รีวิวฉบับที่ 2031 … หลังจากผ่านไปปีกว่าๆ โครงการ The Tree ดินแดง – ราชปรารภ ก็พร้อมให้โอนเข้าอยู่แล้วนะคะ ตอนนี้เหลือขายอยู่ไม่เยอะมากแล้ว และจัดโปรโมชั่น One Price ก่อนปิดโครงการด้วย วันนี้เราเลยพาไปดูตึกจริงกันว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร ตามมาอ่านรีวิวกันเลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
15 January 2020
- The Tree Dindaeng – Ratchaprarop (เดอะ ทรี ดินแดง – ราชปรารภ)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS(อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอย ดินแดง 1 แขวงดินแดง เขตดินแดง
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 226 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 1-2-75.9 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ต.ค. 2561
- แล้วเสร็จ : ม.ค. 2563
- Studio 22.05 – 24.45 ตร.ม.
- 1 Bedroom 23.1 – 34.25 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 95,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1793
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.762161, 100.547749
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ที่ตั้งโครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ อยู่ในซอยดินแดง 1 เข้ามาจากถนนดินแดงประมาณ 150 ม.
หากพูดถึงบรรยากาศและทำเลโดยรอบของโครงการนี้ ก็ต้องบอกว่าอยู่บริเวณหลังแฟลตดินแดงนะคะ ทำให้บรรยากาศจะมีความคึกคักอยู่นะ เพราะกลุ่มคนที่อาศัยแฟลตดินแดงก็ปาไปหลักพันกว่ายูนิตแล้ว ดังนั้นในซอยนี้และซอยข้างเคียงที่เชื่อมๆ กันก็จะมีร้านค้าร้านอาหารคึกคักทีเดียว เรื่องเดินออกมาซื้อของกินเราว่าพอได้อยู่ค่ะ ในราคาย่อมเยา แต่ก็มีความวุ่นวายอยู่เช่นเดียวกันนะคะ
สำหรับใครที่เราพูดถึงว่าทำเลนี้อยู่หลังแฟลตดินแดง บางคนอาจจะรู้สึกไม่โอเคก็มี แต่เราอยากให้นึกถึงในอีกแง่มุมนึงเช่นเดียวกัน คือเรื่องของราคาและโซนทำเลอนุสาวรีย์-ดินแดง เพราะหลังจากที่เราไปสำรวจดู โครงการนี้เป็นโครงการที่คุณผู้อ่านกำเงินหลัก 2 ล้าน ไม่เกิน 3 ล้านสามารถซื้อห้องพักได้ ในขณะที่เพื่อนบ้านที่มีขายอยู่ต้องมีเงินหลัก 3 ล้านขึ้น ดังนั้นเราจึงคิดว่าในย่านนี้โครงการนี้ก็เป็นช่องว่างการตลาดสำหรับกลุ่มคนที่อยากได้ที่อยู่เป็นของตัวเองในระดับราคาที่มนุษย์เงินเดือนทั่วไปหยิบจับไม่ยากเช่นกัน
สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์หรือพวกห้างต่างๆ จะอยู่โซนอนุสาวรีย์-พญาไท-รางน้ำ ซึ่งเป็นระยะที่เราต้องขับรถไป หรือนั่งรถต่อไปอยู่นะคะ ถ้าพูดถึงห้างที่ใกล้ๆ ก็จะมีอย่าง Center One, Century และ King Power
หรือจะเป็นอีกโซนคือโซนแยกพระราม 9 ก็อยู่ไม่ไกลนะคะ กลับรถแล้ววิ่งตรงไปทางพระราม 9 ได้เลย ซึ่งโซนพระราม 9 นั้นก็มีทั้ง Central พระราม 9, Fortune Town เป็นต้น
สำหรับโซนทำเลนี้มีรถไฟฟ้าตัดผ่านอยู่นะคะ โดยสายรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ สายสีส้ม ตลิ่งชัน-สุวินทวงศ์ โดยตัวโครงการจะอยู่ระหว่างสถานีรางน้ำ และสถานีดินแดง เป็นระยะที่เราต้องนั่งรถต่อไปอีกหน่อยเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะคะ แต่ปัจจุบันจากโครงการเรามีอีกตัวเลือกไปขึ้นรถไฟฟ้าสายหลักเข้าเมืองได้ตรงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีระยะห่างประมาณ 4.2 กม. (ระยะนี้เรารวมระยะกลับรถทั้งหมดแล้วนะคะ)
เส้นทางการเดินทาง
การเดินทางในวันนี้ของเราขอเริ่มต้นจากถนนพหลโยธิน วิ่งเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนราชวิถี ตรงไปทางแยกดินแดง จากแยกดินแดงตรงไปอีกประมาณ 800 ม. เราเตรียมกลับรถบริเวณหน้าแฟลตดินแดง และตรงไปอีกหน่อยก่อนถึงแยกดินแดงอีกรอบ ให้สังเกตซอยดินแดง 1 แล้วเลี้ยวเข้าซอยตรงไปประมาณ 150 ม. ก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ
เริ่มต้นบนถนนพหลโยธิน ขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ นะคะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมโครงการโดยรอบขนาบข้างด้วยอาคารตึกแถวสูงประมาณ 3-4 ชั้นนะคะ และมีฝั่งทิศตะวันตกที่อยู่ติดกับทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งในแง่ของการวางตัวอาคารแล้วก็จะมีการวางตำแหน่ง Facilities อยู่ระหว่างกลางระหว่างทางด่วนและตัวอาคาร ซึ่งก็ทำให้ห้องที่หันเข้าด้านในมีระยะห่างจากทางด่วนมากขึ้น และได้วิว Facilities ไปในตัว ส่วนห้องที่หันออกด้านนอกอาคาร หากต้องการได้วิวระยะไกลขึ้นมาหน่อยแนะนำให้เลือกชั้น 5-8 นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น 800 m.
- สวนสันติภาพ 1.1 km.
- อนุสาวรีย์ชัยฯ 1.4 km.
- Center One 1.4 km.
- รร.แม่พระฟาติมา 1.6 km.
- King Power รางน้ำ 1.6 km.
- โรงพยาบาลราชวิถี 1.7 km.
- Century Mall 1.8 km.
- โรงพยาบาลพญาไท 1 2.2 km.
- โรงพยาบาลพญาไท 2 2.2 km.
- โรงพยาบาลพระมงกุฏ 2.3 km.
- อาคารวรรณสรณ์ 2.3 km.
- อาคารสิริภิญโญ 2.4 km.
- Fortune town 2.5 km.
รายละเอียดโครงการ
เราเริ่มมาดูภายในโครงการจริงกันเลยนะคะ โดยเราจะขอเริ่มจากหน้าโครงการกันเลย ทางเข้า-ออกโครงการอยู่ติดกับซอยดินแดง 1 เลยค่ะ พอเราเงยหน้าขึ้นมาจะเห็นหน้าตาอาคารที่แต่งโทนสีฉูดฉาดใช้ได้เลยนะ ซึ่งเราเข้าใจว่าตั้งใจออกแบบมาตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ชอบสไตล์เท่ห์และเน้นสีสันระดับนึงเลยค่ะ
สำหรับชั้นล่างของโครงการนี้หลักๆ จะเป็นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมดนะคะ มีตรงกลางที่เป็น Lobby และจัดสวนมาให้ได้บรรยากาศที่ร่มรื่นมากขึ้น โดยที่จอดรถทั้งโครงการจะให้มาทั้งหมด 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ในแง่ความเพียงพอในการใช้งานแล้วเราคิดว่าน่าจะหนาแน่นอยู่สักหน่อยนะคะ เพราะด้วยทำเลแล้วหลายคนขับรถเข้า-ออกโครงการน่าจะสะดวกกว่า แต่ถ้าเทียบกับราคาก้อนที่ไม่ได้สูงมากแล้วจำนวนที่จอดรถประมาณนี้ก็ถือว่ามาตรฐานอยู่ค่ะ
ตรงทางเข้าด้านหน้าจะเป็นไม้กั้นกระดกอัตโนมัตินะคะ ซึ่งตรงจุดนี้รถจะไม่ได้สวนทางกันได้นะคะ แต่จะเป็นสลับกันเข้า-ออก ส่วนด้านข้างเป็นมุมพี่รปภ. ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ 24 ชม.
เข้ามาด้านในแล้วก็จะเป็นโซนที่จอดรถเลย ด้านข้างมีโซน Lobby นิติบุคลลต่างๆ แต่เดี๋ยวเราจะพาไปเดินดูบรรยากาศรอบๆ กันก่อนเข้าส่วน Lobby กันนะคะ
ที่จอดรถใต้อาคาร สำหรับเราค่อนข้างชอบนะ อย่างแรกเลยคือรถไม่โดนแดดเลีย ไม่เปียกเวลาเดินออกจาก Lobby ไปรถตัวเอง และมุมกลางอาคาร รวมไปถึงรอบอาคารก็มีการจัดสวนให้ดูร่มรื่นด้วยค่ะ
อย่างเมื่อสักครู่นี้ที่บอกไปเรื่องการจัดสวนให้ดูร่มรื่น จะเห็นว่ารอบๆ อาคารที่ติดกับเพื่อนบ้านทางโครงการจะเลือกต้นไม้ยืนต้นสูง เพื่อช่วยบังสายตาจากภายนอกได้ดีมากขึ้นด้วย
ส่วนสวนตรงกลางโครงการ รูปแบบจะเป็นสนามหญ้าใต้ต้นไม้ร่ม มีวางเก้าอี้นั่งเล่น Outdoor ไว้ให้ เผื่อเราอยากมานั่งเล่นริมสวนเปลี่ยนบรรยากาศกันได้ค่ะ
สำหรับทางเข้าส่วน Lobby ของโครงการนี้ค่อนข้างน่าสนใจนะคะ ด้วยความที่เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก หลักๆ ก็จะได้เรื่องความเป็นส่วนตัวอยู่แล้วนะ แต่ที่นี่เพิ่มคือต้องสแกนบัตรจากหน้าประตูทางเข้าเลย ซึ่งแน่นอนว่า Visitor หรือแขกลูกบ้านจะไม่สามารถเข้ามานั่งรอที่ Lobby ด้านในได้เลย ถ้าไม่มีลูกบ้านหรือนิติบุคคลเปิดให้ ซึ่งเรามองว่าลูกบ้านก็จะได้ประโยชน์เรื่องความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ
สิ่งที่เราค่อนข้างชอบโครงการนี้อย่างนึงคือ การตกแต่งภายในของพื้นที่ส่วนกลางที่ทำออกมาได้หวือหวาดีนะคะ อย่างที่เห็นจาก Lobby ที่ได้พื้นหินลาย Black Forrest มาตกแต่ง มีโคมไฟระย้า และแม้พื้นที่ไม่ได้ใหญ่มากก็มีทำ Double Volume มาให้บรรยากาศตรงนี้โอ่โถงมากขึ้นด้วย
ซูมมุมนี้เป็นพิเศษ ถ่ายรูปออกมาสวยทีเดียวค่ะ 🙂 ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็น Mailbox Area ที่ไม่ได้แยกมุมไว้ แต่เลือกที่จะ Built-in สวยๆ ไปเลย เหมือนเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งโดยปริยาย ^^
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตัวโถงลิฟต์เลยนะคะ ไม่ได้กั้นพื้นที่ไว้สำหรับโถงลิฟต์โดยเฉพาะที่เรามักจะต้องสแกนบัตรเข้า เพราะมีการสแกนบัตรตั้งแต่หน้าทางเข้าบ้านแล้ว ส่วนด้านข้างติดกับลิฟต์เป็นตำแหน่งของห้องนิติบุคคล ตำแหน่งนี้ค่อนข้างดีเพราะเห็นคนภายนอกและภายในเดินผ่าน และถ้าจะต้องติดต่อนิติบุคคลก็สะดวกเลย
ลิฟต์โครงการมีให้ 2 ตัว เป็นลิฟต์ล็อกชั้นทั้งหมด คือจะต้องสแกนบัตรก่อนกดตัวเลขชั้น ซึ่งจะสามารถกดได้เฉพาะชั้น Facilities และชั้นพักอาศัยตัวเองเท่านั้นค่ะ ก็จะได้เรื่องความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
สำหรับชั้น 2 แบ่งหลักๆ เป็น 2 โซน คือโซนห้องพักอาศัย และ Facilities นะคะ สำหรับ Facilities ชั้นนี้เรียกว่าเป็นชั้นหลักเลย แบ่งออกเป็น Outdoor และ Indoor อย่าง Indoor ก็จะมี ห้องอเนกประสงค์ใหญ่ และอเนกประสงค์เล็ก Library Fitness ส่วน Outdoor ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะจัดลูกเล่นไว้เยอะดี ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งเล่น และสระแบบ Freeform
ส่วนโซนห้องพักอาศัยชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยไม่เยอะมากเท่ากับชั้นอื่นๆ นะคะ และจะมีห้องโซนตรงกลางที่หันออกไปด้านนอกอาคารได้ Single Corridor ด้วย อันนี้ดีนะคะ ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น อย่างน้อยเราเปิดประตูออกจากห้องก็ไม่จ๊ะเอ๋กับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ส่วนโถงลิฟต์ที่เราชอบคือการตกแต่งผนังและพื้นด้วยหิน Black Forrest ดูหรูหราและเท่ห์ดี สำหรับฟังก์ชันตรงนี้จะมีทางเข้าโซนห้องพักอาศัยแยก ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งจุดสแกนบัตรให้ลูกบ้านชั้นนี้โดยเฉพาะอีกจุด เพราะเป็นชั้นที่ลูกบ้านชั้นอื่นๆ สามารถลงมาได้ด้วย เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็เลยมีอีกจุดสแกนบัตรแยก และประตูกั้นแยกโซนให้
บริเวณโซนโถงทางเดินค่อนข้างกว้างและเรียบร้อยดีค่ะ แสงสว่างภายในโถงถือว่าโอเคไม่มืดมากนะคะ แต่บางมุมก็ยังจำเป็นต้องใช้ดวงไฟช่วยอยู่นะ
ถัดมาดูห้องอเนกประสงค์ใหญ่ที่เราบอกไว้ก่อนหน้านี้นะคะ อันนี้ลักษณะเรามองว่าเป็นห้อง Relax นะ เราสามารถมานั่งเล่น ดูทีวีได้ หรือจะมานอนเล่นอ่านหนังสือก็โอเค จากที่มองเราว่าห้องนี้ใช้เสียงได้นะ เพราะผนังรอบข้างมีการบุวัสดุที่สามารถดูดซับเสียงได้อยู่
ออกมาจะเป็นทางเดินที่ฝั่งขวาแยกไปยังโซน Indoor และฝั่งซ้ายเชื่อมไปยังโซน Outdoor นะคะ และสำหรับทางเดินนี้แม้จะ Outdoor ก็จริงแต่ตอนฝนตกก็ยังเดินไปโซน Indoor ได้ไม่เปียกนะ เราชอบที่โครงการทำเป็นหลังคากระจกกันฝนไว้ให้ด้วย
เข้ามาโซน Indoor แล้วนะคะ
ฝั่งขวาจะเป็นห้องน้ำที่แยกชาย/หญิงไว้ให้
บรรยากาศในห้องน้ำทำออกมาน่าใช้งานนะคะ ส่วนห้องน้ำมีให้ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำอีก 1 ห้องค่ะ
อีกฝั่งเป็นมุม Locker ไว้เก็บของให้
ถัดมาจะเป็นพื้นที่ที่รวมกิจกรรมต่างๆ ไว้อยู่ในโซนเดียวกันเลยนะคะ โดยจะเริ่มจากห้องอเนกประสงค์เล็กกันก่อน เราไม่ค่อยเห็นรูปแบบห้องแบบนี้จากโครงการอื่นเท่าไหร่นะ
ลักษณะจะเป็นห้องเล็กที่มีโต๊ะทำงานเดี่ยวแยกเลยห้องละโต๊ะ มีเพียงห้องเดียวที่เป็นโต๊ะใหญ่นั่งได้ 2 คน ลักษณะห้องแบบนี้เหมาะกับมานั่งทำงานเงียบๆ คนเดียวได้เลยค่ะ ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ปัจจุบันดีนะคะ ยกตัวอย่างเราที่ไม่ชอบทำงานที่ห้องตัวเองเพราะรู้สึกไม่มีสมาธิการทำงานเท่าไหร่ ชอบไปนั่งคาเฟ่ทำงานมากกว่า ถ้าในโครงการมีห้องแบบนี้ไว้ให้เลยก็ไม่ต้องไปคาเฟ่แล้วลงมานั่งทำงานข้างล่างแทน สะดวกกว่าด้วยค่ะ
ส่วนโซนด้านนอกจัดให้เป็นมุม Library เรามานั่งอ่านหนังสือชิลๆ หรือจะมาพูดคุย นั่งพักกับเพื่อนก็ได้
ติดๆ กันกับส่วน Library แต่จะมีประตูบานเลื่อนกระจกแยกกั้นพื้นที่ไว้จะเป็นโซน Fitness ค่ะ ซึ่งโซนนี้เรามองว่าค่อนข้างใหญ่อยู่นะ จัดพื้นที่ไว้ให้มีหลายโซนแยกย่อยด้วยไม่ว่าจะเป็นโซน Weight Training และ Cardio
เดินมาโซน Outdoor กันต่อบ้างนะคะ ลักษณะการทำพื้นเชื่อมก็จะมีลูกเล่นให้เหมือนเดิมข้ามสะพาน และมีการเล่นเป็นพื้นกระจกบางส่วนดูหวือหวาดีค่ะ
มุมนี้เค้าจะเล่นเป็น Step ให้มีมิติและน่าสนใจมากขึ้นนะคะ ด้านข้างมีมุมตะข่ายให้เรามานั่งเล่นได้อยู่ค่ะ
ขึ้นมาจะเป็นโซนสระว่ายน้ำกลางแจ้งระบบเกลือ ซึ่งลักษณะสระจะเป็นรูปแบบ Freeform ยาวสูงสุดอยู่ที่ 19 ม. และกว้างสูงสุดประมาณ 4.5 ม. ค่ะ โดยรวมแล้วก็เป็นลักษณะสระที่เราสามารถว่ายน้ำเล่นได้หลายคนนะ ไม่เล็กไปค่ะ
ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับล้างตัวอยู่
และติดกับสระมีพื้นที่นั่งเล่นที่ทำเป็นรูปแบบ Sunken Seat ไว้ให้
ด้านข้างสระอีกจุดก็เป็นพื้นที่นั่งเล่นมีโต๊ะให้ด้วย เผื่อใครจะมานั่งทำงาน นั่งเล่นริมสระอยู่ใต้ร่มไม้ได้ค่ะ
ถัดมาอีกมุมจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสวนเช่นกันนะคะ
เราเงยหน้าขึ้นไปด้านบนจะเห็นแผงต้นไม้แนวตั้งที่เค้าทำมาแบบนี้เพราะที่ตั้งอยุ่ติดกับทางด่วนเลย การทำแผงต้นไม้แบบนี้ก็ช่วยบังสายตาจากทางด่วนได้ระดับนึงนะคะ
และเดินมาอีกหน่อยเราเห็นมีบันไดที่เชื่อมมาจากส่วนที่จอดรถเลยค่ะ
สุดท้ายแล้วเงยหน้ามาที่อาคาร เราสังเกตเห็นต้นไม้ที่อยู่ชั้นบนๆ ริมระเบียงกันไหมคะ ส่วนนี้เป็น Gimmick เพิ่มความร่มรื่นให้กับตัวอาคารมากขึ้น ตรงกับคอนเซปคำว่า The Tree ตามแบรนด์ด้วยนะ โดยพื้นที่ต้นไม้แนวสูงแบบนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางนะคะ เจ้าหน้าที่โครงการจะเป็นผู้ดูแลค่ะ
สำหรับชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 3 – 8 มีการวางผังแบบเดียวกันเลย เราเลยขอยกผังชั้น 3 มาให้ดูแบบเดียวเลยนะคะ
ลักษณะการจัดวางอาคารเป็นรูปตัว U โดยห้องที่มีวิวดีที่สุดจะเป็นห้องที่หันเข้าสู่ด้านในของโครงการซึ่งจะมองเห็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำส่วนกลางได้ และยังมีการนำบันไดหนีไฟมาไว้ในส่วนปลายของอาคารและหันด้านข้างในส่วนที่แคบที่สุดและไม่มีระเบียงห้องออกไปทางฝั่งทางด่วน
สำหรับบรรยากาศชั้นพักอาศัยส่วนโถงลิฟต์ตกแต่งเรียบง่ายนะคะ เน้นสีสว่างและปูพื้นด้วยแกรนิตโต้
ริมโถงลิฟต์มีกระจกขนาดค่อนข้างใหญ่เลยนะคะ เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าถึงโถงทางเดินได้มากที่สุด และจากมุมมองของหน้าต่างนี้เราก็เห็นวิว Facilities ชั้น 2 ได้ดีด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น 1 : Main Building
- Black Forestry Lobby (โถงต้อนรับ)
- Tree Hanging (โซนพักผ่อน)
- Mail Box Zone (ห้องตู้จดหมาย)
ชั้น 2 : Acoustical Forestry Yard ประกอบด้วยส่วนกลาง
- Forestry Working Bar (โซนพักผ่อน)
- Forestry Sunken Seat (โซนพักผ่อนบริเวณสระว่ายน้ำ)
- Forestry Retreat Seat (โซนพักผ่อน)
- Forestry Bridge (สะพานทางเชื่อมส่วนกลาง)
- Acoustical Forestry Wall (กรีนวอลล์)
- Acoustical Fountain (น้ำพุล้น)
- Forestry Swimming Pool (สระว่ายน้ำ)
- Forestry Fitness (ห้องฟิตเนส)
- Forestry Working Space & Acoustical Study Room (โซอเนกประสงค์และห้องอนกประสงค์)
- Black Marble Lift Hall (โถงลิฟต์)
- Acoustical Multi-purpose Room (ห้องอเนกประสงค์)
- Wi-fi ที่พื้นที่ส่วนกลาง
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 113: 1
- ที่จอดรถประมาณ 72 คันคิดเป็น 32% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card ใช้ร่วมกับระบบ Bluetooth access
- ระบบผ่านเข้าออกโครงการ Urban Forestry Living Assistance (ระบบผ่านประตู Access Control, เครื่องแจ้งสถานะจำนวนที่จอดรถ, สมาร์ท ล็อคเกอร์)
แบบห้อง
ห้องตัวอย่างที่เราพามาดูกันเป็นห้องไซส์ 28 ตร.ม. ซึ่งเรามองว่าไซส์แบบนี้กำลังดีในอยู่ 1-2 คนนะคะ สิ่งที่เราค่อนข้างชอบของผังนี้คือการจัดโซนต่างๆ ไว้เป็นสัดส่วนชัดเจนเลย เช่น ห้องครัวปิด ทำกับข้าวได้ดีกลิ่นไม่ลอยคลุ้งไปทั่วห้อง และได้ห้องนอนปิดด้วย ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น กรณีอยู่ด้วยกัน 2 คน อีกคนออกมาดูทีวีหรือนั่งทำงานตรงพื้นที่นั่งเล่นได้โดยไม่ไปรบกวนอีกคนที่นอนอยู่ในห้อง
เริ่มต้นจากหน้าทางเข้าห้องกันเลยนะคะ ประตูหน้าห้องที่ได้จะเป็น HDF ทำสี มีเล่นลายกรอบข้างเล็กน้อย ส่วนมือจับจะเป็นก้านโยกมาตรฐาน แต่ถ้าใครอยากจะติด Digital Door Lock เดี๋ยวนี้ราคาไม่ได้แพงแล้วนะ 2,000-5,000 บาท ใช้ได้ยาวๆ และสะดวกด้วยค่ะ
เข้ามาด้านในส่วนพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนที่นี่จะใช้เป็นพื้นลามิเนตนะคะ
บรรยากาศภายในบริเวณส่วนพื้นที่นั่งเล่นเราว่าโอเคนะ ดูโปร่งระดับนึงเลย เพราะได้แสงธรรมชาติจากส่วนครัวเข้ามาด้านใน และด้วยฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. ไม่เตี้ยมากก็ทำให้ได้พื้นที่ปริมาตรมากขึ้นด้วย
สำหรับมุมพื้นที่นั่งเล่น เราสามารถจัดให้เป็นมุมโซฟาและโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัดได้นะคะ อย่างห้องตัวอย่างนี้ ทางโครงการวางให้เป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ก็จะมีพื้นที่เหลือด้านข้างที่เราสามารถวางเป็นโต๊ะทำงานขนาดเล็กได้ หรือใครชอบนอนดูทีวีจะจัดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเล่นก็ได้เช่นกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามจะมีพื้นที่สำหรับให้เรา Built-in ชั้นวางของต่างๆ เองได้ ก็สามารถจัดให้เป็นทั้งพื้นที่วางทีวี มีชั้นเก็บของด้านบนได้ค่ะ โดยพวกชั้นวางของต่างๆ ที่เราเห็นในห้องตัวอย่างจะเป็นเฟอร์นิเจอร์โชว์นะคะ ไม่ได้ให้เป็นมาตรฐาน ส่วนที่เราเห็นเป็นประตูนั้นจะเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ
เข้ามาดูให้ห้องน้ำ สำหรับห้องไซส์ 28 ตร.ม. เรามองว่าห้องน้ำที่จัดมาขนาดกำลังโอเคเลย ไม่เล็กไป และมีการจัดฟังก์ชันแยกส่วนแห้ง / เปียก ไว้ให้แต่จะไม่ฉากกั้นกระจกให้เราสามารถเพิ่มเติมเองได้
ส่วนที่เห็นที่เป็นสุขภัณฑ์ การตกแต่งกระเบื้อง กระจกเงาต่างๆ ทั้งหมดจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ
เรามาเริ่มต้นดูที่บริเวณส่วนแห้งกันก่อน ที่เราค่อนข้างชอบและคิดว่าสาวๆ ก็น่าจะชอบเช่นกันคือกระจกเงาบานใหญ่สูงถึงฝ้าเพดานไปเลย และมี Low Wall ให้วางของได้ด้วยนะคะ
ส่วนสุขภัณฑ์ทางโครงการใช้ของ Cotto ทั้งหมดนะคะ เกรดโอเคนะคะ และถ้าใครอยากได้พื้นที่เก็บของเพิ่ม เราสามารถซื้อตู้ Built-in ใต้อ่างล้างมือมาติดตั้งเพิ่มได้นะคะ
ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกบานเปิดใช้งานสะดวก และส่วนฝักบัวสายอ่อนจาก Cotto เช่นกัน ด้านข้างมีทำช่องไว้สำหรับวางของต่างๆ ได้
ถัดมาส่วนครัวเป็นครัวปิดที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ซึ่งข้อดีเลยคือเราทำอาหารหนักได้สบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอาหารที่คลุ้งออกมาส่วนพื้นที่นั่งเล่น
ส่วนพื้นที่ครัวจะปูเป็นพื้นแกรนิตโต้ ซึ่งเราว่าตอบโจทย์การใช้งานดีนะ เพราะว่าแกรนิตโต้ทำความสะอาดง่ายและทนความชื้นมากกว่าเมื่อเทียบกับลามิเนต เหมาะกับการใช้งานดีค่ะ
ส่วนช่องเปิดประตูเปิดได้ด้านเดียว ความกว้างอยู่ที่ประมาณ 60-70 ซม. ไม่ได้กว้างมากนะคะ ใครจะซื้อโต๊ะกินข้าวมาวางอย่าลืมคิดคำนวณความกว้างโต๊ะด้วยนะ ไม่ก็เลือกโต๊ะที่สามารถพับเก็บได้จะได้เอาไปวางในครัวได้ไม่ยาก
บรรยากาศภายในครัว เราค่อนข้างชอบเลยนะคะ เพราะได้แสงธรรมชาติจากด้านนอก ซึ่งส่งผลกับเรื่องความชื้นภายในครับ กลิ่นอับต่างๆ ได้ดีเลยนะคะ ไม่ใช่แค่เพียงบรรยากาศโปร่งโล่งเท่านั้น
สำหรับเคาน์เตอร์ครัวจะได้เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยนะคะ โดยจะมี Built-in ให้ทั้งเคาน์เตอร์และชั้นวางด้านบนด้วย สเป็คเคาน์เตอร์ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ บานเปิด Hi-Gloss และใช้ Soft Close ทั้งหมด
เตาได้เป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวเตา พร้อม Hood แบบ Exhausted หรือระบบดูดควันออกด้านนอก ซึ่งจะดูดควันและกลิ่นอาหารได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนทั่วไปนะคะ ด้านข้างได้ Sink หลุมเดี่ยวด้วยเป็นมาตรฐาน
ส่วนตรงผนังด้านหลังกรุกระเบื้องไว้ให้เป็นมาตรฐาน อันนี้ดีเลย เพราะเวลาเราทำอาหารมีน้ำมัน เศษอาหารกระเด็นติดผนังก็สามารถทำความสะอาดได้ไม่ยาก แต่ด้านข้างเตาเราอยากให้กรุกระเบื้องเพิ่มเองด้วยนะ จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายเช่นกัน การกรุกระเบื้องนี้ไม่ยากค่ะ ทำเองก็ได้หรือจะจ้างช่างก็ไม่ได้แพงมากนะ
สำหรับพื้นที่รับประทานอาหารจากพื้นที่ครัวแล้ว เราแนะนำให้เลือกโต๊ะแบบติดผนังจะได้พื้นที่ทางเดินกว้างมากขึ้น หรืออยากได้โต๊ะกินข้าวแบบนั่งฝั่งตรงข้ามกัน 2 คน อาจจะต้องเลือกโต๊ะขนาดเล็กกว่าโต๊ะในห้องตัวอย่างอีกหน่อยนะคะ และเลือกขาโต๊ะที่เราสามารถเลื่อนเก้าอี้เก็บได้ จะทำให้ไม่กินพื้นที่ทางเดินมากนัก
ติดกันเป็นส่วนระเบียงกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก
พื้นที่ระเบียงขนาดกะทัดรัด ไว้สำหรับตากผ้า ซักล้างเล็กๆ น้อยๆ ได้ค่ะ อีกด้านเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าซึ่งจะอยู่ใต้ CDU แอร์ด้านบน
วิวจากห้องตัวอย่างที่เราถ่ายมาจะเป็นห้องฝั่งหันเข้าไปทาง Facilities นะคะ และสังเกตว่าเราจะเห็นทางด่วนด้วยนะ เพราะโครงการอยู่ใกล้กับทางด่วนเลย ซึ่งทางโครงการใช้วิธีการออกแบบแก้ปัญหาส่วนนี้โดยการวาง Facilities กั้นไว้ระหว่างทางด่วนและตัวอาคารด้านใน ทำให้มีระยะห่างประมาณ 15-20 ม. ซึ่งจากที่เราลองยืนตรงระเบียงแล้วเรื่องเสียงมีระดับนึงแต่ไม่ดังมาก ถ้าปิดประตูบานเลื่อนแล้วเสียงแทบไม่ค่อยได้ยินเท่าไรนะคะ
ส่วนห้องนอนจะอยู่ติดหน้าต่างนะคะ ได้วิวภายนอกและแสงเข้าในห้องได้ดีเลย ขนาดภายในห้องสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ โดยยังมีพื้นที่ด้านข้าง 1 ด้านและปลายเตียงให้เดินได้อยู่ แต่ถ้าจะวางทีวีจะต้องแขวนผนังนะคะ
ด้านข้างเตียงอีกฝั่งมีพื้นที่ให้เราสามารถวางโต๊ะขนาดเตียงขนาดกะทัดรัดได้ และทางโครงการจะมี Built-in ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนให้ด้วยเป็นมาตรฐาน
ขนาดตู้เสื้อผ้าขนาดโอเคเลยนะคะ มีพื้นที่ให้เก็บเสื้อผ้าเยอะอยู่ ภายใน Built-in เป็นชั้นวางของ ลิ้นชัก ราวแขวนเสื้อให้เราสามารถจัดระเบียบเสื้อผ้าได้ดี
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
22 January 2020
- Promotion ปัจจุบัน One Price ห้องแต่ละ Type ทุกชั้นราคาเท่ากันนะคะ
- Studio ขนาด 22.8 ตร.ม. ราคาปกติ 2.095 ล้านบาท ราคาพิเศษ 1.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87,280 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 26.48 ตร.ม. ราคาปกติ 2.422 ล้านบาท ราคาพิเศษ 2.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87,022 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 28.26 ตร.ม. ราคาปกติ 2.832 ล้านบาท ราคาพิเศษ 2.69 ล้านบาท หรือคิดเป็น 95,187 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 34.48 ตร.ม. ราคาปกติ 3.895 ล้านบาท ราคาพิเศษ 3.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 107,308 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
- จอง 999 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 54 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ The Tree ดินแดง – ราชปรารภ จัดเป็นคอนโด Low Rise ไม่กี่โครงการในย่านดินแดงที่ทำราคาออกมาเป็นช่องว่างตลาดโดยถือเงินหลัก 2 ล้านไม่เกิน 3 ล้านก็สามารถซื้อคอนโดในย่านนี้ได้ ซึ่งก็จะต้อง Trade off กับทำเลที่เข้าไปในซอยดินแดง 1 โซนหลังแฟลตดินแดงนะคะ แตกต่างจากคอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนใหญ่ ซึ่งในส่วนที่ Trade กันส่วนต่างก็มีอยู่พอสมควรนะ หลัก 30,000 – 50,000 บาท/ตร.ม.ได้เลย
พูดถึงทำเลแล้วสำหรับเรามองว่าแล้วแต่คนจะ Concern นะคะ บางคนทำงานอยู่ย่านนี้อยู่แล้ว โอเคและชิลมากกับการที่คิดว่าอยู่ในย่านแฟลตดินแดง ซึ่งแม้เราจะรู้สึกว่าวุ่นวายหน่อยแต่สิ่งที่แลกกันเช่นกันก็คือพวกร้านค้า ของกินในซอยย่อยก็มีให้เลือกหลากหลายอยู่ในราคาที่สบายกระเป๋าเช่นกัน
การเดินทางโดยใช้รถ : สำหรับใครที่ใช้รถก็น่าจะเหมาะกับโครงการนี้ที่ไม่ได้อยู่ในรัศมีรถไฟฟ้าทั้งปัจจุบันและอนาคตอย่างสายสีส้มนะคะ เพราะยังไงเราก็ต้องนั่งรถไปต่ออยู่ดี และอีกอย่างก็เป็นทำเลที่เราสามารถใช้ทางด่วนได้ง่ายด้วยเช่น ส่วนสิ่งที่เรามองว่าไม่สะดวกสำหรับคนขับรถของโครงการนี้ก็มีนะ เช่น จำนวนที่จอดรถที่ไม่ได้มากนัก 32% ไม่รวมซ้อน กับถนนในซอยดินแดง 1 ที่ 2 เลนสวนทางกันค่อนข้างยาก ต้องสลับกันไป
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ใครไม่ขับรถทำเลนี้อาศัยนั่งรถไปต่อรถไฟฟ้าได้ไม่ยากนะคะ เพราะตรงหน้าปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ เดินออกจากโครงการไปไม่ไกลเลย โดยรวมเราว่าโอเคนะคะ อย่างปัจจุบันก็ใช้วิ่งไป BTS ใกล้สุดอย่างอนุสาวรีย์ราคาอยู่ที่ 40 บาท และในอนาคตที่จะมีสายสีส้มเพิ่มขึ้นมาก็ทำให้เราเดินทางได้หลากหลายมากขึ้นเลย
วัสดุ : สำหรับวัสดุโครงการเราอยากจะแยกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆ อันดับแรกคือวัสดุที่ใช้กับส่วนกลาง โดยรวมแล้วเรารู้สึกว่าโอเคนะ ให้มาตามราคามีดีเทลที่น่าสนใจหลายจุดอยู่ สำหรับเราจะเป็นส่วน Lobby และโถงลิฟต์ชั้น 2 ที่ทำออกมาดูหรูหรา แม้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่มาก พร้อมกับตกแต่งพื้นผนังด้วยหิน Black Forrest ด้วย
อีกหัวข้อก็จะเป็นวัสดุที่ได้ในห้อง ซึ่งที่นี่จะขายเป็นรูปแบบ Fully Fitted โดยเกรดให้มาโอเคสมราคา อย่างท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ มี Hob & Hood แบบ Exhausted และสุขภัณฑ์จาก Cotto เป็นหลัก
การออกแบบ : ในแง่การออกแบบโครงการโดยรวมแล้วโอเคสำหรับโครงการขนาดเล็ก มีระบบรักษาความปลอดภัย และเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัยระดับมาตรฐาน อย่างจุดสแกนบัตรหน้า Lobby ลิฟต์ล็อกชั้น ส่วนสิ่งที่ทางโครงการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมก็น่าสนใจดี คือ บริเวณโซนที่ติดกับทางด่วนที่ใช้ Facilities เป็น Buffer และวางตำแหน่งบันไดหนีไฟตรงมุมอาคารที่ใกล้กับทางด่วนมากสุดแทนที่จะเป็นห้องพักอาศัย
สำหรับห้องพักอาศัยห้องที่ว่าน่าสนใจคือห้อง Studio ขนาด 22 ตร.ม.ที่ได้รูปแบบหน้ากว้างและตำแหน่งมุมอาคาร ส่วนห้องตัวอย่างที่เราไปดู 1 Bedroom 28 ตร.ม. สิ่งที่เป็นจุดเด่นก็คือการจัดฟังก์ชันต่างๆ เป็นสัดส่วน คือ ได้ครัวปิด ได้ห้องนอนปิด
สาธารณูปโภค : Facilities ที่นี่ให้ขนาดมาตามไซส์โครงการนะคะ แต่ค่อนข้างหลากหลายดี มีให้เลือกใช้ได้เยอะ ยกตัวอย่าง ห้องอเนกประสงค์ใหญ่ไว้มานั่งเล่นดูทีวีได้ หรือจะเป็นห้องเล็กแยกเดี่ยวไปเลย เผื่อใครจะมานั่งทำงานส่วนตัวก็ได้ มีห้องฟิตเนสที่วางเครื่องเล่นเต็ม และสระว่ายน้ำ Free form ระบบเกลือ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 95,000 บาท/ตร.ม., 22 Jan 2020
- ทำเล 6.5/10 – ทำเลในซอยย่อย บรรยากาศชุมชน
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ทำเลใกล้ทางด่วนและใกล้แยกดินแดง ที่จอดรถ 32% ไม่รวมซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ 7/10 – เดินไปต่อรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อไปขึ้น BTS ได้ไม่ยาก ในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีส้มในย่านนี้ให้เดินทางได้หลากหลายมากขึ้น
- วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Fitted เกรดวัสดุโอเคสมราคา
- แบบ 7.5/10 – ผังห้องลงตัว เป็นสัดส่วน แบบอาคารมีการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมรอบข้างได้น่าสนใจค่ะ
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – จัดมาให้หลากหลายให้ใช้งาน และทำออกมาได้ดีค่ะ
- UPPER CLASS
- 7.08 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในทำเลใกล้อนุสาวรีย์ พญาไท รางน้ำ ในงบไม่เกิน 3 ล้านก็สามารถซื้อได้ เป็นเจ้าของห้องตัวเองได้ โอเคกับทำเลที่อาจจะวุ่นวายหน่อยเพราะอยู่ใกล้กับแฟลตดินแดงที่ด้านในมีคนอยู่หลานพันยูนิต และชอบโครงการที่ภายในมี Facilities หลากหลายให้ใช้ได้ครบครัน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving