รีวิวโครงการ
The Sneak EP.76 – Mazarine รัชโยธิน
22 สิงหาคม 2020
รีวิวฉบับที่ 2100 … ใครที่ผ่านไปมาย่านรัชโยธินในช่วงนี้คงต้องสะดุดตากันบ้าง เพราะโครงการ Mazarine รัชโยธิน ได้สร้างเสร็จมาให้เชยชมกันแล้วครับ จุดเด่นแรกที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือ ที่ตั้งโครงการอยู่ตรงข้าม Major รัชโยธิน และติดกับ BTS รัชโยธินในระยะ 0 ม. ภายในให้ส่วนกลางมาหลากหลาย รับวิวสูง และมีแบบห้องให้เลือกเยอะถึง 9 แบบ พร้อมขายแบบ Fully Furnished ในราคาเริ่มต้นที่ 3.47 ล้านบาท
ข้อมูลโครงการ
17 July 2020
- Mazarine Ratchayothin (แมสซารีน รัชโยธิน)
- บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร
- คอนโด High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร ห้องพักอาศัย 474 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต
- ที่จอดรถระบบอัตโนมัติและที่จอดแบบธรรมดารวมทั้งโครงการ 70%
- ที่ดินประมาณ 3-3-46.60 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : กรกฏาคม 2561
- Studio 24 – 25.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom Type A32.50 – 33.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Type B 32.50 – 33.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Flexi 41.50 – 43.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Corner Type A 39.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Corner Type A 39.50 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Corner Type B 48.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Corner Type B 43.00 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 48.00 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 3.00 เมตร (ครัว 2.60 เมตร)
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.47 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02 652 4000
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.828898, 100.569459
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ “รัชโยธิน” เป็นทำเลที่มีความครบครันทั้งห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ร้านค้า ร้านอาหาร อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง เช่น อาคารสำนักงาน SCB, ตึกช้าง จึงทำให้เป็นทำเลที่มีคนนิยมมาอยู่อาศัยอีกทำเลหนึ่ง ปัจจุบันก็กำลังเป็นทำเลยอดฮิตของเหล่า Developer ที่เข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการ แถมยังมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่เพิ่งเปิดใช้บริการกันมาเมื่อต้นปี อีกทั้งยังมีการทำอุโมงค์ทางลอด และ Mega Project ต่างๆ ทำให้ย่านนี้จะมีการพัฒนาและความอุดมสมบูรณ์สูงขึ้นอีกมากเลยล่ะครับ
โครงการ Mazarine รัชโยธิน ตั้งอยู่ตรงข้ามเมเจอร์รัชโยธิน ติดถนนใหญ่สายสำคัญอย่างพหลโยธินเลย ช่วงใกล้กับแยกรัชโยธินซึ่งเป็นจุดตัดของถนนพหลโยธินและถนนรัชดาภิเษก โดยถนนพหลโยธินนั้นสามารถใช้เส้นทางไปยังหลักสี่ สะพานใหม่ หรือวิ่งลงใต้ไปย่านอารีย์ก็ได้ ส่วนถนนรัชดาภิเษกก็ใช้วิ่งไปประชาชื่นหรือเข้าเมืองย่านรัชดาภิเษก พระราม9 ได้ อีกทั้งโครงการยังตั้งอยู่บนถนนขาเข้าเมือง ใครที่ทำงานในเมืองก็จัดว่าสะดวกมากครับ ถ้าอยู่ขาออกเมืองจะต้องไปกลับรถซึ่งการจราจรบนถนนพหลโยธินด้านหน้าค่อนข้างหนาแน่นทำให้ต้องเผื่อเวลาการเดินทางเพิ่มอีก ดังนั้นเรื่องการเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือว่าสะดวกเลยทีเดียว นอกจากนี้โครงการที่ติดรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร ยังมีพื้นที่จอดรถระบบอัตโนมัติและที่จอดแบบธรรมดารวมทั้งโครงการให้มาถึง 70% เลยด้วย จัดว่าเยอะเลยทีเดียว
สำหรับการเดินทางสาธารณะ ก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะตัวโครงการติดถนนใหญ่มีรถสาธารณะผ่านอยู่ตลอดเวลา ทั้งรถเมล์ รถสองแถว จะเรียก Taxi หรือ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็สะดวก และหนึ่งในจุดเด่นหลักของทำเลโครงการนี้คือติดกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานีรัชโยธินชนิดที่มีทางขึ้นลงอยู่หน้าประตูโครงการเลย สามารถใช้เดินทางเข้าเมืองไปทางสยาม-เพลิตจิต-อโศก ได้โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนสายเพราะสายนี้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลัก นอกจากนั้นในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยายซึ่งเป็นช่วงสั้นๆระยะทางเพียง 2.6 กม. มาจากแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าวถึงแยกรัชโยธิน สร้างเสร็จจะมีทั้งหมด 3 สถานี สถานีสุดท้ายนี่แหละ จะมีทางเชื่อมยกระดับเดินเข้าสถานีพหลโยธิน 24 ของ BTS สายสีเขียวเหนือได้เลยด้วย
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็อิงถนนพหลโยธินเป็นหลักเลย ซึ่งก็มีครบ พร้อมทุกอย่างรอบโครงการ ทั้งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งศูนย์การค้าต่างๆ เช่น Central ลาดพร้าว, Union Mall และ Community Mall อย่าง Major รัชโยธินที่อยู่ตรงข้ามโครงการในระยะเดินได้สบาย ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ก็ใกล้กับตลาดนัดสวนจัตุจักรไปเดินช้อป หรือ แวะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะอย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟได้ ย่านนี้ยังเป็นแหล่งสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, โรงเรียนหอวัง, มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ทำให้ละแวกนี้มีความคึกคักแทบจะตลอดเวลา
เส้นทางการเดินทาง
วันนี้ตึกเสร็จ รถไฟฟ้าก็เปิดใช้แล้ว จะพามารู้จักกับเส้นทางการใช้งานรถไฟฟ้ากันครับ เราจะเริ่มต้นการเดินทางที่ BTS สถานีรัชโยธิน ซึ่งพูดง่ายๆก็อยู่ติดกับโครงการเลยนั่นแหละ แต่ยังไงก็ตาม จะพามาชมภาพบรรยากาศแนวเส้นทางกันครับ โดยเราจะเริ่มที่ออกจากสถานีด้วยประตูทางออกหมายเลข 2 จากนั้นก็เดินลงมาที่ถนนด้านล่าง หันมองทางฝั่งซ้ายมือก็… ถึงเลยครับ !
เริ่มต้นการเดินทางกันที่ BTS สถานีรัชโยธิน
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่กว่าๆเกือบจะ 4 ไร่ ติดถนนพหลโยธินฝั่งตรงข้ามเมเจอร์รัชโยธินเลย สภาพแวดล้อมรอบข้างบนแนวถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นตลอดสองข้างทาง แต่ถ้าเข้าซอยไปหน่อยจะเป็นบ้านพักอาศัย ไม่มีอาคารสูงมากนัก ห้องพักอาศัยของที่นี่จะเริ่มต้นที่ชั้น 8 และรับวิวฝั่งทิศเหนือและทิศใต้เป็นหลัก ถ้าจะมีส่งผลกระทบกับวิวของห้องพักอาศัยบ้างคงจะเป็นทางฝั่งทิศใต้ที่เป็นอาคารสูง 19 ชั้น นอกนั้นก็มีระยะห่างค่อนข้างไกล และไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนักครับ สรุปสถานที่ที่ติดกับโครงการในทิศต่างๆดังนี้
- ทิศเหนือ – ฝั่งนี้เป็นหนึ่งในทิศหลักของห้องพักอาศัยภายในโครงการ ทางฝั่งนี้จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเป็นหลัก วิวค่อนข้างโล่ง ที่ด้านล่างติดแนวถนนพหลโยธินจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น จะมีฝั่งขวามือเล็กน้อยที่เป็นกลุ่มอาคาร High Rise 20 ชั้น 4 อาคาร แต่ไม่ได้บังวิวโดยตรง จัดเป็นมุมที่ค่อนข้างโล่ง และอีกข้อได้เปรียบของทิศนี้คือจะไม่ร้อน ไม่โดนแดดส่องช่วงบ่าย ทำให้ตอนกลางคืนไม่ร้อน (ผนังคอนกรีตจะใช้เวลาในการคลายความร้อน ทำให้ถ้าฝั่งไหนที่โดนแดดช่วงบ่าย ช่วงกลางคืนจะยังมีความร้อนที่ถูกคลายออกมาอยู่ด้วย)
- ทิศตะวันออก – ฝั่งนี้ไม่ได้เป็นทิศหลักของโครงการ และไม่มีห้องพักอาศัยที่หันโดยตรงไปทางฝั่งนี้เลย ที่จะเห็นวิวฝั่งนี้ก็มีพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 8, 22 จึงไม่เป็นผลกระทบอะไรมาก จะมีแนวอาคารสูง 12 ชั้น และชุมชนพักอาศัยสูง 2 ชั้น เป็นวิวอีกฝั่งที่โล่งเหมือนกันครับ
- ทิศใต้ – เป็นอีกฝั่งที่เป็นวิวหลักของอาคารครับ และเป็นฝั่งเดียวเลยก็ว่าได้ที่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิด คืออาคาร Central Ratchayothin Park สูง 19 ชั้น จากในรูปผมถ่ายจากชั้น 20 ก็ค่อนข้างจะโล่งแล้ว ซึ่งจะมีเพียงชั้น 8-19 ที่จะโดนบล็อควิวบางส่วน แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะครับ แค่จะโดนบีบมุมมองสักหน่อย เพราะก็ยังมีระยะห่างและเหลือพื้นที่ด้านข้างที่ยังเห็นตึกช้างได้อย่างสวยงามเหมือนกัน
- ทิศตะวันตก – เป็นฝั่งที่ไม่ได้เป็นวิวหลัก แต่ก็มีพวกห้องมุมที่ได้วิวฝั่งนี้ จะเห็น Major รัชโยธินโดยตรง หรือจะเป็นฝั่งที่เรียกว่าเป็น City View ที่สุดก็ได้ เพราะเห็นตัวเมืองและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุด ใครที่ชอบแสงสีและ Movement ก็แนะนำเป็นฝั่งนี้เลยครับ แต่อาจจะได้รับผลกระทบเรื่องความร้อนหน่อย เพราะจะรับแดดช่วงบ่ายเต็มๆ
ลองลงจากอาคารมาดูพื้นที่แนวราบหน้าโครงการกันสักหน่อยนะครับ เดินไปทางฝั่งเข้าเมืองกันก่อนเลย
ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆจะมี Major รัชโยธิน ที่มี Sky Walk เชื่อมจาก BTS สามารถเดินตรงเข้าภายในอาคารมาให้เลย ไม่ต้องเดินตากแดดตากฝน จะไปตอนไหนก็ได้
เดินมาอีกหน่อยจะมีแนวทางเดินเล็กๆประมาณ 1.5 เมตร ให้เดินได้ ตรงนี้จะมีป้ายรถประจำทางให้ด้วย ซึ่งจะมีรถโดยสารเข้าเมืองผ่านหลายสายเลย
ถัดมาอีกนิด ติดกับพื้นที่โครงการจะเป็นร้านเสวนาพาเพลิน สายเที่ยวกินดื่มคงรู้จักกันดีกับร้านดังร้านนี้ เพราะอยู่คู่รัชโยธินมานานเหมือนกัน เป็นร้านที่มีแยกโซนภายในและภายนอก ดีที่ดนตรีสดเขาเล่นภายใน มีการเก็บเสียงให้พอสมควร เลยไม่รบกวนตัวโครงการของเรานัก ส่วนภายนอกก็จะเปิดเป็นเสียงจากภายในบ้าง หรือเป็นเพลงบ้าง ก็ไม่ได้ดังจนเกิดไป สำหรับนั่งรับประทานอาหารคุยกันรู้เรื่อง ถ้าจะมีผลกระทบหน่อยอาจจะเป็นเรื่องของรถจะเยอะหน่อยในช่วงเวลาร้านเปิดทำการและร้านปิด เพราะภายในมีโต๊ะที่รองรับได้เยอะเหมือนกันครับ
ถัดมาจะเป็นแนวตึกแถวที่ 4 ชั้นอย่างที่บอกไป เปิดเป็นกิจการร้านค้าต่างๆ ตั้งแต่ ทำฟัน ร้านรูป ธนาคาร และอื่นๆอีกมากมาย
ลองไปดูอีกฝั่งกันครับ กับฝั่งที่มุ่งไปแยกเกษตร
มีแนวทางเดินให้เหมือนกัน เพราะเป็นจุดของสถานี คนค่อนข้างเยอะในช่วงกลางวัน
ติดกับพื้นที่โครงการจะเป็นซอยพหลโยธิน 30 ที่ไปทะลุออกถนนเสนานิคมได้ ภายในก็เป็นพื้นที่พักอาศัยขนาดใหญ่เหมือนกัน ทั้งบ้านเดี่ยวและอพาร์ทเม้นต์ต่างๆ ฝั่งตรงข้ามซอยมี 7-eleven ให้บริการในระยะเดินด้วย
ถัดมาอีกก็มีแนวร้านค้าต่างๆที่เป็นอาคารพาณิชย์ มีร้านอาหารที่เป็นร้านอาหารตามสั่ง อย่างร้านเขียง ส่วนตัวผมชื่นชอบกระเพราของร้านนี้มากครับ รสชาติเข้มข้นดี ไว้มีโอกาสก็ไปลองกันนะครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- BTS สถานีรัชโยธิน ~ 0 เมตร
- Major Cineplex รัชโยธิน ~ 30 เมตร
- Avenue รัชโยธิน ~ 160 เมตร
- Tesco Lotus ~ 260 เมตร
- SCB PARK ~ 650 เมตร
- ตลาดบางเขน ~ 670 เมตร
- โรงเรียนหอวัง ~ 1.3 ก.ม.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 1.3 ก.ม.
- Central ลาดพร้าว ~ 1.4 ก.ม.
- Union Mall ~ 1.8 ก.ม.
- ทางยกระดับอุตราภิมุข ด่านลาดพร้าว ~ 2.4 ก.ม.
- โรงเรียนนานาชาติเซนต์จอห์น ~ 2.5 ก.ม.
- โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 2.8 ก.ม.
- ตลาดบองมาเช่ ~ 2.9 ก.ม.
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 3.1 ก.ม.
- ทางพิเศษศรีรัช ด่านรัชดาภิเษก ~ 3.4 ก.ม.
- Big C Extra ~ 3.7 ก.ม.
- สนามบินดอนเมือง ~ 10 ก.ม.
รายละเอียดโครงการ
โครงการนี้มีการออกแบบตามแนวความคิดหลักคือ “For Your Extraordinary Reasons” บน 3 ปัจจัย คือ Extraordinary Location ในทำเลที่มีคุณภาพย่านรัชโยธิน Extraordinary Design ออกแบบให้ลูกบ้านได้ ฝ้าเพดานสูง 3 เมตรและได้กระจกเต็มบานมองเห็นวิวได้มาก Walk-in Closet ขนาดใหญ่ และมี Kitchen Island และสุดท้าย Extraordinary Facility ได้พื้นที่ส่วนกลางเยอะและหลากหลาย แถมยังสูงที่สุดในย่านรัชโยธินนี้ด้วย ทำให้สามารถรับวิวได้รอบ ใครที่ชอบใช้ส่วนกลางรับวิวมุมสูงน่าจะชอบนะครับ
ผังโครงการที่ชั้น Ground Floor เริ่มที่ทางเข้าออกโครงการสำหรับทางเดินจะมีทั้งหมด 2 ทาง คือทางหลักที่ใช้ร่วมกันรถยนต์เข้าออก และอีกจุดเป็นประตูทางเดินที่อยู่ใกล้กับทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้ารัชโยธิน มี Cover Way ยาวเข้าไปจนถึงตัว Lobby เลย ส่วนทางเข้าออกรถยนต์จะมีทางเดียวครับ ที่เมื่อเข้ามาแล้วจะมีร้านค้าอยู่ด้านหน้า (ปัจจุบันเป็นสำนักงานขาย) มีที่จอดรถสำหรับ Visitor และสวนหย่อมข้างๆให้บรรยากาศที่ช่วยให้ดูร่มรื่นตั้งแต่ด้านหน้า ขับรถเข้ามาภายในโครงการจะเป็นการเดินรถสวนกันทั้งหมด ยกเว้นส่วน Drop Off ที่จะวนรถทางเดียวเพื่อเข้า Lobby จากนั้นก็ตรงเข้าไปด้านในเพื่อจอดรถแบบ Automatic Parking หรือแบบทั่วไปที่จะมีช่องจอดให้รอบอาคารรวมทั้งหมดแล้วให้มาถึง 70% เลยทีเดียว
ภายในอาคารเมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับ Lobby ที่มีพื้นที่ประมาณ 120 ตารางเมตร มีทางเข้าออก 2 ทางจากทางด้านหน้าและด้านหลังที่ใช้เข้าหลังจากจอดรถเสร็จ ภายในตัว Lobby มีลักษณะเป็น Double Volume ภายในจะพื้นที่พักคอย Mail Room และส่วนของพื้นที่รอรถที่ด้านในด้วย ด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และมีการเข้าออกได้สองทาง ทำให้การใช้งานในแต่ละส่วนสะดวกยิ่งขึ้นและทำให้พื้นที่ส่วนนี้สามารถใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ทั้งเป็นพื้นที่นัดพบ พักคอย รับรองก่อนขึ้นอาคาร แถมยังเป็นพื้นที่พักผ่อนนั่งทำงานยังได้เลย
เริ่มกันที่ทางเดินเข้าโครงการกันก่อนนะครับ เป็นประตูบานเปิด สำหรับคนเดิน ติดตั้งการเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access มี CCTV ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
มีพื้นที่ชัดเจนปลอดภัย มีไฟให้ด้วยสำหรับตอนกลางคืน ไม่อันตรายครับ
เข้ามาจะเป็นแนวทางเดินมีหลังคาให้ยาวเข้าไปเลย ด้านข้างจะเป็นแนวต้นไม้และสวน
สวนด้านข้างก็มีพื้นที่สีเขียวรับสายตาตั้งแต่เข้าออกเลย ผมว่าตรงนี้เขาจัดมาดีนะสำหรับพักผ่อนและสร้างบรรยากาศได้ นอกจากนั้นยังช่วยเป็น Buffer ระหว่างตัวโครงการกับสถานีรถไฟฟ้าด้วย
แนวทางเดินจะมีลักษณะเป็นทางเลี้ยวไปมา ด้วยความโปร่งเลยดูทะลุเห็นสีเขียวของแนวต้นไม้แต่ละฝั่ง เชื่อมต่อกันได้ทำให้ยิ่งดูร่มรื่นยิ่งขึ้น
มาดูทางเข้าหลักของโครงการกันครับ จะเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย ด้านข้างมีแนวพื้นที่จอดรถของ Visitor สำหรับใช้งาน Shop (ด้านขวามือ) ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังเป็นพื้นที่สำนักงานขายอยู่นะครับ
ตรงนี้ทางโครงการยังไม่ได้สรุปอย่างแน่ชัดนะครับว่าร้านค้าบริเวณนี้จะปล่อยเช่าหรือขาย สำหรับใครที่สนใจก็ลองสอบถามทางโครงการอีกทีนะครับ
ในแง่ของความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเช่าหรือขายก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยไม่มากก็น้อยแน่ๆครับ ซึ่งในอนาคตจะเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้งานส่วนนี้ได้ด้วยนะ
ถัดเข้ามาจะมีประตูเข้าออกโครงการที่ชัดเจน ซึ่งจะเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access แบบ Easy Pass ไม่ต้องเปิดประตูลงมาแตะบัตรให้เสียเวลา พร้อมป้อม รปภ.ดูแลด้านข้างและ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านในเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Lobby จะเห็นเลยว่ามีแนวทางเดิน Cover Way ยาวเข้ามาถึงจุดนี้เลย ตรงนี้จะสร้างบรรยากาศด้วยน้ำพุ ซึ่งจะช่วยให้มี Movement และใช้สีฟ้ามาตัดกับสีเขียวก็จะช่วยให้ดูร่มรื่นเข้าไปอีก นอกจากนั้นตัวน้ำตกเองยังช่วยส่งเสียงน้ำที่มีความเป็นธรรมชาติกลบเสียงรถบนถนนด้านหน้าได้เล็กน้อยด้วย
เมื่อเข้ามาให้เลี้ยวขวาเพื่อเข้าไปจอดรถด้านใน จะมีแนวถนนยาว ตรงนี้จะยังคงเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายให้เช่นเดิม รถสามารถสวนกันได้ และมีพื้นที่จอดรถกลางแจ้งให้ด้วย
เลยเข้ามาหน่อยจะเป็นส่วนของ Drop Off วนรถทางขวามือทางเดียว ข้อดีของการมี Drop Off ลักษณะนี้คือจะเข้าไปใต้ตัวอาคาร ทำให้ใช้งานในช่วงฝนตกหรือแดดออกได้ดี จะจอดเพื่อขนของขึ้นลงก็ไม่มีปัญหา
ตรงกลางจุดวนรถก็จะตกแต่งด้วยน้ำเพื่อเชื่อมต่อกันกับส่วนของหน้า Lobby ด้วยครับ
วนเข้ามาต่อที่ด้านข้างตัวอาคาร จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งใต้อาคารและกลางแจ้งขนาบข้างซ้าย-ขวา ตรงนี้ก็จะเดินรถสวนกันเช่นเดิมนะครับ พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายจะเส้นสุดบริเวณนี้
ตรงต่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่เข้าจอดรถแบบ Automatic Parking ซึ่งจะเป็นระบบแบบเข้าทางนึงออกอีกทางนึง ทำให้ตรงนี้มีแต่รถวิ่งเข้า ไม่มีสวนออกมาครับ จะมีทั้งหมด 4 ช่องจอดให้เลือกใช้งาน
พร้อมจอ Monitor ที่คอยบอกสถานะของแต่ละช่องจอดให้ด้วย เพื่อให้คนที่เตรียมตัวจะจอดทราบว่าควรจะต้องเข้าไปรอในช่องไหน
ด้านข้างจะมีแนวทางเดินที่เชื่อมต่อกันระหว่างทางรถเข้าและรถออก
ซึ่งถ้าเดินออกมาด้านใน ส่วนนี้จะเป็นจุดเอารถสำหรับใช้งาน และจะวนออกไปเพื่อออกทางเดียวกันกับที่เราเข้ามาครับ
ด้านในของพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นทางเข้า Lobby อีกทาง ข้อดีของการมีทางเข้า Lobby 2 จุดคือสะดวกในการใช้งานในแต่ละส่วน ทั้งการเดินเข้าออกและการเข้าออกหลังจากจอดรถ แถมยังได้ช่องแสงเพิ่มขึ้นอีกฝั่ง ทำให้พื้นที่ภายในยิ่งดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
ย้อนกลับมาที่ด้านหน้านะครับ เรามาเข้าด้านหน้า แล้วค่อยๆดูไล่เข้าไปด้านในแต่ละส่วนกันต่อครับ
เปิดประตู Lobby เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ภายในขนาดใหญ่ ที่ดูโล่งและโปร่งเพราะเขายกเพดานขึ้นแบบ Double Volume แถมยังมีกระจกเงาที่ด้านบนช่วยทำให้พื้นที่ด้านล่างนี้ดูกว้างยิ่งขึ้น ประกอบกับแนวกระจกด้านข้างรับแสงและบรรยากาศสวนภายนอกด้วย ซึ่งเขาก็จัดโซฟาไว้หลายส่วนหลายมุม ทำให้พื้นที่นี้สามารถใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลายเลย
ด้านในของ Lobby จะมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้ใช้งาน ห้องนิติบุคคล และพื้นที่ด้านหลังสุดคือส่วนของพื้นที่พักคอยรอรับรถที่จอดจาก Automatic Parking
มีพื้นที่นั่งให้พร้อมกับจอ Monitor ที่คอยบอกสถานะของรถของเรา ตรงนี้จะใช้เวลารอประมาณ 3-5 นาทีนะครับ
ด้านข้างจะมีโถงลิฟต์ที่เชื่อมต่อด้วย Keycard Access การตั้งอยู่ตำแหน่งนี้จัดว่าสะดวก เพราะว่าจะเข้าจากด้านหน้าหรือด้านหลังก็สามารถใช้งานได้ง่าย
ภายในตกแต่งด้วยลายหินอ่อนสีขาวทำให้ดูสว่าง มีลิฟต์โดยสารมาให้ 3 ตัว ขนาดค่อนข้างกว้างครับ
ด้านในสุดจะมีส่วนของห้อง Mail Box ที่จะรวบรวมไว้ที่จุดเดียวให้ ง่ายแก่การใช้งาน สามารถมาเอาของแล้วก็ขึ้นห้องได้เลย
กดลิฟต์มาที่ชั้น 8 กันก่อนนะครับ เพราะเป็นชั้นแรกของห้องพักอาศัย ชั้น 2-7 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดเลย ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่พักอาศัยแล้ว ยังเป็นชั้นแรกของพื้นที่ส่วนกลางด้วยเช่นกัน ไปดูกันเลย
ชั้น 8 นี้จะมีทั้งหมด 21 ยูนิต ที่มีบางส่วนเป็นห้อง Garden View ด้วย เพราะมีพื้นที่สวนกลางที่เป็นสวนอยู่ที่ชั้นนี้ โดยชั้นนี้จะมีลิฟต์โดยสารให้ 3 ตัว ล็อคชั้นทั้งหมด (ยกเว้นชั้นที่มี Facility ส่วนกลาง) และลิฟต์บริการ 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์โดยสารของอาคารอยู่ที่ 158 : 1 ถือว่าค่อนข้างเยอะอาจจะทำให้ต้องใช้เวลารอลิฟต์สักหน่อยในชั่วโมงเร่งด่วน (ส่วนของห้องผมจะไปอธิบายในชั้นพักอาศัยอย่างละเอียดอีกทีนะครับ)
พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้มีทั้ง Indoor และ Outdoor คือส่วน Meeting Room และ Co-Working Space ที่เชื่อมจะเปิดต่อกันหรือจะปิดกั้นสัดส่วนก็ได้ พร้อมพื้นที่ภายนอกที่เป็นสวนที่ออกมาสูดอากาศรับวิวได้ โดยลูกบ้านในชั้นนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์และพื้นที่ส่วนกลางให้เรียบร้อย
พื้นที่ส่วนกลางจะแยกไปที่ฝั่งของอาคาร ส่วนอีกฝั่งจะเป็นทางเข้าพื้นที่พักอาศัย ซึ่งแน่นอนครับ จะต้องเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access ได้ความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
ภายในรูปจะมีห้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกขวามือคือห้อง Meeting Room ส่วนอีกห้องคือ Co-Working Space ครับ
มาดูส่วนแรกกันก่อน เป็นห้องประชุมรับวิวสวน ที่สามารถเปิดเชื่อมกันกับห้อง Co-working Space ได้ ข้อดีคือใช้งานได้หลากหลาย และรองรับคนได้หลายที่นั่ง
อีกห้องคือ Co-working Space จริงๆก็มีบรรยากาศคล้ายกัน ต่างกันที่ชุดเฟอร์นิเจอร์นั่นแหละครับ ตรงนี้จะดูสบายๆ เป็นกันเองมากกว่า ชุดโต๊ะจะแยกเป็นกลุ่มย่อย ซึ่งก็เหมาะกับการเลือกใช้งานได้หลากหลายกลุ่ม
ไฮไลท์คือรับวิวสวนเช่นกันทั้ง 2 ห้องเลย เป็นบรรยากาศดีที่ในการประชุมหรือทำงาน อ่านหนังสือไม่น้อยเลยครับ
เปิดประตูออกมาดูด้านนอกจะเจอกับพื้นที่สวน เป็นพื้นที่สวนเล็กๆเพื่อเพิ่มบรรยากาศ และเป็นวิวให้กับ Co-working Space โดยจะปลูกต้นไม้และมีสนามหญ้าให้ออกมาเดินเล่นสูดอากาศรับวิวสูงกันได้เหมือนกัน
ขยับขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 22 นะครับ จะเป็นห้องพักอาศัยรวมอยู่กับพื้นที่ส่วนกลางเช่นกัน แต่จะมีห้องพักอาศัยเหลือน้อยลงแล้วนะครับ
ชั้น 22 เป็นชั้นที่จำนวนห้องพักลดเหลือ 11 ยูนิตต่อชั้น มีโถงทางเดินแบบ Single Corridor ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ชั้นนี้ยังมีสวนหย่อมเล็กๆ Mini Relax Garden ให้มาสำหรับออกไปเดินเล่นชมวิวสูดอากาศภายนอกได้ ลูกบ้านก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวจากลูกบ้านชั้นอื่นเช่นเดิมเนื่องจากมีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนกลางกับห้องพัก ยกเว้นห้องมุม 1 Bedroom Flexi 41.50 – 43.00 ตร.ม. ทิศเหนือห้องเดียวเลยครับ แต่ก็แลกกับที่ห้องนี้สามารถมองเห็นวิวสวนได้แบบใกล้ชิดที่สุดเช่นกัน
