สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกคนมาอัพเดตโครงการที่สร้างเสร็จมาแล้ว 3 ปีอย่าง Niche MONO รัชวิภา เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร บนถนนรัชดาภิเษก ใกล้แยกประชานุกูล และทางเราก็เคยทำ รีวิวตึกเสร็จ กันไปแล้วนะครับ แต่ปัจจุบันโครงการมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในเล็กน้อย รวมถึงมีโปรโมชั่นห้องที่ยังเหลือในราคาพิเศษ ผมจึงอยากจะพาทุกคนมาชมกัน ตามผมมาเลยครับ

Fact @ 23 August 2019

  • Niche MONO Ratchavipha (นิช โมโน รัชวิภา)
  • บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร
  • คอนโด High Rise 27 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 840 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต ที่ อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 366 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 44%, รวมจอดซ้อนคัน 485 คัน คิดเป็น 55% และที่จอดรถจักรยานยนต์ 125 คัน
  • ที่ดินประมาณ 6 – 1 – 52 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : 2014
  • แล้วเสร็จ : 2016
  • 1 Bedroom 30 – 40 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 53 – 62 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.35 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 91,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด : 73,000 – 88,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 1775
  •  รีวิวตึกเสร็จโครงการ Niche MONO รัชวิภา

ทำเลที่ตั้งของโครงการ

พิกัด Google Maps : 13.830892,100.540084
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

ที่ตั้งของ Niche MONO รัชวิภา ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ตรงหัวมุมแยกประชานุกูลพอดี ด้านหน้าโครงการติดกับถนนรัชดาภิเษก ถ้าหันหน้าเข้าหาโครงการทางฝั่งซ้ายจะเป็นถนน ประชาชื่น ส่วนทางฝั่งขวาติดกับทางลงทางพิเศษศรีรัช ถ้าดูรวมๆแล้วทำเลนี้จะอยู่ระหว่างทางไปถนนรัชดาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าพระราม 9 และถนนประชาชื่น

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือเป็นการเดินทางหลักของโครงการนี้ สามารถใช้เส้นทางไปที่ต่างๆได้หลากหลาย สำหรับเส้นทางถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าไปทางฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นทางไปออกถนนจรัญสนิทวงศ์ แต่ถ้าไปทางฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นทางไปรัชโยธิน มุ่งหน้าไปพระราม 9 ถ้าใช้ถนนประชาชื่นมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือจะไปออกงามวงศ์วาน – แจ้งวัฒนะ ส่วนถ้าไปทางใต้จะเป็นทางไปฝั่งบางซื่อ ที่มีแหล่งงานอย่าง SCG ตั้งอยู่ ติดตรงที่บริเวณแยกประชานุกูลรถจะค่อนข้างติดโดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ เบื้องต้นคือโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ สามารถเรียกรถแท็กซี่สะดวก แต่ถ้าจะเรียกมอเตอร์ไซค์จะต้องเดินข้ามฝั่งมาเรียกที่แถวๆ รพ. เกษมราษฎร์ ประชาชื่น และถ้าเป็นป้ายรถเมล์นั้นจะต้องเดินเลยทางลงทางด่วนมาหน่อยจึงจะมีป้าย ซึ่งทางโครงการมี Shuttle Van รับส่งที่ BTS และ MRT หมอชิต ซึ่งจะสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT เลย รถจะมีให้บริการเป็นสองช่วง ช่วงเช้าตั้งแต่ 6.00 – 10.00 น.  และช่วงเย็น 16.00 – 20.00 น.โดยจะออกทุกๆ 30 นาที ส่วนถ้าจะเอารถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการที่สุดตอนนี้คือ MRT สถานีบางซ่อน โดยจะมีระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร และ MRT สถานีวงศ์สว่าง ประมาณ 1.7 กิโลเมตร สามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวได้ที่สถานีสวนจตุจักร ซึ่งในอนาคตสถานีบางซื่อก็จะเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสายสีแดงอ่อน และ สายสีแดงเข้ม และจะมีส่วนต่อขยายไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่สถานีเตาปูน

เนื่องจากที่ตั้งของโครงการมีถนนและทางด่วนอยู่บริเวณรอบๆโครงการในระยะประมาณ 100 เมตร จึงไม่มีร้านค้าและร้านอาหาร มีแต่ที่ดินเปล่ารอบๆทางด่วน ซึ่งทางโครงการก็นำ 7-11 มาเปิดภายในโครงการ สามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก แต่ถ้าอยากจะหาของกินอื่นๆในระยะใกล้ๆก็อาจจะต้องเดิน หรือ ขับรถหน่อย โดยในบริเวณใกล้เคียงสำรวจดูแล้ว แหล่งที่น่าจะพอมีของกินมีดังนี้

  • ถ้าข้ามฝั่งไปทางโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น จะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่หน้าโรงพยาบาล และ ภายในโรงพยาบาลจะมีร้าน Black Canyon,  S&P และร้านกาแฟ Amazon รวมถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 ให้บริการ ยังมีร้านอาหารพวกรถเข็นและแผงลอยขายของเล็กๆน้อยๆอีกด้วย
  • จากโครงการถ้ามุ่งหน้าไปทางฝั่งรัชโยธินประมาณ 300 เมตร จะเจอกับปั๊มคาลเท็กซ์ ซึ่งด้านในปั๊มจะมีร้าน Burger King Drive – Thru, Lawson 108 และ Black Canyon ถ้าถัดไปหน่อยบริเวณทางกลับรถใต้สะพานจะเจอกับร้านอาหาร มีอาหารตามสั่งและช่วงกลางวันก็จะมีเป็นข้าวแกง
  • ถ้าข้ามมาทางฝั่งถนนประชาชื่น จะมีร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างตึกแถว ติดริมถนนโดยที่ใกล้ๆจะมีอยู่เยอะช่วงซอย ประชาชื่น 20 ต้นๆ แต่โซนนี้ถ้าขับรถมาจะสะดวกกว่าโดยขับมาจอดได้เลย

สำหรับตลาด ถ้าขับรถเลยขึ้นไปทางถนนเทศบาลสงเคราะห์ ก็จะมีตลาดประชานิเวศน์ และ ตลาดบองมาร์เช่ ตลาดใหญ่ในย่านนี้ ที่มีทั้งของสดของแห้งให้เลือกจับจ่ายใช้สอย ส่วนห้างค้าปลีก – ค้าส่งในย่านนี้ก็จะมี Tesco Lotus ประชาชื่น, Big C วงศ์สว่าง สำหรับแหล่งช้อปปิ้งที่ใกล้ๆก็จะมี Major รัชโยธิน และ The Avenue รัชโยธิน ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม และ ตลาดนัดเสื้อผ้า ถ้าขับรถไปทางฝั่งลาดพร้าวก็จะมีเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว และ ยูเนียนมอลล์ ให้เดินเล่นกัน

ตัวโครงการมีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 6 ไร่ ด้วยสภาพแวดล้อมของโครงการ ที่ถูกล้อมรอบด้วยถนนรัชดาภิเษก, ถนนประชาชื่น และทางด่วน ตัดกันทำให้พื้นที่ตรงกลางเป็นสามเหลี่ยมซึ่งเป็นส่วนของโครงการเรา  ส่วนพื้นที่รอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ ตึกสูงที่อยู่ใกล้กับโครงการจะมีเพียงโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ส่วนคอนโดสูงอื่นๆนั้นจะอยู่ถัดไปอีกบนถนนประชาชื่น วิวโดยรอบจึงไม่มีอะไรมาบดบัง เว้นแต่ชั้นที่อยู่ใกล้ๆกับทางด่วน โดยมีรอบๆโครงการติดกับ

ภายในโครงการแยกออกเป็น 2 อาคาร แนวตัวอาคารไม่ได้ตั้งตามทิศเหนือ-ใต้ จึงทำให้รับวิวทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหลักทั้งสองอาคาร ผมจะพาไปชมแต่ละฝั่งกันนะครับ

อาคาร A

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร A ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – เป็นวิวแนวราบโล่ง แต่ไม่ใช่วิวหลักของอาคารพักอาศัย ด้านล่างจะมีแนวทางพิเศษศรีรัชซึ่งอาจจะส่งผลกระทบเรื่องเสียงในช่วงชั้นล่างๆบ้าง 1-2 ยูนิต ไม่มีห้องพักอาศัยหันไปทางฝั่งทิศนี้โดยตรง ซึ่งจะเป็นส่วนของโถงทางเดินที่จะได้วิวทิศนี้

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร A ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ – เป็นวิวหลักของอาคาร A ซึ่งจะห้องพักอาศัย 9 ยูนิต/ชั้น หันมาทางนี้ จะเป็นวิวพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ข้อดีคือเห็นความเคลื่อนไหวภายใน ได้แนวอาคารข้างๆและตรงข้ามช่วยบังแดด แต่จะเสียเรื่องความเป็นส่วนตัว และวิวโล่งไป

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร A ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ – เป็นอีกฝั่งที่ไม่ใช่วิวหลักของแนวห้องพักอาศัยในอาคาร A แต่มีห้องพักอาศัยแบบ 1 bedroom ขนาด 30 ตร.ม. 3 ยูนิต/ชั้น ที่จะได้รับวิวนี้ เป็นวิวโล่งที่เห็นแนวคลองประปา และถนนประชาชื่น ตัดกับถนนรัชดาภิเษก

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร A ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ – เป็นวิวหลักของอาคาร A ซึ่งจะมีห้องพักอาศัย 10 ยูนิต / ชั้น หันมาทางฝั่งนี้ เป็นวิวคลองประปาและถนนประชาชื่น ตัดกับทางพิเศษศรีรัช ซึ่งในระยะประชิดจะติดกับพื้นที่ดินว่างเปล่ารูปทรง 3 เหลี่ยม ซึ่งจะได้วิวค่อนข้างโล่ง และมีระยะห่างจากแนวถนน ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นมากนัก เห็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น อยู่ทางฝั่งตรงข้าม

อาคาร B

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร B ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ทางฝั่งนี้ไม่ใช่ทิศหลักของห้องพักอาศัยในอาคาร B จะติดกับแนวทางพิเศษศรีรัช ซึ่งจะมีผลกระทบเรื่องเสียงบ้างในชั้นล่างๆ ทางโครงการจึงวางโถงลิฟต์ไว้ทางฝั่งนี้ และถ้าจะมีห้องที่จะได้รับผลกระทบเรื่องเสียงบ้างก็คือห้องมุมทางฝั่งทิศนี้เพียงหนึ่งยูนิต/ชั้นเท่านั้น

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร B ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ – เป็นวิวหลักของอาคาร B จะมีห้องพักอาศัยหันมาทางฝั่งนี้ 8 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะเป็นวิวถนนรัชดาภิเษกตัดกับทางพิเศษศรีรัช เป็นวิวที่มีความเคลื่อนไหวของรถให้ดูเพลินตา ช่วงชั้นล่างๆ จะได้ผลกระทบเรื่องเสียงจากทางด่วนบ้างครับ

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร B ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ – ฝั่งนี้จะเป็นคลองประปาและถนนประชาชื่นตัดกับถนนรัชดาภิเษก เป็นอีกฝั่งที่มีวิวเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่ไม่ใช่วิวหลักของห้องพักอาศัยในอาคาร เป็นวิวของโถงทางเดินภายใน มีห้องพักอาศัยทางฝั่งนี้ 2 ยูนิต ไม่ได้รับวิวโดยตรงด้วย

ภาพจากชั้น 20 ของอาคาร B ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ – เป็นวิวพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการจะเห็นอาคาร A อยู่ด้านหน้า มีห้องพักอาศัยหันไปทางนี้ 5 ยูนิต/ชั้น และเป็นวิวให้กับโถงลิฟต์ภายในด้วย

ส่วนพื้นที่แนวราบหน้าโครงการในระยะประชิดก็ไม่ค่อยมีอะไร เพราะอย่างที่บอกไปว่าเป็นพื้นที่ที่ที่ถูกล้อมรอบด้วยถนนรัชดาภิเษก, ถนนประชาชื่น และทางพิเศษศรีรัช สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • รพ. เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ~ 160 ม. (ระยะเดินข้ามฝั่ง)
  • ปั๊มคาลเท็กซ์~ 350 ม.
  • ตลาดประชานิเวศน์ ~ 1.9 ก.ม.
  • ตลาดบองมาร์เช่ ~ 2.3 ก.ม.
  • SCB PARK ~ 3 ก.ม.
  • เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ~ 3 ก.ม.
  • เมเจอร์รัชโยธิน ~ 4.9 ก.ม. (รวมระยะกลับรถ)
  • บิ๊กซี วงศ์สว่าง ~ 5.8 ก.ม. (รวมระยะกลับรถ)

อัพเดตตัวโครงการ

ผังรวมชั้นล่างของโครงการ ทางเข้าออกจะอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษก ปัจจุบันมีทางเข้าออกทางเดียวที่ถนนรัชดาภิเษก เป็นการเดินรถสองทางรอบตัวอาคาร ที่จอดรถจะต้องวนไปเข้าที่ด้านข้างของตัวอาคารทางฝั่งทิศตะวันออก อยู่ระหว่างอาคาร A และ อาคาร B โดยวนเข้าได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ภายในที่จอดรถจะมีประตูเชื่อมเข้าโครงการได้เลย รอบๆอาคารก็จะมีที่จอดรถกระจายอยู่ตามแนวรั้ว

อาคาร B จะเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นอาคาร A โดย Main Lobby จะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ B ทางฝั่งทิศตะวันตก หน้า Main Lobby จะมี Drop off สำหรับให้รถวนรถมารับส่ง และมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง รวมพื้นที่สวนทั้งโครงการประมาณ 2 ไร่

ตัวโครงการเราเสร็จมาประมาณ 3 ปีกว่าๆแล้วนะครับ แต่พูดถึงสภาพภายโครงการยังดูดีอยู่นะ เรามาเริ่มดูตั้งแต่ทางเข้าโครงการกันเลยละกันครับ เป็นทางเข้ารั้วกั้นไม้กระดก เข้าด้วยระบบ Access Card ระยะใกล้

ด้านข้างมีพื้นที่จอดรถอีกจุด ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีเส้นทางที่ลงจากทางด่วนเข้าตัวโครงการได้เลย แต่ปัจจุบันทางนี้ได้ปิดไปแล้วนะครับ เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ แล้วก็มีลูกบ้านที่ใช้งานไม่ได้เยอะมากนัก ปัจจุบันทำเป็นที่จอดรถเพิ่มเติมครับ

ป้อม รปภ. อยู่ตรงกลางระหว่างทางเข้าและทางออกเหมือนเดิมตั้งแต่ตึกเสร็จ ก็ช่วยให้สามารถจัดการดูแลได้ง่าย

เข้ามาภายในจะเป็นการเดินรถทางเดียวไปทางซ้าย ถนนส่วนนี้จะเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมด

อาคารแรกที่จะพบคืออาคาร B นะครับ มีที่จอดรถกลางแจ้งขนาบข้างอยู่ตามทาง

ด้านหน้าอาคาร B มีทางเดินที่สามารถเดินเข้าตัวอาคารได้เลย พร้อมสวนด้านหน้า

สวนส่วนนี้ก็มีต้นไม้ที่ให้ร่มเงาได้นะ สามารถมานั่งเล่นช่วงเย็นๆ ก็ไม่ร้อนแล้วครับ ตอนเย็นจะมีการเปิดไฟประดับตกแต่งต้นไม้ให้ดูสวยงาม

ขับเข้าไปต่อทางด้านในพื้นที่โครงการ พื้นที่ข้างรั้วโครงการจะมีแนวพื้นที่จอดรถกลางแจ้งยาวเข้าไปเลย

เมื่อเลยแนวอาคาร B เข้ามาจะเจอกับวงเวียนหลักของโครงการครับ พื้นจะยังคงเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ อาคาร B มีหลังคายื่นออกมารับบริเวณ Drop Off ซึ่งตรงนี้สภาพโดยรวมยังจัดว่าสวยงาม และมีการดูแลอย่างดีทีเดียว สังเกตได้จากหญ้าที่เรียบเสมอกันทุกที่ รวมถึงใบไม้ตามมุมต่างๆ ไม่มีตกบนท้องถนนให้เห็นเลย ต้องขอชื่นชมครับ

ด้านหน้าจะมีรปภ. คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ขึ้นลงสะดวกครับ ก่อนที่จะเข้าไปภายในตัวอาคาร เราเลยไปดูพื้นที่รอบๆกันให้รอบก่อนละกันนะครับ

อีกมุมด้านในจะมีเป็นพื้นที่จอดรถกลางแจ้งให้นะครับ ในช่วงกลางวันของวันธรรมดาก็จะมีที่จอดรถเหลือให้ใช้งาน แต่จากที่สังเกตและสอบถามมาในช่วงตอนเย็นสำหรับวันจันทร์-ศุกร์ ที่จอดรถจะเต็มนะครับ จะเริ่มว่างตอนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ สำหรับที่นี่จะมีค่าพื้นที่จอดรถคันละ 300 บาท/เดือน นะครับ

ที่ติดกับพื้นที่วงเวียนคืออาคาร A ครับ จะมีแนว Facade ที่เหมือนกันทั้งโครงการ เป็นลักษณะนี้กระจายให้เห็นตามพื้นที่ต่างๆ

บริเวณนี้จะมีพื้นที่ให้เดินเข้าไปภายในได้ เป็นส่วน Lobby ของอาคาร A โดยตรง ซึ่งก็มีพื้นที่ Semi-Outdoor ยื่นออกมารับกันแดดกันฝนให้ด้วย

พื้นที่ตรงข้ามอาคาร A ก็มีสวนเช่นกันคล้ายๆกับของอาคาร B นะครับ แต่จะใช้ต้นไม้คนละลักษณะ ให้ร่มเงา นั่งเล่นได้สบายเหมือนกัน

เป็นพื้นที่เหมือน Amphitheatre ที่มีแนวต้นไม้ล้อมรอบ เหมาะแก่การทำกิจกรรมเป็นกลุ่มได้ สังเกตที่หญ้าและใบไม้นะครับ ค่อนข้างเรียบร้อยเลย

ด้านข้างมีสนามเด็กเล่นที่ใช้เป็นพื้นยาง เพื่อลดการบาดเจ็บเวลาล้มหรือกระแทกนะครับสนามกลางแจ้งเหมาะกับการใช้งานช่วงเช้าๆหรือเย็นๆ

เลยต่อไปด้านหลังแนวอาคารกันเลย ยังมีพื้นที่ที่น่าสนใจที่จะพาไปชมกันอีกอยู่นะครับ ยังคงเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายนะครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัสดุปูพื้นที่ค่อนข้างได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นตัวช่วยปรับพื้นที่ทางเดินขรุขระภายนอกให้ใช้งานได้อย่างสะดวก มีพื้นผิวที่ลดความลื่นในช่วงฝนตก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มลวดลายให้ถนนดูสวยงามมากขึ้นอีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าพื้นถนนภายนอกแบบปกตินะครับ ซึ่งผมว่าโครงการนี้ก็จัดมาให้ถือว่าเยอะเหมือนกันนะ

อ้อมมาที่ด้านข้างตัวอาคารจะมีพื้นที่จอดรถทางซ้ายมือติดรั้วโครงการ ส่วนฝั่งขวามือใต้อาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ ตอนตึกเสร็จใหม่ๆ พื้นที่ใต้อาคารส่วนนี้ยังไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์มากนัก ปัจจุบันมีการพัฒนานำมาใช้มากขึ้น ยังมีข้างในอีกนะ เดี๋ยวเข้าไปดูกันครับ

มีทางเลี้ยวเข้าของรถจักรยานยนต์ทางฝั่งด้านนี้

ด้านข้างมีพื้นที่ให้เยอะทีเดียว เป็นพื้นที่จอดในร่มไม่ต้องจอดรถกลางแดดกลางฝน อีกทั้งยังเชื่อมต่อเดินเข้าอาคารด้านในได้เลย

ส่วนด้านในเมื่อก่อนตอนตึกเสร็จใหม่ๆจะเป็นพื้นที่เก็บของ ปัจจุบันพื้นที่บริเวณนี้ก็ถูกนำมาใช้งานแล้วเช่นกันนะครับ

หน้าทางฝั่งขวาสุดเป็นห้องซักรีดครับ มีหลายเครื่องให้ใช้งานพร้อมกันได้หลายคนเลย ภายในมีตู้กดน้ำให้ด้วย

หรือถ้าขี้เกียจซักเองก็มีร้านรับซักอบรีดให้เรียบร้อยเลยครับด้านข้าง

ส่วนด้านในจะเป็นร้านอาหารที่ขายครบทั้ง 3 มื้อเลย เปิดตั้งแต่ 6.00 – 21.00 น. ครับ ใครที่ไม่อยากออกไปข้างนอกก็มาฝากท้องกันได้ง่ายๆเลยครับ

ตัวร้านจะอยู่ติดกับพื้นที่อาคารด้านนอก ทำให้ได้แสงธรรมชาติและเห็นรถผ่านไปมา ไม่อึดอัดครับ ต่อที่นอกอาคาร เราวนอ้อมตัวอาคารกันไปเลย

ด้านหลังนี้จะมีเลนค่อนข้างกว้าง สามารถจอดรถทางฝั่งซ้ายมือได้เช่นเดิม

เลยมาอีกสักนิดจึงจะถึงพื้นที่อาคารจอดรถของโครงการนี้กันครับ ซึ่งจะจอดที่ชั้น 1-3 รวมจอดซ้อนคันแล้วทั้งโครงการคิดเป็น 55%

ภายในมีช่องแสงธรรมชาติและไฟเปิดให้ ทำให้ใช้งานค่อนข้างง่าย ไม่อันตราย

สำหรับทางขึ้นลงจะอยู่ใกล้กับพื้นที่เข้าภายในอาคาร จะเดินก็อาจจะต้องระวังกันสักหน่อยนะครับ

จากนั้นก็วนออกทางด้านหน้าได้เลยครับ การเดินรถภายในไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย

เข้ามาดูภายในอาคารกันบ้าง จะเข้ามาเริ่มที่ส่วนพื้นที่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคารนะครับ เป็นพื้นที่โถงค่อนข้างกว้าง มีระดับพื้นถึงฝ้าแบบ Double Volume สภาพส่วนต่างๆยังดูใหม่อยู่ทุกพื้นที่นะครับ พื้นนี่เงาวั้บเลย

ลองเดินไปดูฝั่งอาคาร A กันก่อนนะครับ

ทางเดินจะมี Pattern ที่สอดคล้องไปกับ Facade ภายนอก โดยการเล่นรูปทรงสามเหลี่ยม ด้วยตัววัสดุเอง และเงาที่เกิดจากแสงกระทบ ดูสัมพันธ์กับภายนอก

พื้นที่ Lobby ของอาคาร A ข้อดีของการมีพื้นที่ส่วนนี้คือแยกแต่ละอาคารให้เป็นสัดส่วน ลดการใช้งานของลูกบ้านในแต่ละพื้นที่ และได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้อยู่ในสภาพที่สวยงาม วัสดุอุปกรณ์ทุกส่วนยังอยู่ในสภาพดี มีการจัดการค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ด้านในมีมุมนั่งเล่นค่อนข้างหลากหลาย แบบเป็นส่วนตัว และแบบสบายๆ ให้เลือกใช้งานกันได้

ออกมาจากห้อง Lobby ตรงกลางจะมีประตูเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ของโครงการ ส่วนฝั่งขวาคือห้อง Mail Box ครับ

ภายในห้องค่อนข้างกว้าง ตกแต่งด้วยสีดำ ยังเน้นรูปทรงสามเหลี่ยมเป็น Element หลักในการตกแต่งเช่นเคยครับ รูปแบบ Mail Box ดูเท่ดี

โถงลิฟต์จะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ ด้านในตกแต่งด้วยกระจก สะอาดดูใหม่อยู่เลยครับ มีลิฟต์โดยสารให้บริการ 3 ตัว ซึ่งจะทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคาร A อยู่ที่ 1 : 176 ยูนิต ถือว่าสูงเหมือนกัน

ลองมาดูฝั่งอาคาร B กันบ้างครับ เริ่มต้นเลยจะมีส่วนของ 7 Eleven อยู่ภายใน Lobby กลางระหว่าง 2 อาคารนี้ด้วย ซึ่งข้อดีอีกข้อนอกจากความสะดวกในการใช้งานแล้ว คือไม่ได้มีตำแหน่งที่ตั้งติดถนน ทำให้ไม่มีคนนอกเข้ามาใช้งาน ทำให้ไม่วุ่นวายและได้ความปลอดภัย

เป็นเซเว่นขนาดเล็ก-กลาง แต่ก็จัดว่ามีสินค้าพื้นฐานให้ครบนะครับ แต่ไม่มี All Cafe และ Kudson

ทางเดินไป Lobby B จะไกลกว่าหน่อย จะมีช่วงพื้นที่ของห้องนิติบุคคล และห้องน้ำแยกชายหญิงให้ด้านข้างครับ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นแนวกระจกที่ได้เห็นทางเข้าออกโครงการ และเป็นช่องแสงให้พื้นที่บริเวณนี้

มีตู้ ATM ให้บริการด้วย เป็นตู้ของ LH Bank นะครับ

ขนาดพื้นที่ของ Lobby อาคาร B จะใกล้เคียงกับอาคาร A แต่จะเน้นจัดเป็นชุดโซฟานั่งสบายๆซะมากกว่า ซึ่งทั้งสอง Lobby ยังสามารถข้ามไปใช้งานกันได้ทั้งสองฝั่งนะครับ

ตัวโถงลิฟต์ของอาคาร B จะอยู่ภายใน Lobby ของอาคาร B เลย ซึ่งจะมีประตูภายเข้าออกด้วยระบบ Keycard อยู่ครับ

ภายใน Lobby อาคาร B จะมีช่องแสงให้และลิฟต์โดยสารของอาคาร B จะมี 3 ตัวเช่นกันกับอาคาร A แต่จะย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกันทั้งหมด

ข้ึนมาที่ชั้น 4 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ และเริ่มเป็นชั้นห้องพักอาศัยด้วยเช่นกัน โดยอาคาร A มีห้องพักอาศัย 22 ยูนิต ส่วนอาคาร B มี 13 ยูนิต ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำ, สระเด็ก และ Fitness โดยจัดวาง Facilities ไว้ตรงกลางเชื่อมระหว่างตึก A-B ทำให้สามารถใช้งานง่ายทั้งสองอาคาร

ตึก A เป็นตึกใหญ่กว่า อยู่ด้านหลังโครงการ วางผังเป็นตัว L ทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนข้างโล่ง เห็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ฝั่งตรงข้ามของถนนแบบเอียงๆบ้าง ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้วิวชั้นล่างจะติดทางด่วนและตึกแถวเล็กน้อย ส่วนด้านบนจะเปิดโล่ง ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชั้นล่างๆ 4-7 พอจะได้วิวสระสวนในอาคาร ส่วนชั้น 8 ขึ้นไป จะต้องก้มมองถึงจะเห็นวิวส่วนกลาง ส่วนด้านหน้าจะเป็นแนวอาคาร B ซึ่งก็มีระยะห่างพอสมควรรับแดดและลมได้แบบที่พาไปชมมาเมื่อสักครู่

ตึก B เป็นตึกเล็ก อยู่ด้านหน้าโครงการ วางผังตัว I รับวิวสองทิศคือ ตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นด้านหน้าโครงการ ชั้นล่างๆ 4-6 จะอยู่ใกล้ถนน ซึ่งก็จะได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นบ้าง แต่ดีที่วิวด้านนี้ค่อนข้างเปิดโล่งนะ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้วิวสระและสวน เช่นกันกับอาคาร A

ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 4 ครับ เป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ซึ่งจริงๆที่อยากจะพามาชมหลักๆก็ที่ชั้นนี้แหละครับ เพราะถึงจะสร้างเสร็จมา 3 ปี สภาพพื้นที่ส่วนกลางของเขายังสวยงามอยู่เลย ไม่เชื่อก็ตามผมมาดูเลยครับ

ทางเดินบริเวณนี้ก็มีช่องแสงให้เต็มที่ ทุกอย่างอยู่ในสภาพดีสวยงาม

เดินเข้ามาภายในจะได้เห็นต้นไม้ที่ค่อนข้างโตให้ร่มเงาแก่พื้นที่ได้จริง ดูเขียวสดชื่นเชียวล่ะครับ และก่อนที่ผมจะขึ้นมาถ่ายนี่ก็ไม่ได้มีการเตรียมพื้นที่อะไรก่อนนะครับ เป็นปกติเหมือนทุกวันที่เขามีพนักงานคอยจัดการดูแล สภาพสระว่ายน้ำก็ยังเรียกได้ว่าใหม่อยู่เลย ไปดูใกล้ๆกัน

สระเด็ก ขนาด 6.2 x 3.4 ม. ลึก 0.8 ม. โดยรอบปูด้วยกระเบื้องโมเสค อยู่ด้านหลังนี้ก็อยู่ในสภาพสวยงาม ไม่มีใบไม้ลอย และน้ำก็ยังใสกิ๊กเลย

