รีวิวฉบับที่ 2440 กับ The Estelle พร้อมพงษ์ คอนโด High Rise ระดับ Super Luxury ที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทไรมอนด์ แลนด์ และบริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2562 ซึ่งตอนนี้โครงการก็ได้สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ โดยทำเลตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 26 ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ ประมาณ 250 เมตร เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 146 ยูนิต พร้อมยูนิตพิเศษที่ได้ลิฟต์ส่วนตัวมาด้วย ในราคาเริ่มต้น 16.8 ล้านบาท

สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจเราได้รวบรวมเป็น Highlights ของโครงการมาให้ชมดังนี้ค่ะ

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 26 ฝั่งสุขุมวิทขาเข้า ใกล้ BTS สถานีพร้อมพงษ์และห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านอย่าง Emquartier และ Emporium ซึ่งอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปใช้งานได้อย่างสะดวก โดยภายในซอยยังเชื่อมต่อกับถนนหลักได้ถึง 2 สาย ทั้งถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ไปโซนอโศก สีลม สาทร หรือเข้าเมืองไปฝั่งสยามก็ง่ายค่ะ
  • คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ : รูปแบบโครงการเป็น Pet Friendly  สามารถเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็กได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่กำลังนิยมคอนโดลักษณะนี้ในปัจจุบัน โดยโครงการก็ได้จัดให้มีพื้นที่ส่วนกลางไว้รองรับกิจกรรมสำหรับน้องๆให้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องด้วยนะคะ
  • วัสดุ : โครงการเน้นการใช้วัสดุและอุปกรณ์จากแบรนด์ระดับ World Class ซึ่งค่อนข้างมีเอกลักษณ์และสะท้อนให้เห็นถึงความหรูหราตามมาตรฐานคอนโดระดับ Super Luxury และลูกบ้านยังสามารถมีส่วนร่วมในการเลือก Theme ของ Material ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อีกด้วย
  • ความเป็นส่วนตัว : เป็นโครงการ High Rise ที่มีความหนาแน่นต่ำ เพราะมีจำนวนเพื่อนบ้านเพียง 146 ยูนิต และจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุด เพียง 8 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งในชั้นที่สูงขึ้นไปยูนิตก็จะยิ่งลดลง เพื่อไม่ให้เกิดการซ้อนทับกันของมุมมอง รับวิวเปิดโล่งได้เต็มที่ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

The Estelle Phrom Phong (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์) ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565

 ชื่อโครงการ The Estelle Phrom Phong (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท ไรมอนด์ แลนด์ ทเวนตี้ ซิก จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ซอยสุขุมวิท 26 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
 ที่ดิน  1-3-97.2 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  146 ยูนิต (รวมห้องชุดพิเศษ 74 ยูนิต พร้อมลิฟต์โดยสารส่วนตัว)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   8 ยูนิต
 ที่จอดรถ  197 คัน คิดเป็น 125%
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2562
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2565
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 55.63 – 63.61 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 16.8 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ( 2 Bath ) พื้นที่ใช้สอยภายใน 90.46 – 143.44 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 27.67 ล้านบาท
  • 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 161.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 62.51 ล้านบาท
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอยภายใน 360 – 378 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  3.15 เมตร ห้องน้ำ 2.6 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  16.8 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 350,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  310,000 – 420,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center  02-029-1888

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.728663 , 100.571079
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

ที่ตั้งของโครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ อยู่บนถนนสุขุมวิท 26 ฝั่งเลขคู่เป็นฝั่งที่เข้าเมืองไปยังอโศก-ชิดลม-สยาม ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์เพียง 250 เมตร โดยในย่านนี้จะมีความสงบมากกว่าฝั่งอโศกที่เป็นแหล่งของอาคารสำนักงาน และย่านทองหล่อที่เน้นความเป็น Lifestyle กิน ดื่ม เที่ยว แต่ทำเลของโครงการก็ยังถือว่าเป็น Prime Area อีกแห่งของกรุงเทพฯเลยนะคะ อย่างที่ทราบกันว่าย่านนี้จะเป็นแหล่งที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะมาก เพราะนอกจากจะเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกได้ง่าย การเดินทางก็สะดวกสบายเช่นกันค่ะ

สำหรับถนนที่ใช้เข้า – ออกโครงการหลักๆ ก็คือถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นถนนที่เดินทางเข้าเมืองไปโซนสยาม สีลม สาทรได้อย่างสะดวก จะไปนอกเมืองฝั่งอ่อนนุช – บางนา หรือไปต่างจังหวัดอย่างสมุทรปราการก็ง่าย หรือหากใครเบื่อสภาพการจราจรของย่านนี้ในชั่วโมงเร่งด่วน ก็สามารถเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าได้ ถัดจากสถานีพร้อมพงษ์ไป 1 สถานีก็จะเป็นจุด Interchange อย่าง BTS อโศก และ MRT สุขุมวิทแล้วค่ะ จะเปลี่ยนเส้นทางไปไหนก็เลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ

ในแง่ของความอุดมสมบูรณ์  The Estelle พร้อมพงษ์ เป็นโครงการในย่านที่มีห้างสรรพสินค้า และ Community Mall อยู่รอบๆเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นทำเลใจกลางเมือง ทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าอย่าง BTS พร้อมพงษ์ ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเดินไปใช้งานได้ ใกล้กันเป็นห้าง EmQuartier และ Emporium ที่อยู่ห่างจากโครงการเพียง 300 เมตร

ซึ่งความคึกคักอาจจะสู้ซอยสุขุมวิท 24 ไม่ได้ แต่ในซอยสุขุมวิท 26 เอง ก็มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารและร้านกาแฟให้เลือกใช้บริการได้อย่างหลากหลายค่ะ สำหรับสายรักสุขภาพที่ชอบออกกำลังกาย ก็มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนเบญจกิติให้ไปยืดเส้นยืดสาย สามารถเดิน Warm up ร่างกายเรียกเหงื่อได้ก่อนเบาๆค่ะ

สำหรับใครที่สนใจเส้นทางและทำเลแบบเจาะลึก สามารถคลิกชมได้ที่นี่เลยค่ะ >>> พาชมทำเล The Estelle Phrom Phong คอนโด High Rise ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ จาก ไรมอน แลนด์ [รีวิวฉบับที่ 1703]

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ ตั้งอยู่ช่วงต้นซอยสุขุมวิท 26 ซึ่งซอยนี้เป็นถน 2 เลน รถสามารถขับสวนเข้า – ออกได้ ด้านข้างมีทางเท้าทั้ง 2 ฝั่งไว้ให้สำหรับคนเดิน และมีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงาเกือบจะตลอดทั้งซอยค่ะ โดยในซอยนี้เป็นทางที่สามารถไปเชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 ได้ ทำให้การจราจรค่อนข้างจะพลุกพล่านเกือบตลอดวัน อาคารส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัย ตึกแถว 4 – 5 ชั้น สำนักงานและอาคารสูงอยู่บ้างประปรายค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับตึกแถวสูง 3 – 4 ชั้น , V-Residence 12 ชั้น และ TBI Building 18 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับโครงการ Noble Refine สูง 25 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับที่พักอาศัยแนวราบ
  • ทิศตะวันตก ทางเข้า – ออกของโครงการ ติดกับถนนสุขุมวิท 26

Image 1/4
บรรยากาศรอบโครงการ

บรรยากาศรอบโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • The Emquartier ~ 300 เมตร
  • The Emporium ~ 350 เมตร
  • Rain Hill ~ 550 เมตร
  • K-Village ~ 1.0 กิโลเมตร
  • Piman 49 ~ 1.3 กิโลเมตร
  • Terrace 49 ~ 1.3 กิโลเมตร
  • Big C พระราม 4 ~ 1.4 กิโลเมตร
  • Major Cineplex  ~ 1.7 กิโลเมตร
  • The Racquet Club ~ 1.9 กิโลเมตร
  • Eight Thonglor ~ 2.2 กิโลเมตร
  • สวนเพลิน มาร์เก็ต ~ 2.3 กิโลเมตร
  • J Avenue ~ 2.4 กิโลเมตร
  • The Commons ~ 2.5 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus พระราม 4 ~ 2.7 กิโลเมตร
  • Big-C เอกมัย ~ 2.7 กิโลเมตร
  • Gateway เอกมัย ~ 2.8 กิโลเมตร
  • 72 Courtyard ~ 3.0 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลสมิติเวช ~ 1.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 2.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 4.3 กิโลเมตร

การเดินทาง

  • BTS สถานีพร้อมพงษ์ ~ 250 เมตร

รายละเอียดโครงการ

โครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ เป็นคอนโด High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 146 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 มองจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ก็สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของอาคารที่โดดเด่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งโครงการ The Estelle พร้อมพงษ์นี้เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัทไรมอน แลนด์ ทเวนตี้ ซิก จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับ Luxury – Super Luxury และบริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะที่มีประวัติด้านการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ที่เก่าแก่ที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น

ปัจจุบัน บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ ( Tokyo Tatemono ) ได้พัฒนาและบริหารจัดการงานอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์บริลเลีย (Brillia) ซึ่งกำลังเดินหน้าขยายฐานการพัฒนามาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั้ง 2 บริษัทมีจุดมุ่งหมายร่วมกันคือความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยกระดับมาตรฐานการครองชีพของผู้อยู่อาศัย และมีส่วนในการพัฒนาความน่าดึงดูดและเพิ่มมูลค่าของภูมิภาค ซึ่ง The Estelle พร้อมพงษ์นี้เป็น 1 ใน 2 โครงการที่เกิดจากการร่วมทุนกันจากทั้ง 2 บริษัท คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,900 ล้านบาท

แนวความคิดในการออกแบบโครงการมาในสไตล์ Luxury Zen ตัดขาดจากความวุ่นวายใจกลางเมืองสู่พื้นที่แห่งการพักอาศัยที่ผ่อนคลายอย่างมีระดับ สำหรับคนที่ชอบบรรยากาศที่มีกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น รับรองว่าจะต้องถูกใจแน่นอนค่ะ โดยรูปแบบของห้องพักในโครงการก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง ​Penthouse และถึงแม้ทำเลจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็มีที่จอดรถไว้รองรับถึง 197 คัน หรือคิดเป็น 125% ( ไม่รวมจอดซ้อนคัน ) ซึ่งก็ถือว่าสะดวกสบายทั้งคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง และคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาใช้รถไฟฟ้าบ้างนะคะ

ภาพรวมของโครงการ ชั้น Ground จะเป็นพื้นที่ของ Lobby และ Pet Lawn สำหรับสัตว์เลี้ยง ชั้นจอดรถจะอยู่ที่บริเวณชั้น 2 – 7 พื้นที่ส่วนกลางจะเริ่มที่ชั้น 8 ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ , Japanese Garden , Spa & Onsen , Multi purpose Area และที่ชั้น 9 จะมีห้อง Guest Suite ที่ลูกบ้านสามารถจองให้แขกภายนอกมาเข้าพักได้ ขึ้นมาที่ชั้น 27 จะมีห้องออกกำลังกายและพื้นที่โยคะ คิดเป็นพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. ส่วนชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 – 36 ค่ะ โดยแนวคิดหลักของโครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ จะเน้นที่ความเป็น 3 Senses of Redefined Living ดังนี้

  • Sense of Security – ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงบริการ concierge 24 ชั่วโมง และบริการรถลีมูซีนประจำโครงการโดยเมอร์เซเดส – เบนซ์ เอส คลาส
  • Sense of Community – ทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท 26 รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์สุดพรีเมียม
  • Sense of Me – การออกแบบที่สะท้อนทุกตัวตนของผู้อยู่อาศัย พร้อม Facility ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

เริ่มที่ชั้น Master Plan กันก่อนนะคะ โดยทางเข้าหลักจะอยู่ติดกับซอยสุขุมวิท 26 ซึ่งพอเข้ามาก็จะเจอกับสวนหย่อมและพื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ ถัดเข้ามาจะเป็น Drop Off ในร่มสำหรับวนรถรับส่ง ซึ่งจะอยู่ใกล้กับส่วนของ Lobby Lounge พอดี โดยจะมีที่จอดชั่วคราวสำหรับผู้มาติดต่อบริเวณนี้ด้วย ถ้าจะจอดรถให้วนขึ้นไปในอาคาร โดยรวมๆแล้วจะจอดได้ประมาณ 197 คันหรือคิดเป็น 125% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน โดยจะมีพื้นที่จอดรถ Super Car และ EV Charging station มาให้ด้วย

ส่วน Lift Lobby นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนของห้องพิเศษที่มีลิฟต์โดยสารส่วนตัวและห้อง Lift Lobby สำหรับห้องที่เหลือประกอบด้วยลิฟต์โดยสาร 4 ตัวและ Service Lift อีก 1 ตัวค่ะ

ส่วนบริเวณทางเข้า – ออกของโครงการ จะมีเพียงจุดเดียวจากในซอยสุขุมวิท 26 ทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย ถนนภายในจัดเป็น 2 เลนให้รถสวนเข้า – ออกกันได้อย่างสะดวก โดยทางขึ้นที่จอดรถจะอยู่ฝั่งขวามือค่ะ

สำหรับด้านหน้ามีทางเท้าไว้ให้สำหรับคนเดินเข้า – ออกและมีป้อมรักษาความปลอดภัยที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ 24 ชั่วโมง โดยอาคารจะอยู่ถัดเข้ามาด้านใน เพื่อลดความพลุกพล่านจากถนนหน้าโครงการ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ และตลอดทางก็มีทั้งไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่คอยให้ความร่มรื่นด้วยนะ

Image 1/6
บริเวณหน้าทางเข้าอาคาร

บริเวณหน้าทางเข้าอาคาร

เนื่องจากรูปแบบคอนโดที่เป็น Pet Friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ทางโครงการจึงได้จัดให้มีพื้นที่สวนส่วนกลางไว้ด้านหน้า เพื่อให้น้องๆได้ลงมาวิ่งออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายพร้อมเจ้าของได้ด้วย ซึ่งในคอนโดละแวกเดียวกันนี้ก็ถือเป็นฟังก์ชันที่ใหม่มากๆค่ะ

ถัดมาที่ทางขึ้นที่จอดรถจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง RFID ซึ่งหลักการทำงานเหมือน Easy Pass พร้อมไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ ที่เจ้าของรถไม่ต้องลงมาเพื่อแตะบัตรเลยค่ะ

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็จะเจอกับที่จอดรถ Super Car ทั้งชั้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นสำหรับโครงการนี้เลยนะคะ ดูจากลักษณะการดีไซน์ทั้งการเลือกใช้วัสดุและการวาง Lighting ที่เน้นให้พื้นที่ดูโดดเด่นและทันสมัย เข้ากับรูปลักษณ์ของรถ Super Car ที่เน้นความสปอร์ต และหรูหราค่ะ

สำหรับรถ Super Car ที่เป็นระบบไฟฟ้า ทางโครงการก็ได้เตรียมจุด EV Charging station ไว้ให้ด้วยค่ะ และลูกบ้านที่อยู่ในยูนิตพิเศษ ก็สามารถใช้ลิฟต์ส่วนตัวที่ชั้นนี้เพื่อไปยังห้องพักได้เลยนะคะ

ถัดมาที่ชั้น 3 – 7 จะเป็นส่วนพื้นที่จอดรถเช่นเดียวกัน ซึ่งโครงการนี้ก็ได้มีที่จอดรถไว้รองรับถึง 125% สำหรับลูกบ้านที่เป็นเจ้าของห้อง 2 Bedroom ขึ้นไป ก็จะได้ที่จอดรถแบบ Fix 1 คันไว้เป็นอภิสิทธิ์ส่วนตัวได้เลยค่ะ

กลับมาที่ส่วนทางเข้าอาคารบริเวณด้านหน้าอาคาร จะเป็นพื้นที่ Drop off ที่มีหลังคาปกคลุมและส่วน Private Parking สำหรับแขกที่มาติดต่อในโครงการค่ะ

โครงการ เสริมบรรยากาศให้ดู Zen ด้วยต้นบอนไซขนาดใหญ่ ที่ถือเป็นไม้มงคลของญี่ปุ่น เมื่อรวมกับ Water Feature ด้านข้างและผนังระแนงไม้ ก็ให้ความรู้สึกสงบและอบอุ่น ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่เลยนะคะ

ลักษณะของบ่อน้ำเป็นแบบน้ำล้น ยาวมาจนถึงสุดโถงทางเดินเลยนะคะ ในส่วนประตูทางเข้าจะเป็นผนังกระจกแบบ Full Height สามารถมองเห็นวิวเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด ซึ่งด้านหน้าจะมีพนักงานมาคอยยืนให้บริการเปิด – ปิดประตูให้ด้วยค่ะ

Lobby จะมีเคาน์เตอร์ concierge ไว้คอยให้บริการลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง การตกแต่งภายในจะให้ความรู้สึก Modern ที่ผสมผสานกับสไตล์แบบญี่ปุ่น ด้วยวัสดุที่เน้นโทนสีจากธรรมชาติทั้งไม้และหิน

