รีวิวฉบับที่ 660… มาต่อกันที่ภาค 3 ของโปรเจคยักษ์ใหญ่ MahaNakhon มหานคร อันเป็นที่ตั้งของคอนโดสุดหรู The Ritz-Carlton Residences, Bangkok ใจกลางสาทรติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี กันนะครับ หลังจากที่ภาค 1 และภาค 2 เราได้พาไปดูห้อง 2 Bedrooms และ Sky Residence กันตามลำดับ … วันนี้เราจะมาดูห้อง 3 Bedrooms ที่ตกแต่งใหม่สไตล์ครอบครัว พร้อมกับอัพเดทข่าวดีที่โครงการมหานครเปลี่ยนจากการขายแบบ Lease Hold (สัญญาเช่า) เป็น Free Hold (ซื้อขาด) แล้วล่ะครับ
Fact @ 25 August 2014
- The Ritz-Carlton Residences, Bangkok (MahaNakhon Building)
- PACE Development Corporation Plc.
- ULTIMATE LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- อาคาร High Rise 77 ชั้น 1 อาคาร ซึ่งยูนิตพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 23 – 73 จำนวน 200 ยูนิต
- ที่จอดรถ Fix 2 คันขึ้นไป และ Valet Parking
- ที่ดินประมาณ 9-1-49.67 ไร่
- 2-5 Bedrooms / Penthouse / Duplex
- พื้นที่ใช้สอย 120 – 850 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 32 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 300,000 บาทขึ้นไป
- Free Hold (เปลี่ยนจากเดิม Lease Hold 99 ปี)
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ช่องนนทรี ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ช่องนนทรี
- www.rcr-bangkok.com
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
ความเดิมจากตอนที่ 1 ตึกมหานคร (MahaNakhon) นั้นเป็นว่าที่ตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยตั้งอยู่ริมถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ใกล้ๆกับสี่แยกสาทร-นราธิวาส ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี ในตอนแรกเราพาไปดูทำเล รูปแบบโครงการ ตัวตึก และห้องตัวอย่างของ The Ritz-Carlton Residences, Bangkok แบบ 2 ห้องนอน 140 ตารางเมตร (English Version Please click here)
ความเดิมจากตอนที่ 2 นอกจากห้องธรรมดาแล้ว ตัวตึกมหานครยังมีดีไซน์แปลกตาที่เรียกว่า Pixel ที่เป็นห้องยื่นออกมาอย่างที่เห็นในรูป และเป็นที่ตั้งของยูนิตพักอาศัยที่เรียกว่า Sky Residence ซึ่งเราพาไปดูมาในตอนที่ 2 นะครับ (English Version Please click here)
ก่อนที่จะเข้าไปดูห้องตัวอย่างกัน เรามาอัพเดทสถานะการก่อสร้างของโครงการปัจจุบันกันสักหน่อย (August 2014) โดยตอนนี้โครงการได้ผ่านขั้นตอนการขออนุญาตทั้งหมดแล้วและกำลังก่อสร้างตัวอาคารหลักอยู่
โดยส่วนหน้าบริเวณชั้น Ground ก็ได้ติดตั้งกระจกเรียบร้อยตามนี้ อนาคตจะเป็น Lobby หลัก
ตึกเล็กด้านข้างหรือมหานคร คิวบ์ เป็นตึก 7 ชั้น ปัจจุบันด้านล่างเปิดเป็นร้าน Dean & DeLuca เต็มตัว ขยายใหญ่จากเดิมมากมาย
ซึ่งทางเข้าของ Dean & DeLuca และ Sales Gallery นั้นอยู่ติดกับทางลงรถไฟฟ้าเลยครับ
… ว่าแล้วเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
Product Walkthrough
ห้อง 3 Bedrooms บนตึกมหานครนี้มีตั้งแต่ขนาด 194 – 301 ตารางเมตร อยู่บนชั้น 23 – 54 บริเวณชั้นที่มียูนิตเหมือน Pixel ยื่นออกมารอบอาคารตามรูปด้านล่าง ซึ่งแต่ละห้องนั้น Plan จะแตกต่างกันทั้งหมด ไม่มีห้องไหนเหมือนกันเลย เรียกว่าเป็น ความ Unique ก็ว่าได้ โดยห้องที่เราจะพาไปดูนี้เป็นห้อง 3 Bedrooms ขนาดใหญ่ 226 ตารางเมตร แบบไม่มีระเบียงนะครับ … ถามว่าทำไมถึงมีเรสซิเดนซ์ที่ไม่มีระเบียงด้วย ?
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนเลยว่า ที่ The Ritz-Carlton Residences, Bangkok นี้มีห้องให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบมีระเบียงและแบบไม่มีระเบียง แต่ด้วยความที่ตึกมหานครเป็นตึกที่สูงมาก กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่กลัวเรื่องความปลอดภัยจากความสูง เช่นมีเด็กเล็ก หรือกลุ่มที่ไม่ชอบลมแรงๆและอากาศเย็นกว่าปกติ และกลุ่มที่ไม่ต้องการจ่ายเงินเพิ่มสำหรับพื้นที่ Outdoor ก็จะชอบยูนิตที่ไม่มีระเบียง ในขณะที่กลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งชอบระเบียง ก็สามารถเลือกซื้อยูนิตแบบที่มีระเบียงได้ โดยมีตัวอย่างตามภาพด้านล่างครับ
นี่เป็น Plan ของห้อง Pixel แบบ 3 Bedrooms ขนาด 250 ตารางเมตร บนชั้น 42F ที่มีพื้นที่ระเบียงใหญ่สมใจ เรียกว่าระเบียงตรงห้องนั่งเล่นใหญ่กว่าห้องนอนเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบพื้นที่ Outdoor มากๆ … แต่ในขณะเดียวกันราคาก็จะแพงกว่ากันประมาณ 15% ด้วยนะครับ
มาเริ่มกันจากประตูหน้าห้องเป็นประตูไม้เนื้อแข็งบานใหญ่ พอที่จะเดินหรือเลื่อนเก้าอี้ Wheel Chair เข้าไปได้โดยไม่ติดขัด
เปิดประตูเข้าไปจะพบกับส่วนของโถงทางเดินที่จะนำไปสู่ห้องพัก
โถงทางเดินนี้ปูพื้นด้วยหินอ่อนสองสี เล่นลวดลายย้อนยุคหน่อย
นอกจากที่จะนำไปสู่ห้องพักแล้ว ด้านขวาของโถงทางเดินยังสามารถเปิดไปส่วน Service อันเป็นห้องซักรีด, ห้องครัวหลัก และห้องแม่บ้านได้ ซึ่งตรงนี้เราจะนำมากล่าวรายละเอียดในภายหลังนะครับ
หากเจ้าของห้องพาแม่บ้านมาพักอยู่อาศัยด้วยแต่ยังต้องการความเป็นส่วนตัว เจ้าของห้องก็สามารถล็อคประตูที่เชื่อมระหว่างโถงทางเดินกับห้องแม่บ้าน เพื่อกันขอบเขตให้แม่บ้านอยู่ในส่วนที่กำหนดไว้ได้เช่นกัน
โดยมือจับประตูบานผลักหน้าตาจะเป็นแบบนี้ มีช่องหมุนกุญแจอยู่ด้านบน ออกแนวคลาสสิกให้รู้สึกถึงความเป็นบ้านมากกว่าคอนโดทั่วๆไป
เมื่อเราเดินเข้าไปก็จะเห็นห้องโถงหลัก ซึ่งเป็น Open Space Area ที่เชื่อมต่อกันระหว่าง 3 ฟังก์ชั่น ได้แก่
- ส่วนพักผ่อน
- ส่วนรับประทานอาหาร
- ครัวฝรั่งและแพนทรี่
แม้ว่าจะอยู่ในคอนโด แต่ด้วยการออกแบบให้พื้นที่เชื่อมกันเป็นก้อนใหญ่จะทำให้รู้สึกไม่อึดอัด มีพื้นที่เหลือเฟือ คล้ายๆกับอยู่บ้านชั้นเดียวเลยครับ
ทางขวาที่เห็นเป็นชุดครัวที่เราจะได้ตามนี้ ไม่รวมโคมไฟด้านบน
แบรนด์ชุดครัว : Gaggenau
แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า : Siemens
ชุดครัวที่เห็นประกอบด้วยเซ็ต Island Pantry วางคู่กันกับชุดครัวเข้าผนัง
โดย Island Pantry สามารถพับเข้าออกได้ เพิ่มพื้นที่ในการใช้สอย หรือเก็บไม่ให้เกะกะขวางทางเดิน
เวลาพับออกมาก็จะดูเท่ๆ วางแก้วกาแฟ ตั้ง Stool Bar นั่งรับประทานอาหารเช้าได้สบายๆ
ด้านในของส่วนครัวใช้ท๊อปซึ่งทำจากหินอ่อนและปูพื้นจากหินอ่อนเช่นกัน
ครัวนี้จัดเป็นครัวเบาที่เอาไว้ทำอาหารง่ายๆ ไม่ถึงขนาดกับว่าควันคลุ้งเต็มห้องไปเปรอะเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เพราะเรสซิเดนซ์นี้มีครัวหนักอยู่ในส่วนของ Service Area อีกจุดหนึ่งในส่วนของห้องแม่บ้านด้านหน้า
ผมชอบก๊อกน้ำและซิงก์ของที่นี่ตรงที่มีขนาดใหญ่ สามารถล้างถ้วยจานชามได้มาก เพราะเรสซิเดนซ์ใหญ่ขนาด 226 ตารางเมตรนี้ก็คงจะไม่ได้อยู่อาศัยกันแค่ 1-2 คนอย่างแน่นอน ซิงก์ล้างจานจึงควรจะมีขนาดใหญ่ให้รองรับสมาชิกในบ้านได้ครบถ้วน … ส่วนหัวก๊อกที่เปิดน้ำนั้นเป็นรูปลูกบาศก์ใช้บิดหมุนซ้ายขวาตามภาพครับ
ซิงก์และก๊อกน้ำแบรนด์ Arkitectura
เตาไฟฟ้าในที่นี้มีให้ด้วยกัน 4 หัว ซึ่งเพียงพอสำหรับการทำอาหารโดยทั่วไป ผนังด้านหลังเป็นกระจก Glasskote เอาไว้ป้องกันคราบน้ำมันเปรอะเปื้อนผนัง จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ด้านบนของเตามีเครื่องดูดควันพร้อมกับหลอดไฟให้เรียบร้อย
ตู้เย็นที่เห็นนี้เป็นประเภท Built-in เข้ากับชุดครัว ดูแล้วกลมกลืนไม่เกะกะสายตากับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ
ฟังก์ชั่นตู้บริเวณนี้ในส่วนที่เปิดบานเปิด-ปิดนั้นเป็นบานพับธรรมดา ส่วนที่เป็นบานลิ้นชั้นนั้นจะมีระบบ Soft Close ติดตั้งมาให้
ด้านซ้ายสุดของครัวจะมีตู้ขนาดใหญ่ เอาไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ที่แม่บ้านอุปกรณ์ดีเด่นมักจะหาซื้อมาใช้แล้วไม่มีที่เก็บ อาทิเช่นเครื่องทำน้ำแข็งไส เครื่องทำโดนัท เครื่องทำไอศกรีม เครื่องตีไข่ เครื่องทอดสุญญากาศ ฯลฯ … ด้วยพื้นที่ขนาดนี้คุณแม่บ้านไม่ต้องกลัวซื้อของเข้าบ้านแล้วโดนสามีบ่นว่าไม่มีที่เก็บแล้วนะครับ
เราให้ดูพื้นกันอีก ส่วนของครัวเป็นหิน travertine สามสี เหลือง-เทา-ขาว ดูแล้วกลมกลืน ตัดกับพื้นสีเข้มของห้องชุดที่เหลือที่ทำจากไม้ปาร์เก้วางซ้อนกัน พื้นผิวไม้แบบนี้เวลาเดินเท้าเปล่าจะได้ผิวสัมผัสที่นุ่ม อบอุ่น และมี Texture อีกด้วยครับ
แต่ห้องตัวอย่างที่นี่เลือกที่จะปูพรมสี ขาว-ครีม-เขียวอ่อน เพื่อให้เข้ากับห้อง สร้าง Mood and Tone เป็นแนวครอบครัวอบอุ่น ดูแล้วน่าอยู่น่าอาศัย แตกต่างจากห้องตัวอย่าง Sky Residence แนวหรูหราที่ผมเคยพาไปชมมาแล้ว
บริเวณที่นั่งรับประทานอาหารในห้องตัวอย่างวางเก้าอี้ 4 ตัว แต่ด้วยพื้นที่แล้วสามารถนั่งได้อย่างน้อยๆก็ 6 คน หรือ 8 คนต่อหัวท้ายก็ยังสบายๆ
ประตูนี้จะเปิดออกไปเป็นโถงทางเดินของบริเวณห้องนอน ซึ่งถ้าเรามีแขกมาเยือนก็สามารถปิดประตูกั้นพื้นที่ออกจากกันเสีย สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนในบ้านและแขกเหรื่อได้
ตู้บานใหญ่นี้ดูเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไรนะครับ คล้ายๆตู้เสื้อผ้าแต่วางเอาไว้ข้างๆโต๊ะอาหาร เขามีเหตุผลอะไรหรือ?
พอเปิดออกมาดูจะพบว่า จริงๆแล้วตู้บานนี้เป็น Mini Wine Cellar … เอาไว้เก็บและเตรียมเครื่องดื่มเวลามีปาร์ตี้ หรือเวลาต้องการจะนั่งจิบไวน์อยู่ที่บ้านละครับ
เพดานของห้องนี้สูง 3.1 เมตร ทำให้ดูโปร่ง มีการดรอปฝ้าลงมาเพื่อติดตั้งระบบแอร์ และแสงไฟเป็นแบบ Indirect Lighting และหลอด Halogen ไม่นับรวมโคมระย้าที่ไม่ได้แถมมากับตัวห้องนะครับ
ฟังก์ชั่นถัดมาจัดเป็นจุดที่สำคัญมากๆของห้องนี้เลย นั่นก็คือมุมพักผ่อนนั่นเอง โดยมุมนี้ใหญ่พอที่จะวางโซฟายาวรูปตัว V ขนาด 5 ที่นั่งสบายๆ แต่จุดที่เราจะต้องสังเกตก็คือ เอ๊ะทำไมห้องนี้ไม่มีทีวี แต่กลับมี Artificial Fireplace มาวางเอาไว้แทน
เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการดีไซน์ ให้รูปลักษณ์ห้องตามโทนของห้องตัวอย่างแนว Luxurious New York Apartment แต่ในห้องจริงๆนั้นไม่ได้ทำเอาไว้ให้ ถ้าใครต้องการก็ต้องสั่งทำเอง แต่ถ้าใครไม่ต้องการก็สามารถติดตั้ง TV จอแบนขนาดใหญ่แทนที่ก็ได้นะครับ 🙂
ส่วนที่ติดกันเลยออกมาด้านหลังโซฟาจะเป็นมุมทำงาน ที่มีตู้โชว์ หรือตู้ใส่เอกสารเกี่ยวกับการทำงาน เพื่อให้หยิบฉวยได้ง่าย
เวลานั่งทำงานที่มุมนี้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ ไม่ต้องแยกหลุดออกไปจากบ้าน เหมาะสำหรับคนที่อยากจะนั่งทำงาน เล่นคอม เล่นเนต เป็นอย่างดี
ปล. ผมชอบดีไซน์ของขาโต๊ะตัวนี้มากๆ เท่มากครับ ถ้าปิดการขายทั้งตึกแล้ว ไม่ใช้ Sales Gallery แล้ว ผมขอได้ไหม 😀
มาดูที่ผนังกระจกกันบ้าง … เราจะเห็นว่าเป็นผนังกระจกตั้งแต่ขอบล่างจรดพื้นจนถึงขอบบนสุดจรดเพดานฝ้า แต่เรสซิเดนซ์นี้เป็นเรสซิเดนซ์ที่ไม่มีระเบียงข้างห้องนั่งเล่น ไม่สามารถเดินออกไปได้นะครับ
ห้องทั่วๆไปไม่ค่อยกล้าใช้พื้นสีเข้มกันเท่าไร เพราะจะทำให้ห้องดูทึบดูเล็กลงกว่าที่ควรจะเป็น แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับห้องขนาด 200 ตารางเมตรขึ้นไป
แผงวงจรควบคุมไฟฟ้าทั้งหมดเป็น Intelligent System โดยมี Remote Control บางส่วนที่สามารถดึงออกไปใช้ได้
แผงวงจร แบรนด์ Schneider
จบกับส่วนของห้อง Open Space ใหญ่แล้วนะครับ เราจะพาไปที่ส่วนห้องนอนกันบ้าง โดยประตูบานเลื่อนทุกบานของที่นี่จะเป็นแบบนี้ มีตัวเกี่ยวที่บริเวณสันสามารถดึงออกมาเพื่อเลื่อนประตูได้ วิธีนี้จะทำให้เราเก็บซ่อนบานเลื่อนได้สนิท ไม่ต้องกังวลเรื่องจะดึงบานเลื่อนออกมาจากห้องอย่างไร
รับรองว่าเราจะไม่เห็นการใช้พื้นที่แบบนี้กับคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายในกรุงเทพฯ … การเอาโถงทางเดินเข้ามาไว้ในเรสซิเดนซ์ตัวเอง ให้รู้สึกว่าเป็น Private Corridor สำหรับเดินเข้าห้องนอนแต่ละท่าน
ห้องแรกด้านขวาเป็นห้อง Powder Room ห้องน้ำที่แขกสามารถเข้ามาใช้ได้
ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนลายที่ใช้กับพื้นห้องครัว มีซิงก์กับโถสุขภัณฑ์เป็นฟังก์ชั่นหลัก ใช้อาบน้ำไม่ได้นะครับ
สุขภัณฑ์แบรนด์ Toto
ซิงก์เป็นก๊อกผสม มือจับเป็นรูปกากบาท ดูแล้วมีรสนิยมแบบคลาสสิก
แบรนด์ Lefroy Brookes
ทั้ง 3 ห้องนอนของที่นี่มีห้องน้ำในตัวทั้งหมดนะครับ โดยห้องนอนแรกที่เราจะพาไปดูนั้นเป็นห้องนอนเล็กแต่มีขนาดไม่เล็กตามชื่อ
หากจะเทียบขนาดกันแล้วก็ต้องบอกว่าเทียบเท่า Master Bedroom ของโครงการทั่วๆไปในบ้านเรา ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า-น้ำเงิน-ขาว บ่งบอกตัวตนชัดเจนว่าเป็นห้องของเด็กผู้ชาย
ฟังก์ชั่นในห้องนอนนั้นจริงๆวางได้ครบกว่านี้ เพียงแต่ห้องตัวอย่างห้องนี้เลือกที่จะวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตแทนที่จะวางเตียง 5 ฟุตเต็มห้อง ทำให้ห้องมีพื้นที่เหลือ สามารถวาง Armchair และ/หรือ ใช้พื้นที่นั่งบริเวณพื้นทำกิจกรรมอื่นๆของเด็กผู้ชายได้ เช่นดีดกีตาร์ นั่งเล่นเกมส์ ต่อหุ่นยนต์ บอร์ดเกม เป็นต้น
บริเวณผนังฝั่งตรงข้ามสามารถวางทีวีและเป็นโต๊ะทำงาน / ทำการบ้าน ได้ไปในตัว
ตรงนี้ผมขอซูมให้ดูกันหน่อยนะครับท่านผู้อ่าน ให้ดูลายของเนื้อผ้าด้านหลังที่ออกแนวยีนส์ๆ และการเดินด้ายด้วยตะเข็บสีขาว ดูแล้วสวยกว่าทำ Wallpaper ทั่วๆไป เยอะมาก
มาถึงห้องน้ำในห้องนอนเล็กกันบ้าง วัสดุอุปกรณ์จะคล้ายๆกับห้อง Powder Room เพียงแต่จะมีฟังก์ชั่นการอาบน้ำเพิ่มเข้ามา และลายหินอ่อนทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นลายนี้
ซิงก์ถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับการใช้งานจริงๆจังๆอย่างล้างหน้าแปรงฟัน มากกว่าซิงก์ใน Powder Room ที่เตรียมไว้สำหรับฟังก์ชั่นล้างมือชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
โถสุขภัณฑ์ทั้งหมดเป็นแบบฝังเข้าไปในผนัง และใช้แป้นควบคุมน้ำติดกำแพงที่ด้านบน การออกแบบแนวนี้เป็นแนวโรงแรมสายพันธุ์อเมริกัน ต่างจากสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่จะใช้สุขภัณฑ์แนว Washlet มีปุ่ม Electronic ควบคุมเยอะๆ … ของมาตรฐานให้มาแบบนี้ แต่ถ้าใครอยากได้แนว Washlet ก็สามารถปรับเปลี่ยนภายหลังจากโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเองได้นะครับ
ที่อยากให้ดูจากภาพนี้มีสองจุด คือหนึ่งกรอบวงกบของกระจก Tempered Glass ที่กั้นห้องอาบน้ำกรุด้วยหินอ่อนลายเดียวกันกับพื้นทำให้ดูกลมกลืน และพื้นห้องอาบน้ำที่ใช้โมเสก ทำให้ดูหรูหรามากขึ้นไปอีกขั้น และช่วยเรื่องกันลื่นได้ดีกว่าหินอ่อนมากๆ
เปิดประตูออกมาอย่างนี้ มีพื้นที่เปิดออกมาได้เต็มบาน เดินเข้าสบายๆ ไม่เหมือนกับคอนโดหลายๆแห่งที่เป็นการเปิดแบบผลักเข้าไปเพียงด้านเดียว
ฝักบัวที่เห็นเป็นแนวคลาสสิก ยืนอาบสบายๆไม่มีอะไรพลิกแพลงครับ
ฝักบัว แบรนด์ Lefroy Brookes
หลอดไฟซ่อนใต้ฝ้า ส่องแสงลงมาแบบ Indirect Light แต่พอมองขึ้นไปก็ยังเห็นหลอดไฟเป็นดวงๆอยู่ ผมว่ามันแยงตาไปนิดนึง ควรจะติดตั้งหลอดไฟให้ Conceal มากกว่านี้อีกหน่อยนะครับ
จบห้องนอนแรก เราก็ไปต่อกันที่ห้องนอนสอง
ห้องนี้ขนาดพอๆกับห้องนอนที่แล้ว แต่จะวางเตียงใหญ่ 5 ฟุต พร้อมกับโต๊ะหัวเตียงทั้งสองด้าน
ตู้เสื้อผ้าฝังอยู่ในผนังข้างเตียง
โต๊ะหัวเตียงทั้งสองด้านใช้การยึดผนัง ไม่มีขา เราก็สามารถเอากล่องเก็บของวางด้านใต้ใช้ประโยชน์ให้เต็มพื้นที่ก็ได้ หรือจะปล่อยไว้ให้ทำความสะอาดง่ายๆก็ได้
ปลายเตียงมีพื้นที่ให้วางทีวีและ Side Board แบบนี้ แต่จะเห็นว่าห้องนี้พอวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆเข้าไปแล้ว ฟังก์ชั่นใช้สอยจะน้อยกว่าห้องที่แล้ว ก็ถือว่าเป็น Trade Off กัน ในการแต่งห้องตาม Lifestyle ของแต่ละคน ส่วนห้องน้ำนั้นเหมือนกันกับห้องที่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการยืดเยื้อจนเกินไปผมจะขอข้ามไปห้องนอนใหญ่เลยนะครับ
ประตูห้องนอนใหญ่ดูแกรนด์ดี พอเปิดเข้าไปแล้วจะเจอส่วนของโถงก่อนที่จะถึงห้องนอน โดยที่บริเวณมุมสุด ผู้ออกแบบจงใจวางโซฟาเอาไว้ให้เป็นจุดนำสายตา
บานประตูด้านนอกสีไม้เหมือนกับโถงทางเดิน ด้านในเป็นสีขาว พื้นห้องนอนเลือกที่จะปูพรมเหมือนพวก New York Apartment แต่ถ้าเป็นผมคงจะเลือกพื้นปาร์เก้เหมือนเดิม นุ่มเท้ากว่ากันเยอะและไม่เก็บฝุ่นด้วย
ห้องนอนใหญ่เป็นห้องมุมที่ได้วิวสองด้าน เพื่อให้เห็นวิวสวยๆผู้ออกแบบจึงเลือกที่จะวางเตียงให้หันในทิศนี้
เตียงที่วางเป็น Full Size นอนสบายๆพร้อมกับโต๊ะข้างเตียงทั้งสองด้าน แนวการตกแต่างเป็นสีโทนเหลือง-ไม้ ให้ความอบอุ่นเหมือนกับอยู่บ้าน
พื้นที่บริเวณที่วางโซฟานี้เราอาจจะประยุกต์ใช้เป็นอย่างอื่นก็ได้ เช่นโต๊ะคอม โต๊ะเครื่องแป้ง ฯลฯ เพราะยังมีพื้นที่เหลือเฟืออยู่
สิ่งที่ผมชอบสำหรับห้องนี้คงจะหนีไม่พ้นโคมไฟชิ้นนี้ละครับ ที่ยึดแขนกับผนัง มีจุดหมุนได้ 3 จุด สามารถใช้ปรับมุมองศาเวลาเรานอนเล่น iPad หรือ อ่านหนังสืออยู่บนเตียงได้เป็นอย่างดี
เราจับหมุนๆ เลือกองศาที่ต้องการได้อิสระ ดีมากๆสำหรับคนที่ชอบนอนตะแคง
แหม่ หลายคนคงจะสงสัยแล้วฟังก์ชั่นอย่างห้องแต่งตัวหายไปไหนเล่า? … จริงๆแล้วเค้าจับมารวมกันอยู่ในห้อง Dressing Room นี้ละครับ
เดินเข้าไปปุ๊บคงจะเป็นที่ถูกใจสำหรับหลายๆคน ที่ได้ Walk-in Closet ขนาดใหญ่มาก รวมถึงพื้นที่แสงธรรมชาติให้ใช้งานได้ดี ไม่ต้องเป็นห้องมืดๆเหมือนหลายๆที่