พื้นที่นั่งรับวิวภายนอกบริเวณนี้ก็จัดว่าดูดี ด้วยพื้นหญ้าเทียมที่ปูไว้ รวมถึงเก้าอี้ที่นั่งโดยรอบ

สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 25 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร ที่สุดขอบเป็นแบบ Infinity Edge Pool หรือสระไร้ขอบ ทำให้เรารับวิวได้มากยิ่งขึ้น

ด้านข้างมีมุมให้นั่งเล่น พร้อมแนวหลังคาโปร่งที่ยังใช้ Pattern สามเหลี่ยมมาเล่นเช่นเดิม การมีแนวหลังคาลักษณะนี้อาจจะไม่ได้ช่วยในเรื่องของการกันแดดและกันฝนนัก แต่ในทางความรู้สึกจะทำให้รู้สึกโดนโอบล้อม ปลอดภัย และไม่ทึบจนเกินไป ทั้งยังช่วยบังสายตาจากแนวอาคารด้านบนด้วย

ด้านข้างมีสระ Jacuzzi ให้ถึง 2 จุด เป็นมุมใต้ร่มไม้ได้ร่มเงา น่าจะเป็นมุมชิลๆของใครหลายๆคน

ด้านข้างมีสวนที่อยู่ในสภาพที่เรียกว่าถูกดูแลจัดการอย่างด่ี ทั้งแนวต้นไม้ใหญ่ และสนามหญ้าดูเรียบร้อยดี

ด้านในมี Terrace สำหรับนั่งเล่น รับลม บริเวณนี้จะได้แนวอาคารช่วยบังแดดช่วงบ่าย ทำให้สามารถนั่งเล่นสูดอากาศได้

ด้านข้างตรงกลางทั้ง 2 ฝั่งจะมีแนวพื้นที่ว่างเว้นระยะไว้ให้ เพราะพื้นที่บริเวณนี้จะมีห้องพิเศษที่มี Balcony ส่วนตัวที่ยื่นออกมาจากตัวห้อง สามารถเชื่อมต่อห้องกับพื้นที่ส่วนกลางจากตรงนี้ได้เลย

มาดูส่วนภายในอาคารกันต่อนะครับ ชั้นหนึ่งจะเป็น Co-Working Space ส่วนชั้น 2 เป็น Fitness ครับ

ภายในจัดเป็นมุมนั่งเล่น มีโต๊ะให้มานั่งทำงานกันได้ ภายในก็มีหนังสืออ่านเล่นให้นั่งอ่านกันได้

ออกมาตรงกลางจะมีพื้นที่ที่เป็นห้องน้ำแยกชายหญิง และบันไดขึ้นไปชั้นสองครับ

ด้านบนขึ้นมาจะมีห้องออกกำลังกาย ที่มีพื้นที่พักคอยให้นั่งเล่นด้านหน้าด้วย ตรงนี้ดีนะครับมีพื้นที่ให้นั่งพัก หรือคอยเพื่อนได้ หลายๆที่ไม่ได้มีให้

ภายในห้องออกกำลังกายจัดเครื่องออกกำลังกายมาเยอะทีเดียว ให้เต็มห้องเลยครับ มีทั้งส่วนออกกำลังกายแบบ Weight Training และ Cardio

ส่วนลู่วิ่งจะได้วิวสระว่ายน้ำ เป็นวิวที่ค่อนข้างสวยเลยทีเดียวครับ

ด้านในจะมีอีกห้องให้เข้าไป ลองเข้าไปดูกันครับ

ภายในจะเป็นห้องประขุมมีโต๊ะให้สำหรับ 6 ที่นั่ง ได้ห้องที่เป็นส่วนตัวรับวิวสระว่ายน้ำ สภาพยังใหม่เหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานเลยครับ ฮ่าๆ

มาดูที่ชั้นที่ 5 นะครับ ตัวอาคารทั้งสองจะเริ่มแยกออกจากกันแล้ว ยูนิตพักอาศัยทั้ง 2 อาคารจะเหมือนชั้นที่ 4 แต่มี Library และ Meeting Room เพิ่มเข้ามาซึ่งต้องขึ้นมาจากพื้นที่ตรง Fitness ชั้น 4

ผังอาคาร A ชั้น 6-27 จัดเป็นรูปตัว L คว่ำ จำนวนห้องทุกชั้นเท่ากันคือ 22 ยูนิต/ชั้น วางห้อง 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ไว้ตรงกลาง ด้านวงในเป็นขนาด 34 – 40 ตร.ม. ส่วนแบบ 2 ห้องนอนจะอยู่บริเวณฐานตัว L ลิฟต์อยู่ค่อนมาทางฝั่งฐานตัว L ซึ่งห้องที่อยู่มุมนี้อาจจะคึกคักหน่อย ส่วนห้องที่อยู่อีกฝั่งบรรยากาศจะสงบกว่า ยิ่งสูงวิวยิ่งเห็นได้ไกล วิวนอกเมืองคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ด้านบน) และทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ด้านซ้าย) ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะ Block วิวกันเอง

ผังอาคาร B จัดเป็นรูปตัว I ชั้น 6-27 การวางผังห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาด 30-34 ตร.ม. วางคละกันมีห้อง 2 Bedroom อยู่บริเวณหัวมุมอาคาร ความหนาแน่นทุกชั้น เท่ากันคือ 13 ยูนิต/ชั้น ชั้นนี้มียูนิตน้อยกว่า ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหน่อย วิวที่สวยคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ด้านล่าง) จะเป็น City View ยิ่งสูงยิ่งเห็นไกล ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ด้านบน) จะเป็นวิวพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งจะเห็นอาคาร A ทางฝั่งตรงข้าม

มาดูที่โถงทางเดินกันบ้าง จะเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิคแผ่นเล็กเช่นเดิมครับ ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็อยู่ในสภาพดีนะ

ที่มุมของแต่ละโถงทางเดินจะมีช่องแสงให้เปิดรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby และ Mail Box แยก อาคาร A และ B
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ แบ่งออกเป็น สระผู้ใหญ่ขนาด 25 x 15 ม. ลึก 1.2 ม. สระเด็กขนาด 6.2 x 3.4 ม. ลึก 0.8 ม. และ Jacuzzi ในตัว
  • ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายได้ 8 ชิ้น
  • Library / Meeting Room (Free WiFi)
  • สวนหย่อม ชั้น Ground และชั้น4
  • โครงการมี 2 อาคารโดยแต่ละอาคารมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์บริการ 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์ อาคาร A คือ 176:1 อาคาร B คือ 104:1
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 140:1
  • CCTV / เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
  • ที่จอดรถ ชั้น 1-3 และ รอบอาคาร จอดได้ 366 คันไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 44 % ถ้ารวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 55%
  • Shuttle Van คัน ส่ง BTS สถานีหมอชิต และ MRT สถานีจตุจักร
  • ร้านสะดวกซื้อ 7 – 11
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card


Product Walkthrough

มาถึงช่วงไฮไลท์ของเรากันแล้วครับ ปัจจุบันโครงการ Niche MONO รัชวิภา มีโปรโมชั่นจัดราคาพิเศษ ในหลายๆรูปแบบการขาย ไม่ว่าจะเป็นห้องเปล่า ห้อง Fully Furnished หรือห้องตกแต่งพร้อมอยู่ที่จัดเหมือนห้องตัวอย่างให้เลย ในราคาเท่ากันกับห้อง Fully Furnished (แต่มีจำนวนจำกัด) โดยในแต่ละรูปแบบห้องไม่ว่าจะตำแหน่งไหนหรือชั้นไหนก็ตาม จะขายในราคาเดียวเลย เรียกว่ามีตัวเลือกที่หลากหลายทีเดียว รายละเอียดดังนี้ครับ

  • อาคาร A – จะเป็นอาคารที่มีแต่ห้องเปล่า เป็น Fully Fitted ทั้งอาคาร ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าอาคาร B เหมาะสำหรับคนที่ชอบแต่งห้องเอง หรือประหยัดงบ และนำเฟอร์นิเจอร์เข้ามาเองก็ได้ครับ
  • อาคาร B – จะเป็นอาคารที่มีราคาห้องสูงกว่า เพราะมีห้อง 2 รูปแบบ คือห้อง Fully Furnished ธรรมดา กับห้อง Fully Furnished แบบแต่งครบเหมือนห้องตัวอย่าง ที่มีเพียง 15 ยูนิตเท่านั้น ที่สำคัญคือห้องทั้ง 2 แบบนี้มีราคาเท่ากัน ! ใช่ครับ ใครที่สนใจห้องแต่งครบแบบพร้อมอยู่เลย คงต้องรีบหน่อยแล้วล่ะครับ มีรายละเอียดของห้องแต่ละขนาดดังนี้ครับ

เริ่มต้นที่ห้องแรก คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ครับ ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีมากที่สุดในโครงการ ห้องเปล่ามีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.35 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 78,300 บาท/ตร.ม. ปัจจุบันคงเหลืออยู่ประมาณ 31 ยูนิตทั้งโครงการ

  • อาคาร A – ห้องเปล่ามีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.35 ล้านบาท จะมีเหลือในตำแหน่งที่ตีเส้นไว้ให้ 3 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะได้เป็นวิวคลองประปาและถนนประชาชื่น เป็นวิวที่ค่อนข้างโล่งและมีพื้นที่ว่างเปล่าคั่นไว้ ทำให้มีระยะห่างจากถนนพอสมควร ไม่ได้ผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นนักสำหรับชั้นด้านล่าง ตำแหน่งห้องใกล้โถงลิฟต์เข้าออกสะดวก แต่ก็แลกกับต้องมีคนเดินผ่านไปมาหน้าห้องเยอะเหมือนกัน
  •  อาคาร B – ห้องของอาคารนี้จะเป็นห้องแต่งเหมือนห้องตัวอย่าง และห้องที่ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ จะอยู่ในราคา 2.7 ล้านบาท หลักๆจะมี 3 ยูนิต/ชั้น พร้อมเข้าอยู่ได้เลย จะเน้นไปที่วิวถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นวิวฝั่งทางเข้าออกโครงการ ชั้นล่างหน่อยอาจจะได้ผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่นจากถนนบ้าง มี 1 ห้องที่ใกล้กับตัวโถงลิฟต์ เข้าออกง่าย ไม่ต้องเดินไกล แต่แลกกับการที่มีความผ่านไปมาใช้งานโถงลิฟต์ อาจจะมีเสียงรบกวน ส่วนอีก 2 ห้องจะอยู่ด้านใน อาจจะเดินไกลโถงลิฟต์กว่าเดิมเล็กน้อย แต่จะได้เปรียบเรื่องความเป็นส่วนตัว

มาลองดูภายในห้องกันบ้าง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม.ห้องนี้พอเข้ามาจะเจอกับห้องรับแขกก่อน พื้นที่บริเวณห้องรับแขกกว้างพอสมควร ถัดไปเป็นห้องครัวซึ่งออกแบบให้ติดกับพื้นที่ภายนอกเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี มีผนังกั้นเป็นครัวปิด เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจัง กลิ่นอาหารก็จะไม่ไปรบกวนส่วนอื่นภายในห้อง ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่วางชุดโต๊ะทานข้าวเล็กๆนั่งกินได้ 2 คน 1 ชุด ถัดจากครัวเป็นระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศ หรือ เอาไว้ซักล้างตากผ้าได้สบายๆ ติดกับห้องครัวเป็นห้องนอนซึ่งสามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ ปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวีได้ ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่นอกห้องนอนฝั่งที่ติดกับห้องรับแขกซึ่งมีข้อดีคือเวลามีแขกมาก็สามารถเข้าได้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเราอยู่ในห้องนอนจะออกมาใช้ห้องน้ำนะครับ

รูปด้านบนคือห้องแบบแต่งครบพร้อมอยู่ซึ่งเราจะได้แบบนี้เลย ส่วนรูปด้านล่างจะเป็นห้อง Fully Furnished ที่จะได้แต่เฟอร์นิเจอร์มาให้ปกติ ทั้งสองแบบจะขายในราคาเดียวครับ

พอเข้ามาในห้อง จะเจอกับห้องรับแขกก่อน ถัดไปเป็นห้องครัวกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นครัวปิด ติดกับห้องครัวเป็นห้องนอน ส่วนห้องน้ำเข้าได้จากทางห้องรับแขก พื้นห้องนี้เป็นพื้นไม้ลามิเนต ฝ้าเพดานของห้องนี้สูง 2.60 เมตร

ห้องรับแขก มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.10 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้าง วางทีวีขนาดประมาณ 46-50″ได้ เฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ก็หน้าตาตามนี้เลยครับ ไม่มีตู้เก็บรองเท้ามาให้อาจจะต้องสอดไว้ใต้ชั้นวางทีวีนะครับ

ด้านข้างชั้นวางทีวี เป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ โดยประตูห้องน้ำเป็น pvc สีขาว จัดว่าเข้าออกได้สะดวกจากทุกตำแหน่งในห้องนะครับ และยังช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้ห้องนอนด้วยในกรณีที่มีแขก

ภายในห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้ง และส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ผิวด้าน ผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาวขนาด 25 x 25 เซนติเมตร ส่วนสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆจะเป็นของ Kohler และฝักบัวอาบน้ำของ Grohe

ภายในห้องนอนจะให้เตียง ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้ามาด้วย มีแนวกระจกรับแสงและเปิดระบายอากาศได้

ด้านในมีตู้เสื้อผ้าเข้ามุมไว้ให้ เป็นบานกระจกเลื่อนที่จะช่วยประหยัดพื้นที่หน้าตู้ด้วย

เข้ามาในห้องครัวจะเจอกับเคาน์เตอร์กว้าง 60 x 120 ซม. วัสดุเป็นโครงไม้ติดลามิเนต HPL หรือ High Pressure Laminate ส่วน Top เป็นลามิเนตลายหินอ่อน อาจจะต้องระวังเรื่องความชื้นด้วยนะ ขนาดเคาน์เตอร์เหมาะกับใช้งานไม่เกิน 2 คน มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าแบบ Hot Plate แบบ 2 หัว เครื่องดูดควันแบบหมุนวนมาให้ครบ แนะนำว่าให้เปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นและควันด้วย ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานข้าวนั่งได้ 2 คน ทำอาหารเสร็จก็ยกมานั่งทานข้าวตรงนี้ได้เลย ไม่ต้องออกไปเละส่วนภายนอกของห้อง ดูเป็นสัดส่วนดีครับ

ระเบียงมีพื้นที่ 1.00 x 2.45 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค สามารถวางเครื่องซักผ้า และ Condensing Unit  หรือตากผ้าก็ได้

เริ่มต้นที่ห้องแรก คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ครับ ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมานิดนึง ห้องเปล่ามีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท และห้องตกแต่งพร้อมอยู่ในราคา 2.9 ล้านบาท

  • อาคาร A – ห้องเปล่ามีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท จะมีเหลือในตำแหน่งที่ตีเส้นไว้ให้ 2 ยูนิต/ชั้น ซึ่งจะได้เป็นวิวสระว่ายน้ำภายในโครงการ เป็นวิวที่ไม่ได้วิวโล่ง แต่เห็นบริบทภายในโครงการแทน เป็นตำแหน่งที่ใกล้กับโถงลิฟต์ทำให้ขึ้นลงสะดวก
  •  อาคาร B – ห้องของอาคารนี้จะเป็นห้องแต่งเหมือนห้องตัวอย่าง และห้องที่ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ จะอยู่ในราคา 2.9 ล้านบาท หลักๆจะมี 6 ยูนิต/ชั้น จะมีทั้งวิวถนนรัชดาภิเษกภายนอก และวิวภายในโครงการให้เลือกในราคาเท่ากัน

ห้อง 1 ห้องนอน 34 ตร.ม. ห้องนี้การจัดวางผังก็คล้ายๆกับห้อง 30 ตร.ม. ที่ผ่านมาเลย ต่างตรงที่มีพื้นที่ของห้องรับแขกและห้องนอนที่ใหญ่ขึ้น และห้องน้ำที่สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทำให้สะดวกแก่การใช้งานและได้ความเป็นส่วนตัวภายในห้องนอน

ทำให้การจัดพื้นที่ต่างๆค่อนข้างลงตัวมากขึ้น เข้ามาก็จะเจอกับห้องรับแขก ถัดไปเป็นห้องครัวเป็นครัวปิดเช่นเดิม แต่ครัวห้องนี้ขนาดจะแคบกว่าและไม่มีโต๊ะรับประทานอาหารในห้องครัว แต่โต๊ะจะย้ายมาอยู่หน้าห้องครัวแทน ทำให้สามารถดูทีวีไปด้วยทานอาหารไปด้วยได้ ห้องนอนอยู่ด้านในมีหน้าต่างติดกับผนังภายนอกเอาไว้เปิดระบายอากาศได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแยกออกมาเป็นสัดส่วน ส่วนห้องน้ำก็อย่างที่บอก จะต้องใช้ร่วมกันระหว่างห้องรับแขกกับห้องนอน

เข้ามาในห้องนี้ก็จะเจอกับห้องรับแขกเช่นเดียงกันห้อง 30 ตารางเมตรแต่ห้องนี้จะดูกว้างกว่า และ มีโต๊ะทานข้าวอยู่บริเวณหน้าห้องครัว ส่วนห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องครัว

อาคาร B มีเฟอร์นิเจอร์ให้ตามนี้ ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร ซึ่งสามารถวางทีวี 46-50″ ได้เช่นกัน โซฟาที่ได้มีขนาดยาวประมาณ 1.55 เมตรนั่งได้ประมาณ 2 คน พื้นที่ส่วนนี้จะวางโต๊ะกลางได้ขนาดค่อนข้างหลากหลาย เพราะมีขนาดห้องใหญ่ขึ้น

ห้องน้ำสามารถเปิดเข้าได้ทั้งจากในห้องรับแขกและห้องนอน ส่วนรายละเอียดส่วนใหญ่ในห้องจะเหมือนกับห้อง 30 ตร.ม. ที่ผ่านมาเลยครับ สุขภัณฑ์ Kohler และฝักบัว Grohe

ห้องนอนมีลักษณะของห้องคล้ายๆเดิมแต่จะมีพื้นที่มากขึ้น นอน 1-2 คนสบายๆ ไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้หลักๆก็ 3 ชิ้นเท่าเดิมครับ

อีกส่วนที่แตกต่างคือมีประตูทางเข้าห้องน้ำจากภายในห้องนอน ซึ่งจะช่วยให้สะดวกขึ้น รวมถึงมีตู้เสื้อผ้าหน้าห้องเป็นสัดส่วนใช้งานง่าย

ภายในห้องครัว มีเคาน์เตอร์ครัวขนาด 0.60 x 1.40 เมตร วัสดุต่างๆจะเหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้ แต่ห้องนี้ไม่มีพื้นที่วางโต๊ะทานข้าว ทำอาหารได้เต็มที่กว่า

พื้นที่ระเบียงขนาด 1.20 x 1.60 เมตร ถือว่ากว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้าและออกไปใช้งานได้

มาลองดูห้องขนาดใหญ่กันบ้าง เป็นรูปแบบห้องที่จะมีเพียง 1 ห้องต่อชั้นเท่านั้น ซึ่งแต่ละอาคารจะเป็นห้องที่มีขนาดไม่เหมือนกัน คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 53 ตร.ม. ที่อาคาร A ครับ เป็นห้องเปล่าที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.1 ล้านบาท และห้อง 2 Bedroom ขนาด 62 ตร.ม. แบบตกแต่งพร้อมอยู่ในราคา 5.45 ล้านบาท

  • อาคาร A – ห้อง 2 Bedroom ขนาด 53 ตร.ม. จะมีขนาดเล็กกว่าของอาคาร B ห้องเปล่ามีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.1 ล้านบาท ซึ่งจะได้เป็นวิวสระว่ายน้ำภายในโครงการเห็นบริบทภายในโครงการแทน ภายในเป็นตำแหน่งอยู่สุดแนวโถงทางเดินอาจจะเดินไกลจากลิฟต์หน่อย แต่ได้ความเป็นส่วนตัว เพราะไม่มีใครเดินผ่านหน้าห้อง
  •  อาคาร B – ห้อง 2 Bedroom ขนาด 62 ตร.ม. ห้องของอาคารนี้จะเป็นห้องแต่งเหมือนห้องตัวอย่าง และห้องที่ได้เฟอร์นิเจอร์ครบ จะอยู่ในราคา 5.45 ล้านบาท จะได้วิวภายในโครงการ มีตำแหน่งสุดแนวทางเดิน มีช่องแสงหน้าห้องและได้ความเป็นส่วนตัว

ห้องนี้จะเป็นห้อง ห้อง 2 Bedroom ขนาด 62 ตร.ม. เป็นห้องหน้ากว้าง ที่จะมีข้อดีที่ได้รับแสงและวิวจากภายนอกได้เยอะ ทำให้ภายในห้องสว่างทุกพื้นที่ แถมยังมีการแบ่งสัดส่วนการใช้งานพื้นที่ภายในค่อนข้างลงตัว โดยจะใช้ตัวห้องนั่งเล่นเป็นส่วนแบ่งพื้นที่ฝั่งหนึ่งจะเป็นส่วนครัวและห้องน้ำหลักของห้อง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่พักผ่อน  ไม่รบกวนกัน

เปิดเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นแนวยาวที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ รวมถึงจะมีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ในส่วนนี้ด้วย จะแยกออกไปยังส่วนพื้นที่อื่นๆ โดยจะเริ่มจากครัวปิดด้านข้าง ที่สามารถทำอาหารได้อย่างเต็มที่ เชื่อมต่อไปยังระเบียงซักล้างได้ง่าย ซึ่งจะตรงกับทางเข้าห้องน้ำ ช่วยเป็นช่องแสงและระบายอากาศได้ดีด้วย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ห้องนอนรองจะได้ช่องแสงอย่างเต็มที่ แต่จะออกมาใช้ห้องน้ำร่วมกับภายนอก ส่วนห้องนอนหลักจะมีห้องน้ำและระเบียงในตัว มีขนาดพื้นที่กว้างและได้ความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องนี้ก็จะมีระยะพื้นถึงฝ้าที่ 2.6 เมตร และวัสดุภายในห้องเหมือนกันกับสองห้องที่ผ่านมา แต่จะมีขนาดห้องที่ใหญ่กว่า มีพื้นที่ภายในค่อนข้างเยอะ เหมาะกับการอยู่อาศัย 2-3 คน

จะได้โซฟาชุดใหญ่ และชั้นวางทีวี รวมถึงโต๊ะกลางเหมือนในรูปด้วย มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.50 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้าง สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้ประมาณ 55-60″ มีช่องแสงในบริเวณนี้ที่ได้แสงไปจนถึงหน้าประตู

มีส่วนพื้นที่ดูทีวีและโต๊ะรับประทานอาหารแยกกันด้วยแนวทางเดินไปยังพื้นที่ครัว ซึ่งจะช่วยในการแบ่งสัดส่วนของการใช้งานได้ดีขึ้น

ภายในครัวจะมีหน้าตาคล้ายๆกับห้องที่ผ่านมาครับ มีขนาดพอเหมาะ สามารถทำครัวได้ถนัด

ระเบียงก็มีลักษณะเช่นเดิมครับ ส่วนนี้จะเป็นระเบียงซักล้างที่มีพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและออกไปใช้งานได้

ห้องน้ำจะมีลักษณะภายในเหมือนกับ 2 ห้องที่ผ่านมาทั้งหมดครับ ได้ฉากกั้นอาบน้ำ ใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler และ ฝักบัว Grohe

ส่วนอีกฝั่งของห้องจะประกอบไปด้วยพื้นที่พักผ่อน นั่นก็คือห้องนอนทั้ง 2 ห้องนั่นเอง

ห้องนอนเล็กสามารถวางเตียง 3.5 ฟุตภายในได้ เหมาะกับลูก หรืออยู่อาศัยคนเดียว

ได้ตู้เสื้อผ้าไม้หน้าบานเปิดมาด้วย พื้นที่หน้าตู้ก็มีให้ใช้งานได้สะดวก ส่วนผนังด้านข้างสามารถติดเป็นกระจกเงาได้

ส่วนห้องนอนหลักของเราจะอยู่ใกล้กับประตูเข้าออกห้อง ซึ่งจะช่วยให้เข้าออกได้ง่าย และไม่โดนเสียงของห้องนั่งเล่นรบกวน

ภายในจะมีส่วนของ Walk-in Closet อยู่ทางด้านหน้าห้อง เป็นแนวตู้เสื้อผ้ายาว บานเลื่อนใช้งานได้สะดวก เป็นบานกระจกมาให้เรียบร้อยเลยครับ

ส่วนพื้นที่ตรงข้ามตู้เสื้อผ้าก็เหลือมุมให้เราสามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานอ่านหนังสือ หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ตามใจชอบ

ภายในห้องน้ำมีลักษณะเหมือนๆกับที่ผ่านมา ไม่มีอะไรแตกต่างครับ

พื้นที่พักผ่อนจะวางเตียงแล้วเหลือพื้นที่ด้านข้างเดินได้รอบนะครับ มีช่องแสงให้ออกไปเป็นระเบียง รับลมและระบายอากาศได้สะดวก พื้นที่ห้องนี้จะไม่ติดกับห้องนั่งเล่น เพราะมีห้องนอน 2 คั่นอยู่ ซึ่งจะมีข้อดีที่ไม่ได้ผลกระทบเรื่องเสียง และได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

พื้นที่ปลายเตียงได้ชั้นวางทีวีมาให้ และสามารถติดทีวีที่ปลายเตียงได้ ผนังด้านบน Built-in เพิ่มเป็นชั้นวางของได้

พื้นที่ระเบียงส่วนนี้ไม่ต้องวางเครื่องซักผ้านะครับ ทำให้มีขนาดค่อนข้างกว้าง เหมาะกับการออกไปยืนรับวิวสูดอากาศครับ

เป็นห้องฝั่งที่หันเข้าภายในโครงการ ซึ่งจะได้เห็นพื้นที่ส่วนกลาง และแนวอาคารฝั่งตรงข้าม

แต่ด้วยความเป็นห้องมุม จึงทำให้ได้วิวด้านข้างด้วยเช่นกัน จะรับลมและแสงได้โล่งมากกว่าห้องวิวภายในโครงการตำแหน่งอื่นๆ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @23 August 2019

อาคาร A (Fully Fitted ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน)

  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาเดียว 2.35 ล้านบาท
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ราคาเดียว 2.5 ล้านบาท
  • ห้อง 2 Bedroom ขนาด 53 ตร.ม. ราคาเดียว 4.1 ล้านบาท

อาคาร B (Fully Furnished และ Fully Furnished แบบห้องแต่ง (15 ยูนิต))

  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ราคาเดียว 2.7 ล้านบาท
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ราคาเดียว 2.9 ล้านบาท
  • ห้อง 2 Bedroom ขนาด 62 ตร.ม. ราคาเดียว 5.45 ล้านบาท

 

  • รูปแบบการขายมีทั้ง Fully Fitted / Fully Furnished / Fully Furnished แบบห้องแต่ง
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปลามิเนตลายหิน
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อง Hafele
  • มีรถ Shuttle Van ไปกลับ BTS สถานีหมอชิต และ MRT สถานีจตุจักร
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 39 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

สรุป

สำหรับโครงการ Niche MONO รัชวิภา ตั้งอยู่ใกล้แยกประชานุกูล ด้านหน้าโครงการติดกับถนนรัชดาภิเษก จะเน้นไปที่การใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก ใกล้ทางด่วนใช้งานสะดวก ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในแนวรถไฟฟ้า แต่ทางโครงการก็มี Shuttle Van ไปรับ-ส่ง BTS หมอชิต และ MRT จตุจักร เป็นตัวเลือกในการเดินทางให้

ภายในโครงการมีการดูแลและจัดการพื้นที่ในโครงการได้ดี เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยรวมน่าอยู่อาศัย มีพนักงานทั้งรักษาความปลอดภัยและดูแลส่วนต่างๆภายในโครงการกระจายอยู่เยอะ ทำให้ภาพรวมและสภาพโครงการในปัจจุบันยังดูดี รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางก็ใช้งานได้ดีครบทุกส่วน

ส่วนห้องพักอาศัยที่เหลือในปัจจุบันก็เหลือไม่มากแล้ว แต่ยังมีโปรโมชั่นราคาพิเศษที่ก่อนปิดโครงการ เป็นห้องที่ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ในราคาเดียวทุกชั้นและทุกห้องครับ เหมาะกับคนที่ต้องการเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องตกแต่งเพิ่มอีก หรือถ้าชอบแต่งห้องเองก็มีห้องเปล่าให้เลือกด้วยในราคาที่ลดลงมา พร้อมฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนทั้งหมด สำหรับใครที่สนใจก็ต้องรีบกันหน่อยนะครับ เพราะห้องที่แต่งมาให้มีจำนวนจำกัด มีงบประมาณระดับ 2.3-5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 15,000 – 35,000 บาท


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving