รีวิวฉบับที่ 532 … สวัสดีครับเพื่อนๆ Think of Living วันนี้ผมบีมจะพาไปชมโครงการ Bright สุขุมวิท 24 (Bright Sukhumvit 24) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูตึกคู่ใจกลางเมือง ที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ติดกับโปรเจคดังๆที่เปิดตัวในปี 2013 ที่ผ่านมาอย่าง Park 24 และ LPN Sukhumvit 24 นะครับ โครงการนี้เป็นโปรเจคที่สร้างเสร็จแล้ว ส่วนกลางดูสวยงาม จัดให้สองชุดในแต่ละตึกของใครของมัน โดยรวมดูแล้วร่มรื่นน่าอยู่ จะเป็นอย่างไรตามไปชมนะครับ
Fact @ 24 February 2014
- Bright Sukhumvit 24 (ไบรท์ สุขุมวิท 24)
- บริษัท Albright Holdings จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
- คอนโด High Rise 36 ชั้น 2 อาคาร 292 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 434 คันคิดเป็น 148% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 4-2-92.3 ไร่
- สร้างเสร็จพร้อมอยู่เมื่อปี 2555
- Studio ไม่มี
- 1 Bedroom 66 – 74 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 87 – 91 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ 157 – 189 ตารางเมตร
- Penthouse 542 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.7/2.9 เมตร (Standard), 6.0 เมตร (Duplex)
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 8.5 ล้านบาท (Market Price – 2014)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 140,000 บาท (Market Price – 2014)
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS พร้อมพงษ์ ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS พร้อมพงษ์
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด : 13.723861,100.566782
เนื่องจากการรีวิวโครงการนี้ค่อนข้างยาว และได้กล่าวเรื่องทำเลไปเยอะแล้วใน บทความ มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS พร้อมพงษ์ ที่บูมทำเอาไว้ หรือผลงานของน้องฝน รีวิว LPN Sukhumvit 24 และ รีวิว Park 24 ถ้าใครอยากทราบเรื่องทำเลลึกลงไปอีก ผมอยากจะให้ทุกท่านอ่านในบทความดังกล่าวประกอบนะครับ เพราะผมจะลดทอนรายละเอียดเรื่องทำเลลงบ้าง ทำให้บทความไม่ยาวจนเกินไป และจะได้เห็นเนื้อโครงการ Bright Sukhumvit 24 แบบสมบูรณ์ๆครับ
การเดินทางในวันนี้เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองทำให้เอารถมาได้ลำบาก ก็เลยจะใช้วิธีเดินจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์กัน ซึ่งถ้าวัดเป็นระยะทางก็จะอยู่ประมาณ 780 เมตรจากหน้าโครงการ ถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ปากซอยสุขุมวิท 24 ครับ
ก่อนที่เราจะเดินไปยังโครงการ ผมก็ขอแวะไปสวนเบญจสิริเสียหน่อย
ที่นี่กำลังมีงาน “ดนตรีในสวน” ซึ่งเป็นงานประจำปีของเขตคลองเตยเขา จะจัดศิลปินนักร้อนมาบรรเลง นั่งฟังดนตรีชิลๆได้ยามเย็นครับ
บรรยากาศของสวนค่อนข้างร่มรื่น แม้แต่คุณยายญี่ปุ่นคนนี้ยังมานั่งหลบแดดพักเหนื่อยอยู่เลย
ย้อนกลับไปทาง BTS พร้อมพงษ์ เพื่อเดินไปยังซอย 24 เราก็จะผ่านห้างสรรพสินค้า Emporium ซึ่งจัดเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของที่นี่ และอีกไม่นานห้างพี่น้องของเขา Emquartier โปรเจค 2 ก็จะผุดขึ้นที่ฝั่งตรงข้าม ส่วนโปรเจค 3 ก็จะขึ้นบนฝั่งเดียวกันแต่เลยไปทางซอยสุขุมวิท 22 … กลายเป็นแหล่ง Shopping ขนาดใหญ่ของประเทศไทยอีกแห่งหนึ่ง จะเป็นรองก็มีแต่เพียงสยามสแควร์ต่อเนื่องแยกราชประสงค์ละครับ
ปากซอยสุขุมวิท 24 เป็นทางขึ้นของสถานีรถไฟฟ้าเลย มีร้าน NaRaYa กระเป๋าแบรนด์ดังตั้งอยู่ตรงหัวมุม ห้างร้านแถวนี้เน้นขายสินค้าให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือพวกที่มาอยู่กินทำงานในประเทศไทยครับ
ซอยสุขุมวิท 24 นี้เหมือนจะเป็นซอยใหญ่แต่จริงๆแล้วค่อนข้างแคบ มีถนนกว้างเพียง 3 เลน วิ่งไปสองเลน สวนได้เลนหนึ่ง โดยจะเป็นซอยที่สามารถเลี้ยวได้ทั้งซ้ายและขวา เพื่อเข้าถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าอโศกหรือทองหล่อ ผู้คนใช้สัญจรเป็นทางลัดหลักเพราะเชื่อมกับถนนพระราม 4 ด้วยครับ
หน้าปากซอยจะมีไฟเขียวไฟแดง วันไหนที่รถติดก็จะเงิบไปจนถึงกลางซอย เรียกว่าเข้าคิวจิ้ม iPad เล่นรอได้เลย
ปากซอยสุขุมวิท 24 จะมีทางเข้าด้านหลังของ Emporium ได้อีกทาง ดังนั้นถ้าใครอยากจะมา Shopping ก็ไม่ต้องไปวนรถติดๆบนถนนสุขุมวิท สามารถเข้าจอดรถทางนี้ได้นะครับ
ในซอยสุขุมวิท 24 นี้เป็นแหล่งของ Service Apartment, Residence และ Hotel โดยมีโรงแรมหลักๆอยู่ 2-3 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ Hilton และคู่แข่งตัวสำคัญ Marriott
ตึกอย่าง Siri Residence เป็นคอนโดมิเนียมรุ่นเก่า ที่ทำสร้างเสร็จมานานพอควรแล้ว จากการพัฒนาคอนโดมิเนียมหลายๆโปรเจคติดต่อกันตั้งแต่ต้นซอยจนไปถึง President Park ที่ท้ายซอย ก็ทำให้ประชากรในซอยนี้มากขึ้น การค้าคึกคักและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
โรงแรมใหญ่อีกแห่งหนึ่งของซอย Ariston Hotel ทำเลไม่เป็นรอง แต่ชื่อแบรนด์ยังสู้ Hilton และ Marriott ไม่ได้นะครับ
ช่วงกลางซอยก็จะมี 7-11 เป็นระยะๆ
ถัดมาเป็น Hope Land ตึก Service Apartment ที่ให้เช่าระยะยาว
บ้านสิริ TwentyFour ที่คนมันจะชอบจำสลับกันกับโปรเจคต้นซอย … เห็นมาหลายรายแล้วครับ มาหาเพื่อนแต่มาผิดตึก
ถัดไปอีกนิดเดียวก็จะเจอ 7-11 อีกแล้ว ถัดไปอีกไม่ไกลก็มี LAWSON 108 จำนวนของร้านสะดวกซื้อพวกนี้บ่งบอกความคึกคักของซอยได้เป็นอย่างดี มีประชากรเพียงพอที่ทำให้ร้านสะดวกซื้อเปิดและมีกำไรได้
ติดๆกันเป็นโปรเจคสุดหรูของซอยนี้ Le Raffine ที่เคยมีข่าวไฟไหม้ตึกแต่เอาน้ำในสระว่ายน้ำส่วนตัวดับได้ …
นานๆทีเราก็จะเห็นรถพ่อค้าเอาผักผลไม้มาขาย แม่บ้านญี่ปุ่นหลายๆท่านกำลังเลือกของกันอย่างเขมักเขม้น
พี่สาวชาวยุ่นสองคนนี้ได้ของเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจ กำลังเดินกลับห้องชุด
ทางขวาของคุณพี่สองคนนี้เป็นทางเข้าโปรเจค PARK 24 …. คอนโด 5 ตึกที่มี Project Value หลักหมื่นล้าน เรียกว่าสูงที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้
ถัดออกมาจะเป็นเวิ้งที่เรียกว่าค่อนข้างท้ายซอยแล้ว เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังถนนพระรามที่ 4 แต่ละแวกนี้กลับเป็นบริเวณที่มีผู้พักอาศัยอยู่มากที่สุด
เริ่มจากตึกโรงแรม Marriott ที่มีความเป็น Executive Aparment ในตัวด้วย
ถัดมาก็เป็น Bright สุขุมวิท 24 โปรเจคที่เรากำลังจะมารีวิวกันครับ
ทางเข้าเปิดโล่งสวยงาม มีไม้กระดกกั้นอยู่ไกลๆตรงนั้น
ฝั่งตรงข้ามคือ Emporio 24 ตึกของ TCC ซึ่งข้างล่างทำเป็น Retails มีร้านรวงต่างๆด้วย เช่น True Coffee
และ LAWSON 108 ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อจากญี่ปุ่น ร่วมกับแบรนด์ 108 SHOP ของคนไทยละครับ
ถัดไปก็จะเป็นตึก The Residence
จากนั้นก็เป็นแปลงที่ว่างของ The Lumpini 24
สี่ตึกนี้เป็นคอนโด President Park ที่อยู่ปลายสุดของซอยนี้แล้ว
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ
- ห้างสรรพสินค้า – Emporium / K Village
- Hyper Market – Big C Extra / Lotus Extra
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ Bright Sukhumvit 24 เป็นตึกคู่ 2 ตึกที่อยู่บนที่ดินเดียวกัน สร้างแบบหลวมๆ มีส่วนกลางเยอะๆ สวนใหญ่ ห้องใหญ่ เน้นความอยู่สบายและมีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอและเหมาะสม โดยรูปร่างหน้าตาของตัวตึกอาจจะดู Conservative ไปบ้างเมื่อเทียบกับตึกใหม่ๆที่มีการออกแบบที่ล้ำสมัย แต่ถ้าเทียบกับเนื้อโครงการภายในก็ต้องบอกกันตรงๆเลยว่าเทียบได้ยากในราคาที่เท่ากัน เพราะต้นทุนการก่อสร้างในสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันลิบลับเลยครับ
ตึกทั้งสองแบ่งเป็นตึก A และตึก B พอสร้างเสร็จแล้วจำยากนิดนึง จึงตั้งชื่อขึ้นมาว่าเป็นตึก Pearl (ไข่มุก) ที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงแทนตึก A และตึก Jade (หยก) ที่เป็นตัวแทนของผู้ชายที่ตึก B ซึ่งตึกทั้งสองนี้แทบจะเหมือนกันทุกประการ หรือ Identical กันเลย ยกเว้นส่วนที่เป็นงานตกแต่งและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ห้องพักของตัวตึกในส่วนด้านล่าง จะเป็นห้องแบบ Simplex ที่เป็นชั้นเดียว จากชั้น 6 – ชั้น 18 แต่ละชั้นจะมี 8 ห้อง ขนาดเริ่มต้นของ 1 Bedroom อยู่ที่ 66 ตารางเมตร ซึ่งถ้าเทียบกับปัจจุบันจะจัดว่าเป็นขนาดห้องใหญ่มาก แทนห้อง 2 Bedrooms ได้เลย … แต่เชื่อผมเถอะครับ ว่าขนาด 60-70 ตารางเมตรนี้ทำห้อง 1 Bedroom กำลังพอดีมากๆ อยู่สบายและมีพื้นที่เหลือเฟือ คล้ายๆกับพวกคอนโดที่อเมริกา
พอเลยชั้น 19 – 34 ก็จะเป็นชั้นที่มีห้องใหญ่ขึ้น เป็นห้อง 2-3 Bedrooms เป็นหลัก Duplex ทั้งหมด
ทำให้ Floor Plan ของชั้น 19 ขึ้นไปนั้นมีความหนาแน่นน้อยลงไปมาก เพราะอยู่ที่ 6 ยูนิตต่อ 2 ชั้น หรือ 3 ยูนิตต่อชั้นนั่นเอง
และชั้นบนสุด 35-36 ก็จะเป็น Penthouse Duplex ขนาด 500 กว่าตารางเมตรนะครับ
Facilities ที่นี่เรียกว่าจัดเต็มแล้วเต็มอีก คือแบ่งเป็น 2 ตึก ได้ Double Facility ตึกใครตึกมัน เบิ้ลให้สองเท่า ไม่ต้องแบ่งกันใช้ ซึ่งผมจะพาไปดูเป็นแห่งๆไป
ด้านล่างสุดเป็นลาน Drop Off ใหญ่ๆ ปลูกต้นไม้เยอะๆ มองแล้วเขียวร่มรื่น
ต้นไม้ในคอนโดดูแลดีๆก็เขียวสดชื่นได้นะครับ อย่าทำเป็นเล่นไป
เช่นหูกระจง 4 ต้นนี้สวยและแผ่ก้านออกปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ผมชอบมากๆเลย
ลูกข้างๆกันจะเป็นที่จอดของ Shuttle Van ที่รับส่งเป็นเวลา ลูกบ้านสามารถใช้บริการได้ โดยถือว่าค่าบริการนั้นรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายรายเดือน 40 บาทต่อตารางเมตรอยู่แล้วครับ
ตึกแรกคือตึก Pearl ด้านหน้าเป็น Lobby ที่เปิดกว้าง ดูโอ่อ่า เพดานสูงสองชั้น
ข้างในมี Reception Counter นิดหน่อย แต่จะตกแต่งแนวเรียบๆ Contemporary เน้นความสบาย เรียบง่าย ไม่ Hi-so แต่ยังคงความหรูระดับหนึ่ง
มุมนั่งพักผ่อนจัดเอาไว้ 4 เซ็ต ซึ่งเกินพอ สำหรับตึกที่มียูนิตแค่ 146 ยูนิต
ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเดินทะลุกระจกไปยังส่วนที่พัก
บริเวณด้านล่างหลัง Receptionจะเป็นที่เก็บ Mail Box ของแต่ละห้อง บ้านเลขที่ของที่นี่ขึ้นต้นด้วย 96 นะครับ
หากเดินทะลุไปด้านหลังอีกก็จะเป็นสำนักงานของนิติบุคคล
ซึ่งก่อนที่จะขึ้นตึกได้นั้นก็ต้องผ่าน Gate บานนี้ก่อน ใช้บัตร Access Card เข้าไป
ส่วนด้านล่างสุดจะเป็นโถงลิฟท์ ที่ดูแกรนด์พอควร ลวดลายเป็นแนว Modern Lanna หน่อยๆ เพราะสถาปนิกที่ออกแบบตกแต่งภายในที่นี่มาจากเชียงใหม่ครับ ดังนั้นก็จะแฝงกลิ่นอายไทยๆลงไปบ้างในบางมิติ
ตึกๆหนึ่งมีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว จัดเป็น 3 โดยสาร 1 บริการ คิดเป็นอัตราส่วนเฉพาะลิฟท์โดยสารแล้วก็จัดว่าต่ำมาก อยู่ที่ 49 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัวเท่านั้นเอง
เดินทะลุลิฟท์ไปที่ปลายสุดของโถง จะพบกับ Library สงบๆ เป็นมุมที่มีแต่ตึก Pearl นะครับ
มุมนี้สามารถมานั่งเล่น อ่านหนังสือกันได้ และอีกอย่างหนึ่งก็คือห้องที่เป็นสำนักงานปัจจุบันด้านล่าง อนาคตก็จะกลายเป็นห้อง Function Room ของลูกบ้าน จัดเป็นส่วนกลางส่วนหนึ่งเช่นกัน
ก่อนที่จะขึ้นไปดูด้านบนของตึก Pearl เรามาดูตึก Jade ที่ถัดไปกันก่อน
รอบๆตึกจะมีที่จอดรถชั้น G สามารถจอดโดยรอบโดยไม่ต้องแย่งกัน ไม่ต้องจอดซ้อนคัน เพราะที่จอดรถนั้นเหลือเฟือ อยู่ที่ 148% หรือประมาณ 434 คัน โดยมีที่จอดรถบางส่วนเป็นที่จอดแบบ Mechanical ซ้อนกันได้ด้วย
แต่เท่าที่สอบถามมา พบว่ายังไม่เคยมีคนต้องใช้ เพราะที่จอดรถนั้นเหลือเฟืออยู่แล้ว … Mechanical Parking เลยเอามาเป็นที่บังแดดแทน อย่างในภาพ >_> ต่างกับโปรเจคหลายๆแห่งในยุคนี้ที่มีที่จอดรถ 30-40% ต้องเบียดๆแย่งๆกันตามสภาพ
ถ้าจะยกรถขึ้นลง ก็ต้องไขกุญแจก่อน ซึ่งกุญแจนี้จะเก็บไว้ที่เจ้าหน้าที่ ป้องกันการกดมั่วแล้วเอารถลงมาทับกัน
หน้าตาของตึก Jade นี้ไม่ได้ต่างอะไรกับตึก Pearl เลยนะครับ ยกเว้นเรื่องการตกแต่งเล็กๆน้อยๆ
จุดที่ต่างกันจริงจังคงจะเป็นเรื่องตำแหน่งของ Library ด้านหน้า ซึ่งตึก Pearl จะมีอยู่ตรงโถงลิฟท์ส่วนตึก Jade จะเป็นพื้นที่ตันๆแบบนี้แทนครับ
ภายในลิฟท์โดยสารจะ Lock ชั้น นะครับ
เรามาดูที่จอดรถกันบ้าง ตรงนี้โล่งๆดี ชั้น 4 แทบไม่มีคนจอดเลย
ที่จอดรถแบบ Fix ระบุเบอร์ห้องกันไปเลย
ซึ่งการจะเข้าตัวอาคารจากที่จอดรถก็ต้องใช้บัตร Access Card เช่นกัน
จากนั้นผมจะพาไปดูส่วนกลางนะครับ ที่ชั้น 5 มีขนาดเกือบ 1,500 ตารางเมตร รวมสองตึกก็ได้ 3,000 ตารางเมตร ซึ่งถ้ารวมชั้น G อีกก็จะได้เท่ากับ 6,000 ตารางเมตร … เยอะมากครับ!
พอเปิดประตูออกจากลิฟท์ส่วนกลางมาก็จะเป็นทางเดินขนาดใหญ่ แจกไปตาม Facility ต่างๆที่อยู่โดยรอบ
ส่วนแรกที่จะพาไปดูคือสระว่ายน้ำ แบ่งเป็นสระเด็ก – สระผู้ใหญ่ และ Jacuzzi
ข้างสระมีเก้าอี้อาบแดด นั่งเล่น อ่านหนังสือ ชมวิว พักผ่อน
ด้านข้างสระก็มีโต๊ะเป็นชุดๆ สำหรับวางของ ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า ฯลฯ
ปลายสระมี Jacuzzi ซึ่งเป็นอ่างน้ำวน และภายในสระติดตั้ง LED หลากสี เวลาเปิดตอนกลางคืนแล้วจะเห็นเป็นไฟสีสลับๆไปมาได้ด้วย
ด้านข้างมีที่อาบน้ำให้ถึง 3 ชุด เกินพอละครับ
ตัวสระมีขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 25 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายสบายๆครับ
ต่อมาเป็นห้องอาบน้ำที่มี Locker ให้ในตัว
บริเวณอ่างล้างมือ ตกแต่งด้วยหินและโมเสกสวยงาม
ในห้องผู้ชายจะมีฟังก์ชั่นของซาวน่า ซึ่งไม่มีในห้องผู้หญิงนะครับ
ห้องนี้เป็นห้องแปลก อยู่ต่อเชื่อมจากห้องน้ำ … นั่นก็คือ SPA
เป็นพื้นที่ที่เปิดเอาไว้ให้ใช้บริการ SPA ส่วนตัว (แต่ไม่ได้หาเจ้าหน้าที่นวดมาให้ด้วย) ตรงนี้ด้านนอกปลูกต้นไม้ไว้เป็นสวน คนที่มาว่ายน้ำหรือ Jogging ไม่สามารถเดินผ่านได้ ก็จะมีความเป็นส่วนตัวสูงมากครับ
ต่อมาเป็นห้องน้ำหญิง
ซึ่งจะมีห้องฟังก์ชั่นพิเศษคือ Steam ที่ไม่มีในห้องผู้ชายนะ
ห้องเด็กจัดไว้เป็นพื้นที่แยกต่างหาก แต่น่าเสียดายนิดนึงตรงที่ไม่ค่อยมีของเล่นเด็กเลย เน้นให้วิ่งไปวิ่งมา … ซึ่งก็ดีที่ติดตั้งราวกันชนบุผนังไว้โดยรอบ ป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับเด็กเล็ก
ด้านข้างเป็น Fitness ที่มีเครื่องเล่นพร้อมใช้งาน … แบบนี้คูณสองเข้าไปเพราะมี 2 ห้อง แยกกันตึกละห้อง
ห้อง Aerobic / Yoga แยกต่างหาก
ข้างในมีลูกบอลอยู่เอามาเล่นได้
ข้างนอกเป็นสนามเด็กเล่น ตรงนี้ปูหญ้าจริง รอบๆมี Jogging Track อยู่ด้วย
ฝั่งที่ติดกันเองกับตึกข้างๆก็จะจัดทำเป็นที่นั่งกินลมชมวิว
พื้นของ Jogging Track ที่นี่ทำมาแบบใส่ใจ คือจะใช้พื้นวัสดุประเภทยาง ที่วิ่งแล้วไม่เจ็บหัวเข่ามาก และเวลาสะดุดหกล้ม ก็จะเซฟกว่าอิฐมากๆครับ
จากชั้น Facility มองขึ้นไปด้านบน
มองทะลุไปยังตึกฝั่งตรงข้าม
สุดท้ายมาดูของแปลก … Corridor ทางเดินขนาด 2 เมตร ซึ่งจัดให้แบบนี้ทุกชั้น ทำให้เดินแล้วไม่อึดอัด … ซึ่งคอนโดปัจจุบันไม่ทำกันแล้วนะครับ เอาแค่ 1.5 เมตรตามที่กฎหมายกำหนด นอกนั้นหั่นเอาไปทำพื้นที่ขายทั้งหมด
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 2 สระ เด็ก-ผู้ใหญ่-Jacuzzi
- ห้องออกกำลังกาย 2 ห้องใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ และที่ชั้น 5 ของทั้งสองตึก
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 49:1
- ห้องสมุด
- ห้องโยคะ x 2
- ห้อง Steam x 2
- ห้อง Sauna x 2
- ห้อง Spa x 2
- Kid’s Room x 2
- สนามเด็กเล่น x 2
- Service Lift 2 ตัว
- ที่จอดรถ 434 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 148% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
นี่เป็นห้อง 1 Bedroom ห้องแรกที่จะพาไปดูนะครับ ขนาด 73 ตารางเมตร
ห้อง A2′ อยู่ตึก A (Pearl)
หน้าห้องติดตั้ง Digital Doorlock ของ SAMSUNG เพื่อระบบความปลอดภัย 3 แบบ ทั้ง Card / Key / Password
พอเราเข้ามาก็จะเห็นห้อง 1 Bedroom แบบกว้างพิเศษ ห้องนั่งเล่นแยกเป็นสัดเป็นส่วนได้ตามใจชอบ เพราะห้องนี้มีขนาด 73 ตารางเมตร
ประตู Oversize สูง 2.4 เมตร เพดาน 2.7/2.9 เมตร ห้องนี้แต่แบบ Fully Fitted มีที่เก็บของและ Built-in Furniture ให้เรียบร้อย
พื้นที่เก็บของจะปูเป็นกระเบื้องให้ เพราะกลัวพื้นเป็นรอยเวลาใส่ของบางอย่าง
ครัวได้เป็น U Shape นะครับ ท๊อปหินแกรนิตดำแอฟริกา เครื่องใช้ไฟฟ้า SIEMENS ยกเว้นเครื่องซักอบผ้า จะเป็นของ ELECTROLUX
แถมเตา เครื่องดูดควัน ตู้เย็นและเครื่องซักอบผ้าด้วย ครบเลย ผนังด้านหลังปูกระจกเขียว Glasskote ป้องกันรอยขีดข่วนและเพื่อให้ทำความสะอาดคราบน้ำมันต่างๆได้ง่าย
ซึ่งที่เก็บของก็เยอะมาก เวลาเปิดออกมาทั้งหมดทุกบาน ก็จะได้เป็นแบบนี้ (บานที่เปิดไม่ได้นั้นเป็นบานที่ยังไม่ได้ตั้งค่าตัวล็อค Soft Close เลยมีปัญหานิดหน่อยนะครับ)
แต่พื้นที่มากมาย Sink กลับเล็กนิดเดียว เป็นหลุมเล็กหลุมเดียวไม่มีที่วางจานเปียกด้านข้างด้วย ผมว่าควรจะติดตั้งเพิ่มอีกหน่อย ให้ใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้นครับ
เตา Siemens สองหัว ถ้าอยู่กันไม่มาก ไม่ต้องทำอาหารพร้อมๆกันหลายๆหม้อ … สองหัวก็เกินพอแล้วครับ
เครื่องดูดควันแบบต่อท่อให้เรียบร้อย
พื้นห้องครัวใช้เป็นกระเบื้องโฮโมจีเนียส ถ้าเป็นส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะเป็น Engineering Wood หน้าไม้สักครับ
โต๊ะทานข้าวชุดนี้จริงๆแล้วสามารถวางตัวสี่เหลี่ยมก็ได้นะครับ พื้นที่เหลือเฟือ ขนาดวงกลมก็จะได้ใหญ่กว่านี้ อันนี้เล็กไปหน่อยสำหรับ 4 ที่นั่ง
ระยะห่างระหว่างชั้นวางทีวีกับโซฟาจัดมาเต็มครับ
ระเบียงยาว แต่จะค่อนข้างแคบหน่อย
กรอบอลูมิเนียมตรงนี้ไม่ได้สูงขึ้นมาเป็นธรณี ทำให้เวลาเดินเข้าออกระเบียงทำได้ง่าย
ตัววัสดุฟิตติ้งก็ดูดีครับ มี Seal กันฝุ่นกันเสียงอีกชั้นหนึ่งด้วย
มุมมองจากระเบียง มองออกไปก็จะเห็นเป็นสระว่ายน้ำตึกเพื่อนบ้าน
อีกฝั่งก็เป็นสระว่ายน้ำของตึกตัวเอง และสวนของโรงแรม Marriott
แต่ถ้ามองไปไกลๆ วิวจะค่อนข้างติด เพราะเป็นดงตึกที่อยู่อาศัยละครับ
คอมพ์แอร์ต่างๆมีกริลปิดให้หมดแล้ว
ถังด้านบนเป็นอะไรที่หาดูได้ยาก เพราะเป็นระบบ HEAT RECOUERY ที่นำความร้อนจากแอร์มาใช้งานต่อ เช่นการทำน้ำร้อนเป็นต้น … ระบบนี้ตกห้องละ 1-2 หมื่นบาท คงจะไม่เห็นกันในคอนโดระดับทั่วไปละครับ
แอร์ทั้งหมดของที่ Bright เป็นแบบซ่อนใต้ฝ้า ไม่เกะกะสายตา
เดี๋ยวไปดูห้องนอนกันบ้าง
ห้องนี้ตกแต่งผนังห้องได้แซ่บมาก
แต่อย่างที่ว่า มองวิวอะไรไม่ค่อยเห็น เพราะด้านข้างจะโดนตึกอื่นๆบังโดยรอบ หากไม่ใช่ห้องที่วิว Clear จริงๆ แบบที่เราจะพาไปดูห้องต่อไป ก็จะไม่ค่อยโสภาเป็นอาหารตาเท่าไรครับ
เช่นกันในห้องนอนก็จะได้แอร์แบบซ่อนเรียบร้อย
มีมุมแต่งตัว คล้ายๆเป็น Walk-in Closet เล็กๆก่อนเดินเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำพื้นที่ค่อนข้างกว้าง เมื่อเทียบกับห้องน้ำทั่วไป
มี 4 Functions ก็คือ อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์, ที่ยืนอาบน้ำ (Rain / Hand Shower) และ อ่างอาบน้ำของ Kohler
อ่างล้างหน้ากรุหินสังเคราะห์โดยรอบ Counter
โถสุขภัณฑ์ติดตั้งสายฉีดชำระมาให้แล้ว
ฝักบัวไม่สวยเท่าไร ทั้ง Rain และ Hand Shower เลย แต่ก็ใช้งานได้ดีนะครับ
อ่างอาบน้ำ แบบดึงฝักบัวออกมาอาบได้
ต่อมาเราจะมาดูห้องถัดไปกันบ้าง เป็น Duplex C3 ขนาด 176.67 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน ใหญ่ทีเดียวเชียวล่ะ
ทางเข้าห้องเป็นประตูขนาด Oversize ที่จะเปิดกว้างสองทางให้ยกของชิ้นใหญ่ๆเข้ามาได้เมื่อจำเป็น
ห้อง Duplex ตำแหน่งนี้อยู่ด้านหลังของตึก เปิดเข้ามาก็จะพบกับห้องนั่งเล่นที่แยกจากส่วนรับประทานอาหาร ค่อนข้างกว้างมากทีเดียว
จุดเด่นของห้องนั่งเล่นคือเพดานที่สูงราว 6 เมตร ทำให้ห้อง Duplex นี้ดูแกรนด์ขึ้นมาก ส่วนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆนั้นเหมือนกันกับห้อง 1 Bedroom เมื่อครู่นะครับ ผมจะกล่าวเฉพาะส่วนที่แตกต่างออกไปแทนแล้วกัน
ห้องอาหาร – แพนทรี่ – ครัว เชื่อมต่อกันเป็น Flow ที่ดี
โดยส่วนของครัวจะใช้เป็นท๊อปหินสังเคราะห์สีขาว ติดตั้งกระจก Glasskote เป็นผนังเช่นกัน
ซิงก์ได้รับการอัพเกรดขึ้นเป็น 3 ช่อง พร้อมก๊อกแบบดึงออกมาได้ ควบคุมแรงดันน้ำได้
อุปกรณ์ทำอาหารก็อัพเกรด มีเตาอบของ Siemens เพิ่มขึ้นมาด้านล่าง , เตาไฟฟ้าแบ่งเป็นแบบ 4 ช่อง และเครื่องดูดควันมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก
ตู้เย็น Siemens และเครื่องซักอบผ้า Electrolux เหมือนเดิม
มุมนั่งเล่นวาง Grand Sofa พร้อม Recliner Chair / Armchair ได้อีกตัว
มุมนั่งรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งได้
เนื่องจากตึกเป็นทรงวงรี ดังนั้นระเบียงฝั่งนี้ก็จะโค้งรับทรงตึกครับ
จุดเด่นสุดๆของห้องนี้คือวิวที่ไม่โดนบังนี้เอง … และตึกสีส้ม/ชมพู เด่นๆที่เห็นทางขวาก็คือ AGUSTON สุขุมวิท 22 ที่คุณโอ๋ไปรีวิวมาแล้ว
หากมองย้อนไปทางสุขุมวิท ก็จะพบกับซอย 22 และตึก Millennium ทั้ง 4 ตึกที่ ซอย 20 ครับ
ที่ดินแปลงข้างๆตรงนี้ อนาคตจะกลายเป็น PARK 24 นะ
หากมองไปทางด้านใต้ ก็จะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา … แต่ถูกตึก President Park ทั้ง 4 บังเอาไว้ … อนาคตจะมี The Lumpini 24 มาบังอีกรอบ
แต่โดยรอบในส่วนอื่นๆเป็นตึกแถวกับบ้านหลังเล็กๆ เตี้ยๆ ไม่มีที่ดินเปล่าพอที่จะทำตึกสูงๆได้เหลือแล้วล่ะ
พื้นที่ระเบียงที่กว้างขึ้น สามารถยกเก้าอี้ยาวกับโต๊ะกาแฟมาวางได้ สำหรับคนชอบนั่งชมวิวด้านนอกนะครับ
มองจากระเบียงกลับเข้าไปที่ส่วนรับประทานอาหารและครัวนะครับ
ต่อจากนี้เราจะเดินไปดูห้องนอนเล็กกันบ้าง
ซึ่งห้องนอนเล็กนั้นอยู่ทางขวาของบันได ติดกับห้องน้ำละครับ
จะบอกว่าห้องนอนเล็กนั้นค่อนข้างเล็กสมชื่อ … ผมว่าเหมาะสำหรับเป็นห้องเด็กอ่อน ห้องเก็บของ ห้องทำงาน ฯลฯ มากกว่าที่จะเอามาเป็นห้องนอน นอกเสียจากที่จะจำเป็นจริงๆ
สังเกตว่าเตียงกับตู้เสื้อผ้าแทบจะติดกันอยู่แล้ว มันเล็กไปหน่อยนะครับ
ห้องน้ำด้านล่างทำเอาไว้เผื่ออาบน้ำด้วย เพราะห้องนอนเล็กจะได้ใช้งาน
ซึ่งขนาดพื้นที่อาบน้ำนั้นทำออกมาได้ใหญ่สะใจไปเลย ผมว่าเอาพื้นที่บางส่วนไปแบ่งห้องนอนหน่อย น่าจะดีกว่านะครับ
ต่อมาเราก็จะเดินขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 กัน … ตัวบันไดทำด้วยไม้จริง ด้านข้างมีหลอดไฟอยู่ตามขั้น เพื่อให้ส่องสว่างในเวลาแสงน้อยๆ เดินปลอดภัย
ราวกันตกใช้วัสดุกระจก Tempered Glass และราวไม้ ทำให้รู้สึก Modern ที่มี Soft Touch
มุมนี้คลาสสิกครับ มองจากทางเดินลงไปยังส่วนห้องนั่งเล่น
เนื่องจากพอทำเป็น Duplex และเจาะพื้นที่ Void ไปบางส่วน จึงต้องมีทางเดินแจกเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้องของชั้นบน
ปลายสุดของทางเดินเป็นทางเข้าออกจากชั้นบน เผื่อมีเหตุฉุกเฉินเช่นหนีไฟจะได้ใช้งานได้ทันท่วงที
เราไปดูห้อง Master Bedroom กันก่อน จะอยู่ด้านหลัง
ตัวห้องมีขนาดใหญ่ ใช้งานได้ค่อนข้างสบาย มีพื้นที่วางชุดนั่งเล่นและเตียงขนาด 6 ฟุต พร้อมโซฟาปลายเตียง
ด้านหลังเตียงมีพื้นที่ว่างกั้นเป็น ตู้เสื้อผ้าและ Walk-in Closet ได้อีก
ตรงนี้เป็นแนวตู้เสื้อผ้าทั้งแผงเลยครับ ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องน้ำด้านหลังเตียง
พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้ง จัดวางเป็นมุมไว้ให้เรียบร้อย
ห้องน้ำใหญ่มากอีกเช่นเคย โดยเฉพาะ Counter Sink
ใหญ่ขนาดนี้กลับให้มา Sink เดียว ผมว่าควรทำ His & Her Sink สองอันวางคู่กันได้แล้วนะครับ
ชุดอาบน้ำเหมือนเดิมคือสามารถเลือกได้ว่าจะยืนอาบหรืออาบในอ่าง
พื้นที่อาบน้ำเหลือเฟือทั้งสองจุด
เรามามองมุมกลับของห้องนอนกันบ้าง ก็จะพบว่าระยะดูทีวีไกลมาก ทีวีตัวเท่านี้เอาไม่อยู่นะครับ นอนแล้วต้องเพ่งมากเกินไป ควรจะติดอย่างน้อยๆก็ต้อง 50 นิ้ว
ด้านข้างตัวนี้ออกจะเกะกะทางเดินไปนิดนึง แต่ดีไซน์สวยดีผมเลยเอามาให้ดู … บางคนที่ชอบพวกเก้าอี้ Lazy Boy ก็ยังพอวางได้นะ เป็นแนว Recliner Chair
แล้วเราก็มาถึงห้องนอน 2 กันบ้าง ซึ่งผมว่าเป็นห้องนอนที่ดูดีที่สุดในยูนิตนี้เลย
สาเหตุแรกคือวิวด้านนอกที่มองออกไปได้ไกลๆ ไม่มีอะไรมาบัง เห็นพื้นที่สีเขียวของสวนเบญจกิติด้านหลังตึก AGUSTON
ส่วนที่สองก็คือผนังกระจกตรงปลายเตียงนี้ที่เชื่อมกับเพดานสูง 6 เมตรเหนือห้องนั่งเล่น ช่วยเพิ่มความโปร่งให้ห้องนอนอีกขั้น
แต่ถ้าจะนอนก็ต้องเอามาลงมาหน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นแสงจากห้องนั่งเล่นอาจจะกวนสายตาได้
ส่วนโต๊ะปลายเตียงตรงนี้ก็ต้องทำเตี้ยๆหน่อย ไม่อย่างนั้นจะบังวิวกระจกใสด้านหลังที่จงใจเปิดให้เห็นชานเดอร์เลียร์ไปเสีย
สุดท้ายมาดูบันไดนะครับ ซึ่งก็จะพบว่ามีขั้น 3 เหลี่ยมอยู่พอควร ถึง 4 ขั้น และความกว้างของบันไดก็ไม่เพียงพอให้เดินสวนกันได้คล่อง ดังนั้นเวลาจะขึ้นลงก็ต้องระวังหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะพลั้งตกลงมา 🙂
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 February 2014
- ทางโครงการขายหมดไปแล้ว SOLD OUT ปัจจุบันเป็นยูนิตที่เกิดจากการขายต่อเปลี่ยนมือกันของเจ้าของห้อง
- ราคาในตลาดอยู่ที่ประมาณ 130,000 – 140,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นกับขนาดห้อง ตำแหน่งห้อง และชั้น ตั้งแต่ 8-9 ล้านบาทขึ้นไป
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.7/2.9 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS พร้อมพงษ์
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของโครงการ Bright Sukhumvit 24 จัดเป็นทำเลที่ดีมาก อยู่ใจกลางเมืองในซอยสุขุมวิท 24 ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ซอยฝั่งเลขคู่ ที่มีความเจริญเทียบเคียงซอยฝั่งเลขคี่ของถนนสุขุมวิท โดยซอย 24 นี้เป็นซอยทางลัดหลัก จากพระราม 4 มาทะลุสุขุมวิท มีชุมชนชาวต่างชาติเยอะโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น มีตึกคอนโดมิเนียมและ Service Apartment จำนวนมาก สามารถลัดไปมาได้หลายทาง เข้าออกห้างสรรพสินค้าได้หลายแห่ง อาทิเช่น Big C Extra, Tesco Lotus Extra, The Emporium และ K Village มีความอุดมสมบูรณ์พร้อม เหมาะกับการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย
การเดินทางด้วยรถยนต์นั้นทำได้สะดวก แต่จะมีรถติดบ้างเป็นบางจังหวะเวลา โดยเฉพาะทางที่จะไปออกถนนสุขุมวิทหากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะติดตั้งแต่กลางซอยขึ้นไป เพราะจะต้องรอไฟเขียวไฟแดงจากปากทางที่ปล่อยรถไม่ค่อยได้เยอะ เพราะตัวถนนสุขุมวิทเองก็ประสบปัญหาการจราจรติดขัด แต่ปากซอยก็อนุญาตให้เลี้ยวได้ทั้งซ้ายไปอโศกหรือขวาไปทองหล่อ สามารถเข้าซอย 39 ไปทะลุออกเพชรบุรีก็ได้ หรือถ้าใครจะใช้ทางด่วน ก็สามารถออกถนนพระราม 4 ไปถึงทางด่วนที่ท่าเรือได้ หรือข้ามสะพานออกไปยังพระราม 3 ก็ได้ ทำให้มีทางหนีทีไล่เยอะอยู่นะครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้นทำได้โอเค ระยะเดินเท้าจากหน้าโครงการไปยังสถานี BTS นั้นค่อนข้างไกล อยู่ที่ราวๆ 800 เมตร แต่การที่มีรถ Shuttle Van คอยบริการก็จะช่วยเรื่องนี้ได้มาก และทางเดินบนถนนสุขุมวิท 24 ก็จัดว่าเดินง่าย เดินสะดวก ไม่ค่อยเปลี่ยว ทำให้ช่วงหัวค่ำ ถ้าไม่ดึกมากก็ยังสามารถเดินได้อยู่ ซึ่งตามสองฟากนั้นจะมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการอยู่เป็นระยะๆ เวลาจะหาของกินของใช้ก็ทำได้ค่อนข้างง่าย
วัสดุที่ให้มานั้นจัดว่าครบ แม้ว่าจะเป็นห้องแบบ Fully Fitted ก็ตาม เนื้อวัสดุใช้ของเกรดดี ไม้พื้นเป็น Engineering Wood หน้าไม้สัก, เพดานสูง 2.7/2.9 เมตร, กุญแจเป็น Digital Doorlock, เครื่องใช้ไฟฟ้ามีให้ครบ ยี่ห้อ Siemens, ครัวใหญ่ทำอาหารได้สะดวก, แอร์ซ่อนใต้ฝ้าพร้อมกับระบบหมุนเวียนเอาความร้อนจาก Compressor มาใช้งาน ตลอดจนห้องน้ำมีวัสดุอุปกรณ์ครบ แต่โดยรวมเรื่อง Design นั้นจะดูไม่ทันสมัยเท่าไร เพราะเป็นตึกที่สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2011 สเปคต่างๆกำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงเริ่มโครงการปี 2008 พอเอามาเทียบกับคอนโดในปี 2014 วัสดุบางตัวก็จะดูตกรุ่นไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
การออกแบบในเรื่องความหนาแน่นทำออกมาได้ดีมาก โครงการมีสองตึกวางอยู่คู่กัน แต่ละตึกมีลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและลิฟท์บริการแยกต่างหาก 1 ตัว โดยอัตราส่วนลิฟท์โดยสารไม่นับรวมลิฟท์บริการอยู่ที่ 49:1 เท่านั้น จัดว่าต่ำมาก กดลิฟท์แทบไม่ต้องรอ และจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 8 ห้อง พอเลยขึ้นชั้น 19 ขึ้นไปก็จะลดลงมาอยู่ที่ 6 ห้องต่อ 2 ชั้นเท่านั้น
ข้อเสียของที่นี่คงจะเป็นเรื่องการหั่นห้องให้ใหญ่เกินไป ทำให้ลูกค้าบางท่านที่มีกำลังทรัพย์ไม่มากไม่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ เพราะห้อง 1 Bedroom ขนาด 70 ตารางเมตรนั้น ถ้าคูณด้วยราคาต่อยูนิตปัจจุบัน 140,000 บาท ก็เฉียดๆ 10 ล้านเข้าไปแล้ว แต่ก็จะดีกับลูกค้าที่มีงบประมาณถึง เพราะการที่ซอยห้องใหญ่ก็จะทำให้มีจำนวนคนในตึกน้อยลง อะไรๆก็เป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่ต้องแย่งกันใช้นะครับ
ที่จอดรถทั้งหมดจัดเอาไว้ในตัวตึก ไม่ต้องเดินแยกออกไป มีการจัดที่จอดรถไว้ให้พอเพียง เหลือเฟือที่ 148% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน พร้อมกับที่จอดรถ Fix ตำแหน่งของห้องด้วย (แต่ไม่ได้ออกเป็นโฉนดให้) เมื่อเทียบกับทำเลใจกลางสุขุมวิทก็ต้องบอกว่าหายากอยู่
Facility ต่างๆนั้นให้มา Double ทั้งหมด ตั้งแต่สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนหย่อม, สนามเด็กเล่น, Spa, Sauna, Steam, ห้องเด็กเล่น และห้องโยคะ ทำให้การใช้งานอยู่ที่ตึกใครตึกมัน ไม่จำเป็นต้องกดลิฟท์แล้วลงมาเดินข้ามตึกเพื่อไปยัง Facility ที่เราต้องการ แต่มีข้อติเล็กน้อยตรงที่อุปกรณ์บางอย่างนั้นดูจะน้อยไปเช่นห้อง Kid’s Room ที่ควรจะมีของเล่นหน่อย ห้องโยคะหรือแอโรบิกที่ควรใช้ประโยชน์ได้มากกว่านี้ รวมไปถึงห้อง Spa ที่น่าจะมีการจัดบริการ Conceirge ให้เป็นเรื่องเป็นราว … ทั้งหมดมี Facility รองรับอยู่แล้วแต่ขาดการดูแลการบริการให้เกิดประโยชน์ใช้สอยมากที่สุดครับ
โดยรวมผมพบว่าโครงการ Bright Sukhumvit 24 นี้ค่อนข้างน่าประทับใจ ก็ไม่แปลกที่ราคาจะขยับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดที่ 110,000 บาทต่อตารางเมตรในช่วงปี 2009 จนมาเป็นราคา 130,000 – 140,000 บาทต่อตารางเมตรในปัจจุบัน (ขึ้นกับขนาด, ตำแหน่ง และชั้นของยูนิต) ทั้งจากการได้อานิสงส์ที่ตึกข้างเคียงมาเปิด (LPN 24 และ PARK 24) ทำให้ราคาต่อตารางเมตรขยับสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถเอา Bright 24 ไปเทียบกับ LPN และ PARK ได้นะครับ เนื่องเพราะทั้งสองโครงการข้างเคียงนั้นทำห้องขนาดเล็ก ปรับแพคเกจขนาดเล็ก ซึ่งจะเป็นคนละรูปแบบกับ Bright เลย ที่เจ้าของโครงการทำออกมาตามใจที่ตัวเองต้องการ เน้นให้อยู่สบายเป็นหลัก
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 140,000 บาทต่อตารางเมตร, 25 February 2014
- ทำเล 8.5/10 – ทำเลดีอยู่ในซอยสุขุมวิท 24
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – สะดวกถ้าใช้รถและไม่หวั่นเรื่องรถติด ซึ่งทำเลตรงนี้สามารถไปได้ทั้ง 22-24-26 ส่วนที่จอดรถนั้นจัดว่าเกินพอ
- ไม่ใช้รถ 8/10 – เดินไปหน้าปากซอยฝั่งพร้อมพงษ์ ไกลมาก แต่ถ้าเดินไปจับจ่ายฝั่งพระราม 4 เรียกว่าอุดมสมบรูณ์ดี มีรถ Shuttle Van คอยบริการ
- วัสดุ 9/10 – วัสดุดีมาก
- แบบ 9/10 – อยู่สบาย หลวมๆ ไม่แออัด
- สาธารณูปโภค 10/10 – เยอะ ครบถ้วน สมบูรณ์
- LUXURY CLASS
- 8.70 / 10.00
BOTTOM LINE
Bright Sukhumvit 24 เหมาะสำหรับคนที่นิยมชมชอบคอนโดห้องใหญ่ ส่วนกลางใหญ่ๆ เยอะๆ มีที่จอดรถพอเพียง ใช้รถเป็นหลักใช้รถไฟฟ้าเป็นรอง มีห้างโดยรอบและมีความอุดมสมบูรณ์ของทำเล
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