Walk-in Closet มันจะสวยหรือไม่นั้นอยู่ที่ความมีระเบียบของผู้ใช้ด้วย พอจัดวางพร๊อพทั้งหมดด้วยสีขาว มันก็ดูแกรนด์สะอาดตา แต่ในชีวิตจริงคงจะไม่ใช่อย่างนี้จริงไหมครับ?
มาถึง Highlight ของห้องนี้กันบ้าง … ห้องน้ำนั่นเอง ที่ดูลายตาไปหมดกับลายหินอ่อนขาวดำ
จะบอกว่าพื้นที่ห้องน้ำนี้กว้างพอให้ทำเป็นห้องนอนเล็กได้เลย และประกอบด้วย 5 ฟังก์ชั่นหลัก คือ
- Washbasin – His
- Washbasin – Her
- Toilet
- Shower Box
- Bath Tub
ในส่วนของ Bath Tub เป็นอ่างแบบ Stand Alone วางตั้งอยู่กลางห้อง โชว์ให้เห็นเลยว่าอ่างนี้งามขนาดไหน
ด้านหลังเป็นผนังกระจกบานใหญ่ สามารถเปิดออก อาบน้ำไปชมวิวมหานครไปได้
ชุดห้องน้ำตรงนี้ตกแต่งด้วยขอบสีทอง ทั้งหัวก๊อก ขาใต้ซิงก์ มือจับลิ้นชัก และกรอบกระจกต่างๆ เป็นสีทองทั้งสิ้นเลย
ห้องอาบน้ำมีประตูเปิด-ปิด เหมือนเป็นห้องซ้อนห้องกันอยู่ พร้อมกับ Rain Shower ที่เพิ่มเติมเข้ามา
มือจับ ฝักบัว และชุดควบคุมน้ำเหมือนกับห้องนอนแรก แต่เปลี่ยนเป็นสีทอง
Rain Shower ตัวนี้คือส่วนที่เพิ่มเข้ามาครับ
ห้องสุขานี้ก็ทำเป็นห้องซ้อนเข้าไปอีกห้องหนึ่งจากห้องน้ำใหญ่เช่นกัน กลิ่นต่างๆจะได้ถูกดูดขึ้นไปจากพัดลมดูดอากาศในห้องนี้เลย ไม่ไปรบกวนห้องน้ำด้านนอกมากนัก
จบกันที่ภาพสวยๆของห้องน้ำละครับ … แต่ยังไม่หมดนะ เรายังมีอีกพื้นที่หนึ่งที่ยังไม่ได้ Explore
จำได้ไหมตอนเดินเข้าห้องมา เรายังมีประตูบานนี้ที่นำไปสู่ส่วน Service และห้องแม่บ้าน ที่เรายังไม่ได้พาเดินชมนะครับ
ส่วนแรกสุดเลยเป็น Laundry Room ที่วางเครื่องซักผ้า แต่เนื่องจากเรสซิเดนซ์นี้ไม่มีที่ให้ตากผ้า เราก็แนะนำให้เอาเครื่องอบผ้ามาไว้ด้วยกันเลย หรือถ้าให้ดีกว่านั้น ก็ใช้บริการ Laundry Service ของโรงแรมเสียก็หมดเรื่อง ถ้าสามารถซื้อห้องนี้ได้ ค่าซักผ้าไม่กี่สตางค์คงจะไม่มีปัญหาจริงไหมครับ
ต่อมาเป็นครัวปิด ที่เป็นครัวใหญ่ สามารถต้มผัดแกงทอดแรงๆตรงนี้ได้
โดยจะมี Counter ยาวพร้อมซิงก์ให้เตรียมอาหาร รวมถึงเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน แต่ผมแนะนำให้ติดระบบดูดควันเพิ่มเติม เนื่องจากห้องนี้ไม่มีทางระบายอากาศธรรมชาติ ถ้าจะทำอาหารกันจริงๆจังๆ เครื่องดูดควันแค่นี้เอาไม่อยู่นะครับ
ห้องนอนแม่บ้านเป็นส่วนถัดไป ขนาดโอเคพอจะอยู่อาศัยได้จริง
ห้องน้ำแม่บ้านอยู่ด้านในสุด ขนาดโอเคเช่นกันแต่ไม่ได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้
จบแล้วครับกับรีวิวเรสซิเดนซ์ห้องตัวอย่างล่าสุด 3 Bedrooms จาก The Ritz-Carlton Residences, Bangkok ส่วนหนึ่งของโปรเจค MahaNakhon โดย PACE Development Corporation Plc.
Summary
สำหรับบทวิเคราะห์เรื่องทำเล, โครงการ และห้องอื่นๆ ผมเคยเขียนไว้แล้วในส่วนที่ 1 และ 2 ของโครงการนี้นะครับ สามารถหาอ่านดูได้ โดยบทสรุปสำหรับรีวิวฉบับนี้ก็จะเป็นบทวิเคราะห์ห้องนี้โดยตรง
ห้องตัวอย่างนี้เป็นเรสซิเดนซ์ แบบ 3 ห้องนอน ที่มีขนาดใหญ่และมีพื้นที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง บนพื้นที่ขนาด 200 กว่าตารางเมตร มีฟังก์ชั่นต่างๆครบถ้วน ห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด, ห้อง Powder Room สำหรับแขก, บริเวณ Open Space Area ที่กว้างใหญ่ อยู่สบาย และ Service Area ที่มีห้องแม่บ้านและครัวเพิ่มอีกชุดหนึ่ง ขาดไปแต่ระเบียงแกรนด์ๆที่เปิดออกไปรับลมได้ … ก็แน่ละสิ เพราะนี่เป็นเรสซิเดนซ์ที่ไม่มีระเบียงครับ ดังนั้นคนที่เลือกที่จะซื้อยูนิตนี้ ต้องรู้จักตัวเองตั้งแต่แรกแล้วว่า เราไม่ได้ชอบพื้นที่เอ้าท์ดอร์และเราก็ไม่ได้อยากจ่ายสตางค์เพิ่มเพื่อพื้นที่ระเบียงที่งอกออกมา ส่วนคนที่อยากได้ระเบียง ผมก็ได้อธิบายไปตั้งแต่ช่วงแรกแล้วว่ามีห้องอื่นที่มีระเบียงให้เลือก ลูกค้าระดับนี้สามารถเลือกได้ตามความต้องการอยู่แล้วครับ
การตกแต่งของห้องตัวอย่างนี้ออกไปในโทนของการอยู่อาศัยจริง เป็นบ้านแนวอบอุ่น โทนสีสบายๆ แตกต่างจาก Sky Residence ที่เหมือนห้องในฝันที่เคยพาไปชมมาก่อนหน้านี้ โดยผู้ออกแบบเน้นให้มีพื้นที่โล่ง ว่างๆเยอะๆ ไม่ให้อึดอัดและรู้สึกคับแคบ ทิ้ง Space หลายๆจุดไว้ไม่ให้รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และยังแยกส่วน Service Area ออกจาก Residence ออกจากกัน คล้ายๆกับการออกแบบผังของบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมากกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป
BOTTOM LINE
ห้อง 3 Bedrooms นี้จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่อยากได้ที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง ใหญ่ทัดเทียมกับบ้าน แต่ด้วยค่าตัวของเรสซิเดนซ์ที่มีราคาไม่น้อย ก็ต้องมีกำลังทรัพย์ กระเป๋าหนักๆ ไม่อย่างนั้นซื้อเสร็จจะตัวเบาเลยละครับ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