เปิดประตูออกมาจะเจอทางเดินยาวที่รับด้วยแนวต้นไม้เลย เรียกว่าเปิดมาก็เจอสีเขียวร่มรื่นเลยครับ
พื้นที่ Mini Relax Garden ตรงนี้ก็มีพื้นที่รับรองหลากหลาย ที่ผมชอบคือตรงนี้จริงๆแล้วเป็นพื้นที่คล้ายๆกับสวนของชั้น 8 แต่ทางโครงการเขาจัดรูปแบบบรรยากาศให้ต่างกับสวนของชั้น 8 อย่างชัดเจน ทำให้มีพื้นที่ให้สามารถใช้งานที่แตกต่างกัน และมีตัวเลือกที่หลากหลาย
เขยิบขึ้นมาอีกที่ชั้น 36 เรียกว่าเข้าสู่ส่วนที่เป็น Main Facilities ของโครงการกันแล้วนะครับ ชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้น ไม่มีห้องพักอาศัยแล้ว และจะเน้นไปที่ส่วนของสระว่ายน้ำครับ โดยจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงไว้ให้พร้อมเลย
ชั้น 36 เป็นชั้น Facility ส่วนกลางมีห้องน้ำแยกชายหญิงสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและมี Steam & Sauna ภายในให้ใช้งานด้วย ไฮไลท์หลักๆจะอยู่ที่สระว่ายน้ำ Shade & Shine Sky Pool รวม 34 เมตร (โดยจะมีด้านที่ยาวที่สุดอยู่ที่ 18.5 m กว้าง 4.6 m ลึก 1.2 เมตร) พร้อมสระเด็กลึก 30 เซนติเมตรภายในตัว และมีมุม Deck Garden เล็กๆ ใช้รับวิว และเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนกลางชั้นอื่นๆได้ด้วย
โถงลิฟต์ของชั้นนี้จะเข้าออกได้ 2 ฝั่ง สำหรับจะไปเปลี่ยนชุดฝั่งห้องน้ำก่อน หรือจะเดินไปลงสระอีกฝั่งเลยก็ได้ ตรงนี้จะมีสวนเล็กๆและบันไดขึ้นลงชั้น 36-38 ให้ด้วย เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางด้านบน จุดเด่นของสระลักษณะแบบนี้จะช่วยทำให้รับวิวได้หลากหลายมุม อย่างที่เราเห็นนี่รับวิวได้มากกว่า 180 องศา ใครชอบด้านไหนก็ไปด้านนั้น ส่วนสระเด็กจะมีพื้นที่พักคอยของพ่อแม่ให้ด้วย ใกล้กับจุดล้างตัวและห้องน้ำ
โถงลิฟต์ที่เข้าออกได้ 2 ฝั่ง ลองออกไปดูฝั่งบันไดกันก่อนนะครับ
เปิดประตูออกมาจะเจอกับพื้นที่นั่งพักผ่อนริมสระ มีทั้งวิวสระและวิวสวนให้เลือก
ด้านข้างมีบันไดที่เชื่อมต่อไปยังชั้น 37 และ 38 ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางอีก 2 ชั้นด้านบน มีบันไดเล็กๆลงไปรับวิวสวนด้วย
สวนตรงนี้ขนาดอาจจะเล็กหน่อย แต่จะมีจุดเด่นที่มี Background เป็นวิวมุมสูงที่ค่อนข้างสวยเลยครับ
มาดูสระว่ายน้ำกัน อย่างที่บอกไปว่าเป็นสระรูปตัว U ระบบเกลือ ขนาด 34 เมตร ลึก 1.2 เมตร (ด้านที่ยาวที่สุดอยู่ที่ 18.5 m กว้าง 4.6 m ลึก 1.2 เมตร พร้อมสระเด็กลึก 30 เซนติเมตรภายในตัว)
เป็นสระแบบ Semi- Outdoor ที่โดยทั่วไปแล้วหลายคนอาจจะคิดว่าคงอึดอัดและรับวิวได้น้อย ซึ่งจริงๆแล้วในเชิงของการใช้งานจริง ส่วนตัวผมมองว่าแบบนี้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะใช้งานได้ทั้งวัน ไม่ว่าจะแดดแรงหรือฝนตก และในแง่ของการออกแบบเขาก็ยกเพดานขึ้นสูง แถมยังใช้วัสดุเป็นกระจกเงา ที่ช่วยทำให้ดูโปร่งและโล่งมากยิ่งขึ้น แถมยังมีตำแหน่งที่จัดว่าสูงที่สุดในย่านรัชโยธิน ทำให้รับวิวรอบข้างได้โล่งทั้งหมดทุกด้านที่เห็นเลย
ตัวสระเองก็มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับเดินได้รอบ รวมถึงมีพื้นที่พักคอยและพักผ่อนให้ตลอดแนวทางเดิน
ด้านในมีสระเด็กในตัวลึก 30 ซม. มีพื้นที่นั่งเล่นด้านข้าง และจุดล้างตัวด้านใน
ด้านในจะมีห้องน้ำแยกชายหญิง ซึ่งอย่างที่บอกไปว่า สามารถเชื่อมกับโถงลิฟต์ได้ด้วย
ห้องน้ำที่ให้มาก็ไม่ได้เล่นๆเลย เพราะขนาดภายในใหญ่ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้หลายคน ลองไปชมกันครับ
ด้านในจะมีห้องอาบน้ำและส่วนของโถปัสสาวะก็แยกเข้ามุมชัดเจน
มีห้องน้ำให้บริการใกล้ทางเข้าออก
พร้อมห้อง Steam &Sauna หน้าส่วนของ Locker เรียกว่ามีมาให้ครบตามมาตรฐานของห้องน้ำตามสระว่ายน้ำครับ
มาต่อกันที่ชั้น 37 ซึ่งชั้นนี้จะเน้นไปที่พื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร รับวิวรอบด้าน
ชั้น 37 เป็นชั้นสำหรับพักผ่อนและออกกำลังกาย ทิศใต้มี Sky Fitness ชมวิวได้รอบด้าน ประกอบไปด้วย
- Private Salon ซึ่งเป็นห้องพิเศษสำหรับที่นี่เนื่องจากลูกบ้านสามารถจ้างช่างแต่งหน้าทำผมเข้ามาทำให้ถึงที่ โดยที่ไม่ต้องให้เข้าไปในห้องส่วนตัว สามารถมานั่งแต่งหน้าได้ที่นี่เลย
- Kid Room ห้องสำหรับเด็ก หรือให้เด็กมารอคุณแม่ทำผมก็ได้
- Laundry มีห้องซักผ้าให้ด้วย
- Sky Fitness – มีพื้นที่ประมาณ 85 ตารางเมตร กระจกล้อมรอบให้ออกกำลังกายไปด้วยได้ชมวิวเมืองไปด้วย รับวิวรอบด้าน
- Bar & Pantry Sky Lounge พื้นที่รับรองและสังสรรค์กันได้ สามารถจองพื้นที่สำหรับใช้งานได้กับนิติบุคคลเลยครับ
- Party Room ทั้งหมดเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ Co-Function แต่ก็สามารถเลื่อน Partition มากั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ด้วย
เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของ Bar & Pantry Sky Lounge พื้นที่รับรองและสังสรรค์รับวิวบรรยากาศภายนอก
ส่วนตัวผมชอบส่วนของ Bar ตรงนี้นะครับ เพราะกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนได้ จะมานั่งคุยกัน นำเครื่องดื่มขึ้นมาแช่ ดูบอลกับเพื่อนได้สบาย ด้านในมีทางเชื่อมต่อกับ Lift Service สำหรับให้พนักงานมา Maintainance ได้ด้วย
ถัดมาจะเป็นพื้นที่รับรองขนาดใหญ่เชื่อมกันได้หลายส่วน
ส่วนแรกจะเป็น ส่วนของ Sky Lounge ที่จัดมุมพักผ่อนมาให้หลากหลาย รับวิวสูง เห็นวิวรัชโยธินค่อนข้างโล่งเลย สามารถเชื่อมกับพื้นที่ส่วนด้านในสุดได้อีก
เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายกลุ่มเลยนะครับ ทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องเป็นมุมโปรดของใครหลายๆคนแน่ๆ
ด้านในมีห้อง Party Room ให้ด้วย ซึ่งจะสามารถแบ่งความเป็นส่วนตัวออกจาก Sky Lounge ได้ หรือใครที่มาเป็นกลุ่มก็จองใช้งานกับนิติบุคคลได้เลยนะครับ
ยังไม่หมดเท่านี้นัครีบ ชั้น Rooftop ก็มีพื้นที่ Sky Garden และ Exclusive Sky Deck ที่สามารถขึ้นมาชมวิวได้ให้อีกจุด
ชั้นนี้จะต้องขึ้นมาจากบันไดด้านข้างที่เชื่อม 3 ชั้น ระหว่าง ชั้น 36-38 นะครับ จะเป็นสวนขนาดใหญ่ มีแนวทางเดินรอบ
พร้อมพื้นที่ระเบียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ รับวิวโล่ง
วิวตรงนี้ก็จะประมาณนี้ครับ ด้วยความสูงของตัวอาคารจึงทำให้รับวิวได้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีตึกไหนมาบังเลย
แนวทางเดินเชื่อมต่อไปยังด้านหลังของชั้นนี้ครับ จะเป็นสวนยาวเข้าไป และมีบันไดเชื่อมขึ้นไปชั้นบน
บันไดตัว U ตรงนี้ก้เชื่อมขึ้นต่อไปสู่พื้นที่ชั้นบนสุด (สุดแล้วจริงๆครับ) ของอาคารนี้
ใครที่ชอบถ่ายรูปผมแนะนำเลยนะครับ เชื่อว่าเป็นมุมถ่ายรูปที่ดีของใครหลายๆคนได้เลย
ชั้นบนสุดนี้จะเป็นพื้นที่หนีไฟทางอากาศของอาคารครับ
มาดูชั้นพักอาศัยกันบ้าง ขึ้นจากชั้น 8 มาที่ชั้น 19 จะมีทั้งหมด 23 ยูนิต โดยห้องพักอาศัยผมขอแยกออกเป็น 2 โซนนะครับ โซนแรกใกล้โถงลิฟต์ เป็นทางเดินแบบ Single Corridar มีห้อง 2 Bedroom ขนาด 48.00 ตร.ม. อยู่ที่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้, ห้อง 1 Bedroom Plus Corner Type A ขนาด 39.00 ตร.ม. ที่มุมฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และห้อง 1 Bedroom Corner ขนาด 39.50 ตร.ม. 1 ห้อง (ตรงกลางฝั่งทิศตะวันตก) จุดเด่นของห้องนี้คือไม่มีผนังห้องด้านไหนติดกับห้องอื่นเลย
ส่วนห้องอื่นๆรับจะวิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลักจะเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมด ขนาดต่างกันไป โดยจะมีห้อง 1 Bedroom Flexy ขนาด 41.50 – 43.00 ตร.ม. อยู่ 4 ยูนิต ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และห้อง 1 Bedroom และ Studio ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอีกโซนจะเป็นโถงทางเดินแบบ Double Corridor ไกลลิฟต์หน่อย แต่ข้อดีก็ไม่ต้องมีใครผ่านไปมาหน้าห้องมากนักประกอบไปด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.50 – 33.00 ตร.ม.และห้อง Studio ขนาด 24 – 25.5 ตร.ม. ไฮไลท์อีกห้องทางฝั่งนี้คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.50 ตร.ม. ที่อยู่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะได้ช่องแสงหน้าห้องและไม่ต้องติดกับห้องไหนเลย
ชั้น 20-21 การวางผังเหมือนชั้น 9-19 แต่ขนาดห้องทางทิศตะวันตกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ชั้น 23-35 เป็นชั้นห้องพักมาตรฐานมีทั้งหมด 11 ยูนิตต่อชั้นเหมือนกับชั้น 22 แต่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางและวางผังห้องแบบ Single Corridor ทั้งหมด ทำให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1 Bedroom จะมี 2 Bedroom เพียง 2 ห้องตรงมุมทางทิศตะวันตกกับทิศใต้
โถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยจะมีตำแหน่งอยู่กลางอาคาร ทำให้สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง สะดวกแก่การใช้งาน
โถงทางเดินในส่วนที่เป็น Single Corridor ก็ดูดีนะครับ มีช่องแสงให้ที่สุดแนวทางเดิน
ส่วนโถงทางเดินแบบ Double Corridor ก็ได้ช่องแสงที่สุดแนวทางเดินขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น 1
- Lobby Lounge
- Mail Room
- Garden
ชั้น 8
- Private Garden
- Meeting Room
- Study Room
ชั้น 22
- Mini Relax Garden
ชั้น 36
- Shade & Shine Sky Pool ระบบเกลือ ขนาด 34 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- Kids Pool ระบบเกลือ ขนาด 4.5 เมตร ลึก 0.30 เมตร
- Steam & Sauna
ชั้น 37
- Sky Fitness
- Kids Room
- Private Salon
- Laundry
- Exclusive Foyer & Bar
- Sky Lounge
- Party Room
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร (ลิฟต์ล็อคชั้นล็อคอาคาร )
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 158 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถอัตโนมัติประมาณ 273 คัน จอดรถทั่วไป 59 คัน รวม 332 คัน คิดเป็น 70 %
- Access Control ระบบ Key Card ควบคุมการเข้า –ออก
- CCTV พร้อมระบบการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด
แบบห้อง
สำหรับที่นี่ทุกห้องจะมีฝ้าเพดานสูง 3 เมตร ส่วนครัวฝ้าสูง 2.6 เมตร (เนื่องจากเป็นพื้นที่งานระบบ 40 เซนติเมตร) เครื่องปรับอากาศที่ได้ในห้องทุกห้องของโครงการนี้คือแบบ Concealed Type ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดาน มาพร้อมกับม่านทึบและ Drop ฝ้าซ่อนรางม่านไว้ให้ด้วย ทำให้ดูเรียบร้อย โครงการจะขายในรูปแบบ Fully Furnished ทุกห้อง เริ่มต้นที่ได้ Digital Door Lock จาก Dormakaba, ตู้รองเท้า, ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร, โซฟา, ชั้นวางทีวี, ฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า, ชุดครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ หน้าบานต่างๆเป็นลามิเนต High Gloss สีขาว อ่างล้างจานสเตนเลสและเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอกจาก Teka มี Back Splash เป็นกระจกให้ ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ที่ปิดผิวพื้นและผนังด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก American Standard ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สายชำระ ที่ใส่กระดาษชำระ Hand Shower จะเป็นของ Grohe พร้อมฉากกั้นอาบน้ำแบบ Frameless พื้นภายในห้องจะเป็นลามิเนตหนา 8 มม. และกระเบื้องแกรนิตโต้ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight ทั้งห้อง กระจกจะเป็นกรอบบานอลูมิเนียมสีดำกระจก Safety Glass
ห้อง 1 Bedroom Flexi ขนาด 41.50-43.00 ตารางเมตร ห้องนี้มีการจัดพื้นที่ได้น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งานภายในได้ค่อนข้างหลากหลายตามชื่อ เพราะคำว่า Flexi ก็มาจากคำว่า Flexible นั่นเอง ห้องนี้จะมีครัวอยู่ด้านหน้า เป็นครัวเปิดที่มีเคาน์เตอร์เป็นรูปตัวยู เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารเพราะจะได้มีพื้นที่สำหรับเตรียมของเยอะขึ้น แต่ในการใช้งานครัวเปิดอาจจะทำให้เวลาทำอาหารมีกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ ซึ่งเราสามาถเปิดเครื่องดูดควันช่วยได้ในระดับนึง แต่ถ้าใครอยากได้เป็นครัวปิดเลยก็สามารถกั้นต่อเติมได้ตามแนวเส้นประระหว่างครัวและห้องนั่งเล่นได้ ห้องน้ำในห้องนี้เป็นแบบห้องน้ำสำเร็จรูปมาตรฐานโรงงาน แต่จะเป็นแบบสามารถเปิดได้ 2 ทาง เข้าได้จากส่วนครัวและห้องนอน ช่วยในเรื่องของความสะดวกและความเป็นส่วนตัวได้ดี ในกรณีที่มีแขกก็สามารถมาใช้งานได้โดยไม่ต้องเดินเข้าห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัว ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางเป็นชุดโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง หรือถ้าใครอยากปรับเป็นพื้นที่รับประทานอาหารก็สามารถวางที่นั่งได้ประมาณ 4 ชุด ถัดไปจะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่นอีกส่วนนึงที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ พื้นที่บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกับห้องนอน สามารถกั้นบานเลื่อนเปิด-ปิดได้ ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนระเบียงของห้องนี้จะได้ระเบียงขนาดยาวขึ้น สามารถใช้งานได้มากกว่าห้อง Studio เดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดกันในห้องตัวอย่างกันเลย
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลย ซึ่งจะรวมพื้นที่ครัวหน้าประตูอยู่ในพื้นที่เดียวกัน สังเกตดูจะเห็นว่าค่อนข้างโล่ง เพราะยกฝ้าขึ้นถึง 3 เมตร และมีแนวกระจกขนาดใหญ่ที่รับช่องแสงได้เยอะ
ส่วนหน้าห้องจะมีมาให้ทั้งชุดครัวตัว L ด้านข้างเป็นชั้นวางรองเท้า และห้องน้ำครับ พื้นที่ตรงนี้จะใช้พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่มีพื้นผิวมันและมีขนาดใหญ่ ทำให้มีรอยต่อระหว่างแผ่นซึ่งเป็นพื้นที่สะสมสิ่งสกปรกน้อย และทำความสะอาดง่าย
ส่วนตู้ชั้นวางของครัว Built-in ให้มาเป็นแนวตัว L สามารถเก็บของได้เยอะ หน้าบานเป็น ลามิเนต High Gloss สีขาวทั้งชุด จะได้ Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาวยาวเป็นตัว L เลยครับ ไม่มีรอยต่อ ซึ่งมีความคงทนและแข็งแรงกว่าหินธรรมชาติสามารถทนรอยขูดขีดได้ดี ด้านหลังครัวกรุกระจกมาให้กันเปื้อนเวลาทำอาหาร สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
ส่วนครัวมีระยะความกว้างประมาณ 0.8 เมตร อาจจะแคบไปหน่อยสำหรับนั่งรับประทานอาหารฝั่งนี้ถ้ามีคนเดินเข้าออกพื้นที่ครัว แนะนำว่าให้สลับฝั่งเก้าอี้รับประทานอาหารไปอยู่ด้านนอกจะได้พื้นที่กว้างขึ้นทางด้านขวามือริมเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นพื้นที่วางตู้เย็นประมาณ 0.7 x 0.6 เมตร
ด้านข้างประตูจะให้ชั้นวางรองเท้า Built-in มาให้สูงถึงฝ้าแบบนี้เลย มีดีไซน์ที่เรียบเนียนไปกับผนัง ดูเรียบร้อยดี สามารถเก็บรองเท้าและของได้เยอะเหมือนกันครับ
ส่วนพื้นที่ครัวนี้จะสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตรนะครับ เพราะเป็นพื้นที่งานระบบของแอร์แบบ Conceal Type ที่ซ่อนไว้ให้ ดูเรียบร้อยทีเดียว
ด้านข้างจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งสังเกตดูจะมีระดับสูงกว่าพื้นห้องเล็กน้อย เพราะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปนั่นเอง เนื่องจากด้านล่างเป็นพื้นที่ระบบต่างๆ ทำให้เวลาก้าวเข้าห้องน้ำจะต้องระวังหน่อยสำหรับคนที่ไม่ชินอาจจะสะดุดได้นะครับ
หลายคนได้ยินคำว่าห้องน้ำสำเร็จรูปแล้วอาจจะรู้สึกไม่ดี แต่รู้ไหมครับว่าจริงๆแล้วห้องน้ำสำเร็จรูปนั้นมีมาตรฐานในการตรวจสอบข้อผิดพลาดต่างๆมาดีกว่าห้องน้ำทั่วไป แถมยังทำการซ่อมและแก้ไขเวลาเกิดปัญหาได้ง่ายกว่าด้วย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยครับ แข็งแรงและดูดีไม่แพ้ห้องน้ำปกติแน่นอน
ภายในห้องน้ำจะปูพื้นและกรุผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินให้ดูสวยงาม ด้านหลังอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ก็มีผนัง Low Wall ยื่นออกมาประมาณ 10 เซนติเมตร สามารถวางของตกแต่ง หรือของใช้ส่วนตัว ได้กระจกเงาบานใหญ่มาเต็มบาน มีพัดลมดูดอากาศติดให้ด้านบน
ห้องน้ำห้องนี้เป็นแบบ Jack & Jill ที่สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง คือทางฝั่งหน้าห้อง และภายในห้องนอน ข้อดีคือจะช่วยให้สะดวกแก่การใช้งาน ได้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละพื้นที่ ขนาดพื้นที่ภายในห้องก็กว้างดีครับ ใช้งานได้สะดวก
อ่างล้างหน้าแบบมีเคาน์เตอร์ด้านล่าง และโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นจาก American Standard พร้อมอุปกรณ์ต่างๆจาก Grohe ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน
ส่วนอาบน้ำจะให้กระฉากกั้นอาบน้ำกระจกแบบ Frameless มาให้ ส่วนอาบน้ำจะได้ Hand Shower จาก Grohe พร้อมเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้ที่ผนังด้วย
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.85 x 1.25 เมตร อาบน้ำได้สบายๆไม่อึดอัด
มาดูภายในห้องกันต่อเลย เป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ตรงนี้จะปูพื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. จากเยอรมัน ถัดไปจะมีบานกระจกกั้นที่สามารถแบ่งพื้นที่ให้ความเป็นส่วนตัวได้ เวลาพาเพื่อนหรือแขกมาที่ห้องก็เลื่อนปิดให้อยู่กันเฉพาะโซนนั่งเล่นไปเลย แต่ก็ยังได้รับแสงธรรมชาติและเห็นวิวจากหน้าต่างได้ด้วย เฟอร์นิเจอร์ตรงนี้จะได้โซฟากับชั้นวางทีวีนะครับ
จะได้ชั้นวางทีวีมาให้หน้าตาแบบในรูป ซึ่งจะเหลือพื้นที่ด้านบนให้สามารถ Built-in เป็นตู้เพิ่มเติมได้ จะได้เพิ่มพื้นที่เก็บของหรือเอาไว้โชว์ของสะสมก็ได้ครับ ประตูด้านข้างฝั่งซ้ายคือห้องน้ำ ฝั่งขวาคือห้องนอน ซึ่งผนังตรงกลางที่เหลือนี้จะเป็นตัวกำหนดขนาดทีวีไปโดยปริยาย เพราะถ้าทีวีขนาดใหญ่เกินก็จะหลุดขอบผนัง หรือไปบังแผงสวิทช์ไฟได้
ชั้นวางทีวีตรงนี้ใส่ของด้านล่างได้เยอะเหมือนกันครับ แนะนำว่าถ้าใช้เป็นทีวีแขวนผนัง จะได้พื้นที่วางของตรงนี้เพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนโซฟาที่ได้มาก็จะมีหน้าตาประมาณนี้เลย เหมาะกับการใช้งาน 1-2 คน
ส่วนเชื่อมต่อไปยังด้านในของห้องจะเป็นแนวกระจก 4 บานสูงจากพื้นถึงฝ้าเลย ซึ่งข้อดีคือสามารถเปิดได้กว้าง ครับ
ส่วนห้องนอนสามารถกั้นพื้นที่แยกเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นได้อีก โดยการดึง Partition บานเลื่อนมากั้นได้ หน้าบานของบานเลื่อนเป็นเมลามีนลายไม้แบบเป็นรางแขวนด้านบน ไม่ต้องกลัวเดินสะดุด กระจกหน้าต่างที่ได้เป็นหน้าต่างบานสูง รับแสงธรรมชาติและเห็นวิวได้มาก มีบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ 1 ช่อง ส่วนระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจก 2 ตอน รับแสงธรรมชาติได้เยอะ มีระแนงกั้นตรงระเบียงบังสายตาจากภายนอกได้ ฝ้าเพดานส่วนห้องนี้สูง 3.00 เมตร ซ่อนรางม่านไว้ให้ด้วยครบเลย
ความน่าสนใจของห้องนี้อยู่ที่ส่วนของพื้นที่ตรงกลาง หรือเรียกว่าเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ก็ได้ครับ มีขนาดค่อนข้างกว้าง จัดได้หลากหลาย มีช่องแสงเองในตัวด้วยจะเปิดรับลมระบายอากาศก็ได้
ที่ผมว่ามีความน่าสนใจเพราะพื้นที่นี้เป็นที่มาของชื่อ “Flexy” ของห้องนี้ มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำเล่นและห้องนอน เวลามีเพื่อนมาปาร์ตี้ที่ห้องก็สามารถเป็นส่วนขยายให้ห้องนั่งเล่นใหญ่ขึ้นได้ ด้วยการกั้น Partition ทึบปิดส่วนห้องนอนไว้ หรือเวลาจะนอนดู Netflix แบบสบายๆในวันหยุดก็สามารถขยายเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ด้วยการเปิด Partition และปิดประตูส่วนห้องนั่งเล่นได้ครับ จัดว่ามีความหลากหลายและใช้งานได้เยอะดีครับ
ห้องนอนมีขนาดค่อนข้างกว้าง หลังจากวางเตียง 5 ฟุตแล้ว ยังวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองข้าง สามารถเดินรอบได้แบบสบายๆ ด้านข้างจะมีทางเข้าไปยังห้อง Walk-in Closet และอีกฝั่งเป็นระเบียงครับ
ในห้องนอนจะได้แอร์ Conceal Type อีกชุด รวมถึง Partition ทึบก็เป็นรางแขวนด้านบนด้วย จะเห็นว่าม่านเขาก็ซ่อนไว้ให้เรียบร้อยเลยครับ
ไปดูฝั่งระเบียงกันก่อนนะครับ จะเป็นแนวประตูบานเลื่อน 2 ตอน เปิดได้กว้าง สำหรับเข้าออกระเบียงได้สะดวก
พื้นที่ระเบียงก็กว้าง ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก มีแนวระแนงบังสายตาให้ เพราะเป็นพื้นที่ใช้งานมากกว่า จะตากผ้าก็ทำได้สบายๆเลย ส่วนด้านบนจะแขวน Condensing Unit ให้ไฟกิ่งมา 1 ดวง
วิวของห้องนี้จะหันไปทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโครงการ จะเห็นประมาณนี้นะครับ จัดเป็นวิวที่ค่อนข้างโล่งเลยครับ
มองย้อนกลับเข้าไปภายในห้อง จะเห็นว่ามีทางเดินเข้าไปด้านใน สำหรับเข้าห้องน้ำ และเป็นประตูห้องอีกทางด้วย
ที่สำคัญคือ Built-in ตู้เสื้อผ้ากระจกดำมาให้ยาวตลอดแนวเลย ใช้งานได้ 1-2 คนครับ
มาต่อกันที่ห้องถัดมาครับ เป็นห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 48 ตร.ม. ที่จะมีตำแหน่งอยู่ที่หัวมุมอาคารทางฝั่งทิศตะวันตก จุดเด่นของห้องนี้คือรับวิวสองฝั่ง ซึ่งทางโครงการจะเปิดแนวช่องแสงให้ทั้งแนวทางทิศใต้และทิศตะวันตก หรือจะเรียกว่าเป็นครึ่งนึงของกรอบผนังห้องภายนอกทั้งหมดเลยก็ได้ครับ อีกจุดเด่นนึงคือเขาแบ่งส่วนของพื้นที่ Common Area และ Living Area แยกกันอย่างชัดเจน ทำให้ได้รับความเป็นส่วนตัวในแต่ละพื้นที่ โดยที่ทั้งสองพื้นที่ที่ว่านั้นจะได้ช่องแสงทั้งหมดเลยด้วย
เปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Common Area ก่อนเลย ที่เป็นส่วนของครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น จากนั้นจะมีทางเดินด้านข้างเพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่พื้นที่ Living Area โดยจะมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ข้อดีของการอยู่ตรงจุดนี้คือจะทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทุกพื้นที่ภายในห้อง จากนั้นจะแยกออกเป็นห้องนอนอีก 2 ห้องด้านในครับ เข้าไปชมภาพจริงกันเลย
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนของครัวก่อนเช่นเดิม เป็นครัวเปิดที่มาพร้อมชั้นวางของและรองเท้าฝั่งตรงข้าม ตรงนี้เราสามารถปิดเป็นครัวปิดเองได้นะครับ พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้เช่นเดียวกันกับส่วนของห้อง 1 Bedroom Flexy
ชุดครัวจะมีลักษณะโดยรวมเหมือนเดิมเลยครับ จะเป็นเคาน์เตอร์ตัว L ตามแนวผนัง ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ หน้าบานต่างๆเป็นลามิเนต High Gloss สีขาว
อ่างล้างจานสเตนเลสและเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอกจาก Teka มี Back Splash เป็นกระจกให้ พร้อมพื้นที่เตรียมอาหาร
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นชุดหน้าบานปิดเป็นลามิเนต High Gloss สีขาวเช่นกัน ผมชอบนะครับที่เขาให้พื้นที่เก็บของมาเยอะดี ที่สำคัญได้ที่ใส่รองเท้ามาด้วย
ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นบ้านห้องนี้ อย่างที่บอกครับว่าเขารวมพื้นที่ Common Area ไว้จุดเดียว และแยกไปเป็น Living Area อีกฝั่ง ทำให้ดูมีสัดส่วน เวลาที่มีแขกมาบ้าน ก็ไม่รบกวนพื้นที่ห้องนอนเลยทั้งในแง่ของปาร์ตี้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ทำอาหารที่ห้องครัว หรือการเข้าใช้ห้องน้ำ
พื้นที่ตรงนี้จะรวมพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วย เป็นสัดส่วนดีครับ สามารถทานอาหารไปด้วยดูทีวีไปด้วยได้ ใกล้ครัวและยังได้ช่องแสงอย่างเพียงพอด้วย
ชุดโต๊ะรับประทานอาหารหน้าตาแบบนี้เลย พร้อมเก้าอี้สองตัว ขนาดก็ถูกคิดมาไว้ให้แล้วสำหรับวางเข้าผนังได้พอดีกับระยะหลังจากวางโซฟา ซึ่งจริงๆจะเสริมเก้าอี้ หรือยกออกมานั่งเป็น 4 ที่นั่งก็ได้นะครับในกรณีที่มีแขก
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีประมาณ 2.3 เมตร เหมาะกับการใช้ทีวีขนาดประมาณ 46-48 นิ้ว
ที่ริมหน้าต่างของห้องนี้จะได้ช่องแสงค่อนข้างเยอะ เนื่องจากมีแนวกระจกสูงถึงฝ้า อีกทั้งยังมีประตูกระจกเชื่อมไปยังส่วนของระเบียงด้วย
ตรงนี้เขาจะทำฝ้าซ่อนรางม่านไว้ให้ พร้อมให้ม่านทึบมาด้วยเลย เป็นสีเทาแบบที่เห็น เข้ากับชุดเฟอร์นิเจอร์และ Built-in
ส่วนระเบียงก็จะมีลักษณะเป็นตอนยาวที่มีระแนงมาให้เหมือนห้องก่อนหน้านี้ครับ ใช้งานได้จริง สามารถตากผ้า รองเท้า ผ้าห่ม ได้เต็มที่
ส่วนต่อไปของห้องจะเป็นส่วน Living Area ที่มีทางเชื่อมอยู่ตรงกลาง โดยประตูฝั่งขวามือในรูปจะเป็นห้องน้ำหนึ่งเดียวของห้องนี้ อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทุกพื้นที่ ลองเข้าไปชมกันครับ
เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเช่นเดิม แต่จะเข้าออกได้ทางเดียวแล้วนะ ตกแต่งด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน สี Earth Tone ทั้งพื้นและผนัง วัสดุและอุปกรณ์โดยรวมก็เหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ
ขนาดภายในห้องถือว่าสะดวกใช้งานได้สบายๆ
อ่างล้างหน้าแบบมีเคาน์เตอร์ด้านล่าง และโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นจาก American Standard พร้อมอุปกรณ์ต่างๆจาก Grohe ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน
มาพร้อมแนวกระจกบานใหญ่เช่นเดิม มีผนัง Low Wall ไว้วางของให้ด้วย
ส่วนอาบน้ำจะให้กระฉากกั้นอาบน้ำกระจกแบบ Frameless มาให้ ส่วนอาบน้ำจะได้ Hand Shower จาก Grohe พร้อมเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้ที่ผนังด้วย
พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.25 x 0.85 เมตร ซึ่งจัดว่าค่อนข้างกว้าง อาบน้ำร้องเพลงหมุนตัวเต้นได้สบายๆ
ให้ไฟ Downlight มาถึง 3 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ ถือว่าค่อนข้างเยอะนะครับ
ห้องถัดมาอยู่ประตูบานกลาง คือห้องนอนรองนั่นเอง จะให้ฐานเตียง 3.5 ฟุตมาด้วย ซึ่งภายในขนาดไม่ได้ใหญ่นัก แต่จัดช่องเปิดมาให้เต็มเหมือนเดิม
เป็นบานกระจกสูงแบบ Full Height เช่นเดิม พร้อมบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศได้ครับ
ด้านในของห้องฝั่งทางเข้าก็มีตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนกระจกดำมาให้ด้วย
พื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้าก็สามารถยืนใช้งานได้สะดวก เนื่องจากเป็นบานเลื่อนจึงไม่มีปัญหาในจุดนี้ครับ
ในห้องนี้ก็ให้เป็นแอร์แบบ Concealed Type อีกตัวนะครับ พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง
มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันครับ เป็นห้องนอนที่มี Walk-in Closet ภายในตัว และมีพื้นที่ภายในห้องเยอะ และรับแสงได้เต็มที่เช่นเดิมครับ
วางเตียง 5 ฟุตแล้วก็สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ และเดินได้รอบ ฐานเตียงนี้ทางโครงการก็ให้มาด้วยนะครับ
ได้แนวกระจกสูง Full Height เช่นเดิม ลักษณะเดียวกันกับห้องนั่งเล่นและห้องนอนรอง พร้อมซ่อนรางม่านและให้ผ้าม่านทึบมาด้วย
สำหรับห้องนี้จะมีตำแหน่ง Fixed อยู่ที่หัวมุมอาคารทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้วิวของห้องนี้จะได้ประมาณนี้ครับ เห็นเป็น City View มากที่สุด และเห็น Major รัชโยธินค่อนข้างชัดเจน
ด้านในจะห้องจะมีแนวตู้เสื้อผ้า และพื้นที่สำหรับโต๊ะเครื่องแป้ง ตรงนี้เป็น Walk-in Closet ได้เลย ห้องนี้ก็จะได้แอร์ Concealed Type ขนาดใหญ่เช่นกัน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
17 July 2020
- Studio 24 – 25.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.47 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
- จองเริ่ม 5,000 บาท
- ทำสัญญาเริ่ม 5,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ Mazarine รัชโยธิน ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินใกล้กลับแยกรัชโยธิน ฝั่งเข้าเมืองได้สะดวก ส่วนความอุดมสมบูรณ์ไม่ต้องพูดถึงครับ คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง เช่น อาคารสำนักงาน SCB, ตึกช้าง หาของกินของใช้สะดวกเนื่องจากอยู่ตรงข้ามกับ Major รัชโยธิน สามารถเดินไป Shopping ดูหนังได้ง่ายมากๆ ถัดมาอีกหน่อยก็มีห้างใหญ่ๆอย่าง Central ลาดพร้าว, Union Mall เป็นต้น นอกจากนั้นพื้นที่ย่านนี้ยังมีสถานศึกษาหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้ย่านนี้คึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งการมาของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และการทำอุโมงค์ทางลอดก็ช่วยให้การสัญจรของแถวนี้คล่องและมีตัวเลือกในการเดินทางที่มากยิ่งขึ้น
การเดินทางโดยใช้รถ : การเดินทางโดยใช้รถสามารถทำได้สะดวกเลย เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนพหลโยธินฝั่งเข้าเมือง สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักที่สำคัญหลายเส้น เช่น ถนนงามวงศ์วาน, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนลาดพร้าว, ถนนวิภาวดี และถนนเกษตร-นวมินทร์ แต่การจราจรแถวนี้ค่อนข้างหนาแน่นในเวลาเข้า-ออกงาน ให้เผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วยนะครับ อีกอย่างที่เป็นข้อที่ต้องชมคือ เป็นโครงการติดรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร แต่ให้ที่จอดรถระบบอัตโนมัติและที่จอดแบบธรรมดารวมทั้งโครงการ ถึง 70 % ถือว่าให้มาเยอะดีครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เป็นอีกจุดเด่นของโครงการครับ เริ่มที่มีรถประจำทางผ่านอยู่ตลอดทั้งวัน สามารถเรียก Taxi หรือ วินมอเตอร์ไซค์ได้ง่าย เพราะอยู่บนถนนใหญ่อย่างพหลโยธิน และที่สำคัญคือมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานีรัชโยธิน ที่เพิ่งเปิดให้บริการกันไป อยู่ในระยะ 0 เมตร หน้าโครงการ สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายในเวลาไม่นาน
วัสดุ : โครงการจะขายในรูปแบบ Fully Furnished ทุกห้อง เริ่มต้นที่ได้ Digital Door Lock จาก Dormakaba, ตู้รองเท้า, ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร, โซฟา, ชั้นวางทีวี, ฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า, ชุดครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ หน้าบานต่างๆเป็นลามิเนต High Gloss สีขาว อ่างล้างจานสเตนเลสและเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอกจาก Teka มี Back Splash เป็นกระจกให้ ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ที่ปิดผิวพื้นและผนังด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก American Standard ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สายชำระ, ที่ใส่กระดาษชำระ, Hand Shower จะเป็นของ Grohe พร้อมฉากกั้นอาบน้ำแบบ Frameless พื้นภายในห้องจะเป็นลามิเนตหนา 8 มม. และกระเบื้องแกรนิตโต้ส่วนครัวและหน้าห้อง ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight ทั้งห้อง กระจกจะเป็นกรอบบานอลูมิเนียมสีดำกระจก Safety Glass ได้แอร์แบบ Concealed Type ทุกยูนิต
การออกแบบ : ผมมองว่าเขาทำออกมาตามแนวคิดได้ดีทีเดียว ถ้าใครตามโครงการนี้มาตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ ก็จะเห็นว่าทำออกมาได้แบบที่คิดทั้งหมด มีบางส่วนที่เพิ่มมากขึ้นให้ด้วย เช่น Cover Way ทางเดินเข้าโครงการ และ สวนที่ชั้น 22 ที่จัดแต่งพื้นที่ได้สวยงามยิ่งขึ้น การวางผังโครงการใช้พื้นที่ถนนน้อยดี ทำให้มีพื้นที่สีเขียวภายในโครงการมากยิ่งขึ้น การใช้งานโถงลิฟต์ในแต่ละชั้นก็จัดว่าคำนึงถึงการใช้งานจริง เน้นความสะดวก แต่ยังอยู่ภายใต้ความปลอดภัยอย่างดี มีการวางพื้นที่ส่วนกลางกระจายออกเป็นหลายส่วน ช่วยลดจำนวนผู้ใช้งาน และมีให้เลือกหลากหลายดี ที่สำคัญคือรับวิวมุมสูงที่ทำออกมาจริงแล้วก็รับวิวได้อย่างประทับใจนะครับ
ส่วนตัวห้องพักอาศัยก็ขอชมที่มีห้องให้เลือกหลายแบบ หลายฟังก์ชัน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่หลากหลาย ส่วน Funiture ทั้งลอยตัวและ Built-in ที่ให้มาก็ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับพื้นที่ภายในห้อง รวมถึงมีธีมรวมที่เข้ากันทำให้จัดตกแต่งห้องง่าย ภายในห้องก็วางฟังก์ชันการใช้งานมาดีทีเดียว แบ่งแยกโซนอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือเน้นการรับวิวและแสงจากภายนอก ซึ่งก็ได้ดีทีเดียวครับ นอกจากนั้นยังมีการคำนึงถึงการใช้งานจริง เช่นการเลือกวัสดุปิดผิวพื้นในแต่ละพื้นที่การใช้งาน ไม่ลืมที่จะวางชั้นวางรองเท้าไว้ให้บริเวณใกล้ประตูเข้าออก การจัดพื้นที่ภายในห้องให้สามารถใช้งานพื้นที่รับประทานอาหาร และตู้เสื้อผ้าได้สะดวก รวมไปถึงห้องน้ำที่อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่าย หรือแบบที่เข้าออกได้สองทางก็มีให้เห็นครับ
สาธารณูปโภค : มีหลายพื้นที่ที่น่าสนใจเลยครับ จุดเด่นๆคือทางโครงการเลือกใช้จุดแข็งของตัวเองได้เกิดประโยชน์อย่างดี คือการรับวิวพื้นที่โดยรอบในทุก ๆ ส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง และคำนึงถึงการใช้งานจริง ที่ให้มาขอเริ่มที่พื้นที่จอดรถ 70 % เป็นระบบอัตโนมัติและที่จอดแบบธรรมดาให้เลือก ลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว มีอัตราส่วน 158 : 1 ค่อนข้างหนาแน่น อาจจะต้องรอนานหน่อยในช่วงเร่งด่วน มี Facility หลากหลายกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ ชั้น 1 มี Lobby เพดานสูงพร้อมกระจกบานสูงดูโปร่งสบาย ชั้น 8 มีสวนหย่อม Private Garden และห้อง Meeting Room, Study Room สำหรับนั่งทำงาน สวนที่ชั้น 22 และจุดเด่นอยู่ Triple Floor Sky Facilities 3 ชั้นบนสุดของอาคาร ชั้น 36 มี Shade and Shine Sky Pool สระว่ายน้ำรูปตัว U ชั้น 37 มี Sky Fitness, Sky Lounge ที่มองวิวได้รอบด้าน Party Room, Exclusive Foyer & Bar สำหรับคนที่ชอบปาร์ตี้ Rooftop เป็นพื้นที่สวนและ Exclusive Sky Deck ให้เลือกใช้หลายส่วนครับ
ส่วนตัวของผู้เขียนมองว่าจุดเด่นหลักของโครงการนี้คงต้องยกให้ทำเลที่ตั้งก่อนเลยครับ ทั้งความอุดมสมบูรณ์และการสัญจร เรียกว่าไม่แพ้ใครในย่านนี้ อีกจุดที่ชอบคือรูปแบบห้อง ที่ทำออกมาให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย แถมยังเหมาะกับแต่ละตำแหน่งภายในอาคารด้วย ส่วนสุดท้ายคือพื้นที่ส่วนกลางที่นอกจากจะให้มาหลากหลายแล้ว ทางโครงการก็เลือกวางกระจายออกมาหลายจุดเพื่อลดจำนวนผู้ใช้งานแต่ละพื้นที่ ได้ความเป็นส่วนตัวดี จุดเด่นหลักๆคือรับวิวสูง ที่น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สูงที่สุดในย่านนี้เลย ทำให้ได้รับวิวค่อนข้างโล่งและสวยทีเดียว ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ทำให้ Mazarine รัชโยธิน มีราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 170,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งเป็นแบรนด์ที่สูงที่สุดที่ Grand Unity ทำออกมา ถ้าใครชอบในจุดเด่นเหล่านี้ที่ผมบอกไปและกำลังมองหาคอนโดลักษณะนี้อยู่ก็ไม่ควรมองข้ามโครงการนี้นะครับ แต่สำหรับใครที่เน้นไปที่การตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางและวัสดุภายในห้องที่หรูหรา บางส่วนอาจจะยังไม่ “ว้าว” เท่าไหร่เมื่อเทียบกับโครงการในระดับราคานี้
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 170,000 บาท/ตร.ม., 17 July 2020
- ทำเล 8.75/10 – ใกล้ Major รัชโยธิน และติดสถานีรถไฟฟ้ารัชโยธิน
- เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ติดถนนพหลโยธินฝั่งเข้าเมือง อยู่ใกล้แยกรัชโยธิน ให้ที่จอดรถเยอะ
- ไม่ใช้รถ 8.75 /10 – ติดสถานีรัชโยธิน มีรถสาธารณะผ่านตลอด สามารถเรียกรถง่าย
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished ห้องน้ำสำเร็จรูป ฝ้าเพดานสูง 3.0 เมตร ได้กระจกบานสูง
- แบบ 8.25/10 – ออกแบบวางผังโครงการดี มีพื้นที่ส่วนกลางสวย การวางผังห้องมีความเป็นส่วนตัวดี ห้องพักเป็นสัดส่วน สามารถใช้งานได้หลากหลาย
- สาธารณูปโภค 8/10 – ได้ที่จอดรถ 70 % อัตราส่วนลิฟต์เยอะไปหน่อย มี Facilities หลากหลาย รับวิวสูง
- HIGH CLASS
- 8.36 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Mazarine รัชโยธิน เหมาะกับคนที่ต้องการที่พักอาศัยบนถนนใหญ่ใกล้ที่ทำงานในย่านรัชโยธิน เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และรถสาธารณะ ใกล้ห้างในระยะเดินถึง ชอบห้องที่มีการจัดวางผังแบบยืดหยุ่น และรับวิวได้ดี มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องเผื่องบตกแต่งเยอะ มี Facilities ให้ใช้หลากหลายรับวิวจากมุมสูง มีงบประมาณตั้งแต่ 3.5 – 9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 25,000 – 63,000 บาทต่อเดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving