.. Noble TERRA Rama 9 – Ekamai (โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการระดับ Super Luxury จากทาง Noble ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งครับ ที่เปิดตัวมาด้วย Design Concept สุดแสนจะ Unique มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ‘Oneness with Nature’ ให้เราได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด ด้วยการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ไว้ภายในบ้านซะเลย อีกทั้งยังมีช่อง Void ขนาดใหญ่แบบ Triple Volume อยู่ใจกลางบ้านด้วย โดยมีราคาขายเริ่มต้น 45 – 100 ล้านบาท ส่วนจุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจของโครงการจะมีดังต่อไปนี้ครับ

  • การออกแบบฟังก์ชันบ้านที่ Unique ไม่เหมือนใคร เป็นการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาตามจุดต่างๆภายในบ้าน และทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติในทุกๆฟังก์ชัน โดยเฉพาะบริเวณ Inner Court ที่อยู่ตรงใจกลางบ้าน
  • ช่อง Void ขนาดใหญ่แบบ Triple Volume เชื่อมต่อพื้นที่ทุกชั้นเข้าด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ของคนในครอบครัวแล้ว ยังส่วนเพิ่มช่องแสงภายในบ้าน และทำให้มองเห็นต้นไม้กลางบ้านได้ตลอดเวลาอีกด้วย
  • ยูนิตน้อย และมีความเป็นส่วนตัว
  • ทำเลใจกลางพระราม 9 มีความอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก

ข้อมูลโครงการ

Noble TERRA Rama 9 – Ekamai (โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย) ณ วันที่ 27 กันยายน 2566

 ชื่อโครงการ   Noble TERRA Rama 9 – Ekamai (โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   LUXURY – SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนน ประดิษฐ์มนูธรรม ซอย จำเนียรเสริม เขต วังทองหลาง
 ที่ดิน 8-0-4.1 ไร่
 จำนวนยูนิต  29 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • RADIX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.1 – 74.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 382 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท
  • POLLINIS บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 57.1 – 79 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 409 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 51.9 ล้านบาท
  • CORTEX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62.7 – 87.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 457 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 58.3 ล้านบาท
  • FOLIUM บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 74.2 – 74.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 498 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 81.5 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   แบบฝ้าปกติ = 2.8 – 2.9 เมตร และ แบบฝ้าเพดานสูง ประมาณ 6.6 – 12 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   n/a บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี n/a
 เว็บไซต์โครงการ   https://bit.ly/3srDRBI
 โทร   02-251-9955

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ทำเลใจกลางย่านพระราม 9 มีความอุดมสมบูรณ์สูง และเดินทางสะดวก
  • ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 2.5 km. เข้า-ออกเมืองได้ง่าย
  • ใกล้ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลชั้นนำ และโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง
  • เป็นซอยที่เชื่อมต่อถนนใหญ่ได้ถึง 3 เส้นทาง และลัดเลาะเลี่ยงรถติดได้ดี

พิกัด Google Maps : 13.765221, 100.597346
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านพระราม 9 ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนที่สามารถเดินทางได้สะดวก และใกล้แยกพระราม 9 ซึ่งเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมาย ถือเป็นอีกหนึ่ง CBD ที่สำคัญของกรุงเทพที่คึกคักและอุดมสมบูรณ์มากครับ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับทำเลใกล้เคียงได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเลียบด่วนรามอินทรา ลาดพร้าว ทองหล่อ และรามคำแหง

ซึ่งปกติแล้วโครงการอสังหาฯที่เกิดขึ้นในย่านนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคอนโดมิเนียมหรือไม่ก็บ้านหรูระดับ Luxury ที่มีราคาตั้งแต่ 30 – 100 ล้านขึ้นไป เพราะทำเลนี้นอกจากจะเข้า-ออกเมืองได้ง่าย ไปทำงานก็สะดวก และหาของกินได้สบายๆแล้ว ยังเต็มไปด้วยโรงเรียนนานาชาติอีกหลายแห่ง ที่มีค่าเทอมสูงตั้งแต่ 200,000 – 700,000 บาท จึงทำให้กลายเป็นทำเลตอบโจทย์การอยู่อาศัยและใช้ชีวิตของคนในเมืองมากๆครับ

ตัวโครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai ตั้งอยู่ภายในซอยจำเนียนเสริม ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเข้าออกได้หลักๆ 3 ทาง จึงมีการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวก เพราะสามารถลัดเลาะเลี่ยงรถติดได้หลายเส้นทางเลยครับ ประกอบด้วย

  1. ซอย ประดิษฐ์มนูธรรม 1 : ถือเป็นซอยหลักของโครงการ ที่สามารถเชื่อมต่อมาออกถนนใหญ่ประดิษฐ์มนูธรรมได้โดยตรง และห่างจากโครงการประมาณ 300 m. โดยถนนเส้นนี้สามารถวิ่งตรงไปเลียบด่วนรามอินทรา ไปห้างสรรพสินค้า และไปขึ้นทางด่วนได้ง่าย รวมถึงบริเวณหน้าปากซอยจะมี Golden Palce ตั้งอยู่อีกด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักที่ใกล้และสะดวกที่สุดนั่นเองครับ
  2. ซอย จำเนียรเสริม : เป็นอีกหนึ่งซอยหลักที่เราก็น่าจะมีโอกาสได้ใช้งานบ่อยไม่แพ้กัน โดยจะสามารถเชื่อมต่อไปออกถนนประชาอุทิศได้ในระยะ 300 m. ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการไปส่งลูกที่โรงเรียนนานาชาติย่านนี้ รวมถึงยังเชื่อมต่อไปใช้ชีวิตตรงแถวๆรัชดาภิเษก-แยกพระราม 9 ได้อีกด้วยครับ
  3. ถนนพระราม 9 ซอย 17 : เป็นซอยที่สามารถลัดเลาะมาออกที่ถนนพระราม 9 ได้อีกหนึ่งเส้นทาง ในระยะประมาณ 1.8 km. แต่อาจเป็นช่วงที่ขึ้นทางด่วนไม่ทันแล้วนะครับ จึงมักจะใช้ในตอนขากลับจากแยกพระราม 9 หรือไม่ก็มุ่งหน้าไปเข้าเมืองไปทางเอกมัย-ทองหล่อก็ได้เช่นกันครับ

ส่วนทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็น ‘ทางพิเศษฉลองรัช’ ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 km. โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ สามารถเข้าเมืองไปทางอ่อนนุช-พระราม 4 ได้สะดวกเลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ว่างและชุมชนแนวราบครับ รวมถึงยังอยู่ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติอีกด้วย แต่ก็ยังมีความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย เพราะเนื่องจากอยู่ภายในซอยที่มีระยะห่างจากถนนใหญ่ด้านนอกมาหน่อย จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัย ส่วนด้านอื่นๆก็จะมีที่ดินอยู่ติดทำเลต่อไปนี้

  • ทิศเหนือ : ติดที่ว่างและชุมชนแนวราบ
  • ทิศใต้ : ติดที่ว่าง ชุมชนแนวราบ และลำคลองสาธารณะเล็กๆ
  • ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนซอยจำเนียรเสริม
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ

มาดูภาพบรรยากาศรอบๆโครงการกันสักนิดครับ เริ่มจากทางด้านขวามือของโครงการจะอยู่ติดกับที่ว่างและชุมชนแนวราบ

ซึ่งถนนด้านนี้ก็จะสามารถตรงไปเชื่อมต่อกับถนนประชาอุทิศ และถ้าเลี้ยวขวาที่ซอยแรกข้างหน้าก็จะเป็นทางออกไปถนนประดิฐษ์มนูธรรม โดยที่ปากซอย 300 m. จะมี Golden Place ตั้งอยู่นั่นเอง

ส่วนทางด้านซ้ายของโครงการก็จะอยู่ติดกับที่ว่าง และชุมชนแนวราบเหมือนกันครับ โดยถนนทางด้านนี้ก็จะลัดเลาะไปเชื่อมต่อออกถนนพระราม 9 ได้นั่นเอง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Golden Place สาขาพระราม 9 ~ 300 m.
  • The Mall รามคำแหง ~ 3.1 km.
  • Foodland หัวหมาก ~ 3.5 km.
  • The Street รัชดา ~ 4.2 km.
  • เจ อเวนิว ทองหล่อ ~ 5.4 km.
  • Central Rama 9 ~ 5.6 km.
  • JODD FAIRS ~ 5.8 km.
  • เอ็มควอเทียร์ ~ 7.7 km.
  • Terminal 21 ~ 8.5 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.ปิยะเวท ~ 4.3 km.
  • รพ.กรุงเทพ ~ 4.7 km.
  • รพ.พระราม 9 ~ 5.4 km.
  • รพ.สุขุมวิท ~ 6.7 km.
  • รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 8.3 km.

โรงเรียน

  • Regent’s International School Bangkok ~ 550 m.
  • SISB : Singapore International School Bangkok~ 1 km.
  • Saint Dominic School KIS International School ~ 1.5 km.
  • Shrewsbury International School Bangkok City Campus ~ 4.8 km.
  • St Andrews International School Bangkok ~ 6.8 km.

สถานที่อื่นๆและอาคารสำนักงาน

  • Cyber World Towers ~ 4.7 km.
  • The Ninth Tower ~ 5.6 km.
  • G Tower ~ 5.9 km.
  • Fortune Tower ~ 6.1 km.
  • KPN Tower ~ 6.1 km.
  • SET Tower ~ 6.2 km.
  • AIA Capital Center ~ 6.9 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • เป็นโครงการขนาดเล็ก และยังมีเพื่อนบ้านร่วมซอยน้อย มีความเป็นส่วนตัว
  • Double Security Gate มีซุ้มประตู 2 ชั้น ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น
  • กระจายส่วนกลางออกเป็น 2 จุด ด้านหน้าเป็นอาคาร Clubhouse ที่เป็นฟังก์ชันหลักๆ และใช้รับรองแขกได้ ส่วนด้านในเป็นพื้นที่สวนที่เป็นส่วนตัว

Noble TERRA เป็นหนึ่งใน ‘The Rarity Selection’ โครงการระดับ Super Luxury จาก Noble ที่ถูกพัฒนาผ่าน 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

  • Rare Lacation
  • Rare Design
  • Rare Experience

ซึ่งคราวนี้เค้าได้เปิดตัวคู่มากับ Noble AQUA กลายเป็นเหมือนโครงการพี่น้องกัน แต่จะมี Concept ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยโครงการ Noble TERRA จะเน้นคอนเซ็ปต์ให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ในขณะที่ Noble AQUA จะเน้นในเรื่องของบ้านเดี่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลักนั่นเองครับ

โครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai ตั้งอยู่บนที่ดิน 8-0-4.1 ไร่ และมีเพื่อนบ้านเพียง 29 ยูนิต ถือเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีความเป็นส่วนตัว โดยบ้านในแต่ละซอยก็จะมีเพื่อนบ้านเพียง 2 – 6 ยูนิตเท่านั้น

แต่จุดเด่นของโครงการนี้จริงๆ ก็คือ Double Security Gate ที่จะช่วยทำให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น โดยบุคคลคนภายนอกหรือ Visitor จะสามารถเข้ามานั่งคอยได้เฉพาะตรง Clubhouse บริเวณด้านหน้าเท่านั้นครับ ซึ่งถ้าเป็น Gate ที่ 2 จะมีเพียงลูกบ้านและบุคคลที่ได้รับอนุญาติเท่านั้นจึงจะผ่านเข้าไปได้

ส่วนกลางจะมีการกระจายตัวอยู่ 2 จุดหลักๆคือ อาคาร Clubhouse ที่อยู่ทางด้านหน้าจะเป็นทั้งฟังก์ชันหลักให้เราได้มาใช้งาน และยังเป็นส่วนรับรองแขกไปด้วยในตัว ส่วนถ้าเป็นพื้นที่สวนด้านในก็มีการใช้งานเฉพาะลูกบ้าน และมีความเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียว

เริ่มกันที่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าโครงการ ด้านบนจะเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร Clubhouse ซึ่งจะเห็นได้ว่าดีไซน์จะเป็นผนังทึบทั้งหมด ทำให้เป็นโครงการที่ดูแล้วมีความเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียวครับ

บริเวณ Gate ชั้นที่ 1 อนาคตจะมีการติดตั้งไม้กั้นกระดกเพิ่มเติม พร้อมกับกล้อง CCTV และแยกทางเข้า-ออกชัดเจน โดยจะเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบ License plate record ที่ลูกบ้านจะสามารถขับผ่านได้สะดวกเลย แต่ถ้าเป็น Visitor จะต้องแลกบัตรกับ รปภ. ก่อนตามปกติครับ

ซึ่งแขกก็จะสามารถเข้ามานั่งพักคอยที่อาคาร Clubhouse โดยมีที่จอดรถรองรับ 3 คันตรงนี้ได้ แต่จะไม่สามารถผ่านซุ้มประตูเหล็กรางเลื่อน Gate ที่ 2 เข้าไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาติครับ จึงทำให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยดีทีเดียว

เรามาดูภายใน Clubhouse กันต่อเลยครับ เริ่มกันที่บริเวณชั้น 1 จะมีฟังก์ชันหลักเป็นสระว่ายน้ำที่อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งจะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อจากบริเวณด้านหน้าให้ตรงเข้ามาได้เลย

โดยสระนี้จะเป็นแบบกลางแจ้ง ที่จะหลบมาอยู่ด้านหลังซุ้มประตู และหลังอาคาร Clubhouse จึงมีความเป็นส่วนตัวสูง แบ่งออกเป็น 3 สระคือ

  • Swimming Pool สระระบบเกลือ ขนาด 4 x 16 m.
  • Kid’s Pool ขนาด 3 x 1.6 m.
  • Jacuzzi ขนาด 1.6 x 3.4 m.

และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ม่านน้ำตกขนาดใหญ่ที่สูงกว่า 5 – 6 m. ซึ่งจะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับการมาใช้งาน Facilities ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นจากการมองด้วยสายตา และจากการฟังเสียงของน้ำที่ไหลลงมาครับ

ด้านขวามือของสระจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสระแบบในร่ม จึงทำให้มานั่งเล่นพักผ่อนได้ตลอดทั้งวันเลยครับ

ส่วนด้านซ้ายมือของสระจะเป็นทางไปยังห้องน้ำ และมีสะพานทางเดินข้ามไปยัง Kid’s Pool กับ Jacuzzi ที่อยู่ริมน้ำตกฝั่งตรงข้ามได้ด้วย

โดยตรงจุดนี้ผมอาจแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่พาน้องๆมาเล่นน้ำ อาจต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดสักนิดนึง เพราะตำแหน่งจะอยู่ค่อนข้างไกลจากจุดนั่งเล่นพักผ่อนพอสมควรครับ

และภายในห้องน้ำก็จะแบ่งแยกชาย-หญิง พร้อมทั้งมีตู้ล็อคเกอร์ โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำให้ใช้งานครบเป็นมาตรฐาน

ส่วนการขึ้นชั้น 2 จะมีประตูทางเข้าอยู่ด้านหน้า (ก่อนถึงสระว่ายน้ำ) แบบนี้เลยครับ

ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Welcome Lounge ซึ่งเป็นทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อน และพื้นที่สำหรับรับรองแขกได้นั่นเองครับ

บริเวณด้านหน้าสุดนอกจากจะมีพื้นที่ให้นั่งหันออกไปชมวิวภายนอกเต็มๆได้แล้ว ยังสามารถเปิดออกไปยังระเบียง และก้มลงไปมองดูสระว่ายน้ำแบบนี้ได้อีกด้วย

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นโซฟาแบบชิลๆ ให้ลูกบ้านได้มาพบปะพูดคุย หรือใช้เป็นพื้นที่นั่งคอยสำหรับ Visitor ที่มาเยี่ยมก็ได้ครับ

ฝั่งตรงข้ามเป็นมีห้องที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแยกไปเป็นสัดส่วน

ภายในคือ Exclusive Fitness Center ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มาพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆจาก Technogym ให้ใช้งานครบครัน

โดยเฉพาะโซนของ Cardio จะหันหน้าออกไปรับวิวสระว่ายน้ำ และม่านน้ำตกที่อยู่ด้านหลังแบบนี้ครับ ทำให้เราสามารถออกกำลังกายไปและชมวิวไปด้วยได้แบบส่วนตัวเลย

สุดท้ายจะเป็น Business Lounge และ Juristic Room ที่จะมีบันไดอยู่แยกขึ้นไปชั้นบน โดยต้องแจ้งก่อนว่าในวันที่ผมเข้ามารีวิวนี้ ห้องด้านบนกำลังมีการใช้งานกันอยู่ ก็เลยอาจยังไม่มีภาพของจริงมาให้ชมกันนะครับ (ถ้าใครสนใจก็สามารถเข้ามาชมที่โครงการกันได้เลยนะ)

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 4 x 16 m.
  • Kid’s Pool ขนาด 3 x 1.6 m.
  • Jacuzzi ขนาด 1.6 x 3.4 m.
  • Exclusive Fitness Center
  • Welcome Lounge
  • Business Lounge
  • Juristic Room
  • Sensony Garden
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 6.9 – 8 ม. และถนนภายในกว้าง 6 ม.
  • Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
  • Key Card Access ระยะไกล เป็นระบบ Bluetooth เปิดอัตโนมัติ (Easy Pass)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง (Generate slip / ID card record / License plate record / Return slip with stamp)
  • ประตูรั้วโครงการแบบ ประตูเหล็กเลื่อนไฟฟ้า เป็นแบบ Double Gate Securities แบบ 2 ชั้น
  • ระบบ Face Scan สำหรับประตูคนเดิน
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor / กล้อง CCTV / IP Camera / Digital Door Lock และระบบ Home Automation ทุกหลัง
  • ติดตั้ง Active AIR Quality System จาก SCG ช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 และเพิ่ม Oxygen ภายในบ้าน
  • เดินสายไฟลงใต้ดินทั้งโครงการ พร้อมระบบไฟ 3 Phase (50/150) และมี Junction รองรับการติดตั้ง EV Charger สำหรับรถพลังงานไฟฟ้าทุกยูนิต

แบบบ้าน

Highlights :

  • Unique Design เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีพื้นที่ Inner Court ให้ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ในบ้านได้
  • คอนเซ็ปต์ Oneness with Nature สอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปตามจุดต่างๆของบ้าน ทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
  • มีช่อง Void แบบ Triple Volume ขนาดใหญ่ตรงกลางบ้าน เชื่อมต่อพื้นที่ทุกชั้น ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนในบ้าน และยังเพิ่มช่องแสง + มองเห็นต้นไม้กลางบ้านจากห้องต่างๆได้อีกด้วย

Noble TERRA Rama 9 – Ekamai เป็นโครงการแห่งแรกของ Noble ที่ออกแบบโดย Anonym Studio ซึ่งมีผลงานการออกแบบบ้านโครงการต่างๆ มาแล้วหลายแห่งครับ โดยโครงการ Noble Terra Rama 9 – Ekamai แห่งนี้ก็จะใช้คอนเซ็ปต์ Oneness with Nature ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 แกนหลักๆ คือ

  • Self Sufficient : การที่บ้านสามารถอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตัวเอง ได้แก่ การที่มี Sky Roof จะทำให้ภายในบ้านได้รับแสงสว่างที่เพียงพอในตอนกลางวัน โดยไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลา หรือการมีพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวทานเอง เป็นต้น
  • Connecting : การเชื่อมต่อคนกับธรรมชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ด้วยช่องแสง Triple Volume ที่เชื่อมต่อบ้านทั้ง 3 ชั้นเข้าด้วยกัน
  • Grounding : การสร้างสิ่งแวดล้อมให้ผู้อยู่อาศัยสงบและกลับมาสู่จุดสมดุล โดยการดึงธรรมชาติให้เข้ามาสู่ภายในบ้านและบนอาคาร ทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับแบบบ้านของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบ ประกอบด้วย

  • RADIX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.1 – 74.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 382 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • POLLINIS บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 57.1 – 79 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 409 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • CORTEX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62.7 – 87.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 457 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
  • FOLIUM บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 74.2 – 74.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 498 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

โครงสร้างบ้านเป็นระบบ Conventional หรือผนังก่ออิฐมวลเบา จึงทำให้มีความแข็งแรงและสามารถต่อเติมได้ง่าย อีกทั้งยังมีการเพิ่มเทคโนโลยีเครื่องกรองอากาศภายในบ้าน ช่วยให้มีอากาศบริสุทธิ์หมุนเวียน รวมถึงยังมีการออกแบบฟังก์ชันใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้าง Unique ไม่เหมือนใครมากๆครับ แต่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราลองไปชมบ้านตัวอย่างกันเลยดีกว่า

  • POLLINIS บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 57.1 – 79 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 409 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

สำหรับบ้านตัวอย่างที่จะพามาชมในวันนี้จะเป็นแบบที่ 2 ของโครงการ (เกือบเล็กสุด) โดยลักษณะจะเป็นบ้านที่สร้างเต็มที่ดินบ้าน และมีจุดเด่นคือ ‘Inner Court’ ที่อยู่ตรงกลางบ้าน ซึ่งจะสามารถปลูกต้นไม้ภายในบ้านได้ รวมถึงยังมีการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวไว้ตามชั้นต่างๆ และทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมี Void หรือช่องเปิดขนาดใหญ่ตรงกลางบ้าน ที่จะเป็นส่วนเชื่อมต่อพื้นที่ชั้นต่างๆ ทำให้คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องเปิดภายในห้องต่างๆ ให้มีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้น สามารถมองเห็นต้นไม้กลางบ้านได้ตลอดเวลา รวมถึงยังมีการดีไซน์ที่จอดรถตู้มาให้อีก 1 คันด้วยครับ

แปลนชั้น 1 นอกจากจุดเด่นจะเป็น ‘Inner Court’ ที่ปลูกต้นไม้ไว้ในบ้านได้แล้ว ยังมีการแยก Circulation การใช้งานของแต่ละบุคคลได้อย่างชัดเจนดีมากๆอีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสำหรับ Visitor ด้านหน้าสุดจะเชื่อมต่อไปยังโซนรับแขกได้เลย / เส้นทางสำหรับ Owner ที่จะสามารถตรงขึ้นชั้นบนด้วยลิฟต์หรือบันไดได้สะดวก ส่วนเส้นทางสำหรับ Maid และการ Service จะอยู่แยกออกไปทางด้านข้างนอกตัวบ้านไปเลย จึงทำให้เจ้าของบ้านจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้อง พร้อมกับห้องน้ำส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งหากลองสังเกตดีๆจะเห็นว่า ห้องนอนแต่ละห้องจะมีขนาดพื้นที่ใช้งานพอดีๆ เพราะต้องการเน้นให้มีจำนวนฟังก์ชันที่เยอะ และเอาไปปรับใช้ได้หลากหลายตามต้องการนั่นเอง รวมถึงยังมีห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานอีก 1 ห้องครับ จึงเป็นชั้นที่เหมาะกับเป็นห้องนอนของลูกๆ หรือถ้าเป็นผู้สูงอายุก็ขึ้นมาอยู่อาศัยได้ง่าย เพราะมีลิฟต์ส่วนตัวให้ใช้งานได้นั่นเอง

แปลนชั้น 3 จะเป็นห้อง Master Bedroom แบบเต็ม Floor โดยจะแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆคือ โซนเตียงนอนจะอยู่ทางด้านหน้าบ้าน และโซนด้านข้างเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่กั้นห้องกระจกมาให้พร้อมใช้งาน ส่วนโซนด้านหลังจะเป็นห้องน้ำและ Walk-in Closet แบบแยกชาย-หญิงคนละฝั่ง ซึ่งพอรวมกับห้องน้ำแล้วจะมีขนาดพื้นที่ใหญ่มากๆครับ ส่วนตัวผมคิดว่า Walk-in Closet ที่อยู่ด้านในสุดจะมี Circulation ที่ใช้งานแตกต่างจากปกติสักนิดนึง เพราะจะต้องมีการเดินผ่านไป-มาตรงโซนอาบน้ำตลอดนั่นเอง

ประตูทางเข้าโครงการจะเป็น Aluminium ตามบ้านมาตรฐานเลยครับ ซึ่งจะเป็นแบบรางเลื่อน 3 ตอน มาพร้อมกับการติดตั้งระบบอัตโนมัติทุกหลัง ที่ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล ทำให้ใช้งานได้สะดวก

ที่จอดรถกว้าง 7.5 m. สามารถจอดรถได้ 3 คันสบายๆ โดยจะเป็นการจอดรถในร่วมทั้งหมด ส่วนพื้นจะลงเสาเข็มมาให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน และปูด้วยกระเบื้อง Porcelian ขนาด 60 x 60 แบบนี้เลยครับ

จุดเด่นอย่างหนึ่งของพื้นที่จอดรถก็คือ เค้าจะมีช่องสำหรับจอดรถ Van หรือรถที่จะมีความยาวพิเศษเอาไว้ให้ 1 ช่องจอดแบบนี้ทุกหลัง โดยจะมีความลึกจากประตูรวมประมาณ 6 m.

นอกจากนี้ยังมีการเตรียม Junction ของ EV Charger เอาไว้ให้ด้วย หากใครที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็สามารถติดตั้งเพิ่มได้ด้วยตัวเองเลยครับ (ระบบไฟ 3 Phase 50/150)

ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าบ้านสำหรับ Owner และเส้นทาง Service สำหรับแม่บ้านแยกออกไปเป็นส่วนตัว รวมถึงจะมีกล้อง CCTV ติดตั้งเอาไว้เป็นมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยด้วยครับ

โดยบริเวณมุมบ้านจะมีถังขยะซ่อนอยู่อย่างเรียบร้อย ซึ่งจะสามารถเปิดได้สะดวกทั้งจากในบ้านและหน้าบ้านแบบนี้เลย

รวมถึงบริเวณหน้าห้องแม่บ้านจะปูพื้น ทำเป็นทางเดินมาให้ใช้งานเรียบร้อยแบบนี้ ซึ่งจะยาวต่อเนื่องไปจนถึงโซนครัวหลังบ้านเลยครับ

โดยจะเป็นเส้นทาง Sevice ของแม่บ้าน ที่จะแยกออกมาจากโซนของ Owner ทำให้มีความเป็นส่วนตัวแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

ส่วนทางด้านขวาของที่จอดรถจะเป็นทางเข้าบ้านหลักอีกจุดหนึ่งครับ

โดยเส้นทางนี้จะมีประตูทางเข้าคนเดินให้ใช้งานด้วย วัสดุเป็น Aluminium ลายไม้ที่จะสามารถทนต่อสภาพอากาศ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ก็มีความสวยงามและให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติไม่แพ้ไม้จริงเลยครับ

ส่วนด้านข้างก็จะมีทั้งตู้ไฟและตู้จดหมาย ซ่อนอยู่ในกำแพงบ้านเรียบร้อยแบบนี้เลย ซึ่งกำแพงรอบบ้านจะมีความสูงถึง 2.5 m. จึงมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยที่ดีทีเดียว อีกทั้งยังกรุด้วยกระเบื้อง Kenzai ทำให้มีความสวยงามและดูมีรายละเอียดมากขึ้นครับ

ถัดเข้ามาจะเป็นประตูทางเข้าบ้านหลักสำหรับ Owner และ Visitor โดยคราวนี้จะใช้เป็นประตูบานไม้สักของจริง มาพร้อมกับ Digital Door Lock ที่จะติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลย

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่เป็นเหมือน Foyer ซึ่งด้านซ้ายจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ส่วนฝั่งด้านขวาก็ยังพอจะ Built-in ตู้เก็บรองเท้าเพิ่มได้ด้วยครับ

แต่จุดเด่นจริงๆของพื้นที่นี้ก็คือ ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ที่สูงประมาณ 6 m. พร้อมทั้งเปิดช่องแสงทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน ทำให้มีความสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถแบ่งโซนการใช้งานได้ตามต้องการ โดยพื้นที่ส่วนแรกนี้ก็จะเหมาะกับทำเป็น Living Area หรือโซนที่ใช้รับแขกครับ

ส่วนความสูงของฝ้าในพื้นที่ปกติจะอยู่ที่ 2.8 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelain ขนาด 80 x 80 cm. เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะมีความสวยงามทนทาน และดูแลรักษาได้ง่าย

ส่วนบริเวณกลางบ้านเราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน ทั้งจากหน้าบ้านและส่วนหลังบ้าน ซึ่งนอกจากจะมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆแล้ว เรายังสามารถเปิดประตูทั้ง 2 เพื่อเชื่อมต่อกับภายนอก และทำให้มีอากาศถ่ายเทที่ดีมากๆได้อีกด้วย

แต่จุดเด่นที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Inner Court ที่อยู่ตรงกลางบ้านแบบนี้ ซึ่งจะไม่ใช่แค่เพียงการออกแบบให้เชื่อมต่อกับธรรมชาติเท่านั้น แต่เป็นการนำเอาธรรมชาติหรือต้นไม้ให้เข้ามาอยู่ภายในบ้านเลยนั่นเองครับ

สำหรับฟังก์ชันนี้ถือเป็นการออกแบบที่ Unique เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะตอบโจทย์สำหรับคนที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ หรือชอบต้นไม้มากๆ และทางโครงการจะมีการปลูกต้นไม้มาให้แบบนี้เลยครับ โดยบ้านแต่ละขนาดก็จะมีการกำหนดชนิดของต้นไม้ที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

  • Type Pollinis = ต้นเกล็ดกะโห้เขียว (สูง 4.5 m.)
  • Type Cortex = ต้นจิกเศรษฐี (สูง 5 m.)
  • Type Folium = ต้นกลด (สูง 3 – 5 m.)

โดยถ้าใครที่อาจมีพันธุ์ไม้ชนิดอื่นๆอยู่ในใจ ก็สามารถหามาเปลี่ยนเองได้นะครับ ซึ่งผมแนะนำให้เป็นต้นที่สามารถปลูกในพื้นที่ Indoor แบบนี้ได้ รวมถึงอาจเลือกเป็นพันธุ์ที่มีลักษณะใบใหญ่ๆสักหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บทำความสะอาดได้ง่ายนั่นเอง

ส่วนกระบะปลูกต้นไม้ใต้ดินก็จะมีการเตรียมท่องานระบบน้ำ/ไฟ เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ และฝ้าเพดานก็จะเป็นแบบ Triple Volume สูงประมาณ 11 – 12 m. ไปจนถึง Skylight ของ Roof top ที่อยู่ชั้นบนสุด และจะมีแสงอาทิตย์ส่งลงมาให้ต้นไม้ได้สังเคราะห์แสงตามธรรมชาติได้แบบนี้ครับ

ส่วนบริเวณหลังบ้านเราก็ยังสามารถปลูกต้นไม้จัดสวนภายนอกได้ตามปกติ ซึ่งความกว้างก็จะแล้วแต่ตำแหน่งของบ้านแต่ละแปลงที่จะไม่เท่ากัน

และการที่เรามีช่องแสงขนาดใหญ่แบบนี้ ก็จะสามารถมองเห็นและเชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวได้อย่างเต็มที่แบบนี้นั่นเองครับ

บริเวณตรงกลางบ้านสามารถวางโต๊ะทานอาหารตัวใหญ่ได้สบายๆ อีกทั้งยังมีพื้นที่มากพอให้ทำเป็น Island table หรือ Pantry สำหรับเตรียมอาหารเพิ่มได้อีกด้วย โดยของจริงจะมีการเตรียมเป็นท่องานระบบเอาไว้ให้นะครับ

ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของครัวไทย ซึ่งจะมีขนาดกว้างประมาณ 1.6 x 3.15 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ ถือว่าขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก

และของจริงเราอาจต้อง Built-in เคาน์เตอร์เพิ่มเองนะ (แต่จะมีการเตรียมท่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้) ส่วนด้านหลังนอกจากจะมีประตูเปิดออกไปสู่หลังบ้านแล้ว ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เราได้เปิดระบายอากาศด้วยครับ

ภายนอกจะเป็นเหมือนลานซักล้างเล็กๆ และเป็นเส้นทางเดิน Service สำหรับแม่บ้านที่ยาวต่อเนื่องมาจากห้องพักด้านหน้าก่อนหน้านี้

โดยจะเห็นว่าบริเวณด้านข้างบ้านจะกว้างแค่เพียง 1 m. เท่านั้น เนื่องจากเป็นบ้านที่สร้างเต็มพื้นที่ดิน แลกกับการที่จะไม่ได้มีช่องเปิดด้านข้างเลยนั่นเอง (แต่ก็มีการดีไซน์ช่องแสงและ Void กลางบ้าน เพื่อแก้ปัญหาของบ้านแบบนี้เอาไว้แล้วเรียบร้อย)

มาต่อกับพื้นที่โซนสุดท้ายของชั้น 1 ซึ่งจะเป็นโถงทางเดินเล็กๆแยกออกไปด้านหลังบันไดแบบนี้ครับ

ขวามือจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ซึ่งจะใช้งานสำหรับ Common Area ของชั้น 1 ทั้งหมด ภายในมีขนาด 1 x 2 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก Roca ให้ใช้งานครบ

โดยโถสุขภัณฑ์จะเป็นแบบอัตโนมัติใช้งานง่าย ส่วนด้านบนนอกจากจะมีช่องหน้าต่างที่ระบายอากาศได้ตามปกติแล้ว ทางโครงการก็ยังจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ในห้องน้ำทุกห้องอีกด้วย

ถัดจากห้องน้ำจะเป็นส่วนของ Laundry ที่ของจริงจะไม่ได้มีการ Built-in ตู้มาให้นะครับ เพื่อให้เราสามารถออกแบบฟังก์ชันได้เองตามต้องการ แต่ก็จะมีการเตรียมท่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้แล้วเช่นเคย

ปลายทางเดินจะเป็นลิฟต์ส่วนตัวให้ใช้งาน ดังนั้นใครที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ สามารถใช้งานขึ้น-ลงได้สะดวก รวมถึงจะมีประตูเชื่อมต่อไปยังพื้นที่จอดรถก่อนหน้านี้ได้อีกด้วย

ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วว่าเส้นทางนี้ก็คือทางเข้าสำหรับ Owner ที่พอเรากลับเข้าบ้านมาก็สามารถขึ้นลิฟต์หรือบันได เพื่อไปพักผ่อนด้านบนได้เลย โดยไม่ต้องผ่านโซน Living ก่อนให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ประสาน และมีไฟส่องสว่างติดตั้งให้เพื่อความปลอดภัยตลอดทาง (เป็นแบบการเปิด-ปิดด้วยสวิตซ์ 2 ทาง หรืออาจติดตั้งเป็นระบบ Motion Sensor เพิ่มเติมเองก็ได้ครับ จะได้ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น)

เดินขึ้นมาชั้นบนจะสัมผัสได้ว่าตัวบันไดนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีความสว่างโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ เพราะจะอยู่ในตำแหน่งติดกับช่อง Void ตรงกลางบ้านแบบนี้นั่นเอง

โถงบันไดบนชั้น 2 เราจะได้แสงสว่างส่องผ่านลงมาจาก Skylight ที่อยู่ด้านบน อีกทั้งบริเวณโดยรอบช่อง Void จะใช้เป็นราวกันตกกระจกนิรภัย จึงทำให้ดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดีมากๆครับ

สำหรับช่อง Void ตรงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของบ้านเลยครับ ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ และทำให้บริเวณกลางบ้านสว่างแบบไม่ต้องเปิดไฟแล้ว ยังทำให้คนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านเกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้นอีกด้วย

โดยคนที่อยู่ต่างชั้นกันจะสามารถมองเห็นกันได้ ว่าแต่ละคนกำลังทำอะไรอยู่ห้องไหนกันบ้าง รวมถึงยังทำให้เราสามารถมองเห็นต้นไม้ หรือพื้นที่สีเขียวที่เราปลูกเอาไว้กลางบ้านแบบนี้ได้ตลอดเวลาด้วยนั่นเองครับ

แต่สำหรับคนที่มีความต้องการอยากเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ด้วยการเทพื้นปิดช่อง Void นี้ไปเลย ก็สามารถทำได้ครับ เพียงแต่เราอาจต้องมีการทำโครงสร้างใหม่เพิ่มเติม เพื่อรองรับน้ำหนักของพื้นใหม่ด้วย เพราะโครงสร้างดั้งเดิมของตัวบ้านไม่ได้ถูกคำนวณมาให้รองรับการต่อเติมได้นั่นเอง

บรรยากาศของโถงบันไดชั้น 2 พอเราเห็นทั้งต้นไม้และเห็นทั้งแสงแบบนี้ ก็ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนพื้นที่ Semi-Outdoor มากๆเลยครับ

ซึ่งของจริงจะมีการกั้นผนังทึบที่ห้องทางด้านขวามาให้เป็นมาตรฐานนะ แต่ทางบ้านตัวอย่างได้นำออกไปให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็ทำให้เป็นพื้นที่กว้างขวางโปร่งโล่งดีมากๆ

สำหรับห้องนี้ถ้ามีผนังกั้นตามปกติก็จะมีขนาด 4.8 x 2.7 m. สามารถทำเป็นห้องนอนได้สบายๆ หรือใครอยากปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆก็ได้ตามต้องการ เช่น บ้านตัวอย่างหลังนี้ก็ได้ทำเป็นพื้นที่ทำงานให้ดูเป็นไอเดียครับ

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบ Active AIR Quality System จาก SCG ที่จะช่วยทำให้อากาศภายในบ้านมีการถ่ายเทที่ดี

อีกทั้งช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 และยังช่วยเพิ่ม Oxygen ภายในบ้านอีกด้วย ซึ่งจะมีการติดตั้งอยู่ในห้องนอนทุกห้องเลยครับ

รวมถึงห้องนอนนี้ยังมีห้องน้ำส่วนตัวให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งภายในก็มีการแบ่งฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วน มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก Roca ให้ใช้งานครบเช่นเดิม

ขวามือจะเป็น Shower Box ซึ่งจะมีการกั้นผนังกระจกนิรภัยมาให้แบบนี้เลยครับ ภายในมีขนาด 1.6 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

ติดกันจะเป็นห้องนอนที่จะอยู่ทางโซนหลังบ้าน ซึ่งพอเข้ามาเราจะเจอกับ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ และจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ด้านซ้ายมือ

ที่จะเชื่อมต่อกับ Inner Court ที่อยู่กลางบ้านได้แบบนี้เลย จึงทำให้มีความสว่าง มองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ตลอด รวมถึงยังสามารถมองเห็นคนอื่นๆภายในบ้านได้อีกด้วย

ส่วนพื้นที่วางเตียงนอนจะอยู่โซนถัดเข้ามาด้านในครับ กว้างประมาณ 3 x 4.6 m. มีพื้นที่รอบเตียงเหลือเฟือให้ใช้งานได้สบายๆ

ด้านขวาของห้องจะเป็นผนังกระจกที่เชื่อมต่อกับ Double Volume บริเวณ Living Area ชั้น 1 ในตอนแรกก่อนหน้านี้

ซึ่งนอกจากจะทำให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้น และสามารถมองเห็นคนที่อยู่ชั้นล่างได้แล้ว ยังได้แสงสว่างและมองเห็นพื้นที่สีเขียวภายนอกจากหน้าต่างด้านข้างได้อีกด้วย

ถือเป็นการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาบ้านสร้างเต็มที่ดิน ที่มักจะไม่ค่อยมีช่องเปิดด้านข้างแบบนี้ได้อย่างน่าสนใจดีเลยทีเดียวครับ

ส่วนปลายเตียงจะเป็นระเบียงขนาด 6.3 x 0.7 m. สามารถออกไปยืนสูดอากาศชมวิวได้แบบพอดีๆ

โดยจะเป็นช่องแสงหลักขนาดใหญ่ของห้องนี้ ส่วนราวกันตกก็จะเป็นกระจกนิรภัย ที่จะทำให้สามารถเปิดรับวิวได้เต็มที่มากขึ้นครับ

สำหรับห้องน้ำในตัวก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก Roca ครบเหมือนห้องอื่นๆ โดยพื้นที่อาบน้ำจะกว้าง 1.6 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

คราวนี้เราจะไปดูฟังก์ชันอีกด้านหนึ่งของชั้น 2 กันบ้างครับ ซึ่งก็จะมีอยู่อีก 2 ห้องด้วยกัน

เริ่มกันจากพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ทางโซนหน้าบ้าน ซึ่งของจริงก็จะกั้นด้วยผนังกระจกล้อมรอบแบบนี้มาให้เลยครับ จึงเป็นห้องสว่างโปร่งโล่งมากๆ

โดยมีขนาดกว้างประมาณ 3 x 3 m. สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งทำงาน หรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆได้ตามต้องการ

จุดเด่นของห้องนี้คือ จะมีการเปลี่ยนวัสดุปูพื้นจาก Engineer Wood เป็นกระเบื้อง Porcelain เพื่อให้เป็นเหมือนพื้นที่สามารถใช้งานแบบ Semi-Outdoor ซึ่งทางโครงการมีการตั้งชื่อให้เล่นๆว่าเป็นฟังก์ชันแบบ Double Balcony นั่นเองครับ

นอกจากนี้ยังมี Pocket Garden ด้านข้างแบบนี้ด้วยครับ โดยของจริงจะเป็นการเตรียมให้เฉพาะกระบะต้นไม้ และงานระบบน้ำ/ไฟเอาไว้ให้เท่านั้น

ซึ่งเราอาจต้องหาต้นไม้ที่ชอบมาปลูกเอง หรืออาจปลูกพวกพืชผักสวนครัว เพื่อนำไปใช้ประกอบอาหารตามคอนเซ็ปต์แรกเริ่มของโครงการก็น่าสนใจดีนะครับ

ปล.สำหรับ Pocket Garden ที่ชั้นบนนี้ จะมีอยู่ค่อนข้างหลายตำแหน่งเลยครับ ซึ่งแต่ละแบบบ้านจะมีเพียงแค่ 1 ตำแหน่งเท่านั้นที่จะมีการปลูกต้นไม้มาให้เป็นมาตรฐานไว้แล้ว (สอบถามโครงการอีกครั้ง) โดยหลังเล็กสุดอย่าง Radix จะได้เป็นต้นสั่งทำ / ส่วนที่เหลืออีก 3 แบบจะได้เป็นต้นกันเกราครับ

สุดท้ายจะเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุดของบ้าน ซึ่งก็จะอยู่ทางโซนด้านหลังอีกฝั่งหนึ่งครับ ภายในมีขนาด 2.8 x 3.65 m. พอจะทำเป็นห้องนอนตามปกติได้อยู่นะ

แต่หากใครที่เป็นครอบครัวขนาดเล็กที่ไม่ได้อยู่กันหลายคน ก็อาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตามต้องการเลยครับ เช่น ห้องพระ ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกมส์ เป็นต้น

แน่นอนว่าห้องนี้ก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานแบบส่วนตัวด้วย ซึ่งภายในก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก Roca ครบเช่นเคย

ด้านซ้ายมือจะเป็น Shower Box ที่กั้นกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อย ภายในมีขนาดกว้าง 1 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้สะดวก

ขึ้นมาบนชั้น 3 เราจะเจอกับโถงบันไดที่สว่างมากๆ เพราะด้านข้างจะมีช่องแสงทั้ง 2 ด้านเลยครับ

โดยช่องแสงตรง Skylight จะเป็นกระจกลามิเนตใสตัดแสง ที่พอจะกรองแสงและยูวีได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นช่วงเที่ยงที่แสงแดดแรงๆ ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความร้อนอยู่พอสมควรนะครับ

แต่จุดเด่นของฟังก์ชันนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ บริเวณด้านข้างจะมีช่องหน้าต่างเล็กๆที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ด้วย

นั่นหมายความว่าอากาศร้อนที่ลอยตัวสูงขึ้นมาตามโถงบันได ก็จะสามารถระบายออกสู่ภายนอกผ่านทางนี้ได้นั่นเอง ช่วยทำให้ภายในบ้านมีอากาศถ่ายเทได้ดีมากขึ้นครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของโถงบันไดจะเป็น Pocket Garden ที่อยู่ด้านหน้าลิฟต์โดยสารพอดี และจะเห็นว่าด้านนอกจะมีบันไดลิงให้เราสามารถปีนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อ Maintenance พวก Compressor ของเครื่องปรับอากาศ รวมถึงขึ้นไปทำความสะอาดหลังคากระจกได้อีกด้วยครับ

สำหรับชั้นนี้จะเป็น Master Bedroom แบบทั้งชั้นเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นเหมือน Pentouse เลยก็ว่าได้

จุดเด่นที่เห็นอย่างแรกก็คือ บริเวณปลายเตียงจะมี Pocket Garden ให้เราสามารถปลูกต้นไม้ได้แบบนี้ ทำให้เวลาที่เราอยู่ในห้องก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ตลอดเวลา

รวมถึงยังช่วยพรางสายตาจากภายนอก และยังสามารถออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้อีกด้วย

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่กั้นด้วยผนังกระจกแบบเข้ามุม จึงทำให้มีความกว้างขวางและโปร่งโล่งดี รวมถึงยังทำให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาถึงเตียงนอนได้อีกด้วย

ภายในมีขนาดกว้าง 2.8 x 2.6 m. สามารถทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ตามต้องการ โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ผนังทั้ง 3 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมดเลย จึงทำให้สว่างโปร่งโล่งมากๆครับ

ด้านข้างมีระเบียงเล็กๆขนาด 1 x 3 m. พอที่จะออกไปสูดอากาศเล็กๆน้อยๆได้ แต่ประโยชน์จริงๆก็คือ ทำให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงบริเวณกลางบ้านได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง

อย่างบริเวณโถงทางเดินไปห้องน้ำตรงนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า เราจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ทั้ง 2 ด้าน ซึ่งสามารถมองเชื่อมต่อไปยัง Inner Court กลางบ้าน และผนังกระจกอีกฝั่งหนึ่งของบ้านได้เลยทีเดียว

อีกหนึ่ง Highlight ของบ้านหลังนี้ก็คือ ห้องน้ำของ Master Bedroom ซึ่งจะมีขนาดใหญ่มากๆ โดยจะกินพื้นที่โซนหลังบ้านทั้งหมด และมีความกว้างเท่ากับตัวบ้านเลยครับ

โดยสาเหตุที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ ก็เป็นเพราะเค้ามีการออกแบบให้ Walk-in Closet แยกฝั่งกันระหว่างชาย-หญิง ทำให้มีความเป็นสัดส่วน และสามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้นั่นเอง

สำหรับโซนอาบน้ำที่อยู่ตรงกลางจะมีการแบ่งโซนอ่างล้างหน้าออกเป็น 2 ฝั่งเช่นเดียวกับ Walk-in Closet (ของจริงจะเป็นเคาน์เตอร์ยาว ไม่ได้มีตู้เก็บของนะครับ) และตรงกลางจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวให้ใช้งานแบบนี้เลย

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะแบ่งฟังก์ชันเป็นโถสุขภัณฑ์ และ Shower อาบน้ำแยกเป็นสัดส่วนอีกที

ภายในกว้างห้องละ 1 x 1.9 m. สามารถใช้งานได้สะดวก โดยโถสุขภัณฑ์จะได้เป็นแบบอัตโนมัติเช่นเดียวกับ Powder Room ชั้น 1 ส่วน Shower Box จะได้ Rain Shower แบบบ้านตัวอย่างเลยครับ

สุดท้ายคือ Walk-in Closet ที่จะมีอยู่ 2 ฝั่งของห้องนอน โดยของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆให้เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้ารอบๆได้ด้วยตัวเองครับ รวมถึงเรายังได้ช่องแสงทั้ง 2 ด้านแบบนี้เลยด้วย

หมายเหตุ : สำหรับฟังก์ชันตรงสุดทางเดินนี้อาจมี Circulation การใช้งานที่แตกต่างจากปกติสักนิด คือเราจะต้องเดินผ่านโซนอาบน้ำไป-มาทุกครั้ง จึงอาจต้องคอยดูแลรักษาในเรื่องพื้นที่เปียกเป็นพิเศษสักหน่อยครับ

มาต่อกันที่ช่องแสงด้านหลังบ้าน นอกจากเราจะสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้แล้ว ทางโครงการยังมีการเตรียมกระบะต้นไม้เล็กๆ สำหรับทำเป็น Pocket Garden แบบนี้ได้อีกด้วย

ส่วนช่องแสงอีกด้านหนึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่จะเป็นบาน Fixed ที่จะเชื่อมต่อออกไปตรงบริเวณโถงบันไดกลางบ้านพอดี

ดังนั้นหากเวลาที่เรากำลังแต่งตัวอยู่ ก็อาจติดม่านพรางสายตาเพิ่มเติม เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้นะครับ


  • RADIX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.1 – 74.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 382 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

เป็นแบบบ้านหลังเล็กสุดของโครงการ สิ่งที่แตกต่างจากบ้านหลังอื่นๆก็คือ จะไม่มี Inner Court ที่อยู่ตรงชั้น 1 กลางบ้าน แต่ก็ยังคงมีช่อง Void ที่เชื่อมต่อทุกชั้นถึงกันได้อยู่เหมือนเดิมครับ

แต่จุดเด่นที่ใส่เข้ามาเพิ่มเติมก็คือ Semi-Outdoor Terrace ขนาดใหญ่บนชั้น 3 ที่เราสามารถออกมาใช้งานได้จริงจังมากขึ้น และเรียกได้ว่าเป็นแบบบ้านที่จะได้ ‘ระเบียงใหญ่ที่สุด’ ในบรรดาบ้านทุกแบบของโครงการเลยครับ เหมาะกับคนที่ชอบออกมาทำกิจกรรมภายนอกของบ้าน เช่น นั่งเล่นรับลมชิลๆ หรือจัดปาร์ตี้ BBQ. เป็นต้น

ส่วนภาพบรรยากาศบ้านตัวอย่างจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/15


  • CORTEX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62.7 – 87.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 457 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

แบบบ้านหลังนี้เรียกได้ว่ามีฟังก์ชันที่คล้ายกับบ้านตัวอย่าง POLLINIS ที่เราเพิ่งรีวิวกันไปเลยครับ เพียงแต่ว่าจะสามารถจอดรถได้มากขึ้นเป็น 4 คัน พื้นที่ใช้สอยภายในจะมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้น ทำให้เวลาที่เดินอยู่ในบ้านก็จะรู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้นเยอะเลยครับ

รวมถึงยังมีการเพิ่มฟังก์ชัน Entertainment Room บนชั้น 2 เข้ามาด้วย ซึ่งเราสามารถปรับเป็นฟังก์ชันต่างๆ หรือจะกั้นเป็นห้องเพิ่มได้ตามต้องการ จึงกลายเป็นแบบบ้านที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นนั่นเอง เหมาะกับทั้งครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ ที่ต้องการพื้นที่และฟังก์ชันเยอะเป็นพิเศษ

ส่วนภาพบรรยากาศบ้านตัวอย่างจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/18


  • FOLIUM บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 74.2 – 74.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 498 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

เป็นบ้านหลังใหญ่สุดของโครงการ โดยฟังก์ชันพื้นฐานจะคล้ายๆกับแบบบ้านอื่นๆที่ผ่านมา แต่จะสามารถจอดรถได้เพิ่มมากขึ้นเป็นสูงสุด 5 คัน มีการเพิ่มห้องนอนชั้น 2 มาอีก 1 ห้อง และยังเพิ่ม Family Area บริเวณหน้าห้อง Master Bedroom ขึ้นมาอีกด้วย จึงทำให้เป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่า

ราคา

Noble TERRA Rama 9 – Ekamai ราคา ณ วันที่ 27 กันยายน 2566

  • RADIX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.1 – 74.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 382 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท
  • POLLINIS บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 57.1 – 79 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 409 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 51.19 ล้านบาท
  • CORTEX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62.7 – 87.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 457 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 58.3 ล้านบาท
  • FOLIUM บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 74.2 – 74.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 498 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 81.5 ล้านบาท
  • ค่าจอง n/a บาท
  • ค่าทำสัญญา n/a บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง 130 บาท/ตร.วา/เดือน
  • ค่ากองทุน (Singking Fund) 1,000 บาท/ตร.วา
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านพระราม 9 ในซอยจำเนียรเสริมที่สามารถเชื่อมต่อ และลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ได้ถึง 3 สาย ไม่ว่าจะเป็นถนนประดิษฐ์มนูธรรม ถนนประชาอุทิศ และถนนพระราม 9 อีกทั้งยังใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัชเพียง 2.5 km. จึงนับว่าเป็นทำเลที่เดินทางได้สะดวกดีทีเดียวครับ

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็นับว่ามีพร้อม โดยเฉพาะตรงปากซอยจะมี Gladen Place ให้เราได้แวะฝากท้องกันได้สะดวก หรือถ้าเป็นห้างใหญ่ๆก็จะอยู่ใกล้ทั้งโซนพระราม 9 / รัชดา และรามคำแหง รวมถึงยังสามารถขับรถไปเอกมัย-ทองหล่อได้ง่ายอีกด้วย แต่ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘โรงเรียนนานาชาติ’ ซึ่งจะมีตัวเลือกใกล้โครงการเยอะเลยทีเดียว จึงถือเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองมากๆครับ

สำหรับโครงการจัดสรรที่เกิดขึ้นในย่านนี้ก็มักจะเป็นระดับ Luxury ที่มีราคา 30 – 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยหากใครที่เน้นใช้ชีวิตไปทางเลียบด่วนรามอินทรา – รัชดา – พระราม 9 – ทองหล่อ และรามคำแหง โครงการนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ เพราะเป็นโครงการที่ไม่ต้องเข้าซอยลึก ในขณะที่เพื่อนบ้านระดับเดียวกันบางแห่งอาจต้องเข้าซอย หรือขยับไปทางโซนที่ไกลกว่านี้ เช่น เหม่งจ๋าย / เลียบด่วนรามอินทรา และกรุงเทพกรีฑา เป็นต้น ส่วนที่เหลือก็อาจต้องลองพิจารณาจากฟังก์ชันการออกแบบดูนะครับ ว่าจะตรงใจของเรามากน้อยขนาดไหน

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : Double Security Gate ช่วยคัดกรองคนได้ถึง 2 ชั้น รวมถึงยังมีระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate Recognition) + กล้อง CCTV เป็นมาตรฐาน ส่วนภายในบ้านจะประกอบด้วย Magnetic & Shock Sensor / กล้อง CCTV / IP Camera / Digital Door Lock เป็นมาตรฐานทุกหลังครับ

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการขนาดเล็กที่เป็นส่วนตัวเพียง 29 ยูนิต อีกทั้งยังมีเพื่อนบ้านร่วมซอยแค่เพียง 2 – 6 หลังเท่านั้น จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ และไม่วุ่นวายครับ โดยจุดเด่นหลักๆก็คือ Double Security ที่จะมี Gate 2 ชั้น ซึ่งช่วยคัดกรองคนที่จะเข้ามาภายในโครงการได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เรียกได้ว่าเป็นแบบบ้านที่มีความ Unique Design มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครมากๆครับ โดยเฉพาะฟังก์ชัน Inner Court ที่อยู่ตรงกลาง เป็นการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ภายในบ้าน ซึ่งช่วยดึงเอาพื้นที่สีเขียวเข้ามาภายในบ้าน ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Oneness with Nature ของโครงการเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมคำนึงเรื่องการดูแลรักษา และการใช้งานในอนาคตอีกทีด้วยนะครับ

นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของช่อง Void แบบ Triple Volume ที่อยู่ตรงกลางบ้าน ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งช่องแสงทำให้บ้านสว่างโปร่งโล่ง เป็นจุดระบายอากาศให้มีการถ่ายเทที่ดี เชื่อมต่อฟังก์ชันแต่ละชั้น ทำให้คนในครอบครัวมีทั้งปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น และยังทำให้เราสามารถมองเห็นธรรมชาติได้จากทุกมุมมอง

จึงนับว่าเป็นการออกแบบที่ช่วยแก้ปัญหาบ้านสร้างเต็มที่ดิน ที่มักจะไม่ค่อยมีช่องแสงรอบบ้านแบบนี้ได้ดีเลยครับ เพราะตอนที่เดินอยู่ภายในบ้านโดยเฉพาะตรงโถงบันได ผมก็รู้สึกถึงความสว่างโปร่งโล่งดีมากๆ รวมถึงห้องนอนหลายๆห้อง ก็สามารถทำช่องแสงได้ 2 – 3 ด้าน โปร่งโล่งไม่แพ้บ้านทั่วไปที่มีพื้นที่รอบบ้านปกติเลยทีเดียว

วัสดุ : โครงการ Conventional มีความแข็งแรงและต่อเติมได้ง่าย วัสดุส่วนใหญ่ให้มาดีเหมาะสมกับราคาและการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้อง Porcelian / Engineer Wood / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / ช่องหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นถึงฝ้า / สุขภัณฑ์จาก Roca และ Active AIR Quality System จาก SCG

เพิ่มเติมในฟังก์ชัน Unique Design เค้าจะมีการเตรียมพวกกระบะต้นไม้ และงานระบบน้ำ/ไฟไว้รองรับทุกจุด ทำให้ลูกบ้านสามารถนำไปปลูกต้นไม้ และใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาไปทำเพิ่มเองให้ยุ่งยาก แต่ถ้าใครต้องการต่อเติมในส่วนของพื้นที่ Void ตรงกลาง ก็อาจต้องทำโครงสร้างใหม่มารองรับเองอีกทีนะครับ เพราะโครงสร้างเดิมจะไม่ได้รับน้ำหนักใหม่ได้นะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : มีการปลูกต้นไม้ริมถนนหลัก และบริเวณหน้าบ้านให้เป็นมาตรฐาน รวมถึงยังมีการให้ต้นไม้กลางบ้าน 1 ต้นสำหรับ 3 Type ใหญ่ และต้นไม้อีก 1 ต้นตรงบริเวณ Pocket Garden ของบ้านทุกหลัง ซึ่งจุดอื่นๆที่เหลือจะมีการเตรียมพื้นที่เอาไว้ให้ลงเพิ่มได้ด้วยตัวเองครับ โดยหากบ้านทุกหลังมีการปลูกต้นไม้ตามจุดต่างๆเอาไว้เต็มตามแบบล่ะก็ คงจะทำให้บรรยากาศภาพรวมดูสวยงามดีไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวณด้านในสุดก็จะมี Sensony Garden ให้ใช้งานด้วยครับ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ และถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต ไม่ว่าจะเป็น Swimming Pool / Kid’s Pool / Jacuzzi / Exclusive Fitness Center / Welcome Lounge และ Business Lounge นอกจากนี้ผมยังชอบในเรื่อง ตำแหน่งของฟังก์ชันที่จัดออกมาได้เป็นส่วนตัวมากๆครับ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำที่จะหลบมาอยู่ด้านหลังอาคาร Clubhouse กลายเป็น Private Court ที่ไม่มีใครมองเห็นเลยนั่นเอง

Judgement

โครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai เป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาตั้งแต่ 45 – 100 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้นะครับ

Noble Terra Rama 9 – Ekamai เหมาะกับใคร

โครงการ Noble TERRA Rama 9 – Ekamai เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวในย่านพระราม 9 ที่มีความ Unique Design เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เป็นคนที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ ต้องการปลูกต้นไม้ภายในบ้าน พร้อมช่องแสงขนาดใหญ่ที่มีความสว่างโปร่งโล่ง รวมถึงต้องการบ้านที่ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว แต่ยังสามารถรองรับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ได้สบายๆ ในงบประมาณเริ่มต้นที่ 45 – 100 ล้านบาท


ส่งท้ายปีด้วยโปรโมชันคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้าและสินเชื่อพิเศษกับงาน Living Expo 2023 อย่าลังเลจนพลาดเป็นเจ้าของคอนโดราคาดีๆ

ลงทะเบียนรับฟรี หนังสือและโพย ที่จะพลิกทุกวิธีการหาบ้านเดิมๆให้ตรงใจและประหยัดเวลามากขึ้น

Living Expo 2023 วันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2566 ชั้น 1 สยามพารากอน
ลงทะเบียนเลย คลิกที่นี่