รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ The Tree ลาดพร้าว 15 คอนโด Low Rise ในซอยลาดพร้าว 15 ใกล้ MRT ลาดพร้าว จากพฤกษา [รีวิวฉบับที่ 1789]

30 มกราคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1519 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 คอนโด Low Rise สไตล์ Neo-Classic ตัวใหม่จากพฤกษา ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ห่างจาก MRT ลาดพร้าว (ซึ่งในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange กับสายสีเหลือง) ประมาณ 1 กม. มีเส้นทางลัดไปออกซอยลาดพร้าว1 และ ซอยพหลโยธิน24 โครงการมีการทำราคาให้เหมาะสมกับการหยิบจับง่ายขึ้น เริ่มต้น 1.49 ล้านบาท พร้อมทั้งตกแต่งกับจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้เต็มที่สำหรับคอนโด Low Rise เราไปชมกันค่ะ

Fact @ 20 January 2018

  • The Tree Ladprao 15 (เดอะ ทรี ลาดพร้าว 15)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ลาดพร้าว ซอย 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 214 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 66 คันคิดเป็น 31%
  • ที่ดินประมาณ 1-2-92 ไร่
  • Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร
  • Deluxe : 24.35 ตารางเมตร
  • Premier : 25.90-27.25 ตารางเมตร
  • Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร
  • เริ่มก่อสร้าง : เม.ย. 61
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พ.ค. 62
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท (Promotion)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 87,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ : มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT ลาดพร้าว
  • Register Website : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ 

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Sale Office Gallery : 13.810549, 100.566244

พิกัดที่ตั้งโครงการ : 13.815374, 100.572168

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้าไปประมาณ 900 เมตร โครงการอยู่ทางขวามือ ลึกหน่อยแต่ซอยลาดพร้าว 15 นี้ เป็นซอยที่เป็นทางเชื่อมสามารถลัดเลาะถึงกันได้สามซอยคือ ลาดพร้าว 15 , ลาดพร้าว 1 และพหลโยธิน 24 ดังนั้นจึงสามารถใช้เส้นทางเชื่อมออกถนนหลักสามเส้นคือ ลาดพร้าว/รัชดาภิเษก/พหลโยธิน

ความอุดมสมบูรณ์ในซอยลาดพร้าว 15 มีทางเข้าสู่ Supermarket หลักอย่าง BigC Extra หรือเข้าทางหลักอย่างถนนลาดพร้าวก็ได้ เรื่องอาหารการกินหลักต้องยกให้ที่ริมถนนหลักลาดพร้าว ที่เป็นแนวอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านขนาดเล็กถึงกลางให้เลือกอยู่พอสมควร มีร้านเจ้าดังอย่างข้าวต้มเป็ดอ้วน ข้าวต้มแป๊ะเม๊ง บ้านหมี่เจ้แดงบ้านโป่ง รวมไปถึงของกินแบบสตรีทฟู๊ดที่ซอยลาดพร้าว 18 ฝั่งตรงข้าม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูของกินหลากหลาย ที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วย

ส่วนถ้าใครอยากจะเลือกช็อปปิ้งก็นี่เลยค่ะ นั่งรถไฟฟ้าไปหนึ่งสถานี ที่ห้าแยกลาดพร้าว จะมีทั้ง ยูเนียนมอลล์ ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาน่าคบหาสำหรับวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้นหน่อยๆ และฝั่งตรงข้ามก็มีห้างดังอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้างขวัญใจของคนในย่านนี้อยู่แล้ว พื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ถึงแม้จะอยู่ไกลจากรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวหน่อยประมาณ 1 กิโลเมตร ต้องต่อรถออกมาแต่แถวนี้ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกอยู่ทั้งแถวต้นซอยและที่วิ่งรับ-ส่งภายในซอย บริเวณแยกรัชดาลาดพร้าว นี้อนาคตจะเป็นจุด Inerchange เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ที่บริเวณอาคารจอดแล้วจร)อีกด้วย

การใช้เส้นทางนอกจากเข้า-ออกบริเวณซอยลาดพร้าว 15 แล้ว ยังสามารถใช้เส้นทางไปออกซอยลาดพร้าว 1 ซึ่งบริเณปากซอยคือ ยูเนียนมอลล์ ในซอยนี้มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะ และสามารถไปออกซอยพหลโยธิน 24 เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินที่กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายอยู่ตอนนี้

นอกจากนั้นยังมีความสะดวกในการใช้เส้นทางลัดเข้าไปในบิ๊กซีโดยไม่ต้องผ่านถนนใหญ่ด้วยค่ะ

การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจากบริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ตรงมาเรื่อยๆ กลับรถเพื่อพาไปดูที่ตั้งของสำนักงานขายกันก่อน แล้วจึงพาเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว15 ตรงไปยังที่ตั้งโครงการ

เราเริ่มจากบริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว มุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าว ทางฝั่งซ้ายจะเป็นสวนลุมไนท์บาซ่าร์รัชดาภิเษก ส่วนฝั่งขวาคืออาคารจอดแล้วจรที่มี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วย

เราตรงมาถึงบริเวณซอยลาดพร้าว18 ฝั่งตรงข้ามจะเป็นซอยลาดพร้าว15 จริงๆแล้วเราสามารถเลี้ยวเข้าไปได้เลยนะ แต่การจราจรบริเวณนี้จะหนาแน่นหน่อย เราจะพาไปวนดูสำนักงานขายกันก่อนแล้วค่อยพาไปชมโครงการค่ะ

ขับต่อมาอีกนิดจะเจอซอยลาดพร้าว 18 ซอยที่ใช้ลัดระหว่างถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก และ ถนนวิภาวดีรังสิต ภายในซอยมีร้านค้าร้านอาหารเยอะอยู่ มาแวะหาของกินได้

ตรงมาทางฝั่งขวาจะสังเกตเห็น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 2 ห้างค้าปลีกค้าส่งคู่ใจของคนย่านนี้ แวะมาจับจ่ายใช้สอย หาของกินกันได้ เป็นสาขาที่ยังไม่เก็บเงินค่าที่จอดรถ

พอเลยบิ๊กซีมาให้ชิดขวาเตรียมกลับรถค่ะ จากตรงนี้จะสังเกตเห็นสำนักงานขายของโครงการแล้ว

กลับรถมาก็จะเจอกับสำนักงานขายเลย โดยจะอยู่ตรงข้ามกับร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu แต่ที่ตั้งโครงการไม่ได้อยู่ตรงนี้นะคะ

สำนักงานขายเป็นอาคารชั้นเดียวแบบนี้

บรรยากาศภายในสำนักงานขายค่ะ

จากสำนักงานขาย เราตรงต่อมาผ่านหน้าบิ๊กซีอีกครั้งเพื่อมุ่งไปยังซอยลาดพร้าว 15

เลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว15 กันค่ะ สังเกตจากปากหน้าซอยก็มีติดป้ายว่าเป็นซอยลัดไปออกพหลโยธิน24 นะ

จากหน้าปากซอยเราต้องตรงเข้าไปอีกประมาณ 900 เมตร ก็จะถึงโครงการ โดยโครงการจะอยู่ทางฝั่งขวานะ

หน้าปากซอยที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นตึกแถวและบ้านพักอาศัย บรรยากาศเงียบสงบ เป็นถนนที่รถสวนกัน 2 เลน

ระหว่างทางมีแยกอยู่บ้าง ใครกลัวหลงก็ให้เราตรงตามเส้นสีเหลืองเข้าไปในซอยเลยค่ะ

ตรงเข้ามาซักระยะบรรยากาศจะสงบกว่าช่วงหน้าปากซอย สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ

นอกจากนั้นก็มีคอนโด Low Rise ที่สร้างมานานแล้วอยู่บ้าง

ตรงเข้ามาเรื่อยๆก็จะเจอกับโครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ตอนนี้ล้อมรั้วเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ที่ตั้งของโครงการค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ มีคอนโดมิเนียม Low Rise ที่สร้างมาซักระยะหนึ่งแล้วอยู่บ้าง บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว มีแต่ละด้านของที่ดินติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก – ติดกับ ซอยลาดพร้าว15 แยก 9 และ บ้านพักอาศัย
  • ทิศใต้ – ติดกับบ้านพักอาศัย 3 ชั้น
  • ทิศตะวันตก – ติดกับซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 และ บ้านพักอาศัย

ทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย

ทิศใต้ ติดกับบ้านพักอาศัย 3 ชั้นถัดไปเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise

ทิศตะวันตก ติดกับซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 และ บ้านพักอาศัย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • อาคารจอดแล้วจร + กูร์เมต์ มาร์เก็ต – 1.4 กิโลเมตร
  • บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 2 – 1.4 กิโลเมตร (ทางลัดในซอย)
  • สวนลุมไนท์บาซาร์  – 1.9 กิโลเมตร
  • Union Mall – 2.1 กิโลเมตร (ทางลัดในซอย)
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น – 3.3 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน – 3.6กิโลเมตร
  • ตึกช้าง –  3.7 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม – 3.7 กิโลเมตร
  • สวนจตุจักร, สวนรถไฟ  – 3.9 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว – 4.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนหอวัง – 4.6กิโลเมตร
  • กรมส่งเสริมการส่งออก – 4.8 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

The Tree ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 214 ยูนิต ออกแบบในสไตล์ Neo Classic ผสมกับโมเดิร์น จะดูหรูหราแต่เรียบง่าย มีการใช้หินอ่อนในการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางด้วยค่ะ เดี๋ยวเราค่อยๆไปชมรายละเอียดกัน

จากโมเดลทางเข้าออกของโครงการมีอยู่ทางเดียวติดกับถนนซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 โดยที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 1 จอดได้ 66 คัน หรือ คิดเป็น 31%

ตัวโครงการจะประกอบด้วย Main Building อาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้นเป็นรูปตัว U โอบล้อม Facilities เอาไว้ สำหรับคอนโดระดับราคานี้ส่วนกลางโครงการนี้ถือว่าให้มาเยอะ ในอาคารประกอบด้วยโถงต้อนรับ , พื้นที่นั่งพักผ่อน , สวนหย่อม , ตู้รับจดหมาย , โถงลิฟต์ มีห้อง Co-Working Space อยู่ที่ช้น8 และสวนหย่อมที่ชั้นดาดฟ้า นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่อีกจุดหนึ่งคือ Club House Building ภายในประกอบด้วย ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ สวนหย่อม พื้นที่ส่วนกลางบริเวณ Club House จะแยกออกจากห้องพักอาศัย ดังนั้นจึงทำให้ภายในอาคารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีเสียงดังรบกวน

ถัดจาก Lobby ในอาคารมาจะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนที่เป็น Glass House นั่งชมสวนหย่อมที่อยู่ถัดออกมาด้านนอก

ถัดจากสวนหย่อมจะเป็น Club House Building ค่ะ โดยจะมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนพักผ่อนบนอาคาร การที่มีแยกอาคาร Clubhouse มีข้อดีตรงที่ทำให้โซนพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีชั้นพักอาศัยไหนที่ปะปนกับพื้นที่ส่วนกลาง เราสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลาง หรือ นัดเพื่อนมาพูดคุย พบปะสังสรรค์ กันได้ โดยที่ในอาคารพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ

ชั้น8 มี Co-Working Space ให้ใช้งาน โดยสามารถเดินขึ้นบันไดไปยังสวนดาดฟ้าด้านบนได้

การดีไซน์รอบๆอาคารจะคล้ายๆกัน เน้นตัวตึกสีขาว มีการเล่นลวดลายด้วยเส้นให้ได้อารมณ์แบบ Neo-Classic เราไปดูภาพจำลองบรรยากาศ Facilities แต่ละส่วนกัน

Main Building

เริ่มจากในอาคารกันก่อน พอเข้ามาก็จะเจอกับ Lobby บรรยากาศภายในโถงต้อนรับเป็น Double Space ฝ้าเพดานสูง ตกแต่งด้วยโทนสีขาวทำใน Space ดูโล่งโปร่ง มีจัดชุดที่นั่งมาให้เพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนนี้จะมีการตกแต่งด้วยหินอ่อน White Carrara

บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์และตู้จดหมาย ตกแต่งโดยใช้โทนสีขาวและหินอ่อนเช่นเดียวกันกับโถงต้อนรับ หินในโซนนี้เป็น White Volakas มีลิฟต์โดยสารอยู่ 2 ตัวค่ะ

ถัดมาจาก Lobby เป็น Lucent & Shady Glass House พื้นที่นั่งพักผ่อนที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยรอบเป็นผนังกระจก นั่งชมวิวสวนที่อยู่ด้านนอกได้ 

ซึ่งสวนหย่อมที่อยู่ถัดจาก Glass House มานั้น จัดเป็นสวนสไตล์ยุโรป ออกแบบให้ทั้ง 2 ฝั่งสมมาตรกัน ใช้มาเดินเล่น หรือนั่งเล่นบริเวณนี้ได้ค่ะ ด้านหลังสุดจะเป็นส่วนของ Club House

ขึ้นมาที่ชั้น 8 จะมี Co Working Space หรือ Social & Connection Space เป็นพื้นที่ให้เรามาใช้นั่งทำงาน ประชุม คุยงาน หรือมานั่งอ่านหนังสือเฉยๆก็ได้ ที่นั่งแบ่งออกเป็นมุมๆมีทั้งนั่งโต๊ะและนั่งสบายๆบนชุดโซฟา มี Wifi ให้ใช้ด้วยค่ะ และจากห้องนี้จะมีบันไดเดินขึ้นไปที่สวนดาดฟ้า

สวนดาดฟ้ามีจัดที่นั่งพักผ่อนและLighting มาให้ มานั่งเล่นช่วงเช้าและเย็นได้

Club House Building

ในส่วนของ Club House Building จะประกอบด้วยสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนพักผ่อนบนอาคาร

สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 15 เมตร สูง 1.20 เมตร มีติดตั้ง Jet มาให้สำหรับใครที่อยากว่ายออกกำลังกายจริงจัง ข้างๆสระเป็นห้องฟิตเนสที่ผนังเป็นกระจกเปิดรับวิวสระ 

บริเวณรอบๆสระว่ายน้ำมีการจัดสวนและมุมนั่งพักผ่อนเอาไว้ให้ มีการตกแต่งด้วยหิน Onyx ตามที่เราเห็นในภาพเลย

จากแปลนชั้นล่าง พอทเข้าโครงการมาจะเป็นที่จอดรถ โดยจะสามารถจอดได้รอบๆอาคารบริเวณชั้น 1 ทั้งหมดประมาณ 66 คันหรือคิดเป็น 31% ถัดเข้ามาเป็นอาคารพักอาศัยที่จะประกอบด้วยโถงต้อนรับ , พื้นที่นั่งพักผ่อน (Glass House) , สวนหย่อม , ตู้รับจดหมาย  และอีกส่วนหนึ่งคืออาคาร Club House ที่จะมีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนพักผ่อนบนอาคาร

ขึ้นมาที่ชั้น 2 อาคารพักอาศัยจะเป็นห้องพักล้วนๆ ห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน Type Premier (สีเทาเข้ม): 25.90-27.25 ตารางเมตร มีอยู่รอบทิศเลย ส่วนสีเทาอ่อนจะเป็นห้องแบบ Deluxe : 24.35 ตารางเมตร อยู่บริเวณทิศเหนือ-ใต้ มีห้อง Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร อยู่บริเวณมุมด้านในอาคารและฝั่งด้านนอกอาคารบริเวณทิศเหนือ ส่วนห้อง Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร มีอยู่ชั้นละ 2 ห้อง ทางทิศเหนือ-ใต้ มุมของอาคาร 

ห้องที่อยู่ด้านในอาคารทั้งหมดมองลงมาจะเห็นวิวสวนและพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนด้านนอกเป็นวิวเปิดโล่ง ทางโครงการทำแปลนรวมมาให้เราดูง่ายๆ ใครชอบห้องตำแหน่งไหนก็ลองจิ้มดูกันได้

ชั้น 3-7 มีการจัดผังที่คล้ายๆกับชั้น 2 เลยค่ะ แต่มีจำนวนห้องพักมากขึ้นเป็น 31 ห้องต่อชั้น

ชั้น 8 จะมีพื้นที่ส่วนกลางคือ Co-Working Space เพิ่มเข้ามา อยู่บริเวณใกล้ๆกับโถงลิฟต์พอดี เวลาขึ้นลิฟต์มาก็เข้ามาใช้งานได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยห้องอื่นๆ

ส่วนชั้นดาดฟ้าจะมีสวนอยู่อีกจุดหนึ่งค่ะ เป็นสวนที่ค่อนข้างส่วนตัว มานั่งเล่นเดินเล่นได้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Main Building

  • ชั้น 1 : Exclusive & Elegant Lobby Hall (โถงต้อนรับ)
  • Lucent & Shady Glass House (โซนพักผ่อน)
  • Superior & Panoramic Grand Garden (สวนส่วนกลาง)
  • Mail Box Zone (ห้องตู้รับจดหมาย)
  • ชั้น 8 : Social & Connection Space (ห้องอเนกประสงค์)
  • Rooftop : Superior & Panoramic Rooftop Garden (สวนพักผ่อนลอยฟ้า ชั้น 8)

Club House Building

  • ชั้น 1 : Refresh & Relieve Aqua Pool (สระว่ายน้ำ)ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 15 เมตร สูง 1.20 เมตร
  • Healthy & Fine Fitness (ห้องฟิตเนส)
  • Swimming Jet (บริเวณออกกำลังกายของสระว่ายน้ำ)
  • Blazing classic space (มุมปลายสระ)
  • Rooftop : Superior & Panoramic Sky Garden (สวนพักผ่อนบนอาคาร Clubhouse)
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 107 :  1
  • Service Lift : ไม่มี
  • ที่จอดรถประมาณ 66 คันคิดเป็น 31 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • กล้องวงจรปิด และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ Key Card
  • Wifi สำหรับ Main Lobby,Co-Working Space Room,Swimming Pool,Fitness
  • สิทธิ์ที่จอดรถ แบบไม่ระบุตำแหน่ง 1 คัน สำหรับทุกห้องของโครงการ


Product Walkthrough

ห้องพักของโครงการนี้เป็น 1 Bedroom ทั้งหมดเลย แบ่งออกเป็น Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร , Deluxe : 24.35 ตารางเมตร , Premier : 25.90-27.25 ตารางเมตร และ Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร โดยโครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted ให้วัสดุมาตรฐาน ครัว สุขภัณฑ์ แอร์ + ตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องตัวอย่างทำออกมาให้ดูแบบเดียว เราไปชมกันค่ะ

ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการทำมาให้ชมคือ Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีการกั้นเป็นสัดส่วนดี เข้ามาเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน มีระยะดูทีวีที่เยอะพอสมควรแต่ตำแหน่งของชั้นวางทีวีจะเฉียงๆหน่อย ถัดมาเป็นทางเข้าไปห้องน้ำ ที่แบ่งเป็นส่วนเปียกส่วนแห้ง ถัดมาเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน มีพื้นที่นั่งทานข้าวอยู่ในครัวเลย จัดได้ประมาณ 2 ที่นั่ง บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียง เวลาทำอาหารก็เปิดระบายอากาศได้ ห้องนอนกั้นผนังมีประตูปิดเป็นสัดส่วน ข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า มีช่องหน้าต่างเอาไว้เปิดระบายอากาศค่ะ 

เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำ ถัดไปด้านหลังเป็นครัวและห้องนอนที่กั้นเป็นสัดส่วนดี ฝ้าเพดานของห้องนี้สูง 2.5 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 mm.

ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.9 เมตร กว้างพอสมควร วางทีวีได้ขนาดประมาณ 40″-42″

มีพื้นที่วางโซฟาแบบนั่งได้ 2-3 ที่นั่ง

บริเวณด้านหลังโซฟาจะมีหน้าต่างในเปิดรับแสงและระบายอากาศ เพราะห้องนี้มันเป็นห้องที่อยู่ตรงมุมนั่นเอง

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับวางชั้นวางทีวี เวลาดูองศาจะเฉียงๆหน่อย ถัดมาเป็นทางเข้าห้องน้ำซึ่งในห้องจริงจะมีประตูกั้นมาให้ด้วย

พื้นห้องน้ำยกระดับขึ้นมาจากพื้นห้องประมาณนี้ค่ะ

ห้องน้ำโครงการนี้เลือกใช้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป จัดฟังก์ชันแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้ ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ได้กระจกเงาส่องหน้าขนาดตามในห้องตัวอย่างเลย

อ่างล้างหน้าเป็นของ Mogen ค่ะ

โถสุขภัณฑ์ก็เป็นของ Mogen เช่นเดียวกัน

ผนังด้านหลังมีพื้นที่สำหรับวางของใช้เล็กๆน้อยๆได้

พื้นทางฝั่งที่เป็นส่วนแห้งจะมีบางส่วนปูด้วยกระเบื้องผิวด้านกันลื่น

สำหรับส่วนเปียกจะไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ เราต้องหามาติดตั้งเองค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.80-1.15 x 0.7 เมตร ใช้งานได้สะดวก พื้นยกสูงขึ้นมาจากส่วนแห้งอีกทีหนึ่ง

พร้อมติดตั้งฝักบัวและเดินงานระบบเผื่อสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อย

ฝักบัวของ Mogen ค่ะ

สำหรับส่วนแห้งผนังเป็นลามิเนตลายไม้แบบนี้

ถัดมาจะเป็นห้องครัวและห้องนอนกั้นเป็นสัดส่วนดี

ทุกห้องทางโครงการจะมีแถมแอร์ให้ โดยห้อง Studio ได้ 1 ตัว ส่วนห้อง 1 ห้องนอนได้ 2 ตัวขนาด 9,000 , 12,000 BTU รายละเอียดสอบถามโครงการอีกทีนะคะ

ครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสัดส่วน เหมาะกับคนชอบทำอาหาร สามารถทำอาหารหนักๆต้มผัดแกงทอดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น และยังเปิดประตูระเบียงระบายอากาศได้อีกด้วย

ครัวมีพื้นที่วางเคาน์เตอร์สำหรับทำอาหาร ถัดไปเป็นตู้เย็น มีโต๊ะทานข้าวอยู่บริเวณนี้เลย

ทำอาหารเสร็จก็ยกมากินบริเวณนี้ได้เลย เป็นสัดส่วน กลิ่นไม่ออกไปรบกวนส่วนพักผ่อนด้านนอก

ระยะห่างระหว่างโต๊ะอาหารและเคาน์เตอร์ครัวอยู่ที่ประมาณ 1.00 เมตร เดินผ่านและใช้งานได้สบายๆ พื้นได้เป็นกระเบื้องลายหินอ่อนผิวด้านแบบนี้เลย

ชุดครัวได้ตามนี้ วัสดุปิดผิวเป็นเมลามีนสีขาว Top เป็นหินสังเคราะห์ มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า ที่ดูดควันมาให้ครบ ผนังกันเปื้อนทางโครงการปูกระเบื้องลายหินอ่อนแบบผิวมันมาให้ด้วย

อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ Franke

เตาไฟฟ้าเป็นแบบ 2 หัวของ Franke เช่นเดียวกัน เหมาะกับการใช้งานในห้อง 1 ห้องนอนดีค่ะ

เครื่องดูดควันของ Franke ค่ะ

ข้างๆมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ทางโครงการติดตั้งปลั๊กไฟเอาไว้ให้เรียบร้อย

ถัดไปเป็นทางออกไปที่ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน

พื้นที่ระเบียงสามารถใช้ซักล้าง ตากผ้า และวางเครื่องซักผ้าได้

ระเบียงมีขนาด 2.30 x 0.80 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm. สีเทาอ่อน

ห้องนอนวางเตียงได้ขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่โดยรอบเตียงเหลือให้เดินผ่านสบายๆ ไม่อึดอัด ถ้าอยากให้ห้องดูสว่างขึ้นก็ตกแต่งโดยใช้สีขาวแบบในห้องตัวอย่างได้

ทางฝั่งซ้ายของเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 0.80 เมตรกว้างพอที่จะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ ส่วนทางฝั่งขวามีระยะ ประมาณ 0.50 เมตร วางโต๊ะข้างเตียงได้

ปลายเตียงมีระยะเหลือ 0.70 เมตรค่ะ ถ้าวางตู้ทีวีพื้นที่อาจกระชั้นไปหน่อย แนะนำให้แขวนทีวีที่ผนังเอาจะดีกว่า

ตู้เสื้อผ้าทางโครงการแถมมาให้ หน้าบานติดกระจกมาให้แบบนี้เลย

ด้านข้างเตียงจะเป็นหน้าต่างใช้เปิดรับแสงสว่างหรือชมวิวได้

ด้านบนเป็นบานเลื่อน ส่วนด้านล่างเป็นบาน FIX ค่ะ

ปลั๊กและสวิทช์เป็นของ Panasonic รูปแบบตามในภาพเลย

Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดเล็กที่สุดในโครงการนี้ เข้ามาจะเจอกับส่วนนั่งเล่นที่ต่อเนื่องกับส่วนนอนพักผ่อน อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำและห้องครัว โดยครัวเป็นครัวปิด สามารถทำอาหารได้สะดวก ติดๆกับครัวเป็นระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศเวลาเราทำอาหาร ใช้ซักล้าง หรือออกไปสูดอากาศได้ค่ะ 

Deluxe : 24.35 ตารางเมตร ห้องนี้ใหญ่ขึ้นมาจากห้องแบบ Superior หน่อย มีการกั้นพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอนเป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน อีกฝั่งฟังก์ชั่นคล้ายๆกันคือ ห้องน้ำ ครัว และ ระเบียง 

Premier : 25.90-27.25 ตารางเมตร เป็นห้อง Type ที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งพักผ่อน ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีและทางเข้าไปห้องน้ำ ถัดไปเป็นครัวปิดที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียง โต๊ะทางข้าวจะอยู่ในห้องครัวเลย พอเราทำอาหารเสร็จก็ทานในห้องครัวเป็นสัดส่วน และพื้นบริเวณครัวก็ปูเป็นกระเบื้องทำให้ซักล้าง ทำความสะอาดได้ง่าย ถัดมาเป็นห้องนอนกั้นเป็นผนังทึบเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว มีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศและมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าบริเวณข้างๆเตียงค่ะ 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 January 2018

  • Studio – Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร ราคา 1.76 ล้านบาท 
  • 1 Bedroom – Deluxe : 24.35 ตารางเมตร ราคา 1.96 ล้านบาท
  • 1 Bedroom – Premier : 25.90-27.25 ตารางเมตร ราคา 1.87 ล้านบาท
  • 1 Bedroom – Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร ราคา 2.48 ล้านบาท 

  • Fully Fitted 
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 15,000 – 25,000 บาท
  • ดาวน์ 7% ผ่อนดาวน์ 14 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ 


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล The Tree ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้าไปประมาณ 900 เมตร อยู่ทางขวามือ เป็นทำเลที่อยู่ลึกเข้ามาในซอยหน่อย ถ้ามีรถจะสะดวกกว่า ความอุดมสมบูรณ์ในซอยลาดพร้าว 15 มีทางเข้าสู่ Supermarket หลักอย่าง BigC Extra หรือเข้าทางหลักอย่างถนนลาดพร้าวก็ได้ เรื่องอาหารการกินหลักต้องยกให้ที่ริมถนนหลักลาดพร้าว ที่เป็นแนวอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านขนาดเล็กถึงกลางให้เลือกอยู่พอสมควร มีร้านเจ้าดังอย่างข้าวต้มเป็ดอ้วน ข้าวต้มแป๊ะเม๊ง บ้านหมี่เจ้แดงบ้านโป่ง รวมไปถึงของกินแบบสตรีทฟู๊ดที่ซอยลาดพร้าว 18 ฝั่งตรงข้าม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูของกินหลากหลาย ที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วย ส่วนถ้าใครอยากจะเลือกช็อปปิ้งก็ให้รถไฟฟ้าไปหนึ่งสถานี ที่ห้าแยกลาดพร้าว จะมีทั้ง ยูเนียนมอลล์ ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาน่าคบหาสำหรับวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้นหน่อยๆ และฝั่งตรงข้ามก็มีห้างดังอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้างขวัญใจของคนในย่านนี้อยู่แล้ว พื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการนี้เหมาะกับการใช้รถเป็นหลักนะคะ เพราะเข้าซอยมาพอสมควร โดยซอยลาดพร้าว 15 นี้เป็นซอยที่เป็นทางเชื่อมสามารถลัดเลาะถึงกันได้สามซอยคือ ลาดพร้าว 15 , ลาดพร้าว 1 และพหลโยธิน 24 ดังนั้นจึงสามารถใช้เส้นทางเชื่อมออกถนนหลักสามเส้นคือ ลาดพร้าว/รัชดาภิเษก/พหลโยธิน และซอยลัดนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ดังนั้นการใช้เส้นทางออกไปยังถนนต่างๆจึงค่อนข้างสะดวกค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ โครงการอยู่ในซอยระยะจากหน้าปากซอยประมาณ 900 เมตร บรรยากาศค่อนข้างเงียบๆ ซึ่งถ้าใครไม่มีรถจะลำบากหน่อย ต้องรอเรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งรับส่งในซอยออกมา สำหรับรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวต้องต่อรถออกมาใช้บริการ สถานีนี้เป็นจุด Inerchange เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ที่บริเวณอาคารจอดแล้วจร) สำหรับ Shuttle Bus ทางโครงการจะมีให้งบประมาณสำหรับให้นิติบุคคลโหวตกันในอนาคตว่าจะมีหรือไม่ ซึ่งถ้ามีจะช่วยให้การเดินทางโดยไม่ใช้รถสะดวกขึ้นมากค่ะ

วัสดุ โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted ให้วัสดุมาตรฐาน ครัว สุขภัณฑ์ แอร์ + ตู้เสื้อผ้า ผนัง-ฝ้าเพดาน ฉาบเรียบทาสี ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนต ห้องน้ำสำเร็จรูปพร้อมสุขภัณฑ์ของ Mogen ครัวให้ค่อนข้างดีหน่อยคือได้ Top หินสังเคราะห์ พร้อม เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานของ Franke พื้นห้องครัวได้กระเบื้องลายหินอ่อน

การออกแบบ ทำตัวอาคารมาในสไตล์ Neo Classic ผสมความหรูหรากับโมเดิร์น มีการใช้หินอ่อนในการตกแต่ง ทำออกมาได้ดี มีการจัดพื้นที่ส่วนกลางแยกออกมาเป็น Club House ทำให้ห้องพักในอาคารมีความเป็นส่วนตัว การวางผังทำออกมาได้โอเค ไม่หนาแน่นเท่าไหร่ มีบางห้องที่อาจจะเดินไกลลิฟต์หน่อย ห้องพักมีเฉพาะ 1 ห้องนอนเท่านั้น เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนทำงานอยากได้ห้องราคาย่อมเยา การจัดผังห้องเป็นสัดส่วนดี

สาธารณูปโภค ให้มาค่อนข้างดีและตกแต่งได้สวยน่าใช้งาน มีการใช้หินอ่อนตกแต่งพื้นที่ส่วนกลาง สำหรับคอนโด Low Rise ในระดับราคานี้ โดยแบ่งออกเป็น Main Building อาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้นซึ่งชั้นที่จะประกอบด้วยโถงต้อนรับ , พื้นที่นั่งพักผ่อนแบบ Glass House , สวนส่หย่อม , ตู้รับจดหมาย , โถงลิฟต์ ส่วนชั้น 8 จะมีห้อง Co-Working Space และสวนพักผ่อนลอยฟ้าที่ชั้นดาดฟ้า อีกส่วนหนึ่งคือ Club House Building มีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนพักผ่อนบนอาคาร การที่มีแยกอาคาร Clubhouse มีข้อดีตรงที่ทำให้โซนพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 87,000 บาท/ตร.ม., 20 January 2018

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ห่าง MRT ลาดพร้าวประมาณ 1 กิโลเมตร 
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกสามารถใช้ซอยลัด เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ที่จอดรถน้อยไปหน่อยกับทำเลที่เน้นการเดินทางด้วยรถ
  • ไม่ใช้รถ 6.75/10 – ต้องเดินออกมาเรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่ ไป MRT ต้องต่อรถ
  • วัสดุ 7.25/10 – ห้อง Fully Fitted วัสดุมาตรฐานให้มาค่อนข้างดี
  • แบบ 8.25/10 – ทำออกมาได้สวย น่าใช้งาน จัดวางฟังก์ชั่นในห้องได้ดี เป็นสัดส่วนมีแบบให้เลือกแค่ Studio และ 1 Bedroom 
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ให้มาครบเข้าถึงและใช้งานง่ายเป็นสัดส่วนน่าใช้งาน

  • MAIN CLASS
  • 7.36 / 10.00

BOTTOM LINE

The Tree ลาดพร้าว 15 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดทำเลรัชดาฯ-ลาดพร้าว ในราคาล้านต้นๆแลกกับทำเลที่เข้าซอยมาหน่อย เดินทางด้วยรถส่วนตัวสะดวก สามารถออกมาใช้รถไฟฟ้าได้ ซื้อของติดแบรนด์ ชอบดีไซน์ของตัวโครงการและชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง ชอบความสงบ มีงบประมาณ 1.49-3.00 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 10,000 – 21,000 บาท/เดือน