รีวิว Nue Core Khu Khot Station (นิว คอร์ คูคต สเตชัน) คอนโดเปิดใหม่ล่าสุดจาก Noble development บนทำเลดี เดินไปรถไฟฟ้าคูคตได้ ติดกับโครงการรุ่นพี่อย่าง Nue Cross Khu Khot Station ที่ได้รับกระแสตอบรับดีมาก Sold Out ใน 4 เดือน แต่ไม่ใช่ว่าโครงการรุ่นพี่ขายดีแล้วจะทำโปรดักส์ที่เหมือนเดิมเป๊ะนะคะ โครงการ Nue Core Khu Khot Station ได้นำ Feedback จากลูกค้าไปปรับการออกแบบด้วยค่ะ เบื้องต้นเราสรุปจุดเด่นหรือ Highlight ของโครงการมาได้ ดังนี้

– เดินไปรถไฟฟ้าได้ : ติดถนนใหญ่ลำลูกกา และใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีคูคต ในระยะประมาณ 200 เมตร และอาจจะใกล้กว่านั้นหาก Lifestyle Mall สร้างเสร็จจะสามารถเดินลัดได้ในเวลาที่ห้างเปิดทำการ
– ติด Lifestyle Mall ในอนาคต : Lifestyle Mall จะเปิดให้บริการช่วงกลางปี 2567 ทันกับตัวคอนโดที่จะแล้วเสร็จช่วงปลายปีพอดี คอนโดนี้จึงเป็นโครงการที่อยู่ติดห้างเลย มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน
– รูปแบบห้องพักหลากหลายและมี Rare Item ด้วย :โครงการมีห้องหลากหลายรูปแบบ หลายขนาดให้เลือก ตอบโจทย์ผู้ที่มีงบไม่มากนัก 1-2 ล้านและผู้ที่มีงบประมาณมากหน่อยที่อยากได้ห้องขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีรูปแบบห้องที่หายากในโซนนี้ เช่น ห้อง 1 Bedroom Plusและ 2 Bedroom ที่ออกแบบมาเป็นห้องหน้ากว้าง และมีห้อง Duplex บนชั้น 1 ติดสวน, ติดสระ ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่

นี่แค่เกริ่นนะคะ รายละเอียดทั้งหมดของโครงการจะน่าสนใจอย่างไรไปชมกันเลย…

ข้อมูลโครงการ

Nue Core Khu Khot Station (นิว คอร์ คูคต สเตชัน) ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566

 ชื่อโครงการ  NUE CORE KHU KHOT STATION (นิว คอร์ คูคต สเตชัน)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
 ที่ดิน  11-1-27.2 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร
 จำนวนยูนิต  1,206 ยูนิต
 ที่จอดรถ  24% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q4 ปี 2567
 ประเภทห้องพัก
  • Studio พื้นที่ใช้สอย 22.70-23.25 ตร.ม.
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26.25-27.10 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.40-34.90 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 45.75-46.45 ตร.ม.
  • 2 Bedroom Duplex พื้นที่ใช้สอย 59.30 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 2.45 – 5.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 69,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ https://www.noblehome.com/th/condominium/nue-core-khukhot-station
 Call Center 02-251-9955
 Line @nuekhukhotstation

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

– ติดถนนใหญ่ลำลูกกา และใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีคูคต ในระยะเดินได้สบายๆ
– อยู่ติด Lifestyle Mall ที่จะเปิดใหม่ในอนาคต
– มีถนนกาญจนาภิเษกให้ใช้เข้า-ออกเมืองอยู่ไม่ไกล สามารถเชื่อมต่อทางด่วนฉลองรัชและทางด่วนศรีรัชได้ด้วย

พิกัด Google Maps : 13.932469, 100.647241
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ Nue Core Khu Khot Station ค่ะ

โครงการ Nue Core Khu Khot Station ตั้งอยู่ติดถนนลำลูกกา ซึ่งปัจจุบันก็มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นเส้นหลักอย่าง “สถานีคูคต” ที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวตรงเข้าเมืองได้เลย นั่นจึงทำให้การเดินทางในย่านนี้มีความสะดวกมากขึ้น และต่อจากนี้ก็อาจไม่ได้มีแค่บ้านแนวราบเท่านั้น แต่ก็จะมีที่อยู่ประเภทคอนโดมิเนียมมาเปิดในพื้นที่นี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยประเดิมเจ้าแรกด้วย Noble กับที่ดินผืนใหญ่ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าแห่งนี้กันไปเลยค่ะ

ปกติแล้วคอนโดมิเนียมที่มาเปิดในย่านนี้ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใกล้สถานีพหลโยธิน 59 และสถานีสายหยุด ซึ่งก็จะเป็นอีกระดับราคาหนึ่งไปเลยค่ะ แต่หากมองขยับออกมาหน่อยอีกไม่กี่สถานีก็จะเจอกับโครงการ Nue Core Khu Khot Station ที่ราคาจับต้องได้ง่ายมากขึ้น ในราคาเริ่มต้นล้านกว่าบาท

แต่หากลองเทียบกับคอนโดในย่านคูคตด้วยกัน จะเห็นว่าคอนโดส่วนใหญ่กระจุกตัวกันอยู่ใกล้โลตัสลำลูกกา คลอง 2 ไม่ได้อยู่ติดกับรถไฟฟ้าแบบโครงการ Nue Core Khu Khot Station นะคะ ทำเลติดรถไฟฟ้าจึงเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เช่นกัน

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ในโซนนี้ไม่ว่าจะเป็นตลาด/ซูเปอร์มาร์เก็ตก็มีครบเพราะเป็นย่านชุมชนแนวราบที่มีหมู่บ้านเยอะอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องเดินทางต่อรถไปสักหน่อย แต่ในอนาคตแปลงที่ดินติดกับโครงการมีแผนที่จะเปิด Lifestyle Mall ขึ้นใหม่ ทำให้ลูกบ้านหาของกินง่ายขึ้น ช้อปปิ้งได้สะดวกเลยค่ะ

ทำเลโครงการเรียกได้ว่าใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคตมากๆ จากประตู 1 ของโครงการจะอยู่ห่างจากสะพานทางขึ้นประมาณ 200 m. เท่านั้น ส่วนประตู 2,3 จะขยับออกไปตามลำดับ โครงการทำประตูทางเข้าออก 3 ทางก็เพื่อให้ทุกอาคารสามารถเชื่อมกับ Lifestyle Mall ได้สะดวก ลูกบ้านที่อยู่อาคารด้านในอย่าง B,C,D และ E ไม่ต้องเดินอ้อมไปประตูใหญ่ แต่สามารถเดินเข้าประตูเล็กที่เชื่อมกับ Lifestyle Mall ได้เลย

ทั้งนี้หาก Lifestyle Mall เปิดให้บริการแล้ว ลูกบ้านอาจจะสามารถเดินออกประตู 2,3 เพื่อลัด Lifestyle Mall มาขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย และนั่นจะทำให้บรรยากาศการเดินกลับบ้านจะมีความคึกคักและปลอดภัยมากขึ้น แถมยังสามารถแวะซื้อของกินของใช้ก่อนเข้าบ้านได้สะดวกอีกด้วยนะ

สำหรับรถไฟฟ้าสถานีคูคตนี้ เป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สามารถนั่งเข้าเมืองได้ยาวๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนสายให้ยุ่งยาก คร่าวๆ คือใช้เวลาจากสยามสแควร์มายังโครงการประมาณ 40 – 50 นาทีได้ค่ะ ส่วนบรรยากาศของการเดินทางและตัวสถานีปัจจุบันจะเป็นอย่างไร เราไปชมภาพกันใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

Image 1/3
ภาพมุมสูงที่มองจากตัวสถานีรถไฟฟ้าไปยังโครงการ

ภาพมุมสูงที่มองจากตัวสถานีรถไฟฟ้าไปยังโครงการ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ เราสามารถขับตรงไปขึ้นถนนกาญจนาภิเษกเพื่อใช้เข้า-ออกเมืองได้ โดยมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 7 km. อีกทั้งเรายังสามารถเชื่อมต่อไปยังทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัชได้อีกด้วยนะ

ส่วนถ้าใครที่ต้องการกลับรถไปทางพหลโยธิน-ดอนเมือง ก็จะมีระยะกลับรถสบายๆอยู่ที่ 300 เมตรค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแนวราบ และด้านหน้าก็จะอยู่ติดกับถนนลำลูกกา และ Lifestyle Mall (ในอนาคต) ด้านข้างทางขวาจะติดกับคอนโดรุ่นพี่อย่าง NUE Cross Khu Khot Station ส่วนด้านซ้ายติดกับพื้นที่รอการพัฒนาในอนาคต โดยเมื่อทุกอย่างสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็จะทำให้บริเวณนี้ก็จะมีความคึกคักมากขึ้นค่ะ

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
  • ทิศใต้ : ติดกับ ถนนลำลูกกาและ Lifestyle Mall
  • ทิศตะวันออก : ติดกับคอนโด NUE Cross Khu Khot Station
  • ทิศตะวันตก : ติดกับที่ดินรอการพัฒนาในอนาคต

ก่อนพาเข้าไปชม Sales Gallery เราจะพามาเดินดูทำเลรอบๆ กันสักหน่อย โดยรั้วข้างๆ นี้คือรั้วของ Lifestyle Mall ที่มีแผนจะเปิดในอนาคต

ผ่านรั้วมาจึงเจอกับ Drop-Off ขนาดใหญ่ ซึ่งจะแชร์กันใช้ระหว่างคอนโด NUE Core Khu Khot Station, คอนโด NUE Cross Khu Khot Station และ Lifestyle Mall ค่ะ

Image 1/4
ในส่วนของ Sales Gallery จะตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Lifestyle Mall นะคะ

ในส่วนของ Sales Gallery จะตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Lifestyle Mall นะคะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Makro Food Service ลำลูกกา ~ 900 m.
  • รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา ~ 3.1 km.
  • Big C ลำลูกกา – คลอง 4 ~ 3.6 km.
  • ตลาดเอซีสายไหม ~ 3.7 km.
  • Lotus’s คลอง 2 ~ 5.2 km.
  • รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ~ 5.3 km.
  • ตลาดเอซีคลอง 4 ~ 5.5 km
  • ตลาดวงศกร ~ 6.1 km.
  • ตลาดยิ่งเจริญ ~ 7.7 km.

โรงพยาบาล

  • CGH Hospital ~ 8.1 km.

โรงเรียน

  • รร.สารสาสน์วิเทศสายไหม ~ 5.1 km.
  • Western University ~ 7.8 km.
  • มหาวิทยาลัยเกริก ~ 10.3 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 15.7 km.

สถานที่ราชการและอื่นๆ

  • กองบัญชาการกองทัพอากาศ ~ 4.4 km.
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง ~ 11.3 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

– พื้นที่ส่วนกลางเยอะ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ และยังมีความหลากหลายแบ่ง Facilities เป็น 3 โซนหลักๆคือ The Core Lagoon (โซนสระว่ายน้ำ), The Core Forest (โซนสวนที่มีความร่มรื่น เงียบสงบ), The Core Terrain (โซนสวนที่มีลานกิจกรรมต่างๆ) และ The Core Pavilion (อาคาร Fitness + Co-Working Space)

Nue Core Khu Khot Station เป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินผืนใหญ่กว่า 50 ไร่ของทาง Noble ที่ได้มีการแบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็นหลายเฟสทั้งคอนโด, Lifestyle Mall และพื้นที่รอการพัฒนาในอนาคตที่ทาง Noble มีแผนจะพัฒนาเพิ่มอีกในอนาคตนะคะ

สำหรับคอนโด Nue Core Khu Khot เป็นคอนโดแห่งที่ 2 ที่เปิดตัวออกมา โดยมีคอนเซ็ปต์โครงการเก๋ๆ ว่า “คูลโคตร…” ที่ไม่ใช่แค่การเล่นคำมาจากชื่อทำเลหรือสถานีคูคตเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการใช้ชีวิตที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงการเดินทางที่เข้าเมืองได้ง่าย ด้วยรถไฟฟ้าเพียงแค่ต่อเดียวนั่นเอง

Image 1/6
โมเดลจำลองภาพรวมของโครงการ

โมเดลจำลองภาพรวมของโครงการ

ภาพรวมโครงการเป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคารที่วางตัวล้อม Courtyard เอาไว้ตรงกลาง ซึ่ง Facility ต่างๆ ก็จะอยู่บริเวณตรงกลางนี่แหละค่ะ ทำให้ลูกบ้านของแต่ละอาคารสามารถเข้าใช้พื้นที่ส่วนกลางได้สะดวก และห้องพักที่หันหน้าเข้า Courtyard จะได้วิวสระและสวนด้วยค่ะ

Master Plan โครงการสามารถเข้า-ออกหลักๆ คือ บริเวณวงเวียนด้านหน้าที่เป็นถนนภาระจำยอม ประตูโครงการควบคุมด้วยระบบ RFID จึงใช้งานสะดวกเหมือน Easy Pass บนทางด่วน เมื่อเข้ามาในโครงการเราสามารถจอดรถรอบอาคารได้เลย มีสัดส่วนอยู่ที่ 24% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งเราสามารถขับรถไปจอดใกล้ๆ อาคารที่เราพักได้เลย …ดูจากสัดส่วนแล้วถือว่าให้ที่จอดรถมาไม่เยอะนักเพราะโครงการเน้นจับกลุ่มผู้พักอาศัยที่เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นหลัก

เนื่องจากตำแหน่งของโครงการที่อยู่ติดกับ Lifestyle Mall การออกแบบทางเข้า-ออกจึงเอื้ออำนวยให้ลูกบ้านทั้งโครงการสามารถเข้าถึงตัวห้างได้ง่าย จึงออกแบบประตูให้เดินเข้า-ออกได้ 3 จุด ทำให้ลูกบ้านที่อยู่อาคารด้านในอย่าง B,C,D และ E ไม่ต้องเดินอ้อมไปประตูใหญ่ แต่สามารถเดินเข้าประตูเล็กที่เชื่อมกับ Lifestyle Mall ได้เลย

สำหรับอาคารพักอาศัยทั้ง 6 จะมีจำนวนยูนิตไม่เยอะนักอาคารละประมาณ 190 – 200 กว่ายูนิตเท่านั้น ซึ่งแต่ละอาคารจะมี Lobby เป็นของตัวเอง ทำให้โซนพักอาศัยค่อนข้างเป็นส่วนตัว และมี Grab&Go Station ของแต่ละอาคารแยกไว้ให้ด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งตอนนี้โครงการเปิดให้จองกันเฉพาะอาคาร B และ F นะคะ

มาดูรายละเอียด Facility ภายใน Courtyard กันนะคะ อย่างที่เกริ่นไปว่าส่วนกลางของโครงการถูกออกเป็น 3 โซนที่แตกต่างกัน

โซนแรกคือ The Core Forest เน้นบรรยากาศที่ร่มรื่น เขียวชอุ่ม ให้บรรยากาศเป็นส่วนตัวเหมาะกับการพักผ่อน มีพื้นที่ให้นั่งทำงานในสวนได้ ซึ่งโซนนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร C และ D ค่ะ

โซนถัดมาคือ The Core Lagoon เป็นพื้นที่ของกิจกรรมทางน้ำต่างๆ เช่น Lap Pool สระว่ายน้ำที่ยาวเทียบเท่าสระโอลิมปิกให้ว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง, Leisure Pool พื้นที่พักผ่อนให้นอนแช่น้ำ เล่นน้ำ เพื่อความผ่อนคลาย, Sunken POD พื้นที่นั่งเล่นที่ลดระดับลงให้อยู่ระดับเดียวกับน้ำ และ Pool Bar เป็นต้น  ซึ่งโซนนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร B และ E ค่ะ

ระหว่างโซน The Core Forest และ The Core Lagoon จะมี The Core Pavilion อาคาร 2 ชั้นที่จัดฟังก์ชันชั้น 1 ไว้เป็น Co-Working Space และ ชั้น 2 เป็น Fitness

โซนสุดท้ายคือ The Core Terrain สวนที่ออกแบบมาให้รองรับกิจกรรมที่มีความคึกคัก เช่น Cinema Outdoor และพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor ซึ่งโซนนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร A และ F ค่ะ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางโครงการมีทั้งหมด 2 สระ โดย Lap Pool มีความยาวประมาณ 50 x 4 m. เท่ากับขนาด Olympic Size ที่เราสามารถว่ายออกกำลังกายได้อย่างจริงจัง อีกสระหนึ่งคือ Leisure Pool ที่ออกแบบให้เหมาะกับคนที่อยากเล่นน้ำ พักผ่อนในน้ำแต่ไม่ได้ว่ายน้ำแบบจริงจังนะคะ

ภาพจำลอง Sunken POD ออกแบบโดยลดระดับพื้นที่นั่งลงไปในสระว่ายน้ำ เผื่อนั่งรอแฟนว่ายน้ำชิลๆ และเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ได้เลยค่ะ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Cinema Outdoor เป็นที่ฉายหนังแบบกลางแจ้ง ให้ลูกบ้านได้มานั่งรับชมหนังกันได้ แต่จะมีการใช้งานจริงอย่างไรบ้าง คงต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจนจากทางโครงการอีกทีนะคะ

ความแตกต่างของอาคาร A-F

อาคาร A-F จะแตกต่างกันที่วิวและความใกล้ไกลจากประตู หากวัดจากรถไฟฟ้าประตูแรกจะมีระยะประมาณ 220 เมตร, ประตูที่ 2 ระยะประมาณ 310 เมตร, ประตูที่ 3 ระยะประมาณ 400 เมตร แต่ในอนาคตจะมีตัวช่วยเป็น Lifestyle Mall ซึ่งลูกบ้านอาจจะสามารถเดินลัดไปรถไฟฟ้าได้ในช่วงเวลาที่ห้างฯ เปิดทำให้มีระยะที่ใกล้ขึ้นค่ะ

  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งบริเวณตรงกลางโครงการ ที่จะสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งมีห้องให้เลือกทุกรูปแบบ
  • กรอบสีแดง : เป็นห้องที่ได้วิวพื้นที่สีเขียวโซน The Core Forest เป็นโซนนั่งเล่นพักผ่อนที่มีความเงียบสงบมากกว่าโซนอื่นๆ
  • กรอบสีม่วง : เป็นห้องที่ได้วิวพื้นที่สีเขียวโซน The Core Terrain เป็นโซนที่ได้วิวเขียวๆ ของร่มไม้เช่นกัน แต่จะมีความเป็นร่มไม้ที่โปร่งกว่า เพราะมีส่วนที่เป็นลานออกกำลังกายและะพื้นที่นั่งเล่นดูหนังกลางแปลงค่ะ

ตอนนี้โครงการเปิดให้จองเฉพาะอาคาร B และ F เราจึงมีผังอาคารมาฝากกันแค่ 2 อาคารนี้นะคะ

อาคาร B

ชั้น 1 – มีห้องพักอาศัยให้เลือกกันตั้งแต่ชั้นนี้เลย แต่ก็จะมีการกั้นโซน Lobby ออกจากโซนห้องพักอาศัยด้วยประตูที่ต้องใช้ Key Card Access เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยโดยความน่าสนใจของห้องในชั้นนี้คือ มีประตูจากห้องพักเปิดเข้าสู่ Courtyard ส่วนกลางได้อีกหนึ่งประตู เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกในการมาใช้งาน Facility บ่อยๆ รวมถึงยังไม่ต้องเสียเวลาขึ้น-ลงลิฟต์ แถมยังได้มองเห็นวิวสวนและต้นไม้อย่างใกล้ชิดมากๆอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับความเป็นส่วนตัว ที่อาจน้อยกว่าห้องชั้นบนๆอยู่สักหน่อยนะคะ

รูปแบบของห้องพักในชั้นนี้จะเน้นเป็นห้องแบบ Duplex และห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่าง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus

ชั้น 2 – เป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งจะประกอบด้วยห้อง Studio และ 1 Bedroom เป็นหลักซึ่งเป็นห้องไซส์เริ่มต้นของโครงการ จึงเป็นโซนที่ราคาน่าจะจับต้องง่าย และมีห้อง 1 Bedroom Plus ให้จับจองได้ 1 ห้อง โดยโถงลิฟต์จะมีตำแหน่งเดียวอยู่มุมซ้ายของอาคาร ทำให้ห้องพักอีกฝั่งหนึ่งจะอยู่ห่างจากลิฟต์สักหน่อย แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นค่ะ

ชั้น 3-8 เป็น Typical Floor Plan ของอาคาร ยังคงเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom และ Studio เป็นหลัก และมีห้องแบบ 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ให้เลือกชั้นละ 1 ห้องค่ะ

อาคาร F

ชั้น 1 – แปลนของชั้นนี้จะคล้ายอาคาร B เลยนะคะ โซนห้องพักอาศัยจะยังได้ความเป็นส่วนตัวเช่นเดิม ส่วนห้องพักมีให้เลือก 3 Type คือ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ Duplex ค่ะ

ชั้น 2 – เป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งจะประกอบด้วยห้อง Studio และ 1 Bedroom เป็นหลัก ส่วนห้อง Type อื่นๆ ก็มี 1 Bedroom Plus 3 ยูนิต และ 2 Bedroom อีก 1 ยูนิต โดยโถงลิฟต์จะมีตำแหน่งเดียวอยู่มุมขวาของอาคาร ทำให้ห้องพักอีกฝั่งหนึ่งจะอยู่ห่างจากลิฟต์สักหน่อย แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นค่ะ

ชั้น 3-8 เป็น Typical Floor Plan ของอาคาร ยังคงเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom และ Studio เป็นหลัก และมีห้องแบบ 1 Bedroom Plus ให้จับจองชั้นละ 4 ยูนิต และ 2 Bedroom อีกชั้นละ 2 ยูนิตค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

The Core Forest

  • Work From Garden
  • Jogging Track
  • The Core Park

The Core Terrain

  • Recreation Zone
  • Board Game
  • Street Fit
  • Terrain Court
  • Outdoor Amphitheatre
  • Plearn Zone

The Core Lagoon

  • Lap Pool ระบบเกลือ ขนาด 50×4 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • Kids Pool ระบบเกลือ ลึก 0.5 เมตร
  • Leisure Pool
  • Sunken POD
  • Sunken Pathway
  • Scenery Pool Bar

The Core Pavilion

  • The Core Fitness
  • Outdoor Cardio
  • Welcome Lounge
  • Co-Working Area

Others

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 100 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 100 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 105 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 107 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 95 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 98 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก F 97 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 24% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / RFID

แบบห้อง

Highlights :

– โครงการมีห้องหลากหลายรูปแบบ หลายขนาดให้เลือก จึงตอบโจทย์ทั้งผู้ที่มีงบประมาณพอจะได้ห้องขนาดใหญ่ อยู่อาศัยเป็นบ้านหลักได้จริงอย่าง 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom ไปจนถึง Duplex และตอบโจทย์ผู้ที่มีงบไม่มากนัก 1-2 ล้านที่อยากอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้าค่ะ
– มีรูปแบบห้องที่เป็น Rare Item หรือหายากในโซนนี้ให้เลือก ทั้ง ห้อง 1 Bedroom Plusและ 2 Bedroom ที่ออกแบบมาเป็นห้องหน้ากว้าง ชั้นนึงมีแค่ 4-5 ห้อง และมักจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้วิวดีๆของอาคาร และมี Highlight เป็นห้อง Duplex บนชั้น 1 ติดสวน, ติดสระ ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ
– รูปแบบ 1 Bedroom ได้ความเป็นส่วนตัวดี โดยห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบ ซึ่งต่างจากหลายๆ โครงการในโซนนี้ที่มักให้ประตูกั้นห้องเป็นกระจกนะคะ

Image 1/9
Studio 22.70 - 23.25 Sq.m.

Studio 22.70 - 23.25 Sq.m.

แบบห้องของโครงการ Nue Core Khu Khot Station มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่แบบ Studio เริ่มต้นที่ 22.7 ตร.ม. ไปจนถึง Duplex 59.3 ตร.ม. เหมาะทั้งการอยู่อาศัยคนเดียว, อยู่เป็นคู่, เป็นบ้านหลัก, เป็นบ้านหลังที่ 2 ของครอบครัว และนักลงทุน ซึ่งโครงการออกแบบห้องมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน มีหลักๆ ทั้งหมด 5 แบบ ดังนี้

  • Studio พื้นที่ใช้สอย 22.70-23.25 ตร.ม.
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26.25-27.10 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.40-34.90 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 45.75-46.45 ตร.ม.
  • 2 Bedroom Duplex พื้นที่ใช้สอย 59.30 ตร.ม.

โครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์หลักๆมาครบ ไม่ว่าจะเป็นตู้ที่ Built-in และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ขาดแค่เรื่องใช้ไฟฟ้ากับฟูกที่นอนเท่านั้นก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย โดยแบบห้องทั้ง 5 จะประกอบด้วย

สรุปวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ

  • Built-in ตู้รองเท้า, ตู้เก็บของ
  • Built-in ชุดครัว
  • Hob&Hood และ ซิงค์ล้างจาน ของ Teka
  • ชั้นวางทีวี
  • โซฟา
  • โต๊ะกลาง
  • โต๊ะทานอาหาร 1-4 ที่นั่ง (ขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • ฐานเตียง 3.5 – 5 ฟุต (ขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • Built-in ตู้เสื้อผ้า
  • วัสดุในห้องน้ำ Cotto, American Standard
  • แอร์จำนวน 2-3 ตัว (ขึ้นอยู่กับแบบห้อง)
  • Digital Door Lock
  • ผนังภายนอก Precast ผนังภายในก่ออิฐฉาบปูนสามารถเจาะทุบต่อเติมได้
  • พื้นไม้ลามิเนต
  • ผนังฉาบเรียบทาสี
  • บันไดโครงเหล็กปิดผิวลามิเนต (เฉพาะห้อง Duplex)

ไปชมห้องตัวอย่างกันเลยค่ะ

2 Bedroom Duplex 59.30 Sq.m.

ห้องตัวอย่างห้องแรกเราพาเข้าไปชมห้อง Rare Item อย่าง 2 Bedroom Duplex กันค่ะ โดยมีให้จับจองเพียง 34 ยูนิต

ชั้นล่าง – หลักๆ จะเป็น Common Area ขนาดใหญ่ที่รวมไว้ทั้งพื้นที่นั่งเล่น, ดูทีวี, ทานอาหาร  ห้องครัวจะให้มาเป็นครัวเปิด จึงอาจไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจังสักเท่าไหร่นัก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้บรรยากาศห้องที่โปร่งโล่ง สำหรับห้องนอนจะอยู่ติดห้องน้ำเลย เป็นห้องน้ำที่สามารถเข้าได้ 2 ทางทั้งจาก Common Area และห้องนอนค่ะ

ชั้นบน – เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว พร้อม Walk-in Closet และระเบียง จุดเด่นของห้องนี้นอกจากฟังก์ชันที่ครบถ้วนใช้งานได้สะดวกแล้ว ยังให้หน้าต่างบานใหญ่ ได้แสงธรรมชาติเข้ามาเต็มที่ค่ะ

เข้ามาในห้องโซนแรกจะเป็นพื้นที่ Foyer หรือโถงทางเข้าบ้าน ก่อนที่จะเชื่อมไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งใส่รองเท้า เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้อง ซึ่งปกติเราจะเห็นการออกแบบลักษณะนี้ในคอนโดระดับ Luxury นะคะ โดยฝ้าเพดานจะมีความสูง 2.45 เมตร และปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตค่ะ

พื้นที่ใต้บันไดเป็นตู้เก็บรองเท้าที่โครงการจะ Built-in มาให้แบบนี้เลยค่ะ ทำให้สามารถเก็บรองเท้าได้ประมาณ 10 คู่

อีกฟังก์ชันที่ติดกับประตูหน้าห้องก็คือโซนครัว ซึ่งโครงการออกแบบไว้ให้เป็นครัวเปิด ..พื้นปูด้วยไม้ลามิเนตเหมือนกับส่วนอื่นภายในห้อง เวลาใช้งานจึงต้องระวังเรื่องน้ำนิดนึงค่ะ เพราะไม้ลามิเนตจะ Sensitive กับน้ำ ภายในเราจะได้ชุดครัว Built-in เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า และเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดประมาณ 8-9 คิวได้ค่ะ

ด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวจะมีช่องให้วางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าได้พอดี มีตู้เก็บช้อนส้อมและตู้เก็บของต่างๆ พร้อมหน้าบานปิดไว้เรียบร้อย

เคาน์เตอร์ครัวแบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และพื้นที่เตรียมอาหาร …Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนน้ำ ทนความร้อนได้ดี ติดตั้งให้พร้อม Backsplash ช่วยกันผนังเปื้อน ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น

Hob&Hood ดูดควัน ของ Teka โดยเครื่องดูดควันจะเป็นระบบหมุนเวียน อาจระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าระบบที่ต่อท่อปล่อยควันออกไปด้านนอก ครัวลักษณะนี้จึงเหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นไม่ฉุนนักนะคะ

ซิงค์ล้างจานของ Teka หลุมลึกทีเดียว สามารถใส่จานชามได้เยอะพอสมควร ลองเทียบกับขนาดหม้อที่เราจับวางลงไปดูนะ

ตู้เก็บของจะ Built-in ตู้ลอยมาให้ด้วย และมีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านบน

Common Area ถูกจัดวางตำแหน่งไว้ด้านในติดกับระเบียง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และพื้นที่หลักของห้องยังได้แสงสว่างจากหน้าต่างบานใหญ่ สามารถส่องผ่านเข้ามาจนถึงบริเวณหน้าห้องนี้ได้เลย

Common Area จะรวม Living + Dining Area เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้พื้นที่ดูกว้าง และเราสามารถนั่งทานอาหารและดูทีวีไปพร้อมกันได้

โต๊ะทานข้าวที่ทางโครงการให้มา สำหรับห้อง Type นี้จะเป็นแบบ 4 ที่นั่งนะคะ มีพื้นที่ให้พอเดินเข้าออกได้พอสมควร

พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.5 เมตร สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ค่ะ อีกทั้งยังอยู่ติดกับระเบียงแบบนี้ ก็เลยทำให้สามารถดูทีวีไปด้วยและชมวิวภายนอกไปด้วยได้สบายๆ

จุดเด่นของห้อง Duplex คือเราจะมีพื้นที่ที่ได้ฝ้าเพดานสูง เปิดรับวิว รับแสงธรรมชาติได้ตลอดแนวกำแพง แม้จุดที่ได้ฝ้าเพดานสูงจะไม่ได้กว้างมากนักแต่ก็ช่วยให้ห้องดูโปร่งกว่าห้องปกตินะคะ

เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ก็ครบตามที่เห็นในห้องตัวอย่างนะคะ อย่างชุดโซฟาจะได้แบบ 2 ที่นั่ง และโต๊ะกลางดีไซน์โค้งและมีช่องเก็บของด้านล่าง

สำหรับตู้วางทีวีจะมีบานปิดมาให้บางส่วน และบางส่วนเป็นตู้ช่องโล่ง ใช้เก็บของใช้กระจุกกระจิกได้

ติดกันเป็นระเบียงที่เราสามารถเปิดประตูเพื่อให้อากาศถ่ายเท และช่วยระบายกลิ่น/ควัน จากการประกอบอาหารได้

ระเบียงมีขนาดประมาณ 2.5 x 0.6 เมตร ซึ่งหากเป็นห้องในชั้น 1 จะมีประตูให้เปิดเชื่อมกับพื้นที่ Courtyard ส่วนกลางของโครงการได้ด้วยนะคะ

สำหรับระเบียงชั้น 1 ของแบบห้อง Duplex จะไม่ได้เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับ แขวน Condensing Unit นะคะ เราจึงสามารถใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่ เช่น หาชุดโต๊ะเก้าอี้สนามเล็กๆ มาตั้งไว้สำหรับนั่งเล่นชมวิว ก็น่าจะเป็นมุมพักผ่อนที่ดีอีกมุมหนึ่งนะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งได้ความเป็นส่วนตัวด้วยผนังและประตูบานทึบ

เข้ามาด้านในห้องนอนจะประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วนหลักๆ โดยพื้นที่แต่งตัวจะอยู่ตรงกลางเชื่อมระหว่างโซนเตียงนอนและห้องน้ำค่ะ

ตำแหน่งของเตียงนอนก็จะอยู่ติดกับหน้าต่างด้านในสุดแบบนี้เลย โดยที่ของจริงเราจะได้เฉพาะฐานเตียงขนาด 5 ฟุตเท่านั้น ซึ่งเป็นหน้าต่างเข้ามุมแบบ Bay Window ช่วยเปิดมุมมองให้เห็นวิวกว้างขึ้นนะคะ

ขนาดพื้นที่ห้องจะสามารถวางเตียงชิดหน้าต่างได้พอดี ซึ่งขนาดหน้าต่างนั้นให้มาใหญ่เกือบจรดพื้น เราจึงนอนดูวิวได้จากบนเตียงได้สบายๆ เลยนะคะ

หรือจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศก็ได้ โดยกรอบหน้าต่างจะเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ พร้อมกระจกลามิเนตแบบใสปกติ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า ซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าห้องน้ำพอดีจึงใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวก

ตู้เสื้อผ้าทางโครงการจะ Built-in มาให้แบบนี้เลยค่ะ โดยหน้าบานด้านหนึ่งจะเป็นกระจกเงาที่เอาไว้ส่องแต่งตัวได้ ส่วนภายในจะแบ่งราวแขวนไว้หลายส่วน มีตู้เก็บของย่อยๆ มาให้ด้วย

หน้าบานตู้จะดูเรียบๆ แต่มีการซ่อนมือจับเอาไว้ให้เปิดใช้งานได้สะดวก

ถัดมาที่ห้องน้ำของชั้นล่าง ภายในมีขนาดใหญ่และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนตามมาตรฐาน ซึ่งเราจะได้สุขภัณฑ์ตามห้องตัวอย่างนี้เกือบทั้งหมดเลยนะคะ ยกเว้นแค่ฉากกั้นอาบน้ำและไฟซ่อนใต้กระจกที่เป็นเพียงการตกแต่งเท่านั้นนะคะ

ประตูห้องน้ำจะมี 2 ประตู จึงเข้าได้จากทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น เวลาแขกไปใครมาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนนะคะ

พื้นที่ภายในห้องน้ำแบ่งแยกโซนเปียกโซนแห้งไว้เป็นสัดส่วน พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด

อ่างล้างหน้าจาก Cotto ที่มาพร้อมกับการ Built ตู้ด้านล่าง และชั้นวางของด้านข้างเพื่อใช้เก็บของจำเป็นในห้องน้ำได้

สุขภัณฑ์ของ American Standard พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่

พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดประมาณ 1.4 x 0.9 เมตร สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ

ภายในจะมี Hand Shower จาก American Standard ที่ปรับระดับความสูงได้ มาพร้อมกับที่วางสบู่เล็กตรงผนัง และของจริงก็จะมี Junction box ให้เราติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติมได้ค่ะ

ในส่วนของบันไดจะ Built-in มาให้พร้อมราวจับตามแบบในห้องตัวอย่าง โครงสร้างบันไดเป็นโครงเหล็กปิดผิวด้วยไม้ลามิเนตสีเดียวกับพื้นห้องนะคะ

โครงการพยายามออกแบบให้ตัวบันไดใช้พื้นที่น้อยที่สุด จึงไม่ได้มีชานพักบันไดนะคะ และตัวขั้นบันไดจะชันนิดนึง ใช้เดินขึ้นลงได้ปกติแต่ต้องระมัดระวังสักนิดนึงค่ะ

บริเวณโถงบันไดมีความสูงพอให้ติดโคมไฟระย้าได้นะคะ หรือจะตกแต่งด้วยกรอบรูปเหมือนห้องตัวอย่างก็ได้

ฝ้าเพดานบนชั้น 2 มีความสูง 2.45 เมตรเช่นเดียวกับชั้นแรกนะคะ และเนื่องจากเป็นห้อง Duplex จึงมีประตูเชื่อมกับชั้น 2 ด้วย แต่ประตูบานนี้จะไม่ได้ Digital Door Lock นะคะ จะเป็นคันโยกแบบปกติค่ะ

ชั้นบนจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนหลักแบบเต็มชั้นเลย ตำแหน่งของเตียงนอนก็จะอยู่ตรงกับหน้าต่างพอดีนะคะ หากต้องการนอนดูทีวี ยุคนี้ก็สามารถหาซื้อขาตั้งทีวีมาใช้แทนการตั้งโต๊ะหรือติดผนังได้แล้ว

เฟอร์ฯ ของจริงเราจะได้เฉพาะฐานเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่ง

หน้าตาของโต๊ะข้างหัวเตียงที่ได้ยังคงเป็นดีไซน์แบบโค้งมน รวมถึงมีปลั๊กไฟอยู่ใกล้ๆ ให้เสียบปลั๊กโคมไฟได้ง่าย

อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของ Walk-in Closet ซึ่งจะมีประตูบานเลื่อนกั้นไว้เป็นสัดเป็นส่วน

ภายใน Walk-in Closet จะ Built-in มาให้เป็นตู้ตัว L แบบนี้ และตู้บางส่วนจะมีหน้าบานปิดเอาไว้ให้ดูเรียบร้อย

พื้นที่ภายใน Walk-in Closet มีขนาดให้ยืนแต่งตัวเลือกเสื้อผ้าได้ ขนาดประมาณ 0.8 x 1.4 เมตร

ซึ่ง Walk-in Closet จะอยู่ติดกับทางเข้าห้องน้ำพอดีจึงใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวก …ห้องน้ำมีขนาดพอๆ กับห้องแรกนะคะ ภายในก็ติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ให้ครบของ American Standard และ COTTO เช่นเดียวกัน

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.8 x 1 เมตร ภายในจะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้ของ American Standard พร้อมชั้นวางสบู่ค่ะ

ฟังก์ชันสุดท้ายของห้องนอนนี้ก็คือระเบียง ซึ่งกั้นจากพื้นที่ภายในห้องด้วยประตูบานสวิงที่เก็บดีเทลกันเสียงมาให้ค่อนข้างดี เวลาปิดประตูก็ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอกไปได้เยอะนะคะ

ระเบียงของห้องนี้อาจจะใช้งานได้ไม่เท่ากับชั้นล่าง เพราะ เป็นที่วาง Condensing Unit ทั้ง 3 ตัวของห้อง จึงเหลือพื้นที่ให้สำหรับตากผ้าและยืนชมวิวประมาณ 1.2 x 1.4 เมตรนะคะ


1 Bedroom 26.25 ตร.ม.

แบบห้องนี้พัฒนามาจาก Feedback ของลูกค้าที่ต้องการ 1 Bedroom ครัวปิดติดระเบียง เพื่อให้ทำอาหารได้แบบเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นของห้อง Type นี้เลยนะคะ

ความน่าสนใจอีกประเด็นคือ การกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้น อีกทั้งยังมีห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอนด้วยแบบนี้ ก็จะทำให้มีความสะดวกในการใช้งานของเจ้าของห้องเพิ่มขึ้นเยอะเลยทีเดียว อย่างเวลาที่อาบน้ำเสร็จก็สามารถเดินออกมาแต่งตัวในห้องต่อได้สบายๆ หรือจะลุกเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนก็ง่าย เพียงแต่เราอาจเสียความเป็นส่วนตัวจากแขกในบางครั้ง เพราะต้องมีการเดินผ่านเข้ามาในห้องนอนก่อนนั่นเอง ซึ่งเป็นรูปแบบห้องนอนที่ได้พบบ่อยๆ ในโครงการละแวกนี้นะคะ

โซนแรกเมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับ Living+Dining Area ที่เชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งดี และได้แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านมาจากห้องครัว

พื้นที่นั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.5 เมตร สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ ซึ่งชุดเฟอร์นิเจอร์ก็จะให้มาทั้งโซฟา 2 ที่นั่ง, โต๊ะกลาง, ชั้นวางทีวีที่หน้าตาเหมือนห้องแรกเลย ส่วนที่แตกต่างไปคือตู้เก็บของและเก็บรองเท้าค่ะ

ติดกับประตูห้องจะมีตู้เก็บของและตู้เก็บรองเท้า Built-in มาให้ ชั้นบนเป็นตู้เก็บของที่ใช้ประจำ อย่างกุญแจรถ, Mask, หมวก, แว่นตากันแดด เวลาจะออกนอกบ้านก็หยิบใช้ได้สะดวก ส่วนชั้นล่างเตรียมไว้สำหรับเก็บรองเท้าก็จะมีช่องระบายอากาศติดตั้งมาให้ เก็บรองเท้าได้ประมาณ 6 คู่นะคะ

ติดกับโซฟาจะเป็นโต๊ะทานอาหาร จึงนั่งทานอาหารไปพร้อมกับดูทีวีไปด้วยได้ โดยห้องนี้เราจะได้โต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งแต่พอวางเฟอร์ฯ แล้วดูแน่นๆ ไปนิด ส่วนตัวยังรู้สึกว่าห้อง Type นี้เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบคนโสดนะคะ ถ้าอยากอยู่ 2 คนให้สบายขึ้นแนะนำเป็น 1 Bedroom Plus จะลงตัวกว่าค่ะ

เราเสนอไอเดียว่าหากวางที่นั่งแบบเข้ามุมจะได้พื้นที่กว้างขึ้น หรือเปลี่ยนโซฟาเป็นแบบที่มีพนักข้างเดียวก็จะสามารถนั่งทานอาหารบนโซฟาได้ค่ะ

ติดกับ Common Area จะเป็น ครัวปิด ติดระเบียง จึงสามารถทำอาหารได้แบบจริงจังเลย ซึ่งจะมีเคาน์เตอร์ครัวให้ใช้งานกันถึง 2 ฝั่ง มีพื้นที่ทำครัวกว้างประมาณ 1.2 เมตร สามารถยืนใช้งานพร้อมกัน 2 ฝั่งได้สบายๆ โดยพื้นจะเป็นไม้ลามิเนตเหมือนกับส่วนอื่นภายในห้องนะคะ

ชุดเคาน์เตอร์ครัวเราจะได้ตามห้องตัวอย่างค่ะ ซึ่งมีวัสดุก็จะเหมือนกับของห้องที่แล้วเลย หลักๆก็คือ Top เคาน์เตอร์ครัวที่เป็นหินสังเคราะห์ และมีชั้นสำหรับวางไมโครเวฟครบถ้วน

ส่วนเคาน์เตอร์ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่ทำอาหาร ก็จะให้ Hob&Hood ครบถ้วน แต่เครื่องดูดควันจะเป็นระบบหมุนเวียนนะคะ จึงต้องเปิดประตูระเบียงช่วยให้กลิ่นและควันถ่ายเท รวมถึงด้านข้างก็จะเป็นที่วางตู้เย็นขนาดประมาณ 8-9 คิวได้ค่ะ

ระเบียงของห้องนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ติดตั้ง Condensing Unit ซึ่งโครงการทำระแนงช่วยพรางสายตาไว้ให้ และแขวน Condensing Unit 2 ตัวไว้ด้านบน ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ด้านล่างของระเบียงได้เต็มที่

พื้นที่ด้านล่างของระเบียงมีขนาดประมาณ 2.4 x 0.7 เมตร พอสำหรับวางราวตากผ้าและกระถางต้นไม้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นขึ้นได้

ส่วนห้องนอนจะถูกกั้นด้วยผนังทึบแยกออกไปทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และใช้ประตูเป็นไม้บานทึบค่ะ

ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่กว้างขวางและสามารถใช้งานได้ดี โดยจะแบ่งเป็นโซนพื้นที่เตียงนอนและพื้นที่แต่งตัว

เตียงที่โครงการให้มาเป็นฐานเตียงขนาด 5 ฟุต เมื่อวางเตียงแล้วจะเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้ 2 ฝั่ง และปลายเตียงก็สามารถติดทีวีแขวนผนังได้ด้วยค่ะ

ข้างเตียงยังคงได้ช่องแสงขนาดใหญ่เหมือนเดิม จึงนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย

ส่วนฝั่งหนึ่งของห้องจะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งทางโครงการจะ Built-in มาให้พร้อมใช้งานแบบนี้เลย โดยจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นกว่าห้องที่แล้วนิดหน่อย

โต๊ะเครื่องแป้งที่ให้จะมีลิ้นชักสำหรับเก็บของเตรียมไว้ให้ด้วย

ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนเหมือนเดิม ซึ่งสุขภัณฑ์และขนาดพื้นที่ใช้งานต่างๆ ก็จะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยค่ะ


Studio 22.8 ตร.ม.

เป็นห้องที่เน้นความโปร่งโล่งและมีพื้นที่เชื่อมต่อกัน อาศัยอยู่คนเดียวกำลังดี บริเวณหน้าห้องจะเป็น Living Area เอาไว้นั่งเล่นดูทีวี และติดกันจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ที่ใช้งานที่นั่งร่วมกับโซฟาได้ด้วย ตรงกลางห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้า ส่วนด้านในสุดคือเตียงนอนที่อยู่ติดกับช่องหน้าต่าง

จุดเด่นของห้องนี้คือ การแยกฟังก์ชันครัว ห้องน้ำ และระเบียง ออกจากพื้นที่ห้องนอนหลัก ซึ่งนอกจากจะทำให้เราได้ครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจังแล้ว เรายังสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหาร รวมถึงยังระบายความชื้นจากห้องน้ำออกไปได้โดยตรงอีกด้วย

Image 1/9
ห้องตัวอย่าง : Studio 22.8 ตร.ม.

ห้องตัวอย่าง : Studio 22.8 ตร.ม.


1 Bedroom Plus 34.45 ตร.ม.

เป็น Rare Item อีกแปลนนึงของโครงการ โดดเด่นด้วยหน้ากว้างของห้องถึง 7.5 เมตร ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ ห้องดูโปร่งโล่งมาก ซึ่งแปลนนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์เพิ่มอีกสักห้อง ซึ่งอาจทำเป็นห้องทำงานสำหรับช่วง WFH แบบนี้ หรือจะทำเป็นห้องนอนเล็กสำหรับลูกน้อยในอนาคตก็ได้เหมือนกัน โดยทั้งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์จะกั้นด้วยผนังทึบ ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ และห้องน้ำจะสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง จึงทำให้มีความสะดวกในการใช้งานที่ดีเลยทีเดียว รวมถึงเรายังได้ Common Area รูปตัว L ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกันตั้งแต่พื้นที่ครัวเปิด โต๊ะทานอาหาร และโซฟาหน้าทีวี ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย

Image 1/11
ห้องตัวอย่าง : 1 Bedroom Plus 34.45 ตร.ม.

ห้องตัวอย่าง : 1 Bedroom Plus 34.45 ตร.ม.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

Nue Core Khu Khot Station (นิว คอร์ คูคต สเตชัน) ราคา ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566

  • Studio พื้นที่ใช้สอย 22.70-23.25 ตร.ม. ช่วงราคา 1.39 – 1.79 ล้านบาท
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26.25-27.10 ตร.ม. ช่วงราคา 1.74 – 2.18 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.40-34.90 ตร.ม. ช่วงราคา 2.62 – 2.93 ล้านบาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 45.75-46.45 ตร.ม. ช่วงราคา 3.35 – 3.84 ล้านบาท
  • 2 Bedroom Duplex พื้นที่ใช้สอย 59.30 ตร.ม. ช่วงราคา 4.59 – 4.79 ล้านบาท

 

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 35,000 – 85,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : Nue Core Khu Khot Station อยู่ติดกับโครงการรุ่นพี่ที่ชื่อคล้ายกันอย่าง Nue Cross Khu Khot Station ซึ่งยังคงรักษาจุดเด่นด้านทำเลเอาไว้เช่นเดิม …เพราะคอนโดในย่านนี้ส่วนใหญ่กระจุกตัวกันอยู่ใกล้โลตัสลำลูกกา คลอง 2 ไม่ได้อยู่ติดกับรถไฟฟ้านะคะ หรือหากมองเทียบกับแกงค์คอนโดติดรถไฟฟ้าด้วยกันในย่านนี้ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใกล้สถานีพหลโยธิน 59 และสถานีสายหยุดที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ทำให้ “ราคา” ของโครงการ Nue Core Khu Khot Station มีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะจับต้องได้ง่ายเริ่มต้นเพียงล้านกว่าบาทเท่านั้น

จะว่าไปคอนโด Nue Core Khu Khot Station กับทาวน์โฮมของย่านนี้จะมีราคาใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่จะทำให้คอนโดมีความน่าสนใจมากกว่าก็คือ “ความสะดวกสบาย” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำเลที่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินสบายๆ รวมถึงยังมีส่วนกลางให้ใช้งานครบครัน ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่ต้องห่วง เพราะทำเลย่านนี้มีหมู่บ้านเต็มไปหมด ดังนั้นตลาด/ซูปเปอร์มาร์เก็ตจึงมีพร้อม และในอนาคตจะมี Lifestyle Mall มาเปิดใหม่ติดกับโครงการเลย เปิดให้บริการช่วงกลางปี 2567 ซึ่งคอนโดจะเสร็จช่วงปลายปีทันใช้พอดีค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ : ที่ตั้งโครงการเป็นถนนลำลูกกาช่วงตอนต้น และอยู่ห่างจากจุดกลับรถเพียง 300 เมตรเท่านั้น ทำให้สามารถกลับรถไปใช้ถนนพหลโยธินได้ไม่ยาก และมีถนนกาญจนาภิเษกอยู่ในระยะประมาณ 7 กิโลเมตร สามารถไปเชื่อมต่อทางด่วนฉลองรัชและทางด่วนศรีรัชเพื่อเข้าเมืองได้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถือว่าสะดวกมาก เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีคูคต เพียง 200 เมตรจึงเป็นระยะที่เดินได้สบายๆ ซึ่งจุดขึ้น-ลงบันไดจะอยู่ตรง Lifestyle Mall ในอนาคตพอดี ดังนั้นบริเวณนี้จะมีความคึกคักและยังสามารถแวะซื้อของก่อนเข้าบ้านก็ได้ แถมการขึ้นรถไฟฟ้าในสถานีต้นสายแบบนี้ เราก็ยังจะได้นั่งสบายๆไม่ต้องยืนให้เมื่อย และบริเวณด้านหน้าติดถนนใหญ่ก็ยังมีป้ายรถเมล์อีกด้วย จึงทำให้เรียกรถสาธารณะได้สะดวกเลยค่ะ

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้นและฟูกก็เข้าอยู่ได้เลย ซึ่งเกรดวัสดุก็ให้มาเหมาะสมกับราคาดีค่ะ สิ่งที่เราชอบคือ ช่องหน้าต่างข้างเตียงที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ห้องดูโปร่งและสามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย และเฟอร์นิเจอร์ Built-in อีกชิ้นหนึ่งที่ชอบมากที่สุดก็คือ ตู้เก็บรองเท้าหน้าห้องที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงค่ะ

การออกแบบโครงการ : โครงการ – Nue Core Khu Khot Station เป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียมบนที่ดินผืนใหญ่กว่า 50 ไร่ของทาง Noble ที่ได้มีการแบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็นหลายเฟสทั้งคอนโด, Lifestyle Mall และพื้นที่รอการพัฒนาที่ทาง Noble มีแผนจะพัฒนาเพิ่มอีกในอนาคต ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบให้มีประตูสำหรับคนเดินเข้าออกเชื่อมกันได้ในหลายจุดเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง Lifestyle Mall ได้ง่ายขึ้น

สำหรับอาคารพักอาศัยทั้ง 6 จะมีจำนวนยูนิตไม่เยอะนักอาคารละประมาณ 190 – 200 กว่าเท่านั้น ซึ่งแต่ละอาคารจะมี Lobby เป็นของตัวเอง ทำให้โซนพักอาศัยค่อนข้างเป็นส่วนตัว การจัดวางอาคารจะวางล้อม Courtyard เอาไว้ ซึ่ง Facility ต่างๆ ก็จะอยู่บริเวณตรงกลางนี่แหละค่ะ ทำให้ลูกบ้านของแต่ละอาคารสามารถเข้าใช้พื้นที่ส่วนกลางได้สะดวก และห้องพักที่หันหน้าเข้า Courtyard จะได้วิวสระและสวนด้วยค่ะ

การออกแบบห้องพัก – ห้องพักมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบหลายขนาด ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่มีงบไม่มากนัก 1-2 ล้านที่อยากอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้า ก็มีห้อง Studio – 1 Bedroom ให้จับจอง ซึ่งเน้นไปที่แบบครัวปิดให้ใช้งานครัวจริงจังกันได้ด้วย และตอบโจทย์ผู้ที่มีงบประมาณพอจะจับจองห้องขนาดใหญ่ อยู่อาศัยเป็นบ้านหลักได้จริงอย่าง 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom ไปจนถึง Duplex ความพิเศษของห้องพักที่นี่คือ มีรูปแบบห้องที่เป็น Rare Item ในโซนนี้ให้เลือก เช่น ห้อง 1 Bedroom Plusและ 2 Bedroom ที่ออกแบบมาเป็นห้องหน้ากว้าง ชั้นนึงมีแค่ 4-5 ห้อง และมักจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้วิวดีๆของอาคาร และมี Highlight เป็นห้อง Duplex บนชั้น 1 ติดสวน, ติดสระ ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ

สาธารณูปโภค : ให้มาเยอะเลยและมีความหลากหลายแบ่ง Facilities เป็น 3 โซนหลักๆคือ The Core Lagoon (โซนสระว่ายน้ำ) The Core Forest (โซนสวนที่มีความร่มรื่น เงียบสงบ) และ The Core Terrain (โซนสวนที่มีลานกิจกรรมต่างๆ) และมีอาคาร  The Core Pavillion ที่จัดฟังก์ชันไว้เป็น Co-Working Space และ Fitness และมีการเพิ่มฟังก์ชัน Grab&GoStation ของแต่ละอาคารแยกไว้ให้ด้วย เข้ากับยุคสมัยนี้มาก แลกกับค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน ถือว่าสมน้ำสมเนื้อค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG. 69,000 บาท/ตร.ม., 6 กุมภาพันธ์ 2566

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ลำลูกกา ในอนาคตติด Lifestyle Mall
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – อยู่ในช่วงถนนลำลูกกาตอนต้น สามารถกลับรถเพื่อเข้าเมืองไปทางถนนพหลโยธินได้ไม่ยาก หรือจะตรงไปขึ้นถนนกาญจนาฯ เพื่อไปต่อทางด่วนต่างๆก็ได้
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีคูคต 200 เมตร สามารถเดินได้สบาย ถนนด้านหน้ามีป้ายรถเมล์ และเรียกรถสาธารณะได้ง่าย
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished ให้มาครบ เหมาะสมกับราคา
  • แบบ 8/10 – แต่อาคารมีห้องพักไม่เยอะได้ความเป็นส่วนตัว มีห้องให้เลือกหลาย Type มากและมีแบบห้องที่หายากในโซนนี้ให้เลือก
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาเยอะและหลากหลาย

  • MAIN CLASS
  • 8 / 10.00

NUE Core Khu Knot Station เหมาะกับใคร

โครงการ Nue Core Khu Khot Station เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีคูคต ที่อยู่ในระยะเดินสบายประมาณ 200 เมตร และอยากอยู่ในทำเลติด Lifestyle Mall (ในอนาคต) ที่มาพร้อม Facility ส่วนกลางแบบครบครัน แบบห้องมีให้เลือกหลากหลายมากตั้งแต่ Studio ไปจนถึง Duplex จึงตอบโจทย์ทั้งคนที่อยากได้เป็นบ้านหลังหลักและบ้านหลังที่ 2 ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมเข้าอยู่ โดยมีงบประมาณระดับ 1.39 – 4.79 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 – 33,000 บาท/เดือนขึ้นไป


สนใจลงทะเบียน: https://nobleurl.com/3Rwjqfv
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Line: @nuekhukhotstation หรือ Tel. 02-251-9955


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc