
รีวิวฉบับที่ 1799 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราพามาชมโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 คอนโด Low Rise ในซอยลาซาล ซึ่งอยู่ห่างจาก BTS แบริ่ง 500 เมตร ตรงข้ามกับตลาดลาซาล ตัวโครงการมี Clubhouse 3 ชั้น อยู่ด้านหน้าโครงการ พร้อมสระว่ายน้ำ 2 สระและสวนสไตล์อังกฤษ มีห้องพักในเลือก 3 แบบ ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ
Fact @ 5 February 2019
- Notting Hill Sukhumvit 105 (นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท 105)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร จำนวน 1,113 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิตที่ชั้น 2-8 อาคาร A , B
- ที่จอดรถประมาณ 389 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 37%
- ที่ดินประมาณ 8-0-40 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : มิถุนายน 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เมษายน 2562
- 1 Bedroom 25.50-25.79 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 30.00-37.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 2 Bedrooms 43-50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 82,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-030-0000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.661453, 100.606688
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
มาดูทำเลที่ตั้งโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 กันก่อนค่ะ โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 105 หรือที่เรียกกันว่าซอยลาซาล ถือเป็นทำเลสุขุมวิทช่วงปลายๆที่มีทั้งชุมชนดั้งเดิม โครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียมที่พัฒนาตามแนวรถไฟฟ้า ที่มีราคาหยิบจับง่าย โครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง 500 เมตร เป็นระยะที่สามารถเดินได้ หรือสำหรับคนที่ไม่ชอบเดิน ภายในซอยก็มีวินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถววิ่งรับส่งตลอดทั้งซอย ถ้าออกมาถนนใหญ่ก็เรียกแท็กซี่ รถเมล์ หรือ ไปขึ้นรถตู้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางได้ การเดินทางโดยไม่ใช้รถจึงถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยค่ะ สำหรับใครมองหาคอนโดที่ใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย โครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเลย
ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ด้านการหาของกิน จะหนาแน่นช่วงต้นซอยติดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งจะมีทั้ง ร้านค้า ร้านอาหาร หรือตลาดสด ซึ่งจะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้กับโครงการเยอะมากๆเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตลาดลาซาล 10 ที่อยู่ตรงข้ามกับโครงการ, Tesco Lotus Express , 7-eleven , Family Mart หรือ CP Fresh Mart ทำให้ง่ายต่อการซื้อหาของกินและของใช้ได้ตลอดทั้งวัน ในละแวกใกล้เคียงก็มีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆครบครัน ทั้ง ห้างสรรพสินค้า อิมพีเรียลสำโรง , เซ็นทรัลบางนา, Seacon Square , Paradise Park และ Mega Bangna รวมถึง ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อย่างBangkok Mall ที่กำลังจะสร้างในอนาคตด้วย นอกจากนั้นยังมีสนามกอล์ฟ โรงพยาบาล Centerpoint Studio รวมไปถึงโรงเรียนนานาชาติ โรงแรม โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ซึ่งถือว่าค่อนข้างครบครันเลยทีเดียว
ในเรื่องการเดินทางโดยใช้รถ สามารถใช้เส้นทางเข้าเมืองได้จากทางถนนสุขุมวิทจะขึ้นไปทางสุขุมวิทตอนต้นเพื่อไปยัง เอกมัย ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศกได้ แต่จะมีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังมีทางเลือกให้สามารถใช้ทางด่วนได้ หลายเส้นทาง ทั้งทางด่วนบางนา ทางด่วนสุขุมวิท62 และทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก สำหรับอีกฝั่งหนึ่งของซอยหรือฝั่งท้ายซอยจะไปเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ เส้นนี้ใช้วิ่งไปขึ้นเหนือไปบางนา หรือ ลงใต้ไปสมุทรปราการได้ ก็ถือว่าเดินทางค่อนข้างสะดวกเช่นกัน
โดยทางขึ้นทางด่วนต่างๆ จะมีจุดขึ้นทางด่วนบางนา จะอยู่ที่แยกบางนาห่างจากโครงการประมาณ 1.8 กิโลเมตร ทางด่วนสุขุมวิทห่างจากโครงการประมาณ 4.8 กิโลเมตร และทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษกห่างจากโครงการประมาณ 4.2 กิโลเมตร
สำหรับการเดินทางที่เราจะพาไปดูวันนี้นะคะ ขอเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ออกทางออกที่ 1 เดินไปยังสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาล และเดินเข้าไปประมาณ 500 เมตร ผ่านลาซาลซอย 7 จะเจอกับโครงการอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ
มาดูตัวอย่างกันเดินทางจากรถไฟฟ้า BTS ไปยังโครงการกันค่ะ เริ่มจากนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีแบริ่งก่อน สถานีแบริ่งเป็นส่วนต่อขยายนะคะถ้าใครเดินทางแบบเป็นเที่ยวจะต้องเสียเพิ่ม 10 หรือ 15 บาท(แล้วแต่ประเภทบัตร)เพิ่มเติม
เมื่อแตะบัตรออกแล้ว ให้เราออกไปยังฝั่งทางออกที่ 1 เพื่อเดินลงไปยังซอยแบริ่ง ทางด้านล่างจะมองเห็นสนามฟุตบอลของโรงเรียนนานาชาติ St.Andrews เป็นจุดสังเกตค่ะ
เดินลงมาด้านล่างไปทางซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล)
โดยความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ค่อนข้างดีมาก หาของกินง่าย อีกฝั่งของ BTS ก็สามารถเดินไปยัง APT แบริ่งมอลล์ เพื่อซื้อของกินหรือชอปปิ้งได้
บริเวณหน้าซอยลาซาลจะมีสัญญาณไฟจราจร ฝั่งตรงข้ามเป็น 7-Eleven ให้เราเดินข้ามไปก่อนค่ะ
ด้านหน้าซอยมี 7-eleven สะดวกต่อการซื้อของก่อนนั่งวินเข้าไปในโครงการ หรือถ้าใครไม่อยากถือของไปก็สามารถซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อข้างๆโครงการได้เลย มีทั้ง 7-eleven, Family Mart, Lotus Express และ CP Fresh Mart เลยค่ะ
เมื่อเข้าซอยจะเห็นว่ามีโรงเรียนนานาชาติ St.Andrews ทางขวามือ และ 7-eleven ด้านซ้ายมือค่ะ เดินตรงไปอีกหน่อยจะมีวินมอไซค์อยู่ด้านหน้าเลยค่ะซึ่งค่าโดยสารไปโครงการประมาณ 10 บาท
เดินเลยวินมอไซค์มาแล้วจะเจอจุดสังเกตด้านซ้ายมือเป็น สตูดิโอ Centerpoint Entertainment และด้านซ้ายเป็นลานจอดรถ บริการสำหรับคนที่ต้องการจอดรถด้านหน้าซอยแล้วโดยสาร BTS หรือเดินทางต่อโดยไม่ใช้รถด้วยค่ะ
สตูดิโอ Centerpoint Entertainment ที่เป็นศูนย์ประชุม และ ห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ รายการเพลงชื่อดังอย่าง The Voice Thailand ค่ะ
หลังจากเดินมาเรื่อยๆแล้วจะเจอกับ ซอยลาซาล 7 เป็นจุดสังเกตว่าใกล้ถึงโครงการแล้วค่ะ โดยโครงการจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดลาซาล 10 บริเวณนี้มีวินมอเตอร์ไซค์สำหรับคนที่ต้องการนั่งวินออกจากโครงการไปยัง BTS ก็เดินมาตรงนี้ได้ค่ะ
บรรยากาศด้านหน้าของโครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105
ด้านข้างโครงการฝั่งทิศตะวันออก จะมีร้าน Hypermarket และร้านสะดวกซื้อไม่ว่าจะเป็น 7-eleven, Family Mart, Lotus Express และ CP Fresh Mart สะดวกต่อการจับจ่ายใช้สอยมากๆ เรียกว่าเดินออกมาก็เจอเลยค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัย ด้านหน้าโครงการทางทิศใต้จะติดกับถนน สุขุมวิท 105 ฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดลาซาล ฝั่งตะวันออก มี Tesco Lotus Express และหอพัก 7 ชั้น บังวิวทางด้านทิศตะวันออก ของอาคาร B ด้านหลังทางทิศเหนือเป็นชุมชนพักอาศัยสูง 2 ชั้น ทิศตะวันตกเป็นอาคารพักอาศัยสูงตั้งแต่ 2-5 ชั้น บังวิวเป็นบางช่วงค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ Tesco Lotus Express ,หอพัก 7 ชั้น, ที่ดินเปล่า
- ทิศใต้ ติดกับ ถนน สุขุมวิท 105 , ตลาดลาซาล
- ทิศตะวันตก ติดกับ อาคารพักอาศัย สูง 2-5 ชั้น
Tesco Lotus Express ทางทิศตะวันออก อยู่ด้านข้างโครงการเลยค่ะ
ด้านหน้ามีร้านอาหาร และร้านชาไข่มุกด้วยค่ะ ใครที่ไม่ชอบทำเองก็เดินออกมาหาของกินได้เลย
ฝั่งตรงข้ามทางทิศใต้ ติดกับตลาดลาซาลก็มี 7-Eleven
ทางทิศใต้ มีตลาดลาซาล10 ร้านค้าในตลาดส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นของกิน ทำให้คนที่อยู่แถวนี้ไม่ต้องกลัวหิวเลยค่ะ เดินออกมาหน้าโครงการก็มีของกินเต็มไปหมด
ทางทิศตะวันออก เป็นอาคารแถวตลอด 2 ข้างทาง ด้านล่างจะเปิดเป็นร้านตัดผม ร้านขายขนม ร้านอาหาร ร้านขายทอง เป็นต้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Lotus Express ~ 5 เมตร
- 7-Eleven ~ 10 กิโลเมตร
- Center Point Entertainment ~ 350 เมตร
- BTS แบริ่ง ~ 550 เมตร
- Sense Andrew International School ~ 500 เมตร
- Bangna Navy Golf Course ~ 800 เมตร
- Siam Commercial Bank ~ 1.30 กิโลเมตร
- Bangkok Pattana International School ~ 2.00 กิโลเมตร
- ไบเทค บางนา ~ 2.00 กิโลเมตร
- Bhiraj Tower Bangna ~ 2.00 กิโลเมตร
- Central Bangna ~ 4.80 กิโลเมตร
โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร บนที่ดิน 8-0-40 ไร่ รวม 1,113 ยูนิต มีสวนส่วนกลางสไตล์อังกฤษ และ Sky Garden บนดาดฟ้าของทุกอาคาร ภายในโครงการจะเป็นยังไงเราไปชมกันเลยค่ะ
มาดูผังโครงการกันค่ะ จะเห็นว่ารูปร่างที่ดินเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ทำให้มีการวางผังอาคารเป็นแนวยาว มีทางเข้า-ออกจุดเดียวติดกับถนนสุขุมวิท 105 หรือที่เรียกกันว่าซอยลาซาลนั่นเอง ด้านหน้ามี Clubhouse ที่ทางโครงการใช้ชื่อว่า 105 Clubhouse รวม Facility ไว้ที่นี่ทำให้ง่ายต่อการจัดการดูแล สามารถมองเห็นได้จากด้านหน้าโครงการเลย โดยตัว Clubhouse นี้มีการตกแต่งที่สวยงามถือเป็นหน้าเป็นตาของลูกบ้านได้ เมื่อเข้ามาภายใน เป็นการเดินรถทางเดียว รอบกลุ่มอาคารทั้งหมด ที่จอดรถทั้งหมดประมาณ 37 % รวมจอดซ้อนคัน เป็นที่จอดใต้อาคารทั้งหมด มี Drop Off อยู่ด้านหน้า สำหรับรับ-ส่ง ลูกบ้าน และเดินเข้าไปยังสวนตรงกลางได้เลย นอกจากส่วนกลางที่ 105 Clubhouse แล้วยังมี พื้นที่สีเขียวสำหรับเดินเล่นชมวิวอยู่บนดาดฟ้าของทุกอาคารเลย และนอกจากนั้นคนที่อยู่อาคารด้านในที่ไม่อยากเดินมาใช้งาน Clubhouse ด้านหน้าก็สามารถใช้สระว่ายน้ำอีกแห่งได้ที่อาคาร F
การวางผังของอาคารจะหันหน้าทางตะวันออก-ตะวันตกเป็นหลัก ทำให้ฝั่งตะวันตกจะได้รับแสงแดดในเวลาบ่ายเข้าสู่ห้องได้โดยตรง แต่ก็จะมีปริมาณลมเข้ามากกว่าค่ะ ทุกๆอาคาร จะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว อัตราลิฟต์เฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 77-105 : 1 ถือว่าไม่สูงมากนักอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี เวลารอลิฟต์ใน่ช่วงโมงแร่งด่วนก็จะไม่รอนานมาก ค่ะ
การเลือกอาคารขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน โดยคนที่อยู่อาคาร A , B จะใกล้ทางเข้าออกและ Clubhouse ที่สุด แต่บรรยากาศอาจจะคึกคักหน่อยเนื่องจากมีคนเดินผ่านเยอะกว่าอาคารที่อยู่ด้านในโครงการ ทำให้มีเสียงรบกวนมากกว่าอาคารอื่นๆ ส่วนคนที่อยู่อาคาร C , D จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหน่อย แต่ก็เดินไกลจากส่วนกลางและทางเข้าออกขึ้นมาเช่นกันค่ะ สุดท้ายสำหรับคนที่อยู่อาคาร E , F จะได้ความเป็นส่วนตัวที่สุดแต่เดินไกล ซึ่งโครงการจะมีรถรับ-ส่งมาด้านหน้าให้สำหรับคนที่อยู่ 2 ตึกนี้ (ช่วงเวลาขึ้นอยู่กับนิติบุคคล) เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ และชอบว่ายน้ำ เพราะจะใกล้สระว่ายน้ำที่อาคาร F ด้วยค่ะ
ด้านหน้าโครงการติดกับถนนสุขุมวิท 105 การออกแบบสถาปัตยกรรมเป็นสไตล์อังกฤษ เน้นใช้สีขาว ตัดด้วยระแนงสีดำและกระจก มีป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ซ้ายมือ ติดกับซุ้มประตูทางเข้า-ออก และด้านขวาเป็น 105 Clubhouse รวมพื้นที่ส่วนกลางต่างๆของอาคารมาไว้ที่นี่
Clubhouse สูงทั้งหมด 3 ชั้น ด้านหน้าเน้นการใช้กระจกทั้งผนังทำให้เห็นวิวด้านนอกได้ ด้านบนเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ Outdoor บรรยากาศสบายๆ เดี๋ยวเราไปชมข้างในกันต่อไปค่ะ
กลับมาดูที่ซุ้มทางเข้ากันก่อน ตัวซุ้มเป็นหลังคาสูงให้ความรู้สึกโอ่อ่า ตัวหลังคาช่วยกันแดดและฝน แบ่งทางเข้า-ออกแบ่งเป็น 2 ข้างชัดเจน ตรงบริเวณนี้จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงด้วยค่ะ
ระบบรักษาความปลอดภัยด้านหน้าเป็น Key Card Access แบบไม้กั้นกระดกทั้ง 2 ฝั่ง
ฝั่งขวามือเป็นทางเข้า Clubhouse ซึ่งสามารถเข้าได้จากด้านหน้าโครงการเลย Clubhouse นี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ สำหรับคนที่กลับช้าหรือเลิกงานดึกก็ยังสามารถมาใช้งานได้ ก่อนเข้าจะต้องสแกนบัตรก่อนทำให้ใช้ได้เฉพาะลูกบ้านของที่นี่เท่านั้นค่ะ
ก่อนเข้า Clubhouse จะมีทางเดินไปยังส่วนพักอาศัย ทางด้านซ้ายมือด้วยค่ะ
เมื่อเข้ามาแล้ว ทางขวาจะเป็นส่วน Lounge และ Bar ฝ้าเพดานสูง 2 ชั้นเน้นใช้กระจกเป็นหลัก ทำให้ด้านในดูโปร่งและมองเห็นด้านนอกได้ พื้นที่ตรงนี้เหมาะสำหรับลูกบ้านมานั่งเล่น หรือนั่งทำงานก็ได้ค่ะ
อีกฝั่งเป็นพื้นที่ Pool Table ซึ่งของจริงแล้วจะมีโต๊ะพูล และโต๊ะฟุตบอลอยู่ตรงกลาง แต่ปัจจุบันมีการจัด Event อยู่เลยถูกแอบไว้ก่อน
ด้านในมีห้องน้ำส่วนกลาง แยกหญิง-ชาย
ด้านในห้องน้ำมีลักษณะแบบห้อง Powder Room มีอ่างล้างหน้าและ โถสุขภัณฑ์อย่างละ 1 ชุด
ต่อมาเราไปดูชั้น 2 กันค่ะ บันไดทางขึ้นเป็นบันไดโชว์โครงสร้างเหล็ก มีราวกันตกด้านหนึ่งเป็นกระจกใสส่วนอีกด้านเป็นระแนงสีดำติดตั้งยาวไปถึงด้านบนเพื่อกั้นพื้นที่ให้คนเดินรู้สึกเป็นส่วนตัวและช่วยให้ส่วน Lounge ดูมีลูกเล่นขึ้นค่ะ
ขึ้นมาแล้วจะเจอกับประตูต้องสแกนบัตรก่อนเข้าใช้งานค่ะ ชั้น 2 มีห้อง Fitness ทางด้านขวามือ ตรงกลางเป็นห้องน้ำและด้านขวามือเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 3 ค่ะ
ห้อง Fitness ค่อนข้างกว้างผนังทั้ง 2 ฝั่งเป็นกระจกทั้งหมดทำให้มองลงมายังส่วน Lounge และเห็นวิวสวนส่วนกลางอาคารด้วย
ห้อง Fitness มีเครื่องเล่นค่อนข้างหลากหลายเลย รวมๆแล้วสามารถวางเครื่องเล่นได้ 16-17 เครื่อง ประมาณ 10 ชนิดได้ค่ะ
ส่วนห้องน้ำของชั้นนี้แยกชาย-หญิงชัดเจน
ด้านในมี Locker เก็บของให้สำหรับผู้ที่มาใช้งาน Fitness มีอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ อย่างละ 1 ชุด ซึ่งค่อนข้างน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับจำนวนการใช้งานค่ะ แต่เราก็สามารถเดินลงไปเข้าด้านล่างหรือด้านบนได้
ภายในห้องสุขภัณฑ์จาก American Standard มีสายชำระและกระดาษชำระมาให้
เมื่ออกจากห้องน้ำมาก็จะเห็นบันไดทางขึ้นชั้น 3 เป็นบันไดโครงสร้างเหล็กสีดำ อยู่ทางซ้ายมือ
ขึ้นมาแล้วจะเจอกับส่วนนั่งเล่นชมวิว ตรงนี้จะมองเห็นด้านหน้าโครงการ คือแถนนสุขุมวิท 105 และตลาดลาซาล 10
ด้านขวามือเป็นทางเข้าสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็น Outdoor อยู่ด้านนอกอาคารค่ะ
บริเวณสระว่ายน้ำมีที่นั่งริมสระ 4 ชุดสำหรับนั่งพักผ่อนหรือวางของก่อนลงไปเล่นน้ำ ด้านบนมีหลังคาช่วยบังแดดในเวลากลางวัน ทำให้มีเงาพาดมาตรงเก้าอี้นั่งได้พอดีไม่ร้อนค่ะ
สระว่ายน้ำที่ Clubhouse นี้ เป็น Lap Pool ระบบเกลือ ขนาด 7x 20 เมตรลึก 1.20 เมตร มองเห็นวิวสวนด้านในโครงการ
มีจุดล้างตัวอยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชาย 1 จุด เป็น Rain Shower ถ้ามีคนใช้งานอยู่สามารถเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำได้ค่ะ
ห้องน้ำชั้นนี้มีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามาให้ 1 ชุด
พร้อมกับห้องน้ำและห้องอาบน้ำอย่างละ 1 จุด เมื่อว่ายน้ำเสร็จแล้วสามารถนำชุดมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลย โดยไม่ต้องเดินกลับไปที่ห้องแบบเปียกๆ แต่ก็มีให้ใช้ห้องเดียวอาจจะต้องต่อคิวกันหน่อยค่ะ
ส่วนของห้องสุภัณฑ์จะเหมือนกับที่ชั้น 2 เลยค่ะ ห้องอาบน้ำได้ Rain Shower พร้อมฝักบัวมาให้ด้วย สามารถใช้ล้างตัวก่อนลงไปว่ายน้ำได้
ถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับส่วนนั่งเล่น มีทั้งแบบนั่งโต๊ะชมสระว่ายน้ำ และแบบนั่งบาร์ชมวิวสวนด้านในโครงการแล้วแต่ความชอบเลยค่ะ
บรรยากาศบริเวณที่นั่งชมวิวสวน จะใช้เป็นที่นั่งจิบกาแฟยามเช้าอ่านหนังสือก่อนไปทำงานก็คงบรรยากาศดีเหมือนกันค่ะ
มีทางเดินริมสระว่ายน้ำให้ลงไปเดินเล่นได้ มีขอบกั้นเป็นกระจก Frame less ทำให้คนที่ว่ายน้ำอยู่มองเห็นวิวด้านนอกค่ะ
ถัดมาด้านล่างเป็นถนนทางเข้า-ออกของโครงการ 2 ช่องทางสวนกัน ไปยัง Drop Off แต่ถ้าต้องการจอดรถให้เข้าไปยังที่จอดรถใต้อาคาร ซึ่งจะเป็นการเดินรถทางเดียวค่ะ
ที่จอดรถใต้อาคารสามารถจอดได้ 2 ข้าง มีจำนวนประมาณ 30-40 คันต่ออาคาร รวมที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 389 คัน คิดเป็น35% ค่ะ
บริเวณที่จอดรถจะมีประตูเดินเข้าไปยังโถงลิฟต์ของอาคารนั้นๆได้เลยค่ะ
ด้านหน้าของกลุ่มอาคารทั้งหมดมีการตกแต่งเป็นสวนสไตล์อังกฤษ มี Drop Off อยู่ด้านหน้าสำหรับรับ-ส่งผู้พักอาศัยไปยังทางเดินแยกไปตามอาคารค่ะ
ด้านในตรงกลางเป็นทางเดิน ตกแต่งด้วยไม้พุ่ม และต้นไม้ใหญ่ 2 ข้างทางเป็นสวนสไตล์อังกฤษเข้ากับตัวอาคาร
ที่อาคาร A และ B จะมีพื้นที่ Co-Working Space อยู่ด้านล่าง สามารถเข้าได้จากด้านหน้าและบริเวณสวนส่วนกลางค่ะ
ปัจจุบันด้านในเป็นสำนักงานขาย ซึ่งเมื่อลูกบ้าน เข้ามาอยู่แล้วจะถูกปรับเป็น Co-Working Space เป็นห้องฝ้าเพดานสูง มองเห็นวิวด้านนอกได้ เหมาะกับการมานั่งอ่านหนังสือสบายๆ
มาดูกันต่อที่สวนส่วนกลางนะคะ บริเวณสวนนอกจากจะเป็นทางเดินและ Jogging Track แล้วจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งให้ด้วย สำหรับลูกบ้านที่ชอบบรรยากาศอยู่ในสวน ก็มานั่งเล่นได้
นอกจากนั้นยังมีเก้าอี้แขวนทรงกลมน่ารักๆ อยู่บริเวณช่วงหลังของอาคาร A, B
มาดูด้านในอาคารกันบ้างค่ะ แต่ละอาคารจะมีโถงลิฟต์ อาคารละ 2 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์รวม 93 : 1 ซึ่งถือว่าไม่เยอะนะคะ ในชั่วโมงเร่งด่วนก็ทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานค่ะ ภายในโถงลิฟต์จะมี Mail Box อยู่ที่ผนังด้านซ้าย สำหรับใส่จดหมายของลูกบ้านในแต่ละอาคารค่ะ
ภาพบรรยากาศภายในลิฟต์โดยสารของโครงการ
อาคาร A, B ผังของชั้นพักอาศัยจะเริ่มจากชั้น 2 จนถึงชั้น 8 มีการจัดวางผังเหมือนกัน ห้องส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตะวันตก โดยห้องฝั่งตะวันตกจะมีแสงแดดส่องเข้าห้องในช่วงเวลาบ่ายอาจจะทำให้ห้องร้อนขึ้น แต่ก็สามารถติดม่านกันได้ค่ะ ทางเดินภายในเป็นแบบ Double Corridor คือมีห้อง 2 ฝั่งทางเดิน มีช่องแสงบริเวณโถงลิฟต์และปลายทางเดินรวม 2 จุด ช่วยทำให้ทางเดินสว่างขึ้น อัตราส่วนลิฟต์ของ 2 อาคารนี้เท่ากับ 105 : 1 ซึ่งก็ยังถือว่าไม่เยอะมากนัก ห้องส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom เป็นห้อง Type A ขนาด 25.5 ตร.ม. 26 ห้อง ห้อง Type D ขนาด 33 ตร.ม. 2 ห้อง และห้อง Type E,G ขนาด 34-43.5 ตร.ม. อย่างละ 1 ห้อง รวม 30 ห้องต่อชั้น ถือว่าค่อนข้างเยอะทำให้ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวมากนักค่ะ
ด้านทัศนียภาพ อาคาร A ฝั่งทิศตะวันออก และอาคาร B ฝั่งทิศตะวันตกจะมองเห็นวิวสวนที่ส่วนกลางระหว่างอาคารได้ ซึ่งตรงกลางมีระยะห่างระหว่างอาคารพอสมควรทำให้มองไปยังฝั่งตรงข้ามแล้วไม่อึดอัดมากนัก ส่วนอาคาร A ทางทิศตะวันตกจะมองเห็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นด้านข้างโครงการ , อาคาร B ฝั่งทิศตะวันออก จะเจอกับหอพัก แต่ก็พอมีระยะห่างไม่ใกล้จนเสียความเป็นส่วนตัวไปค่ะ ซึ่งจะเป็นทิศทางแบบนี้ทั้งอาคาร C,D และ E,F ด้วย
อาคาร C, D ชั้น 2 – 8 มีห้องส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตะวันตกเช่นกัน ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor เหมือนกับอาคาร A, B มีช่องแสงบริเวณโถงลิฟต์และปลายทางเดินรวม 2 จุด ช่วยทำให้ทางเดินสว่างขึ้น อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 77 : 1 ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอาคารอื่น ทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานเลยค่ะ ทั้ง 2 อาคารนี้มีจำนวน 22 ห้องต่อชั้น น้อยกว่าอาคาร A, B ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เป็นห้อง Type B ขนาด 25.5 ตร.ม. 12 ห้อง ห้อง Type C ขนาด 29.5 ตร.ม. 9 ห้อง และห้อง Type F ขนาด 40.5 ตร.ม. 1 ห้อง
อาคาร E, F มีการวางผังคล้ายกับอาคาร A,B แต่จะมีจำนวนห้อง 28 ห้องต่อชั้น น้อยกว่าเล็กน้อย และจะมีความแตกต่างที่ชั้น 2 อาคาร F จะมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นสระว่ายน้ำ Relax Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6×20 เมตร ลึก 1.2 เมตร และห้อง Stream & Suana ด้วย ทำให้ห้องพัก Type A จะถูกตัดออกไปจำนวน 5 ห้อง แต่ชั้นอื่นๆยังเป็น 28 ห้องเหมือนเดิมค่ะ มี ห้อง Type A ขนาด 25.5 ตร.ม. 24 ห้อง ห้อง Type D ขนาด 33 ตร.ม. 2 ห้อง และห้อง Type E,G ขนาด 34-43.5 ตร.ม. อย่างละ 1 ห้อง ทั้ง 2 อาคารนี้ มีอัตราส่วนลิฟต์อาคาร E อยู่ที่ 98 : 1 และอาคาร F 95 : 1 ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคไม่มากจนเกินไปค่ะ
ช่องแสงจากโถงลิฟต์ขั้น 2 รับแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ตรงส่วนลิฟต์ไม่มืด และยังสามารถเดินออกไปที่ระเบียงชมวิวสวนส่วนกลางได้ค่ะ
โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor มีไฟตลอดทั้งเส้น และมีช่องแสงระบายอากาศที่ริมทางเดิน
มาถึงชั้น 8 ที่สามารถเดินขึ้นบันไปไปยังสวน Sky garden ชั้นบนดาดฟ้าได้ มีโถงลิฟต์ที่มีช่องแสงและช่องเปิดระบายอากาศได้ แต่ไม่สามารถออกไปยังระเบียงได้แล้วค่ะ
ชั้นนี้จะมีประตูกั้นให้สำหรับลูกบ้านและคนมาใช้พื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ลูกบ้านชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัว และรู้สึกปลอดภัย
เมื่อเราเดินขึ้นมาจากบันไดหนีไฟตรงโถงลิฟต์แล้วจะเจอกับกำแพงต้นไม้ ก่อนจะออกไปยัง Sky Garden
เมื่อออกมาแล้วจะเจอกับสวนที่มีการตกแต่งทั้งไม้พุ่มช่วยกันตก และมีต้นไม้ใหญ่มาด้วย
ด้านบนจะปูด้วยพื้นหญ้าเทียมทำให้ดูแลรักษาง่ายและดูสวยงามอยู่เสมอ มีม้านั่งสำหรับมานั่งตากลม ชมวิวชิลล์ๆในเวลาพักผ่อนค่ะ
นอกจากนั้นก็มีที่นั่งเล่นยกระดับขึ้นมา เป็นโซนที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พาเพื่อนๆมานั่งคุยกันตรงนี้ได้
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- English Garden
- Relax Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6×20 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- Lap Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7x 20 เมตร ลึก 1.20 เมตร (อยู่บน 105 Clubhouse ชั้น3 )
- Steam
- Sauna
- Jogging track
- Sky garden ทุกอาคาร
- Co-working space อาคาร A, B
- 105 Clubhouse มีห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 16-17 เครื่อง และ Irish Sports Club corner, Pool table, Football table, Bar
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 93 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 105 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 105 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 77 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 77 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 98 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก F 95 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 389 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 37%
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักในโครงการมีทั้งหมด 3 ประเภทดังนี้ค่ะ
- 1 Bedroom 25.5-26 ตร.ม.
- 1+1 Bedroom 29.5-33 ตร.ม.
- 2 Bedroom 34-43.5 ตร.ม.
โดยโครงการจะขายเป็น Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ Built in บางจุด โดยจะได้ตามรายการต่อไปนี้
- Digital Door Lock
- ชุดครัว, ตู้แขวนชุดครัว, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน
- ตู้เสื้อผ้า
- ชั้นวาง TV, ชั้นเก็บของ
- ตู้รองเท้า
- เตียงนอน 5 ฟุต
- ตู้อเนกประสงค์
- ฉากกั้นอาบน้ำ
- เครื่องปรับอากาศ 9000 BTU 2 เครื่อง* (แล้วแต่แบบห้อง)
มีรายการวัสดุภายในห้องพักดังนี้
- พื้น
- ห้องครัว, ห้องนั่งเล่น, ห้องนอน : พื้นลามิเนต 8 mm. พร้อมตัวจบสาเร็จรูป
และบัวเชิงผนัง 5 ซม. - ห้องน้ำ, ระเบียง, ครัว : กระเบื้องเซรามิคขนาด 30×30 cm.
- ผนังภายในห้องพัก : ผนัง Precast ทาสี
- ผนังห้องน้ำ : ผนัง Precast กรุกระเบื้องเซรามิคขนาด 20×30 cm.
- ผนังระเบียง : ผนัง Precast ทาสีตามรูปด้านอาคาร
- ฝ้าห้องนั่งเล่น, ฝ้าห้องนอน, ฝ้าห้องครัว : ท้องพื้นแต่งผิวคอนกรีตเรียบทาสี
- ฝ้าห้องน้ำ : ยิปซั่มบอร์ดชนิดทนความชื้นขนาด 9 mm. ฉาบเรียบทาสี
- ฝ้าระเบียง : ท้องพื้นแต่งผิวคอนกรีตเรียบทาสี
- สุขภัณฑ์ : American Standard , MOGEN
- อุปกรณ์ห้องน้ำ : American Standard , MOGEN
- อุปกรณ์ประกอบ : TEKA
มาดูผังห้องแรกกันก่อนค่ะ ห้องนี้เป็นห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 25.5 ตร.ม. มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ เป็นห้องทรงลึก มีการกั้นพื้นที่ใช้งานออกเป็นสัดส่วน เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนห้องนั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาประมาณ 2-3 ที่นั่งได้ แล้วแต่เจ้าของห้องว่าเน้นพื้นที่นั่งเล่นหรือส่วนรับประทานอาหารมากกว่ากัน สำหรับบางคนที่ชอบทานอาหารตรงพื้นที่่นั่งเล่นก็อาจจะวางโซฟาขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ได้เลย ห้องนอนอยู่ติดริมหน้าต่างได้แสงธรรมชาติและมองเห็นวิวภายนอก ประตูกั้นห้องนอนที่เป็นประตูบานเลื่อนกระจกช่วยให้แสงจากด้านนอกเข้ามายังส่วนนั่งเล่นได้ แต่อาจจะไม่เยอะมากนัก จะต้องเปิดไฟด้วยค่ะ ห้องน้ำและครัวแยกจากกันโดยมีพื้นที่ตรงกลางเป็นชั้นวางของและวางตู้เย็น ห้องน้ำที่ได้แบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ส่วนครัวก็มีประตูกั้นเป็นสัดส่วนแบบครัวปิด ติดกับระเบียง มีข้อดีคือสามารถทำอาหารจริงจังได้ สามารถปิดประตูไม่ให้กลิ่นมารบกวนภายในห้อง และเปิดประตูระเบียงช่วยระบายอากาศได้ ห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ไม่เน้นใช้งานพื้นที่ระเบียงชอบห้องแนวยาว ตัวห้องจะเป็นยังไงไปชมกันเลยค่ะ
บานประตูห้องเป็นบานขนาด 0.90 x 2.00 m. MDF กรุผิว Melamine ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้
Digital Door Lock ของ Colt ใช้ระบบสแกนบัตรและกดรหัสผ่านได้
ระหว่างพื้นทางเดินและพื้นห้องจะมีขอบกั้นเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ฝุ่นจากด้านนอกเข้ามาภายในห้องค่ะ
ด้านหลังบานประตูมีหมุดกันกระแทก ช่วยกันไม่ให้เราเปิดประตูไปกระแทกผนังด้านหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเข้ามในห้องแล้วจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารก่อน ระยะพื้นถึงฝ้าสูง 2.4 เมตร ถือว่าเป็นความสูงทั่วปของคอนโดประเภท Low rise ซึ่งขายแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะชุด Built-in อย่างที่เห็นในห้องเปล่าค่ะ คือจะได้ชั้นวาง TV และชั้นเก็บของ ซึ่งลูกบ้านจะต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามตกแต่งเพิ่มเติมเองค่ะ
ชั้นวาง TV และชั้นวางของที่ได้มีหน้าตาแบบในภาพเลยค่ะ ซึ่งจะได้เครื่องปรับอากาศของ Daikin Inverter มาให้ด้วย
ชั้นวางทีวีมีขนาดประมาณ 1.8 x 0.3 ม. สูงจากพื้นประมาณ 20 ซม. วางของใต้ชั้นดังกล่าวได้ มีช่องเก็บของแบบมีบานปิดให้ 1 จุดทางซ้ายมือ ด้านบนจะวางทีวีหรือแขวนที่ผนังก็ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางของ
ชั้นเก็บของด้านซ้ายแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนบนเป็นชั้นเก็บของเบ็ดเตล็ด มีทั้งหมด 4 ช่อง โดยในช่องบนสุดจะเป็นตู้ควบคุมไฟ ความสูงของชุดบนมีขนาดประมาณ 1.7 x 0.45 ลึก 0.3 ม. ส่วนตู้ด้านล่างจะเป็นชั้นวางรองเท้า 2 ชั้น ใส่รองเท้าได้ประมาณ 4 คู่ ขนาดประมาณ 0.45 x 0.45 ลึก 0.3 ม. สูงจากพื้นขึ้นมาประมาณ 10 ซม. ซึ่งอาจจะวางได้น้อยไปหน่อย สำหรับคนที่มีรองเท้าเยอะแนะนำให้ซื้อกล่องเก็บรองเท้ามาวางใต้ชั้นวาง TV เพิ่มเติมได้ค่ะ
ห้องนั่งเล่นเหมาะกับการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนี้มีความกว้างประมาณ 2 ม. สามารถวางทีวีขนาดไม่เกิน 46″ ถ้าเกินจะทำให้ใกล้จนเกินไปค่ะ โดยจะวางที่ชั้นทีวีหรือจะแขวนบนผนังก็ได้
พื้นที่โต๊ะรับประทานอาหารวางได้ประมาณ 2 ที่นั่ง กำลังดีค่ะ
ประตูห้องนอนเป็นบานเลื่อนกระจก 3 ตอน เมื่อเปิดสุดจะมีความกว้างประมาณ 1.00 ม. กรอบบานเป็นอลูมิเนียมPowder coat สีดา กระจกเขียวตัดแสง ช่วยให้แสงจากธรรมชาติเข้าสู่ห้องนั่งเล่นได้ค่ะ
ภายในห้องนอนจะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ ด้านขวามีตู้เสื้อผ้า Built-in มีช่องแสงค่อนข้างใหญ่เกือบเต็มผนัง ห้องจริงเป็นกระจกใสนะคะ มีช่องเปิดระบายอากาศได้
บานหน้าต่างอลูมิเนียมสีดำเป็นแบบบานเลื่อน หน้าต่างกว้างประมาณ 60 ซม. และมีช่องกระจกเขียวกรองแสงติดที่ด้านล่างช่วยให้แสงเข้าสู่ด้านในตัวห้องได้มากขึ้น
ด้านข้างเตียงฝั่งริมหน้าต่างมีระยะวางโคมไฟได้ ถ้าอยากวางโต๊ะข้างเตียงจะต้องเป็นโต๊ะขนาดเล็กสักหน่อยค่ะ ฝั่งขวาเป็นพื้นที่ด้านหน้าตู้เสื้อผ้าซึ่งมีระยะที่แต่ตัวได้สะดวกประมาณ 1.15 เมตร
พื้นที่ปลายเตียงมีระยะห่างจากผนังประมาณ 47 ซม. สามารถติด TV ที่ผนังได้
ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเปิด 2 บานไม่มีตัวล็อค ทำลายไม้เข้ากับพื้นของห้องภายในตู้เสื้อผ้าจัดแบ่งเป็นชั้นสำหรับเก็บของด้านบน ส่วนด้านล่างมีลิ้นชัก 1 ชั้นทางด้านซ้ายและช่องเก็บของ 2 ช่อง มีพื้นที่แขวนชุดเดรสยาวได้
บานจับดีไซน์เป็นแนวยาวตลอดทั้งบาน
สวิสต์ไฟเราได้ของ Sylvania หน้าตาแบบนี้เลย
ทางฝั่งห้องน้ำ(ซ้ายมือ)และห้องครัว(ทางขวามือ) ตรงกลางเป็นพื้นที่วางตู้เย็น ความกว้างประมาณ 95 เซนติเมตร วางติดกับประตูห้องครัวซึ่งเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนติดกระจกเขียวกรองแสง อีกข้างมีชั้นวางของ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ สามารถวางของใช้ให้หยิบง่ายหรือจะเป็นของสะสมตั้งโชว์ก็ได้
ส่วนครัวได้ชุด Built-in ทั้งหมด มีพื้นที่ทำครัวขนาด 1.92 x 0.6 เมตร และส่วนครัวติดกับระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายกลิ่นในครัวได้
บนเคาน์เตอร์วัสดุปิดผิวเป็นเมลามีน มีเตาไฟฟ้า 2 หัว, Hood, Sink และก๊อกของ Teka หรือเทียบเท่า ติดมาให้
อ่างล้างจานพร้อมก๊อกจาก Teka
เตาไฟฟ้า 2 หัวจาก Teka ด้านข้างอาจจะไม่มีพื้นที่เตรียมอาหารมากนัก เหมาะกับคนที่ชอบทำอะไรง่ายๆ ไม่ยุ่งยากค่ะ
ด้านบนเหนือเตาไฟฟ้าจะมีเครื่องดูดควันระบบระบายอากาศด้านนอก จาก Teka เช่นกัน
ตู้บนแบ่งเป็น 3 ส่วน ทางซ้ายสุดเป็นชั้นสำหรับวางของตรงกลางเป็นตู้บานเปิดคู่ด้านในเป็นช่องโล่ง 2 ชั้น ส่วนขวาสุดเป็นตู้บานเปิดบนด้านในวางของได้ 2 ช่อง เพราะมีท่อระบายอากาศจากเครื่องดูดควันอยู่ตรงกลางค่ะ
ด้านล่างมีช่องสำหรับวางเครื่องไมโครเวฟมาให้ พร้อมกับลิ้นชักใส่ช้อน-ส้อม ด้านล่างก็ใช้เก็บอุปกรณ์เครื่องครัวได้ค่ะ
นอกจากนั้นยังมีพื้นที่วางเครื่องซักผ้ามาให้ทำให้ไม่ต้องไปวางที่ระเบียงช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มากขึ้น
ประตูระเบียงเป็น ประตูบานเลื่อนมาให้ตัวธรณียกขึ้นมาประมาณ 10 ซม. และมีรางเผื่อให้สำหรับติดมุ้งลวดเพิ่มเติมด้านบน ระเบียงมีขนาด 1.30 x 1.00 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเช่นเดียวกับส่วนครัว
ระเบียงเป็นพื้นที่ติด Condensing Unit แบบแขวน แต่หันหน้าเข้าด้านข้างทำให้ลมร้อนออกมายังระเบียง แนะนำให้ติดแผ่นเปลี่ยนทิศทางลมช่วยให้ระเบียงและประตูห้องครัวไม่ร้อนค่ะ
ภายนอกติดราวกันตกสูงประมาณ 1 ม.ลักษณะเป็นระแนงเหล็กทาสีดำ มีก๊อกสำหรับซักล้างให้ 1 จุด สำหรับทำความสะอาดระเบียงค่ะ
มาดูห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้ง ชัดเจน มีฉากกั้นกระจกมาให้ อุปกรณ์และสุขภัณฑ์ของ American Standard และ Mogen
ห้องน้ำยกธรณีขึ้นประมาณ 7 เซนติเมตร มีขอบประมาณ 3 เซนติเมตรไม่ให้น้ำไหลออกเวลาล้างห้องน้ำค่ะ
กระจกเงาจะได้เป็นบานใหญ่เต็มผนังเลยค่ะ
อ่างล้างมือของ Mogen ขนาด 52 x 44 ซม. และมีช่องสำหรับใส่ของด้านล่าง โถสุขภัณฑ์ American Standard มีพื้นที่รอบข้างประมาณ 70 เซนติเมตรสามารถนั่งได้ไม่อึดอัดนัก มีสายชำระ และที่ใส่กระดาษชำระมาให้จาก American Standard หรือเทียบเท่า
ฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบบานเปิดกระจกเปลือย เปิดเข้าด้านในทำให้น้ำไม่ไหลออกมาเปียกด้านนอก โดยมีการเดินระบบเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ ลูกบ้านซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาติดตั้งเองได้เลย
บริเวณส่วนอาบยกธรณีขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.00 x 0.8 เมตร ยืนอาบได้สบาย
ฝักบัวที่ได้เป็นของ American Standard ขนาดพอดีมือสามารถปรับแรงดันน้ำได้ที่หัวฝักบัว
ห้องต่อมาเป็นห้อง 1 Bedroom Type B ขนาด 25.5 ตร.ม. ห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดเท่ากับห้องแรกแต่มีลักษณะการวางผังเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับส่วนครัวก่อน ซึ่งเป็นครัวเปิด มีข้อดีคือเมื่อซื้อของมาจากข้างนอกเราสามารถเก็บตรงส่วนครัวได้เลยโดยไม่ต้องผ่านห้องอื่นๆ แต่ก็ไม่เหมาะกับการทำอาหารจริงจังนัก เนื่องจากจะทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องค่ะ ถัดจากส่วนครัวเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกัน ทำให้พื้นที่ห้องดูกว้าง ห้องนั่งเล่นติดกับระเบียงยาว เนื่องจากเป็นห้องที่สั้นกว่าแบบแรกทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้ามในห้องได้เยอะ ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นมประตูกั้นเป็นบานเลื่อนกระจก ทำให้พื้นที่เชื่อมต่อกันหมดห้องจะดูโปร่งโล่งกว่าแบบแรก ห้องนี้มีห้องน้ำเข้าทางห้องนอน เวลามีแขกมาที่บ้านแล้วจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนอน ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวได้ ห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ โดยรวมแล้วห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบห้องโปร่ง โล่ง ไม่เน้นทำอาหารเอง ภายในห้องจะเป็นยังไงเราไปดูกันเลยค่ะ
เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับส่วนครัวก่อน ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังพื้นที่รับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น ทำให้ห้องจะดูกว้างกว่าแบบแรก ระยะความสูงพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตรเช่นกัน
ครัวที่ได้เป็นครัวเปิด ไม่สามารถกั้นปิดได้ จึงไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นมากนักอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วค่ะ เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลย
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นชั้นเก็บของอเนกประสงค์และเก็บรองเท้าด้านล่าง เหมือนกับห้องแรก พื้นที่ด้านข้างตู้นี้มีความกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางตู้เย็นได้ค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างแบ่งเป็น 2 ส่วนคือช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาด 7.5 กิโลกรัมได้ ด้านขวาเป็นตู้เก็บของไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดครัวค่ะ สำหรับห้องนี้จะไม่มีช่องวางเครื่องไมโครเวฟ จะต้องนำไปวางที่ชั้นเก็บของด้านบนแทนค่ะ
พื้นที่ Top ครัวด้านขวาเป็นอ่างล้างจานขนาด 48 x 48 เซนติเมตร และด้านซ้ายเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวมาให้
ชั้นด้านบนสำหรับเก็บของเช่นแก้วน้ำ จานชามได้ค่ะ สำหรับคนที่ต้องใช้ไมโครเวฟอาจจะนำมาวางที่ชั้นด้านขวาได้ แต่ก็จะเสียพื้นที่เก็บของไปหน่อยค่ะ
ถัดมาเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งโต๊ะ Built-in เชื่อมต่อกับชั้นวาง TV นี้ทางโครงการจะให้มาด้วยนะคะ สามารถนั่งได้ 1 ที่นั่ง
ใต้โต๊ะมีชั้นเก็บของมาให้และสามารถพับปิดลงมาได้ มีความกว้างประมาณ 90 เซนติเมตร กว้างประมาณ 45 เซนติเมตร
ถัดมาเป็นส่วนห้องนั่งเล่น เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียง สามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่งได้ มีพื้นที่วางโต๊ะกลาง ชั้นวาง TV มีความกว้างประมาณ 1.8 เมตร สามารถวางของได้ด้านล่าง แบ่งเป็น 3 ช่วง ส่วนนั่งเล่นนี้มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร สามารถวางทีวีขนาดไม่เกิน 46 ” ได้ค่ะ ห้องนั่งเล่นติดกับระเบียงมีข้อดีคือได้รับแสงธรรมชาติได้เยอะ และออกไปใช้งานระเบียงได้สะดวก
ประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน กรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ
ระเบียงยกธรณีประตูสูงประมาณ 15 เซนติเมตร มีพื้นที่ประมาณ 2.40 x 0.70 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคทำความสะอาดง่าย
ด้านบนแขวน Condensing Unit หันออกด้านนอกมีระแนงช่วยบังสายตา ข้อดีของ CDU ที่หันออกด้านนอกคือปล่อยลมร้อนออกทำให้ไม่มีความร้อนสะสมที่ระเบียงออกมายืนจิบกาแฟชมวิวได้จริงๆค่ะ
ที่ระเบียงมีก๊อกน้ำ และโคมไฟติดผนังมาให้อย่างละ 1 จุด
ถัดมาเรามาดูห้องนอนกันบ้าง ห้องนอนมีผนังกั้นเป็นกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดพื้นที่เชื่อมต่อห้องนอนกับห้องนั่งเล่นได้ ทำให้ห้องกว้างขึ้น แต่เมื่อปิดแล้วอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัวมากนัก แนะนำให้ติดตั้งม่านเพิ่มเติม จะช่วยให้รู้สึกมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
ภายในห้องนอนจะได้เตียงขนาด 5 ฟุต มีพื้นที่เดินได้รอบด้าน ทางขวามือเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ทางโครงการให้มาด้วยค่ะ
ห้องนอนจะมีช่องแสงและหน้าต่างเหมือนกับห้อง Type Aเลย รับแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวด้านนอกได้ค่ะ
ทางเดินปลายเตียงมีระยะเมื่อปิดประตูแล้วอยู่ที่ประมาณ 30 เซนติเมตร สามารถเดินผ่านได้แต่ไม่สะดวกมากนักค่ะ
ด้านข้างซ้ายของเตียงกว้างประมาณ 95 เซนติเมตร สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ และด้านขวามีพื้นที่ด้านหน้าตู้ประมาณ 1.15 เมตร สามารถยืนแต่งตัวได้สะดวกค่ะ
ห้องน้ำมีทางเข้าอยู่ทางฝั่งห้องนอน ใกล้กับตู้เสื้อผ้าทำให้อาบน้ำออกมาแต่งตัวได้สะดวก
ภายในตู้จัดแบ่งมาเหมือนกับห้องแรก แบ่งเป็นชั้นวางของด้านบน และตู้ลิ้นชัก 1 ช่องพร้อมช่องเก็บของด้านล่าง 2 ช่อง ทางขวามีราวสำหรับแขวนกางเกงหรือเดรสได้
ห้องน้ำคล้ายกับห้องแรกเลยค่ะ แบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน มีธรณีขึ้นมาประมาณ 7 เซนติเมตร ได้กระจกเงาบานใหญ่เต็มผนัง และมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้
พื้นที่ตรงส่วนแห้งจัดวางเหมือนกับห้องแรก ได้อุปกรณ์และสุขภัณฑ์ของ American Standard และอ่างล้างหน้าจาก Mogen สีขาว
ฉากกั้นอาบน้ำได้เป็นกระจกบานเปิดเปลือยเปิดเข้าด้านใน
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.00 x 0.90 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค สามารถอาบได้สบายๆ
ฝักบัวมีการตกตั้งระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ ด้านข้างผนังมีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆอย่างสบู่ แชมพู ได้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 February 2019
- 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 4 ห้อง 199/282 เนื้อที่ 25.79 ตร.ม. ราคา 2.19 ล้านบาท หรือ 81,039 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร D ชั้น 4 ห้อง 199/630 เนื้อที่ 26.16 ตร.ม. ราคา 2.29 ล้านบาท หรือ 83,715 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom อาคาร B ชั้น 4 ห้อง 199/300 เนื้อที่ 44.32 ตร.ม. ราคา 3.89 ล้านบาท หรือ 85,515 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted + Built in ตู้เสื้อผ้า + เครื่องปรับอากาศ
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- รถกอล์ฟรับ-ส่ง จากอาคาร E, F มาด้านหน้าโครงการ
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 5,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล
โครงการ Notting Hill สุขุมวิท 105 อยู่ในซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาล ไม่ไกลจาก BTS แบริ่ง สามารถเดินได้มีระยะห่างประมาณ 500 เมตร ภายในซอยมีความอุดมสมบูรณ์สูง สามารถหาของกินได้ง่ายไม่ว่าจะเป็น ตลาดนัด, Tesco Lotus Express , 7-eleven , Family Mart หรือ CP Fresh Mart ก็อยู่ห่างจากโครงการไม่ถึง 100 เมตร การเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และรถสาธารณะ สามารถไปห้างใหญ่ๆอย่าง เซ็นทรัลบางนา, Seacon Square หรือเมกะบางนาได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีสนามกอล์ฟ โรงพยาบาล และโรงเรียนอยู่ไม่เกินระยะรัศมี 3 กิโลเมตร ถือว่าค่อนข้างครบครัน
การเดินทางโดยใช้รถ
การเดินทางโดยใช้รถทำได้สะดวก เนื่องจากอยู่ใกล้กับถนนสุขุมวิท วิ่งขึ้นเหนือไปเข้าเมืองอย่าง เอกมัย ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศกได้ง่าย แต่ก็มีการจราจรที่ติดขัด มีทางด่วนอยู่ใกล้ๆหลายเส้นทาง ทั้งทางด่วนบางนาและทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก เมื่อพูดถึงการเดินทางด้วยรถอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึงคือจำนวนที่จอดรถภายในโครงการ ซึ่งโดยรวมมีที่จอดรถประมาณ 389 คันคิดเป็น 35% หรือถ้าคิดรวมจอดซ้อนคัน ก็คิดเป็น 37% ถือว่าพอดีๆเนื่องจากคนส่วนใหญ่ก็นิยมใช้รถไฟฟ้ากันค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถสามารถทำได้สะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ในระยะที่เดินได้จากรถไฟฟ้า (500 เมตร) หรือถ้าใครไม่อยากเดินก็มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ใกล้ๆโครงการที่ซอยลาซาล 7 และมีวินอยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 105 เลย นอกจากนั้น ยังมีรถสองแถววิ่งรับส่งตลอดทั้งซอย เมื่ออกมาถนนใหญ่ก็สามารถเรียก Taxi หรือรถเมลได้ง่าย รวมๆแล้วถือว่าเดินทางค่อนข้างสะดวกค่ะ
วัสดุ
โครงการขายแบบ Fully Fitted วัสดุที่ได้ตามมาตรฐานทั่วไป พื้นห้องลามิเนตแยกส่วนกับครัวเป็นกระเบื้องเซรามิค ห้องน้ำติดอุปกรณ์ของ Ameriacan Standard และ Mogen ได้ชุดครัว พร้อม Hob Hood Sink จาก Teka และตู้เสื้อผ้า Built-in พร้อมฐานเตียงขนาด 5 ฟุต และชั้นวาง TV
การออกแบบ
กาออกแบบโครงการ เน้นสถาปัตยกรรมและการตกแต่งสไตล์อังกฤษ มี Clubhouse อยู่ด้านหน้า ดีไซน์สวยเป็นหน้าตาให้กับลูกบ้าน ด้านในมีการตกแต่งสวนแบบ English Garden ผังอาคารเป็นแนว 3 ช่วง สามารถเลือกได้ตามความชอบด้านความเป็นส่วนตัว ห้องพักหันไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งทางทิศตะวันตกจะร้อนกว่าหน่อยค่ะ ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor ทั้งหมด
ห้องพักจะเน้นที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.50 ตารางเมตร ซึ่งมี 2 แบบให้เลือก ตามความต้องการของลูกบ้าน แบบแรกเน้นพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วน สามารถทำครัวจริงจังได้ แต่ไม่เน้นการใช้งานพื้นที่ระเบียงมากนัก แบบที่ 2 ห้องมีลักษณะโปร่งโล่ง ใช้งานระเบียงได้จริง แต่จะได้ครัวเปิด ไม่เน้นทำครัว เป็นต้น และประเภทอื่นๆให้เลือกคือ 1 Bedroom Plus แบ่งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์อยู่ติดหน้าต่างมีประตูบานเลื่อนกั้น สุดท้ายคือห้อง 2 Bedroom รองรับคนที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่หรืออยู่ครอบครัว
สาธารณูปโภค
สาธารณูปโภคค่อนข้างเยอะ เนื่องจากมีจำนวนยูนิตที่เยอะ ด้านหน้ามี Clubhouse สูง 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่ Lounge มี Club corner, Pool table, Football table และบาร์ ชั้นที่ 2 เป็น Fitness ที่มีเครื่องเล่นค่อนข้างเยอะ ชั้น 3 เป็นสระว่ายน้ำ Lap Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7x 20 เมตร มีสวนส่วนกลางระหว่างอาคาร ทุกอาคารมี Sky Garden ที่อาคาร A, B มีห้อง Co-working space และอาคาร F มีสระว่ายน้ำอีก 1 สระคือ Relax Pool ขนาด 6×20 เมตร พร้อม Steam & Sauna มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการจะอยู่ที่ 93 : 1 มากสุดอยู่ที่อาคาร A,B 105 : 1 โดยมีลิฟต์ให้อาคารละ 2 ตัว และมีระบบล็อคชั้น อัตราส่วนและความปลอดภัยถือว่าอยู่ในมาตรฐานโครงการ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 75,000-80,000 บาท/ตร.ม., 5 February 2019
- ทำเล 7.75/10 – ทำเลเดินทางสะดวก มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน หาของกินง่าย
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวกมีทางด่วนเลี่ยงรถติดได้
- ไม่ใช้รถ 8/10 – มีรถสาธารณะรอบๆโครงการ สามารถเดินไป BTS แบริ่งได้
- วัสดุ 7.5/10 – วัสดุตามมาตรฐาน Fully Fitted ให้ Built-in ครบ
- แบบ 8/10 – การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมีดีไซน์ ห้องพักมีให้เลือกหลากหลาย
- สาธารณูปโภค 8/10 – ครบครันหลากหลาย มี Clubhouse และกระจายตามอาคารต่างๆ
- MAIN CLASS
- 7.76 / 10.00
BOTTOM LINE
Notting Hill สุขุมวิท 105 เหมาะกับคนที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยในย่านสุขุมวิทตอนปลาย (ซอยลาซาล) ที่มีราคาหยิบจับง่าย อยู่ในระยะที่เดินได้จากรถไฟฟ้า ชอบทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์หาของกินง่าย ไม่เน้นเรื่องวิว มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะ ชอบห้องที่เป็นสัดส่วน หรือ ชอบห้องโปร่ง สบาย มีงบประมาณระดับ 2-4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 28,000 บาท/เดือน