…กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวโครงการ Kave Mutant Salaya ซึ่งหลังจากผ่านมาไม่ถึง 2 ปี ก็สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะครับ นับว่าเป็นอีกหนึ่งคอนโดใกล้มหาลัยจาก AssetWise ที่หลายๆคนตั้งตารอว่าของจริงจะเป็นอย่างไร เพราะคอนโดแต่ละแห่งของแบรนด์นี้ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้ง Facilities และมีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป โดยผมได้รวบรวมจุดเด่นหรือ Highlights ที่น่าสนใจเอาไว้ให้ดังนี้
- ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 32 ฟังก์ชัน เกิดจากการสำรวจตลาดและสอบถามความต้องการของน้องๆ ทำให้ได้ Facilities ที่ตอบโจทย์นักศึกษาในย่าน
- เป็นโครงการเดียวในย่านที่มีห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ให้เลือก มีความแปลกใหม่และได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน
- ทำเลใกล้ ม.มหิดล ศาลายา เดินทางง่ายและหาของกินได้สะดวก
ข้อมูลโครงการ
Kave Mutant Salaya (เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา) ณ วันที่ 1 November 2022
- ชื่อโครงการ : Kave Mutant Salaya (เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา)
- ชื่อผู้ประกอบการ : บริษัท แอสเซทไวส์ จํากัด (มหาชน)
- SEGMENT CLASS : MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถ.ศาลายา – นครชัยศรี อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
- ที่ดิน : 4-2-51.81 ไร่
- ประเภทคอนโด : Low Rise 7 ชั้น 3 อาคาร
- จำนวนยูนิต : 588 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด : 39 ยูนิตที่อาคาร B
- ที่จอดรถ : คิดเป็นประมาณ 41% แบบรวมซ้อนคัน
- สถานะโครงการ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
- ประเภทห้องพัก :
ห้องแบบ Simplex (ชั้น 2 – 6)
- Studio ขนาด 20.59 – 24.31 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 22.09 – 23.34 ตร.ม.
- 1 Bedroom Extra ขนาด 24.04 – 31.44 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive ขนาด 24.59 – 29.33 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม.
ห้องแบบ Vertical Suite (ห้อง Loft บนชั้น 7)
- 1 Bedroom Extra VS ขนาดห้อง 20.81 – 29.42 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 28.46 – 45.76 ตร.ม.)
- 1 Bedroom Exclusive ขนาด 22.09 – 31.44 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 30.88 – 44.01 ตร.ม.)
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 44.28 – 53.66 ตร.ม.)
- ฝ้าเพดานสูง : Simplex สูง 2.5 เมตร, Vertical Suite (Loft) สูง 4.8 เมตร
- ราคาเริ่มต้น : 1.75 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ : ประมาณ 78,000 บาท/ตร.ม.
- เว็บไซต์โครงการ : https://kavecondo.com/condominium/kave-salaya/?utm_source=Web_TOL&utm_medium=full_review&utm_campaign=review_Feb2021
- Call Center : 02-168-0000
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ใกล้ ม.มหิดล 750 m. และมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย ประตู 5
- ทำเลโดยรอบอุดมสมบูรณ์ และมีร้านค้าร้านอาหารที่เปิด 24 ชม. อยู่หลายร้านเลยครับ
พิกัด Google Maps : 13.802106, 100.311226
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ศาลายา-นครชัยศรี หรือที่คนแถวนั้นเรียกกันว่า “โซนหลังมอ” ซึ่งนอกจากจะมีมหาวิทยาลัยหลักๆ อย่าง ม.มหิดล ก็ยังมีมหาวิทยาลัยอื่นๆอยู่ในย่านนี้ด้วยครับ ด้วยเหตุนี้เอง…จึงทำให้มีนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ดึงดูดให้เหล่าผู้ประกอบการและนักลงทุน เข้ามาทำธุรกิจหอพักและคอนโดกันมากมาย
โดยเฉพาะภายใน “ซอยตั้งสิน” จะมีคอนโดเรียงติดๆกันเยอะเลยล่ะครับ ซึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์ที่น้องๆนักศึกษาต่างก็คุ้นเคยกันดี ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร Too Fast To Sleep หรือร้านนั่งชิลต่างๆครบ แต่ก็ถือว่าเป็นซอยที่หนาแน่นและคึกคักอยู่มากพอสมควร เลยทำให้โครงการ KAVE ที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหน่อย แถมยังไม่ต้องเข้าซอย เดินทางสะดวกกว่า แลกกับการที่อาจต้องอยู่คนละฝั่งถนนกับมหาลัยนะครับ
ซึ่งตัวโครงการจะมีระยะห่างจาก ม.มหิดล ที่เป็นระยะเดินใกล้สุดประมาณ 750 m. (นับจากประตูที่ 6) แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็ยังไม่ต้องกังวลไป เพราะเค้าจะมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย ประตู 5 ให้ถึงที่ครับ น้องๆก็จะสามารถไปเรียนได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ส่วนห้างสรรพสินค้าแถวนี้ก็จะมี Makro ที่ใกล้ที่สุด กับอีกหลายๆห้างอย่าง Central และ Tesco Lotus จะอยู่บนถนนบรมราชชนนีเป็นหลักครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ด้านหน้าติดถนนใหญ่ และด้านหลังติดรางรถไฟ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ รางรถไฟ
- ทิศใต้ : เป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ติดกับ ถนนศาลายา-นครชัยศรี และอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก : ติดกับ อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ดินบุคคลอื่น
เรามาดูทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ ซึ่งปัจจุบันก็มีความแตกต่างไปจากสมัยที่ผมเคยมารีวิวอยู่นิดหน่อยด้วยนะ
เริ่มจากทางด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปมหาลัย และก็จะมีอาคารพาณิชย์ตั้งอยู่เรียงรายริมถนนใหญ่ แต่ที่น่าสนใจก็คือ Mcdonald 24 ชม. ที่เพิ่งจะมาเปิดใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นที่พึ่งพิงชั้นเยี่ยมสำหรับช่วงสอบ หรือช่วงที่น้องๆต้องทำงานกันถึงดึกๆนั่นเองครับ
ส่วนทางด้านซ้ายก็จะเป็นอาคารพาณิชย์เหมือนกัน แต่คราวนี้จะมีร้านค้ามาเปิดอยู่ใกล้ๆด้วย ซึ่งจะสามารถเดินมาทานหรืออุดหนุนได้ง่ายกว่า Mcdonald ที่จะต้องข้ามถนนครับ
โดยจะประกอบด้วยร้านโจ๊กสามย่านที่เปิดตั้งแต่เช้า ซึ่งน้องๆสามารถแวะหาไรทานก่อนไปเรียนได้ กับร้านเดอะแซ่บศาลายา ที่ตอนเย็นๆเค้าก็จะเริ่มเอาโต๊ะมากางไว้แบบนี้ และมีเมนูเด็ดเป็นพวกอาหารจิ้มจุ่มต่างๆนั่นเองครับ
นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามยังมีร้านข้าวมันไก่อาม่าที่เปิด 24 ชม.อีกแล้ว รวมถึงในปั้มปตท.ก็ยังมีเซเว่นในระยะที่พอจะเดินไปได้อีกด้วย เรียกได้ว่าใกล้ๆกับโครงการก็มีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควรเลยครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Makro ~ 950 m.
- ตลาดศาลายา ~ 1.7 km.
- Chinatown Salaya ~ 3.7 km.
- Tesco Lotus ~ 5.3 km.
- Central ~ 5.3 km.
- HomePro ~ 5.8 km
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลศาลายา ~ 1.5 km.
- โรงพยาบาลพุทธมณฑล ~ 3.5 km.
- ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ~ 4.5 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ~ 700 m.
- มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ~ 750 m.
- วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ~ 1.1 km.
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ~ 2 km.
- วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ~ 3 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- มีส่วนกลางเยอะกว่า 32 ฟังก์ชัน เน้นพื้นที่นั่งทำงาน และมีฟังก์ชันให้น้องๆได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายร่วมกับเพื่อนๆ
- แบ่งโซนการใช้งาน Facilities ออกจากกันชัดเจน โดยจะกระจายออกไปทั้ง 3 อาคาร ให้ใช้งานกันได้ทั่วถึง และเหมาะกับคนที่มี Lifestyle ไม่เหมือนกัน
- วางผังอาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้อาคารแต่ละด้านจะได้วิวที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป
…ก่อนจะตามผมไปชมโครงการ เราแวะมาคุยกันสักนิดนึง คือเดิมทีโครงการแห่งนี้มีชื่อว่า Kave Salaya แต่ปัจจุบันเค้าได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อ Kave Mutant Salaya เพื่อให้ตรงกับ Concept โครงการมากขึ้น
ซึ่งหลายๆคนอาจเคยได้ยินคำว่า Mutant มาจากหนังพวกซูเปอร์ฮีโร่ X-Men กันมาบ้าง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คอนโดสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์แต่อย่างใด แต่หมายถึงการวิวัฒนาการของที่อยู่อาศัย ที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตของน้องๆนักศึกษาได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น
โดยโครงการแห่งนี้จะเน้นไปทาง Facilities ที่มีมาถึง 32 ฟังก์ชัน ซึ่งเกิดจากการสำรวจตลาด และความต้องการของน้องๆนักศึกษา รวมถึงยังดึงเอาจุดเด่นของเรื่อง “วิทยาลัยดุริยางคศิลป์” มาทำเป็นห้องซ้อมดนตรีจริงจังให้น้องๆได้ใช้งานกันอีกด้วยนั่นเองครับ
Master Plan ชั้น 1 ของโครงการส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารเกือบทั้งหมดครับ โดยจะสามารถจอดได้ประมาณ 41% แบบรวมซ้อนคัน และยังมีแบ่งเป็นพื้นที่จอดมอเตอร์ไซค์แยกเอาไว้ให้ด้วย เพราะมีน้องๆนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มักจะขับรถไปเรียน หรือไปจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ใกล้ๆด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงจะมีโถงลิฟต์แยกในแต่ละอาคาร ให้เราสามารถตรงขึ้นชั้นพักอาศัยได้สะดวกเลยอีกด้วย
ส่วนตรงกลางจะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากเราจะมาใช้งานเดินเล่น/พักผ่อนได้แล้ว สวนแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมฟังก์ชันส่วนกลางในแต่ละอาคาร และช่วยเพิ่มบรรยากาศให้มีความร่มรื่นสวยงามอีกด้วยนะ โดยพื้นที่แห่งนี้จะค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากๆครับ เพราะถ้ามองมาจากภายนอกก็จะไม่เห็นอะไรเลย หรือแม้แต่ Visitor ที่มาหาเพื่อนที่นี่ ก็จะถูกบังคับให้ต้องเดินขึ้นไปบน Lobby บนชั้น 2 อาคาร A ก่อนอยู่ดี
ตัวโครงการจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับถนนใหญ่ไม่กว้างมากนัก ทำให้เมื่อมองจากภายนอกก็แทบจะไม่เห็นด้านในเลย นั่นจึงช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้โครงการแห่งนี้ดูลึกลับน่าค้นหามากขึ้น
และเพิ่มความโดดเด่นของทางเข้าด้วยผนังสีส้มอิฐ ในสไตล์การออกแบบที่เรียกว่า Hybrid Modernique Design ทำให้ดูเท่ดีไม่เบาเลยทีเดียวครับ
การเข้า-ออกจะใช้เป็นระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth ที่จะเปิดให้อัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน ส่วนถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามที่อยู่ทางด้านซ้ายก่อนนะครับ
บรรยากาศที่จอดรถใต้อาคารจะมีทั้งแบบที่จอดในร่มได้เต็มคัน และมีบางส่วนที่ต้องจอดกลางแจ้งแบบครึ่งคัน (ใครมาก่อนก็ได้เลือกที่จอดก่อน ไม่ได้ Fixed ว่าต้องจอดใต้อาคารตัวเอง)
ส่วนภาพด้านล่างจะเป็น Shuttle Service รับ-ส่ง น้องๆไปที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยประตู 5 (จะมีบริการเป็นรอบๆ หรือเป็นช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของนิติในอนาคตอีกที)
แปลนชั้น 2 จะเป็นทั้งชั้นพักอาศัยและ Main Facilities ซึ่งจะมีประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card Access กั้นแยกเอาไว้เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว โดยพื้นที่ส่วนกลางจะแบ่งออกเป็น 3 อาคาร และมีฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
อาคาร A : Learning Zone เหมาะกับคนที่ชอบนั่งทำงาน หรืออาจมีเพื่อนมาหาบ่อยๆ และต้องการความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการได้ง่าย เพราะตึกนี้จะอยู่ด้านหน้าสุด และมีฟังก์ชันพวก Lobby, Co-Idea Space และจุด Meeting ต่างๆให้ได้ใช้ ซึ่งคนภายนอกจะเข้ามาถึงได้แค่ Lobby เท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปส่วนอื่นๆด้านในโครงการได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยของการอยู่อาศัยนั่นเอง
อาคาร B : Rest & Relax Zone โซน Fun Space จะมีขนาดใหญ่มาก ประกอบด้วยโต๊ะพูลและพื้นที่นั่งพักผ่อนต่างๆ นอกจากนี้ยังมีห้องแยกเป็นส่วนตัวไปอีก ได้แก่ VR Room เป็นห้องไว้เล่นเกมส์แบบสามมิติได้ / Music Studio เอาไว้สำหรับซ้อมดนตรี และ KAVE Theater เอาไว้ดูหนังจอใหญ่ๆเหมือนอยู่ในโรง ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบทำกิจกรรมมากๆครับ
อาคาร C : Active Zone ฟังก์ชันหลักๆจะเป็นสระว่ายน้ำ / Fitness / ห้องอเนกประสงค์ และ KAVE Cafe ที่ด้านในจะมีเครื่องชงกาแฟ ให้น้องๆได้มานั่งทำงานจิบกาแฟกันชิลๆ รวมถึงยังมี Botanic Garden ที่จะปลูกพืชผักสวนครัว และสามารถนำมาประกอบอาหารใน Co-Kitchen ที่อยู่ติดกันได้ โดยรวมจึงเป็นอาคารที่เหมาะกับสายรักสุขภาพนั่นเอง
สำหรับ Visitor จะสามารถขึ้นบันไดที่อยู่ด้านหน้า เพื่อไปยัง Lobby ที่อยู่บนชั้น 2 ได้เลยครับ (ส่วนยูนิตร้านค้าที่อยู่ด้านล่างอาจต้องรอดูในอนาคตอีกที ว่าจะมีเจ้าไหนมาเปิดนะ)
เข้ามาภายใน Lobby ที่ปัจจุบันยังใช้เป็นสำนักงานขายของโครงการอยู่ครับ แต่เมื่อขายหมดแล้วก็จะคืนพื้นที่ให้กับลูกบ้านตามเดิม
ซึ่งคนภายนอกก็จะสามารถเข้ามานั่งคอย หรือพบปะลูกบ้านตรงนี้ได้นะครับ รวมถึงทางซ้ายมือก็จะเป็นสำนักงานนิติบุคคล ให้สามารถมาติดต่อธุระกันได้ด้วย
ซ้ายมือจะมีประตูกระจกกั้นเอาไว้ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนของลูกบ้านที่จะต้องใช้ Key Card Access เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย
เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับโถงทางเดินที่เชื่อมต่อไปยัง Facilities ที่อยู่ด้านใน และขวามือจะเป็นโถงลิฟต์หลัก พร้อมกับ Mail Box ให้สามารถแวะรับจดหมายก่อนขึ้นห้องได้สะดวกแบบนี้
ถัดเข้ามาเราจะเจอกับฟังก์ชันส่วนกลางแรกที่เรียกว่า Co-Idea Space ซึ่งจะแบ่งพื้นที่นั่งออกเป็นหลายๆส่วนด้วยกัน
อย่างโซนแรกนี้จะเป็นโต๊ะนั่งแบบจริงจัง พร้อมทั้งมี Partition กั้นแยกเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่ออฟฟิศเลยครับ รวมถึงยังมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ใช้งานได้สะดวกด้วย
อีกด้านหนึ่งก็จะเป็นโซนของโซฟาขนาดใหญ่ ที่สามารถนั่งทำงานไปและชมวิวพื้นที่สีเขียวด้านนอกไปด้วยได้แบบนี้ ซึ่งตอนเย็นๆผมก็เห็นมีน้องๆแวะมานั่งตรงนี้กันเยอะเลยครับ เพราะเป็นทางผ่านก่อนจะเชื่อมต่อไปยังอาคารต่างๆได้อยู่แล้วนั่นเอง
ถัดจาก Co-Idea Space จะมีประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงและสวนภายนอกได้ครับ ซึ่งเค้าก็จะมีชื่อเรียกฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละจุดเยอะเลย
เริ่มที่บริเวณใต้บันไดจะเรียกว่า Hidden Bar ซึ่งเหมาะที่จะมานั่งทำงานอ่านหนังสือ พร้อมกับชมวิวสวนและฟังเสียงน้ำตกที่อยู่รอบๆได้ โดยจะเป็นพื้นที่ในร่มให้มาใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
ฝั่งตรงข้ามเป็นมุมน้ำตกเล็กๆที่เรียกว่า Misty Falls ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นเสียงน้ำไหลเบาๆ และช่วยสร้างบรรยากาศให้กับสวนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ถัดเข้ามาจะเป็นทางเดินที่คดเคี้ยวไปมา เพื่อให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ร่มรื่นของสวนแห่งนี้ ก่อนที่จะผ่านไปยังอาคารต่อไป โดยจะมีชื่อเรียกว่า Valley Forest และ Sunken Lawn
ส่วนด้านในสุดจะเรียกว่า The Common Ground เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ให้น้องๆสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนใต้ร่มไม้ หรือจะใช้เป็นพื้นที่ Outdoor สำหรับทำกิจกรรมต่างๆก็ได้ครับ
ด้านซ้ายของสวนจะเป็นประตูทางเข้าอาคาร B ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้ Key Card Access สำหรับลูกบ้านเท่านั้นนะครับ
เข้ามาด้านในเราจะเจอส่วนที่เรียกว่า Sharing Lobby ซึ่งจะเป็นโถงฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume และมีบันไดเชื่อมต่อไปส่วนกลางที่อยู่ด้านบน
บริเวณใต้บันไดจะมีพื้นที่เล็กๆให้มานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ด้วยนะครับ
ส่วนบันไดก็ทำออกมากว้างและใหญ่กว่าปกติ ดีไซน์คล้ายกับอัฒจันทร์ ที่น้องๆอาจเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นตามขั้นบันไดตรงนี้ด้วยก็ได้นะ
ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอส่วนที่เรียกว่า Fun Space เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 โซนหลักๆคือ พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นโซนนั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้และโซฟากระจายอยู่หลายจุด
ถัดเข้าจะเป็นเครื่องเล่นเกมส์อย่างโต๊ะพูล และ Soccer Game Table ที่น้องๆสามารถมาเล่นสนุกร่วมกับเพื่อนๆได้หลายคนเลยทีเดียว
ส่วนด้านในสุดบริเวณหลังกำแพงจะเป็นโซนของโต๊ะบาร์ ให้มานั่งพักผ่อน/อ่านหนังสือ และชมวิวพื้นที่สีเขียวด้านนอกได้แบบนี้
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่ของ Board Game Area ซึ่งถูกแบ่งโซนไว้ด้วยตู้และชั้นวางของต่างๆ ทำให้พื้นที่ใช้สอยเชื่อมต่อถึงกัน และได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งดีทีเดียวครับ
สำหรับ Board Game Area จะแบ่งย่อยออกเป็นอีก 2โซนคือ ฝั่งที่เป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ให้นั่งเล่นเป็นกลุ่มกันได้หลายคน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเก้าอี้แบบจริงจัง สำหรับนั่งเล่นกันได้ 2 – 4 คน
และตามชั้นวางต่างๆก็จะมี Board Game ให้เราได้หยิบมาเล่นกับเพื่อนๆได้ ซึ่งก็มีให้เลือกอยู่หลายเกมส์เลยครับ
ต่อมาเราจะไปดูพื้นที่อีกด้านหนึ่งของชั้นนี้กันบ้างครับ
ซึ่งบริเวณรอบๆโถงบันไดจะถูกจัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ให้เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อน หรือนั่งทำงานกันได้แบบชิลๆ โดยจะสามารถชมวิวพื้นที่สีเขียวภายนอกได้ด้วยครับ ส่วนฟังก์ชันอื่นๆก็จะถูกแบ่งออกเป็นห้องต่างๆแยกเป็นส่วนตัว
เริ่มที่ห้องแรกคือ Console & VR Room เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่ภายในมีเครื่อง VR ให้เราได้เล่นเกมส์เสมือนจริงร่วมกับเพื่อนๆได้ครับ แน่นอนว่าเค้ามีพื้นที่ว่างเผื่อตรงกลางห้อง ให้เราได้ออก Action ต่างๆเอาไว้ได้เต็มที่แล้ว
ติดกันจะคือ Music Studio เป็นเหมือนห้องซ้อมดนตรีขนาดใหญ่ ที่ภายในจะมีอุปกรณ์เครื่องเล่นดนตรีให้ใช้งานอย่างครบครันเลยครับ และโดยรอบก็เป็นผนังกันเสียง ที่น้องๆสามารถมาฝึกซ้อมดนตรีกับวงได้อย่างเต็มที่เลย
สุดท้ายคือ KAVE Theater ที่ทำให้เหมือนเรามีโรงหนังส่วนตัวภายในโครงการ หรือจะนัดเพื่อนๆมาดูซีรีย์ และดูฟุตบอลร่วมกันก็ได้ครับ
โดยภายในจะเป็นชุดโซฟาแบบ Honeymoon Seat ที่วางซ้อนกันเป็นขั้นบันได 4 ชุด พร้อมเครื่องโฮมเธียเตอร์จาก Klipsch Reference ที่จะติดลำโพงเอาไว้ทุกมุมห้องเลยครับ
ซึ่งฟังก์ชันต่างๆทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็น Console & VR Room / Music Studio และ KAVE Theater การใช้งานจะต้องทำการจองล่วงหน้ากับนิติบุคคลก่อนนะครับ
และตรงสุดโถงทางเดินก็จะมีห้องน้ำให้เดินมาใช้งานได้สะดวกแบบนี้เลย
แปลนชั้น 3 จะยังคงเป็นชั้นที่มีทั้งห้องพักอาศัย และ Facilities ให้ใช้งานที่อาคาร A โดยจะมีฟังก์ชันหลักๆเป็น Co-Working Space และห้องประชุมต่างๆ ซึ่งค่อนข้างจะเงียบสงบไม่วุ่นวาย รวมถึงจะมีบันไดทางเชื่อมตึก ให้สามารถสัญจรผ่านไป-มาได้สะดวกระหว่างอาคาร A และ C อีกด้วยครับ
สำหรับส่วนกลางชั้น 3 ของอาคาร A เราจะขึ้นลิฟต์มาโดยตรง หรือจะเดินขึ้นบันไดมาจากทางด้านหน้าอาคารก็ได้ครับ เพียงแต่ประตูด้านบนจะต้องใช้ Key Card Access สำหรับลูกบ้านเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
โดยลักษณะบันไดจะออกแบบให้มีความคดเคี้ยว เหมือนเป็นทางเดินในถ้ำ/หุบเขาตามชื่อแบรนด์ (ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าเป็นบันไดในปราสาท Hogwarts ด้วยซ้ำ)
เข้ามาภายในเราจะเจอกับโซนของ Learning Hub ซึ่งจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้กระจายอยู่หลายจุด รวมถึงจะมีโถงกลางที่เชื่อมต่อกับ Lobby ชั้นล่างก่อนหน้านี้ได้ด้วย
แต่ที่ชอบก็คือ เค้าจะมีโซนที่เป็นผนังกั้นแยกเอาไว้ เพื่อให้เราสามารถมานั่งคุย/ทำงานกันแบบส่วนตัวได้นั่นเองครับ
อีกด้านหนึ่งจะเป็น Working Pods ซึ่งจะเป็นการกั้นพื้นที่ให้เราได้ใช้งานจริงจัง โดยจะมีอยู่ 2 ซุ้มด้วยกัน ด้านในมีปลั๊คไฟเตรียมไว้ให้พร้อมใช้งาน
ตรงกลางจะเป็นโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันที่อยู่โซนด้านใน ซึ่งจะต้องเดินผ่านโถงลิฟต์ทางด้านขวา และมีโซนห้องพักที่อยู่ทางซ้ายมือด้วยครับ
บริเวณนี้เรียกว่า Meeting Chamber เป็นเหมือนโถงกลางของห้องประชุมต่างๆ และยังมีแบ่งเป็นห้องเล็กๆรอบๆอีกด้วย โดยถ้าเป็นการนั่งคุยเป็นกลุ่มใหญ่แบบไม่จริงจัง ก็สามารถใช้พื้นที่ด้านนอกเป็นจุดรวมพลได้ครับ
แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็จะมีห้องประชุมเล็กๆที่กั้นด้วยประตูกระจกเอาไว้ให้ใช้งาน โดยภายในก็จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้และจอทีวีให้ครบ แถมยังมีดีไซน์สามารถเลื่อนผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อห้องเล็กทั้ง 2 ให้กลายเป็นห้องใหญ่ได้อีกด้วย
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมี Meeting Lounge แยกออกไปอีก 2 ห้อง ซึ่งคราวนี้จะเป็นห้องที่กั้นด้วยผนังทึบ และได้ความเป็นส่วนตัวสูงมากๆเลยทีเดียว
ภายในก็จะยังคงมีดีไซน์ผนังให้สามารถเชื่อมเป็นห้องใหญ่ได้ โดยจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น และสามารถจุได้มากกว่า 10 คนเลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีประตูที่สามารถเปิดออกไปภายนอกได้
ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นทางเชื่อมระหว่างชั้น 3 ของอาคาร A และชั้น 2 ของอาคาร C ให้สามารถข้ามไปใช้งาน Facilities กันได้สะดวกมากขึ้น
เมื่อเดินลงบันไดมาเราจะอยู่ด้านข้างของสระว่ายน้ำ ซึ่งสระของที่นี่จะไม่มี Day Bed ให้นั่งพักผ่อนชิลๆริมสระเหมือนที่อื่นนะครับ แต่จะเน้นให้ลงไปว่ายในสระแบบจริงจังมากกว่า
(ส่วนตัวผมมองว่ามันทำให้เราไม่มีพื้นที่วางของใช้ส่วนตัวด้วยเช่นกัน ไม่แน่ว่าอนาคตทางโครงการอาจมีพื้นที่เตรียมเอาไว้ให้เพิ่มก็ได้ครับ)
ทางลงสระจะต้องเดินขึ้นบันไดมาหน่อย และจะมีจุดล้างตัวก่อนลงสระ ซึ่งผมชอบผนังที่เค้ากรุเป็นกระเบื้องแบบนี้มากๆ เพราะมันดูระยิบระยับเหมือนเป็นดาวสวยงามดีทีเดียวครับ ถ้ามายืนถ่ายรูปน่าจะถ่ายออกมาสวยดีเหมือนกัน
สระว่ายน้ำเป็นแบบกลางแจ้ง แต่ก็สามารถมาใช้งานได้เกือบตลอดทั้งวัน เพราะตัวอาคารจะช่วยบังแดดให้เกือบตลอดเวลา โดยตัวสระจะมีขนาดประมาณ 5 x 25 m. สามารถว่ายออกกำลังกายจริงจังได้ระดับหนึ่ง
บริเวณปลายสระด้านหนึ่งจะมีอ่าง Jacuzzi ให้สามารถมานั่งแช่น้ำพักผ่อนกันได้ รวมถึงเรายังสามารถมองลงไปเห็นพื้นที่สีเขียวของสวนด้านล่างก่อนหน้านี้ได้อีกด้วยนะ
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะมีอีก 2 ฟังก์ชันให้ใช้งานคือ ซ้ายมือเป็น Hydro Massage สำหรับนวดผ่อนคลายด้วยแรงดันน้ำ ส่วนขวามือจะเป็น Jet Pool ให้เราสามารถว่ายทวนกระแสน้ำได้อย่างต่อเนื่องจริงจัง (เหมาะสำหรับคนที่คิดว่าสระหลักยาวไม่พอ หรือไม่ชอบว่ายกลับตัวบ่อยๆ)
ติดกันจะเป็นห้อง Fitness ซึ่งภายในมีขนาดใหญ่มาก และมีอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆให้ใช้งานครบเลย อย่างโซนด้านหน้านี้ก็จะเป็นอุปกรณ์สำหรับ Weight training สำหรับสายเล่นกล้ามต่างๆ
ส่วนโซนด้านในก็จะเป็นสาย Cardio พวกลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยานต่างๆที่ต้องใช้เวลาออกกำลังกายนานๆ จะถูกหันหน้าออกไปรับวิวภายนอกอาคารได้แบบนี้ครับ
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นมุมที่เรียกว่า Health Station ซึ่งทาง AssetWise Health Solution ต้องการที่จะยกระดับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมของลูกบ้าน ให้ตอบโจทย์ทางด้านสุขภาพมากขึ้น โดยจะนำเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆมาไว้ภายใน Fitness ของโครงการ ประกอบด้วย
- เครื่องวัดความดันอัตโนมัติ (ชนิดสอดแขน) : ใช้วัดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของชีพจร
- เครื่องคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI) : จะใช้น้ำหนักและส่วนสูง เพื่อคำนวณหาค่าดัชนีมวลกายและน้ำหนักส่วนเกิน โดยจะสามารถปริ้นใบข้อมูลออกมาดูได้แบบอัตโนมัติ
- เครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า (AED) : เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา ที่สามารถวินิจฉัยภาวะการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และยังช่วยรักษาโดยการช็อตไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นการทำงานหัวใจได้อีกด้วย
- เครื่อง TYTOCARE : เป็นอุปกรณ์สำหรับตรวจสุขภาพเบื้องต้น ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบ Virtual Hospital ที่สามารถพูดคุยกับแพทย์แบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. ซึ่งข้อมูลต่างๆที่เก็บได้จากอุปกรณ์ชิ้นนี้ จะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและอาการเบื้องต้นของเราได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาออกไปที่โรงพยาบาลเองเลยครับ ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 5 ฟังก์ชันคือ
- ปอด หัวใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ : โดยจะใช้อุปกรณ์ทาบลงบนตำแหน่งที่กำหนด เพื่อให้เครื่องบันทึกเสียงการเต้นของหัวใจ แล้วส่งให้คุณหมอวินิจฉัยต่อไป
- หู : ให้สอดกล้องเข้าไปในหูอย่างช้าๆ จนสามารถเห็นแก้วรูหูได้อย่างชัดเจน แล้วถ่ายภาพส่งให้คุณหมอ
- ช่องคอ : ใช้กล้องของอุปกรณ์เพื่อส่องดูในช่องคอ ลิ้นไก่ และต่อมทอนซิล ซึ่งจะใช้ควบคู่กับอุปกรณ์กดลิ้นด้วย เพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
- ผิวหนัง : ใช้กล้องเพื่อส่องและเก็บทั้งถ่ายรูปและวิดีโอบริเวณผิวหนังของเรา
- อุณหภูมิ : นำเครื่องมาจ่อบริเวณหน้าผากโดยไม่ต้องสัมผัสกับผิวหนัง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย
โดยเครื่อง TYTOCARE จะได้รับการดูแลสุขภาพจาก 2 โรงพยาบาลชั้นนำคือ โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลเปาโลครับ
ถัดจากสระว่ายน้ำและ Fitness จะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำและโซนพักอาศัย
ภายในห้องน้ำจะมีโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำให้บริการครบ ซึ่งจะสะดวกต่อคนที่มาออกกำลังกายที่ชั้นนี้มากๆครับ
ยังครับ… Facilities ของอาคารนี้ยังมีต่ออีกนะ เพราะถ้าเราเดินเลี้ยวซ้ายมาตามทางก็จะเจอกับ Botanic Garden ซึ่งตามคอนเซ็ปต์เดิมก็จะเป็นพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว ให้ลูกบ้านสามารถเก็บไปใช้ประโยชน์ได้
โดยหน้างานวันนี้ผมยังไม่เห็นต้นที่เป็นพืชผักอะไรนะครับ แต่ก็สามารถใช้งานเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้นิดๆหน่อยๆตามปกติ และไม่แน่ว่าอนาคตเค้าอาจเอาต้นไม้มาลงเพิ่มทีหลังก็ได้ (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารของนิติบุคคล) ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องกระจกที่แบ่งออกเป็นฟังก์ชันต่างๆดังนี้
ห้องแรกคือ Fit Studio เป็นห้องกระจกที่น้องๆอาจใช้เป็นห้องซ้อมเต้น Cover หรือเปิดคลาสออกกำลังกายส่วนตัวกันได้ครับ
ติดกันจะเป็นห้องที่เรียกว่า KAVE Cafe เป็นเหมือนพื้นที่โซฟานั่งเล่นขนาดใหญ่ และยังเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือที่เงียบสงบที่สุดของโครงการอีกด้วยนะ โดยที่เค้าใช้ชื่อว่า Cafe เพราะเห็นว่าจะมีเครื่องชงกาแฟมาตั้งไว้ให้บริการด้วยนั่นเอง
สุดท้ายคือ Co-Kitchen ที่เชื่อมต่อมาจาก KAVE Cafe มาพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ให้เราได้ใช้งานฝึกตนเป็นพ่อครัวแม่ครัวจูเนียร์ และใช้ทานอาหาร/จัดปาร์ตี้ร่วมกันกับเพื่อนๆได้
ซึ่งอุปกรณ์ภายในก็จะมีทั้งตู้เย็น เตาอบ อ่างล้างจาน และ Hob&Hood รวมถึงยังมีพวกโหลและแก้วน้ำให้ยืมใช้งานได้นิดหน่อยด้วยครับ
แปลนชั้น 4 จะเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยเต็มหมดทุกอาคารเลยครับ โดยอาคาร B จะมีความหนาแน่นเยอะสุด 39 ห้อง/ชั้น รองลงมาคืออาคาร A 36 ห้อง/ชั้น และอาคาร C 31 ห้อง/ชั้นตามลำดับ
ซึ่งความสูงตั้งแต่ชั้น 4 เป็นต้นไป ถ้าเราอยากเห็นวิวสวนหรือส่วนกลางต่างๆที่ชั้นล่าง ก็อาจต้องก้มลงดูแล้วนะครับ จะไม่เหมือนกับชั้น 2 – 3 ที่อยู่ระดับพุ่มไม้พอดี และถึงแม้จะนั่งอยู่ในห้องก็ยังมองเห็นสวนได้อยู่ (ยกเว้นวิวสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 2 ซึ่งชั้น 4 – 5 ของตึก B จะมองเห็นโดยไม่ต้องก้มครับ)
แปลนชั้น 5 จะยังคงเหมือนชั้น 4 แต่คราวนี้เรามาดูเรื่องการออกแบบ และการวางผังอาคารที่น่าสนใจกันดีกว่าครับ โดยจุดที่ผมมองว่าดีคือ “การเปิดช่องว่างตรงโถงทางเดิน” ของอาคาร A และ B
ซึ่งนอกจากจะทำให้แสงส่องเข้ามาตรงทางเดินในอาคาร และทำให้รู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้นแล้ว ยังช่วยในเรื่องการถ่ายเทอากาศให้ไม่รู้สึกอึดอัด และเพิ่มความเป็นส่วนตัวของห้องในตำแหน่งนั้นๆได้อีกด้วย
สำหรับอาคาร B จะมีส่วนที่เป็นเหมือน Pocket Garden อยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 5 โดยลูกบ้านทุกคนสามารถขึ้นมานั่งเล่นและใช้งานได้นะครับ เพราะเค้าจะมีประตูกั้นแยกระหว่างโถงลิฟต์กับห้องพักอาศัยเอาไว้แล้ว ซึ่งห้องพักตรงบริเวณนี้จะมีบรรยากาศหน้าห้องที่สว่างและโปร่งโล่งมากๆเลยครับ
Pocket Garden จะเป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor ที่เราสามารถออกไปใช้งานได้ตลอดทั้งวัน โดยจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเล่น และรายล้อมด้วยต้นไม้เพื่อความสดชื่น
ซึ่งในชั้นอื่นๆที่ไม่ได้มี Pocket Garden แบบนี้ ก็ยังคงมีช่องแสงระหว่างโถงทางเดิน ที่สามารถมองเชื่อมต่อลงมาเห็นพื้นที่ตรงนี้ได้อีกด้วยนะ
แปลนชั้น 6 เรามาดูตำแหน่งห้องที่น่าสนใจกันครับ ซึ่งผมแบ่งให้เป็น 4 จุดดังนี้
- สีแดง : เป็นห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งบางห้องเค้าจะได้โถงทางเดินหน้าห้องส่วนตัว ไม่ต้องใช้งานร่วมกับใคร (ไม่มีคนเดินผ่านหน้าห้องเลย) หรือบางห้องก็จะมีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียวเท่านั้น ทำให้ลดปัญหาเสียงรบกวนกันได้ และบางห้องก็จะไม่ต้องหันหน้าต่าง/ระเบียงห้อง เจอกับห้องฝั่งตรงข้ามในระยะใกล้อีกด้วยครับ
- สีส้ม : เป็นห้องที่อยู่หน้า Pocket Garden หรือช่องเปิดของอาคาร แน่นอนว่าบริเวณหน้าประตูห้องตำแหน่งนี้ จะโปร่งโล่งและสว่างกว่าห้องอื่นๆ แต่ก็มีสิ่งที่แลกมาคือ เค้าจะอยู่ใกล้กับลิฟต์โดยสารอยู่พอสมควร อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือไม่อยากให้มีคนเดินผ่านหน้าห้องบ่อยๆนัก แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องนี้ล่ะก็…น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
- สีเขียว : เป็นห้อง Studio Type เพียงห้องเดียวที่ได้วิวภายในโครงการ (ปัจจุบัน Sold Out ไปเรียบร้อย)
- สีน้ำเงิน : เป็นห้องที่ผนังติดกับโถงทางเดิน 2 ด้าน และยังอยู่ติดกับลิฟต์อีกด้วย อาจเป็นห้องที่มีเสียงรบกวนอยู่มากได้เหมือนกันครับ (ถ้าผนังบางและกันเสียงได้ไม่ดีพอ) ยังไงก็รอดูของจริงหน้างานกันอีกที (เพราะผมเองคงการันตีให้ไม่ได้) แต่ถ้าเค้าสามารถกันเสียงดีล่ะก็… จะเป็นอีกห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวดีอยู่เหมือนกัน เพราะเค้าแชร์โถงหน้าห้องร่วมกับเพื่อนบ้านแค่ห้องเดียวเท่านั้น แถมผนังยังไม่ติดกับห้องอื่นๆเลยด้วย
…อัพเดตกันสักนิดครับว่า ปัจจุบันโครงการนี้ขายไปแล้วกว่า 80% โดยจากการสอบถามเบื้องต้นห้องทางทิศตะวันตกของอาคาร A จะยังมีให้เลือกอยู่พอสมควร ส่วนห้องวิวด้านในก็เหลืออีกไม่มากแล้ว ซึ่งหากใครสนใจตำแหน่งไหนเป็นพิเศษ ก็ลองสอบถามกับทางโครงการดูอีกครั้งได้นะ
แปลนชั้น 7 ทั้งหมดจะเป็นห้อง Loft ซึ่งกินพื้นที่สูง 2 ชั้นเลยครับ ยกเว้นแค่ในส่วนที่ผมตีกรอบสีแดงของอาคาร A เอาไว้ (ซึ่งจะยังเป็นห้อง Simplex แบบปกติอยู่) เพราะเหนือห้องเหล่านี้ขึ้นไปเค้าจะมี Facilities อยู่บนชั้นดาดฟ้าให้ใช้งานด้วยนั่นเอง
สำหรับชั้น 7 ของอาคาร B จะมีสวนเล็กๆ พร้อมกับบันไดวนให้เดินขึ้นไปยังจุด View Point ของโครงการได้ครับ
โดยจุดชมวิวนี้จะเป็นส่วนของระเบียงกระจกที่ยื่นออกไปนอกอาคาร ให้เราสามารถขึ้นมาชมวิวและถ่ายรูปเล่นเก๋ๆกันได้ (ถ้าลองหามุมถ่ายดีๆดูก็น่าจะสวยอยู่นะ)
แปลนชั้น 8 หลักๆจะเป็นพื้นที่ดาดฟ้าของอาคาร A ที่จะสามารถขึ้นมาใช้งานได้ครับ โดยจะเป็นสวนแบบกลางแจ้งที่จะประกอบด้วย Sky Terrace, Sky Cinema และ Sky Amphitheater ให้น้องๆได้ขึ้นมาดูหนังกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมร่วมกันครับ (จะมีทั้งแบบที่สามารถนำหนังมาเปิดดูเอง และทางโครงการจะจัดการเปิดให้ ซึ่งแล้วแต่การบริหารของนิติในอนาคตอีกครั้ง)
การขึ้นมายังชั้นดาดฟ้าเราจะต้องเดินขึ้นบันไดมาจากชั้น 7 และบริเวณส่วนแรกนี้คือ Sky Amphitheater เป็นเหมือนสวนเล่นระดับที่เชื่อมต่อกับจุดชมวิว (View Point) ของทางฝั่งอาคาร A นี้ได้ครับ
โดยที่จุดชมวิวนี้จะมีขนาดเล็กกว่าของฝั่งอาคาร B ก่อนหน้านี้ แต่ก็ทำให้เราสามารถชมวิวมุมสูงอีกด้านหนึ่งของโครงการได้ครับ
ส่วนบริเวณนี้คือ Sky Terrace และ Sky Cinema ซึ่งจะเป็นพื้นยกระดับให้เดินขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้แบบ 180 องศา (แต่ในส่วนของจุดฉายหนังที่หน้างานตอนนี้ผมยังไม่เห็นนะครับ โดยทางโครงการอาจนำอุปกรณ์มาจัดวางให้อีกทีในอนาคตก็ได้)
นอกจากนี้ยังมีบริการจากทาง Asset A Plus ที่จะคอยจัดหาผู้เช่า/ผู้ซื้อให้เราได้อีกด้วยนะครับ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี รายละเอียดเบื้องต้นก็ตามนี้ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) หากใครสนใจก็ลองติดต่อสอบถามได้ที่โครงการได้เลยนะครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
FACILITY ON GROUND
– The Common Ground
– Valley Forest
– Sunken Lawn
– Hidden Bar
– Misty Falls
BUILDING A : LEARNING
– Co-Idea Space
– Creative Lobby
– Meeting Chamber
– Meeting Lounge
– Learning Hub
– Working Pods
– Sky Terrace
– Sky Cinema
– Sky Amphitheater
– KAVE Viewpoint
BUILDING B : REST & RELAX
– Sharing Lobby
– Smart Laundry Lounge
– Board Game Arena
– Console & VR Room
– Music Studio
– KAVE Theater
– Fun Space
BUILDING C: ACTIVE
– Pulse Pool (สระว่ายน้ำขนาด 5 x 25 m.)
– Hydro Massage
– Jet Pool
– Botanic Garden
– The Gym
– Health Station
– Fit Studio
– Co-Kitchen
– KAVE Café
– Jacuzzi Seat
- Smart Locker 24 ชม.
- High-Speed Wi-Fi Internet
- บริการ Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย ประตู 5
- ดูแลการปล่อยเช่า ซื้อขายต่อ โดย Asset A Plus
- Air Conditioning with PM 2.5 Filter
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 98 : 1
- ที่จอดรถ คิดเป็นประมาณ 41% แบบรวมซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card / ระบบ RFID และ รปภ. 24 ชั่วโมง
แบบห้อง
Highlights :
- มีห้องแบบ Vertical Suite หรือห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ให้เลือก ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน
- เน้นความโปร่งโล่ง กั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนแต่ก็ไม่อึดอัด
- มีมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่างกระจกเข้ามุม Bay Windows ให้นั่งทำงานอ่านหนังสือได้
- ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่หรือปล่อยเช่าได้เลย
แบบห้องของโครงการนี้จะมีให้เลือกหลายแบบเลยนะครับ อีกทั้งปัจจุบันก็ยังเป็นโครงการเดียวในย่าน ที่จะมีห้องแบบ Vertical Suite หรือห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ให้เลือกด้วย โดยแบบห้องต่างๆจะมีดังต่อไปนี้
ห้องแบบ Simplex (ชั้น 2 – 6)
- Studio ขนาด 20.59 – 24.31 ตร.ม. (Sold Out)
- 1 Bedroom ขนาด 22.09 – 23.34 ตร.ม.
- 1 Bedroom Extra ขนาด 24.04 – 31.44 ตร.ม.
- 1 Bedroom Exclusive ขนาด 24.59 – 29.33 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม.
ห้องแบบ Vertical Suite (ห้อง Loft บนชั้น 7)
- 1 Bedroom Extra VS ขนาดห้อง 20.81 – 29.42 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 28.46 – 45.76 ตร.ม.)
- 1 Bedroom Exclusive ขนาด 22.09 – 31.44 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 30.88 – 44.01 ตร.ม.)
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 44.28 – 53.66 ตร.ม.)
รูปแบบการขายจะเป็น Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย หรือสามารถนำไปปล่อยเช่าได้ทันที ขาดเพียงแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้นเท่านั้นครับ โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้จะมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปชมกันเลย
1 Bedroom Extra ขนาด 24.59 ตร.ม. เป็นห้องตอนลึกที่เน้นความเป็นสัดส่วน ด้วยการกั้นประตูกระจกแบ่งเป็น 3 ฟังก์ชันหลักๆคือ ครัวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจัง ห้องนั่งเล่นตรงกลางไว้ดูทีวี และมีห้องนอนไว้พักผ่อนที่อยู่ด้านในสุด โดยทุกฟังก์ชันของห้องจะมีความสว่างโปร่งโล่ง และเชื่อมต่อถึงกันได้ดีแบบไม่รู้สึกอึดอัด
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ มีมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ที่น้องๆนักศึกษาสามารถใช้เป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือได้ แต่ก็จะเป็นแบบ 1 ที่นั่งนะครับ ซึ่งการดีไซน์นี้ผมมองว่า เค้าอยากเน้นให้น้องๆได้ออกไปใช้พื้นที่ส่วนกลาง ที่มีฟังก์ชันหลากหลายให้ได้ใช้งานจริงจังกันมากกว่านั่นเอง แต่ถ้าจะพักผ่อนในห้องนี้ก็สามารถอยู่ได้ 1 – 2 คนแบบสบายๆเลยครับ
เริ่มกันที่ประตูหน้าห้องจะเป็นไม้บานทึบ พร้อมกับมีตาแมว และติดตั้ง Digital Door Lock เอาไว้ให้พร้อมใช้งาน ส่วนตรงพื้นก็จะมีธรณีประตูที่ยกสูงขึ้นมา เพื่อคอยกันเศษฝุ่นไม่ให้เข้ามาในห้องได้อีกด้วย
เปิดประตูเข้ามาเราจะเจอกับส่วนครัวก่อนเลยครับ ถึงแม้ว่าห้องนี้จะเป็นลักษณะตอนลึกก็จริง แต่ด้วยการกั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ก็ทำให้แสงสว่างสามารถส่องผ่านเข้ามาถึงหน้าห้องได้แบบนี้เลย
อีกทั้งเรายังได้เป็นคริวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจังระดับหนึ่ง โดยจะมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน (กรอบอลูมิเนียมสีดำ+กระจกเขียวตัดแสง) คอยกันกลิ่น/ควันไม่ให้เข้ามาในห้อง รวมถึงยังมีส่วนช่วยกันเสียงของคนที่ผ่านไป-มาด้านนอก ไม่ให้เข้ามารบกวนในห้องได้อีกด้วย
พื้นที่ทำครัวกว้างประมาณ 1.25 m. ปูพื้นด้วยกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ ที่สามารถทนความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต และน้องๆสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายด้วย
อีกทั้งยังมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.5 m. และด้านบนก็ติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วยครับ ซึ่งจะช่วยระบายอากาศภายในห้องให้เกิดการหมุมเวียนได้ดีเลยทีเดียว
ชุดครัวเราจะได้ Build-in มาเหมือนห้องตัวอย่างนี้เลยครับ โดยวัสดุหลักๆก็จะมี Top ครัวหินสังเคราะห์ ที่สามารถทนความร้อน/กรด-ด่างได้ดี พร้อมติดตั้ง Backsplash เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ส่วนจุดที่ชอบก็คือ ลิ้นชักที่สามารถเลื่อนออกมา เพื่อช่วยขยายพื้นที่ในการทำครัวให้กว้างมากขึ้นได้ และถ้าน้องๆคนไหนอยากทำอาหารทานเองในห้อง ก็แนะนำเป็นเตา Induction แบบตั้งโต๊ะที่สามารถถอดเก็บได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีเลยทีเดียว
อีกด้านจะเป็นห้องน้ำที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนด้วย Shower Box โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างด้านละประมาณ 80 cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก Cotto มาให้พร้อมใช้งานเหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ
Shower Box กั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน คอยกันน้ำไม่ให้กระเด็นออกมาเยอะด้านนอก ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำด้านในจะกว้างประมาณ 1.1 x 0.85 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ
มาพร้อมกับ Hand Shower และช่องวางของตรงผนังให้ใช้งาน ส่วนถ้าใครอยากติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่ม ก็จะมี Junction Box เตรียมเอาไว้ให้แล้วครับ
ถัดเข้ามาตรงกลางห้องจะเป็นพื้นที่วางโซฟานั่งเล่น ซึ่งแน่นอนว่าจะได้ความกว้างและสว่างโปร่งโล่ง จากประตูกระจกบานเลื่อนที่อยู่ตรงกลางห้อง จึงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเลยครับ
ส่วนระยะดูทีวีจะกว้างประมาณ 3.6 m. สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 50 – 60 นิ้วได้สบายๆ
อีกทั้งเรายังจะได้โซฟาและชั้นวางทีวีเหมือนในห้องตัวอย่างนี้เลยครับ โดยเฉพาะตัวโซฟาจะมีฟังก์ชันที่สามารถปรับนอนราบกับพื้นได้ด้วย
ซึ่งเหมาะมากสำหรับนอนดูหนัง/นอนเล่นเกมส์กับเพื่อนๆ รวมถึงยังใช้เป็นเตียงนอนเสริม เวลาที่น้องๆมีเพื่อนมาค้างที่ห้องหลายๆคนได้อีกด้วยนะ
ส่วนที่ติดอยู่ตรงผนังจะเป็น Bluetooth Sound System ที่เราสามารถเปิดเพลงฟังผ่านลำโพงที่อยู่บนฝ้าเพดานได้ โดยสามารถควบคุมผ่านมือถือ หรือจะกด Touch Screen จากหน้าจอโดยตรงเลยก็ได้ครับ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เหมาะกับคนชอบฟังเพลงมากๆ
ในส่วนของห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่แบบ 3 ตอน เวลาจะนอนก็สามารถปิดเพื่อประหยัดแอร์ได้
รวมถึงยังช่วยกันเสียงรบกวนจากหน้าห้องเป็นชั้นที่ 2 ทำให้ภายในจะมีความเงียบดีทีเดียว แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวจากแขกที่มาหา ก็อาจติดม่านเอาไว้เลื่อนปิดเพิ่มได้นะครับ
ภายในห้องนอนจะมีขนาดพื้นที่ใช้งานพอดีๆ อาจไม่ได้กว้างมากนะครับ เพราะหลักๆจะเน้นโถงทางเดินตรงปลายเตียงให้เดินสะดวก (กว้างประมาณ 1 m.) พร้อมกับมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้ได้ความสว่างโปร่งโล่งเต็มที่
ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าที่แบ่งออกเป็น 2 ตู้ สำหรับการใช้งานได้ 1 – 2 คน โดยที่ตรงกลางเค้าจะออกแบบมาเผื่อให้สามารถติดทีวีแขวนผนังได้ด้วยนั่นเองครับ
และติดกันจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้ากว้าง ซึ่งถือได้ว่าเป็นมุม Highlight ของห้องนี้เลยก็ว่าได้ครับ ขนาดกว้างประมาณ 1 x 1.55 m.
โดยทางโครงการจะ Built-in โต๊ะอเนกประสงค์เอาไว้ให้ตรงนี้ด้วย สามารถใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งไว้แต่งหน้า หรือจะเป็นโต๊ะนั่งทำงานไว้นั่งอ่านหนังสือก็ได้
ส่วนช่องแสงขนาดใหญ่นี้ก็จะเป็นกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window ที่เชื่อมต่อกับระเบียงห้อง ซึ่งนอกจากจะทำให้ภายในห้องกว้างมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เราสามารถชมวิวภายนอกได้กว้างมากขึ้นอีกด้วยนะครับ
และเนื่องจากพื้นที่ข้างเตียงที่มีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย จึงทำให้การออกไปใช้งานระเบียงภายนอกนั้นอาจไม่สะดวกมากนัก จึงเหมาะกับคนที่นานๆจะออกไปสักที โดยภายนอกจะกว้างประมาณ 1.9 x 0.7 m. และแขวน Condensing Unit ซ่อนเอาไว้ด้านบนครับ
1 Bedroom Exclusive ขนาด 22.9 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 32.12 ตร.ม.) เป็นห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft หรือที่ทางโครงการเรียกว่า Vertical Suite ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครในย่าน เหมาะกับคนที่ชอบความแปลกใหม่ และให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน
โดยฟังก์ชันก็จะคล้ายๆกับห้อง 1 Bedroom ที่เรารีวิวกันไปก่อนหน้านี้เลย คือเราจะได้ครัวปิดด้านหน้า กับห้องนั่งเล่นที่ได้ฝ้าเพดานสูง ส่วนห้องนอนจะถูกยกขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แลกกับเวลาใช้งานห้องน้ำก็อาจต้องมีการเดินขึ้น-ลงอยู่บ้างนะครับ
เข้ามาภายในห้องก็จะเจอกับส่วนครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพียงแต่ของจริงจะมีประตูกระจกบานเลื่อนปิดกั้นเอาไว้เป็นสัดส่วนด้วยนะครับ จึงทำให้เราได้ครัวปิดที่พอจะทำอาหารได้จริงจัง
สำหรับบริเวณหน้าห้องก็จะประกอบด้วยครัวและห้องน้ำ ที่เหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ โดยฟังก์ชันเหล่านี้จะอยู่ใต้ชั้นลอยของห้องนอนอีกที มีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.2 m. และสามารถใช้งานได้ตามปกติ
ถัดเข้ามาก็จะเจอกับ Common Area ที่เป็นฝ้าเพดานสูง 4.8 m. ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของห้องนี้เลยก็ว่าได้ จึงทำให้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่สูงเต็มผนังเลยทีเดียว
สำหรับระยะดูทีวีจะกว้างประมาณ 2.8 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้นะครับ แต่เฟอร์นิเจอร์ของจริงอาจไม่ได้หน้าตาแบบนี้นะ (แต่จะคล้ายกับห้องที่แล้ว หรือลองสอบถามกับทางโครงการดูได้อีกครั้ง)
ด้านซ้ายของทีวีจะมีตู้ให้เก็บของได้ ซึ่งก็จะ Built-in มาให้แบบนี้เลย และที่เห็นว่าเค้าติดกระจกเงามาด้วย ก็จะได้เอาไว้ส่องดูความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้นั่นเอง รวมถึงยังมีช่องเก็บของใต้บันได เอาไว้ใส่พวกของชิ้นใหญ่ๆที่ไม่ค่อยได้ใช้ได้ครับ
สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่างจะกว้างประมาณ 1.5 m. ซึ่งเราจะได้เป็นโต๊ะตัวยาวเอาไว้ใช้เป็นที่นั่งทานอาหาร หรือจะนั่งทำงานอ่านหนังสือไปและชมวิวไปด้วยก็ได้
ติดกันจะเป็นระเบียงที่มีขนาดประมาณ 1 x 1.9 m. ใหญ่มากพอที่จะออกไปใช้งานวางเครื่องซักผ้า ตากผ้า หรือปลูกต้นไม้เล็กๆได้ ส่วนด้านบนก็จะไว้แขวน Condensing Unit ซึ่งจะอยู่ด้านหลังผนังทึบพอดี จึงช่วยหลบสายตาจากด้านในห้องได้เป็นอย่างดี
ถัดมาจะเป็นบันไดที่เชื่อมต่อไปยังชั้น 2 และเป็นโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรงทนทานดี กว้างประมาณ 70 cm. พร้อมกับมีราวเหล็กให้จับตลอดทางเพื่อความปลอดภัย ซึ่งการเดินขึ้น-ลงและได้มองเห็นบันไดนี้แหละ ที่ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านนั่นเองครับ
ชั้นบนจะเป็นห้องนอนที่มีความกว้างประมาณ 2.4 x 3.6 m. และมีฝ้าเพดานสูง 2.35 m. สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ปลายเตียงจะเป็นราวกันตกเหล็ก ที่เราสามารถมองเชื่อมต่อลงไปยังชั้นล่างได้ หรือหากใครอยากประหยัดพื้นที่แอร์ชั้นบนตอนกลางคืน ก็อาจกั้นผนังกระจกหรือติดเป็นม่านเอาไว้เลื่อนปิดได้นะครับ
ส่วนทางด้านขวาของเตียงจะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้แบบนี้ สามารถใช้แต่งตัวได้สบายๆเลยครับ แต่ที่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยก็คือ ตอนเดินขึ้น-ลงบันไดเพื่อไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างนี่แหละ ที่อาจต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ถ้าหากเป็นน้องๆวัยรุ่นก็อาจชอบและไม่ติดปัญหานี้ก็ได้นะครับ
1 Bedroom ขนาด 22.9 ตร.ม. เป็นห้องตัวอย่างที่เราเคยรีวิวกันไปตอนสมัยที่ยังเป็นสำนักงานขาย โดยฟังก์ชันหลักๆก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกที่เราพาไปชมกันแล้ว เพียงแต่เราจะได้เป็นครัวปิด ไม่ได้มีประตูบานเลื่อนกั้นแยกเป็นสัดส่วน รวมถึงจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เล็กลงนิดหน่อย นอกนั้นก็สามารถใช้งานได้เป็นปกติเหมือนเดิม ซึ่งผมก็ได้ถ่ายภาพบรรยากาศมาฝากกันด้วย สามารถเลื่อนดูใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
Kave Mutant Salaya ราคา ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565
ห้องแบบ Simplex (ชั้น 2 – 6)
- Studio ขนาด 20.59 – 24.31 ตร.ม. (Sold Out)
- 1 Bedroom ขนาด 22.09 – 23.34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท
- 1 Bedroom Extra ขนาด 24.04 – 31.44 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.95 ล้านบาท
- 1 Bedroom Exclusive ขนาด 24.59 – 29.33 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.85 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.25 ล้านบาท
ห้องแบบ Vertical Suite (ห้อง Loft บนชั้น 7)
- 1 Bedroom Extra VS ขนาดห้อง 20.81 – 29.42 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 28.46 – 45.76 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 2.55 ล้านบาท
- 1 Bedroom Exclusive ขนาด 22.09 – 31.44 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 30.88 – 44.01 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 44.28 – 53.66 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 3.76 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน Simplex สูง 2.5 เมตร, Vertical Suite (Loft) สูง 4.8 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- มีรถ Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย (ประตู 5)
- จอง 999 บาท
- ทำสัญญา 9,001 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลางห้อง Simplex 48 บาท/ตร.ม./เดือน, Vertical Suite (Loft) 58 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : “ศาลายา” เป็นย่านที่มีมหาวิทยาลัยอยู่หลายแห่ง จึงมีทั้งนักศึกษาและบุคลากรเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และยังดึงดูดเหล่านักลงทุนต่างๆด้วยครับ ซึ่งเดิมทีนักศึกษาในย่านนี้ ก็มักจะอาศัยอยู่ในซอยตั้งสิน (หรือโซนหลังมอ) มีทั้งหอพักและคอนโดเรียงรายกันอยู่อย่างหนาแน่น แถมยังมีความอุดมสมบูรณ์หลักๆพร้อมอีกด้วย ในขณะที่โครงการ KAVE แยกมาตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ พวกความวุ่นวายและความแออัดต่างๆก็จะลงน้อยกว่า แถมยังทำให้เดินทางได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
มาพูดถึงการเช่ากันบ้าง โดยจากการสอบถามและสำรวจตลาดก็พบว่า ค่าเช่าหออื่นๆในย่านปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 – 8,000 บาท/เดือน ขณะที่โครงการ KAVE Mutant Salaya ห้องแบบ Simplex จะมีค่าเช่าประมาณ 7,000 – 10,000 บาท/เดือน และห้องแบบ Vertical Suite จะมีค่าเช่า 12,000 บาท/เดือน ซึ่งถ้าเรายอมจ่ายค่าเช่าเพิ่มอีกนิดหน่อย ก็จะได้อยู่ในโครงการที่มีสภาพแวดล้อม และ Facilities ที่ดีกว่าหอพักทั่วไป จึงน่าจะตอบโจทย์และดึงดูดผู้เช่าเข้ามาได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกมากครับ โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอย และใกล้จุดกลับรถทั้งขาไป-ขากลับ ส่วนที่จอดรถรวมซ้อนคัน 41% ผมถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่งนะ เพราะเด็กมหาลัยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีรถขับกันทุกคน หรืออาจใช้จักรยาน/มอเตอร์ไซค์ในการเดินทางระยะสั้นๆเป็นหลักมากกว่า
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับมหาลัยแบบนี้ ก็อาจมีผลต่อการตัดสินใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ค่อนข้างห่วงเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของน้องๆไม่น้อยนะครับ แต่ก็อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะเค้าได้มี Shuttle Service คอยบริการรับ-ส่ง ที่หน้ามหาวิทยาลัยประตู 5 มาไว้ให้แล้ว รวมถึงน้องๆยังสามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่ายอีกด้วย ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือรถประจำทางอื่นๆ
การออกแบบโครงการ : มีการวางผังอาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องที่หันหน้าเข้ามาด้านในจะได้รับวิวสวยๆ ซึ่งก็มีวิวให้เลือกหลายแบบมาก ทั้งวิวสวนสีเขียว วิวมุมน้ำตก และวิวสระว่ายน้ำ รวมถึงแต่ละอาคารก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ด้วย Facilities เหล่านี้ จึงทำให้มาใช้งานได้สะดวกมาก และยังมีการแบ่งโซนการใช้งานที่ชัดเจนไม่รบกวนกันอีกด้วย
จุดที่ผมชอบอีกอย่างคือ การดีไซน์ช่องเปิดของอาคาร โดยเฉพาะบริเวณ Pocket Garden ที่ทางโครงการเค้ายอมเสียพื้นที่ขายส่วนหนึ่งไป เพื่อทำให้บรรยากาศโถงทางเดินดูสว่างโปร่งโล่ง และช่วยลดความหนาแน่นของห้องพักอาศัยลงได้อีกด้วย รวมถึงการตกแต่งสไตล์ Hybrid Modernique Design ที่ใช้เป็นผนังอิฐสีส้ม ก็ทำให้บรรยากาศโครงการดูเท่และดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ผมก็ยังคิดว่าอัตราส่วนลิฟต์ 98 : 1 ดูค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่พอสมควร โดยมีเพื่อนบ้านอยู่ที่ประมาณ 31 – 39 ยูนิต/ชั้น
การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : ปัจจุบันถือเป็นโครงการเดียวในย่านที่มีห้อง Loft หรือห้องฝ้าเพดานสูงให้เลือกครับ ซึ่งการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้มี 2 ชั้นแบบนี้ ทำให้ได้ความโปร่งโล่ง และรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากๆ แต่ก็แลกมากับการใช้งานห้องน้ำในตอนกลางคืน ที่จะต้องเดินขึ้น-ลงอยู่บ้าง จึงเป็นห้องที่เหมาะกับคนชอบความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และอาจมีทุนทรัพย์มากพอที่จะผ่อน/จ่ายห้องแบบนี้ ที่มีราคาค่อนข้างสูงกว่าห้องปกติได้นั่นเองครับ
สำหรับห้องแบบอื่นๆ ก็จะมีให้เลือกหลายแบบมากๆ ซึ่งถ้าเป็นห้องตอนลึกเค้าจะกั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อความเป็นสัดส่วนและดูสว่างโปร่งโล่งไม่อึดอัด ในขณะที่ห้องหน้ากว้างจะกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยภาพรวมของห้องทุกแบบจะเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆครับ แต่ก็จะมีการตัดบางฟังก์ชันที่ไม่ได้เน้นออกไปบ้าง เช่น โต๊ะอาหารที่เน้นการทานมาจากด้านนอกซะมากกว่า กับโต๊ะทำงานอ่านหนังสือที่ไม่ใหญ่มาก เพราะอยากให้น้องๆได้ออกไปใช้ Facilities ที่เค้าได้จัดเต็มมาให้แล้วนั่นเอง
วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ชิ้นก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่/ปล่อยเช่าได้เลย เหมาะกับคนที่ชอบความสะดวกสบาย และไม่อยากเสียเวลาหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งโครงการนี้ก็ให้วัสดุในจุดที่สำคัญๆมาค่อนข้างดีและเหมาะสมกับการใช้งาน โดยเฉพาะพื้นกระเบื้องยางไวนิลและ Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ ที่สามารถดูแลรักษาได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษาห้องมากนัก จึงเหมาะกับการปล่อยเช่าให้คนทั่วไปและน้องๆนักศึกษาครับ
สาธารณูปโภค : ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ครับ โดยเค้าได้จัดเต็มส่วนกลางมาให้ถึง 32 ฟังก์ชัน ซึ่งเกิดจากการสำรวจตลาดและสอบถามความต้องการของน้องๆ รวมถึงยังมีการดึงเอาจุดเด่นของสถาบันมาเข้ามาร่วมด้วย โดยหลักๆจะเน้นไปทางพื้นที่นั่งทำงานและห้องประชุมที่กระจายอยู่หลายจุด
และยังมีฟังก์ชันที่ทันสมัยให้ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น Fun Space / Board Game Arena / VR Room / KAVE Theater และ Music Studio ส่วนฟังก์ชันหลักอื่นๆอย่าง Fitness และสระว่ายน้ำก็จะมีให้ใช้งานครบ อีกทั้งบรรยากาศส่วนกลางก็จัดออกมาได้สวยงามน่าใช้งานดี ผลชอบในความร่มรื่นของสวนและ Pocket Garden ที่กระจายตัวอยู่ในจุดต่างๆทั่วโครงการ ซึ่งตัดกับตัวอาคารที่เป็นสีอิฐดูเท่ดีมากๆครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 78,000 บาท/ตร.ม., 1 พฤษจิกายน 2565
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้มหาลัย มีร้านอาหารในระยะเดิน
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้จุดกลับรถ และไม่ต้องเข้าซอย จอดรถได้ 41%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกรถสาธารณะง่าย และมี Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย ประตู 5
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished ส่วนใหญ่ให้เกรดมาดี เหมาะสมกับราคา
- แบบ 7.75/10 – มีห้อง Loft และแบบอื่นๆให้เลือกเยอะ ยูนิตต่อชั้นหนาแน่นไปหน่อย
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – จัดเต็มส่วนกลางเยอะกว่า 32 ฟังก์ชัน ออกแบบมาเพื่อน้องๆนักศึกษา บรรยากาศน่าใช้งาน
- MAIN CLASS
- 7.88 / 10.00
Kave Mutant Salaya เหมาะกับใคร
โครงการ Kave Mutant Salaya เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้ม.มหิดล ศาลายา สำหรับให้ลูกหลานอยู่ก็ดี หรือปล่อยเช่าต่อในอนาคตก็ได้ โดยเป็นโครงการที่ให้ส่วนกลางมาเยอะ และตอบโจทย์การใช้งานของนักศึกษาอย่างแท้จริง รวมถึงยังมีแบบห้องให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะห้องฝ้าเพดานสูงสไตล์ Loft ที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้าน มีงบประมาณระดับ 1.7 – 3.76 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 12,000 – 26,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc