รีวิวฉบับที่ 1789 … สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกคน ต้องบอกว่าโครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ผ่านไปไม่นานยังไม่ถึง 2 ปี ตึกก็เสร็จพร้อมให้โอนและเข้าอยู่กันแล้วนะคะ เรียกว่ารวดเร็วทีเดียว วันนี้ทางเราไม่รอช้าเลยขอมาเก็บบรรยากาศโครงการจริงกันค่ะ 🙂

ส่วนใครที่ยังไม่เคยรู้จักโครงการนี้ เราขอเกริ่นสักหน่อยว่าเป็นคอนโด Low Rise ย่านลาดพร้าวที่ทำมาเอาใจกลุ่มวัยทำงานตั้งแต่ First Jobber ก็สามารถหยิบจับได้ ด้วยราคาห้องหลุดดาวน์เริ่ม 1.599 ล้านบาทเท่านั้น อยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้ามาลึก 900 ม. แต่ได้ความสงบพร้อมกับ Facilities ที่แต่งมาน่าใช้งานทีเดียวค่ะ

อ่านรีวิวเจาะลึกฉบับปี 2018 (คลิกที่นี่)

Fact @ 23 January 2019

  • The Tree Ladprao 15 (เดอะ ทรี ลาดพร้าว 15)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ลาดพร้าว ซอย 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 214 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 66 คันคิดเป็น 31%
  • ที่ดินประมาณ 1-2-92 ไร่
  • Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร
  • Deluxe : 24.35 ตารางเมตร
  • Premier : 25.90-27.25 ตารางเมตร
  • Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร
  • เริ่มก่อสร้าง : เม.ย. 61
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พ.ค. 62
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 87,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ : มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT ลาดพร้าว
  • Register Website : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Sale Office Gallery : 13.810549, 100.566244

พิกัดที่ตั้งโครงการ : 13.815374, 100.572168

โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 เข้าไปประมาณ 900 เมตร โครงการอยู่ทางขวามือ ลึกหน่อยแต่ซอยลาดพร้าว 15 นี้ เป็นซอยที่เป็นทางเชื่อมสามารถลัดเลาะถึงกันได้ 3 ซอยด้วยกัน คือ

  • ลาดพร้าว ซอย 1
  • ลาดพร้าว ซอย 15
  • พหลโยธิน 24

ดังนั้นจึงสามารถใช้เส้นทางเชื่อมออกถนนหลักสามเส้นคือ ลาดพร้าว/รัชดาภิเษก/พหลโยธิน ถือว่าเป็นทำเลที่ตอบโจทย์เรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์พอสมควรนะคะ

ความอุดมสมบูรณ์ในซอยลาดพร้าว 15 มีทางเข้าสู่ Supermarket หลักอย่าง BigC Extra หรือเข้าทางหลักอย่างถนนลาดพร้าวก็ได้ เรื่องอาหารการกินหลักต้องยกให้ที่ริมถนนหลักลาดพร้าว ที่เป็นแนวอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านขนาดเล็กถึงกลางให้เลือกอยู่พอสมควร มีร้านเจ้าดังอย่างข้าวต้มเป็ดอ้วน ข้าวต้มแป๊ะเม๊ง บ้านหมี่เจ้แดงบ้านโป่ง รวมไปถึงของกินแบบสตรีทฟู๊ดที่ซอยลาดพร้าว 18 ฝั่งตรงข้าม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูของกินหลากหลาย ที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วย

ส่วนถ้าใครอยากจะเลือกช็อปปิ้งก็นี่เลยค่ะ นั่งรถไฟฟ้าไปหนึ่งสถานี ที่ห้าแยกลาดพร้าว จะมีทั้ง ยูเนียนมอลล์ ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาน่าคบหาสำหรับวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้นหน่อยๆ และฝั่งตรงข้ามก็มีห้างดังอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้างขวัญใจของคนในย่านนี้อยู่แล้ว พื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ถึงแม้จะอยู่ไกลจากรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวหน่อยประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งระยะนี้จำเป็นต้องต่อรถสาธาณะเพื่อไปต่อ MRT หรือออกมาหน้าปากซอยโครงการนะคะ โดยหน้าปากซอยนี้มีวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียก แต่จากหน้าโครงการออกมาไม่มีซุ้มพี่วินมอเตอร์ไซค์นะคะ ดังนั้นการเข้าโครงการเรียกว่าสะดวก แต่อาจจะไม่สะดวกตอนออกเท่าไหร่นัก แต่สามารถอาศัย Application เรียกรถ (ยกตัวอย่างเช่น Grab) ทดแทนได้อยู่นะคะ หรือในอนาคตหากโครงการโอนเสร็จเรียบร้อย มีลูกบ้านเข้าอยู่จำนวนมากอาจจะมีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์คอยรับ-ส่งก็ได้ค่ะ

เพิ่มเติมสำหรับ MRT  ลาดพร้าว ที่จัดเป็นสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดนี้ จะมีความพิเศษจากสถานีอื่นๆ หน่อยคือเป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ที่บริเวณอาคารจอดแล้วจร)อีกด้วยค่ะ

การใช้เส้นทางนอกจากเข้า-ออกบริเวณซอยลาดพร้าว 15 แล้ว ยังสามารถใช้เส้นทางไปออกซอยลาดพร้าว 1 ซึ่งบริเณปากซอยคือ Union Mall ในซอยนี้มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะ และสามารถไปออกซอยพหลโยธิน 24 เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินที่กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายอยู่ตอนนี้

นอกจากนั้นยังมีความสะดวกในการใช้เส้นทางลัดเข้าไปในบิ๊กซีโดยไม่ต้องผ่านถนนใหญ่ด้วยค่ะ

การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจากบริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ตรงมาเรื่อยๆ กลับรถเพื่อพาไปดูที่ตั้งของสำนักงานขายกันก่อน แล้วจึงพาเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว15 ตรงไปยังที่ตั้งโครงการ

เราเริ่มจากบริเวณแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว มุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าว ทางฝั่งซ้ายจะเป็นสวนลุมไนท์บาซ่าร์รัชดาภิเษก ส่วนฝั่งขวาคืออาคารจอดแล้วจรที่มี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วย

เราตรงมาถึงบริเวณซอยลาดพร้าว18 ฝั่งตรงข้ามจะเป็นซอยลาดพร้าว15 จริงๆแล้วเราสามารถเลี้ยวเข้าไปได้เลยนะ แต่การจราจรบริเวณนี้จะหนาแน่นหน่อย เราจะพาไปวนดูสำนักงานขายกันก่อนแล้วค่อยพาไปชมโครงการค่ะ

ขับต่อมาอีกนิดจะเจอซอยลาดพร้าว 18 ซอยที่ใช้ลัดระหว่างถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก และ ถนนวิภาวดีรังสิต ภายในซอยมีร้านค้าร้านอาหารเยอะอยู่ มาแวะหาของกินได้

ตรงมาทางฝั่งขวาจะสังเกตเห็น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 2 ห้างค้าปลีกค้าส่งคู่ใจของคนย่านนี้ แวะมาจับจ่ายใช้สอย หาของกินกันได้ เป็นสาขาที่ยังไม่เก็บเงินค่าที่จอดรถ

พอเลยบิ๊กซีมาให้ชิดขวาเตรียมกลับรถค่ะ จากตรงนี้จะสังเกตเห็นสำนักงานขายของโครงการแล้ว

กลับรถมาก็จะเจอกับสำนักงานขายเลย โดยจะอยู่ตรงข้ามกับร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu แต่ที่ตั้งโครงการไม่ได้อยู่ตรงนี้นะคะ

สำนักงานขายเป็นอาคารชั้นเดียวแบบนี้

บรรยากาศภายในสำนักงานขายค่ะ

จากสำนักงานขาย เราตรงต่อมาผ่านหน้าบิ๊กซีอีกครั้งเพื่อมุ่งไปยังซอยลาดพร้าว 15

เลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว15 กันค่ะ สังเกตจากปากหน้าซอยก็มีติดป้ายว่าเป็นซอยลัดไปออกพหลโยธิน24 นะ

จากหน้าปากซอยเราต้องตรงเข้าไปอีกประมาณ 900 เมตร ก็จะถึงโครงการ โดยโครงการจะอยู่ทางฝั่งขวานะ

หน้าปากซอยที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นตึกแถวและบ้านพักอาศัย บรรยากาศเงียบสงบ เป็นถนนที่รถสวนกัน 2 เลน

ระหว่างทางมีแยกอยู่บ้าง ใครกลัวหลงก็ให้เราตรงตามเส้นสีเหลืองเข้าไปในซอยเลยค่ะ

ตรงเข้ามาซักระยะบรรยากาศจะสงบกว่าช่วงหน้าปากซอย สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ

นอกจากนั้นก็มีคอนโด Low Rise ที่สร้างมานานแล้วอยู่บ้าง

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ มีคอนโดมิเนียม Low Rise ที่สร้างมาซักระยะหนึ่งแล้วอยู่บ้าง บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว มีแต่ละด้านของที่ดินติดกับ

  • ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก – ติดกับ ซอยลาดพร้าว15 แยก 9 และ บ้านพักอาศัย
  • ทิศใต้ – ติดกับบ้านพักอาศัย 3 ชั้น
  • ทิศตะวันตก – ติดกับซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 และ บ้านพักอาศัย

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • อาคารจอดแล้วจร + กูร์เมต์ มาร์เก็ต – 1.4 กิโลเมตร
  • บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 2 – 1.4 กิโลเมตร (ทางลัดในซอย)
  • สวนลุมไนท์บาซาร์  – 1.9 กิโลเมตร
  • Union Mall – 2.1 กิโลเมตร (ทางลัดในซอย)
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น – 3.3 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน – 3.6กิโลเมตร
  • ตึกช้าง –  3.7 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม – 3.7 กิโลเมตร
  • สวนจตุจักร, สวนรถไฟ  – 3.9 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว – 4.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนหอวัง – 4.6กิโลเมตร
  • กรมส่งเสริมการส่งออก – 4.8 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 214 ยูนิต บนเนื้อที่ดิน 1 ไร่กว่า โครงการนี้ออกแบบมาในสไตล์ Neo Classic ได้อารมณ์ Modern แทรกกับความหรูหราแบบคลาสสิคหน่อย เช่น การนำหินอ่อนมาประดับใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง

เริ่มต้นที่ Master Plan โครงการกันก่อน โดยหลักของชั้นล่างนี้จะแบ่งเป็น 2 โซน คือส่วนที่จอดรถ โดยลักษณะที่จอดรถที่นี่จะเป็นที่จอดรถใต้อาคารมีช่องจอดอยู่ที่ 66 คันหรือคิดเป็น 31% ไม่รวมซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้ระดับนึง ไม่ได้มากนักแต่ก็เป็นไปตามราคาขาย ทั้งนี้หากเทียบกับตำแหน่งที่ตั้งโครงการแล้วก็จัดว่าเป็นทำเลที่ต้องเน้นใช้รถยนต์ส่วนตัวนะคะ ดังนั้นเมื่อมีลูกบ้านอยู่ครบแล้ว ก็อาจจะต้องจัดระเบียบที่จอดรถให้สามารถซ้อนคันมากขึ้นเพื่อเพิ่มที่จอดในโครงการค่ะ

โซนที่ 2 เป็นส่วนพื้นที่ส่วนกลางอาคาร (Facilities) ซึ่งประกอบด้วย Lobby (indoor ในอาคารพักอาศัย) เชื่อมกับส่วนโถงลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยได้เลย บริเวณนี้ตั้งแต่ทางเข้า Lobby จะมีจุดสแกนบัตร หรือจะสแกนด้วย Bluetooth ถึงจะผ่านเข้า Lobby ได้นะคะ ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวจะมีอยู่พอสมควร เพราะต้องเป็นลูกบ้านเท่านั้นที่จะเข้าได้เลย ส่วนโถงลิฟต์จะไม่มีประตูปิดให้สแกนบัตรแล้วนะคะ

ถัดจาก Lobby ออกมาส่วน Outdoor มีส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่สีเขียวภายในอาคารและเป็นพื้นที่เชื่อมกับอาคาร Club House ที่มี Fitness และสวนชั้นดาดฟ้า ด้านข้างจัดเป็นสระว่ายน้ำให้ค่ะ

เริ่มต้นจากด้านหน้าประตูทางเข้านะคะ ระบบการเข้า-ออกที่นี่จะใช้รูปแบบ Sticker แปะหน้ารถนะคะ รปภ.จะเป็นผู้ดูแลการเข้า-ออกของรถที่เข้า-ออกโครงการเอง เช่น กรณีเป็นลูกบ้านจะมี Sticker หน้ารถ หากเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับรปภ.ก่อน ประตูก็จะเป็นรั้วขนาดเล็กเปิด-ปิด แต่ช่วงกลางคืนน่าจะใช้เป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่นะคะ ซึ่งต้องบอกว่าระบบนี้ไม่ค่อยจะเห็นในโครงการใหม่ๆ แล้วนะคะ หากปรับเป็นนิติบุคคลแล้วเราแนะนำให้ปรับเป็นไม้กั้นกระดก + ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ (ที่มีอยู่เดิม) เปิด-ปิดด้วย Keycard Access น่าจะตอบโจทย์เรื่องความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการมากกว่า

เข้ามาภายในจะไม่ได้เป็นส่วนอาคารเลยนะคะ มีการ Set Back เป็นพื้นที่โล่งอยู่หน่อย ก่อนจะเป็นตัวอาคาร ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ออกแบบให้เป็นที่จอดรถแบบ Outdoor เพื่อให้ใช้ที่ดินให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

เข้ามาส่วนที่จอดรถด้านล่างอาคาร รูปแบบการเดินรถจะเป็น 2 เลนสวนกันนะคะ ฝั่งซ้ายเป็นที่จอดรถริมขอบเขตที่ดินและฝั่งขวาปัจจุบันเป็นส่วน Sale Office ซึ่งในอนาคตหลังปิดการขายเรียบร้อยแล้วทางโครงการบอกว่าจะคืนเป็นส่วนที่จอดรถ ตามรูป Master Plan ด้านบนค่ะ

รอบข้างระหว่างพื้นที่ดินและพื้นที่จอดรถมีการจัดสวนให้ค่อนข้างดีเลยนะคะ เพราะนอกจากจะปลูกสนามหญ้าและไม้พุ่มแล้ว ยังจัดให้มีต้นไม้ขนาดใหญ่เพิ่มความร่มรื่น พร้อมบังสายตาจากเพื่อนบ้านรอบข้างได้พอสมควรค่ะ

ตรงถัดมาเรื่อยๆ ตามที่จอดรถนะคะ สังเกตฝั่งขวามือที่จอดรถนี้จะติดกับ Facilities นะคะ ซึ่งสามารถเดินเข้าไปใช้งานได้เลย

รูปแบบจะเป็นทางเข้าแบบนี้เลยค่ะ ข้อดีคือช่วยในเรื่องความสะดวกในการใช้งานทั้งส่วน Facilities และทางเข้าอาคารพักอาศัยที่ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อมไปหน้าประตูทางเข้า Lobby นะคะ แต่ก็มีจุดด้อยในเรื่องความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน เพราะ Visitor ก็สามารถเดินเข้ามายังโซนนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องมี Keycard Access ซึ่งเป็นไปได้ส่วนนี้น่าจะมีประตูทางเข้าที่ต้องใช้ Keycard ในการเข้า-ออกเพิ่มขึ้นมาก็จะดีนะคะ

สุดทางที่จอดรถแล้ว ก็จะมีการจัดสวนรอบที่ดินให้ค่อนข้างเยอะทีเดียว หากเทียบกับที่ดินโครงการค่ะ

จากที่จอดรถแล้วเราจะมาดูบริเวณหน้าโครงการก่อนเข้าสู่ Lobby กันนะคะ บริเวณนี้มีพื้นที่สำหรับให้สามารถจอดรถได้ประมาณ 12 คัน (ตามรูป Master Plan)

บริเวณทางเข้า Lobby เป็นกระจกใสสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน และรูปแบบฝ้าที่เป็น Double Volume จึงทำให้บรรยากาศหน้าทางเข้าดูโอ่โถงมากยิ่งขึ้น

สำหรับการเข้าสู่ Lobby นี้จำเป็นต้องสแกนบัตร หรือจะเปิด Application จากมือถือก็สามารถเปิดประตูผ่าน Bluetooth ได้เช่นกัน ซึ่งแต่ละห้องจะมีจำนวนบัตรให้อยู่ 2 สิทธินะคะ

เข้ามาในส่วนนี้เจอฝ้าเพดานแบบ Double Volume ซึ่งจัดมาให้เฉพาะบริเวณด้านหน้าเท่านั้นนะ ด้านในที่เป็นส่วน Lobby จะมีความสูงฝ้ามาตรฐานค่ะ

หันมาฝั่งซ้ายมือบริเวณนี้จัดให้เป็นห้องนิติบุคคลนะคะ สำหรับ Visitor ที่จะเข้าออกภายในโครงการจำเป็นต้องติดต่อนิติฯ ทุกครั้ง และด้วยตำแหน่งห้องนี้ก็ตอบโจทย์ลักษณะการทำงานของนิติฯ ดี เพราะต้องเห็นคนเดินผ่านเข้า-ออกส่วน Lobby แน่นอน

อีกฝั่งตรงข้ามกับห้องนิติฯ จะเป็นพื้นที่รับรองแขก จัดให้เป็นเก้าอี้โซฟาสวยๆ อยู่ 2 ตัวค่ะ

ถัดเข้ามาภายใน Lobby จัดมาได้น่าสนใจทีเดียวนะคะ การตกแต่งนี้ใช้โทนสีขาวสะอาดตาแต่มี Gimmick ให้ดูหรูหรามากขึ้นด้วยหินอ่อน White Carrara และการเล่น Pattern พื้นให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

บริเวณนี้วางชุดเฟอร์นิเจอร์เป็นโซฟาขนาดใหญ่อยู่ 2 ชุด สำหรับรองรับแขกและลูกบ้าน

อีกมุมเป็นมุม Glass House ซึ่งจะตกแต่งด้วยกระจกทรงสูง เลยขึ้นไปถึงฝ้าเพดานที่มีบางส่วนเป็น Sky light รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี

บรรยากาศบริเวณนี้สวยทีเดียวนะคะ เหมาะกับการมานั่งอ่านหนังสือ หรือมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศจากภายในห้องของเราเอง หรือใช้เป็นพื้นที่นัดคุยกับลูกค้า กรณีใครที่ทำงานไม่ประจำที่ออฟฟิศก็ดูดีเช่นกัน

ฝั่งตรงข้ามกับ Glass House เป็นส่วนโถงลิฟต์ ซึ่งจะไม่ได้มีประตูกั้นและใช้ Keycard Access นะคะ เนื่องจากเราใช้ Keycard ผ่านเข้ามาบริเวณหน้า Lobby แล้ว

ก่อนที่จะไปดูภายในอาคารพักอาศัยด้านบนเราจะพาไปดูพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการที่อยู่ On Ground และอีก 1 Club House กันนะคะ

ก่อนออกไปส่วน Outdoor เลี้ยวมาฝั่งซ้ายมีห้องน้ำส่วนรวมแยกหญิง/ชาย และตรงไปในสุดเป็น Laundry ไว้สำหรับบริการลูกบ้าน ซึ่งเครื่องซักผ้าที่นี่ก็มี Gimmick คือเราสามารถจ่ายเงินผ่าน Application “Trendy Wash” ได้เลยค่ะ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราไปดูกัน

ก่อนไปห้องซักรีด เรามาดูห้องน้ำส่วนกลางก่อนนะคะ ห้องจะเป็นห้องเดี่ยวเลย ส่วนการตกแต่งภายในทำมาสวยน่าใช้งานดีนะคะ ที่สำคัญคือโถสุขภัณฑ์ส่วนกลางจัดสเป็คชิ้นเดี่ยวมาให้ด้วยดูดีทีเดียว

มาดูห้องซักรีดกันต่อ ห้องนี้มีขนาดกะทัดรัดนะคะ จุเครื่องซักผ้าได้ 2 เครื่องและเครื่องอบผ้าอีก 1 เครื่อง ไว้ให้ลูกบ้านมาซักผ้าได้โดยไม่จำเป็นต้องติดเครื่องซักในห้องตัวเองนะคะ แต่ว่ากันตามจริงนั้นถ้าลูกบ้านส่วนใหญ่มาใช้ก็ไม่น่าจะพอเท่าไหร่นะคะ จะเน้นว่ามีตัวเลือกให้ลูกบ้านที่อาจจะไม่ได้อยู่ประจำมาใช้งานได้ ไม่ต้องติดเครื่องซักผ้าของตัวเอง

ซึ่งราคาสำหรับซักผ้าจะเริ่มต้นที่ 30 บาท และอบผ้าเริ่มต้นอยู่ที่ 30 บาท เช่นกันนะคะ

เข้ามาดูส่วนสวนที่ออกแบบให้เป็น Courtyard ตรงกลางเชื่อมระหว่างอาคารพักอาศัยและ Club House รูปแบบของสวนตกแต่งมาในสไตล์ยุโรป ภายในสวนจัดให้มีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนในสวนได้ด้วยค่ะ

ด้านข้างสวนเป็นริมทางเดินเชื่อมไปยัง Club House นะคะ ส่วนฝั่งซ้ายมือของรูปจะปลูกไม้พุ่มยกสูงบังสายตาจากส่วนที่จอดรถได้ดี

ถัดเข้ามา Club House แล้วนะคะ ฝั่งซ้ายมือที่อยู่ Indoor เป็นห้องฟิตเนส, บันไดวนตรงกลางขึ้นไปยังสวนหย่อมชั้นดาดฟ้าของ Club House และตรงไปเป็นสระว่ายน้ำ

บรรยากาศภายในห้องฟิตเนสให้เครื่องออกกำลังกายมาประมาณ 6 เครื่องพร้อมมุม Weight Training ถือว่าค่อนข้างครบครันทีเดียวค่ะ

หลักๆ แล้วเครื่องออกกำลังกายจะหันไปทางสระว่ายน้ำเพื่อสามารถออกกำลังกายไปด้วยและชมวิวสระว่ายน้ำได้ด้วยค่ะ

ในส่วนของสระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 15 เมตร สูง 1.20 เมตร ลักษณะเป็นสระ Outdoor แต่บรรยากาศจริงไม่ร้อนอย่างที่คิดนะคะ อาจจะเป็นเพราะเป็นสระที่มีอาคารพักอาศัยล้อมรอบด้วยจึงได้เงาอาคารบังแดดบางส่วนค่ะ (ยกเว้นช่วงเที่ยงนะ)

บริเวณมุมสุดทางของสระมีการตกแต่งด้วยหิน Onyx ด้วยนะคะ เพิ่มความหรูหรามากขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าหิน Onyx นี้ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับ Luxury ขึ้นไปที่มักจะนำไปใช้ตกแต่งนะคะ

มุมด้านข้างมีการติดตั้ง Jet มาให้สำหรับใครที่อยากว่ายออกกำลังกายจริงจังได้

ฝั่งซ้ายมือของสระมีทางเดินไปยังห้องน้ำแยกชาย/หญิงนะคะ เดี๋ยวเราไปดูบรรยากาศภายในห้องน้ำกัน

ภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็น 4 ฟังก์ชันด้วยกัน คือส่วนอ่างล้างมือ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และ Locker นะคะ

บริเวณอ่างล้างมือตกแต่งด้วยท็อปเคาน์เตอร์ลายหินอ่อนสีดำได้ความหรูหรามากขึ้นทีเดียว

Locker ให้มาทั้งหมด 4 ช่องขนาดใหญ่เลยนะคะ แต่ด้วยตามขนาดพื้นที่อาจจะไม่ได้ทำได้หลายช่องเท่าไหร่นักนะคะ

บรรยากาศภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำทำมาสวยงามน่าใช้งานดีทีเดียว และโถสุขภัณฑ์ที่ได้ของส่วนกลางก็ยังเป็นโถชิ้นเดี่ยวอีกด้วย

เราขึ้นมาที่สวนหย่อมดาดฟ้าของ Club House กันนะคะ สิ่งแรกที่เราชอบเลยคือดีเทลที่เชื่อมต่อจากบันไดวนขึ้นมาก็ทำเป็นซุ้มบันไดสวยงามทีเดียวค่ะ

หันกลับหลังมาก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ด้านข้างให้ความร่มรื่นได้ระดับนึง ตรงกลางเป็นสนามหญ้าเทียมสามารถเป็นพื้นที่ให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นได้อยู่นะคะ

และสำหรับลูกบ้านที่ต้องการวิวสวนนี้แนะนำให้เลือกห้องฝั่งด้านในอาคารและอยู่ในชั้น 2-4 จะกำลังได้วิวสวนพอดีๆ

เข้ามาที่โถงลิฟต์กันอีกรอบนะคะ เพราะเดี๋ยวเราจะขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยกันแล้ว สำหรับบรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์และตู้จดหมายด้านข้างตกแต่งโดยใช้โทนสีขาวและหินอ่อนเช่นเดียวกันกับโถงต้อนรับ แต่หินที่ใช้ในโซนนี้เป็น White Volakas นะคะ

ส่วนลิฟต์โดยสารโครงการจัดมาให้อยู่ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ประมาณ 107 : 1 ซึ่งจัดว่าหนาแน่นระดับกลางๆ นะคะ แต่อาจจะมากกว่าโครงการ Low Rise ทั่วไปอยู่หน่อย

ในตัวลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ล็อกชั้นนะคะ จะต้องใช้ Keycard เพื่อขึ้นชั้นพักอาศัยของตัวเองหรือ Facilicities อีก 1 จุดที่ชั้น 8

ขึ้นมาที่ชั้น 2 นี้การจัดวางผังภายในอาคารพักอาศัยจะเหมือนกันกับชั้น 3-7 ซึ่งเป็น Typical Floor Plan นะคะ แต่แตกต่างตรงที่ชั้น 2 นี้จะอยู่ในระดับเดียวกันกับสวนหย่อมชั้นดาดฟ้าของ Club House นั่นเองค่ะ ซึ่งสวนนี้ไม่ได้เชื่อมกับอาคารในชั้นนี้นะคะ

เรามาวิเคราะห์ผังภายในอาคารกันต่อเลย ลักษณะการจัดวางผังจะเป็นรูปตัว U คว่ำ ทางเดินได้แบบ Double Corridor มาตรฐานทั่วไปนะคะ ส่วนการวางตำแหน่งลิฟต์อิงไปทางซ้ายของรูปค่อนข้างมาก ทำให้ห้องฝั่งซ้ายค่อนข้างสะดวกในการขึ้น-ลง เพราะใกล้กับลิฟต์ไม่ต้องเดินไกล กลับกันสำหรับห้องโซนด้านขวาก็จะต้องเดินไกลสักหน่อย แต่โซนห้องฝั่งขวาสุดเลยก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะมีคนเดินผ่านค่อนข้างน้อย ไม่คึกคักเท่ากับห้องที่อยู่ใกล้ลิฟต์นะคะ Trade off กันไป

สำหรับลักษณะของห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน Type Premier (สีเทาเข้ม): 25.90-27.25 ตารางเมตร มีอยู่รอบทิศเลย ส่วนสีเทาอ่อนจะเป็นห้องแบบ Deluxe : 24.35 ตารางเมตร อยู่บริเวณทิศเหนือ-ใต้ มีห้อง Superior : 22.30-23.35 ตารางเมตร อยู่บริเวณมุมด้านในอาคารและฝั่งด้านนอกอาคารบริเวณทิศเหนือ ส่วนห้อง Suite : 29.30-30.30 ตารางเมตร มีอยู่ชั้นละ 2 ห้อง ทางทิศเหนือ-ใต้ มุมของอาคาร 

ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัยบริเวณโถงลิฟต์ตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นโทนสีขาวสะอาดตา เพิ่มดีเทลมในลายพื้นด้วยการเล่นลายกระเบื้องตัดขอบค่ะ

ภายในโถงทางเดินค่อนข้างกว้างนะคะ เดินได้สบาย พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เรียบร้อยสวยงามดีค่ะ

สุดทางของโถงทางเดินแต่ละจุดก็จะจัดเป็นชุดหน้าต่างไว้สำหรับระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้าถึงส่วนโถงทางเดินได้ดีมากขึ้น

สำหรับชั้น 8 นอกจากจะมีห้องพักอาศัยแล้วก็ยังมีการจัดพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Co-Working Space เพิ่มเข้ามาด้วยนะคะ โดยจะอยู่บริเวณใกล้ๆกับโถงลิฟต์พอดี เวลาขึ้นลิฟต์มาก็เข้ามาใช้งานได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยห้องอื่นๆ และมีการกั้นประตูเป็น Double Access สำหรับลูกบ้านในชั้นนี้อีกด้วย เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ขึ้นมาที่ชั้น 8 บริเวณโถงลิฟต์ตกแต่งหรูหรามากขึ้นต่างจากชั้นพักอาศัยอื่นๆ ด้วยการกรุพื้นและผนังเป็นกระเบื้องลายหินอ่อนสวยงาม และเมื่อขึ้นมาชั้น 8 แล้วตรงด้านหน้าก็จะเจอประตูทางเข้าส่วน Co-Working Space เลยค่ะ

บรรยากาศภายใน Co-Working Space แบ่งเป็นพื้นที่หลักๆ 2 โซนด้วยกันนะคะ เริ่มจากโซนแรกที่เน้นเป็นพื้นที่พักผ่อน

มีการจัดมุมให้นอนเล่นอ่านหนังสือริมหน้าต่างได้ ซึ่งมองลงไปก็จะเห็นสวนหย่อมตรงกลางโครงการอีกด้วยค่ะ

และอีกมุมนึงเป็นมุมนั่งทำงาน หรือจะมานั่งคุยกันบริเวณนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่เราชอบในห้องนี้คือการออกแบบให้มีชุดหน้าต่างยาวถึง 2 ฝั่ง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ดีมาก เหมาะกับการทำงานหรือจะอ่านหนังสือดีค่ะ

สุดท้ายคือ Facilities ในชั้นดาดฟ้า ซึ่งการเข้าถึงชั้นดาดฟ้านี้จะเข้าจากทางห้อง Co-Working Space นะคะ

ลักษณะจะเป็นบันไดขึ้นตรงๆ แบบนี้ค่ะ ไม่ชันมากและขั้นไม่สูงเดินได้สบายๆ ซึ่งจัดมาให้ดีกว่าการขึ้นจากบันไดหนีไฟเยอะทีเดียว

บริเวณทางขึ้น-ลงบันไดก็มีการทำ Cover Way ไว้ให้กันแดดกันฝนได้ด้วยนะคะ

สำหรับบรรยากาศชั้นดาดฟ้าด้านบนจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น Outdoor ชมวิวมุมสูงชิลๆ ในช่วงเช้าๆ เย็นๆ กำลังดีค่ะ

ปิดท้ายด้วยวิวภายนอก สำหรับคนที่เลือกห้องหันไปภายนอกอาคารในชั้น 7-8 ก็จะได้วิวประมาณในรูปนี้ค่ะ ส่วนใครเลือกชั้นเตี้ยหน่อยวิวก็จะเปลี่ยนไปนะคะ ซึ่งเราแนะนำว่าใครที่เลือกห้องฝั่งด้านนอกควรเลือกชั้น 4 ขึ้นไป เพื่อจะได้วิวที่เลยหลังคาบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ซึ่งก็จะเป็นวิวที่โปร่งโล่งมากขึ้นด้วยเช่นกัน

และสำหรับวิวทิศนี้คือวิวฝั่งทิศเหนือ ชั้นสูงๆ สามารถเห็นวิวตึกช้างทางฝั่งพหลโยธินได้เลยค่ะ

ทิศตะวันออกมุมจากพื้นที่นั่งเล่นชั้นดาดฟ้าจะเห็นว่าปีกอาคารฝั่งทิศตะวันออกค่อนข้างใกล้กับอาคารสูงพอสมควรนะคะ ถึงไม่ใช่ระยะประชิดมากแต่ก็จะไม่ได้วิวระยะไกลเสียเท่าไหร่ ถ้าจะเลือกห้องฝั่งนี้แนะนำให้เลือกห้องใกล้มุมอาคารหรือมุมอาคารเลยจะอยู่เยื้องอาคารสูงไปทำให้ไม่โดนบล็อกวิวค่ะ

ทิศใต้ติดกับบ้านพักอาศัยและเลยไปหน่อยเป็นอาคาร Low Rise เช่นเดียวกัน ฝั่งนี้เป็นอีกฝั่งที่ชั้นสูงๆ ได้วิวโปร่งโล่งพอสมควรเลยค่ะ

และวิวในทิศตะวันออกหันไปทางลาดพร้าว 15 เป็นวิวที่ได้บรรยากาศโปร่งโล่งมากที่สุด โดยรอบไม่มีอาคารสูงมาบังสายตานะคะ

ปิดท้ายด้วยวิวภายในอาคารที่จะได้วิวเป็นสวนและสระว่ายน้ำ ซึ่งใครที่เลือกวิวภายในก็แนะนำให้เลือกชั้น 2-4 กำลังดีค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Main Building

  • ชั้น 1 : Exclusive & Elegant Lobby Hall (โถงต้อนรับ)
  • Lucent & Shady Glass House (โซนพักผ่อน)
  • Superior & Panoramic Grand Garden (สวนส่วนกลาง)
  • Mail Box Zone (ห้องตู้รับจดหมาย)
  • ชั้น 8 : Social & Connection Space (ห้องอเนกประสงค์)
  • Rooftop : Superior & Panoramic Rooftop Garden (สวนพักผ่อนลอยฟ้า ชั้น 8)

Club House Building

  • ชั้น 1 : Refresh & Relieve Aqua Pool (สระว่ายน้ำ)ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 15 เมตร สูง 1.20 เมตร
  • Healthy & Fine Fitness (ห้องฟิตเนส)
  • Swimming Jet (บริเวณออกกำลังกายของสระว่ายน้ำ)
  • Blazing classic space (มุมปลายสระ)
  • Rooftop : Superior & Panoramic Sky Garden (สวนพักผ่อนบนอาคาร Clubhouse)
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 107 :  1
  • Service Lift : ไม่มี
  • ที่จอดรถประมาณ 66 คันคิดเป็น 31 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • กล้องวงจรปิด และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ Key Card + Bluetooth
  • Wifi สำหรับ Main Lobby,Co-Working Space Room,Swimming Pool,Fitness
  • สิทธิ์ที่จอดรถ แบบไม่ระบุตำแหน่ง 1 คัน สำหรับทุกห้องของโครงการ

 


Product Walkthrough

เดี๋ยวเรามาดูห้องตัวอย่างกันนะคะ ซึ่งห้องตัวอย่างปัจจุบันยังอยู่ที่เดิมคือบริเวณต้นซอยลาดพร้าว 5 บนที่จอดรถของร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu

บรรยากาศภายใน Sale Office ยังคงเดิมเหมือนตอนช่วงที่เรามารีวิวสมัยเปิดตัวโครงการเลยค่ะ โดยที่ตั้ง Sale Office นี้หากใครกลัวมาไม่ถูกสามารถไปก็อปพิกัด Sale Office ด้านบนหัวข้อทำเลโครงการแล้วแปะลง application google maps ได้เลยค่ะ เรามีแนบพิกัดไว้ให้เรียบร้อย

ห้องตัวอย่างของโครงการยังคงเป็นห้องเดิม ห้องเดียวนะคะ คือห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30.30 ตร.ม. การจัดวางฟังก์ชันมาตรฐานและลงตัวดีในการใช้งาน เข้ามาเป็นพื้นที่นั่งเล่น และด้านข้างเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปนะคะ ส่วนฝั่งที่ติดกับภายนอกอาคารได้วิวได้ช่องแสงจะเป็น ห้องครัว ระเบียงซักล้าง ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารดี ระบายอากาศและความชื้นดีกว่าอยู่ด้านในห้อง  อีกส่วนคือห้องนอน ที่จัดให้เป็นห้องปิดชัดเจน ประตูบานทึบ ไม่ใช่ประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวดีค่ะ และที่ชอบคือการทำช่องพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าเลย จึงทำให้ตู้เสื้อผ้าไม่ไปกินพื้นที่ทางเดินรอบเตียง

เริ่มจากหน้าห้องที่นี่ตกแต่งเป็นกระจกใสนะคะ หลายคนอาจจะงงหน่อย เพราะในห้องจริงที่ได้ส่วนกระจกนี้จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ส่วนช่องเปิดระหว่างกระจกเป็นประตูบานมาตรฐาน HDF ตัวจับเป็นก้านโยก

ภายในห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำ ถัดไปด้านหลังเป็นครัวและห้องนอนที่กั้นเป็นสัดส่วนดี ฝ้าเพดานของห้องนี้สูง 2.5 เมตร ถือว่าสูงกว่ามาตรฐานขึ้นมาหน่อย (มาตรฐานทั่วไปห้ามต่ำกว่า 2.4 เมตร)

พื้นห้องปูด้วยลามิเนตนะคะ ส่วนระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.9 เมตร กว้างพอสมควร วางทีวีได้ขนาดประมาณ 40″-42″ กำลังดีกับสายตา

สำหรับพื้นที่วางโซฟานี้สามารถวางขนาดโซฟาได้มากถึง 3 ที่นั่ง หรือหากจะวางโซฟา 2 ที่นั่งก็จะมีพื้นที่ด้านข้างโซฟาสามารถวางโต๊ะข้างโซฟา หรือโคมไฟแบบวางพื้นเก๋ๆ ได้

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับวางชั้นวางทีวี เวลาดูองศาจะเฉียงๆหน่อยนะคะ เพราะต้องแบ่งพื้นที่ให้เป็นประตูทางเข้าห้องน้ำด้วย ส่วนอีกฝั่งเป็นผนังฉาบเรียบ แนะนำให้ทำชั้นวางของ Built-in เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานกับผนังเปล่าให้มากขึ้นนะคะ

ห้องน้ำของโครงการจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปทั้งหมดค่ะ ข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูปนี้คือเรื่องของความเนี้ยบของงาน เช่น เรื่องงานรอยต่อกันน้ำรั่วซึมและงานลาดเอียงที่จะเนี้ยบมากกว่าเมื่อเทียบกับช่างหน้างานค่ะ เนื่องจากถูกผลิตมาจากโรงงานเลยแล้วยกมาติดตั้งที่ไซต์ และอีกนึงข้อดีคือการซ่อมแซมห้องน้ำที่มีความสะดวกและง่ายดายกว่าห้องน้ำปกติ เพราะใช้วิธีการเจาะท่อลงไปใต้ฝ้าห้องด้านล่างซึ่งเราสามารถซ่อมท่อภายในห้องได้เลย แต่ว่าจะต้องเป็นช่างเฉพาะทางของบริษัทผู้ผลิตเท่านั้นนะคะ

ส่วนข้อจำกัดของห้องน้ำสำเร็จรูปก็คือเรื่องขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้หลากหลายส่วนใหญ่จะออกแบบมาแบบกะทัดรัด และขยับขยายต่อไปไม่ได้ค่ะ ซึ่งสำหรับห้องน้ำโครงการนี้ก็จะมีน่าตาแบบนี้ทุกห้องทุก type ค่ะ ใครที่อยากทราบข้อมูลห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติมสามารถคลิกไปชมกันต่อได้ (คลิกที่นี่)

ห้องน้ำโครงการนี้เลือกใช้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป จัดฟังก์ชันแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้

ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน สำหรับส่วนแห้งนี้จะได้กระจกบานใหญ่ ก่อ Low Wall สำหรับวางของได้เล็กน้อย และด้านล่างของ Low Wall นี้แหละค่ะ ที่เป็นส่วนติดตั้งท่อ หากมีการซ่อมก็สามารถยก Top ของ Low Wall นี้แล้วซ่อมแซมได้เลยไม่ยาก

ส่วนสุขภัณฑ์ใช้ของ Mogen นะคะ

ในส่วนพื้นที่อาบน้ำไม่ได้มีฉากกั้นมาให้ และด้วยขนาดความยาวของพื้นที่อาบน้ำจะค่อนข้างกะทัดรัดหน่อย จะใช้เป็นฉากกั้นกระจกอาจจะไม่เหมาะมากเพราะทำให้ทางเดินเข้าส่วนพื้นที่อาบน้ำเล็กไป เราแนะนำให้ใช้ราวแขวนม่านพลาสติกแทนจะสะดวกในการใช้งานมากกว่า ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำนี้อยู่ที่ 0.80-1.15 x 0.7 ม. ยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน

พร้อมติดตั้งฝักบัวและเดินงานระบบเผื่อสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อย และสเป็คยี่ห้อฝักบัวเป็นของ Mogen ค่ะ

ถัดมาจะเป็นห้องครัวฝั่งซ้ายและห้องนอนฝั่งขวามือของรูป ซึ่งทั้ง 2 ห้องมีประตูกั้นเป็นสัดส่วนดีเลยค่ะ

เริ่มต้นที่ห้องครัวกันก่อนนะคะ ลักษณะครัวนี้จะเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสัดส่วน เหมาะกับคนชอบทำอาหาร สามารถทำอาหารหนักๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น และยังเปิดประตูระเบียงระบายอากาศได้อีกด้วย

ภายในห้องนี้แบ่งการใช้งานเป็น 2 ฟังก์ชันหลักๆ คือ พื้นที่รับประทานอาหาร และเคาน์เตอร์ครัว โดยระยะห่างระหว่างโต๊ะอาหารและเคาน์เตอร์ครัวอยู่ที่ประมาณ 1.00 เมตร เดินผ่านและใช้งานได้สบายๆ ส่วนพื้นได้เป็นกระเบื้องลายหินอ่อนผิวด้านตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ชุดครัวได้ตามนี้ วัสดุปิดผิวบานเปิดเป็นเมลามีนสีขาว ส่วน Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า ที่ดูดควันมาให้ครบ ผนังกันเปื้อนทางโครงการปูกระเบื้องลายหินอ่อนแบบผิวมันมาให้ด้วย

ส่วนพื้นที่ด้านข้างเคาน์เตอร์จัดให้เป็นพื้นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็นนะคะ โดยขนาดตามห้องตัวอย่างจะเป็นขนาด 9.1 คิวบิกฟุตค่ะ

ส่วนเคาน์เตอร์จัดลิ้นชักสำหรับวางอุปกรณ์ช้อมส้อมต่างๆ และชุดจานอาหารได้ พร้อมกับช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟ ส่วนด้านล่าง Sink สามารถวางหม้อ กะทะได้ค่ะ

อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ Franke ขนาดใช้งานได้จริง

เตาไฟฟ้าเป็นแบบ 2 หัวของ Franke และส่วนเครื่องดูดควันของ Franke เช่นเดียวกัน ลักษณะเตาจะเป็นแบบ exhausted หรือต่อท่อออกด้านนอก ซึ่งช่วยระบายอากาศและกลิ่นอาหารได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนนะคะ

ในส่วนพื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะแบบ 2 ที่นั่งได้พอดีๆ นะคะ

ถัดไปเป็นทางออกไปที่ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 2.30 x 0.80 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm. สีเทาอ่อน โดยขนาดประมาณนี้สามารถใช้ซักล้าง ตากผ้า และวางเครื่องซักผ้าได้นะคะ แต่ก็เล็กหน่อยตามขนาดพื้นที่ใช้สอยห้องโดยรวม

ด้านข้างนั้นแขวน CDU แอร์โดยหันไปทางนอกอาคาร ทำให้พื้นที่ระเบียงไม่ร้อน

ถัดมาที่ภายในห้องนอนนี้มีขนาดกำลังดีในการวางเตียงขนาด 5 ฟุต และยังมีพื้นที่โดยรอบเตียงเหลือให้เดินผ่านสบายๆ ไม่อึดอัดนะคะ

มาดูพื้นที่รอบเตียงจะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือพอสมควรให้สามารถวางโต๊ะข้างเตียง หรือจะจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัดก็ยังได้ค่ะ (ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ)

ปลายเตียงมีพื้นที่ไม่มากนะคะ จะเพียงพอแต่เป็นทางเดินเท่านั้น ไม่เหมาะกับการ Built-in ชั้นวางทีวีนะคะ แนะนำให้แขวนทีวีกับผนังเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างจะดีกว่า จะได้ไม่ขวางทางเดินค่ะ

สำหรับหน้าต่างในห้องนอนเป็นหน้าต่างขนาดมาตรฐานนะคะ โดยจะเป็นประตูบานเลื่อนพร้อมกระจก Fixed ด้านล่าง ถ้าได้ขนาดใหญ่กว่านี้จะดีมากเลย ได้วิวมากขึ้นและห้องโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับห้องนี้สิ่งที่ได้เป็นมาตรฐานจากโครงการคือตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in หน้าบานครึ่งนึงเป็นกระจกอีกครึ่งเป็นบานเรียบเคลือบเมลามีน

ภายใน Built-in ชั้นต่างๆ ราวแขวน และลิ้นชักให้สามารถแบ่งการจัดเก็บเสื้อผ้าตามประเภทได้ดี เป็นระเบียบมากขึ้น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 January 2019

(ราคาห้องหลุดดาวน์)

Superior

  • 1 Bedroom ห้อง 0319 ชั้น 3 พื้นที่ใช้สอย 22.44 ตร.ม. ราคา 1.699 ล้านบาท ส่วนลด 100,000 บาท ราคาสุทธิ 1.599 ล้านบาท หรือประมาณ 71,300 บาท/ตร.ม.

Deluxe

  • 1 Bedroom ห้อง 0207 ชั้น 2 พื้นที่ใช้สอย 24.56 ตร.ม. ราคา 2.136 ล้านบาท ส่วนลด 150,000 บาท ราคาสุทธิ 1.986 ล้านบาท หรือประมาณ 80,867 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ห้อง 0607 ชั้น 2 พื้นที่ใช้สอย 24.56 ตร.ม. ราคา 2.178 ล้านบาท ส่วนลด 150,000 บาท ราคาสุทธิ 2.028 ล้านบาท หรือประมาณ 82,600 บาท/ตร.ม.

Premier

  • 1 Bedroom ห้อง 0423 ชั้น 4 พื้นที่ใช้สอย 27.42 ตร.ม. ราคา 2.775 ล้านบาท ส่วนลด 150,000 บาท ราคาสุทธิ 2.625 ล้านบาท หรือประมาณ 95,767 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ห้อง 0521 ชั้น 5 พื้นที่ใช้สอย 27.34 ตร.ม. ราคา 2.820 ล้านบาท ส่วนลด 150,000 บาท ราคาสุทธิ 2.67 ล้านบาท หรือประมาณ 97,684 บาท/ตร.ม.

 

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง+ทำสัญญา 10,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low Rise ในซอยลาดพร้าว 15 ลึกจากหน้าปากซอยเข้าไปประมาณ 900 ม. ซึ่งจัดเป็นระยะที่ใช้รถส่วนตัว หรือรถสาธารณะต่อเข้ามาสะดวกกว่าการเดินนะคะ ส่วนบรรยากาศในซอยนี้จัดว่าเงียบสงบ เพราะในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ ดังนั้นเรามองว่าทำเลโครงการนี้ถือว่าตอบโจทย์คนที่ชอบความเป็นส่วนตัวได้ดีมาก

ส่วนความอุดมสมบูรณ์เรียกว่ามีครบครันในระยะที่ต้องขับรถไปนะคะ หลักๆ ก็จะมี Hyper Market อย่าง Big C ลาดพร้าว, ห้างช้อปปิ้งอย่าง Union Mall ที่ไม่จำเป็นต้องวิ่งเข้าถนนลาดพร้าว ก็มีซอยลัดไปซื้อของได้ รถไม่ติดอีกด้วยค่ะ และนอกจากนี้ก็มีร้านค้าร้านอาหารตามซอยย่อยดังๆ อย่างลาดพร้าวซอย 1, พหลโยธิน 24 ที่ซอยลาดพร้าว 15 สามารถลัดไปซื้อกินได้ง่าย

การเดินทางโดยใช้รถ – โครงการนี้เหมาะกับการใช้รถเป็นหลักนะคะ เพราะเข้าซอยมาพอสมควร โดยซอยลาดพร้าว 15 นี้เป็นซอยที่เป็นทางเชื่อมสามารถลัดเลาะถึงกันได้สามซอยคือ ลาดพร้าว 15 , ลาดพร้าว 1 และพหลโยธิน 24 ดังนั้นจึงสามารถใช้เส้นทางเชื่อมออกถนนหลักสามเส้นคือ ลาดพร้าว/รัชดาภิเษก/พหลโยธิน และซอยลัดนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ดังนั้นการใช้เส้นทางออกไปยังถนนต่างๆจึงค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ

ส่วนที่จอดรถที่นี่ให้มาทั้งหมด 31% ไม่รวมซ้อนคัน โดยรวมแล้วถือว่าให้มาไม่ได้มากนักนะคะ เพราะเป็นไปตามขนาดของโครงการด้วยส่วนนึง แต่ด้วยทำเลที่เหมาะกับการใช้รถยนต์อาจจะไม่เพียงพอได้ คิดว่าทางโครงการควรมีการจัดระเบียบในการจอดซ้อนคันให้ได้ที่จอดมากขึ้นและเป็นระเบียบเพิ่มเติมด้วย และถ้ามีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งไปยังหน้าปากซอยได้คิดว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้ดีมากขึ้นทีเดียว

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – สำหรับคนที่ไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัวหรือเน้นหนักไปกับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ อาจจะไม่สะดวกมากนักในปัจจุบัน เพราะที่ตั้งโครงการที่ลึกจากหน้าปากซอยมา 900 ม. ไกลเกินระยะเดินได้ง่ายแต่ยังอาศัยเรียกวินมอเตอร์ไซค์มายังโครงการได้ง่าย เพียงแต่ถ้าจะออกจากโครงการไม่ได้มีวินมอเตอร์ไซค์หรือรถสาธารณะอื่นๆ ให้เรียกนะคะ อาจจะต้องพึ่งพา application เรียกรถต่างๆ แทน แต่หากมีข้อสรุปสำหรับ Shuttle Service บริการลูกบ้านได้นั้นก็จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้เยอะเลยค่ะ

ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการนี้คือ MRT ลาดพร้าว โดยมีระยะห่างราวๆ 1 กม. นะคะ สถานีนี้ปัจจุบันเปิดใช้งานอยู่แล้ว แต่ในอนาคตจะเพิ่มเติมตรงเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอีกด้วยค่ะ โดยกำหนดการณ์แล้วน่าจะได้ใช้งานกันประมาณปี 2564

วัสดุ – สำหรับวัสดุของโครงการนี้ให้มาเป็น Fully Fitted ซึ่งเราถือว่าให้มามาตรฐานตามราคา แต่ก็จะมีทั้งสิ่งที่ชอบ และสิ่งที่น่าจะได้ดีกว่านี้อยู่บ้างค่ะ อย่างสิ่งที่ชอบคือ ชุดครัวที่ได้ครบดี มี Hob & Hood (แบบ Exhausted) , Sink และท็อปหินสังเคราะห์ ส่วนสิ่งที่มองว่าน่าจะได้ดีกว่านี้คือชุดประตู-หน้าต่าง ที่น่าจะได้ใหญ่กว่านี้ และบานกรอบพ่น Powder Coat ไม่ใช่สีธรรมชาติ นอกนั้นที่ได้ถือว่าโอเคสมราคาค่ะ

การออกแบบ – เรามองว่าทำออกมาได้น่าสนใจดีนะคะ ด้วยรูปแบบ Neo Classic ที่จะได้อารมณ์ความหรูหราบวกกับโมเดิร์น มีการนำหินอ่อนชนิดต่างๆ มาตกแต่งส่วนกลางให้ได้ความ Luxury มากขึ้น มีการจัดพื้นที่ส่วนกลางแยกออกมาเป็น Club House ทำให้ห้องพักในอาคารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

การจัดผังอาคารตั้งใจออกแบบมาโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ห้องฝั่งด้านในอาคารมีวิวให้มอง ซึ่งก็จะได้วิวเป็นสวนและสระว่ายน้ำค่ะ ส่วน Floor Plan นี้ทำออกมาได้โอเค มีบางห้องที่อาจจะเดินไกลลิฟต์หน่อยนะคะ แต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ขณะที่มีห้องที่ใกล้กับลิฟต์มากๆ สะดวกในการขึ้น-ลงลิฟต์ แต่ก็จะมีความคึกคักกว่าห้องไกลลิฟต์อยู่เหมือนกัน

สำหรับห้องพักที่นี่จะมีเฉพาะ 1 ห้องนอนเท่านั้นแต่มีขนาดหลากหลาย หลักๆ เน้นไปที่กลุ่มลูกค้าวัยทำงานตั้งแต่ First Jobber ไปจนถึง Senior จับต้องได้ง่ายราคาแพกเกจห้องถือว่าย่อมเยา และการจัดผังห้องเป็นสัดส่วนดี ใช้งานได้จริง เช่น ครัวปิด ห้องนอนเป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กั้นด้วยฉากกั้นกระจก

สาธารณูปโภค – เรามองว่า Facilities ที่นี่ถือเป็นตัวชูโรงโครงการนะคะ เมื่อตึกเสร็จจริงทำออกมาได้สวย น่าใช้งาน มี Gimmick ในการตกแต่งด้วยหินอ่อน ซึ่งถือว่าระดับราคานี้ไม่ค่อยมีใครเอามาใช้ตกแต่งกันเท่าไหร่นัก

หลักๆ การจัด Facilities จะแบ่งออกเป็น 2 โซนคือ Main Building ประกอบด้วยโถงต้อนรับ , พื้นที่นั่งพักผ่อนแบบ Glass House , สวนหย่อม , ตู้รับจดหมาย , โถงลิฟต์ ส่วนชั้น 8 จะมีห้อง Co-Working Space และสวนพักผ่อนลอยฟ้าที่ชั้นดาดฟ้า อีกโซนคือ Club House Building มีสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนพักผ่อนบนอาคาร

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 87,000 บาท/ตร.ม., 23 January 2019

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยลาดพร้าว 15 ลึก 900 ม. บรรยากาศเงียบสงบ
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกสามารถใช้ซอยลัด เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ที่จอดรถน้อยไปหน่อยกับทำเลที่เน้นการเดินทางด้วยรถ
  • ไม่ใช้รถ 6.75/10 – ต้องเดินออกมาเรียกวินมอเตอร์ไซค์หรือแท็กซี่ ไป MRT ต้องต่อรถ
  • วัสดุ 7.25/10 – ห้อง Fully Fitted วัสดุเกรดให้มาสมราคา
  • แบบ 8/10 – เป็นสัดส่วนลงตัว ใช้งานได้จริง
  • สาธารณูปโภค 8/10 – Facilities ของจริงจัดมาได้น่าใช้งาน และมีขนาดที่น่าจะเพียงพอ

  • MAIN CLASS
  • 7.36 / 10.00

BOTTOM LINE

The Tree ลาดพร้าว 15 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดทำเลรัชดาฯ-ลาดพร้าว ในราคาล้านต้นๆ แลกกับทำเลที่เข้าซอยมาหน่อย ได้บรรยากาศสงบเป็นส่วนตัว เน้นเดินทางด้วยรถส่วนตัว ชอบดีไซน์ Neo Classic และชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง  มีงบประมาณ 1.79-2.8 ล้านบาท