รีวิวฉบับที่ 2110 … สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะครับสำหรับ The Base สะพานใหม่ คอนโด High Rise 14 ชั้น ติดรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายหยุด ที่ภายในออกแบบมาได้ค่อนข้างแปลกใหม่ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย แถมยังมีพื้นที่เปิดให้ใช้งาน 24 ชั่วโมงด้วย โดยห้องของที่นี่จะเน้นไปที่ 1-2 Bedroom แต่ก็มีห้องเพดานสูงเป็นตัวเลือกด้วย โดยจะขายแบบ Fully Furnished แถมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน และผ้าม่าน พร้อมเข้าอยู่เลย ในราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
ข้อมูลโครงการ
11 August 2020
- THE BASE Saphanmai (เดอะ เบส สะพานใหม่)
- BTS Sansiri Holding Twenty Two Limited
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน
- ที่ดินประมาณ 4 ไร่
- คอนโด Hige Rise 14 ชั้น 1 อาคาร 2 Tower 820 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 68 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 299 คัน คิดเป็น 36% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 39%)
- เริ่มก่อสร้าง : กรกฎาคม 2561
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : สิงหาคม 2563
- 1 Bedroom 24.75-35.5 ตร.ม. จำนวน 754 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 48.25-55.8 ตร.ม. จำนวน 37 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
- ห้องปกติฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร และ ห้อง Loft ฝ้าเพดานสูง 4.55 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 93,000 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม.
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1685
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.888165, 100.604382
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ
ย่านนี้แต่เดิมจัดว่าเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยเก่าแก่ดังเดิม เป็นพื้นที่ใกล้เขตทหาร สถานที่ราชการและสนามบินดอนเมือง สภาพแวดล้อมสองฝั่งของถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ที่ชั้นล่างมักเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ต่อมาจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทำเลนี้มีการยกระดับความเจริญคือรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่จะเปิดใช้งานสิ้นปีนี้ครับ
THE BASE สะพานใหม่ ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธินขาเข้าเมือง ใกล้วงเวียนหลักสี่ สามารถเชื่อมต่อไปยังรามอินทรา แจ้งวัฒนะ แถมยังใกล้กับถนนเทพรักษ์ที่เชื่อมตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านถนนพหลโยธิน ถนนวัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 ถนนกาญจนาภิเษก ถนนหทัยราษฎร์ และถนนนิมิตรใหม่ เป็นการเชื่อมการเดินทางของกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกให้เข้ามาที่ศูนย์กลางได้ง่ายขึ้น แต่แถวโครงการจะมีการจราจรค่อนข้างติดขัดในเวลาเร่งด่วน แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินทางไว้ด้วย โดยภายในโครงการยังมีที่จอดรถประมาณ 299 คัน คิดเป็น 36% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 39%)
นอกจากนั้นอีกจุดเด่นของโครงการคือติดกับรถไฟฟ้าสถานีสายหยุดส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่จะเปิดใช้งานปลายปีนี้ ดังนั้นการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองจึงค่อนข้างสะดวก จะมีระยะห่างจากจุดขึ้นลงสถานีประมาณ 100 เมตร แถมยังมีป้ายรถประจำทางทั้งรถเมล์และรถตู้อยู่ไม่ไกลจากโครงการด้วย จัดว่าเป็นทำเลที่เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบแบบระยะเดินจะมี Big C Supercenter สะพานใหม่ ในระยะประมาณ 350 เมตร หรือเดินประมาณ 5 นาที และถ้าสถานีรถไฟฟ้าเปิดใช้งานก็น่าจะมีความเจริญตามมาอีกบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนอีกฝั่งทางเข้าเมืองจะมีปั๊มน้ำมัน PTT อยู่ติดกับโครงการเลย ภายในมี 7-Eleven, Cafe Amazon ให้เดินออกมาใช้งานได้ง่ายเลยครับ
ส่วนในระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร จะมีทั้งมหาวิทยาลัยหลายแห่ง, โรงเรียน,โรงพยาบาล, วัด, เขตพื้นที่ราชการ, สนามบินดอนเมือง รวมถึงห้างสรรพสินค้าอย่างเช่น เซ็นทรัล รามอินทรา, Foodland, Tesco Lotus, นอกจากนั้นยังมีตลาดใหญ่ ๆ อย่างตลาดยิ่งเจริญ ตลาดออเงิน เป็นต้น ทำให้จะกลับบ้านจากทางไหนก็สามารถหาของกินของใช้ได้ง่ายเลย
เส้นทางการเดินทาง
การเดินทางมาโครงการในวันนี้ก็จะมาบนถนนพหลโยธินครับ เพราะเป็นการเดินทางหลักของโครงการเลย ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนครับผม ขับมาเรื่อยๆบนถนนพหลโยธินและกลับรถที่แยกตัดกับถนนเทพรักษ์ หรือสังเกตง่ายๆ ก็ที่มี Big C Supercenter สะพานใหม่อยู่ที่หัวมุมครับผม หลังจากกลับรถก็ตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ
เริ่มเดินทางมาบนถนนพหลโยธิน จาก Central ลาดพร้าว ตรงมาเรื่อยมุ่งหน้าไปทางถนนเทพรักษ์ครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
มาดูพื้นที่รอบโครงการกันบ้าง พื้นที่โครงการมีขนาดประมาณ 4 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาเข้าเมือง ติดกับรถไฟฟ้าสถานีสายหยุดเลย รอบๆนี้จะมีบริบทเป็นพื้นที่พักอาศัยซะส่วนใหญ่ เนื่องจากพื้นที่ในย่านนี้ใกล้กับสนามบินดอนเมือง จึงทำให้มีการจำกัดความสูงอาคาร จึงจะเห็นว่าอาคารสูงในย่านนี้จะไม่เกิน 15 ชั้น (45 เมตร) พื้นที่โครงการส่วนใหญ่จะรับวิวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศสำหรับลมประจำปีของประเทศไทยพอดี ทำให้จะได้ทั้งลมประจำฤดูร้อนและฤดูหนาวพัดเข้าภายในห้องและโครงการกันอย่างเต็มที่ ส่วนในเรื่องของวิวรอบๆโครงการ จะมีแค่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่มีอาคารพักอาศัยสูง 15 ชั้นที่อาจจะบล็อควิวและบีบมุมฝั่งนี้ค่อนข้างแคบหน่อย ส่วนอีกฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นอาคาร 5 ชั้น และแนวราบ 1-2 ชั้น เดี๋ยวผมจะพาเดินดูรอบๆพื้นที่ติดแนวถนนพหลโยธิน และขึ้นไปดูวิวบนอาคารกันครับ
เริ่มจากฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมืองกันก่อนนะครับ ข้อได้เปรียบของโครงการติดรถไฟฟ้าคือจะมีพื้นที่หน้าโครงการที่ค่อนข้างกว้างและดูดี มีการดูแลตลอด ทั้งสะอาดและปลอดภัย มีแนวต้นไม้ปลูกริมถนนให้ด้วย
ติดกับพื้นที่โครงการเลยคือปั๊มน้ำมัน ปตท. ข้อดีคือเราสามารถออกจากโครงการแล้วเลี้ยวเข้าปั๊มได้เลย สำหรับจะเดินทางไกล หรือเตรียมตัวเดินทางก็ง่ายเลยครับ ภายในปั๊มมี 7-Eleven และ Cafe Amazon ให้ด้วย
เดินต่อไปก็มีทางเท้าให้เดินเช่นเดิมครับ
ถัดมาจะมีโครงการ Knightbridge Skycity สะพานใหม่ คอนโด High Rise 15 ชั้น สูงพอๆกับโครงการเราครับ
ปั้มน้ำมันจะคั่นกลางอยู่ โดยจะมีระยะห่างประมาณ 60 เมตร นะครับ (วัดจาก Google Map) จะเป็นวิวทางฝั่งทิศใต้ของอาคารครับ
ตรงต่อไปจะเป็นโชว์รูม และแนวอาคารพาณิชย์ต่างๆ
ย้อนกลับมาทางฝั่งหน้าโครงการกันบ้าง
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นแนวอาคารตึกแถวติดสถานีรถไฟฟ้าครับ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า ไม่ได้มีร้านอาหารให้เห็นเท่าไหร่
ลองเดินไปดูฝั่งบิ๊กซีสะพานใหม่กันบ้างครับ หน้าโครงการจะมีร้านค้าแผงลอยมาตั้งในช่วงเวลากลางวัน
ติดพื้นที่โครงการจะเป็นหอพักทหารสูง 4 ชั้น ภายในมีร้านอาหารด้วย
เดินเลยมาหน่อยจะเป็นจุดขึ้นสถานีครับ จะเป็นลิฟต์ด้วยนะตรงนี้ ใครไม่อยากเดินหรือมีของเยอะเป็นประจำก็สะดวกเลยครับ
ถัดมาไม่กี่เมตรจะมีจุดรอรถประจำทางอยู่ทั้งรถเมล์ รถตู้ ก็จอดตรงนี้ครับ มีเป็นเต็นท์และที่นั่งกันแดดกันฝนให้ด้วย
หรือเดินเลยมาหน่อยก็มีทางขึ้นแล้วครับ เป็นแบบบันไดเลื่อนซะด้วย มีระยะห่างจากหน้าโครงการประมาณ 100 เมตรครับ
ส่วนถ้าถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นแนวอาคารพาณิชย์ เช่นเดียวกับทางอีกฝั่งนึงครับ
ลองมาดูบนอาคารกันบ้าง โดยผมจะถ่ายจากชั้นดาดฟ้า หรือประมาณชั้น 15 นะครับ ในแต่ละฝั่ง เนื่องจากแนวอาคารของเราเป็นแนวยาว และแยกออกเป็น 2 Tower ฝั่งที่เป็นทิศหลักของโครงการจึงจะถ่ายวิวมาให้จากทั้ง 2 Tower เลยเลยนะครับ
ทิศเหนือ – จากชั้น Roof Top ของโครงการ
- Tower A เป็นฝั่งที่จะเห็น Big C สะพานใหม่ และแนวรถไฟฟ้า ฝั่งนี้สำหรับห้องที่อยู่ใกล้ถนนหน่อยจะได้ยินเสียงรถและรถไฟฟ้าบ้าง ในระยะประชิดจะมีหอพัก 4 ชั้น ถ้าระยะไกลก็มีแนวอาคาร Low Rise ให้เห็นกันบ้าง แต่ไม่ได้บังวิวโครงการเท่าไหร่ มีพื้นที่สีเขียวให้พักสายตา ส่วนของ
- Tower B วิวจะเป็นพื้นที่พักอาศัยภายในซอย ซึ่งจะไม่ค่อยวุ่นวาย และเงียบสงบกว่า แต่ก็ยังพอได้เห็น Movement ของแนวรถไฟฟ้าอยู่นะครับ มายืนสูดอากาศที่ระเบียงก็ไม่ได้น่าเบื่อไปซะทีเดียว
ทิศตะวันออก – จากชั้น Roof Top ของโครงการ
- วิวฝั่งนี้จะไม่ใช่วิวหลักของโครงการ จะมีห้องที่หันมาทางฝั่งนี้เพียง 4 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น เป็นวิวที่เงียบสงบและได้วิวโล่งที่สุดก็ว่าได้ เพราะเป็นพื้นที่แนวที่พักอาศัยทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ มีเพียงแค่อาคาร Low Rise ไม่เกิน 8 ชั้น อยู่ไม่กี่อาคารครับ
ทิศใต้ – จากชั้น Roof Top ของโครงการ เป็นอีกทิศที่เป็นวิวหลักของห้องพักอาศัยภายในโครงการ ทิศนี้จะหันเข้าภายในเมือง หลักๆ จะเห็นแนวอาคาร Knightbridge Skycity สะพานใหม่ สูง 15 ชั้น ที่ห่างออกไปประมาณ 60 เมตร จึงจะไม่ค่อยโล่งนัก
- Tower A เป็นฝั่งที่ใกล้ถนนพหลโยธินและแนวรางรถไฟฟ้า อาจจะมีเสียงรบกวนบ้างทางฝั่งนี้ วิวหลักๆจะโดนอาคาร 15 ชั้น บีบมุมมองให้เหลือด้านข้าง แต่จะได้เห็นวิวที่มีความเคลื่อนไหวของแนวรถไฟฟ้าด้านข้าง
- Tower B ตรงช่วงกลางจะเป็นวิวอาคาร 15 ชั้น แต่ถ้าเป็นช่วงท้ายอาคารจะได้ความเงียบจากบ้านพักอาศัยด้านหลังในมุมข้างครับ
ทิศตะวันตก – จากชั้น Roof Top ของโครงการ
- วิวฝั่งนี้จะไม่ใช่วิวหลักของโครงการ จะมีห้องที่หันมาทางฝั่งนี้เพียง 4 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น เป็นวิวที่เงียบสงบและได้วิวโล่งที่สุดก็ว่าได้ เพราะเป็นพื้นที่แนวที่พักอาศัยทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ มีเพียงแค่อาคาร Low Rise ไม่เกิน 8 ชั้น อยู่ไม่กี่อาคารครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล 260 เมตร
- Big C Supermarket 600 เมตร
- ตลาดยิ่งเจริญ 900 เมตร
- Tesco Lotus 1.3 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตบางเขน 2.1 กิโลเมตร
- Central รามอินทรา 2.3 กิโลเมตร
- วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 2.7 กิโลเมตร
- กรมทหารราบที่ 11 3.3 กิโลเมตร
- ม.ศรีปทุม 4.2 กิโลเมตร
- โรงเรียนสารวิทยา 4.7 กิโลเมตร
- ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 6.0 กิโลเมตร
- สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ 6.9 กิโลเมตร
- สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ 7.0 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 7.7 กิโลเมตร
- Major รัชโยธิน 9.1 กิโลเมตร
- สนามบินดอนเมือง 10.9 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลวิภาวดี 10.9 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว 11.7 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
โครงการ The Base สะพานใหม่ เป็นคอนโด High Rise 14 ชั้น 1 อาคาร ที่แยกออกเป็น 2 Tower จำนวน 820 ยูนิต มีแนวความคิดในการออกแบบภายคือ “Characteristic Living” สะท้อนถึงเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ โดยในย่านสะพานใหม่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการ ซึ่งจะแสดงถึงความมั่นคง แข็งแรง อาคารส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเส้นตรง โครงการ The Base สะพานใหม่จึงเลือกที่จะออกแบบตัวอาคารให้มีความอ่อนช้อยผสมผสานความแข็งแกร่งและนุ่มนวลเข้าด้วยกัน กรอบอาคารจึงใช้เส้นโค้งในการตกแต่งเพื่อทำให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์และดูแตกต่างโดดเด่นมากขึ้น
จุดเด่นหลักๆนอกจากทำเลที่ตั้งของโครงการนี้แล้ว ก็ยังมีที่น่าสนใจภายในโครงการอีกหลายจุดเลย โดยส่วนใหญ่แล้วผมจะเปรียบเทียบกับโครงการในย่านนี้ ทั้ง Hig Rise และ Low Rise นะครับ เพราะกลุ่มราคาค่อนข้างใกล้เคียงกัน ผมขอแยกออกเป็นหัวข้อนะครับ
- การวางผัง – โครงการนี้มีการวางผังโครงการที่มีดีไซน์ค่อนข้างจัดจ้านทีเดียว เริ่มตั้งแต่การแบ่งส่วน Sunshine Atrium ที่อยู่ตรงโพเดี้ยมด้านล่าง 6 ชั้น จะทำให้ได้ห้องแบบ Single Corridor ทั้งหมด ส่วนด้านบนจะแยกออกเป็น 2 โพเดี้ยม ที่ได้วิวมุมสูงและแยกกันเพื่อแบ่งความเป็นส่วนตัวขึ้นไปอีก ทำให้มีตัวเลือกของตำแหน่งห้องที่หลากหลาย แถมยังมีแบบห้องให้เลือกเยอะด้วย เช่น แบบห้องเพดานสูงที่จัดเป็น Rare Product ในย่านนี้
- การออกแบบ – จัดเป็นโครงการที่มีการดีไซน์ที่ค่อนข้างจัดจ้าน สังเกตเห็นได้จากแนวคิดโครงการ ตัวอาคารที่มีการเล่นเส้นสายต่างๆ การเลือกใช้วัสดุและโทนสีในแต่ละพื้นที่ของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ และภายในห้องพักอาศัยที่สะท้อนออกมาตามชุดครัวที่แถมมา ห้องน้ำ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาด้วยเช่นกัน ด้วยการที่มีการดีไซน์ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้มีกลุ่มเป้าหมายที่ดูชัดเจน อาจจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบไปเลย ซึ่งข้อดีคือเป็นเหมือนการคัดสรรรสนิยมเบื้องต้นของเพื่อนบ้านภายในโครงการให้เราด้วยนะ ส่วนในเรื่องของการใช้งานก็ออกแบบให้มี Universal Desing ในหลายๆจุดของพื้นที่ส่วนกลาง รองรับการใช้งานทุกเพศทุกวัยครับ
- พื้นที่ส่วนกลาง – โครงการของเราเป็นหนึ่งในโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะที่สุดในย่านนี้แถมยังมีสภาพการใช้งานที่เพิ่งสร้างเสร็จสดๆร้อนๆ สวยงามน่าใช้งาน โดยจะแยกออกไปให้หลายๆส่วนทั้งอาคาร เริ่มที่อาคาร Club House 2 ชั้น, สวนด้านหลัง, สวนกลาง Sunshine Atrium, สวนที่ชั้น 6 พื้นที่ส่วนกลางภายในที่ชั้น 14 และที่สำคัญคือพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นดาดฟ้าทั้งชั้น แต่ต้องแลกมากับจำนวนยูนิตที่สูงที่สุดในย่านนี้เช่นกัน และที่สำคัญมีพื้นที่ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงอยู่หลายจุดเลยครับ
ทางเข้า-ออกของโครงการอยู่ติดถนนพหลโยธิน ทางเข้า-ออกแยกชัดเจน เมื่อเข้ามาในโครงการเดินรถทางเดียวรอบตัวอาคาร ถนนทางด้านหน้าจะมีระดับสูงกว่าด้านหลัง ลดระดับลงทำให้มีที่จอดใต้อาคารรวม 2 ชั้น มีพื้นที่ Drop Off ด้านหน้าสามารถรับ-ส่งผู้โดยสารเข้าไปยังส่วน Lobby ได้เลย ซึ่งในโครงการจะแบ่งลิฟต์ออกเป็น 2 ส่วน ลิฟต์โดยสารส่วนละ 2 ตัวล็อคชั้น (ยกเว้นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลาง) และลิฟต์บริการส่วนละ 1 ตัวรวมทั้งโครงการมีลิฟต์ทั้งหมด 6 ตัว (รวมลิฟต์บริการ 2 ตัว) มีอัตราส่วนการใช้งานลิฟต์อยู่ที่ 205 : 1 ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนาแน่นเหมือนกัน การใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะต้องรอนานสักหน่อย
พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้จะเน้นไปที่พื้นที่รับรองเป็นส่วนใหญ่ ทั้งส่วนของ Lobby ขนาดใหญ่ภายในอาคาร, พื้นที่กลาง Sunshine Atrium และส่วนของอาคาร Club House 2 ชั้น ที่แยกออกมาอย่างชัดเจน ภายในจะเป็นส่วนของพื้นที่ลักษณะ Co-Working Space สำหรับนั่งทำงานอ่านหนังสือ และด้านหลังพื้นที่โครงการก็มีสวนไว้ให้เดินเล่นสูดอากาศรับลมได้ด้วยได้
พื้นที่หน้าโครงการจะเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย มีประตูทางเข้าออกทางเดียวของที่นี่ แยกทางเข้าออกออกจากกันชัดเจน ใช้เป็นรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ ระบบ Easy Pass แบบทางด่วนครับ ไม่ต้องเปิดกระจกออกมาทาบบัตรให้วุ่นวาย มีป้อมรปภ.และ CCTV ดูแลด้านข้างตลอด 24 ชั่วโมง
เข้ามาด้านในจะเป็นแนวถนนยาวเข้าไปด้านในเพื่อจอดรถ ด้านข้างจัดสวนมาให้ยาวตลอดแนวรั้วเลย ด้านข้างจะเป็น Drop Off เข้าตัวอาคารครับ
เป็น Drop Off ที่มีหลังคาคลุมให้เรียบร้อย ไม่ต้องกังวลแดดและฝน
มองย้อนกลับมาที่ทางออก จะมีทางที่รถวนรอบตัวอาคารออกมาเพื่อกลับรถ และอาคาร Club House 2 ชั้น ที่เคยเป็น Sale Gallery ของโครงการ
ไปวนดูรอบโครงการกันก่อนเลย พื้นที่ด้านในจะลดระดับลงจากพื้นที่ด้านหน้า เพื่อให้สามารถจอดรถใต้อาคารได้
จะเป็นพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ รวมถึงมีทางเข้าไปด้านในด้วย
มีทางเข้าไปด้านในจะวนรถ 2 ทางสวนกันครับ กลับออกมาก็ต้องอ้อมด้วยหลังอาคารเช่นเดิม
ด้านในจอดรถ 2 ฝั่ง เดินรถสวนกันนะครับ
อ้อมมาที่ด้านหลังจะมีทางลดระดับลงไปอีก แถมยังมีสวนด้านหลังให้ด้วย สำหรับมาเดินสูดอากาศ พักผ่อนได้ แนะนำให้มาใช้งานช่วงเช้าๆ เย็นๆ นะครับ
ต่อมาก็เป็นพื้นที่ลดระดับลงมาเรื่อยๆ มองเห็นสวนที่จัดไว้ให้ยาวตลอดแนว
เป็นสวน Sansiri Backyard สำหรับนั่งเล่น พักผ่อน เดินเล่น จัดออกมาเป็นสวนแบบสมมาตร
มีทางเดินให้เดินเล่นพร้อมที่นั่งให้พักผ่อนด้วย
ตรงต่อออกไปเพื่อออกจากโครงการ จะมีพื้นที่จอดรถใต้อาคารที่ชั้นล่างให้อีก 1 ชั้นครับ
ตรงมาจนสุดจะมีทางให้วนออกโครงการที่ด้านหน้า จะมีอาคาร Club House ที่ส่วนนี้ด้วย
เข้าไปดูภายในกันต่อเลยครับ ตรงนี้จะจัดเป็นสวนเล็กๆ ด้านหน้าให้ด้วย สร้างบรรยากาศและเป็นวิวให้กับภายในอาคาร Club House ด้วยเช่นกัน
ข้อดีของการแยกอาคาร Club House ออกมาจากส่วนภายในอาคารหลักคือจะช่วยลดจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ แยกความเป็นส่วนตัว และช่วยเปลี่ยนบรรยากาศได้ดีเลย และที่สำคัญ ส่วนนี้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ
ภายในชั้นหนึ่งถูกจัดเป็นพื้นที่รับรอง สามารถใช้นั่งพักคอย พักผ่อน หรือนัดเพื่อนมานั่งเล่นคุยงานกันได้
มีหลายมุมให้เลือกใช้งานเลย มีลิฟต์และบันไดเชื่อมต่อสู่ชั้นบนด้วย เป็น Universal Design รองรับสำหรับทุกเพศทุกวัย
ชั้นบนจะเริ่มมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่จัดแยกแต่ละมุม สัดส่วนของเฟอร์นิเจอร์ถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สำหรับทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งคุยงานกันได้ครับ
มีมุมที่เป็นเคาน์เตอร์รับวิวสวน แนวรถไฟฟ้า และทางเข้าออกโครงการด้วย
ออกจากอาคารมาต่อกันที่ Drop Off ของอาคารหลักกันเลยครับ ก่อนจะเข้าสู่ตัวอาคาร ด้านข้างจะมีห้อง Smart Locker ไว้ให้บริการด้วย ส่วนนี้เป็นฟังก์ชันที่ส่วนตัวผมชอบเป็นพิเศษครับ
โดยห้องนี้จะมีหน้าที่สำหรับเป็น hub เปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีหน้าที่ในการรับส่งพัสดุต่างๆ ในหลายๆ กรณี ดังนี้ครับ
1. เป็น smart looker สำหรับให้ลูกบ้านฝากของหรือรับของในกรณีที่ไม่สามารถรับของในเวลาทำงานของนิติบุคคลได้ หรือฝากของให้กับเพื่อนในกรณีที่เราไม่สามารถส่งของได้ด้วยตัวเอง
2. work station สำหรับผู้ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ มาใช้พื้นที่จัดการกับพัสดุที่เตรียมส่งของ เช่น ส่งของทีเดียวหลาย order หลายกล่อง หรือ unpack พัสดุที่มีจำนวนมาก ไม่ต้องไปรกภายในห้องตัวเองเลย
3. จุดรับส่งสำหรับ food delivery ลดการติดต่อโดยตรงกับคนส่งของ แถมยังช่วยให้พื้นที่หน้าโครงการดูเรียบร้อยด้วย เพราะไม่ต้องมีคนนอกมานั่งรอเต็ม lobby
4. ช่องรับส่งพัสดุ มีพื้นที่ห้องเก็บของสำหรับพัสดุจำนวนมาก จัดการพัสดุง่ายและเร็วขึ้น
มีแนวทางเดินยาวเข้าไปด้านในครับ ตรงนี้ด้านข้างจะมีตู้ Smart Locker ให้บริการ
ด้านในจะมีพื้นที่สำหรับแพ็คของได้ สำหรับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์น่าจะชอบฟังก์ชันนี้เลยนะครับ
เดินออกมาที่ด้านข้าง Lobby ก็จะมีสวนจัดไว้ให้ มีพื้นที่เข้า Lobby อีกทางให้ด้วย
ส่วนทางเข้า Lobby จาก Drop Off จะมีประตูบานเลื่อนบานใหญ่สำหรับเข้าออก ใหญ่ขนาดที่ขับรถเข้ามาได้เลยล่ะครับ ฮ่าๆ
เข้ามาก็มีพื้นที่รับรองให้ พื้นที่ภายในจะยกระดับฝ้าเพดานขึ้นเป็นแบบ Double Volume ทำให้พื้นที่ภายในจะโล่ง แถมด้านข้างยังเปิดแนวกระจกสูงและยาวตลอดแนวเลยย
จะเห็นว่าขนาด Lobby ของที่นี่จะค่อนข้างใหญ่ ก็แน่นอนครับเพราะรองรับถึง 820 ยูนิต เขาจะแยกโซนด้านข้างเป็น Mail Box ของห้องภายในโครงการ
มีทางเดินเข้าไปห้องน้ำ และพื้นที่จอดรถด้านหลัง ส่วนด้านข้างเป็นช่อง Mail Box ครับ แยกออกเป็นล็อคๆ เพื่อความเป็นสัดส่วนและกระจายการใช้งาน
ส่วนพื้นที่พักคอยก็จัดออกเป็นหลายที่นั่ง หลายหลายรูปแบบ ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้หลากหลายกลุ่ม ตรงนี้จะมีบันไดที่ใช้เส้นสายของความอ่อนช้อย แต่ใช้วัสดุเป็นหินอ่อนซึ่งเป็นการผสมผสานความแข็งแกร่งและนุ่มนวลเข้าด้วยกันตามแนวคิดโครงการ
มองลงไปจากระเบียงด้านบนนี้ก็จะเห็นความโล่งของ Lobby ที่นี่ได้ดีเลย ด้านข้างจะมีแนวผนังที่ทำเป็นลักษณะของคลื่นเหมือนลอนผ้าม่าน เจาะช่องไฟใส่ลวดลายไว้ให้ด้วย เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจดีครับ
ขึ้นมาจะเจอกับประตูที่แบ่งส่วนเข้าสู่พื้นที่พักอาศัย ซึ่งจะเป็นโซน Sunshine Atrium ครับ เข้าออกด้วยระบบ Keycard
ในส่วนของชั้น 2 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นแรกของโครงการ จะเป็นส่วนของ Sunshine Atrium ที่เข้าจากส่วน Lobby ที่พาไปชมเมื่อสักครู่ หรือจะเป็นลิฟต์ที่ขึ้นมาจากพื้นที่จอดรถโดยตรงก็ได้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของรูปแบบห้องพักอาศัยของที่นี่ ซึ่งจุดเด่นของโซนนี้คือห้องพักอาศัยจะได้โถงทางเดินเป็นแบบ Single Corridor ทั้งหมด ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัว และมีพื้นที่ Court ตรงกลางเป็นพื้นที่ใช้งาน พักคอย และได้แสงธรรมชาติตลอดทั้งวันด้วย มีโถงลิฟต์ 2 จุด อยู่บริเวณกลางอาคารทำให้ไม่มีฝั่งไหนเดินไกลนัก โดยจะวางห้อง 1Bedroom ไว้ตรงกลางตามแนวอาคาร ส่วนห้องใหญ่ 2 Bedroom จะอยู่ที่มุมอาคารครับ
ส่วนในเรื่องของวิว ด้วยความที่เป็นชั้น 2 จึงจะไม่เน้นมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีนะครับ เพราะอย่าลืมว่าโครงการของเรามีสวนเกือบจะรอบโครงการเลย ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออก จะได้วิวสวนตามแนวรั้วอาคาร แต่ก็มาพร้อมรถที่ขับเข้ามาวนภายในโครงการ อาจจะมีผลกระทบเรื่องเสียงบ้างเล็กน้อย ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้จะไม่ได้มีสวนให้ แต่จะมีความสูงจากถนนที่รถวิ่งขึ้นมาอีกหน่อยครับ ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวอาคาร Club House และสวนด้านหน้า
ขึ้นมาที่ชั้น 3 ถึง ชั้น 5 แตกต่างกันที่ทางเชื่อมของทางเดินหน้าห้องพัก นอกนั้นส่วนการวางผังห้องพักอาศัยและตำแหน่งจะเหมือนกับชั้น 2 คือ ห้องที่มีเยอะที่สุดในโครงการเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 27 ตารางเมตรจะอยู่บริเวณตรงกลาง ริมอาคารตรงมุมเป็นห้อง 2 Bedroom สามารมองเห็นวิวได้ 2 ทิศทาง มีห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 24 ตารางเมตรอยู่ใกล้ๆกับห้อง 2 Bedroom ห้องพักอาศัยจะยังคงได้โถงทางเดินเป็น Single Corridor มีความเป็นส่วนตัวสูง ได้แสงธรรมชาติ และยังสามารถมองเห็นต้นไม้ตรงกลาง Sunshine Atrium ได้
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงตรงกลางครับ ลักษณะการออกแบบภายในของโซนนี้ทำได้สวยงาม และมีลุกเล่นที่ดีทีเดียว เช่น การตกแต่งด้วยผนังกระจกบิดมุมสะท้อนภาพต้นไม้ ทำให้สามารถมองเห็นต้นไม้ตรงกลางได้แม้ว่าจะอยู่ห้องที่ห่างออกมา เพิ่มสีเขียวให้กับโถงส่วนนี้มากยิ่งขึ้น และมีแสงธรรมชาติส่องลงมาจากด้านบน ให้บรรยากาศผ่อนคลาย ด้านหลังข้างผนังรอบๆโถงนี้จะเป็นส่วนของ Single Corridor เป็นการออกแบบที่ทำให้แม้เราจะอยู่ในชั้นที่ไม่สูงมากแต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัว (สำหรับภาพนี้จะเน้นให้ดูบรรยากาศของภาพรวมนะครับ ส่วนต้นไม้ในสถานที่จริงปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีใบไม้เขียวทั้งต้น ตามรูปด้านล่าง)
สำหรับต้นไม้ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นต้นที่มีใบไม้เขียวเต็มต้นแบบนี้เลยนะครับ จะเห็นว่ากระจกที่วางไว้ตลอดแนวจะช่วยเพิ่มสีเขียวให้กับพื้นที่โถงส่วนนี้ได้ดีทีเดียว
ส่วนของต้นไม้ก็จะได้พื้นที่พักผ่อนใต้ต้นไม้มาให้ด้วย มานั่งทำงาน อ่านหนังสือกันได้ ด้านข้างจะมีทางเข้าของโซนพื้นที่พักอาศัย แยกซ้ายและขวาออกจากกันอย่างชัดเจน ด้วยระบบ Keycard Access ได้ความปลอดภัยดีครับ
แนวทางเดินแบบ Single Corridor ที่ให้มา ด้านหลังแนวกระจกจะมีแนวระแนงช่วยพลางตาไว้ให้ด้วย
ตรงนี้จะได้ Sky Light จากชั้นบน ทำให้โถงส่วนชั้น 2-6 นี้สว่างตลอดทั้งวัน ช่วยประหยัดไฟให้โครงการด้วย ซึ่งจะไปมีผลในส่วนของค่าส่วนกลางนะครับ
ด้านในจะมีทางเข้าพื้นที่พักอาศัยอีกฝั่ง พร้อมพื้นที่พักผ่อนที่แยกออกเป็นหลายมุม
ตรงนี้เชื่อว่าต้องเป็นมุมโปรดของใครหลายๆคนแน่ๆ เพราะได้บรรยากาศที่ดี ได้แสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ ในการนั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือจะนั่งคุยเล่นกันก็โล่งดีครับ
ถูกจัดออกมายาวไปจนสุดทางเลย มีพื้นที่ให้ใช้งานเยอะดี แถมยังมีรองรับให้เยอะเลยด้วย จะเห็นว่าที่ชั้นด้านบนมีแนวทางเดินเชื่อมกันของสองฝั่งให้ด้วย
ด้านในสุดก็ใช้สีฟ้ามาตัดกับสีเขียว ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูสบายตาไปอีกแบบ
สำหรับโถงลิฟต์ของแต่ละฝั่งจะหน้าตาประมาณนี้นะครับ ให้ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว
ส่วนของโถงทางเดินจะหน้าตาแบบนี้ ได้แบบ Single Corridor ขนาดทางเดินค่อนข้างกว้าง มีแนวระแนงที่ช่วยบังสายตาจากภายนอก แต่ยังได้แสงธรรมชาติอยู่ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีสวนส่วนกลางมาให้ สามารถเดินออกมาใช้งานได้ ซึ่งชั้นนี้ลิฟต์จะไม่ได้ล็อคชั้นเพราะมีสวนที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่ อาจจะทำให้ลูกบ้านที่อยู่ในชั้นนี้โซน Single Corridor รอบช่อง Void ตรงกลาง เสียความเป็นตัวไปบ้างเล็กน้อย แลกกับการได้ออกมาใช้พื้นที่สวนได้สะดวก
สำหรับส่วนซ้ายและขวาสุดของอาคาร จะเป็นโซนห้องพักที่มีโถงทางเดินแบบ Double Corridor ซึ่งจะมีห้องพักอาศัยฝั่งตรงข้าม แต่ก่อนจะเข้าโซนนี้จะมีประตูกั้นให้ใช้ Keycard Access เพื่อเข้าถึง เพิ่มความส่วนตัวให้ครับ จุดเด่นของห้องชั้นนี้คือจะมีห้องที่ได้ Garden View ติดสวนด้วย แต่แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่เสียไปบ้างเวลามีคนออกมาเดินเล่นในสวนนะ
สวนของชั้นนี้จะมีลักษณะเป็นแนวยาว ที่จัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน และแนวต้นไม้
ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 7 ซึ่งจะเป็นชั้นแรกที่แบ่งเป็น 2 Tower ถ้าใครอยู่ Tower ไหนก็ต้องขึ้นลิฟต์ทางฝั่งนั้น จะช่วยแบ่งความเป็นส่วนตัวได้ดีเลย เพราะจะเหลือจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยลงครึ่งนึงก็ว่าได้ ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 27 ตารางเมตรอยู่ตรงกลาง ริมอาคารตรงมุมเป็นห้อง 2 Bedroom ตรงกลางระหว่าง 2 ตึกเป็นผนังกระจกรับแสงธรรมชาติให้ส่งเข้าไปถึงต้นไม้ด้านล่างบริเวณ Sunshine Atrium ชั้น 2 สำหรับห้องที่น่าสนใจผมให้เป็นห้อง 2 ห้องตรงกลางใกล้กับช่อง Sky Light นี่แหละครับ เพราะมีช่องแสงหน้าห้อง ไม่ต้องใกล้กับยูนิตอื่นๆ แถมภายในห้องยังเปิดรับแสงถึง 3 ฝั่งเลย จะมี Tower ละ 1 ยูนิตนะครับ (สีเข้มที่สุด)
ขยับขึ้นมาที่ชั้น 8 จะมีการวางผังเหมือนชั้นด้านล่างเลย แต่ตรงกลางจะเห็นเป็นส่วนหลังคา Sky Light ของโถงกลาง แบ่งอาคารออกเป็น 2 ตึกชัดเจน
ชั้น 9 ถึงชั้น 13 มีการวางผังห้องพักที่เหมือนกัน คือ ห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 27 ตารางเมตรอยู่ตรงกลาง ตรงมุมอาคารเป็นห้อง 2 Bedroom
ชั้น 14 เป็นชั้นพักอาศัยบนสุดของโครงการ ที่มี Facilities ส่วนกลางรวมอยู่ด้วยที่ฝั่ง Tower A คือ Panoramic Gym และ Chillaxing Zone ที่จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และห้องพักในชั้นนี้จะมีห้องพักแบบ Loft ด้วย (บริเวณสีส้มและน้ำตาลแดง ยกเว้นส่วนห้องแถบน้ำตาลเข้มที่เป็นห้องความสูงปกติ)
ชั้นนี้ทั้ง 2 Tower จะเชื่อมกันได้ โดยมี Spiral Bridge ที่รองรับการใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย สามารถเดินขึ้นไปใช้พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น Rooftop จากจุดนี้ได้ด้วย ทางฝั่ง Tower A ผู้ที่พักชั้นนี้สามารถเดินออกมาใช้งาน Fitness ได้เลย แต่ถ้าเป็นคนที่มาจากชั้นอื่นจะเข้าจากส่วนของโถงลิฟต์ ทำให้ใครที่พักในส่วนของ Tower A ชั้นนี้จะใช้งาน Fitness ได้สะดวกมากๆ ส่วนที่ Tower B จะมีเฉพาะ 3 ห้องก่อนเข้าประตู Access Point (ห้องใกล้โถงลิฟต์) ที่อาจจะต้องเสียความเป็นส่วนตัวนิดหน่อยเพราะลูกบ้านชั้นอื่นก็สามารถเดินผ่านหน้าห้องของเราได้ แต่ก็ใช้งานลิฟต์ได้ง่ายกว่าห้องอื่นๆ
Spiral Bridge ที่ชั้นนี้จะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่าง 2 Tower และระหว่างชั้น 14 กับชั้น Roof Top ทำให้เขาออกแบบโดยใส่รายละเอียดเยอะเหมือนกัน เริ่มที่การเลือกใช้โทนสีที่สอดคล้องกับตัวอาคาร และการตกแต่งภายในต่างๆ ระยะแนวทางเดินกว้างมาพร้อมพื้นยางรองรับการใช้งานรถเข็นได้ แสดงให้เห็นถึงการออกแบบ Universal Design ที่รองรับทุกเพศทุกวัย แถมยังช่วยให้ดูปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังมีการแทรกต้นไม้ตามจุดต่างๆ ให้ไม่ดูแห้งจนเกินไป สร้างบรรยากาศได้ดีที่เลย
เป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 Tower ครับ ตรงนี้ลมเย็นดี มาเดินเล่นกันได้ หรือใครที่ชอบถ่ายรูปก็มีมุมสวยๆให้โพสกันเยอะเลย
มาดูพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคารของชั้นนี้กัน จะไปอยู่ที่ Tower A นะครับ จากในรูปเราเชื่อมต่อมาจากทางโถงลิฟต์ของ Tower A เป็นแนวทางเดินยาวเข้าไปห้องออกกำลังกายด้านใน
ก่อนจะเข้าไปด้านใน ด้านข้างจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้ ตกแต่งด้วยหินขัด ดีไซน์สวยและผนังสีเหลืองให้ความรู้สึกตื่นตัวและสดชื่น เหมาะกับการกำลังจะไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่มีความ Active
ภายในขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ทีละหลายๆคนเลย ให้อารมย์เหมือนห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เลยทีเดียว
มีส่วนของ Locker สำหรับเก็บของ มาพร้อมแนวที่นั่งเปลี่ยนรองเท้า
มีห้อง Steam ให้ด้วย สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 4-6 คนเลย
ด้านในจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำที่ให้มาอย่างละ 2 ห้อง
เป็นห้องอาบน้ำที่มีส่วน Rain Shower มาให้ ไม่ต้องขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง และห้องน้ำก็มีมาให้พร้อมรองรับการใช้งาน
เดินเข้ามาในส่วน Facilities ตรงหัวมุมอาคารโซนทั้งหมดนี้จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ จะเจอส่วนแรกเป็น Chillaxing Zone บริเวณนั่งพักผ่อนชมวิวเมืองที่ชั้น 14 ก่อนเข้าสู่ห้อง Panoramic Gym เหมาะสำหรับเป็นที่พักคอยของผู้ติดตาม หรือใครที่ชอบทำงานไปพร้อมๆกับวิวสวยๆน่าจะชอบบริเวณนี้มากๆ
มีส่วนของห้องกิจกรรมด้านข้างแยกความเป็นส่วนตัวเพิ่มเข้าไปให้ด้วย
เป็นลักษณะให้ความรู้สึกเหมือน Living Room ที่ดูเป็นกันเอง สำหรับนั่งพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง มาพร้อมเคาน์เตอร์บาร์ ให้มาทำอะไรทาน ดูหนังกันไปได้ด้วย
ตกแต่งออกมาได้ค่อนข้างสวยงามน่าใช้งาน มีการเลือกใช้โทนสีที่ดูสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ
เข้ามาด้านในจะเป็น Panoramic Gym มีเครื่องออกกำลังกายหลากหลาย ฝ้าเพดานตกแต่งแสงไฟให้ความรู้สึก Active ตลอดเวลาเหมาะกับการออกกำลัง โดยรอบเป็นหน้าต่างกระจกบานสูงให้เห็นวิวโดยรอบอาคาร คือส่วนตัวผมชอบห้องออกกำลังกายของที่นี่มากเลยนะ เพราะมีขนาดใหญ่เหมือน Fitness ชื่อดังตามห้างสรรพสินค้าเลย
มีมุมที่เป็น Cardio รับมุมมองกว้าง ได้แสงสว่างอย่างเพียงพอ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ไม่อึดอัด
มุมที่ปูพื้นยางไว้สำหรับกันกระแทก จะมาออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักโซนนี้ก็เหมาะเลยครับ
หรือสาย Weight Training ก็มีเครื่องรองรับเยอะ เหมือนอยู่ใน Fitness ดังตามห้างฯเลยใช่ไหมล่ะครับ
ตรงนี้จะมีประตูที่เชื่อมกับโถงทางเดินของห้องโซน Tower A ที่จะเชื่อมต่อเข้ามาได้ง่ายเลยครับ
เป็นแนวกระจกรอบด้าน จึงทำให้พื้นที่ภายในห้องนี้ดูโล่ง และกว้างน่าใช้งานมากๆ
ชั้น Rooftop จะมีพื้นที่ส่วนกลางแบบเต็มชั้นเลย อาคารด้านหน้า (ทิศตะวันตก) เป็นพื้นที่สวนส่วนกลาง Sunset Garden มีพื้นที่สนามเด็กเล่นละลู่วิ่งสำหรับออกกำลังกาย พร้อมลานดูดาวในเวลากลางคืน อาคารด้านหลัง (ทิศตะวันออก) เป็นส่วน Sunrise Lagoon มีสระว่ายน้ำ Infinity Lap Pool ยาว 34 เมตร ให้ได้ใช้งานพร้อมกับมองวิวได้ 360 องศา
ที่โดดเด่นคือเขาออกแบบ Landscape ให้แต่ละส่วนมีความสอดคล้องกัน ด้วยเส้นสายที่ถ่ายทอดออกมาตามแนวสนามหญ้า รูปทรงสระว่ายน้ำ หรือแม้แต่ Spiral Bridge ก็ดูกลมกลืนกันไปหมด จึงทำให้รู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่เดียวกันทั้งชั้นและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนครับ
ขึ้นมาจากฝั่ง Tower A จะเป็นสวนก่อนครับ จะมีแนว Jogging Track ให้วิ่งออกกำลังกาย ท่ามกลางสวน
มีสนามหญ้าให้ความรู้สึกเหมือนวิ่งอยู่บนพื้นแนวราบ ที่ชอบคือเขาใช้หญ้าจริงในการตกแต่ง ส่วนตัวผมมองว่าความรู้สึกแตกต่างกับหญ้าเทียมคนละเรื่องเลยนะ
มีพื้นที่สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กด้วย
มีมุมที่เป็นพื้นที่พักผ่อนท่ามกลางสวน ให้มาเดินเล่น นั่งเล่น สูดอากาศรับลมชมดาวกันได้
ตรงกลางจะมี Spiral Bridge ที่เชื่อมระหว่าง 2 Tower เข้าด้วยกัน
เป็นส่วนที่สามารถลงไปที่ชั้น 14 ได้ด้วย มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย
สะพานเชื่อมตรงกลางก็มีความกว้างเยอะ ปลอดภัยดีครับ
ข้ามมาจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ซึ่งเขาจะจัดมาในสไตล์รีสอร์ท เป็นลักษณะ Free Form มีแนวต้นไม้แทรกตามจุดต่างๆ เหมาะกับการพักผ่อน
หรือถ้าใครอยากว่ายออกกำลังกายก็มีแนวยาวที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงยาวถึง 34 เมตร เลย
มีสระเด็กรวมอยู่ด้วยนะครับ สำหรับใครที่มีลูกมีหลานก็พามาว่ายน้ำด้วยกันได้เลย
ด้านข้างมีพื้นที่ Sunbed สำหรับผู้ติดตามนั่งพักคอยได้ด้วย
หรือถ้าอยากไปนั่งในน้ำก็มีให้ด้วยเช่นกันครับ
ที่ชั้นดาดฟ้านี้จะมีส่วนของแผงโซล่าเซลล์ให้ด้วย ซึ่งจะเอาไฟส่วนนี้ไปใช้สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนะครับ ช่วยลดค่าส่วนกลางได้ไม่มากก็น้อยแหละ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- พื้นที่โถงต้อนรับ
- คลับเฮาส์และพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง ชั้น 1
- สวนส่วนกลางชั้น 1
- สวนส่วนกลางชั้น 6
- สนามเด็กเล่น และสวนดาดฟ้า
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 34 เมตร แบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่
- ห้องออกกำลังกายชั้น 14
- ห้องพักผ่อนอเนกประสงค์
- ห้องซักผ้า
- ห้องอบไอน้ำ แยก ชาย/หญิง
- อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงต้อนรับ, ส่วนสันทนาการ และคลับเฮาส์
- จุดบริการชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร รวมทั้งโครงการ 4 ตัว
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 205 : 1
- Service Lift 2 ตัว (ฝั่งละ 1 ตัว)
- ที่จอดรถประมาณ 36% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 39%)
- ระบบ CCTV / Access Card
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง
แบบห้อง
สำหรับโครงการนี้จะขายแบบ Fully Furnished ไม่ใช่แค่ได้เฟอร์นิเจอร์ธรรมดานะครับ แต่ได้ผ้าม่าน ชุดเครื่องนอน และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เรียกว่าแค่เก็บกระเป๋าก็เข้าอยู่ได้เลยดีกว่า ส่วนวัสดุที่มากับห้องจะเริ่มต้นที่มี Digital Door Lock พื้นส่วนครัวเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิคสีขาวสลับดำมีลูกเล่น พื้นห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้ ผนังและฝ้าก่ออิฐฉาบปูนเรียบ ได้ไฟ Downlight ทั้งห้อง เคาน์เตอร์ครัวและอุปกรณ์ภายในครัวยี่ห้อ MEX ท็อปหินควอทซ์สีขาว พร้อม Hob and Hood แบบต่อท่อออกภายนอก, สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบจาก Cotto นอกจากนั้นยังมี Home Automation ที่สามารถสั่งการด้วยเสียง Voice Command (สั่งปิด-เปิด ไฟ แอร์ ทีวี)
ส่วนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้ภายในห้องมีดังนี้
- โต๊ะกินข้าว และเก้าอี้ 2 ตัว
- โต๊ะทำงานและเก้าอี้
- เตียงนอน
- โต๊ะหัวเตียง
- ตู้เสื้อผ้า
- Day-bed
- เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Trane ตามขนาดห้อง
- เคาน์เตอร์ครัวและอุปกรณ์ภายในครัวยี่ห้อ MEX
- สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบ
- โทรทัศน์ smart tv 43 นิ้ว
- เครื่อง Microwave 23 ลิตร
- ตู้เย็นขนาด 9 คิว
- เครื่องทำน้ำอุ่น
มาดูห้องตัวอย่างของเราในวันนี้ครับ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.75-28.25 ตร.ม. ที่มีจำนวนเยอะภายในโครงการ เป็นห้องลักษณะคล้ายๆกับห้อง Studio เพียงแต่กั้นส่วนครัวปิดหน้าห้องไว้ให้ ทำให้สามารถทำอาหารได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวกลิ่นและควันเข้ามารบกวนส่วนอื่นภายในห้อง ส่วนพื้นที่ภายในจะค่อนข้างกว้าง ทำให้สามารถจัดได้หลากหลาย ทั้งจะวางเตียงขนาดใหญ่แบบ King Size, วางเตียง 5 ฟุต พร้อมโต๊ะทำงาน หรือชุดโซฟาแบบห้องตัวอย่าง หรือจะวางเตียง 3.5 ฟุต 2 เตียงก็ได้ แต่ห้องแบบนี้เวลามีแขกก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง นอกจากนั้นยังมีระเบียงที่กว้างและยาว แถมยังวางเครื่องซักผ้าใต้เคาน์เตอร์ครัว ทำให้ใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มที่เลย ส่วนห้องน้ำก็แยกสัดส่วนความแห้งส่วนเปียกได้ดีทีเดียว
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของห้องครัวก่อนเลย ที่พื้นจะเป็นกระเบื้องเซรามิค ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ข้อดีของพื้นกระเบื้องคือมีคุณสมบัติเป็นผิวมัน ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะจะเป็นพื้นของพื้นที่ทางเข้าออกของห้อง รวมถึงห้องครัว
ด้านหน้านี้มีความกว้างค่อนข้างเยอะ มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2.55 x 1.35 เมตร สามารถทำเป็นเคาน์เตอร์นั่งรับประทานอาหารสำหรับ 1-2 ที่นั่งได้นะครับ หรือจะทำชั้นวางรองเท้าก็ได้ด้วย เป็นรายละเอียดเล็กๆที่สำคัญนะครับสำหรับการอยู่อาศัยในคอนโด โดยเฉพาะห้องที่มีพื้นที่จำกัด เพราะรองเท้าเป็นสิ่งที่นำพาสิ่งสกปรกเข้าห้องเราได้ง่าย หากไม่มีพื้นที่เก็บรองเท้าหน้าประตูห้อง อาจจะทำให้ภายในห้องของเราสกปรกได้ง่ายครับ
ส่วนครัวจะมีชั้นเก็บของด้านบนให้ ออกแบบให้มีฝาปิด 3 บาน เป็นเมลามีนสีกรม มีช่องให้เก็บของที่ใช้บ่อยโดยไม่ต้องเปิด-ปิดบานบ่อยๆ พื้นที่เก็บของบริเวณเหนือเครื่องดูดควันจะเก็บของได้ไม่ลึกเนื่องจากด้านหลังเป็นท่อของเครื่องดูดควันไปปล่อยด้านนอกอาคาร
ส่วน Top ครัวจะปิดผิวด้วยหินควอทซ์สีขาว ซึ่งมีข้อดีคือสามารถทนรอยขีดข่วนได้ดี แข็งแรง และผิวจะละเอียดไม่มีร่องสำหรับเก็บสะสมเชื้อโรคและสิ่งสกปรกครับ ส่วนผนังด้านหลังจะปิดผิวด้วยกระเบื้องไว้ให้ มีคุณสมบัติผิวมันทำให้เช็คและทำความสะอาดได้ง่าย
เตาที่ได้เป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอก ด้านข้างมีพื้นที่เตรียมอาหาร และอ่างล้างจานสเตนเลสจาก MEX เช่นกัน
ด้านล่างมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าและช่องวางเครื่อง Microwave ให้ ข้อดีคือไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียง ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่ระเบียงมากยิ่งขึ้น ด้านล่างเคาน์เตอร์มีพื้นที่สำหรับเก็บจานชามและช่องเก็บช้อน ส้อมต่างๆด้านในลิ้นชัก พื้นที่ใต้อ่างล้างจานก็สามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ได้
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight 2 ดวง
ต่อไปจะเป็นประตูเลื่อนกระจก 3 ตอนเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในห้อง ที่ทำเป็น 3 ตอนเพราะจะสามารถเปิดได้กว้างกว่าแบบ 2 ตอนนะครับ ตรงนี้จะสูงถึงฝ้าเลย ทำให้สามารถรับแสงเข้าภายในครัวได้อย่างเต็มที่
พื้นภายในห้องจะเปลี่ยนเป็นลามิเนต ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมาะกับการเป็นห้องนอนมากกว่า
ถัดมาเมื่อเข้ามายังห้องนอนจะได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอกเยอะ เนื่องจากมีประตูกระจกและหน้าต่างบานสูง ทำให้ห้องนอนดูโปร่ง สบายไม่อึดอัด หรือถ้าจะนอนก็สามารถติดม่านทึบปิดกั้นแสงให้มิดชิดได้ มีตู้เสื้อผ้าและโทรทัศน์อยู่ทางปลายเตียง
พื้นที่ห้องค่อนข้างกว้างสามารถวางเตียงขนาดคิงไซส์ได้สบายเลย หรือถ้าใครที่ชอบพื้นที่พักผ่อนที่หลากหลายหน่อย อาจจะวางเป็นเตียง 5 ฟุต คู่กับโซฟาขนาดเล็กแบบในห้องตัวอย่างก็ได้ หรือใครที่ทำงานในห้องเป็นประจำจะวางเป็นโต๊ะทำงานมาตรฐานก็มีพื้นที่รองรับครับ
ด้านข้างมีช่องแสงบานใหญ่ให้ ซึ่งเป็นช่องแสงหลักของห้องนี้เลย
ตรงข้ามเตียงจะเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้าและพื้นที่ว่าง ซึ่งสามารถจัดได้หลากหลาย ทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน หรือจะทำเป็นชั้นวางทีวีก็ได้
ตู้เสื้อผ้านี้จะ Built-in มาให้ ภายในเก็บของได้ค่อนข้างเยอะเลยครับ การเป็นบานเปิดทำให้ต้องใช้พื้นที่หน้าตู้ครับ แต่หลังจากวางเตียงแล้วก็มีพื้นที่รองรับตรงนี้สบายๆเลย เพราะมีพื้นที่เหลือไว้ให้ถึง 0.9 เมตร
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 4 ดวง แถมเครื่องปรับอากาศจาก Trane ขนาดแล้วแต่พื้นที่ห้อง มาให้ด้วยครับ
ช่องแสงของห้องนี้มีจุดเดียวก็จริง อาจจะไม่หลากหลายนัก (ไม่สามารถเปิดเป็นหน้าต่างได้ มีแต่ประตู) แต่ก็ให้มาเป็นแบบ 3 ตอนเช่นเดียวกันกับส่วนที่กั้นห้องครัว ทำให้สามารถเปิดได้กว้าง จะช่วยให้ห้องรับลมและระบายอากาศภายในห้องได้ดีทีเดียว
ตรงนี้ถ้าหากติดทีวีที่ผนังและวางชุดโซฟา จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ข้อดีคือสามารถติดทีวีขนาดใหญ่แบบ 60 นิ้วขึ้นไปได้เลย จะนั่งดูหรือนอนดูก็เห็นชัดแน่นอน
ด้วยความที่วางเครื่องซักผ้าไว้ใต้เคาน์เตอร์ครัว ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่ระเบียงแบบเต็มที่ ขนาดประมาณ 3.6 x 0.7 เมตร ด้วยความแคบอาจจะวางเป็นชุดโต๊ะกาแฟไม่ได้ แต่ออกมายืนสูดอากาศ รับลมได้ จะเน้นไปที่การใช้งานตากผ้ามากกว่า
ตรงนี้แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนด้วย ช่วยให้มีพื้นที่ใช้งานได้เยอะขึ้นไปอีก มีไฟกิ่งมาให้ 1 ดวง
มองย้อนกลับเข้าไปภายในห้อง จะเห็นส่วนห้องครัว และอีกฝั่งคือห้องน้ำ
ห้องน้ำปูพื้นกระเบื้องเซรามิคสีเทาเหมือนกับส่วนระเบียง ผนังปูกระเบื้องสีดำสลับสีขาวแบบเดียวกับส่วนครัวให้มีลูกเล่นภายในห้องน้ำ ภายในมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ทำให้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน กระจกที่ได้เป็นกระจกวงกลมสามารถเปิดเก็บของด้านในได้
ขนาดห้องน้ำมาตรฐาน เหมาะกับการใช้งานได้ทีละคน นั่งใช้งานโถสุขภัณฑ์ก็ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป
อ่างล้างมือเซรามิค ยี่ห้อ Cotto ขนาดพอดี เป็นแบบแขวนลอยสุขภัณฑ์ที่ได้ยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า มีพื้นที่รอบข้างนั่งได้สบายไม่อึดอัด ทางโครงการไม่ได้ติดสายชำระมาให้นะ ตรงนี้ต้องติดตั้งเอง
ฉากกั้นห้องน้ำเป็นฉากกั้นกระจกนิรภัยบานเลื่อน 3 ตอน กรอบเป็นอลูมิเนียมพ่นสีดำด้าน ประหยัดพื้นที่การใช้งานมากกว่าบานเปิดแบบสวิง
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1 x 0.95 เมตร ยืนอาบน้ำได้สบายๆ ที่สำคัญคือมีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้ ทำให้ไม่ต้องทำชั้นวางหรือแขวนภายในส่วนอาบน้ำ
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศ
ฐานเตียงและตู้เสื้อผ้า
สำหรับเฟอร์นิเจอร์จริงที่จะได้ภายในห้อง จะหน้าตาประมาณนี้นะครับ
ผังห้อง 1 Bedroom Type 1A ขนาด 24.75-25.50 ตร.ม.
ผังห้องอื่นๆภายในโครงการครับ มีแบบห้องให้เลือกเยอะและดูน่าสนใจหลายแบบเลยทีเดียว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
11 August 2020
- 1 Bedroom 24.75-35.5 ตร.ม. จำนวน 754 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 48.25-55.8 ตร.ม. จำนวน 37 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished แถมเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ้าม่าน และชุดเครื่องนอน
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร / 4.55 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินควอทซ์สีขาว
- Hob & Hood แบบต่อท่อออกภายนอกของยี่ห้อ MEX
- จอง 10,000-20,000 บาท
- ทำสัญญา 0 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 1-2 ปีแรก 49 บาท/ตร.ม./เดือน, ปีที่ 3 เป็นต้นไป 58 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : THE BASE สะพานใหม่ ตั้งอยู่ติดถนนพหลโยธินขาเข้าเมือง ทำให้การเดินทางเข้าเมืองทำได้สะดวก แถมยังมีระบบขนส่งสาธารณะที่ครบครัน ทั้งรถตู้ รถเมล์ และไฮไลท์อยู่ที่ติดกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายหยุด อยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์มีร้านค้า ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ อย่างเซ็นทรัล หรือจะ Hypermarket อย่าง Tesco Lotus, Big C สะพานใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ เป็นต้น โดยรอบสามารถหาของกินได้ง่าย และมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างสถานศึกษา โรงเรียน และโรงพยาบาลอยู่รอบๆโครงการ เช่น โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล ที่สามารถเดินไปได้ภายใน 2 นาที มีสถานที่ทำงานอย่างสถานที่ราชการ อย่างเช่น โรงเรียนทหาร หอประชุม สโมสร ศูนย์ราชการ เป็นต้น
การเดินทางโดยใช้รถ : จัดว่าสะดวกเนื่องจากโครงการอยู่บนถนนพหลโยธินฝั่งเข้าเมือง ใกล้กับถนนหลักหลายๆสาย ทั้งวิภาวดี-รังสิต, ถนนแจ้งวัฒนะ, ถนนรามอินทรา หรือจะผ่านถนนเทพรักษ์ไปออกยังแถววัชรพล-สุขาภิบาล 5 แต่อาจจะมีบางช่วงเวลาโดยเฉพาะเวลาเร่งด่วนของวันที่มีการจราจรหนาแน่นอาจจะทำให้ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากขึ้น สำหรับที่จอดรถโครงการให้มาประมาณ 299 คัน คิดเป็น 36% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 39%) จัดว่าน้อยอยู่เหมือนกัน แต่การที่เป็นโครงการติดแนวรถไฟฟ้า ทำให้มีการเดินทางสาธารณะมาช่วยเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่ดีเลย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เป็นหนึ่งในจุดเด่นของโครงการนี้อยู่แล้ว เพราะติดกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายหยุด แต่มีระยะเดินขึ้นจุดขึ้นลงสถานีประมาณ 100 เมตร ก็ถือว่าเดินได้สบายๆ และมีสถานีวัดพระศรีฯ ที่ห่างออกไป 1 ป้าย เป็นจุดเปลี่ยน Interchange กับสายสีชมพูด้วย แถมยังมีป้ายรถประจำทางที่มีทั้งรถเมล์ รถตู้ วิ่งผ่านหลายสาย ทั้งทางเข้าเมืองไปอนุสาวรีย์ หมอชิต หรือไปรังสิต ปทุมธานีในระยะไม่ไกล มีสะพานลอยข้ามฝั่งใกล้ๆโครงการ สามารถเรียก Taxi ได้ง่าย
วัสดุ : สำหรับโครงการนี้จะขายแบบ Fully Furnished แต่ไม่ใช่แค่ได้เฟอร์นิเจอร์ธรรมดานะครับ ได้ผ้าม่าน ชุดเครื่องนอน และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เรียกว่าแค่เก็บกระเป๋าก็เข้าอยู่ได้เลยดีกว่า ส่วนวัสดุที่มากับห้องจะเริ่มต้นที่มี Digital Door Lock พื้นส่วนครัวเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิคสีขาวสลับดำมีลูกเล่น พื้นห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้ ผนังและฝ้าก่ออิฐฉาบปูนเรียบ ได้ไฟ Downlight ทั้งห้อง เคาน์เตอร์ครัวและอุปกรณ์ภายในครัวยี่ห้อ MEX ท็อปหินควอทซ์สีขาว พร้อม Hob and Hood แบบต่อท่อออกภายนอก, สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบจาก Cotto นอกจากนั้นยังมี Home Automation ที่สามารถสั่งการด้วยเสียง Voice Command (สั่งปิด-เปิด ไฟ แอร์ ทีวี)
การออกแบบ : เป็นหนึ่งในโครงการที่ออกแบบได้โดดเด่นในย่านนี้ ทั้งการวางผังที่มีตำแหน่งห้องให้เลือกหลากหลายบรรยากาศ มีรูปแบบห้องให้เลือกเยอะ มีพื้นที่ส่วนกลางกระจายหลายจุดทำให้ลดจำนวนผู้ใช้ในแต่ละพื้นที่ได้ดี มีการออกแบบสำหรับ Universal Design รองรับทุกเพศทุกวัย ด้านความสวยงามก็มีแนวคิดที่ค่อนข้างชัดเจน ทำออกมาได้ลงตัว เพราะจะอยู่ในหลายๆจุดของโครงการ มีความสอดคล้องกัน ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เฉพาะตัว
ส่วนห้องพักอาศัยก็มีรูปแบบห้องให้เลือกหลายแบบ ตามตำแหน่งบนอาคาร ทั้ง 1 Bedroom และ 2 Bedroom รวมไปถึงแบบห้องเพดานสูงที่จัดเป็น Rare Product ในย่านนี้ มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาให้เข้ากับลักษณะของพื้นที่ภายในห้อง ทำให้สามารถใช้พื้นที่ภายในห้องอย่างคุ้มค่าดี ตัวห้องเองก็มีการแบ่งฟังก์ชันในแต่ละส่วนได้อย่างลงตัว มีการกั้นครัวปิดให้ หรือการวางเครื่องซักผ้าด้านในให้ใช้พื้นที่ระเบียงได้มากยิ่งขึ้น เป็นต้น
สาธารณูปโภค : เป็นหนึ่งในโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะที่สุดในย่านนี้แถมยังมีสภาพการใช้งานที่เพิ่งสร้างเสร็จสดๆร้อนๆ สวยงามน่าใช้งาน โดยจะแยกออกไปให้หลายๆส่วนทั้งโครงการ มี Clubhouse 2 ชั้น ด้านหน้าโครงการที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สวนหย่อมพื้นที่สีเขียวกระจายอยู่ทั่วพื้นที่โครงการ มี Lobby Lounge ด้านหน้าเข้าถึงง่าย ตกแต่งด้วยดีไซน์แปลกใหม่ มีพื้นที่ Drop & Go สำหรับแพ็คของ รับของ ที่เปิด 24 ชั่วโมงเช่นกัน ชั้น 2 เป็นชั้นห้องพักที่มี Sunshine Atrium มีช่องเปิดรับแสงธรรมชาติจากชั้น 6 ลงมาข้างล่างทำให้ดูโปร่ง ชั้น 6 มีสวนให้ออกมาพักผ่อน ชั้น 14 มี Panoramic Gym สามารถมองวิวได้แบบ Panorama และเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มี Chillaxing Zone บริเวณนั่งพักผ่อนชมวิวเมืองที่ชั้น 14
ด้านบนชั้น Rooftop มี มีสระว่ายน้ำ Infinity Lap Pool Free Form ดีไซน์เหมือนรีสอร์ท มองเห็นวิวทางทิศตะวันออกและทิศเหนือ และสะพานเกลียว Spiral Bridge เชื่อมระหว่าง Rooftop ของ 2 ตึกเข้าด้วยกัน อาคารด้านหน้า มีพื้นที่ Jogging Track สำหรับวิ่งออกกำลังกาย และ Educational Playground และที่นั่งดูดาวที่ Star Lounge ในเวลากลางคืน ถือว่าได้ครบครันรองรับหลากหลายความต้องการของทุกคนจริงๆ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม., 11 August
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ ติดสถานีรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งความเจริญของย่านนี้
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนพหลฯ ขาเข้าเมือง ใช้ปั้มน้ำมันได้ง่าย มีที่จอดน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติดรถไฟฟ้า สถานีสายหยุด มีป้ายรถเมล์ รถตู้ หน้าโครงการ
- วัสดุ 8/10 – Fully Furnished แถมผ้าม่าน เครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนในห้องให้ตามมาตรฐาน
- แบบ 8.25/10 – มีแนวคิดชัดเจน ดีไซน์ได้สวยน่าใช้งาน ใช้แนวคิด Universal Design มีการเปิดคอร์ทตรงกลางอาคาร
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาเยอะและหลากหลาย มีส่วนที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง
- UPPER CLASS
- 8.11 / 10.00
BOTTOM LINE
THE BASE สะพานใหม่ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดรถไฟฟ้าและถนนใหญ่ ในย่านสะพานใหม่ ได้ Facilities หลากหลาย เป็นคนชอบดีไซน์ที่แปลกใหม่ และอยากได้ห้องพร้อมอยู่ไม่ต้องตกแต่งเพิ่มเยอะ มีงบประมาณระดับ 2.59-8 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,000 – 56,000 บาท/เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving