สวัสดีมิตรรักแฟนเพจ Thinkofliving ทุกท่าน วันนี้เราขอเอาใจคนที่กำลังมองหาบ้านในงบ 5 ล้านบาท แต่หากบ้านเดี่ยวในทำเลที่เล็งไว้ราคาพุ่งเกินงบไปเสียแล้ว จึงอยากชวนมาลองพิจารณาบ้านแฝดกันดูค่ะ

บ้านแฝดคืออะไร? บ้านแฝดเป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยพอๆกับบ้านเดี่ยว แต่มีที่ดินเล็กลงมาหน่อย และต้องแชร์ผนัง เสา คาน อย่างใดอย่างหนึ่งกับบ้านที่อยู่ติดกัน จึงสามารถทำราคาที่ถูกกว่าบ้านเดี่ยวได้ในทำเลเดียวกัน

ถ้าเรามีงบซื้อบ้าน 5 ล้านบาท แล้วอยากจะรู้ว่ามีบ้านแฝดของบริษัทไหนบ้าง และบ้านแต่ละแบบมีจุดเด่นอะไร เปิดขายอยู่ที่ทำเลไหน” ในบทความนี้เราได้รวมรวบข้อมูลมาให้แล้วบางส่วน โดยเลือกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์(มหาชน) ชั้นนำทั้งหมด 8 บริษัท ตามผลประกอบการ Q1/2564 เป็นหลัก ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็พยายามเสนอจุดเด่นของตัวเอง ทั้งในเรื่องของทำเล, พื้นที่ส่วนกลาง, รูปแบบบ้าน, แบรนด์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความสะดวกสบายมากขึ้น ไปดูกันเลยค่ะ


1. Grande Pleno จาก AP (บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน))

Grande Pleno เป็นแบรนด์ใหม่ที่ทาง AP อัพเกรดขึ้นมาอีกขั้นจากแบรนด์ Pleno เดิม ต่อมาเมื่อยกระดับเพิ่มคำว่า Grande ไว้ด้านหน้าก็จะมีโปรดักส์บ้านแฝดเพิ่มเข้ามามากขึ้น และแบรนด์ Grande Pleno นั้นก็จะได้ส่วนกลางขนาดใหญ่ขึ้นอีกด้วยค่ะ

ซึ่งแบรนด์อื่นๆ ของ AP ก็มีโปรดักส์บ้านแฝดเช่นกันนะคะ อย่างเช่น แบรนด์ Pleno เราก็เคยเห็นมีโปรดักส์บ้านแฝดแทรกอยู่บ้าง แต่ส่วนกลางจะอลังการสู้ Grande Pleno ไม่ได้นะ หรือบ้านแฝดที่มีราคาสูงกว่า 5 ล้านบาทก็มีบ้านกลางเมือง The Edition, The Sonne, บ้านกลางเมือง Classe กลุ่มนี้ทำเลจะค่อนข้างดี จึงมีราคาสูงหน่อยค่ะ

หน้าตาของตัวบ้านของแบรนด์ Grande Pleno จะออกมาในสไตล์ Modern ดูเรียบง่าย ไม่ตกยุค ตัวอย่างบ้านที่เราหยิบมาให้ดูกันเป็นของ Grande Pleno พหลโยธิน-รังสิต ซึ่งหลายๆ โครงการในแบรนด์ Grande Pleno ก็จะมีการใช้สีในโทนขาวๆ เทาๆ แบบนี้เช่นกัน

พื้นที่ส่วนกลางของ Grande Pleno เป็นอย่างไร

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการในเครือ AP คือการรักษาความปลอดภัยที่บริเวณซุ้มประตูโครงการจะใช้ “ระบบ Katsan” ซึ่งเป็นระบบที่จะให้ลูกบ้านแจ้งเลขทะเบียนรถไว้ เมื่อมาถึงหน้าประตูโครงการกล้องจะอ่านเลขทะเบียน ถ้าตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ประตูก็จะเปิดอัตโนมัติ ถ้าบ้านไหนมีแขกมาพบก็สามารถแจ้งเลขทะเบียนรถของแขกไว้ได้ เมื่อแขกมาถึงระบบจะแจ้งไปยังลูกบ้าน เพื่อสอบถามอีกครั้งว่าให้เปิดประตูอัตโนมัติใช่หรือไม่ด้วยนะคะ

อาคาร Clubhouse ก็นับเป็นจุดเด่นของโครงการแบรนด์ Grande Pleno อีกเช่นกัน เพราะมักจะให้มาขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนลูกบ้าน และ Facilities ให้มาครบทั้งสระว่ายน้ำในร่ม, Fitness, Co-Working Space, Kid’s Room และสวนส่วนกลาง

การดีไซน์มักมาในสไตล์โมเดิร์น ใช้กระจกเป็นส่วนใหญ่ จึงดูโปร่งๆ ตามสมัยนิยม มีความพิถีพิถีนขึ้นอย่างเช่นโครงการ Grande Pleno พหลโยธิน-รังสิต ที่เราเคยไปถ่ายรีวิวมาจะมีมุมนั่งเล่นริมน้ำ โดยขอบสระออกแบบให้เป็นระบบ Over flow คือแบบน้ำล้น ทำให้เกิดเสียงน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ช่วยสร้างบรรยากาศในการพักผ่อนให้ดีขึ้นด้วย

ส่วนที่เราคิดว่ามีเพิ่มมากกว่าโครงการอื่นจะเป็น Kid’s Room ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขยาย ซึ่งเราชอบนะเพราะเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาปฎิสัมพันธ์กันรวมถึงผู้ปกครองด้วย

จุดเด่นของตัวบ้าน Grande Pleno มีอะไรบ้าง

ตัวอย่างแปลนบ้านแฝดของแบรนด์นี้ ที่เราหยิบมาให้ชมกันจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม. บนที่ดินขนาดเริ่มต้น 38.5 ตร.วา ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ส่วนที่เป็นจุดเด่นของตัวบ้านมีอยู่ 5 ข้อ ดังนี้

1. มีพื้นที่อเนกประสงค์ต่อเชื่อมจาก Living&Dining Area ทำให้บ้านหลังนี้มีพื้นที่สำหรับทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ไว้จัดเตรียมอาหารหรือชงเครื่องดื่มง่ายๆ หรือหากอยากปรับไปใช้ประโยชน์อื่น เช่น เป็นพื้นที่ทำงานอดิเรก, ห้องนอนผู้สูงอายุก็ได้เช่นกัน จึงเป็นข้อดีของบ้านที่มีพื้นที่อเนกประสงค์ ทำให้เราสามารถปรับฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ค่ะ

2. มีช่องแสงตรงกลางบ้านที่ช่วยให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาในบ้านได้ ซึ่งเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ด้วยนะคะ

3. ประตูทางเข้าหน้าบ้านเป็นประตูกระจกบานสวิง พอเปิดประตูพร้อมกันทั้ง 2 ฝั่ง จะมีช่องทางเดินเข้า-ออกบ้านกว้าง 1.8 เมตร ดูแกรนด์ทีเดียว ซึ่งเราไม่ค่อยพบเจอประตูลักษณะนี้ในกลุ่มบ้านแฝดนะคะ

4. โครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน จึงสามารถทุบต่อเติมได้สะดวก ไม่ติดปัญหาเหมือนบ้านที่ก่อสร้างด้วย Precast หรือ Tunnel Form ค่ะ

5. บ้านแฝดบางโครงการของ Grande Pleno จะมี Type ที่ผนังบ้านไม่ติดกันเลยด้วยนะคะ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้านเดี่ยวเลย และสามารถทำสวนได้รอบบ้านด้วยโครงการที่เราเจอบ้าน Type นี้ก็คือที่ Grande Pleno รามอินทราวงแหวน และ Grande Pleno สุขสวัสดิ์พระราม3 ค่ะ

บ้านแฝดในแบรนด์ Grande Pleno เหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับครอบบครัวที่ต้องการโครงการที่มี Facilities ส่วนกลางให้ใช้แบบครบครัน อยากได้บ้านที่มีโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน เผื่อทุบต่อเติมในอนาคต และชอบบ้านที่มีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวได้ ขนาดอยู่กัน 3-4 คนกำลังดี

คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมจากรีวิวโดยทีมงาน Thinkofliving ได้ที่นี่

ต่อไปเป็นบ้านแฝดในแบรนด์ Villaggio เป็นโครงการลูกผสม ที่มีหลายโปรดักส์ภายในโครงการทั้งบ้านเดี่ยว,บ้านแฝด,ทาวน์โฮม ส่วนการออกแบบสถาปัตยกรรมเป็นสไตล์ยุโรป พร้อม Landscape สวยงาม ซึ่งเป็นจุดชูโรงของทาง LH ที่ใส่ใจกับพื้นที่สีเขียวและบรรยากาศภายในโครงการให้ดูร่มรื่นนะคะ

นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์บ้านแฝดอย่าง Anya ที่โปรดักส์เป็นบ้านแฝดทั้งโครงการเลย แต่ราคาส่วนใหญ่ที่เปิดมาเกิน 5 ล้านบาทจึงหลุดโผในกลุ่มนี้ไป ส่วน Inizio เป็นแบรนด์บ้านแฝดในงบประมาณ 5 ล้านเหมือนกันแต่มีโครงการที่เปิดขายไม่เยอะเท่า Villaggio ในบทความนี้เราจึงเลือกเจาะลึกแบรนด์ Villaggio กันนะคะ

สไตล์บ้านของที่นี่จะมีกลิ่นอายความเป็นยุโรป โดยผนังชั้น 2 จะตกแต่งด้วยหินเพื่อทำให้ตัวบ้านดูหรูมากยิ่งขึ้น ส่วนสีบ้านจะคละกันไปมีตั้งแต่สีเขียวอ่อน, สีส้มอ่อน และสีเทาอ่อนค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของ Villaggio เป็นอย่างไร

รูปจากโครงการ Villaggio เพชรเกษม-สาย4

การดีไซน์อาคาร Clubhouse ของโครงการก็ได้บรรยากาศหมู่บ้านชานเมืองแถบยุโรป ใช้หลังคาทรงสูง ตกแต่งผนังด้วยหิน ซึ่งเราจะได้ความรู้สึกของ Texture หินจริงที่เป็นผิวของวัสดุธรรมชาติ ออกแบบให้มีบ่อน้ำและต้นไม้ใหญ่ให้ความรู้สึกคันทรี่

ซึ่งการจัดวางพื้นที่ส่วนกลางของแบรนด์นี้มักมีการกระจาย Facility ออกเป็น 2 ส่วน ไว้ด้านหน้าโครงการส่วนหนึ่งเพื่อให้เป็นหน้าเป็นตาใช้รับแขกได้ และอีกส่วนหนึ่งจะอยู่ตรงกลางโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านใช้งานได้ทั่วถึง และมีการคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เช่น การเลือกเอาสระว่ายน้ำหันรับวิวสวน ไม่หันเข้าหาบ้านพักอาศัยแบบตรงๆ ค่ะ

การตกแต่งภายในของที่นี่ถือว่าคอนเซปต์ชัด จะมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้บรรยากาศที่อบอุ่นดี ถ้าใครชอบการตกแต่งสไตล์ยุโรปก็ลองมาแวะดูแบรนด์นี้ได้นะคะ

จุดเด่นของตัวบ้าน Villaggio มีอะไรบ้าง

ตัวอย่างแปลนบ้านที่ยกมาให้ดูคือ บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 133 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ซึ่งเรามองว่าตัวบ้านมี 5 หัวข้อที่น่าสนใจ ดังนี้

1. บ้านแฝดที่นี่จะไม่ได้ใช้ผนังตรงกลางร่วมกันแบบโครงการทั่วไป โดยใช้เป็นผนังแบบพิเศษคือ ใช้ผนังสำเร็จรูป 2 แผ่น ประกบกันและเว้นช่องตรงกลางประมาณ 3 cm. เพื่อป้องกันเสียงรบกวน ส่วนตัวมองว่าเป็นการแก้ปัญหาของบ้านแฝดที่ชอบมีเสียงรบกวนกันได้ดีเลย แต่โครงสร้างบ้านเป็น Precast Concrete ซึ่งมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทุบผนังได้ แต่ก็ยังสามารถเจาะผนังเพื่อแขวนของเล็กๆน้อยๆได้นะ

2. พื้นที่สวนหย่อมในบ้านปูพื้นหญ้า ปลูกพุ่มไม้ จัดดอกไม้ประดับ และต้นไม้มาให้แบบค่อนข้างฟูกว่าโครงการอื่นๆ ที่มักให้มาเฉพาะพื้นหญ้า ซึ่งแต่ละหลังจะได้พรรณไม้ไม่เหมือนกัน แนะนำให้ไปเดินดูบ้านของจริงแล้วค่อยตัดสินใจซื้อค่ะ

3. พื้นที่นั่งเล่นมีกระจกเข้ามุม ที่หันออกสวนด้านข้างบ้าน ทำให้เรามองเห็นวิวสวนหย่อมได้กว้างมากขึ้น ซึ่งเป็น Gimmick ของทาง LH ที่ต้องการให้ Take View ได้มากขึ้น

4. ความพิเศษในห้องน้ำใหญ่สุดคือ ได้โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติมาด้วย และมีที่นั่งอาบน้ำมาให้ใช้งานเพิ่มเติม หรือจะวางอุปกรณ์อาบน้ำก็สะดวกค่ะ

5. ภายในบ้านติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor มาให้ที่ประตูหน้าต่างชั้นล่างทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านด้วยค่ะ

บ้านแฝดในแบรนด์ Villaggio เหมาะกับใคร

เหมาะกับคนที่กำลังมองหาโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางครบครัน และชอบบรรยากาศหมู่บ้านในยุโรปที่มีความร่มรื่นพื้นที่สีเขียวเยอะ อยากใช้เทคโนโลยีในบ้านเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย เช่น สุขภัณฑ์อัตโนมัติ, สัญญาณกันขโมย Magnetic Sensor ชอบบ้านโปร่งๆ มีหน้าต่างบานใหญ่และหน้าต่างเข้ามุม Bay Window ทำให้ได้แสงธรรมชาติเยอะ ขนาดบ้านเหมาะกับครอบครัว 2-4 คน ที่แยกบ้านออกมาอยู่อาศัยแบบพ่อแม่ลูก เพราะไม่ได้มีห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่าง

คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมจากรีวิวโดยทีมงาน Thinkofliving ได้ที่นี่

มาดูในฝั่งของเจ้าตลาดโครงการแนวราบอย่าง Pruksa กันบ้าง ซึ่งมีแบรนด์บ้านให้เลือกเยอะเลยทั้ง The Connect, Pruksa Ville, บ้านพฤกษา, Passorn, Natura และ The Plant ซึ่งในบทความนี้ตั้งงบไว้ที่ 5 ล้านบาท เราจึงขอแนะนำแบรนด์ The Plant เพราะมีโครงการที่ราคาไม่เกิน 5 ล้านเปิดขายอยู่ให้เลือกเพียบเลย เริ่มต้นที่ 2.3 ล้านบาทเท่านั้นเอง โดยภาพรวมแล้วเป็นแบรนด์ที่ราคาหยิบจับง่าย แต่บอกเลยว่าทั้ง Facilities ส่วนกลางหลักๆ และฟังก์ชันบ้านก็มีมาครบเช่นเดียวกันค่ะ

หน้าตาตัวบ้านของแบรนด์ The Plant ถูกออกแบบมาในสไตล์ Modern ใช้โทนสีน้ำตาลเทา ส่วนที่มีความพิเศษกว่าแบรนด์อื่นๆ คือ มีการใช้หินประดับในบริเวณของผนังบ้านชั้นบน จึงดูมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของ The Plant เป็นอย่างไร

ในส่วนของ Facilities ส่วนกลางก็จะจัด Clubhouse มาให้มีขนาดใหญ่และมีการออกแบบตัวอาคาร Clubhouse ที่ทำให้บรรยากาศออกมาให้ดูน่าใช้งาน ภายในก็จะมีครบทั้ง
ฟิตเนส, Co-working space, Educational Playground, สระว่ายน้ำ มีการใช้ลักษณะของเส้นแนวยาวที่เลียนแบบลักษณะของต้นไม้ เข้ากับชื่อแบรนด์ The Plant ค่ะ

จุดเด่นของตัวบ้าน The Plant มีอะไรบ้าง

เรายกแปลนบ้านแบบ Parodia มาให้ชมกัน มีพื้นที่ใช้สอย 125 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โดยมีโครงสร้างตัวบ้านเป็น Precast Concreate ส่วนที่เป็นจุดเด่นของตัวบ้านมีอยู่ประเด็นหนึ่งที่เราคิดว่าน่าสนใจ

คือผนังที่ติดกันของบ้านทั้ง 2 หลังจะติดกันเฉพาะส่วนครัวเท่านั้น ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ใช่พื้นที่พักผ่อนหลักๆ ของตัวบ้าน จึงช่วยลดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนของบ้านแฝดที่ต้องแชร์ผนังไปได้ และทำให้ห้องนั่งเล่น ห้องนอนทุกห้องได้ช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้านค่ะ

แบบบ้านแฝดในแบรนด์ The Plant เหมาะกับใคร

เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง 3-4 คน ที่แยกบ้านออกมาอยู่อาศัยแบบพ่อแม่ลูก เพราะไม่ได้มีห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่าง มีงบประมาณสำหรับต่อเติมบริเวณห้องครัวเพิ่มถ้าอยากได้ครัวปิด ชอบบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยวที่ไม่ได้มีผนังส่วนไหนต้องแชร์กับบ้านข้างๆ เลย

ใครสนใจโครงการแบรนด์ The Plant สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ


4. อณาสิริ จาก Sansiri

ต่อไปเป็นบ้านแฝดแบรนด์ Anasiri ในเครือของแสนสิริ ซึ่งจริงๆ แล้วจะเน้นไปทางโปรดักส์บ้านเดี่ยวมากกว่า แต่หากใครมีงบไม่ถึงแล้วยังคงชอบสไตล์ของโครงการก็มีบ้านแฝดเป็น Type เริ่มต้นให้เลือกได้เหมือนกัน เราจึงได้ Benefit ของส่วนกลางเท่าบ้านเดี่ยวแต่จ่ายในราคาบ้านแฝดด้วยนะ ส่วนตัวแล้วเราชอบการพัฒนาโครงการแบรนด์อณาสิริ ที่เค้าจะมีคอนเซปต์เฉพาะลงไปในแต่ละทำเลนะคะ เพราะเค้ามักจะดูเรื่องสไตล์บ้านให้แตกต่างจากโครงการอื่นๆ เพิ่มตัวเลือกให้คนที่กำลังมองหาบ้านให้มีสไตล์หลากหลาย ไม่ซ้ำจำเจ

อย่างเช่น อณาสิริ บางใหญ่ จะทำบ้านมาในสไตล์โมเดิร์น

ส่วนอณาสิริ รังสิต-คลอง 2 ออกแบบมาในสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าๆ ซึ่งมีความเฉพาะตัวในการจับคู่บ้านแฝดหลังใหญ่กับบ้านแฝดหลังเล็ก โดยจะมีรูปร่างหน้าตาของบ้าน หรือการหันหน้าจั่วหลังคาที่แตกต่างกันออกไป ไม่ใช่การ Repeat วางบ้านซ้ำๆ แบบโครงการอื่น

พื้นที่ส่วนกลางของอณาสิริเป็นอย่างไร

ยกตัวอย่างโครงการอณาสิริ รังสิต-คลอง 2 การออกแบบ Concept เป็นสไตล์ญี่ปุ่นชัดมาก ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้ามาจนถึงหน้าตาของบ้านพักอาศัย ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในหมู่บ้านญี่ปุ่น

หรือหากเป็นโครงการอณาสิริ บางใหญ่ การออกแบบ Concept เป็นสไตล์โมเดิร์นก็ชัดอีกเช่นกัน เราว่าแต่ละโครงการจะมีสไตล์ที่ชัด ทำให้อินไปกับบรรยากาศของหมู่บ้านได้

ในส่วนของ Facilities ส่วนกลางก็จะมีครบทั้งฟิตเนส, Co-working space, Educational Playground, สระว่ายน้ำ ส่วนที่เราคิดว่ามีเพิ่มกว่าโครงการอื่นจะเป็น Kid’s Room เพื่อตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขยายค่ะ

Gimmick ของส่วนกลางในเครือแสนสิริ คงหนีไม่พ้น Sansiri Backyard พื้นที่ปลูกผักสวนครัวหลากหลายชนิด ซึ่งทางโครงการปลูกไว้ให้ลูกบ้าน สามารถมาเก็บผลผลิตไปทำอาหารกินที่บ้านได้ ปลอดภัย ไร้สารเคมี

จุดเด่นของตัวบ้านอณาสิริมีอะไรบ้าง

แปลนบ้านที่นำมาเป็นตัวอย่างคือ FUYU จากโครงการอณาสิริ รังสิต-คลอง 2 ที่ดินมาตรฐาน 35 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 134 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ซึ่งเรามองว่ามีจุดเด่น 3 เรื่อง ดังนี้

1. จุดเด่นของเค้าคือจะเป็น “บ้านหน้ากว้าง” ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อฟังก์ชันภายในที่ต่างจากบ้านทั่วๆไป โดยเฉพาะ Common area จะมีขนาดใหญ่ และมีพื้นที่เว้าหลบมุมไปด้านข้าง ซึ่งเป็นส่วนตัวจากพื้นที่รับแขกหน้าบ้าน และสามารถจัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆตาม Lifestyle ของเราได้ เช่น เป็นห้องนอนเสริมก็ได้ หรือพื้นที่ทำงานช่วง WFH ก็ดี

2. ช่องแสงขนาดใหญ่ และการออกแบบบ้านแฝดสไลต์บ้านเดี่ยว ซึ่งผนังบ้านชั้นบนจะไม่ติดกัน ทำให้แต่ละห้องพักจะมีช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้าน ภายในจึงรู้สึกสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น

3. การออกแบบโดยใช้ Laundry เป็นจุดเชื่อมต่อกับหลังข้างๆ ซึ่งทำให้ฟังก์ชันโซนพักผ่อนอื่นๆ เช่นห้องนั่งเล่น ห้องนอน ได้ความเป็นส่วนตัวจากเสียงข้างบ้านที่อาจดังข้ามมา นอกจากนี้ชั้น 2 ก็จะไม่มีผนังติดกับบ้านข้างๆด้วย ทำให้ห้องนอนทุกห้องได้ช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้านค่ะ

แบบบ้านแฝดในแบรนด์อณาสิริเหมาะกับใคร

เหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสไตล์ของแต่ละโครงการ เพราะแบรนด์นี้เมื่อหยิบ Concept ไหนขึ้นมาก็ทำออกมาได้ชัด พื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาเยอะ+หลายฟังก์ชัน เหมาะกับคนที่ชอบบ้านหน้ากว้าง ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ มีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ปรับใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ แต่โครงสร้างบ้านเป็น Precast Concrete จึงต้องชอบแปลนเดิมๆ ของบ้านก่อน ถ้าจะก่อผนังเพิ่มได้ไม่มีปัญหา แต่มีข้อจำกัดในการทุบผนัง เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง ชอบความเป็นสัดส่วน

คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมจากรีวิวโดยทีมงาน Thinkofliving ได้ที่นี่

ต่อไปเป็นโครงการบ้านแฝดแบรนด์ V Compound ในเครือของ SC Asset ซึ่งเป็นโครงการลูกผสมระหว่างบ้านแฝดกับทาวน์โฮม ทำให้บ้านแฝดกลายเป็นโปรดักส์ระดับบนของแบรนด์นี้ ความอลังการของโครงการจึงไม่สู้พวกบ้านแฝดที่แฝงตัวอยู่ในโครงการบ้านเดี่ยวนะคะ ส่วนตัวเรารู้สึกว่าโครงการบ้านของ SC มีความโดดเด่นในเรื่องของบรรยากาศภายในโครงการ ที่จะให้อารมณ์เหมือนพักผ่อนในรีสอร์ท โดยเฉพาะบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลาง บริเวณ Clubhouse ค่ะ

หน้าตาตัวบ้านของแบรนด์ V Compound จะเป็นบ้านสไตล์ Loft ดูเรียบๆ เท่ๆ ดีเทลไม่เยอะ ตามแบบสมัยนิยมในตอนนี้

พื้นที่ส่วนกลางของ V Compound เป็นอย่างไร

เล่าจากประสบการณ์ตรงเราติดใจการออกแบบตั้งแต่หน้าซุ้มประตูทางเข้าแล้ว เพราะเหมือนเป็นทางเข้าโรงแรมหรือรีสอร์ตมากกว่าหมู่บ้าน ให้คำจำกัดได้ว่าเป็นสไตล์โมเดิร์นที่ดูหวือหวาขึ้น มีดีไซน์ที่จัดจ้าน

อีกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าบรรยากาศส่วนกลางจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท คือดีเทลของตัว Clubhouse ซึ่งในหลายๆ โครงการก็จะแตกต่างกันออกไป เช่นการใช้หลังคามุมแหลมดูแปลกตาของที่ V Compound ติวานนท์-รังสิต หรือบางโครงการมีการใช้ระแนงไม้ การใช้กระจกบานใหญ่ เป็นต้น

สำหรับ Facilities ส่วนกลางก็จะจัดฟังก์ชันหลักๆ อย่าง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนมาครบตามปกติค่ะ แต่ก็จะมีบางโครงการที่เพิ่มในส่วนของ Co-Working Space เป็นห้องคุยงานให้ลูกบ้านใช้ประชุมได้ พร้อม Wi-Fi Free มาให้ เป็นต้น

จุดเด่นของตัวบ้าน V Compound มีอะไรบ้าง

 

เราขอยกตัวอย่างแบบบ้าน Birch ซึ่งเป็นแบบเริ่มต้นของบ้านแฝดแต่ละโครงการมาให้ชมกัน มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 147 ตร.ม. จัดฟังก์ชันมาให้ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ ส่วนที่เป็นจุดเด่นของตัวบ้านมีอยู่ 2 ส่วนที่เราคิดว่าน่าสนใจ

1. มีพื้นที่อเนกประสงค์ต่อเชื่อมจาก Living&Dining Area ทำให้บ้านหลังนี้มีพื้นที่สำหรับทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ไว้จัดเตรียมอาหารหรือชงเครื่องดื่มง่ายๆ หรือหากอยากปรับไปใช้ประโยชน์อื่น เช่น เป็นพื้นที่ทำงานอดิเรก, ห้องนอนผู้สูงอายุก็ได้เช่นกัน จึงเป็นข้อดีของบ้านที่มีพื้นที่อเนกประสงค์ ทำให้เราสามารถปรับฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ค่ะ

2. มีพื้นที่ทำครัว 2 ส่วนคือครัวในบ้านและครัวไทยข้างบ้าน ซึ่งเค้าใช้ครัวไทยนี่แหละเป็นจุดเชื่อมต่อกับหลังข้างๆ ซึ่งทำให้ฟังก์ชันโซนพักผ่อนอื่นๆได้ความเป็นส่วนตัวจากเสียงต่างๆที่อาจดังข้ามมา และชั้น 2 ก็จะไม่มีผนังติดกับบ้านข้างๆแล้ว เลยทำให้ห้องนอนทุกห้องได้ช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้าน

แบบบ้านแฝดในแบรนด์ V Compound เหมาะกับใคร

แบบบ้านของ V Compound จะเหมาะกับครอบครัวที่ต้องการมีพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างเยอะ อยากได้พื้นที่ Living+Dining Area กว้างๆ สำหรับฟังก์ชันของบ้านเหมาะสมกับครอบครัวขยายขนาด 3-4 คน ซึ่งรองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุได้ด้วย เพราะมีพื้นที่อเนกประสงค์ที่ชั้นล่างให้สามารถปรับเป็นห้องผู้สูงอายุได้ ชอบบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยวที่ไม่ได้มีผนังส่วนไหนต้องแชร์กับบ้านข้างๆ เลย

คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมโดยทีมงาน Thinkofliving ได้ที่นี่

ต่อไปเป็นโครงการบ้านแฝดแบรนด์ Golden Neo ในเครือของ Frasers ซึ่ง Developer เจ้านี้ก็มักจะซื้อที่ดินขนาดใหญ่เป็น 100 ไร่ เพื่อแบ่งที่ดินพัฒนาเป็นหลายๆ โครงการในบริเวณเดียวกัน ด้วย Volume ของโครงการจึงทำให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ จึงนับว่าเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ทำโปรดักส์ออกมาได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายค่ะ

แบบบ้านในซีรีย์ Neo Home จะออกแบบมาในสไตล์ยุโรป บางโครงการจะเป็นอังกฤษ บางโครงการเป็นอิตาลี มีรายละเอียดการตกแต่งที่ใช้หิน ประตูหน้าต่างมีการตีตารางลูกฟัก ตกแต่งด้วยกระถางปูนปั้น และราวลูกกรงเหล็กดัด ทำให้ดูหรูหรา

พื้นที่ส่วนกลางของ Golden Neo เป็นอย่างไร

อาคาร Clubhouse ของโครงการส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้มีโดมอยู่ตรงกลาง และมีอาคารทั้ง 2 ฝั่งของโดม ซึ่งเป็นห้องรับแขกและ Fitness โดยที่ให้ Facility จะมาครบตามมาตรฐานโครงการระดับนี้ ได้แก่ Clubhouse, สระว่ายน้ำ, Fitness และสวนส่วนกลาง

วิวจากอาคาร Clubhouse ที่เราจะมองออกมาเห็นก็คือวิวสระว่ายน้ำนี่แหละ เพราะเค้ามักวางตำแหน่งของสระว่ายน้ำไว้ตรงกลาง Clubhouse แล้วจัดห้อง Facilities ต่างๆ ไว้ล้อมรอบค่ะ

จุดเด่นของตัวบ้าน Golden Neo มีอะไรบ้าง

ยกตัวอย่างแบบบ้าน Ravenna ของโครงการ Golden Neo 3 พระราม 2 มาให้ชมกัน ซึ่งเป็นแบบเริ่มต้นของบ้านแฝดของโครงการนี้ มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 136 ตร.ม. จัดฟังก์ชันมาเป็น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ จุดเด่นของตัวบ้านมีอยู่ 3 ส่วนที่เราคิดว่าน่าสนใจ

1. แบบบ้านในซีรีย์ Neo Home เป็นบ้านหน้ากว้าง มีข้อดีที่ทำให้แต่ละห้องมีช่องแสงมากกว่าแบบบ้านทั่วไป

2. การใช้โครงสร้างและผนังร่วมกันตรงบริเวณห้องครัว โดยจะมีพื้นที่หลังคาแยกส่วนกัน ลักษณะของตัวบ้านจะเหมือนกันแต่แค่พลิกกลับอีกฝั่ง ทำให้ช่องเปิดของบ้านแฝดลักษณะนี้จะมีช่องเปิดในชั้นล่างทั้งหมด 3 ฝั่งรอบตัวบ้าน จึงสามารถจัดพื้นที่สีเขียวหรือระเบียงรอบตัวบ้าน 3 ฝั่งรอบตัวบ้านได้ ส่วนชั้นบนจะได้ช่องเปิด 4 ฝั่ง จึงมีหน้าต่างเพิ่มขึ้นมาในห้องนอนเล็กค่ะ

3. ปกติเราจะเห็นประตูฝั่งที่จอดรถเป็นบานทึบ ซึ่งโครงการนี้ให้มาเป็นบานเลื่อนกระจก นอกจากได้เรื่องความสวยงามและราคาที่สูงกว่าบานทึบทั่วไปแล้ว คือได้แสงเข้ามาในบ้านมากขึ้นอีกด้วย

แบบบ้านแฝดในแบรนด์ Golden Neo เหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับคนที่ต้องการขยับขยายครอบครัว ชอบแบบบ้านหน้ากว้าง สไตล์ยุโรป มีส่วนกลางให้ใช้ครบครัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำเลก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้เช่นกัน โดยจะเป็นโครงการที่อยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ค่ะ

ใครสนใจโครงการแบรนด์ The Plant สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ


7. Britania จาก Britania ในเครือ Origin

สำหรับ Origin ก็เป็นอีกบริษัทที่มีบ้านแฝดในงบประมาณ 5 ล้านบาทให้เลือกด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นบ้านในแบรนด์ Britania ที่มีทั้งโปรดักส์บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดให้เลือก พอเจอแบรนด์แบบนี้เรามองว่าฝั่งลูกบ้านที่ซื้อบ้านแฝดได้เปรียบนะ เพราะจะได้ Facility ส่วนกลางแบบเดียวกับที่บ้านเดี่ยวได้รับในการจ่ายเงินซื้อบ้านแฝดค่ะ

หน้าตาบ้านทำออกมาในสไตล์โมเดิร์นที่เราเห็นจนชินตา ดูจากภายนอกก็เป็นบ้านหน้ากว้าง ชั้น 2 และหลังคาไม่ติดกัน ดูแล้วเห็นชัดว่าแยกกันคนละหลังค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของ Britania เป็นอย่างไร

สำหรับดีไซน์ของส่วนกลางจะโดดเด่นออกมามากกว่าตัวบ้านนะคะ อย่างเช่นที่บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) และบริทาเนีย คูคต สเตชั่น จะได้แรงบันดาลใจมากจากสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษ บรรยากาศจึงดู Classic และองค์ประกอบต่างๆก็จะลดทอนมาให้ดู Modern มากขึ้น

อย่างที่เกริ่นไปว่าเมื่อเราเลือกซื้อบ้านแฝด ในโครงการบ้านเดี่ยวก็จะได้ระบบการรักษาความปลอดภัยแบบบ้านเดี่ยวไปด้วย เช่นที่โครงการบริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) ที่จะมี Double Gate อีกชั้นนึงด้วยค่ะ

จุดเด่นของแบรนด์นี้คือพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาขนาดใหญ่มาก ดีไซน์สวยน่าใช้งาน (คล้ายกับส่วนกลางในคอนโด) ทั้ง indoor และ outdoor มีสวน มีน้ำพุ มีสนามเด็กเล่น บางโครงการมีสนามบาสให้ออกกำลังกาย และส่วนที่อยู่ในร่มจะมีสระว่ายน้ำ, ห้องเด็กเล่น, ห้องทำงาน, ห้องโยคะ (จะเต้นก็ได้) และมีฟิตเนสที่ขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเล่นหลายประเภท โดยที่มี Locker ให้เก็บของและมีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำให้บริการที่ฟิตเนสด้วยค่ะ

จุดเด่นของตัวบ้าน Britania มีอะไรบ้าง

เราหยิบแปลนบ้านแฝด Brixton พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ มาฝากกัน ซึ่งจุดเด่นของตัวบ้าน เราสามารถสรุปได้ 3 เรื่อง ดังนี้

1. บ้านเป็นบ้านแฝดก็จริง แต่จะนำเอาฟังก์ชันครัวไทยที่อยู่ภายนอกบ้านเป็นส่วนที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้าน ทำให้บ้านนี้สามารถเดินรอบบ้านได้เหมือนกับบ้านเดี่ยว และไม่มีฟังก์ชันอยู่อาศัยไหนที่อยู่ติดกับข้างบ้านเลย จึงเป็นบ้านที่เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศของบ้านเดี่ยวที่ไม่ต้องใช้ผนังร่วมกับใคร แต่ก็ไม่ต้องการพื้นที่สวนมากค่ะ

2. รายละเอียดที่ให้มากับตัวบ้าน เช่น เสาเข็มที่จอดรถ เสาเข็มหลังบ้าน ครัวไทย เช่น พื้นที่จอดรถจะมีการลงเสาเข็ม 6 เหลี่ยม ลึก 3-4 เมตร ตำแหน่งตามที่เห็นเลยค่ะ จึงช่วยลดงบในการต่อเติมเพิ่มได้นะ

3. โครงการให้ Digital Door Lock มาด้วย ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นในบ้านราคาระดับนี้ค่ะ

แบบบ้านแฝดในแบรนด์ Britania เหมาะกับใคร

เหมาะกับการเริ่มต้นครอบครัวเล็กๆ 2-4 คน ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ซึ่งตัวบ้านมีข้อจำกัดจากการที่บ้านก่อสร้างด้วยระบบ Pre-cast จึงต่อเติม ทุบ ดัดแปลงแทบไม่ได้ จึงต้องพอใจกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ตามแปลนเดิมของบ้านเท่านั้น เราก็มองว่าทางโครงการได้คำนึงถึงการใช้งานและออกแบบช่องแสง งานระบบต่างๆสำหรับใช้งานได้พอดีอยู่นะ และบ้านที่นี่ก็ไม่ต้องใช้งบประมาณในการต่อเติมมากนัก เพราะเสาเข็มก็ลงมาให้แล้วทั้งที่จอดรถ หลังบ้าน ครัวไทย

คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมจากรีวิวโดยทีมงาน Thinkofliving ได้ที่นี่

ปิดท้ายด้วยบ้านแฝดในงบประมาณ 5 ล้านบาทในเครือของศุภาลัย ก็จะมีโครงการบ้านแฝดที่มาในแบรนด์ Supalai Bella เป็นอีกแบรนด์ที่ราคาเริ่มต้นไม่แรงมาก ตั้งแต่ 2.99 ล้านขึ้นไป และบอกเลยว่าให้พื้นที่ใช้สอยมาเยอะทีเดียวค่ะ

หน้าตาของตัวบ้านของแบรนด์ Supalai Bella จะถูกออกแบบมาในสไตล์ Modern มีการเล่นสีโทนสีเทาจากอ่อนไปเข้มทำให้บ้านดูมีมิติมากขึ้น

พื้นที่ส่วนกลางของ Supalai Bella เป็นอย่างไร

เราไม่ค่อยได้ทำรีวิวกับแบรนด์นี้สักเท่าไหร่ จึงขอเอาบรรยากาศใน Supalai Bella Westgate มาเป็นตัวแทนของแบรนด์นี้แล้วกันนะคะ ส่วนกลางก็ออกแบบมาในสไตล์​โมเดิร์นและยังคง Concept สไตล์ศุภาลัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือมักจะเห็นการใช้ต้นปาล์ม + พื้นที่ส่วนกลางที่ดูเรียบง่าย

สำหรับ Facility ที่ให้มาก็มีหลากหลายฟังก์ชัน โดยรวมก็ถือว่าครบครัน ประกอบไปด้วยอาคาร Clubhouse สระว่ายน้ำ สวนหย่อม และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

จุดเด่นของตัวบ้าน Supalai Bella มีอะไรบ้าง

เราหยิบเอาตัวอย่างของแบบบ้านศุภกวีมาให้ชมกัน มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม. จัดฟังก์ชันมาให้ครบแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ส่วนที่เป็นจุดเด่นของตัวบ้านมีอยู่ 3 ส่วนที่เราคิดว่าน่าสนใจ ดังนี้

1. ห้องครัวที่ได้เป็นครัวปิดขนาดใหญ่ทีเดียว สามารถ Built-in เคาน์เตอร์ยาวรูปตัว U พร้อมวางตู้เย็นได้สบายๆ เวลาทำอาหารก็เปิดระบายอากาศที่หน้าต่างด้านหลังบ้านได้ นอกจากนั้นยังทำเป็นมุม Laundry เล็กๆวางเครื่องซักผ้าเพิ่มเติมได้ไม่ต้องวางนอกบ้านค่ะ

2. Highlight อีกจุดของบ้านหลังนี้คือห้องนอนรอง ที่มีระเบียงส่วนตัวออกมาชมวิวด้านข้างบ้านได้ค่ะ

3.โครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน จึงสามารถทุบต่อเติมได้สะดวก ไม่ติดปัญหาเหมือนบ้านที่ก่อสร้างด้วย Precast หรือ Tunnel Form ค่ะ

แบบบ้านแฝดในแบรนด์ Supalai Bella เหมาะกับใคร

เหมาะกับครอบครัวที่เริ่มต้นขยับขยาย สมาชิก 3-4 คนกำลังดี ไม่ได้ต้องการห้องผู้สูงอายุที่ชั้นล่าง ต้องการบ้านที่สามารถทุบ ต่อเติม เชื่อมห้องได้ มีราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยที่ได้

คลิกชมข้อมูลเพิ่มเติมจากรีวิวโดยทีมงาน Thinkofliving ได้ที่นี่

สรุป

ปัจจุบันบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจะเริ่มหายากขึ้นแล้วนะคะ เพราะค่าที่ดินสูงขึ้น ค่าก่อสร้างก็สูงขึ้นด้วย ทำให้ราคาบ้านเดี่ยวในปัจจุบันเด้งไปเริ่มต้นที่ 5 ล้านกว่า – 6 ล้านเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีผู้ที่กำลังหาบ้านกลุ่มใหญ่ที่ยังอยากอยู่ในทำเลบ้านเดี่ยวแบบเดิม แต่ยอมลดขนาดบ้านและที่ดินลงหน่อยก็ได้หากราคายังคงไว้ที่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ในบทความนี้จึงได้รวบรวม “บ้านแฝด” ของ Developer 8 แบรนด์ใหญ่มาให้แล้ว ส่วนจุดเด่นของการออกแบบในแต่ละโครงการเราขอสรุปตามนี้นะคะ

  • สำหรับคนที่ชอบบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยว ไม่แชร์ผนังร่วมกัน เราแนะนำบ้านแบรนด์ The Plant, V Compound, Britania และบางโครงการของ Grande Pleno ด้วยค่ะ
  • หากไม่อยากเสียเงินค่าต่อเติมเยอะ จะมีแบรนด์ Britania ที่ลงเสาเข็มมาให้แล้ว ช่วยประหยัดงบต่อเติมไปได้ค่ะ
  • ถ้าชอบบ้านที่มีพื้นที่อเนกประสงค์ เผื่อไว้ทำงานอดิเรกตามไลฟ์สไตล์ หรืออยากกั้นเป็นห้องผู้สูงอายุเพิ่มเติม แนะนำ Grande Pleno, Anasiri และ  V Compound
  • ถ้าโฟกัสไปที่ระบบรักษาความปลอดภัย คงต้องแนะนำแบรนด์ Villaggio ที่ตัวบ้านจะได้สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic Sensor ในตัวบ้านที่ชั้นล่าง หรือหากต้องการความปลอดภัยที่เข้มข้นขึ้นบริเวณซุ้มประตูโครงการแนะนำเป็น Grande Pleno ที่จะมีระบบ KATSAN เพิ่มเติมขึ้นมา และมีแบรนด์ Britania ที่ติดตั้ง Digital Door Lock ให้ด้วยนะคะ
  • สำหรับใครที่ชอบส่วนกลางสวยๆ ได้บรรยากาศดีๆ มีหลายแบรนด์มากเลยที่เราว่าเค้าพัฒนาให้ดูน่าใช้งาน คอนเซปต์ชัดเจน อย่างเช่น Villaggio มาในสไตล์ยุโรป, V Compound สไตล์รีสอร์ท, Britania สไตล์อังกฤษดูคลาสสิค , Grande Pleno สไตล์ Modern ทันสมัย และที่คอนเซปต์ชัดสุดเรายกให้ Anasiri ที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านญี่ปุ่นได้จริงๆ
  • หรือถ้าใครชอบบ้านหน้ากว้าง ได้ช่องหน้าต่าง รับแสงธรรมชาติได้เยอะ ก็จะมีแบรนด์ Anasiri, Golden Neo และ Grande Pleno
  • สุดท้ายหากครอบครัวไหนที่ต้องการบ้านโครงสร้างก่ออิฐ ฉาบปูน เผื่อไว้ทุบ ต่อเติม เชื่อมห้องได้สะดวก แนะนำเป็นแบรนด์ Grande Pleno และ Supalai Bella ค่ะ

เป็นไงกันบ้างคะ สำหรับภาพรวมของบ้านแฝดภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของ 8 ผู้ประกอบการชั้นนำ ที่เรานำมาฝากกัน ทางทีมงานคิดว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ทุกคน หาบ้านในฝันของตัวเองได้ง่ายขึ้น ใครมีข้อเสนอแนะ ติชม สามารถ Comment ใต้บทความได้เลย ขอบคุณค่ะ