The Cotswold เขาค้อ โครงการตากอากาศสไตล์ยุโรปใน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย The Bluesky Property [รีวิวฉบับที่ 2291]

The Cotswold Khao Kho (เดอะคอทส์โวลด์ เขาค้อ) ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2564

พิกัด Google Maps : 16.784614575471217, 101.02469556852218
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ The Cotswold เขาค้อ ครับ

ทำเลที่ตั้งโครงการ The Cotswold เขาค้อ จะอยู่ใน ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งจะมีที่ตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิษณุโลก มีทางเข้าออกอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ช่วงใกล้แยกแคมป์สน ซึ่งถนนสายนี้จัดเป็นหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมีการพัฒนาให้เป็นถนน 4 เลน ขับสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังเป็นถนนสาย AEC ที่เชื่อมต่อการเดินทางจากประเทศไทย ผ่าน สปป.ลาว และเวียดนาม เพื่อเดินทางไปยังประเทศจีนตอนใต้ ซึ่งเป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ได้ด้วย ทำให้ในปัจจุบันและอนาคตถนนสายนี้จะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

นอกจากนั้นถ้าพูดถึงถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก หลาย ๆ คนที่เคยไปเที่ยวเขาค้อก็น่าจะรู้จักกันดีนะครับ เพราะจัดเป็นหนึ่งในถนนเส้นหลักของเขาค้อ และโดยรอบจะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่เด่น ๆ เลยก็คือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นวัดท่ามกลางหุบเขาที่สวยงามไม่ไกลจากตัวโครงการ ตามสองข้างทางก็จะมีร้านค้า, ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ชื่อดังให้พักผ่อนกันได้ ลึกเข้าไปด้านในหน่อยก็จะมีไร่สตอเบอรี่ให้ได้เก็บผลผลิตกินกันสด ๆ ตามฤดูกาลได้อีกด้วย หรือจะเป็นในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติก็มีหลายแห่ง อย่าง ภูทับเบิก และอุทยานแห่งชาติทุ่งแลสงหลวง ก็อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการนัก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในทำเลท่องเที่ยวยอดฮิต สำหรับคนที่ต้องการมาพักผ่อนตากอากาศ ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติมากๆครับ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เป็นถนนที่รองรับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นในทุก ๆ ปี ทำให้ราคาที่ดินมีการปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ และถ้าใครที่อยากได้แปลงที่ดินสวย ๆ ที่มีโฉนดจัดสรรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องบอกว่าก็หาได้ไม่ง่ายเลยนะครับ แม้ในอนาคตจะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ ซึ่งก็เป็นโอกาสเหมาะในการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ และยังมีมูลค่าส่งผ่านรุ่นต่อรุ่นด้วยครับ

มาดูเส้นทางในการเดินทางไปโครงการ The Cotswold เขาค้อ กันครับ เป็นเส้นทางการเดินทางที่ไม่ได้ซับซ้อนเลยครับ เพราะด้วยความที่อยู่บนถนนหลักงอย่างถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก แล้ว ยังมีทางเข้าออกถึง 3 ทาง ซึ่งจะมีป้ายของ Bluesky ให้เห็นเด่นในแต่ละจุดเลยครับ

โดยทางเข้าที่ผมเลือกวันนี้จะเป็นทางเข้าออกที่อยู่ติดกับปั๊มน้ำมัน ปตท.แคมป์สน ซึ่งจะมีสภาพถนนที่สามารถขับเข้าออกได้ง่ายและสะดวกที่สุดครับ เริ่มการเดินทางกันบนถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ฝั่งมุ่งหน้ามาจากเพชรบูรณ์ครับ ขับเลยแยกแคมป์สนมาประมาณ 1.8 กิโลเมตร จะเจอจุดกลับรถ (สังเกตุปั้มน้ำมัน PT เขาค้อ 2) จากนั้นตรงต่อมาอีกประมาณ 0.8 กิโลเมตร จะเจอปั๊มน้ำมัน ปตท. แคมป์สน ซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าออกเลยครับ จะมีป้ายขนาดใหญ่ให้เห็นชัดเจนเลย จากกรุงเทพใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 4-6 ชั่วโมงครับ

หรือถ้าใครไม่อยากนั่งรถนาน ๆ จากกรุงเทพก็สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินพิษณุโลกได้นะครับ ใช้เวลาบินมาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งรถต่อมาที่โครงการ ใช้เวลาขับรถอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าเป็นลูกบ้านของโครงการนี้ จะมีบริการเตรียมรถรับส่งที่สนามบินพิษณุโลกให้ด้วยนะ สะดวกสุด ๆ ไปเลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

มาดูสภาพแวดล้อมโครงการกันบ้างครับ โดยเมนหลักของเราคือ The Cotsworld เขาค้อ เฟส 2 นะครับ (The Pano) ทำให้พื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ภายในโครงการของ The Bluesky เองครับ ด้วยความที่เป็นพื้นที่ไล่ระดับ ทำให้วิวโดยรอบจะค่อนข้างโล่งในทุก ๆ ด้านเลย เห็นเป็นวิวภูเขาซะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับทางทิศตะวันออกของพื้นที่จะติดกับลำธารเล็ก ๆ ครับ ซึ่งถ้าใครซื้อที่ดินแปลงทางฝั่งนี้ก็จะได้บ้านที่ได้ทั้งวิวภูเขาและลำธารด้วยเลย ลองไปดูแต่ละทิศของโครงการกันครับ

ทิศเหนือ – พื้นที่โล่ง และโครงการเฟส 1 (The Mountain)
ทิศตะวันออก – ภูเขา และลำธาร
ทิศตะวันตก – พื้นที่โล่ง และโครงการเฟส 1 (The Mountain)
ทิศใต้ – พื้นที่โล่ง และโครงการเฟส 3 (The Valley)

ด้วยความที่ลักษณะของพื้นที่เป็นทางลาด บ้านแต่ละหลังก็มีระยะค่อนข้างห่างกัน ทำให้พื้นที่รอบ ๆ โครงการเฟส 2 (The Pano) ของเรา แต่ละฝั่งจะดูกลมกลืนและไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ครับ ได้วิวภูเขาโล่งทุกฝั่งเลยเลย

ส่วนถ้าพูดถึงสถานที่สำคัญใกล้โครงการ ก็จะมีพวกจุดท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ที่แอบเก็บภาพมาให้ชมกันครับ ซึ่งตอนผมไปฝนตกแทบจะทั้งวันเลย แต่ก็ทำให้อากาศเย็นสบายมากยิ่งขึ้นเหมือนกันนะครับ แต่ถ้าบนถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสักในระยะใกล้เอง ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนะครับ ทั้งร้านค้าร้านอาหาร ตลาด ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้นครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

จุดท่องเที่ยว

• ไร่ BN ~ 6 กิโลเมตร
• วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ~ 7.8 กิโลเมตร
• จุดชมวิวสวนริมทางราชมังคลากีฬาภิเษก ~ 9.7 กิโลเมตร
• ทุ่งกังหันลม ~ 17.3 กิโลเมตร
• อ่างเก็บน้ำรัตนัย ~ 24.8 กิโลเมตร
• อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ~ 26 กิโลเมตร
• อนุสาวรีย์ผู้เสียสละ เขาค้อ ~ 27 กิโลเมตร
• ภูทับเบิก ~ 52 กิโลเมตร
• ภูลมโล ~ 75 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

• โรงพยาบาลเขาค้อ ~ 22 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลนครหล่ม ~ 31 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลเพชรรัตน์ ~ 65 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลกรุงเทพ พิษณุโลก ~ 102 กิโลเมตร

การเดินทาง

• แยกแคมป์สน ~ 2.3 กิโลเมตร
• แยกอาเซี่ยน ~ 23.5 กิโลเมตร
• สนามบินพิษณุโลก ~ 108 กิโลเมตร

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าที่มาของชื่อโครงการ Cotswold คือหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งมี Landscape คล้ายคลึงกันกับเขาค้อของเพชรบูรณ์ ดังนั้นโครงการเลยทำธีมภายในให้เป็นแนวหมู่บ้านอังฤกษ ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นจากที่ตัวผมเองเข้าไปสัมผัสบรรยากาศจริงมา ต้องบอกเลยว่าลมเย็นทั้งวันเลยครับ เพราะทำเลนี้เป็นช่องลมที่มาจากเทือกเขาหิมาลัย ทำให้มีลมเย็นพัดผ่านทั้งปีเลย

มาดูผังภาพรวมของโครงการกันครับ จะเห็นว่าภายในพื้นที่โครงการจะแยกออกเป็นโครงการย่อย ๆ หลายจุดเลย โดย Main หลักของเราคือพื้นที่ภายในเส้นประที่ผมล้อมรอบเอาไว้ The Cotswold เขาค้อ The Pano Residence หรือพื้นที่เฟสที่ 2 นั่นเอง จะตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของพื้นที่โครงการ ติดกับลำธารด้านข้างครับ ซึ่งแต่ละพื้นที่โครงการภายในจะแยกนิติบุคคลในการดูแลอย่างชัดเจน มีการเว้นระยะห่างของแต่ละพื้นที่เพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ยังสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ไม่ยาก ทำให้สามารถไปใช้พื้นที่ส่วนกลางและทางเข้าออกร่วมกันได้อย่างสะดวก

เรามาเริ่มกันที่ทางเข้าออกหลักของโครงการกันเลย จะอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ทางเข้าข้างปั๊ม ปตท. แคมป์สน เข้ามาจะเจอกับ The Bluesky Resort ก่อนเลย จากนั้นตรงเข้ามาจะเจอกับส่วนกลางของโครงการ ที่ประกอบไปด้วย สวนอังกฤษขนาด 30 ไร่, ร้านอาหาร The Bluesky Restaurant @The Bluesky Resort เขาค้อ และส่วนพื้นที่พักอาศัยของรีสอร์ท ถัดเข้ามาจะมีถนนที่เข้าโครงการ The Cotswold เขาค้อ The Pano Residence (เฟสที่ 2) โดยตรงได้เลย โดยจะมีโครงการ The Cotswold เขาค้อ The Mountain Residence (เฟสที่ 1) และThe Cotswold เขาค้อ The Valley Residence (เฟสที่ 3) อยู่ด้านข้างแต่แยกรั้วโครงการกันชัดเจน หรือถ้าไปอีกทางจะต้องผ่านส่วนของ Clubhouse ที่อยู่ติดกับโครงการ The Castell เขาค้อ ที่เป็นโครงการคอนโด 4 ชั้นครับ เราสามารถไปใช้งาน Clubhouse บริเวณนี้ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ลองไปชมพื้นที่ส่วนกลางในแต่ละส่วนกันเลยครับ

พื้นที่ส่วนกลางส่วนแรกที่จะพาไปชม จะเป็นส่วนของ The Bluesky Resort ซึ่งประกอบไปด้วยสวนสไตล์อังกฤษขนาดประมาณ 30 ไร่ ที่ปกติแล้วจะเก็บเงินสำหรับค่าเข้าชม 100 บาท/คน สำหรับนักท่องเที่ยว แต่สำหรับลูกบ้านจะสามารถใช้งานได้ฟรีครับ และร้านอาหาร The Bluesky Restaurant @The Bluesky Resort เขาค้อ รับวิวสวนและภูเขา ที่จะมีส่วนลดให้ลูกบ้าน 10% ด้วย ไปชมกัน

ถัดเข้ามาชมพื้นที่โครงการของเรากันเลยครับ ในส่วนของ The Cotswold เขาค้อ The Pano Residence (เฟสที่ 2) หลัก ๆ โดยอย่างที่บอกไปว่าจะแยกรั้วโครงการและนิติบุคคลที่คอยดูแลออกจากกันอย่างชัดเจนครับ ลักษณะของพื้นที่โซนนี้จะลาดลงมาจากเฟส 1 ทำให้รับวิวได้กว้างและเห็นภูเขาได้เต็มลูกยิ่งขึ้น เป็นที่มาของชื่อ The Pano Residence

ภายในพื้นที่โครงการจะเริ่มต้นด้วยซุ้มประตูโครงการ ด้านข้างมีอาคารนิติบุคคล ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็น Sale Gallery อยู่นะครับ เข้ามาด้านในจะเจอวงเวียนที่แยกถนนออกเป็น 2 ฝั่งที่อ้อมมาบรรจบกัน โดยถนนจะกว้าง 12 เมตร รวมฟุตบาท หลังวงเวียนจะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางจุดแรกที่เป็นสวนสาธารณะไล่ระดับ มีแนวทางเดินให้เดินขึ้นลงได้ รับวิวที่แตกต่างออกไป ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดจะอยู่ด้านในสุดริมลำธารครับ จะเป็นส่วนพื้นที่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน ในอนาคตเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ลูกบ้านสามารถนำงานศิลปะส่วนตัวมาตั้งแสดงโชว์ได้ด้วยนะ ไปชมบรรยากาศจริงกัน

ส่วนถัดมาจะเป็นเฉพาะส่วนของ The Cotswold เขาค้อ The Pano Residence เฟส 2 ของเรากันโดยเฉพาะเลยครับ ซึ่งจะมีพื้นที่ส่วนกลางมาให้ใช้ด้วย และมีบ้านปัจจุบันที่สร้างเสร็จแล้วให้ชมกันบ้าง ไปดูกันเลย

วนมาดูอีกส่วนที่เป็น Clubhouse 2 ชั้น สไตล์ยุโรปกันต่อ เป็นพื้นที่ที่ทำออกมาไว้ให้สำหรับลูกบ้านของโครงการ The Cotswold เขาค้อ ทั้ง เฟส 1, เฟส 2 และ เฟส 3 ในอนาคต รวมถึงโครงการ The Castell เขาค้อ ที่เป็นคอนโดด้วย โดยทั้งสี่ส่วนนี้จะมีการบริหารงานแยกนิติบุคคลกัน และนำเงินในแต่ละส่วนมาดูแล Clubhouse ส่วนกลางบริเวณนี้ครับ มีทั้งพื้นที่ indoor และ outdoor ให้เลือกใช้งาน บรรยากาศดีเช่นเดิม ไปชมครับ

ส่วนสุดท้ายเป็นพื้นที่ส่วนกลางภายในรั้วของ The Castell เขาค้อ ที่เป็นคอนโด Low Rise 4 ชั้น ผมแถมมาให้ชมกันด้วยครับ ลองเข้าไปดูกัน

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• Clubhouse
• สระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 8 x 20 เมตร
• โซนจากุชชี่น้ำร้อน
• ห้องอบไอน้ำ
• ห้องซาวน่า
• ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์ วิวผาซ่อนแก้ว
• ห้องจัดสัมมนา รองรับได้ 100 คน
• สวนส่วนกลาง เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่
• สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่
• สวน The Bluesky Garden @The Bluesky Resort เขาค้อ
• ร้านอาหาร The Bluesky Restaurant @The Bluesky Resort เขาค้อ
• ระบบ CCTV เฟส 1 มี 14 จุด /เฟส 2 มี 8 จุด
• รั้วรอบโครงการสูง 1.80 เมตร
• ถนนกว้าง 12 เมตร รวมฟุตบาท
• Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
• เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
• เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่เปิด-ปิดประตู และแลกบัตรเข้า-ออก
• ประตูรั้วโครงการแบบ เป็นแผงเหล็กกั้นล้อเลื่อน มี รปภ. ทำหน้าที่ค่อยเลื่อนเข้า-ออก

สำหรับที่นี่นะครับ จะมีรูปแบบการขายโดยการเลือกแปลงที่ดินที่ชอบ จากนั้นจึงเลือกแบบบ้านจากทางโครงการ ที่ออกแบบมาให้ทั้งหมด 8 แบบ ในราคาเริ่มต้นที่ 3.7 – 5.5 ล้านบาท โดยไม่รวมราคาที่ดินนะครับ แต่ที่พิเศษคือเราสามารถเลือกปรับแบบบ้านในรูปแบบที่เราต้องการได้ ทั้งผังตัวบ้านและวัสดุในส่วนต่าง ๆ หรือจะติดตั้งอุปกรณ์เสริมเช่นระบบกันขโมยต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ หรือถ้าใครอยากได้บ้านที่แตกต่างจาก 8 แบบนี้ ก็สามารถให้ทีมงานออกแบบใหม่หรือเลือกแบบบ้านมาเองได้ โดยมีเงื่อนไขที่ต้องเข้าธีมกันกับแบบบ้านต่าง ๆ ในโครงการครับ โดยรายละเอียดของแต่ละแบบบ้านต่าง ๆ ที่มีให้เลือก จะมีดังนี้ครับ

•  The Chimney (Type A) พื้นที่ใช้สอย 236 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 4.3 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Tower (Type B) พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 5.3 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Cabin (Type C) พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 4.95 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Terrace (Type D) พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2-4 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Cottage (Type E) พื้นที่ใช้สอย 194 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1-2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Tudor (Type F) พื้นที่ใช้สอย 176 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
• The Pano Chimney (Type G) พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 4.6 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Pano Terrace (Type I) พื้นที่ใช้สอย 290 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 5.2 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)

สำหรับบ้านตัวอย่างของเราจะเป็นบ้านแบบ Custom Made นะครับ หรือเป็นบ้านที่สร้างขึ้นมานอกเหนือจากแบบบ้านที่มีให้เลือกนั่นเอง โดยหลังนี้จะสร้างอยู่บนที่ดินขนาด 307 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 407 ตร.ม. และมีราคาอยู่ที่ 29 ล้านบาท ดังนั้นเราลองมาดูกันว่าเขาสร้างและออกแบบมาในสไตล์ยุโรปได้แบบไหนกันบ้าง

ซึ่งจากที่ผมเข้าไปสัมผัสมาเองแล้ว การออกแบบบ้านหลังนี้ก็ทำได้ดีทีเดียว เพราะจะเน้นไปที่ 4 ห้องนอน จาก 4 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นที่แยกออกเป็นทั้งห้องนอนที่มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นและครัวในตัวเลย  เพื่อให้สามารถรองรับการเข้าถึงได้หลายคน เหมาะกับบ้านพักตากอากาศที่สามารถมากันได้เป็นครอบครัว แต่ยังได้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละส่วน และในเรื่องของวัสดุก็สามารถเลือกเองได้ทุกรายละเอียดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุปูพื้น ยี่ห้อสุขภัณฑ์ หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เรียกว่าเหมือนสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาได้เลย ลองไปชมกัน

ในพื้นที่หนึ่งแปลงของเราสามารถออกแบบให้มีพื้นที่จอดรถอย่างไรก็ได้นะครับ สำหรับบ้านไหนที่คิดว่าต้องรองรับการจอดหลายช่อง ก็สามารถทำช่องจอดเพิ่มได้ตามต้องการเลยครับ สำหรับบ้านตัวอย่างจะทำออกมา 2 ช่องจอด ซึ่งก็ดูเพียงพอสำหรับ 4 ห้องนอนนะครับ

ด้านหน้าจะมีพื้นที่สวนที่จัด Landscape ออกมาได้ดูดีทีเดียว ทางทีมงานออกแบบก็สามารถช่วยในการจัดรูปแบบของ Landscape ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

อ้อมมาดูด้านข้างกันก่อนครับ เพราะบ้านหลังนี้ออกแบบมาให้รู้สึกใช้พื้นที่แปลงนี้ได้คุ้มค่าเลยครับ เพราะทำให้ตัวบ้านรับวิวพื้นที่โดยรอบได้ทั่วเลย

เดินอ้อมมาด้านหลังจะมีพื้นที่สวนของบ้าน ที่จัดออกมาให้ใช้งานได้จริงและเป็นวิวที่น่าสนใจให้กับบ้านหลังนี้ครับ

ย้อนกลับมาที่หน้าประตูทางเข้าบ้าน จะมีแนวทางเดินด้านข้างให้อ้อมไปยังพื้นที่สวนด้านหลัง และทางเข้าประตูสำหรับตัวบ้าน ลองอ้อมไปดูพื้นที่ด้านข้างกันก่อนนะ

ด้านข้างจะมีแนวพื้นที่โล่งภายในร่มสำหรับรับวิวได้หลายมุม

มุมมองจากบนพื้นที่ด้านข้างบ้านครับ

เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับบันไดขึ้นไปยังชั้นสองทางฝั่งขวามือ อีกสิ่งนึงที่ผมชอบมาก ๆ ของบ้านหลังนี้คือพื้นที่ภายในค่อนข้างสว่าง เพราะเขาเปิดช่องเปิดให้เยอะเลยกว่าปกติครับ ทำให้ในตอนกลางวันแทบจะไม่ต้องเปิดไฟเลย นอกจากนั้นยังเปิดรับลมได้เต็มที่ด้วยนะ

อีกฝั่งทางด้านซ้ายมือคือห้องนอนของชั้นนี้ครับ โดยเขาจัดออกมาเป็นห้องนอนที่ทำมาให้ครบครันเลย ไม่ว่าจะเป็นครัว ห้องน้ำและระเบียง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องขึ้นลงบันไดครับ

เปิดเข้ามาภายในจะให้บรรยากาศเหมือนคอนโดครับ เพราะได้ครัวเล็ก ๆ มาก่อนในด้านหน้าห้อง ด้านข้างเป็นห้องน้ำครับ ส่วนด้านในเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น เลี้ยวซ้ายไปดูห้องน้ำกันเลย

เป็นห้องน้ำที่ออกแบบมาได้น่าสนใจเลยครับ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกมาได้ดี แนวเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าที่ได้ชั้นวางของหลังสุขภัณฑ์ด้วย ส่วนอาบน้ำก็มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำแบบ Rain Shower และ Hnad Shower ครับ โดยทั้งหมดนี้เราสามารถเลือกออกแบบและลงรายละเอียดได้ทุกอย่างเลยนะ

ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ชนิดที่รวมพื้นที่นั่งเล่นในนี้ไว้ด้วยเลยครับ มีแนวประตูด้านข้างสำหรับออกไปยังระเบียงที่พาไปชมกันเมื่อสักครู่ได้ด้วย

พื้นที่ภายในห้องวางเตียง 6 ฟุตได้สบาย ๆ เลยครับ หรือจะวางโต๊ะหัวเตียงทั้งสองข้างก็ยังไม่มีปัญหา เดินรอบได้สะดวกมาก ๆ หรือสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกเลยครับ

ด้านในจะมีพื้นที่สำหรับทำเป็นชั้นวางของและตู้เสื้อผ้าให้ด้วย ซึ่งถ้าสำหรับบ้านพักตากอากาศแล้ว ตู้เสื้อผ้าไม่ได้ต้องการพื้นที่เยอะนักครับ เพราะอาจจะไม่ได้อยู่นาน แต่สำหรับใครที่อยากอยู่ประจำก็มีพื้นที่ให้จัดเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เต็มที่เช่นกัน

ปลายเตียงจะได้ช่องแสงที่เป็นวิวสวนหลังบ้านอีก 2 จุด แถมยังมีพื้นที่ตรงกลางไว้ให้ติดทีวีแขวนผนังหรือทำชั้นวางทีวีก็ได้

ขยับขึ้นมาที่ชั้นสอง จะเจออีกหนึ่งห้องครับ ซึ่งที่นี่ออกแบบให้แต่ละชั้นจะแบ่งเป็นชั้นละ 1 ห้องนอนเลย ได้ความเป็นส่วนตัวสูง สำหรับชั้นนี้ส่วนตัวผมมองว่าเป็น Master Bedroom เลยครับ

เปิดเข้ามาจะเจอกับแนวทางเดินยาวและพื้นที่ระเบียงฝั่งขวามือครับ ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนั่งเล่น

เป็นระเบียงที่สามารถออกมายืนรับวิวสวนหลังบ้านไปแบบเต็ม ๆ

วิวที่ออกมายืนก็จะประมาณนี้ครับ สำหรับผมเองมองว่าคงจะเป็นมุมโปรดของใครที่ได้เข้ามาพักในชั้นนี้อย่างแน่นอน

ตรงข้ามกันจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ขนาดค่อนข้างกว้าง รองรับได้ 4-5 คนครับ มีช่องแสงด้านในทั้งสองฝั่ง ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น

ส่วนด้านในฝั่งเดียวกันกับทางเข้าจะมี Pantry ครัวไว้ให้เรียบร้อยเลย

เป็นห้องที่ดูดีทีเดียว มีเสาระหว่างส่วนครัวกับทางเข้า อาจจะแก้ได้โดยการ Built-in เป็นชั้นวางของได้นะครับ หรือจะจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบบ้านตัวอย่างก็ไม่ได้รบกวนการใช้งานเท่าไหร่นะครับ

ด้านในจะมีแนวทางออกไปยังระเบียงฝั่งหน้าบ้านครับ ออกแบบมาให้ดูดีเลย ช่วยทำให้อาคารดูสวยขึ้นด้วย

ตรงต่อออกมาในส่วนต่อไปของห้อง จะเป็นแนวทางเดินที่ยาวเข้าไปยังส่วนต่าง ๆ ที่ผมชอบคือเขาเจาะช่องแสงด้านข้างไว้ให้รับแสงตลอด อีกทั้งยังรับวิวสวนหลังบ้านด้วย

ด้านข้างเป็นห้องน้ำ ที่ทำออกมาดูน่าใช้งานเอามาก ๆ เลยครับ เรียกว่าเป็น Master Bathroom ของบ้านหลังนี้ก็ว่าได้

ส่วนแรกให้อ่างล้างหน้าแบบฝังเคาน์เตอร์สไตล์ยุโรปมาเลย

ด้านในทำชั้นวางของตามแนวของห้อง และมีพระเอกคืออ่างอาบน้ำแบบตั้งพื้นไว้ตรงกลางห้องครับ ด้านในจะเป็นสวนโถสุขภัณฑ์และส่วนอาบน้ำ ที่สำคัญคือเป็นห้องน้ำที่เปิดช่องเปิดออกมาให้เยอะเลย ทั้งด้านข้างและด้านใน ทำให้รับแสงและบรรยากาศภายนอกได้เยอะ ถ้าได้นอนแช่น้ำดูวิวภูเขาคงจะฟินน่าดู

ด้านในเป็นโถสุขภัณฑ์และส่วนอาบน้ำแบบเป็นสัดส่วน ที่มีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower มาให้

มาถึงห้องนอนด้านในสุด จะเป็นห้องนอนที่มีพื้นที่กว้างเลยครับ จัดออกเป็นมุมที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ในแง่ของการมาพักผ่อนก็สามารถมานั่งคิดงานหรือใช้เวลากับตัวเองได้ดีทีเดียว

ด้านทางเข้าจะมีมุมที่ทำเป็นชั้นวางของทั่วไปไว้ให้ครับ

อีกฝั่งเป็นโต๊ะทำงานอ่านหนังสือที่ได้วิวภูเขาเพราะ ช่องแสงด้านข้างเขาก็ออกแบบมาให้เยอะเลย

ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่พักผ่อนครับ จะเป็นทั้งส่วนนั่งเล่นและส่วนของเตียงนอนนั่นเอง ด้านหน้าจะเป็นแนวพื้นที่นั่งเล่นแบบสบาย ๆ ไม่อึดอัด

ด้านในเป็นเตียงขนาดใหญ่ที่ได้ตู้หัวเตียงมาทั้งสองฝั่ง พร้อมช่องแสงที่ช่วยให้ห้องนี้ดูโล่งยิ่งขึ้น มองไปรอบ ๆ ก็คือมีช่องเปิดทุกมุมเลย

ปลายเตียงมีพื้นที่ติดทีวีได้ ด้านข้างมีประตูออกไปยังระเบียงภายนอก ซึ่งจัดออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

เป็นระเบียงโค้งครึ่งวงกลมที่ทำให้รับวิวได้ 180 องศา เห็นสวนด้านหลังและพื้นที่ภูเขาอย่างชัดเจน

หรืออีกฝั่งที่เป็นวิวโล่ง มองเห็น Clubhouse และส่วนของคอนโดปราสาท The Castell เขาค้อ ด้วย

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 3 ของบ้านหลังนี้ จะมีประตูข้าง ๆบันไดเล็กที่ขึ้นไปยังชั้นใต้หลังคา เราเข้าไปดูชั้น 3 กันก่อนครับ

จัดออกมาเป็นลักษณะเหมือนห้องคอนโดอีกเช่นเคย มาครบทั้งส่วนครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องนอน

ด้านหน้าทางเข้าจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวครับ สำหรับประกอบอาหารง่าย ๆ ได้ ได้แนวช่องแสงฝั่งตรงข้ามที่เป็นวิวสวนหลังบ้าน ด้านข้างที่กั้นด้วยประตูบานทึบจะเป็นห้องนอนครับ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวจากพื้นที่ส่วนนี้

ด้านในเป็นห้องนอนที่ค่อนข้างกว้าง วางเตียง King Size ได้สบาย ๆ พร้อมแนวช่องเปิดด้านข้างหลายจุด

ฝั่งปลายเตียงจะเป็นห้องน้ำครับ เป็นห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่ แต่เหมาะกับการใช้งานภายในห้อง

ด้วยลักษณะของพื้นที่ ทำให้จัดออกมาได้เป็นสัดส่วน ได้ช่องแสงภายในห้องน้ำสำหรับเปิดรับลมระบายอากาศได้

ออกจากห้องนอนมาดูด้านในของห้อง จุดเด่นของชั้นนี้ที่เขาเน้นจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นครับ ที่ให้พื้นที่มาค่อนข้างกว้าง เปิดช่องแสงรอบด้าน และเชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ด้านนอก

เป็นระเบียงที่มีกันสาดให้ และมีพื้นที่ภายนอกให้ใช้งานได้ด้วย

วิวหลัก ๆ ที่เห็นก็จะประมาณนี้ครับ แต่บอกได้เลยว่าของจริงทั้งลมเย็นและสวยกว่านี้เยอะมาก ๆ

อีกฝั่งจะเห็นภูเขาสวยทางฝั่งสวนหลังบ้านครับ ทำให้พื้นที่นี้เปิดรับวิวแบบพาโนราม่าเลย

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นใต้หลังคาครับ ชั้นนี้อาจจะร้อนหน่อยนะ เพราะอยู่ใต้หลังคา แต่ก็มีจุดที่ออกแบบพื้นที่มาให้โดดเด่นและน่าสนใจที่แตกต่างจากชั้นอื่น ๆ เช่นกัน

เริ่มต้นด้วยการขึ้นมาแล้วแยกพื้นที่ชั้นนี้ออกเป็น 2 ฝั่งครับ

ฝั่งแรกจะเป็นห้องนั่งเล่นทรงกลมที่ได้ช่องแสงรอบด้าน ออกแบบมาให้ขนาดใหญ่ รองรับคนได้เป็นกลุ่ม 4-6 คนสบาย ๆ เลย เหมาะกับการทำกิจกรรมกลุ่มครับ

ด้านในมีพื้นที่ให้ติดทีวีไว้ร้องคาราโอเกะ, ดูบอล หรือดูหนังร่วมกันได้นะ

อีกฝั่งของห้องจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนครับ ข้อดีของชั้นนี้ที่แตกต่างจากชั้นอื่น ๆ อย่างแรกเลยคือแยกห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้ห้องนั่งเล่นก่อนหน้านี้สามารถทำกิจกรรมได้เต็มที่ ไม่รบกวนห้องนอนเท่าชั้นอื่น ๆ ครับ อีกอย่างคือการเป็นห้องใต้หลังคาจะทำให้ฝ้าเพดานได้รูปทรงตามหลังคา ช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่าง ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงชอบแบบนี้นะครับ

แล้วก็ไม่ลืมที่จะทำให้ด้านในมีระเบียงให้ออกมารับวิวภายนอกเช่นเดิมครับ

มองลงไปเห็นระเบียงของชั้น 3 และส่วนของ Clubhouse อย่างเต็มที่

ส่วนด้านในของห้องจะมีพื้นที่นั่งเล่นและประตูที่เชื่อมไปยังห้องน้ำครับ

เป็นห้องขนาดใหญ่ที่เราสามารถเลือกจัดได้หลากหลายรูปแบบ จะทำเป็น Pantry ครัวเล็ก ๆ หรือ Walk-in Closet ก็ได้

มีพื้นที่ว่างให้เลือกทำทั้งสองฝั่งเลย

ส่วนด้านในจะเป็นห้องน้ำของห้องนี้ครับ ขนาดพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง จัดเป็นแต่ละมุมแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกมาได้ดีเลย

ฝั่งแรกเป็นส่วนอ่างล้างหน้าฝังเคาน์เตอร์ที่เป็นสัดส่วน ด้านในเป็นส่วนอาบน้ำที่มาทั้ง Hand Shower และ Rain Shower

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นโถสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมชั้นวางของ เป็นห้องน้ำที่กว้างกว่าปกตินะครับ

แถมให้อีกหน่อยนะครับสำหรับห้องในโครงการ The Castell เขาค้อ โดยโครงการนี้จะมีทั้งหมด 49 ยูนิต แบ่งออกเป็น

• Type A ห้องขนาด 40 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต (Sold Out)
• Type B ห้องขนาด 50 ตร.ม. จำนวน 31 ยูนิต
• Type C ห้องขนาด 70 ตร.ม. จำนวน 4 ยูนิต
• Type D ห้องขนาด 90 ตร.ม. จำนวน 8 ยูนิต

โดยห้องวันนี้ที่ผมจะพาทุกคนมาชมคือห้อง Type B ห้องขนาด 50 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่มีเยอะที่สุดในโครงการ ลักษณะภายในจะทำออกมาเหมือนห้อง Studio ที่เราเห็นกันทั่วไปครับ แต่ห้อง Studio ที่มีขนาด 50 ตร.ม. เนี่ย ก็สามารถจัดภายในได้หลากหลายเช่นกันนะครับ อีกทั้งเขายังให้พื้นที่ในแต่ละส่วนมากว้างกว่าปกติที่เห็นกันในกรุงเทพฯ ด้วย ดังนั้นสำหรับการอยู่อาศัย 1-2 คนเนี่ย จัดว่านอนกลิ้งกันได้สบาย ๆ เลยครับ โดยจุดเด่นที่ผมชอบนอกจากพื้นที่ภายในห้องกว้างแล้ว คือเขาให้ความสำคัญกับพื้นที่ระเบียงเป็นพิเศษ โดยจัดพื้นที่ให้ออกมาใหญ่กว่าปกติ รองรับการใช้งาน 4-5 คนได้แบบไม่อึดอัดเลยนะ ลองไปชมกันครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่าครับ

The Cotswold เขาค้อ ราคา ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 

•  The Chimney (Type A) พื้นที่ใช้สอย 236 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 4.3 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Tower (Type B) พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 5.3 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Cabin (Type C) พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 4.95 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Terrace (Type D) พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2-4 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Cottage (Type E) พื้นที่ใช้สอย 194 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1-2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Tudor (Type F) พื้นที่ใช้สอย 176 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
• The Pano Chimney (Type G) พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 4.6 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
  
•  The Pano Terrace (Type I) พื้นที่ใช้สอย 290 ตร.ม.
  ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
  ราคาเริ่มต้น 5.2 ล้านบาท (ไม่รวมราคาที่ดิน)
• ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 22,000 – 26,000 บาท
• ค่าจองที่ดิน 20,000/แปลง
• ค่าทำสัญญาจะซื้อจะขาย 200,000/แปลง
• ค่าส่วนกลาง 12 บาท/ตร.วา/เดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
• ถ้ามีการกู้แบงค์ค่าจดจำนองผู้ซื้อเป็นผู้ชำระทั้งหมด
• ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2% ผู้ซื้อและผู้ขาย ชำระฝ่ายละครึ่ง
• ค่าประกันมิเตอร์น้ำและมิเตอร์ไฟ ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ทำเลที่ตั้งของ The Cotswold เขาค้อ อยู่ใน ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยจะมีทางเข้าออกจากถนนทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญในเขาค้อ เชื่อมต่อการเดินทางสำคัญของย่านนี้ ทั้งยังเป็นเส้นทางผ่านไปมาของนักท่องเที่ยวในแต่ละปี ทำให้เกิดความเจริญขึ้นในย่านนี้อย่างต่อเนื่องครับ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใหม่ ๆ ขึ้นมาให้เห็นกันตลอด ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำเลยนี้จะยิ่งมีราคาที่ดินที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : สำหรับตัวโครงการเองจะมีการดูแลความปลอดภัยที่จัดว่าเข้มงวดเลยครับ เพราะเราพูดถึงโครงการ The Cotswold เขาค้อ ในส่วนของ The Pano Residence ซึ่งเป็นเฟส 2 ของโครงการ การจะเข้ามาถึงจะต้องผ่านประตูที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยหลายส่วน ซึ่งมีพี่ ๆ รปภ. ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งภายในโครงการเองก็มีประตูรั้วหลักอีก 1 จุด พร้อม CCTV ทั้งหมด 8 ตัวทั้งโครงการ และมีรั้วโครงการสูง 1.8 เมตร ครับ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : ถือเป็นจุดเด่นของโครงการที่ใช้แนวคิดในการออกแบบให้เป็นหมู่บ้านอังกฤษ มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยคุมธีมภาพรวมออกมาได้ดีทีเดียว ทุกอย่างที่ตั้งแต่เราย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ จะทำให้เรารู้สึกเหมือนเข้ามาอยู่ในโลกของหมู่บ้านอังกฤษเลยครับ ทั้งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวัสดุตกแต่ง ไปถึงรูปแบบการออกแบบสถาปัตยกรรม และสวนต่าง ๆ ที่เราเห็น ทำให้ดูกลมกลืนและให้บรรยากาศแบบที่แตกต่างจากที่เห็นกันเป็นประจำจริง ๆ ส่วนการวางผังก็จัดแต่ละโครงการให้ห่างกัน และมีการแยกการดูแลอย่างชัดเจน แต่ยังสามารถเชื่อมต่อกันได้ เพื่อที่จะได้มาใช้พื้นที่ส่วนกลางได้เช่นกันครับ อีกทั้งยังออกแบบให้ในแต่ละพื้นที่มีส่วนกลางของตัวเอง ในแง่ของการที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ และด้วยทำเลที่ตั้งที่เป็นเนินเขา ทำให้บ้านแต่ละหลังไม่บังวิวกัน ได้ความเป็นส่วนตัวสูง และได้วิวอย่างเต็มที่

การขายจะเริ่มที่การเลือกแปลงที่ดินเอง จากนั้นจึงเลือกแบบบ้าน ที่ออกแบบมาให้เลือกถึง 8 แบบ ซึ่งก็ล้วนแต่ออกแบบมาคุมธีมทั้งหมดครับ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือทางโครงการก็เปิดให้สามารถปรับแบบ หรือออกแบบเองได้ แต่มีเงื่อนไขให้สอดคล้องไปกับบริบทโดยรอบด้วยเช่นกัน ซึ่งข้อดีตรงจุดนี้จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเลือกพื้นที่และรูปแบบของการอยู่อาศัยได้เองเลย

วัสดุ : ส่วนนี้ผู้ซื้อสามารถเลือกวัสดุเองได้ ซึ่งทางโครงการจะมีทีมงานสถาปนิกไว้สำหรับให้คำปรึกษาครับ โดยทางโครงการจะเลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งานและไม่หลุดธีมของทางโครงการครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : สภาพตัวบ้านต้องบอกว่าจะได้แบบใหม่มาก ๆ ครับ เพราะบ้านจะเริ่มสร้างตามรูปแบบที่ต้องการ ดังนั้นจะได้บ้านใหม่ชนิดแกะกล่องอย่างแน่นอน ส่วนสภาพถนนและพื้นที่ส่วนกลางต่าง ๆ ยังอยู่ในสภาพใหม่ที่น่าใช้งาน เพราะเพิ่งสร้างเสร็จมาไม่นาน และไม่ได้มีการใช้งานเยอะนัก เนื่องจากรูปแบบโครงการเป็นโครงการตากอากาศ ทำให้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เข้าพักอาศัยแบบที่เวียนกันไปครับ ไม่ได้อยู่ประจำ ส่วนเรื่องของพื้นที่สีเขียวต้องเรียกว่าจัดเต็มแบบสุด ๆ มองไปทางไหนก็ต้องเจอพื้นที่สีเขียวอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นสวนสไตล์ยุโรปที่มีการเลือกพรรณไม้ต่าง ๆ ไว้อย่างดี ช่วยให้บรรยากาศที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ดังนั้นใครที่ต้องการความร่มรื่นหรือพื้นที่สีเขียว ก็คงจะเรียกว่าตอบโจทย์อย่างสุด ๆ เลยสำหรับโครงการนี้

สาธารณูปโภค : เป็นอีกจุดเด่นของโครงการนี้ครับ เพราะอย่างที่บอกไปว่าภายในพื้นที่ของ The Bluesky Property จะมีโครงการบ้านเดี่ยวถึง 3 เฟส (ปัจจุบันเฟส 2) รีสอร์ท และคอนโด ซึ่งจะใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันในหลาย ๆ ส่วน เช่น Clubhouse, สวนอังกฤษขนาด 30 ไร่, ร้านอาหาร และส่วนอื่น ๆ อีกมากมาย มีให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงในแต่ละพื้นที่นั้นก็มีพื้นที่ส่วนกลางที่จัดไว้ให้ใช้งานได้ส่วนตัวในแต่ละพื้นที่นั้น ๆ ด้วยเช่นกัน

Judgement

สำหรับการตัดสินใจซื้อคอนโดตากอากาศ จะไม่ได้พิจารณาจากความคุ้มค่าต่อราคาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนบุคคล ซึ่งเป็นความคุ้มค่าทางอารมณ์ที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจด้วยตนเอง ดังนั้นทางทีมงานเห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนในโครงการลักษณะนี้ครับ

The Cotswold เขาค้อ เหมาะกับใคร

โครงการ The Cotswold เขาค้อ เหมาะกับครอบครัวที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศวิวภูเขาสไตล์อังกฤษในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่สามารถเลือกแปลงที่ดินและแบบบ้านเองได้ทุกรายละเอียด เข้าออกได้จากถนนสายหลักของย่านนี้ มีความเจริญและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญรองรับโดยรอบ และมีบริการรับส่งที่สนามบินพิษณุโลก โดยจะมี Facilities ภายในให้ใช้เยอะและหลากหลาย ในงบประมาณช่วง 8 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีความสามารถในการผ่อนตั้งแต่เดือนละ 56,000 บาท ขึ้นไป

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc