รีวิวโครงการ

The Ritz-Carlton Residences, Bangkok คอนโดสุดหรูบนตึก MahaNakhon “มหานคร” ตอนที่ 3 [รีวิวฉบับที่ 660]

1 กันยายน 2014

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 273 … The Ritz-Carlton Residences, Bangkok เป็นโครงการระดับ Ultimate Luxury ที่เรากำลังจะรีวิวกันในวันนี้ครับ ด้วยความที่ตึก MahaNakhon (มหานคร) ออกแบบมาสูง 314 เมตร กำลังจะเป็นตึกที่สุดที่สุดในประเทศไทย และด้วยการออกแบบอาคารที่ล้ำยุคจากสถาปนิกชื่อดังระดับโลก รับรองว่าถ้ามหานครสร้างเสร็จแล้วจะต้องเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร เป็น Landmark ที่สุดของย่านสาทร-นราธิวาสอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการออกแบบภายในอย่างสุดหรูด้วยฝีมือของ David Collins สตูดิโอของมัณฑนากรระดับกูรู ให้สมกับแบรนด์ของโรงแรมที่สูงที่สุดในเครือ Marriott อย่าง The Ritz-Carlton Residences ที่ราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาทขึ้นไปครับ

เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ Exclusive มากๆ การจะเข้าไปดูต้องนัดและจองเวลาล่วงหน้าไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็เดินเข้าไปชมกันได้ ซึ่งทาง Think of Living ก็ต้องขอบคุณทางโครงการที่อนุญาตให้ทางเราเข้าไปเยี่ยมชมและเก็บข้อมูลมาทำบทความรีวิวด้วยนะครับ

Fact @ 22 November 2012

***สำหรับรีวิวฉบับนี้คือ ตอนที่ 1 ของ Ritz-Carlton Residences, Bangkok นะครับ สำหรับตอนที่ 2 อ่านได้ที่นี่

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

โปรเจคนี้จริงๆมีชื่อว่า “มหานคร” หรือ MahaNakhon เป็นโครงการใหญ่ที่รวมโครงการเล็กๆหลายโครงการไว้ด้วยกัน เช่น Edition Hotel, The Ritz-Carlton Residences และ MahaNakhon Retail and Terrace Bar เป็นโปรเจคสูง 77 ชั้น บนทำเลสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี บริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ที่เชื่อมต่อถนนสาทรและถนนสีลมเข้าไว้ด้วยกัน

นี่เป็นภาพวิวจากตึกมหานคร จะเห็นว่าด้วยความสูงที่สูงที่สุดในประเทศไทยก็จะมองข้ามยอดตึกอื่นๆในกรุงเทพมหานครไปหมด

ดูกันทีละฝั่งนะครับ

ด้านขวาของฝั่งนี้เห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาบางๆ ทางซ้ายเป็นสวนลุมพินี

มองเข้าเมืองไปทางพระราม 4 และจุฬา

เจ้าพระยาเต็มๆทางฝั่งบางรัก เจริญกรุง

The Ritz-Carlton Residences, Bangkok อยู่ติดกับทางลง BTS เป๊ะๆแบบนี้เลย

โมเดลโครงการมหานครตั้งอยู่ริมฟุตบาท หน้าร้านอาหาร Dean & DeLuca

สุดทางเดินของ BTS ช่องนนทรี จะมีทางเชื่อมไปยังสถานี BRT ทำให้สถานีช่องนนทรีใช้บริการขนส่งมวลชนได้ทั้งสองชนิด

การที่มีทางเชื่อมตรงนี้ทำให้สะดวกสบายขึ้นมากเลยครับ นอกจากจะช่วยย่นระยะทางที่ต้องเดินขึ้น-ลงบันไดหลายจุดแล้ว ทำให้ไม่ต้องข้ามถนนด้วย ทางเดินก็มีคนคอยดูแล ค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว หลีกเลี่ยงมลพิษได้อีก

มาถึงตรงกลางตรงนี้จะมีจุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น Landmark สวยๆของถนนสาทรตรงนี้ครับ มีคนมาถ่ายรูปเต็มเลย เวลามองลงมาจากสวนบริเวณ Sales Gallery ของ The Ritz-Carlton Residences ก็ยังเห็น Landmark จุดนี้อยู่

นอกจากทางเข้าหลักทางถนนนราธิวาสราชนครินทร์แล้ว มหานครยังมีทางออกประตูหลังที่สามารถเชื่อมต่อกับสีลมและสาทรได้ดังนี้

จาก โครงการวิ่งเลี้ยวซ้ายไปทางสีลม

ทางเข้ารองเป็นทางเข้าจากสีลมซอย 9

วิ่งตรงๆไปเรื่อย ทางนี้ใช้เป็นทางลัดไปออกเส้นสาทรก่อนที่จะถึงแยกนราธิวาสได้

เข้าไปไม่ไกลก็จะถึงทางเข้าออกของโปรเจคมหานครสีฟ้าๆอยู่ตรงนี้

พอใกล้จะทะลุฝั่งสาทรแล้วซอยนี้จะร่มรื่นมาก มีต้นไม้เต็มไปหมด

ตรงนี้เป็นซอยศึกษาวิทยา ทางลัดไปออกซอยสาทร 10

ทางนี้จะใช้เข้าหรือออกก็ได้ สามารถเข้าและออกจากโครงการที่ซอยนี้ได้เช่นกัน

ปากทางก็สามารถวนไปออกสี่แยกสาทร-นราธิวาสได้ตามเดิม

สี่แยกนี้สามารถเลี้ยวขวาเข้านราธิวาสได้ แต่ก็เป็นสี่แยกที่จัดว่าการจราจรคับคั่งมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

เจาะลึกตัวโครงการ

หน้าตาตึกของมหานคร ถูกดีไซน์โดยทีมสถาปนิกชื่อดัง ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของอาคารออกมาโดดเด่น คล้ายๆเกลียวพันรอบตัวตึก และมีส่วนที่เป็นห้องยื่นๆออกมาจากท้องฟ้า เรียกว่า Pixels ดังที่เห็นในภาพโปสเตอร์ข้างหลังตึกนะครับ

ส่วนหน้าของตึกมีอาคารเล็กอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคาร Retail ประกอบด้วย Dean & DeLuca, ร้านค้าและร้านอาหารชื่อดังต่างๆ ส่วนนี้เชื่อมต่อกับ BTS ช่องนนทรี เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้ามาใช้บริการได้ตามปกติ

เราซูมไปดูส่วนที่เป็น Pixels กันนะครับ

The Ritz-Carlton Residences, Bangkok เริ่มตั้งแต่ชั้น 23 ไปจนถึงชั้น 73 เว้นด้านล่างชั้น 1 – 22 เอาไว้ทำโรงแรมหรู Edition Hotels เชนโรงแรมระดับ Super Luxury ของ Marriott

ภาพการเชื่อมต่อระหว่างสถานี BTS ช่องนนทรีไปที่ตึกหน้า

ทางเข้าหลักจะแยกกันนะครับ ถ้าเป็นโรงแรมและ Residential จะวิ่งเข้าไปข้างใน ส่วน Retail จะมีถนนอีกเส้นด้านหน้า

สาทรซอย 10 ที่เชื่อมต่อจากด้านหลัง

สีลมซอย 9 ที่พาวนกันไปดูเมื่อครู่

บริเวณยอดตึก 4 ชั้น เป็น Open Skyscraper Bar และร้านอาหาร แต่ยังไม่ได้ระบุชื่อว่าจะเป็นอะไร คอนเซปท์อย่างไร

ดูกันเต็มๆอีกครั้งครับ

นี่คือลักษณะของห้องที่เรียกว่า Pixels ยื่นออกมาจากตัวตึก เห็นวิว 270 องศา

ตึกมหานครสูง 314 เมตร สูงกว่าตึกใบหยก 2

ตรงนี้เป็นส่วนของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของตัวตึก

มุมมอง Top-Down

ชั้นล่างที่เป็นส่วนของโรงแรม Edition Hotels

เอ่ยถึงโปรเจคมหานครมาตั้งนาน เข้าเรื่องกันสักทีนะครับ กับ The Ritz-Carlton Residences, Bangkok

จาก Master Plan จะพบว่าทางเข้าของฝั่ง Residences และ Hotel นั้นแยกกันอย่างชัดเจน ยูนิตที่พักอาศัยจะเข้าทางด้านหลังของตึก มี Lobby ของตัวเองต่างหาก มีลิฟท์แยกจากฝั่งของโรงแรม โดยมีลิฟท์โดยสารทั้งสิ้น 5 ตัว คิดเป็นสัดส่วน 1:39 จัดว่าน้อยมากๆครับ

ชั้น 7th ที่เป็นชั้นของส่วนกลางเต็ม Floor โดยมีรายละเอียดตามที่เห็นในภาพนะครับ

สระว่ายน้ำ, สวน, ลานอาบแดด, ศูนย์โยคะ, ห้องฟิตเนส, ห้องพิลาเตส์, ห้องฉายภาพยนตร์และเกมส์รูม

ชั้น 53 เป็น Lounge กับ Bar Area ของผู้อยู่อาศัย มีห้องประชุมและห้องสมุด ถ้าจะนัดใครคุยเป็นทางการนิดๆ ก็สามารถใช้ได้ที่นี่

ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆนั้น ทางยูนิตพักอาศัยก็สามารถลงไปใช้ในส่วนของ Edition Hotels ได้ ซึ่งเป็นเครือ Mariott เหมือนกันกับ Ritz-Carlton อยู่แล้ว และถ้าต้องการจะซื้อของเข้าบ้านหรือหาร้านอาหารรับประทานก็สามารถแวะไปใช้บริการที่ MahaNakhon Retail ได้เช่นกัน

ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้น ตัดออกไปจากวงโคจรปัญหาได้เลย เพราะทางโครงการมีให้จอดอย่างน้อย 2 คัน Fix ประจำห้องอยู่แล้ว ถ้าเป็นห้องใหญ่จะได้ 1 Float (Valet Parking) ด้วย

Product Walkthrough

มาถึง High Light ของโครงการนี้กันเสียทีนะครับ ห้องตัวอย่างของ The Ritz-Carlton Residences เนื่องจากรายละเอียดของห้องตัวอย่างนั้นมีเยอะมาก ทางเราจึงจะแบ่งการรีวิวโครงการนี้เป็น 2 ตอนด้วยกัน เริ่มจาก ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 140 ตารางเมตร ที่ตกแต่งแบบ Contemporary Classic ด้วยฝีมือของ David Collins

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับโถงเล็กๆ เป็น Foyer ก่อนเข้าไปยังห้องพัก ทางซ้ายมีตู้วางไว้ 1 ชุด

คอนเซปท์ของที่ The Ritz-Carlton Residences จะต้องมีห้องน้ำแขกแยกต่างหากทุกยูนิต นั่นก็คือถ้าเป็นยูนิต 2 ห้องนอน จะต้องมี 3 ห้องน้ำ โดยห้องน้ำ 1 และ 2 จะอยู่ในตัวห้องนอนทั้งสองห้อง ส่วนห้องน้ำ 3 คือห้องน้ำแขกหรือที่เรียกว่า Powder Room ซึ่งจะเป็นห้องแรกที่เราจะไปดูครับ

เปิดประตูเข้าไปพบห้องน้ำแขก

ด้านในติดโถสุขภัณฑ์แบบซ่อนถังเอาไว้ในผนัง ปูพื้นด้วยหินอ่อน ปุ่มกดน้ำติดอยู่บนกำแพง

ซิงก์และหัวก๊อกเกือบทั้งโครงการใช้ของ LB หรือ Lefroy Brooks ยี่ห้อสิงโตติดปีก เป็นก๊อกผสมน้ำเย็นน้ำร้อนทั้งหมด รวมถึงห้องน้ำแขกด้วย บริเวณซิงก์เป็นหินอ่อนแท้เช่นกัน

รายละเอียดการตกแต่งโคมไฟและกระจก

อีกฝั่งหนึ่งของโถง Foyer เป็นตู้ Built-in มีช่องให้แขวนเสื้อนอก ใส่รองเท้า ร่ม ฯลฯ วางของจิปาถะ ก่อนออกไปนอกบ้าน

ต่อมาเรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อน เป็นห้องนอนที่ 2 เปิดเข้าไปจะเจอบรรยากาศแบบนี้

พื้นเป็น Solid Oak เรียง 12 ชิ้นแนวตั้ง 3 นอน 3 สลับกันเป็น 1 Pattern สี่เหลี่ยมจตุรัส ทางด้านขวานั้นเป็นลายหินอ่อน

พื้นและซิงก์ของห้องน้ำทุกห้องจะแต่งด้วยหินอ่อนลายเดียวกันเสมอ ห้องนี้แต่เป็นโทนขาว-ดำ โดยใช้สีดำจากลายหินล้วนๆ

ก๊อกน้ำและท๊อปซิงก์ล้างมือของห้องน้ำในห้องนอน 2

พื้นที่รอบโถสุขภัณฑ์จะเว้นว่างไว้ค่อนข้างเยอะ โล่ง ให้นั่งได้สบาย

มาถึงห้องอาบน้ำกันบ้าง บานกระจกแน่นอนว่าเป็น Tempered Glass โดยวงกบที่ติดกับบานกระจกนิรภัยก็ใช้หินอ่อนต่อเชื่อมเป็นลายให้มีขอบสวยๆ

พื้นของห้องน้ำไม่ใช่โมเสกนะครับ แต่เป็นหินแท้ๆวางเรียงมือเป็นชิ้นๆเพื่อให้ได้ลวดลายที่เหมาะสมและไม่ลื่น

ชุดอาบน้ำไม่มีอะไรมาก เป็น Hand Shower ธรรมดา

ห้องนอนเล็กแต่งออกมาเรียบๆ คล้ายๆกับแนวโรงแรม 5 ดาว

ตู้เสื้อผ้า Built-in ไว้ให้แล้ว

เป็นตู้สามบานเปิดออกมาได้แบบนี้

เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ต้องบอกว่าเจ๋งมาก เป็นโต๊ะข้างเตียงแบบ Multi-Function แต่ดูแล้วคลาสสิก

ท๊อปด้านบนตู้ประดับด้วยหินอ่อนลายเดียวกับห้องน้ำ ด้านล่างเปิดออกมาเป็นเก๊ะได้

มีแผ่นไม้ยื่นออกมาวางของอย่างเช่นโทรศัพท์หรือหนังสือข้างเตียงได้หากที่วางไม่พอ

Built-in ปลั๊กไฟและโทรศัพท์เอาไว้ที่กล่องไม้เรียบร้อยแล้ว

กลับมาที่ Foyer หน้าห้องกันต่อ สังเกตว่าตู้ตัวนี้หน้าบานทำจากหนังปลากระเบนย้อมสี

เดินเข้าไปจะพบห้องสไตล์ New York Classic เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ทาง David Collins ออกแบบวาดมือให้กับ The Ritz-Carlton Residences ทั้งหมด ห้องนี้มีระยะพื้นถึงเพดานที่ 3.1 เมตร สูงกว่าคอนโดทั่วไป 30 – 40 เซนติเมตร

นี่เป็นส่วนของห้องรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อมุมทำงาน, ครัวและห้องรับแขกเอาไว้เป็น Open Space เดียวกัน

ส่วนเชื่อมต่อของโต๊ะรับประทานอาหารและครัว กับประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่

ห้องนั่งเล่นดีไซน์ออกมาด้วยสีฟ้า พรมที่เห็นเป็นลาย Custom Made ที่หาไม่ได้ที่ไหน รวมไปถึงผ้าม่านและรูปภาพทางด้านซ้ายที่จงใจใช้สีออกมาให้เข้ากัน

นี่เป็นมุมทำงานหรืออ่านหนังสือ ที่ Built-in ด้วยไม้โอ๊คขาว Trim ขอบด้วยสแตนเลส

เก้าอี้หนังแท้ตัวนี้หมุนได้

งาน Built-in ไม้ Trim ขอบ Stainless Steel

โคมไฟที่ติดแบบ Wall Hung ส่องไฟลงมาด้านล่าง สว่างแบบไม่แสบตา และใช้โคมไฟเป็น Decoration ได้ด้วย

ชุดแผงควบคุมไฟฟ้า Home Automation ของ Clipsal เปิดหรี่หรือเร่งไฟให้สว่างตามที่ต้องการได้ เพราะใช้เป็นระบบ Dimmer

โดยตัวสวิทช์ทางซ้ายสุดสามารถดึงขึ้นมาเป็นรีโมท เดินเลือก Scene ได้ว่างต้องการให้แสงหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องเป็นอย่างไร เช่นกลางวัน กลางคืน ปิดมืดสนิท ปาร์ตี้ ฯลฯ

โต๊ะรับประทานอาหารและเก้าอี้ทั้ง 4 ชุด จัดวางเป็นโต๊ะกลม

ขาเก้าอี้ดีไซน์ออกมาได้แปลกตา

เรามาดูชุดครัวกันบ้าง ที่เห็นโดดเด่นคือเกาะ Island ตรงกลาง ชุดหินอ่อน Arabescato ที่มีลวดลายสวยได้ใจมาก ทำหน้าที่เป็นซิงก์และ Pantry สำหรับส่วนเตรียมอาหาร

ซิงก์ Stainless ของ FRANKE ตัวท๊อป หลุมกว้างและลึก

ครัวทุกจุดเป็น Soft Close งานเนี๊ยบมากของ poggen pohl แบรนด์ครัวระดับโลกจากเยอรมัน

เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นของ GAGGENAU ที่สุดของเยอรมันอีกเช่นกัน

เรามาดูส่วนครัวฝรั่งกันบ้าง ประกอบด้วยเตา 4 หลุม โดยท๊อปและผนังใช้หินอ่อนลายเดียวกัน

Hob และ Hood ของ GAGGENAU

ให้ดูรายละเอียดเทพๆของเก๊ะ poggen pohl ที่เป็นงานไม้หรูๆ ตรงกลางที่เห็นเป็นสแตนเลสไม่ใช่อะไรนะครับ คือที่ใส่ Foil พร้อมใบเลื่อยตัด

ตู้เย็น Built-in ของ SIEMENS เปิดได้ 4 บาน มี Freezer อยู่ด้านล่าง

เรามาดูห้องรับแขกกันบ้าง กว้างมาก นั่งสบาย

อ่อ ลืมไป อย่าตกใจที่ไม่เห็นแอร์นะครับ เพราะว่าที่นี่ใช้แอร์เป็นช่อง พ่นลงมาจากเพดานโดยตรง อย่างเส้นดำๆที่อยู่ริมผ้าม่านนั่นละครับ

ภาพนี้ถ่ายให้ดูแสงครับ ลองดูแสงสะท้อนตามผนัง จะพบว่าคำนวณมาเป็นอย่างดี Lighting ยิงออกมาเป็นรูปลูกคลื่นซ้อนกันสวยงาม

เก้าอี้สองตัวนี้กับสีพรมเข้ากันมาก

โต๊ะกลางที่เห็นไม่ธรรมดานะครับ ท๊อปด้านบนทำจากกระจก พ่นสีด้านในเป็นสีเงินกับสีทอง แล้วเอากระจกตัดเป็นชิ้นวางทำลวดลายซ้อนไปด้านบนอีกที

Daybed ตัวนี้ขาเป็นไม้แท้

ตู้ชิ้นนี้เอาไว้วางทีวี

โซฟา 3 ที่นั่งหนังแท้ ขาเหล็ก

โต๊ะข้างโซฟาทำจากหินแท้ ประกอบขาด้วยสแตนเลส

เรามาดูประตูข้างๆครัวฝรั่งกันบ้างว่าจะออกไปไหน

ข้างนอกมีครัวหนักอีกชุดนะครับ แยกต่างหากไว้เผื่อห้องไหนจะทำอาหารจริงจัง เป็น Double Kitchen

ซิงก์ของ Teka และใช้ท๊อปหินประเภทที่ทนทานมากขึ้น

เตา Teka 4 ชุด มี Hob Hood ครบ

ต่อจากห้องครัวเรามาดูห้องนอนใหญ่กันบ้าง แต่งออกมาเป็น Space กว้างขวาง ใช้สีม่วงอ่อนแซมด้วยเขียวอ่อน

โต๊ะเครื่องแป้งวางกลางห้อง สไตล์ฝรั่ง

กระจกกลมบนโต๊ะเครื่องแป้งหมุนได้ ทำให้พื้นที่ระหว่างโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าตรงนั้นเป็น Dressing Area เล็กๆ โดยมีกระจกเต็มบานมองได้เต็มตัววางอยู่ชิดผนัง ช่องด้านบนเป็นช่องแอร์ครับ

แสงของโคมข้างเตียงโฉบเฉี่ยวได้ใจมาก

ปลายเตียงเป็นมุม เปิดออกไปชมวิวได้เต็มที่

โซฟาตัวนี้เอาไว้นั่งอ่านหนังสือเล่นๆ

โต๊ะวางของและโคมไฟ

กลับมาดูกันที่โต๊ะเครื่องแป้ง ออกแบบมาได้หรูหรา

เก๊ะที่เห็นเปิดได้ มีแบ่งช่องไว้ด้านในเพื่อใส่เครื่องประดับ

แอร์บางส่วนซ่อนอยู่ใต้ฝ้า โดยขอบฝ้าตัดมุม 60 องศา เพื่อให้แสงของไฟที่ซ่อนอยู่ส่องกระทบเพดานเป็นเส้น สวยงามแบบนี้

มุมแต่งตัว

กระจกวางพื้น มองได้เต็มตัว

เรามาดูมือจับบานเปิดตู้เสื้อผ้ากันหน่อย เป็นของ Poliform

ทำจากวัสดุประเภท “ยาง” นะครับ เดินชนแล้วไม่เจ็บ เห็นแล้วชอบมาก

สุดท้ายเรามาดูห้องที่คนส่วนใหญ่เห็นแล้วตะลึงทุกคน .. Master Bathroom แบบอลังการ

พื้นและผนังตำแต่งด้วยหินอ่อนชนิดเดียวกัน

อ่างน้ำพรีเมี่ยม ตั้งบนพื้นหินอ่อน

ลวดลายงานผนังและที่วางอุปกรณ์ในห้องน้ำ

ชุดซิงก์และโคมไฟ ทางซ้ายเป็นห้องอาบน้ำ

ห้องสุขา แยกต่างหาก มีบานเปิดเป็นกระจกนิรภัย คล้ายๆกับห้องอาบน้ำ

พื้นห้องอาบน้ำ ทำจากหินชิ้นเล็กๆปูเรียงเป็นแถว ให้เหมือนกระเบื้องโมเสก

Rain Shower แบบต่อจากผนังยื่นออกมา ไฟด้านข้างเล่นเป็นแถวซ่อนอยู่บนฝ้าด้านบน

โคมไฟยังมี Details ก้านเป็นรูปตัว U เหลี่ยม

หลังผ้าม่านจะเป็นกระจกสูง สามารถชมวิวได้

ผ้าม่านทั้งหลายซ่อนรางม่านไว้ด้านบนสุดทั้งหมด

อ่อ ลืมไป ประตูหน้าห้องน้ำ กระจกฝ้าที่เห็นไม่ใช่ “ฝ้า” นะครับ แต่เป็นการใช้ “ผ้า” คั่นระหว่างกระจกสองบาน ทำให้เกิดลวดลายของผ้าและมีคุณสมบัติเหมือนกระจกฝ้า ที่อนุญาตให้แสงผ่านได้บางส่วน

นี่ครับ ที่บอกว่าเป็นหินเรียงกันชิ้นเล็กๆ หน้าตาเป็นแบบนี้

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25/11/2012

  • ห้องขนาด 140 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท (แต่ละห้องจะ Layout แทบไม่เหมือนกัน เพราะอาคารถูกออกแบบมาให้ยืดหดต่างกันทุกชั้นเป็นแบบ Pixels)
  • สัญญาเช่า 30 ปี ต่ออายุได้ถึง 99 ปี มีค่าใช้จ่ายเพิ่มตอนหมดสัญญา

  • Fully Fitted
  • ตู้เสื้อผ้า Poliform สั่งทำ Custom Made
  • ครัว Poggen Pohl พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า GAGGENAU, Siemens ครบชุด
  • ค่าส่วนกลาง 120 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

สรุปคร่าวๆว่าที่เห็นมาทั้งหมดนั้น เป็นยูนิตที่เล็กเกือบที่สุดของโครงการนี้ กับระดับราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท เรียกว่าเป็นแพคเกจเบสิก เมื่อเทียบกับห้องอีกห้องที่เรากำลังจะพาไปชมครับ อ่าน The Ritz-Carlton Residences, Bangkok ตอนที่ 2 กับห้อง Sky Residence ขนาด 430 ตารางเมตร กันได้ที่นี่เลย

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