ฝ้าเพดานตกแต่งด้วยระแนงไม้คล้ายกับทางเดินภายนอก ให้ความรู้สึกของ Space ที่เชื่อมต่อกัน จากมุมมองข้างในยังสามารถมองเห็นต้นบอนไซที่อยู่กลางบ่อน้ำได้ด้วย

ส่วนนั่งพักคอยหรือส่วน Lobby Lounge จัดเป็นชุดโซฟาคล้ายกับห้องนั่งเล่นในบ้าน ใช้สี Earth Tone ดูอบอุ่น ด้านบนตกแต่งด้วยแผงตะแกรงเหล็กฉีกสีน้ำตาล ให้ความรู้สึกคล้ายกับม่านกึ่งโปร่งค่ะ

Image 1/4
บรรยากาศส่วนพักคอย

บรรยากาศส่วนพักคอย

รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นทรงโค้งมนให้ความรู้สึกนุ่มนวล มองออกไปด้านนอกเห็นวิวธรรมชาติและสีเขียวของต้นไม้ที่ตัดกัน เหมือนได้เติมความสดชื่นเข้ามาอีกนิดหน่อย

Image 1/4
Meeting Room

Meeting Room

ติดกับส่วนนั่งพักคอยจะมีห้องประชุม 6 ที่นั่ง ไว้สำหรับรับรองแขกและคุยงานได้แบบเป็นส่วนตัวค่ะ

ห้อง Mail Room จัดเป็นสัดส่วนอยู่ด้านหลังโถงสำหรับนั่งพักคอย เป็นการออกแบบที่ซ่อนพื้นที่ Service ไว้เพื่อให้ส่วน Public ดูเรียบร้อย ซึ่งติดกันจะมีโซนเก็บรถเข็นหลายไซส์ไว้ให้ลูกบ้านที่ต้องการจะขนของ และมีห้องน้ำส่วนกลางไว้คอยให้บริการด้วยค่ะ

อีกฝั่งเป็นทางเดินที่จะไปยังโถงลิฟต์และสำนักงานนิตบุคคลค่ะ โดยลิฟต์ของโครงการมีทั้งหมด 6 ตัว แบ่งเป็นลิฟต์โดยสารทั่วไป 2 ตัว Private Lift 3 ตัวสำหรับยูนิตพิเศษ และ Service Lift 1 ตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวน 146 ยูนิต ก็ถือเป็นอัตราส่วนที่ใช้งานได้อย่างสะดวกค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 8 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ประกอบด้วย Japanese Garden สระว่ายน้ำยาว 25 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่พร้อมโซน Jacuzzi อ่างน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น ( Onsen ) แยกชาย – หญิง ซึ่งด้านในจะมีอ่างเย็น สระลอยตัวระบบน้ำเกลือและ Sauna ส่วนอีกฝั่งจะมี Multi – purpose Area และห้อง Private Dining ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับจัดงานกิจกรรมส่วนตัวได้ค่ะ

เมื่อออกจากโถงลิฟต์จะเจอกับสวนแบบญี่ปุ่น ตกแต่งด้วยหินกรวดขนาดเล็กสีขาวเรียงกันเป็นเส้นตรง และหินแกรนิตขนาดใหญ่ ซึ่งในแง่ของการจัดสวนแบบเซนสามารถสื่อได้ถึงภูเขาและสายน้ำ ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย เสริมด้วยแนวพุ่มไม้สีเขียวด้านหลัง ก็ทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นค่ะ

และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่เห็นได้ในส่วนต่างๆของอาคารก็คือระแนงไม้ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากไม้ไผ่ของญี่ปุ่น หมายถึงความซื่อตรง เข้มแข็งและเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง

Image 1/10
บรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำ

บรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นแบบ Outdoor ปราศจากคลอรีน ด้านข้างมีส่วน Shower ไว้ให้ล้างตัวก่อนลงสระ โดยในฝั่งของสระเด็กจะมีราวกันตกกระจกกั้นไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กพลัดตกไปฝั่งสระผู้ใหญ่ค่ะ ด้านข้างมีพื้นที่ไว้นั่งพักผ่อน มีทั้ง Day Bed และชุดโต๊ะ เก้าอี้ให้เลือกใช้งาน หากใครว่ายน้ำจนเหนื่อยก็สามารถมานั่งผ่อนคลายที่โซน Jacuzzi ก็ได้ค่ะ

ในส่วนตำแหน่งของสระว่ายน้ำที่ไม่ได้อยู่บนชั้นที่สูงมาก และมีตึกสูงอยู่บริเวณใกล้เคียง ทางโครงการก็ได้วางแนวพุ่มไม้เอาไว้ นอกจากจะช่วยบังสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังช่วยเสริมให้บรรยากาศดูร่มรื่นผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

Image 1/7
ห้องน้ำส่วนกลาง

ห้องน้ำส่วนกลาง

ห้องน้ำจะอยู่ด้านหน้า ก่อนเข้าห้องที่มีส่วน Suana และ Highlight ของโครงการอย่างบ่อน้ำพุร้อนแบบญี่ปุ่นอยู่ภายใน ฟังก์ชันจะแยกฝั่งชาย – หญิงชัดเจน ด้านในมีตู้ Locker ไว้ให้เก็บของส่วนตัวหรือเสื้อผ้า สำหรับคนที่มาใช้สระว่ายน้ำก็เข้ามาล้างตัวหรือเก็บของในนี้ได้นะคะ เพราะก่อนจะลงไปแช่ในบ่อ Onsen เราก็จะต้องล้างตัวก่อนเช่นกัน หรือใครอยากจะใช้ส่วน Suana ก็สะดวกมากๆค่ะ เพราะมีแยกไว้ให้ทั้งฝั่งชายและหญิง เหมาะกับคนที่ยังไม่คุ้นชินและต้องการความเป็นส่วนตัว

Image 1/7
บรรยากาศส่วน Onsen

บรรยากาศส่วน Onsen

สำหรับ Facilities ส่วนนี้ ออกแบบมาเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติซึ่งโซนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่น และก็ถือว่าตอบโจทย์คนไทยที่เริ่มนิยมการทำสปาแบบ Onsen เพิ่มมากขึ้นด้วยนะคะ สังเกตได้จาก Onsenต่างๆที่มีให้เลือกบริการอยู่เยอะแยะในย่านนี้ สำหรับอ่างน้ำร้อนหรือบ่อ Onsen จะได้แยกมาเป็น 2 ฝั่ง เป็นบ่อน้ำร้อน/น้ำเย็นอย่างละบ่อ ลงไปแช่ได้ครั้งละ 3 – 4 คนกำลังดีค่ะ ซึ่งข้อดีของการแช่ Onsen ก็คือช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดได้ดีขึ้น คลายความเมื่อยล้า และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นด้วยนะ

นอกจากนี้ยังมีห้องอ่างเกลือ เป็นสปาเกลือบำบัดด้วยการลอยตัวบนผิวน้ำ ไม่มีคลอรีน แช่แล้วลอยตัวได้ไม่จม สามารถเลือกใช้สลับกันได้ตามความชอบเลยค่ะ สำหรับการตกแต่งยังคงเน้นบรรยากาศแบบญี่ปุ่น แช่น้ำอุ่นๆไปด้วย พักสายตาด้วยสวนหินและต้นบอนไซขนาดใหญ่ ก็ช่วยผ่อนคลายไปอีกแบบ ส่วนตัวคิดว่าเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจนะคะ จัดให้เป็นจุดเด่นที่แตกต่างและน่าใช้งานเมื่อเทียบกับโครงการในละแวกเดียวกันค่ะ

Multi – purpose Area มีทั้งส่วนที่เป็นพื้นที่ Semi – Outdoor และห้องที่เป็นพื้นที่ Indoor สำหรับด้านนอก เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศแบบโปร่งโล่ง จะมานั่งรับประทานอาหารหรือสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนแบบเบาๆก็ได้ค่ะ

ส่วนด้านในจะเป็นห้อง Private Dining ที่นอกจากจะมีฟังก์ชันไว้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารแบบส่วนตัวแล้ว ก็ยังมีห้องครัวและส่วนเตรียมอาหาร ไว้ให้คนที่อยากทำอาหารทานกันเองในกลุ่ม หรือจะเชิญเชฟมาบริการจากภายนอกก็ได้

Image 1/10
บรรยากาศส่วน Private Dining

บรรยากาศส่วน Private Dining

สำหรับลูกบ้านสามารถจองห้องเพื่อใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งภายในก็มีอุปกรณ์ชุดครัวรองรับอย่างครบครัน และมีห้องน้ำส่วนตัวแยกใช้งานออกจากโถงส่วนกลางอีกด้วย

ระหว่างส่วนรับประทานอาหารกับพื้นที่ด้านหน้า จะมีประตูบานเลื่อนกระจกไว้ใช้เปิด – ปิด ถ้าตรงเคาน์เตอร์กำลังเตรียมอาหาร ก็จะช่วยกันกลิ่นหรือเสียงที่อาจรบกวนคนด้านในได้ โดยลักษณะของกระจกให้ความรู้สึกกึ่งทึบกึ่งโปร่ง ได้กลิ่นอายคล้ายเวลาไปพักเรียวกังที่ญี่ปุ่น ประตูเลื่อนจะใช้กระดาษสีขาวบางๆติดบังสายตา ที่เรียกกันว่า “โชจิ” ค่ะ

ส่วนรับประทานอาหาร ตรงกลางมีโต๊ะไว้รองรับถึง 16 ที่นั่ง ติดกันเป็นผนังกระจกแบบ Full Height สามารถมองเห็นสวนสีเขียวด้านนอกได้ขณะนั่งรับประทานอาหาร ที่ผนังติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ จะเปลี่ยนเป็นห้องดูหนัง ร้องคาราโอเกะ หรือเล่นเกมส์ก็รองรับได้หมดเลยค่ะ

Image 1/5
บรรยากาศส่วน Private Dining

บรรยากาศส่วน Private Dining

สไตล์การตกแต่งเน้นไปที่โทนสีครีม ทองและน้ำตาล ให้ความรู้สึกหรูหราแต่เรียบง่าย แซมด้วยบรรยากาศจากธรรมชาติ สามารถออกมายืนผ่อนคลายรับลมได้ จะเชิญเพื่อนหรือญาติ มาจัดปาร์ตี้เล็กๆ ทานอาหารด้วยกันก็อบอุ่นกำลังดีค่ะ

ชั้น 9 เป็นชั้นเริ่มต้นของส่วนพักอาศัย จะมีห้องพักจำนวน 7 ยูนิต โดยมี 2 ยูนิตที่ถูกจัดให้เป็นห้อง Guest Suite ค่ะ การวางผังจะออกแบบให้โถงลิฟต์อยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยโถงทางเดิน โดยในแต่ละชั้นจะมีห้องที่มีลิฟต์ส่วนตัวอยู่ด้วย เมื่อขึ้นลิฟต์มาก็สามารถเข้าห้องตัวเองได้เลย ซึ่งข้อดีของการที่มีหลายห้องได้ลิฟต์ส่วนตัวก็คือ ทำให้คนแชร์ลิฟต์ส่วนกลางน้อยลง ได้ความสะดวกและเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นค่ะ

Image 1/8
บรรยากาศในห้อง Guest Suite

บรรยากาศในห้อง Guest Suite

ห้อง Guest Suite เป็นบริการอย่างนึงจากทางโครงการที่ลูกบ้านจะสามารถจองห้องรับรองไว้ให้สำหรับแขกมาเข้าพักได้ บรรยากาศคล้ายกับเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวเลยนะคะ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมไว้ให้ครบครัน แต่สิทธิการจองของลูกบ้าน 1 ห้อง จะสามารถจองได้ฟรี 5 ครั้งต่อปีเท่านั้น และในแต่ละครั้งก็พักได้สูงสุด 3 คืนค่ะ

เหมาะกับลูกบ้านที่อาจมีเพื่อนหรือครอบครัวเดินทางมาจากต่างประเทศแล้วไม่อยากให้ไปพักโรงแรมข้างนอก ทั้งยังมีบริการรถรับ – ส่งสนามบินได้ทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมืองฟรี 2 ครั้งต่อปีอีกด้วย

ขึ้นมาชั้น 27 เป็นชั้นที่มี Facilities อย่างห้องฟิตเนสและพื้นที่โยคะรวมอยู่กับส่วนพักอาศัย ซึ่งชั้นนี้จะเหลือเพียง 4 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ลูกบ้านจะต้องใช้คีย์การ์ดเพื่อขึ้นมาใช้งานที่ชั้นนี้เท่านั้นค่ะ

ห้องฟิตเนส หรือ Sky Gym & Yoga เป็นห้องออกกำลังกายที่มีผนังกระจกโดยรอบ ประกอบกับเป็นชั้นที่อยู่สูงมาก จึงทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองมุมสูงได้แบบเต็มที่เลยค่ะ

Image 1/8
บรรยากาศห้อง Sky Gym

บรรยากาศห้อง Sky Gym

Sky Gym & Yoga  เป็นห้องที่มีอุปกรณ์ไว้รองรับค่อนข้างหลากหลายจากแบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายชั้นนำอย่าง Technogym ทั้งเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่งและอุปกรณ์โยคะ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกกิจกรรมต่างๆได้ตามไลฟ์สไตล์และความชอบเลยค่ะ หรือใครเพิ่งมาแล้วอยากยืดเส้นยืดสายก่อน ก็ออกมาวอร์มร่างกายพร้อมสูดอากาศจากสวนภายนอกได้ด้วยนะคะ

ซึ่งในส่วนนี้ก็มีความพิเศษของยูนิตที่อยู่ติดกับห้องออกกำลังกายด้วย เพราะว่าจะมีประตูที่สามารถเดินเชื่อมออกมาที่สวนด้านนอกได้เลย คล้ายกับมีสวนหน้าบ้านและห้องฟิตเนสเป็นของตัวเองเลยค่ะ สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ก็มีตู้กดน้ำและห้องน้ำเอาไว้ให้ใช้งานได้ไม่ต้องเดินขึ้น – ลงระหว่างชั้นให้เสียเวลานะคะ

และ Highlight ที่จะต้องพูดถึงให้ได้เลยก็คือ ม้านั่งยกน้ำหนักอเนกประสงค์ตัวนี้ ที่แค่เห็นโลโก้ Christian Dior ก็สามารถการันตีได้ว่าเป็นไอเทมสายสปอร์ตที่ Limited Edition แบบสุดๆ โดยเครื่องออกกำลังกายชิ้นนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์แฟชั่นอย่าง Dior และ Technogym แบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายระดับ High end จากอิตาลี ทำให้เกิดคอลเลคชั่นที่มีชื่อว่า Dior Vibe ซึ่งแค่เห็นก็ทำให้รู้สึกอยากจะออกกำลังกายขึ้นมาทีเดียวค่ะ

แปลนชั้นพักอาศัย

ชั้น 10 การวางผังเหมือนกับชั้น 9 เลยค่ะ เพียงแต่ห้องที่เคยเป็น Guest Suite สำหรับแขกจำนวน 2 ห้อง จะเปลี่ยนเป็นห้องพักอาศัยแทน ทำให้ชั้นนี้มีจำนวนห้องพัก 8 ยูนิตค่ะ

Image 1/3
แปลนพักอาศัยชั้นที่ 10

แปลนพักอาศัยชั้นที่ 10

ตั้งแต่ชั้น 21 ขึ้นไปตัวอาคารจะต้องมีระยะถอยร่นตามกฎหมายทำให้ชั้นสูงๆจะมีจำนวนยูนิตที่ลดลง โดยจำนวนยูนิตต่อชั้นจะลดลงเหลือ 6 ยูนิต สังเกตได้ว่าจะไม่มีห้องที่มีลิฟต์ส่วนตัวแล้ว จนมาถึงชั้น 28 จะเหลือเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น และชั้น 33 – 36 จะเป็นชั้นที่มียูนิตแบบห้องใหญ่หรือ Penthouse ทำให้ชั้นเหล่านี้ได้ความสงบและเป็นส่วนตัวมาก ซึ่งถือเป็นข้อดีของการเอาชั้น Facilities ที่ควรจะเข้าถึงได้ง่ายไว้ที่ด้านล่างแทนค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น G

  • Covered vehicle drop-off which landscape garden and water feature
  • Luxury-Zen inspired warm & cozy lobby
  • Pet Lawn

ชั้น 2

  • Super car parking floor with electric point provision for electric vehicle

ชั้น 8

  • Japanese courtyard garden
  • Non – chlorine filtration system swimming pool with children ‘ s pool
  • Separated male & female japanese hot bath , cold tub , salt – water floatation pool and sauna
  • Multi – purpose area for private dining or event space

ชั้น 9

  • 2 Guest Suite

ชั้น 27

  • Fully Equipped Sky Gym & Yoga platform with panoramic city views

อื่นๆ

  • ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว/อาคาร ( ลิฟต์โดยสารทั่วไป 2 ตัว / Private Lift 3 ตัว )
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 24.3 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 197 คันคิดเป็น 125%
  • บริการ Concierge 24 ชั่วโมง
  • บริการเช่ารถรับ – ส่ง ระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ( Mercedes – Benz S Class Limousine Service )
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access

แบบห้อง

โครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ เป็นโครงการระดับ Super Luxury ที่ได้ความเป็นส่วนตัวมาก ทั้งโครงการมีเพียง 146 ยูนิตเท่านั้น โดยรูปแบบการขายจะเป็น Fully – Fitted มีฟังก์ชันให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบหลักๆได้ดังนี้ค่ะ

  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 55.63 – 63.61 ตร.ม.
  • 2 Bedroom ( 2 Bath ) พื้นที่ใช้สอยภายใน 90.46 – 143.44 ตร.ม.
  • 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 161.60 ตร.ม.
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอยภายใน 360 – 378 ตร.ม.

เริ่มกันที่ห้องแรกเป็นรูปแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 90 – 143.50 ตร.ม. ซึ่งความพิเศษของ Type นี้ก็คือ เป็นยูนิตที่ได้ลิฟต์ส่วนตัวค่ะ เมื่อขึ้นมาถึงชั้นพักอาศัยก็จะเจอกับโถงขนาดเล็กและประตูเข้าห้องของเราเลย ได้ทั้งความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ส่วนแรกที่เปิดเข้ามาเจอจะเป็นส่วนนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารที่ใช้ร่วมกัน โดยห้องนี้มีระเบียงขนาดใหญ่ยาวถึง 6 เมตร กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height จึงทำให้ภายในห้องโปร่งโล่ง และเปิดรับวิวได้มากขึ้นค่ะ ซึ่งห้องที่ได้ประโยชน์ในข้อนี้ไปก็คือพื้นที่นั่งเล่น

ส่วนรับประทานและห้องอเนกประสงค์ ซึ่งถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วนน่าใช้งานทีเดียวค่ะ จะปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานส่วนตัวหรือจัดเป็นพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้ ถัดมาที่ส่วนครัวจะเป็นแบบครัวปิด เคาน์เตอร์แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งทำให้ได้พื้นที่ใช้งานตรงกลางค่อนข้างกว้าง ด้านหลังมีประตูเชื่อมกับโถงลิฟต์ภายนอกไว้สำหรับเป็นทางเข้า – ออกให้กับแม่บ้านได้

เมื่อเข้ามาที่ส่วนพักผ่อน จะมี 2 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ แบ่งเป็นห้อง Master Bedroom ที่จะมี Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว ซึ่งห้องนี้ก็จะได้อ่างอาบน้ำด้วยนะคะ ส่วนอีกห้องจะมีขนาดเล็กกว่า ใช้ห้องน้ำที่อยู่บริเวณโถงกลางซึ่งอยู่ติดกันแทน แต่ก็เป็นระยะที่เดินใช้งานได้อย่างสะดวกนะคะ

โดยความพิเศษของห้องที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้ ไม่ใช่แค่เป็นยูนิตพิเศษที่มีลิฟต์ส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความพรีเมียมด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งระดับ High end อย่าง Fendi Casa ที่หลายคนอาจจะคุ้นหูมาบ้างจากแบรนด์ Fendi ที่เป็น Iconic Fasion จากอิตาลี ซึ่งเมื่อมาเป็นเฟอร์นิเจอร์แล้ว ก็ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความหรูหราและทันสมัยได้เป็นอย่างดีค่ะ และแน่นอนว่ายูนิตนี้ ก็ได้ Sold out ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ห้อง Type นี้ก็ยังมีขายแบบ Fully Fitted ในตำแหน่งอื่นๆให้เลือกอยู่นะคะ บรรยากาศภายในจะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันได้เลยค่ะ

เมื่อลิฟต์เปิดออกมาก็จะเจอกับประตูทางเข้าห้อง เพื่อความปลอดภัยทางโครงการก็ได้ติดตั้ง Digital Door Lock ของยี่ห้อ Yale มาให้ด้วยค่ะ ซึ่งก็สามารถใช้งานได้ทั้งคีย์การ์ด ตั้งรหัสและกุญแจเลย

มองจากประตูทางเข้าห้องจะเห็น Private Lift ด้านข้างจะมีตู้รองเท้า Built in มาให้ด้วย ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความเรียบร้อยในการจัดเก็บรองเท้าก่อนเข้าห้องค่ะ

ตู้รองเท้าหน้าบานกรุด้วย High Gloss painted ภายในมีชั้นวางมาให้หลายช่อง พร้อมติดตั้งไฟมาให้พร้อมใช้งาน สำหรับสาวกสะสมรองเท้าน่าจะถูกใจฟังก์ชันนี้ทีเดียวค่ะ

ส่วนนั่งเล่นมีการจัด Space แบบ Open Plan ซึ่งเหมาะกับคอนโดมิเนียมมาก เพราะจะช่วยให้ห้องดูกว้างและปลอดโปร่งยิ่งขึ้น เสริมด้วยระเบียงที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นประตูกระจกแบบ Full Height ทั้งหมด ภายในห้องจึงได้รับแสงจากธรรมชาติแบบเต็มที่

โดยความสูงจากพื้นถึงฝ้าของห้องนี้อยู่ที่ 3.15 เมตร มีการทำฝ้าหลุมเพื่อซ่อนไฟ และติดตั้งแอร์ระบบฝังเพื่อความเรียบร้อยและสวยงาม ส่วนวัสดุปูพื้นเป็น Engineering Wood ที่ได้ผิวสัมผัสแบบไม้จริง แต่มีความแข็งแรง ทนทาน และดูแลรักษาได้ง่ายกว่า

ระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีประมาณ 4 เมตร วางทีวีขนาด 60″ กำลังดีค่ะ ผนังด้านหลังเปลี่ยนเป็นโทนสีเข้มได้ ส่วนพื้นถ้าใครอยากจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องก็มีให้เลือกเช่นเดียวกันค่ะ

ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ อย่างที่กล่าวไปว่าเป็นแบรนด์จาก Fendi Casa ซึ่งทางโครงการก็ได้จัดมาให้แบบครบเซ็ต คลุมโทน ให้ความรู้สึกแบบเรียบหรู ดูดี ความน่าสนใจจะอยู่ที่ลายผ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโลโก้ค่ะ

โดยเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องนี้เป็น Hand Made จากอิตาลีเลยนะคะ บ่งบอกได้ถึงความประณีตของผู้ผลิตและความเอาใจใส่ของผู้เลือกสรรอย่างมาก เนื้อวัสดุจะเป็นกำมะหยี่ ได้สัมผัสที่หรูหราน่าใช้งานค่ะ

ถัดมาที่ห้องอเนกประสงค์ กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height เช่นเดียวกัน เพื่อความเป็นสัดส่วน โดยกระจกด้านในจะมี Texture แบบผ้าไหมฝังอยู่ ทำให้ได้บรรยากาศที่ไม่ปิดทึบจนเกินไป จัดเป็นห้องทำงานก็ยังได้สมาธิและความเป็นส่วนตัวค่ะ

ในส่วนระเบียงห้องถือว่ามีขนาดใหญ่มาก ยาวตั้งแต่ส่วนนั่งเล่นไปจนถึงห้องอเนกประสงค์ ลักษณะบานเปิดเป็นแบบบานเลื่อนคู่และมีบาน Fix อยู่ด้านซ้ายและขวา กระจกเป็น Double glazed tempered glass มีคุณสมบัติช่วยสะท้อนความร้อน ช่วยประหยัดพลังงาน และกันเสียงจากภายนอกได้ดี

Image 1/8
ส่วนนั่งเล่น

ส่วนนั่งเล่น

พื้นที่ระเบียงสามารถออกมายืนสูดอากาศหรือจัดเป็นมุมพักผ่อนพร้อมไม้กระถางและของตกแต่งเล็กๆก็ได้ เพราะไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์มาคอยกวนใจ ราวกันตกเป็นกระจก ทำให้มองเห็นวิวได้กว้างมากขึ้น ออกไปนั่งเล่นได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด

กลับเข้ามาภายในห้อง เราจะพาไปดูส่วนครัวกันต่อค่ะ ก่อนเข้าไปแอบเห็นโต๊ะรับประทานอาหาร แม้แต่เก้าอี้ก็ยังเป็น Fendi Casa ด้วยนะ ซึ่งในโถงบริเวณนี้จะวางเป็นโต๊ะกลม 4 ที่นั่ง หรือจัดเป็นโต๊ะเหลี่ยม 6 ที่นั่งอย่างในแปลน ก็สามารถทำได้สบายๆขึ้นอยู่กับความชอบเลยค่ะ

ด้วยลักษณะการขายที่เป็นแบบ Fully Fitted สิ่งที่เราจะได้จากทางโครงการก็คือเคาน์เตอร์ครัวแบบ Built in เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ส่วนประตูที่เห็นอยู่ด้านหลังนั่นก็คือ ประตูที่สามารถเชื่อมต่อกับโถงลิฟต์ด้านนอกได้

ภาพบริเวณโถงลิฟต์ด้านนอกที่ใช้ร่วมกับยูนิตอื่นๆ เหมาะสำหรับแม่บ้านที่ต้องใช้เข้า – ออกเพื่อความสะดวก หรือเจ้าของห้องเองที่ซื้อของเข้ามาแล้วอยากเอามาเก็บได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านส่วนนั่งเล่นค่ะ

Image 1/6
บรรยากาศบริเวณครัว

บรรยากาศบริเวณครัว

เคาน์เตอร์ครัว Built in สูงถึงฝ้า ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ มีความแข็งแรง ทนต่อความร้อนและชื้นได้ดี ผนังด้านหลังกรุด้วย Compressed Quartz หรือ Back Painted Glass ที่สามารถเลือกเป็นสีโทนเข้มได้ เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย หากเกิดคราบเลอะเวลาทำอาหารค่ะ

ส่วนวัสดุหน้าบานตู้เป็น High Gloss painted ให้ความวาวและทนทานสูง ทำความสะอาดง่ายและป้องกันคราบได้ดี ส่วนตู้ด้านล่างกรุด้วยลามิเนตลายไม้ วัสดุปูพื้นแตกต่างกับด้านนอก เพราะใช้กระเบื้องพอร์ซเลน มีความแข็งแรง ทนต่อรอยขูดขีดและรับแรงกระแทกได้

Image 1/9
อุปกรณ์ในครัว

อุปกรณ์ในครัว

สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าในครัว จะได้ในห้องทุก Type ประกอบไปด้วย เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันและเตาอบไมโครเวฟ ยี่ห้อ GAGGENAU จากประเทศเยอรมนี ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบที่เรียบหรู เน้นเทคโนโลยีทันสมัยแต่ใช้งานได้ง่าย ถัดมาเป็น Sink จาก KOHLER และตู้เย็น Built in แบบ 2 ประตูที่จัดวางให้ดูดูกลมกลืนไปกับผนังห้อง ข้างกันมีชั้นวางใส่อุปกรณ์และวัตถุดิบในครัวให้ด้วย

สำหรับรูปแบบ 2 Bedroom ขึ้นไป จะได้เครื่องซักผ้าแบบ 2 in 1 อบแห้งในตัวได้ เครื่องล้างจานยี่ห้อ BOSCH แบบ 2 ตะแกรง ติดตั้งแบบฝังที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง สามารถแยกใส่ช้อม ส้อม มีดเพื่อทำความสะอาดได้ การใช้งานสะดวกมากและเวลาที่เปิดเครื่อง เสียงค่อนข้างเงียบค่ะ เพิ่มเติมเรื่องระบบและอุปกรณ์กรองน้ำในครัว มีก็อกน้ำผสมพร้อมอุปกรณ์ทำน้ำร้อนด้วยไฟฟ้าอยู่ใต้ Sink มาให้อีกด้วย

ผ่านทางเดินเข้ามาที่ส่วนพักผ่อน จะเจอโถงขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับห้อง Master Bedroom ห้องนอนเล็ก และห้องน้ำซึ่งมีประตูอยู่ติดกันค่ะ

เริ่มที่ส่วนห้องนอน เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับหน้าต่าง Full Height ที่ประกอบด้วยกระจกบาน Fix และหน้าต่างบานกระทุ้งที่ติดตั้งมาให้ 1 จุด ตรงกลางสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่โดยรอบไว้เป็นทางเดินแบบสบายๆเลยค่ะ

Image 1/6
บรรยากาศภายในห้องนอน

บรรยากาศภายในห้องนอน

ภายในห้องจะมีตู้เสื้อผ้า Built in มาให้ โดยห้องนี้ก็ยังได้แอร์แบบฝังฝ้าเช่นเดียวกัน โดยฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้พร้อมใช้งาน และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยอย่าง Smoke Detector และ Sprinkler ค่ะ

ห้องน้ำแยกพื้นที่ใช้งานโซนเปียกและแห้งไว้อย่างเป็นสัดส่วน อ่างล้างหน้าฝังกับเคาน์เตอร์ โดยเหลือพื้นที่ด้านข้างและด้านหลังโถสุขภัณฑ์ไว้สำหรับวางของได้ ส่วนด้านล่างก็มีชั้นไม้ไว้วางผ้าเช็ดตัวได้ค่ะ

ส่วน Shower พื้นจะลดระดับลงไปเล็กน้อย เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลย้อนออกสู่ภายนอก ซึ่งโครงการได้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกแบบบานสวิงมาให้เรียบร้อย โดยกระจกได้ดีไซน์มาเป็นสีชาเข้าชุดกับสีพิเศษของสุขภัณฑ์จาก KOHLER เลยค่ะ

Image 1/7
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ

อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ

ซึ่งสีพิเศษนี้ก็คือสี Vibrant Brushed Bronze (VBB) เป็นสีทองออกหม่น ไม่ได้แวววาวจนแสบตา ให้ความรู้สึกมีระดับแต่เรียบง่าย ด้วยเทคนิคการเคลือบถึง 2 ชั้น เหมาะกับก็อกน้ำและวัสดุตกแต่งในห้องที่อยากได้บรรยากาศแบบ Contemporary ซึ่งนอกจากการเลือกสีวัสดุแล้ว ทางโครงการยังใส่ใจกับฟังก์ชัน ด้วยกระจกเงาที่มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ ทำให้เราใช้พื้นที่ได้เต็มที่มากขึ้น เข้ากับห้องน้ำที่เน้นการใช้งานค่ะ

Image 1/4
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ

อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ

ฝักบัวเป็นสี Vibrant Brushed Bronze จาก KOHLER เช่นเดียวกันค่ะ โดยลักษณะจะเป็น Rain Shower ฝังฝ้าเพดาน สามารถยืนอาบได้แบบสบายๆ ส่วนอาบน้ำจะมีขนาด 1 x 1.13 เมตร มีที่วางอุปกรณ์อาบน้ำอยู่ด้านข้างให้ด้วย

มาที่ห้อง Master Bedroom จะมีส่วน Walk – in Closet และห้องน้ำแยกใช้งานเป็นส่วนตัว เมื่อเข้ามาจะเจอตู้เสื้อผ้า Built in จากโครงการก่อน โดยไฟที่ติดตั้งมาให้เป็นแบบอัตโนมัติ พอเปิดประตูตู้เพื่อหยิบเสื้อผ้าไฟก็จะติดขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

ส่วนห้องน้ำ แบ่งฟังก์ชันเป็นอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ ส่วน Shower และโถสุขภัณฑ์ที่แยกกันเป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นกระจกสีชา พื้นจะลดระดับลงเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและทำความสะอาดค่ะ

Image 1/4
อุปกรณ์ในห้องน้ำ

อุปกรณ์ในห้องน้ำ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบยาวฝังกับเคาน์เตอร์ ติดตั้งก็อกน้ำจาก KOHLER มาให้ 2 จุด สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 2 คน ส่วนกระจกเงาด้านหลังเป็นตู้เก็บของซ่อนอยู่เช่นกัน เปิดใช้งานได้ทั้ง 2 ฝั่งเลย

Image 1/6
อุปกรณ์ในห้องน้ำ

อุปกรณ์ในห้องน้ำ

ส่วนอาบน้ำขนาด 1.17 x 1.22 เมตร ฝักบัวเป็น Rain Shower สีพิเศษจาก KOHLER ฝั่งโถสุขภัณฑ์เป็นฝารองนั่งแบบอัตโนมัติใช้ระบบ Sensor ในการเปิด – ปิดค่ะ พื้นที่ใช้งานขนาด 1.26 x 1.13 เมตร

อ่างอาบน้ำขนาด 1.54 x 0.74 เมตร ตั้งอยู่ติดกับผนังกระจก สามารถแช่น้ำไปด้วย ชมวิวไปด้วยได้เลยค่ะ

ส่วนพักผ่อน วางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่ด้านข้างไว้สำหรับวางโต๊ะขนาดเล็กได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ หน้าต่างด้านข้างเป็น Full Height ติดตั้งบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด ไว้สำหรับเปิดรับลมและระบายอากาศ

อุปกรณ์ตกแต่งภายในใช้ของแบรนด์ Fendi Casa ขาตั้งและสีเป็นโลหะแบบคลุมโทนเข้ากันกับTheme ห้องค่ะ

อีกฝั่งของห้องเหลือพื้นที่ไว้จัดเป็นมุมพักผ่อนนั่งอ่านหนังสือ วางเก้าอี้จาก Fendi Casa อีกสักตัวไว้ริมผนังกระจก ก็กลายเป็นมุมผ่อนคลายนั่งชมวิวเมืองแบบเก๋ๆได้ค่ะ

สวิตช์ไฟดีไซน์เรียบหรูใช้ของยี่ห้อ Jung จากประเทศเยอรมนีค่ะ

ถัดมาที่อีก 1 Type ซึ่งเป็นห้อง 2 Bedroom เช่นเดียวกัน แต่ในรูปแบบนี้จะใช้ลิฟต์ร่วมกันกับส่วนกลางค่ะ โดยในห้องนี้เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งสามารถกั้นเป็นครัวปิดเพิ่มเติมได้นะคะ ส่วนห้องนั่งเล่นและรับประทานอาหารใช้พื้นที่ร่วมกัน แยกส่วนพักผ่อนไปอยู่อีกฝั่งทั้งหมด โดยข้อดีของแปลนนี้ก็คือ มีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ที่ด้านหน้า สะดวกเวลาที่ต้องรับแขก ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ภายในก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ในห้องตัวอย่างไม่ได้กั้นส่วนครัวมาให้ บรรยากาศในห้องจึงค่อนข้างเปิดโล่ง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ชอบทำอาหารแบบจริงจังมาก และไม่กังวลเรื่องกลิ่นค่ะ

ติดกับประตูทางเข้าจะมีตู้รองเท้าแบบ Built in ถึงฝ้าอยู่ทางด้านข้าง ใช้วัสดุเดียวกันกับชุดเคาน์เตอร์ครัว ดูกลมกลืนไปกับผนังค่ะ

Image 1/7
อุปกรณ์ในครัว

อุปกรณ์ในครัว

อุปกรณ์ในครัว เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันใช้ของยี่ห้อ GAGGENAU จากประเทศเยอรมนี อ่างล้างจานติดตั้งมากับก็อกน้ำพร้อมใช้งานจาก KOHLER ด้านข้างมีเตาอบไมโครเวฟและตู้เย็นแบบประตูเดียวจาก BOSCH ค่ะ

ถัดเข้ามาเป็นส่วนรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งได้แบบสบายๆ ฝ้าเพดานทำเป็นหลุมซ่อนไฟ ตกแต่งด้วยโคมไฟแขวน ช่วยเพิ่มความสวยงามและหรูหราได้ค่ะ ส่วนนั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียง มองเห็นแนวผนังด้านนอกซึ่งจะเอียงเล็กน้อย ช่วยให้เปิดรับวิวได้มากขึ้น

Image 1/6
บริเวณส่วนนั่งเล่น

บริเวณส่วนนั่งเล่น

ระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีประมาณ 3.60 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 55″ ขึ้นไปได้เลย ส่วนระเบียงออกแบบมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height ทำให้ภายในห้องได้รับแสงจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งขนาดระเบียงก็ค่อนข้างกว้างประมาณ 1.10 x 3.60 เมตรเลยค่ะ

ประตูห้อง Master Bedroom จะอยู่ติดกับส่วนนั่งเล่นเลย ก่อนเจอกับส่วนพักผ่อนจะเป็นพื้นที่แต่งตัวอย่าง Walk – in Closet ที่มีตู้เสื้อผ้าแบบ Built in รูปตัว L เข้ามุมผนัง เหลือพื้นที่ด้านหน้าประมาณ 1 เมตร เปิด – ปิดตู้ใช้งานได้อย่างสะดวกค่ะ

ส่วนห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์ครบชุดเหมือนกับห้องก่อนหน้า รวมทั้งอ่างอาบน้ำจาก KOHLER

Image 1/6
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ

อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์แนวยาว สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คน พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.98 x 1.00  เมตร ติดตั้งฉากกั้นกระจกสีชายี่ห้อ RIVIERA พื้นลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อแบ่งโซนการใช้งาน โถสุขภัณฑ์ใช้ฝารองนั่งอัตโนมัติ ฝักบัวเป็นแบบ Rain Shower สีพิเศษจาก KOHLER ค่ะ

ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้กำลังดี พื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างกว้าง สามารถวางตู้เก็บของหรือชั้นสำหรับตั้งทีวีได้ ด้านข้างเป็นผนังกระจก Full Height พร้อมติดตั้งหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด

Image 1/3
บรรยากาศในห้องนอน

บรรยากาศในห้องนอน

แนวผนังของห้องนอนเอียงออกตามรูปทรงของอาคาร ช่วยเปิดมุมมองได้มากขึ้น ผนังติดตั้งกระจกเงาเป็นไอเดียตกแต่งเพื่อเพิ่มฟังก์ชันเป็นโต๊ะเครื่องแป้งริมหน้าต่าง ก็ดูเหมาะสมน่าใช้งานดีนะคะ

Image 1/4
บรรยากาศในห้องน้ำ

บรรยากาศในห้องน้ำ

ห้องน้ำอยู่บริเวณหน้าห้องติดกับประตูทางเข้า ได้สุขภัณฑ์ครบชุดจาก KOHLER เหมือนในห้องตัวอย่าง และฉากกั้นอาบน้ำสีชายี่ห้อ RIVIERA ติดตั้งที่ส่วน Shower โดยพื้นลดระดับลงมาเพื่อแยกสัดส่วนการใช้งานมีขนาด 1.00 x 1.26 เมตร

Image 1/5
บรรยากาศในห้องนอน

บรรยากาศในห้องนอน

ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดี ในห้องมีตู้เสื้อผ้าแบบ Built in มาให้ ผนังด้านข้างติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนกระจก ไว้สำหรับเปิดรับลมธรรมชาติและระบายอากาศได้  พื้นที่ปลายเตียงกว้างประมาณ 0.60 เมตร สามารถเดินได้โดยรอบแบบสบายๆเลยค่ะ

ห้องพักอาศัยรูปแบบอื่นๆ

Image 1/18
UNIT 1B1 : Simplex 1 - Bedroom ( 57.82 sq.m. )

UNIT 1B1 : Simplex 1 - Bedroom ( 57.82 sq.m. )

ในโครงการยังมีรูปแบบห้องพักอื่นๆให้เลือกอีกหลากหลาย ทั้งฟังก์ชันก็ยังแตกต่างกันออกไป ทำให้ลูกบ้านมีตัวเลือกในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้นค่ะ ซึ่งโครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ รองรับได้ทั้งคนที่พักอาศัยคนเดียวหรือจะอยู่กันเป็นครอบครัว แบบมีสมาชิกหลายคนก็ได้ เพราะมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างใหญ่ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์และความชอบเลยค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

The Estelle ราคา ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565

  •  1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 55.63 – 63.61 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 16.8 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ( 2 Bath ) พื้นที่ใช้สอยภายใน 90.46 – 143.44 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 27.67 ล้านบาท
  • 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 161.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 62.51 ล้านบาท
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted (ตู้เก็บรองเท้า, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ห้องน้ำ, เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และตู้เก็บของ)
  • เฟอร์นิเจอร์ วัสดุหน้าบาน High Gloss painted and Glass Cabinet with metal trim
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน primary area 3.15 เมตร ห้องน้ำ 2.60 เมตร
  • พื้น Engineering Wood
  • บานหน้าต่างและประตูกระจกเลื่อน แบบ Double glazed tempered glass
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood ของยี่ห้อ GAGGENAU
  • Microwave + Oven ของยี่ห้อ GAGGENAU
  • Sink จาก KOHLER
  • สุขภัณฑ์ ของยี่ห้อ KOHLER / อ่างอาบน้ำ KASCH
  • ก๊อกผสม และฝักบัว – ยี่ห้อ KOHLER สีพิเศษ Vibrant Brushed Bronze (VBB)
  • เครื่องซักผ้าอบแห้งในตัว (2-in-1 type) , ตู้เย็นแบบ Built-in , เครื่องล้างจาน ของยี่ห้อ BOSCH
  • แอร์ระบบ Conceal Type (VRV System) – ยี่ห้อ Mitsubishi
  • จอง 200,000 บาท
  • ทำสัญญา 10% จากราคาขาย
  • ยอดสุดท้าย 90% จากราคาขายหักเงินจอง ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
  • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 140 บาท/ตร.ม./เดือน

สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง

  • ค่าประกันแรกเข้า ประกันความเสียหายต่อตัว 5,000 บาท
  • อัตราค่าธรรมเนียมการเลี้ยงสัตว์ /ตัว/ปี = 1,500-3,500 บาท
  • สามารถเลี้ยงน้องหมาและแมว ขนาดโตเต็มวัย สูงไม่เกิน 40 ซม. และมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 15 กิโลกรัม
  • ห้ามเลี้ยงสัตว์ปีก สัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์เลื้อยคลานทุกประเภท และสัตว์ที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดเชื้อโรค

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการ The Estelle พร้อมพงษ์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 เป็นโครงการในย่านที่มีห้างสรรพสินค้า และ Community Mall อยู่รอบๆเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นทำเลใจกลางเมือง หากเทียบกับทำเลใกล้เคียงอย่างซอยสุขุมวิท 24 จะมีความสงบและเป็นส่วนตัวกว่า ซึ่งในซอยฝั่งนั้นจะมีโครงการคอนโดขึ้นค่อนข้างเยอะ เพราะติดกับรถไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้ามากกว่า แต่รูปแบบการขายส่วนใหญ่จะเป็นมือ 2 เพราะสร้างเสร็จนานแล้ว เมื่อเทียบกับในซอยสุขุมวิท 26 จะมีโครงการระดับ Ultimate ใกล้เคียงอยู่  1 โครงการ แต่ The Estelle พร้อมพงษ์ จะได้เปรียบมกว่าในเรื่องของความใกล้ถนนสุขุมวิทและสถานีรถไฟฟ้า BTS เพียง 250 เมตร ทำให้สะดวกทั้งคนที่เดินทางด้วยรถยนต์และขนส่งสาธารณะค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

สำหรับการเดินทางเข้า – ออกโครงการจะใช้ถนนสุขุมวิทและพระราม 4 เป็นหลัก เพราะซอยนี้สามารถเชื่อมต่อได้กับถนนทั้ง 2 ฝั่ง ขับออกมาก็อยู่ไม่ไกลกับจุดกลับรถ โดยในฝั่งสุขุมวิทโครงการจะอยู่ห่างจากถนนใหญ่เพียง 100 เมตร ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็จะใช้เส้นทางนี้เพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองไปโซนอโศก สยาม สาทรกันค่ะ

ส่วนที่จอดรถก็ถือว่าจัดมาให้สะดวกสบายในระดับมาตรฐานนะคะ เพราะโครงการแถวนี้ส่วนใหญ่จะมีที่จอดไว้รองรับแทบจะเกิน 100% ทั้งนั้น โดย The Estelle พร้อมพงษ์ ก็มีที่จอดรถรองรับไว้อยู่ที่ประมาณ 125% ซึ่งจุดเด่นของโครงการจะอยู่ที่ชั้นจอดรถ Super Car บริเวณชั้น 2 ที่มาพร้อม EV Charging Station สามารถรองรับรถ Super Car ที่เป็นระบบไฟฟ้าได้ด้วย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองทำให้มีตัวเลือกการเดินทางค่อนข้างหลากหลาย สำหรับสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานีพร้อมพงษ์ ที่สามารถเดินไปใช้งานได้ด้วยระยะทางเพียง 250 เมตร ถัดไปก็เป็น BTS สถานีอโศก ซึ่งเป็นจุด Interchange กับ MRT สุขุมวิทได้ สำหรับคนที่อยากจะเลี่ยงสภาพการจราจรที่ติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน หรือเวลาไปอยาก Hang out แล้วไม่อยากเอารถยนต์ไป ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทางค่ะ

วัสดุ :

รูปแบบการขายของโครงการเป็น Fully Fitted ที่จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built in ตั้งแต่ตู้รองเท้า ตู้เสื้อผ้าและเคาน์เตอร์ครัว รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิด ซึ่งก็ให้มาไม่น้อยหน้าเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันเลยนะคะ โดยจะได้ในห้องทุก Type ทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ของแบรนด์ดังอย่าง GAGGENAU ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้าแบบ 2 in 1 และเครื่องล้างจาน ยี่ห้อ BOSCH ค่ะ

ส่วนประตู  – หน้าต่างเป็นกระจก Double glazed tempered glass ช่วยประหยัดพลังงาน กันเสียงและความร้อนได้ดี ในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์แบบครบชุด พร้อมฉากกั้นอาบน้ำยี่ห้อ RIVIERA ซึ่งส่วนตัวเราค่อนข้างชอบความเป็นกระจกสีชาแทนที่จะใช้เป็นฉากกั้นใสๆนะคะ ดูเข้ากับสีพิเศษของก็อกน้ำจาก KOHLER ที่ออกแบบมาเป็นโทนสีทองค่ะ ส่วนวัสดุปูพื้นในห้องเป็น Engineering Wood สามารถปรับเปลี่ยน Theme ของ Material ได้ ระบบแอร์เป็น VRV ฝังฝ้าเพดานทำให้พื้นที่ในห้องดูเรียบร้อย และระเบียงก็ไม่มีคอมเพรสเซอร์มาบังวิวเลย

การออกแบบ :

โครงการออกแบบมาในสไตล์ Luxury Zen ที่เน้นความหรูหราแต่เรียบง่าย ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่น สำหรับการวางผังเน้นความเป็นส่วนตัวมาก เพราะเป็นคอนโด High Rise ที่มีจำนวนยูนิตสูงสุดเพียง 8 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางจะแยกออกจากส่วนที่พักอาศัยชัดเจน อยู่ในชั้น 8 และ 27 ส่วนตัวชอบ Highlights ชั้น 8 ที่มีฟังก์ชันบ่อ Onsen ทั้งแบบร้อน / เย็นและอ่างเกลือที่เป็นสปาบำบัดไว้ให้เลือกใช้บริการด้วยค่ะ

การวางผังชั้นพักอาศัยมียูนิตพิเศษที่ได้ลิฟต์ส่วนตัวมาด้วย ห้องพักมีรูปแบบให้เลือกหลากหลาย ที่ยังมีให้เลือกจับจองได้ก็คือห้อง 1 Bedroom-3 Bedroom ค่ะ สำหรับ Lay out ในแต่ละยูนิตก็มีความแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่แทบทุกห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะไม่เจอส่วนห้องนอนหรือส่วนพักผ่อนก่อนเลย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น โดยห้องที่ได้จะเป็นแบบลักษณะหน้ากว้าง บรรยากาศในห้องโปร่งโล่งมาก เพราะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 3.15 เมตร และในหลายๆห้องจะได้ระเบียงค่อนข้างใหญ่ อย่างห้อง 2 Bedroom ที่เป็น Fendi Casa ก็ได้ระเบียงกว้างถึง 6 เมตรเลยค่ะ

สาธารณูปโภค :

พื้นที่ส่วนกลางจัดมาให้ค่อนข้างครบครัน โดยเน้นการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างความเป็นสมัยใหม่และกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นเข้าไป เหมาะกับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ชอบบรรยากาศที่เรียบง่าย แต่ดูหรูหราและมีระดับสมฐานะค่ะ สำหรับโครงการนี้อาจจะไม่ได้วาง Facilities ไว้บนชั้นที่สูงมากๆเพื่อชมวิว แต่ฟังก์ชันที่เข้าถึงได้ง่าย และเน้นใช้งานได้จริง เช่น Onsen แบบญี่ปุ่นที่ให้มาทั้งบ่อน้ำเย็น/น้ำร้อน บ่อลอยตัวระบบน้ำเกลือ

ห้อง Guest Suite ที่จัดเตรียมอุปกรณ์มาให้ครบเหมือนห้องพักในโรงแรม พื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้ขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว มีส่วนเตรียมอาหารที่สามารถทำทานเองก็ได้ หรือเรียกเชฟมาทำโอมากาเสะถ่ายรูปลงโซเชียลเก๋ๆก็ดูดีค่ะ ซึ่ง Facilities แบบนี้ ไม่ค่อยได้เห็นในโครงการอื่นๆเท่าไร และอีก Highlight หนึ่งคือเครื่องออกกำลังกายที่เลือกใช้ของ Dior x Technogym ช่วยเพิ่มความหรูหรา ซึ่ง Gym&Yoga จะตั้งอยู่บนชั้น 27 มองเห็นวิวเมืองได้โดยรอบค่ะ  

Judgement

ราคาของคอนโดระดับ SUPER LUXURY CLASS ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดในระดับนี้คงต้องมีความพึงพอใจและความชอบจนมองข้ามราคาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เนื่องจากเป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่

BOTTOM LINE

The Estelle พร้อมพงษ์ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดระดับ Super Luxury ในย่านพร้อมพงษ์ ชอบทำเลใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย ต้องการคอนโดที่เลี้ยงสัตวได้ ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และมีงบประมาณในใจ 16.8 ล้านบาทขึ้นไปค่ะ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc