้ว ทำให้ตัวโครงการนี้นั้นนอกจากจะได้ความสะดวกสบายแล้ว ก็ยังได้คุณภาพชีวิตที่ดี ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแม้จะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม

ในส่วนของคอนโดมิเนียมนั้นเรามองว่าจากจุดเด่นนอกเหนือจากเรื่องทำเล ความสะดวกสบายของทำเลและรูปแบบโครงการที่เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจคมิกซ์ยูสแล้ว ยังมีการบริการแบบ Branded Residence ที่พ่วงเอาการบริการของโรงแรมเพิ่มเติมมาให้ด้วย และยิ่งเป็นบริการที่มาจากโรงแรมดุสิตธานีโดยตรงก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับใครหลายคนที่ชื่นชมการให้บริการของโรงแรมดุสิตให้สนใจในคอนโดมิเนียมของที่นี่ขึ้นอีก

ในแง่ของราคา เรามองว่าโครงการนี้เป็นโครงการ Luxury ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 16 ล้านบาทไปจนถึงระดับร้อยล้านบาท ดังนั้นในแง่ของคนที่ซื้อโครงการนี้จุดที่นำมาพิจารณาจึงมีหลากหลายปัจจัย ทั้งทางด้านทำเล ความสะดวกสบาย ตัวโปรดักส์ การให้บริการ และสุนทรียะในการอยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์และเติมเต็มคุณภาพชีวิต ซึ่งตัวโครงการนี้เองก็มีการคำนึงถึงทุกปัจจัยเหล่านี้ในการออกแบบเช่นกัน และจุดที่ต้องนำมาพิจารณาอีกอย่างคือรูปแบบการขายที่เป็นแบบ leasehold หรือการเช่าระยะยาว โดยทั่วไปโครงการที่เป็น leasehold ส่วนใหญ่จะปล่อยเช่าในระยะเวลาประมาณ 30 ปี แล้วจึงทำเรื่องต่อสัญญา แต่โครงการนี้จะให้ระยะเวลาการปล่อยเช่าถึง 29+29 ปี รวม 58 ปี ซึ่งก็นับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเหมือนกันนะคะ เมื่อถึงเวลานั้นอาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับใครหลายคนที่ต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยอีกครั้งก็ได้เช่นกันค่ะ

ส่วนใครที่สนใจโครงการนี้ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>  https://dusitresidences.com/


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc