รีวิวโครงการ
Boom Tharis | ราชเทวี ทำเลที่ถูกมองข้าม? | CONNER ราชเทวี
9 สิงหาคม 2024
CONNER Ratchathewi คอนโดระดับ Super Luxury ที่สร้างเสร็จใหม่ในย่านราชเทวี จาก The Creators HQ โครงการนี้มีจุดน่าสนใจหลายเรื่องเลยค่ะ
- Vertical Forest – คอนโดที่ปลูกต้นไม้มากกว่า 145,987+ ต้น : ในการออกแบบที่นี่จะคำนึงถึง environment issue เช่นสภาพอากาศ คุณภาพน้ำ ทำให้โครงการ CONNER Ratchathewi นี้นำเอาปัญหาการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวของคนกรุงมาออกแบบ กลายเป็น Vertical Forest ขนาดใหญ่ และมีการคำนึงถึงระบบการดูแลรักษาต้นไม้เหล่านี้อย่างละเอียดด้วย
- CONNER Room : 61% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดจะถูกออกแบบให้เป็นห้องมุม ซึ่งตัวโปรดักส์ของที่นี่ก็จะมีอยู่ทั้งห้อง Loft (สูง 4.5 เมตร) และ ห้อง Simplex (สูง 3 เมตร) ทำให้ห้องพักอาศัยทุกยูนิตดูโปร่ง โล่ง อยู่สบาย
- ห้อง Loft หน้ากว้าง : โครงการนี้เน้นขายห้องที่เป็นรูปแบบ loft ซึ่งผังห้อง loft ส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้บรรยากาศภายในแตกต่างจาก loft โครงการอื่นๆ โดยราคาเริ่มต้นของห้อง loft จะอยู่ที่ประมาณ 9.x ล้านบาท ได้พื้นที่ใช้สอยรวมราวๆ 50 ตร.ม.
- Material : รูปแบบห้องจะขายเป็น Fully Fitted แต่ให้วัสดุภายในสมราคาเลย เช่น ชุดครัวของ Gorenje by Ora ito, อ่างล้างจานมีเครื่องบดเศษอาหารจาก Teka, โถสุขภัณฑ์ที่เป็น automatic washlet ของ Cotto เป็นต้น
- Location : ติดถนนเพชรบุรี ใกล้กับ BTS ราชเทวี ห่างจากสยามเพียง 1 สถานีเท่านั้น ทำเลนี้ในปัจจุบันคอนโดใหม่ที่เกิดขึ้นก็จะอยู่ใน segment super luxury แทบทั้งสิ้น ราคาห้องก็อยู่ที่เกือบ 10 ล้านทั้งหมดค่ะ
CONNER Ratchathewi เป็นอีกหนึ่งโครงการที่พอเราไปดูตึกเสร็จมาแล้วรับรู้ได้ว่าที่นี่ใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบให้ตรงกับ concept ที่วางไว้ รายละเอียดโครงการจะเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ
ข้อมูลโครงการ
CONNER Ratchathewi ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565
ชื่อโครงการ | CONNER RATCHATHEWI (คอนเนอร์ ราชเทวี ) |
ชื่อผู้ประกอบการ | The Creators HQ Co., Ltd. |
SEGMENT CLASS | SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี |
ที่ดิน | 1 – 3 – 21 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise สูง 38 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 294 ยูนิต |
ที่จอดรถ | Automatic Parking 232 คัน หรือประมาณ 78.9% |
สถานะโครงการ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปี 2023 |
ประเภทห้องพัก |
|
ราคาเริ่มต้น | 9.5 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 320,000 บาท/ตร.ม. |
เว็บไซต์โครงการ | www.conner-ratchathewi-thecreatorshq.com |
Call Center | 093-289-8988 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.7539782 , 100.5269297
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ สำหรับทำเล “ราชเทวี” เป็นหนึ่งในทำเลยอดฮิตของคอนโดมิเนียมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากต้องบอกว่าทำเลนี้เป็นทำเลที่อยู่ “ใกล้สยาม” ซึ่งสยามเองมีโครงการคอนโดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะถูกพัฒนาพื้นที่ไปเป็นรูปแบบ Commercial เกือบทั้งหมด ดังนั้นใครอยากอยู่โดยอิงทำเลใจกลางอย่างสยามเป็นหลักก็ต้องขยับออกมาโซนราชเทวี เพราะห่างจากสยามเพียงสถานีเดียว
ซึ่งปัจจุบันคอนโดที่ใกล้ BTS ราชเทวี ที่ยังมีขายอยู่ ก็มีให้เลือกอยู่หลายโครงการเลย ซึ่งสำหรับห้องแบบปกติราคาเริ่มต้นก็สูงถึง 7 ล้านกว่าไปแล้ว ส่วนโครงการ CONNER Ratchathewi เองจะเป็นคอนโดที่ราคาเริ่มต้น 9.5 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในย่านนี้ ณ ปัจจุบันก็ว่าได้ แต่เป็นโครงการที่เน้นห้อง Loft หน้ากว้าง ห้องหัวมุม และมีการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะ Vertical Forest ที่สูง 80 เมตรค่ะ
CONNER Ratchathewi ตั้งอยู่ในย่านสยาม-ราชเทวี เป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เนื่องจากเป็นย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีความเจริญมาตั้งแต่ แยกราชประสงค์ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆหลายห้าง เช่น Central World , เกษรพลาซ่า , อมรินทร์พลาซ่า , Central ชิดลม นอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าแล้วยังมี Office Building และโรงแรมอยู่ด้วย อาคารส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Mixed-use คือมีทั้งสำนักงาน ร้านค้าและที่อยู่อาศัยอยู่ในอาคารเดียวกัน ถัดเข้ามาจะเป็นย่านสยามสแควร์ แหล่งรวมของเด็กวัยรุ่น ซึ่งก็มีร้านค้าและห้างศูนย์การค้าต่างๆมากมายทั้ง Siam Paragon สำหรับคนที่ต้องการซื้อของใช้แบรนด์ดังต่างๆ , Siam Discovery ที่ขายสินค้าเน้นงานดีไซน์ ใครที่ชอบงานดีไซน์เยอะๆแนะนำที่นี่เลยค่ะ , Siam Center ที่เน้นร้านค้าแบรนด์ไทย มี Siam Square One ที่เป็น Community Mall รวมร้านค้าและร้านอาหารไว้มากมาย นอกจากนั้นยังมีร้านค้าที่เป็นตึกแถวขายของต่างๆ นอกจากจะมีร้านค้าร้านอาหารเยอะแล้ว ยังมีสถานที่รวมโรงเรียนพิเศษ อาคารสยามกิตติ์และมีศูนย์หนังสือของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย ถัดมาจะเป็นย่านมาบุญครอง ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินกันเยอะมากๆ ตรงข้ามเป็นหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครที่มักจะมีการจัดนิทรรศการอยู่บ่อยๆ สามารถแวะมาชมงานศิลปะหมุนเวียนกันมาจัดแสดงได้ไม่เบื่อ
นอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าเยอะแล้ว ในย่านนี้ยังมีสถานศึกษาตั้งอยู่หลายแห่ง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย , โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา , โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ , โรงเรียนสาธิตปทุมวัน เป็นต้น ทำให้มีความคึกคักอยู่ตลอดเวลา และพื้นที่แถบจุฬา-สามย่านยังเป็นพื้นที่ที่กำลังปรับเปลี่ยนเป็น หอพัก และ Community Mall เพื่อรองรับความต้องการของนักเรียน-นักศึกษา ในย่านนี้ถือว่ามีพื้นที่รองรับการใช้งานที่หลากหลายมากๆเลยค่ะ
ส่วนย่านราชเทวีจะมีความคึกคักน้อยกว่าสยามอยู่บ้าง ซึ่งเหมาะกับเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่ต้องการความสงบขึ้นมาหน่อย อาจจะมีความสมบูรณ์ไม่เท่ากับถนนเพชรบุรีฝั่งประตูน้ำ แต่แถวๆนี้ก็จะมีร้านค้าร้านอาหารตามแนวถนนเส้นพญาไทไปจนถึงอนุสาวรีย์ หาของกินได้ง่าย ซอยที่ติดสถานีรถไฟฟ้าราชเทวีอย่าง Coco Walk ก็มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านนั่งชิลล์ อยู่มากมาย ทางฝั่งโรงแรมเอเชียก็มีร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร และ Office ด้านใน ถือว่าในย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลยค่ะ
ที่ตั้งโครงการถือว่าเป็นทำเลใกล้รถไฟฟ้าที่สามารถเดินถึงได้แบบสบายๆ และเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกห่างจากสถานีสยามเพียง 1 สถานี ซึ่งสถานีสยามก็เป็นจุดเปลี่ยนขบวน (Interchange) อีกด้วย ทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ตามระหว่างทางริมถนนเพชรบุรีอยู่หลายจุด มีป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล และยังสามารถเรียกใช้บริการ Taxi ได้ตลอดเวลา
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็สะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนใหญ่ สามารถเดินทางไปประตูน้ำ ,ไปออกอโศก หรือจะไปออกทางหลานหลวงก็สะดวก นอกจากนั้นยังใกล้กับถนนพญาไท ไปออกอนุสาวรีย์ หรือไปทางสยามเพื่อไปออกถนนพระราม 4 ก็ได้ ถ้าใครต้องการใช้ทางด่วน ก็สามารถไปขึ้นทางพิเศษศรีรัช ใกล้กับจุดขึ้นลงด่านยมราชประมาณ 2 กม.ได้สะดวกเช่นกันค่ะ
การเดินทางโดยรถไฟฟ้า อย่างที่กล่าวไปว่าจากสถานีราชเทวี สามารถเดินทางเพียง 1 สถานีก็ถึงสถานีสยามซึ่งเป็นจุด Interchange ไปยังสายสีสม และจากสถานีราชเทวียังสามารถเดินทางไปยังสถานีพญาไทซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนไปรถไฟฟ้า Airport Link ไปยังสุวรรณภูมิได้สะดวก ซึ่งห่างจากสถานีราชเทวีเพียง 1 สถานี หรือใครที่ชื่นชอบการเดินก็จะไม่ต้องต่อรถไฟฟ้าสองต่อ สามารถเดินถึงสถานีทั้งสยามและพญาไทได้เลย ซึ่งผู้เขียนได้ลองเดินดูแล้วเป็นระยะที่เดินได้ไม่เหนื่อยค่ะ
เนื่องจากโครงการมีทางเข้า-ออกที่ติดถนนใหญ่อยู่แล้วเส้นทางซอยย่อยอาจจะไม่สำคัญมากนัก แต่ก็สามารถใช้ไปออกเส้นทางต่างๆได้ จึงทำเป็นภาพกราฟฟิกมาให้ดูกันค่ะ เพราะบางซอยเป็นถนน one way ถ้าใครไม่เคยมาอาจจะไม่รู้ทำให้เข้าผิดซอยได้นะ
บรรยากาศด้านหน้าโครงการ
ทางเข้าติดถนนเพชรบุรี สามารถเลี้ยวขวาขึ้นสะพานได้เลยค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Siam Paragon ~ 1.4 km.
- Central World ~ 1.8 km.
- เกษร วิลเลจ ~ 1.8 km.
- Central Chidlom ~ 2.3 km.
- Central Embassy ~ 2.6 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลมิชชั่น ~ 1.1 km.
- โรงพยาบาลพญาไท ~ 2.3 km.
- BDMS Wellness Center ~ 3.2 km.
- โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ~ 3.4 km.
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ~ 3.6 km.
สถานศึกษา
- อาคารวรรณสรณ์ ~ 1 km.
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ~ 1.8 km.
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 1.9 km.
- โรงเรียน มาแตร์เดอีวิทยาลัย ~ 2.5 km.
รายละเอียดโครงการ
CONNER Ratchathewi เป็นคอนโดมิเนียม High Rise จาก The Creators HQ ที่เคยสร้างคอนโดสูงติดมหาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มาก่อนอย่าง COMMON TU โดยโครงการนี้ทาง The Creators HQ ต้องการออกแบบให้เป็นโครงการ Highlight ของทางบริษัท ซึ่งเริ่มตั้งแต่วิธีคิดของโครงการ การออกแบบ การนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ในอาคาร รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งส่วนตัวเรามองว่าโครงการนี้ผ่านกระบวนการคิดและออกแบบมาค่อนข้างละเอียดเลยค่ะ ซึ่งโครงการนี้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 และสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในปี 2023 เรียกว่าใช้เวลา 4-5 ปีเลยทีเดียว
การออกแบบโครงการ CONNER Ratchathewi จะมีการคำนึงถึง Environment Issue เช่น การขาดแคลนพื้นที่สีเขียวของคนกรุงฯ, มลภาวะทางอากาศ และคำนึงถึงการวิถีการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ เช่น การสั่งอาหาร delivery, การทำงานจากที่บ้านหรือ work from home เป็นต้น ซึ่งจาก Pain point เหล่านี้ จะกลายมาเป็นดีไซน์ของโครงการที่เต็มไปด้วย Vertical Forest ขนาดใหญ่ และ ฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางภายใน CONNER Ratchathewi
ในส่วนของชื่อโครงการนี้ CONNER ก็จะมาจาก CORNER ที่แปลว่ามุม สื่อถึง
- Corner Location : จุดเชื่อมต่อระหว่างถ.พญาไท และถ.เพชรบุรี รวมไปถึงการเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ในอนาคต)
- Corner Room : ด้วยการออกแบบห้องพักอาศัยที่เป็นห้องมุมภายในโครงการ มีสัดส่วนถึง 61%
- Concept ของโครงการที่ต้องการเชื่อมต่อวิถีชีวิตของคนเมืองเข้ากับธรรมชาติ
รายละเอียดการออกแบบที่น่าสนใจภายในโครงการ
Hydro Smart Water System : น้ำที่นำมาใช้ภายในโครงการจะผ่านกระบวนการ Electromagnetic water system เพื่อให้โมเลกุลของน้ำแตกตัวและมีขนาดเล็กลง กลายเป็นน้ำที่บริสุทธิ์ ดีต่อการเจริญเติบโตของพืชและ ดีต่อผิวมากขึ้น
Vertical Forest
Vertical Forest : ต้นไม้มากกว่า 145,987+ ต้น หรือพื้นที่ 5,839 ตร.ม. ถูกออกแบบให้เป็นสวนแนวตั้งซึ่งสูงถึง 80 เมตร โดยมีการเลือกพันธุ์ต้นไม้ที่นำมาปลูกโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะสมกับขนาด พื้นที่ และ การดูแลที่เหมาะสมของต้นไม้นั้น โดยการดูแลต้นไม้ที่ปลูกนั้น ทางโครงการจะใช้ระบบ Smart Irrigation System ซึ่งน้ำสะอาดที่มาจาก Hydrosmart system จะเข้าสู่ SmartLink Controller เพื่อคำนวณปริมาณน้ำที่จะส่งไปยังต้นไม้แต่ละชั้นตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันการรดน้ำที่มากเกินไป สามารถช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 20-50%
Delivery Box : ห้องเก็บอาหารและเครื่องดื่มที่เราสั่ง Delivery มา โดยภายในห้องจะประกอบด้วยช่องเก็บของที่ควบคุมอุณหภูมิทั้งของเย็นและของร้อนได้ และจะแจ้งไปยังผู้อยู่อาศัยผ่านทาง Application
Monsoon Protection : จุดระบายอากาศบริเวณทางเดินหน้าห้องพักอาศัย โดยการออกแบบ grill แนวนอน ให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ และ สามารถป้องกันฝนสาดเข้ามาภายในอาคาร
Low-E Glass : ทางโครงการเลือกใช้กระจก Low-E รอบอาคาร ซึ่งมีคุณสมบัติกันความร้อน ช่วยประหยัดพลังงานภายในอาคาร
FACILITY
CONNER Ratchathewi เป็นคอนโดสูง 38 ชั้น โดยจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 1, 4, 5, 19, 20 และ Roof Top และจะมี Step Garden Terrace ที่ชั้น 12A, 15, 17 ค่ะ
ในพาร์ทนี้เราจะพาทุกคนไล่ดูส่วนกลางกันทีละชั้นกันนะ ไปดูกันค่ะ
- ทางเข้าโครงการติดถนนเพชรบุรี , ตัวอาคารเว้นระยะห่างจากถนนใหญ่ทำให้ด้านในได้ความเป็นส่วนตัว และลด ฝุ่น ควัน เสียงจากบริเวณถนนใหญ่ไปได้บ้าง
- การเดินรถภายในโครงการเป็นแบบ one way, มี Gate หลายจุด, ด่านแรกสุดจะเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ ถัดเข้ามาภายใน รถที่จะเข้าไปจอดภายในอาคารจะต้องเป็นของลูกบ้านเท่านั้น โดยจะมีรั้วไม้กั้นกระดกติดตั้งอยู่ทั้งทางเข้าและทางออก ส่วนรถของผู้มาติดต่อสามารถจอดด้านหน้าอาคารได้ค่ะ
- Hideaway Courtyard เป็นสวนที่ลดระดับจากพื้นถนนภายในอาคารลงไป ทำให้เกิดพื้นที่ส่วนตัว หลบจากสายตาของคนที่ใช้งานในระดับปกติ โดยจะมีต้นไม้ใหญ่ และเสียงน้ำไหลคั่นกลาง
- ฟังก์ชันแรกที่จะเจอภายในโครงการจะเป็น Concierge Service ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางก่อนจะแจกไปฟังก์ชันอื่นๆ เช่น Delivery box สำหรับ Rider ที่มาส่งอาหาร / Lobby Lounge สำหรับแขกผู้มาติดต่อ ส่วนตัวโถงลิฟต์ที่อยู่ถัดเข้าไปจะต้องมี Keycard เพื่อ scan เข้าไปภายในอีกครั้ง เป็นการเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยในกับลูกบ้านในโครงการค่ะ
จุดที่น่าสนใจคือการสอดแทรกธรรมชาติเข้าไปยังฟังก์ชันต่างๆ เช่น การสร้าง Hideaway Courtyard ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวที่ตัดขาดจากความเป็นเมือง ถนน รถรา ทั้งที่อยู่ชั้น 1 หรือการออกแบบ Lobby Lounge ที่มีน้ำล้อมรอบ เมื่อนั่งพักอยู่ภายในก็จะเห็นทั้งน้ำและต้นไม้ที่ปลูกรอบอาคาร เชื่อมต่อคนเมืองเข้ากับธรรมชาติตาม concept “Conner”
จากทางเข้าหน้าโครงการ Main gate ของ CONNER Ratchathewi จะถูกเว้นระยะห่างเข้าไป รถที่เลี้ยวเข้า-ออก สามารถเข้ามาจอดรถหน้า gate ตรงนี้ได้ โดยไม่ขวางทางจราจรบนถนนใหญ่ค่ะ
บรรยากาศของทางเข้าก็ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่นำทางเข้าไปในโครงการ รวมกับ Vertical Forest ที่ผนังอาคารส่วนที่เป็นที่จอดรถ ส่วนของฟังก์ชันก็จะมีการแยกทางเดินเท้าออกจากทางเดินรถ เพิ่มความปลอดภัยให้กับคนที่เดินเข้า-ออกโครงการ
เข้ามาภายในจะเจอกับจุด Drop-off หน้าอาคาร พื้นที่บริเวณนี้จะค่อนข้างโล่งกว้าง สำหรับผู้มาเยือนสามารถจอดรถรอบๆได้ค่ะ
เลี้ยวมาทางขวาจะเป็นจุด Drop-off และไม้กั้นกระดก สำหรับรถที่จะเข้าไปจอดด้านใน
ระบบจอดรถของโครงการนี้จะเป็นแบบ Automatic Parking รวมทั้งสิ้น 232 คัน หรือประมาณ 78.9% ของจำนวนยูนิตภายในโครงการ ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เยอะสำหรับโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินเท้าได้แบบนี้นะคะ
ลาน Drop-off หน้าอาคาร พื้นที่ถือว่ามีขนาดใหญ่เลย แม้จะมีรถจอดก็ยังสามารถขับวนรอบอาคารได้สบาย
Hideaway Courtyard
ที่มุมหนึ่งของที่ดิน ถูกออกแบบให้เป็น Hideaway Courtyard ค่ะ ซึ่งเป็นสวนที่ถูกซ่อนเอาไว้ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่มาใช้งาน มองจากลานด้านหน้า เราจะเห็นบ่อน้ำ และต้นไม้ใหญ่ปลูกเว้นระยะเป็นระเบียบอยู่ตรงกลาง
ที่มุมหนึ่งก็จัดเป็นชุดนั่งเล่น outdoor เหมือนมานั่งเล่นที่สวนหย่อมของหมู่บ้านเลยค่ะ
Hideaway Courtyard จะเป็นสวนที่ถูกลดระดับจากพื้นถนนรอบอาคารลงไป มีการเล่นระดับพื้นที่นั่ง และมีต้นไม้ปลูกอยู่รอบๆ ดูร่มรื่น นอกจากนี้ทางฝั่งขวามือจะเป็นธารน้ำที่ไหลลงมาสร้าง sound ambience ให้คนที่มานั่งเล่นได้ยินเสียงน้ำไหล กลบเสียงรถราบนถนนได้ เป็นส่วนที่ได้ความเป็นส่วนตัวใจกลางราชเทวีค่ะ
Hideaway Courtyard
ระหว่างถนนรอบๆและฟังก์ชันในอาคาร จะมีทางเดินและบ่อน้ำคั่นกลางค่ะ เป็นการเว้นระยะให้ถนนและ Lobby ไม่อยู่ชิดกันเกินไป
ชั้น 1
เดินเข้ามาในตัวอาคาร เราจะเจอกับ Concierge ทางขวามือค่ะ โดยด้านหลังเคาน์เตอร์นี้ก็จะเป็นห้องทำงานของนิติบุคคล ส่วนทางซ้ายมือจะเป็น Lobby Lounge
Delivery Box
ใกล้ๆ กันจะมีห้อง Delivery box เป็นห้องที่ออกแบบมาจากวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันที่นิยมสั่งอาหาร Delivery มากินที่บ้านกัน โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่สามารถเก็บอาหารที่มาส่งและควบคุมอุณหภูมิร้อน/เย็นได้ การทำงานคือเมื่อมีอาหารมาส่ง ทาง Concierge จะนำอาหารมาเก็บ และจะส่ง Notification ไปยังลูกบ้าน ซึ่งตู้เหล่านี้ก็จะช่วยอุ่นอาหารไม่ให้เย็นชืด หรือว่า แช่เครื่องดื่มให้เย็นสดชื่น ไม่ละลายจนจืดระหว่างที่รอลูกบ้านลงมารับค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีพื้นที่ให้ได้นั่งกินเล็กๆ เผื่อใครอยากนั่งกินตรงนี้เลยก็ทำได้นะคะ ซึ่งห้องที่สามารถ contain อุณหภูมิของอาหารนั้นเรายังไม่เคยเห็นในคอนโดไหนมาก่อน ค่อนข้างแปลกใหม่เลยทีเดียว
Delivery Box
Lobby Lounge
มาดูที่ Lobby Lounge กันค่ะ เป็นห้องที่มีกระจกและบ่อน้ำล้อมรอบ มีฝ้าเพดานสูงโปร่ง แต่ภายในห้องไม่ร้อนเนื่องจากใช้กระจก Low-E โดยรอบ ภายในห้องมีขนาดใหญ่ และจัดมุมนั่งเล่นไว้หลากหลาย โดยจะมีเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากแบรนด์ Fritz Hansen มาอยู่ในห้องนี้ด้วยค่ะ
Lobby Lounge
Waiting Lounge
ติดกันจะเป็น Waiting Lounge ห้องสำหรับรอรับรถจาก Automatic Parking พื้นที่ภายในห้องมีขนาดใหญ่ และมีจอ Monitor แสดงภาพจากกล้องวงจรปิดของรถรอบๆ ให้เราได้เห็นด้วย
Waiting Lounge
ก่อนที่จะไปชั้นอื่นๆ จะต้องผ่านประตูทางขวามือก่อนค่ะ สามารถผ่านประตูนี้ไปได้ด้วย Keycard เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
โถงลิฟต์ชั้น 1 : ลิฟต์โดยสารของโครงการนี้จะแบ่งเป็นลิฟต์โดยสารทั่วไป 3 ตัวและลิฟต์บริการ (service lift) อีก 1 ตัว โดยจะมีลิฟต์ 2 ตัวเท่านั้นที่สามารถใช้ขึ้นไปยัง high zone (ชั้น 22 ขึ้นไป) ได้ค่ะ
ชั้น 4-5
ผ่านชั้น 2-3 ซึ่งเป็นที่จอดรถขึ้นมายังชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ที่ชั้น 4 นี้จะมีฟังก์ชัน Study area และ Step seat library อยู่ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับคนทำงานหรือนักเรียนที่ต้องการ Co-working space ไว้ทำงาน โดยพื้นที่ตรงนี้ก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันย่อยให้เป็นห้องประชุมขนาดเล็ก 4-6 คน และมี Personal pods สำหรับนั่งคนเดียว สร้างสมาธิได้ค่ะ
นอกจากนี้ก็จะมี Step Seat library ที่เหมือน Auditorium ขนาดย่อม มานั่งทำงานแยกเดี่ยวชม City view ก็ได้ หรือจะเอาไว้ซ้อม Presentation เราก็ว่าเหมาะเช่นกันค่ะ
จากชั้น 4 จะมีบันไดที่เดินเชื่อมขึ้นมาชั้น 5 ได้ ซึ่งชั้นนี้จะมีฟังก์ชันที่เรียกว่า The Club อยู่ แต่จุดที่เราชอบคือการสร้างบรรยากาศของชั้นนี้ ที่เอา The Club ตั้งอยู่กลางน้ำ ล้อมรอบไปด้วย Vertical Forest และมี Skylight อยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ก็จะมี Observation deck ชมวิวได้ค่ะ
บรรยากาศภายใน Study area มีโต๊ะยาวขนาดใหญ่อยู่ใจกลางห้อง
Meeting room สำหรับทำงานกลุ่ม และ Personal Pods สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
จาก Study area จะเชื่อมต่อกับ Step seat ที่มีลักษณะเป็นที่นั่งลดระดับลงไปทางขวามือ ซึ่งการลดระดับเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่ใช้งานทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ
ที่ Step seat library มีมุมนั่งกระจายตัวอยู่ แต่ละจุดจะมีปลั๊กไฟไว้ให้ใช้งาน
จากชั้น 4 จะมีบันไดขึ้นไปชั้น 5 ที่เป็น The Club นะคะ ระหว่างเดินขึ้นบันไดมองขึ้นไปจะเห็น Vertical Forest อยู่ด้วย
โถงบันไดจากชั้น 4 ขึ้นมายังชั้น 5 บรรยากาศจะเหมือนได้ออกมาสู่ธรรมชาติ ซึ่งมีน้ำ และ ต้นไม้ปลูกอยู่รอบๆ
The Club เป็นห้องที่ล้อมรอบด้วย Vertical Forest และ บ่อน้ำ ทำให้คนที่ใช้งานได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและได้ความเป็นส่วนตัว
Vertical Forest จะมีความสูงถึง 80 เมตร ซึ่งมีระบบคำนวณปริมาณน้ำที่ใช้ดูแลต้นไม้แต่ละต้น ให้เหมาะสมกับสภาพความชื้น และอุณหภูมิของอากาศในแต่ละวัน นอกจากนี้ก็ยังมีระบบให้แสงเพื่อให้ต้นไม้ที่อยู่ด้านล่างสามารถสังเคราะห์แสงได้ เพื่อให้ต้นไม้เติบโตได้อย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว ไม่ต้องเสียทรัพยากรในการดูแลรักษามากเกินไปค่ะ
ที่ชั้นนี้จะมีโซน Observation Deck เป็นจุดชมวิวที่ยกระดับพื้นให้สูงขึ้น ระดับที่แตกต่างกันจะช่วยให้การใช้งานในแต่ละส่วนดูแยกจากกัน ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
The Club จะเป็นห้องกระจกที่จัดวางชุดโซฟาไว้ และมีเคาน์เตอร์บาร์เป็นมุมให้มานั่งเล่น จิบเครื่องดื่มบรรยากาศสบายๆ เป็นส่วนตัว
ภายใน The Club
ชั้น 19-20
ขึ้นมาที่ชั้น 19 เป็นอีกหนึ่ง Main Facility ของทางโครงการ ซึ่งชั้นนี้ก็จะมีอยู่ฟังก์ชันเดียวเลยคือสระว่ายน้ำค่ะ ซึ่งตัวสระก็จะจัดเป็นรูปตัว U แบ่งเป็นโซน Jacuzzi และสระปกติ โดยจุดที่ยาวที่สุดจะยาวถึง 35 เมตร เป็นระยะที่ว่ายออกกำลังกายได้ดีเลยค่ะ
และถ้าขึ้นมาอีก 1 ชั้นเป็นชั้นที่ 20 ก็จะเป็นห้องออกกำลังกายแบบยกชั้นเลย ซึ่งจะแบ่งฟังก์ชันย่อยๆ เป็นโซนที่จัดวางเครื่องเล่นทั่วไป โซนที่สามารถเล่นแนว weight training ได้ โซนสำหรับเล่นโยคะชมวิว หามุมเหมาะๆ ออกกำลังกายได้ตามสะดวกเลยค่ะ
บรรยากาศสระว่ายน้ำที่ชั้น 19 ตรงนี้จะเป็นสระในร่ม ยาว 23 เมตร มี daybed วางอยู่ริมสระ
เราชอบที่โครงการออกแบบสระว่ายน้ำในร่มมาให้ สามารถใช้งานได้ทั้งวันเลยค่ะ
ส่วนที่ยาวก็จะยื่นออกไปกลางแจ้ง ได้บรรยากาศที่แปลกตาดีค่ะ
จุดที่น่าสนใจคือตัวสระจะอยู่ที่ชั้น 19 แต่ด้วยโครงการที่ห้องพักอาศัยชั้นล่างๆ จะเป็นห้อง Loft ฝ้าเพดานสูง 4.5 เมตรทั้งหมด ทำให้ชั้น 19 ของ CONNER Ratchathewi มีความสูงเทียบเท่า High Zone ของคอนโดทั่วไปเลยค่ะ สังเกตวิวได้ว่าไม่ต่างจาก Sky Facility เลยนะ
ที่ชั้นนี้ก็จะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงและจุดล้างตัวสำหรับคนที่ใช้งานสระว่ายน้ำค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 20 จะเป็นห้องฟิตเนส อุปกรณ์ภายในห้องนี้จะเป็นของ TechnoGym
เครื่องเล่นที่จัดไว้ให้ค่อนข้างหลากหลายเลยค่ะ
มุม Yoga ที่เราหยิบเสื่อมาปูเล่นโยคะพร้อมชมวิวเมืองได้แบบเต็มตา
วิว
วิวทิศเหนือ หันไปทางถนนเพชรบุรี
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Ground Floor
– Lobby Lounge
– Waiting Lounge for automatic parking
– Delivery box
– Storage Room
– Hideaway Courtyard - Basement & 2nd-3rd Floor
– Automatic Parking with green facade - 4th – 5th Floor
– Recreation Zone
– Study Area
– Step Seat Library
– Meeting Room Pods
– The Club
– Observation Decks - 13th, 15th, 17th Floor
– Step Garden Terrace - 19th, 20th Floor
– Panoramic Sky Pool ความยาวสูงสุด 35 เมตร ลึก 1.2 เมตร
– Private Sky Fitness อุปกรณ์ออกกำลังกายจาก TechnoGym - Roof Top
– 360 Sky Terrace
Other Services
- Concierge service by Plus Property
- Rental Service by Space Management
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และ ลิฟต์บริการ 1 ตัว
- ที่จอดรถ Automatic Parking 232 คันคิดเป็น 78.9 %
- ระบบ CCTV / Access Card
ผังพื้นชั้นพักอาศัย
ห้องพักอาศัยของ CONNER Ratchathewi จะแบ่งเป็น 2 แบบหลักคือ ห้องรูปแบบ Loft สูง 4.5 เมตร อยู่ที่ชั้น 4-18 และ 21 ส่วนห้องอีกแบบคือ Simplex สูง 3 เมตร จะอยู่ที่ชั้น 22-38 (ชั้น 38 จะเป็นห้องแบบ Penthouse ค่ะ)
Loft Zone
ห้อง Loft เป็นแบบที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ อยู่ที่ชั้น 4-18 และ ชั้น 21 ค่ะ โดยจำนวนห้องพักอาศัยต่อชั้นมากที่สุดจะอยู่ที่ 14 ห้องต่อชั้นอย่างที่เห็นในแปลนข้างบน
6 ยูนิตจาก 14 ยูนิต จะเป็นห้องหัวมุม และ 9 จาก 14 ยูนิต จะเป็นห้อง Loft หน้ากว้าง (ส่วนที่ติดหน้าต่างยาวกว่าความลึกของห้อง) ถือเป็นการวางผังที่ให้ความสำคัญกับบรรยากาศของห้องพักอาศัยแต่ละยูนิตมากกว่าการแบ่งจำนวนห้องให้เยอะขึ้นเพื่อเน้นปริมาณห้องเพื่อขายด้วยนะคะ
อีกจุดที่น่าสนใจคือการออกแบบทางเดินหน้าห้องพัก เราจะเห็นว่าห้องส่วนใหญ่ทางเดินหน้าห้องจะได้เป็นแบบ Single Corridor คือไม่มีห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเดิน ซึ่งจะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ก็จะออกแบบให้ทางเดินมีความสว่าง มีหน้าต่างอยู่ที่ปลายทางเดินเป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศด้วยค่ะ
ผังพื้นชั้น 12A
ในชั้น 12A, 15 และ 17 ซึ่งเป็นชั้นพักอาศัยห้องแบบ loft ทั้ง 3 ชั้นนี้จะมีความพิเศษอยู่ที่ Outdoor Terraceg ซึ่งเป็นสวนหย่อมที่ชั้นพักอาศัย ใครที่เลือกห้อง 3 ชั้นนี้ก็จะเดินมาใช้งานได้ง่าย(ไม่ต้องขึ้นลงลิฟต์) เหมือนได้สวนข้างบ้านเลยค่ะ
Simplex Zone
ชั้น 22-37 จะเป็นห้องแบบ Simplex หรือห้องพักอาศัยฝ้าเพดานปกติสูง 3 เมตร ซึ่งต้องบอกว่าความสูง 3 เมตรนี้ก็เป็นระดับที่สูงกว่าห้องปกติในคอนโดทั่วไปแล้วนะคะ
ที่ชั้นนี้จะมีอยู่ 6 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากเลย นอกจากนี้ก็จะมีห้องมุมถึง 5 จาก 6 ยูนิต โดยจะมียูนิตดังนี้
- ห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 35 ตร.ม. (สีเขียว) ห้องมุม
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 50 ตร.ม. (สีน้ำตาลเข้ม) ห้องมุม
- ห้อง 2 Bedroom ขนาดประมาณ 73 ตร.ม. (สีส้ม)
- ห้อง 2 Bedroom ขนาดประมาณ 69 ตร.ม. (สีน้ำตาลอ่อน) ห้องมุม ห้องนี้หน้ากว้างถึง 15.85 เมตร
Penthouse
สำหรับห้อง Penthouse ของโครงการจะอยู่ชั้นบนสุด มีเพียง 3 ยูนิตเท่านั้นค่ะ โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งช่วงกลางปีนะคะ
แบบห้อง
รูปแบบห้องภายในโครงการ CONNER Ratchathewi จะมีให้เลือกทั้งแบบฝ้าเพดานสูง(Loft) และห้องฝ้าเพดานปกติ(Simplex) โดยจะมีห้องตำแหน่งมุมอาคารให้เลือกจำนวนมาก รายละเอียดดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 34.9 – 35.4 ตร.ม.
- 1 Bedroom Loft ขนาด 30 – 42 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 50 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 69 – 73 ตร.ม.
- Penthouse
ในรีวิวนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างทั้งหมด 4 ห้อง โดยจะรีวิวละเอียด 2 ห้องคือ ห้อง 1 Bedroom Loft ซึ่งเป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดของโครงการ และ ห้อง 1 Bedroom Plus Simplex ส่วนอีก 2 แบบห้อง คือ 1 Bedroom Simplex และ 2 Bedroom Simplex จะลงเป็น Gallery แทนนะคะ แต่ละห้องจะเป็นอย่างไร มีจุดเด่นที่น่าสนใจอะไรบ้าง ไปดูกัน
Room detail & Specification
- รูปแบบการขาย Fully Fitted แต่มี option เสริม Furniture package จาก Norse Republics เช่น Fritz Hansen – ฟริตซ์ ฮานเซ่น, Gubi – กูบิ, Massimo- มัสสิโม่, Vitra – วิ-ทร้า, Treku – เตรคู่ (ดีไซน์และราคาขึ้นอยู่กับแบบห้อง สอบถามเพิ่มเติมกับทางโครงการ)
- ความสูงห้อง Loft = 4.5 เมตร, ห้อง Simplex = 3 เมตร
- Digital Door Lock จาก Yale
- พื้นห้อง engineering wood
- พื้นห้องครัวและห้องน้ำ Cotto Porcelain
- [ครัว] Hob & Hood จาก Gorenje by Ora ito
- [ครัว] Microwave Oven & Fridge จาก Gorenje by Ora ito
- [ครัว] Sink & ก๊อกน้ำ & Waste Disposal จาก Teka
- [ห้องน้ำ] สุขภัณฑ์ Automatic Washlet จาก Cotto
- [ห้องน้ำ] อ่างล้างหน้า & ก๊อกน้ำ & ที่ใส่กระดาษชำระ จาก TOTO
- [ห้องน้ำ] ราวแขวนผ้า & ฝักบัว Rain Shower+Hand Shower จาก hansgrohe
- Concealed Air Conditioner จาก Daikin
- เครื่องซักผ้า Wash & Dry จาก Electrolux (เฉพาะห้อง 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom)
*รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
1 Bedroom Loft 34.90 Sq.m.
ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูเป็นห้อง Loft ซึ่งมีจำนวนเยอะที่สุดภายในโครงการค่ะ ห้องนี้พื้นที่ตามโฉนดจะอยู่ที่ประมาณ 35 ตร.ม. และมีพื้นที่ชั้นลอยเพิ่มอีกประมาณ 15 ตร.ม. ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยรวมราวๆ 50 ตร.ม.เลยค่ะ โดยราคาของห้องนี้จะเริ่มต้นที่ 9.7 ล้านบาทค่ะ
ความน่าสนใจของห้องแบบ Loft คือการที่มีพื้นที่ 2 ชั้น ทำให้บรรยากาศภายในเปรียบเสมือนบ้านเลย ที่ชั้นล่างก็เป็นเหมือนห้องพักผ่อน รับแขก ห้องครัว ส่วนชั้นลอยก็จะเป็นห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวค่ะ รูปแบบห้องเช่นนี้เรามองว่าเป็นห้องที่เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คน อยากได้คอนโดที่บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน แต่ยังต้องการความสะดวกสบายของทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองค่ะ
จุดเด่นของห้อง Loft โครงการนี้คือการเป็นห้องหน้ากว้าง ซึ่งห้อง Loft ที่เราเคยเห็นมาส่วนใหญ่จะเป็นห้องตอนลึก พื้นที่ติดหน้าต่างจะเป็นฝ้าเพดานสูง ส่วนห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้างที่ติดกับผนังภายนอก ทำให้แทบทุกฟังก์ชันได้แสงสว่างทั้งหมด ทั้งห้องนั่งเล่น+กินข้าว, ห้องครัว, ห้องนอน นอกจากนี้ก็ยังเป็นห้องที่ได้ครัวปิด เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารกินเองและไม่อยากให้กลิ่น ควัน ไหลลอยไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆ ภายในห้องค่ะ
สำหรับทำเลราชเทวีนี้ เรามองว่าก็มีหลายโครงการทำห้องแบบ Loft ออกมาขาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Loft ตอนลึก ซึ่งที่โครงการ CONNER Ratchathewi นี้เป็นห้องหน้ากว้างทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องที่ดูโปร่ง โล่งกว่าค่ะ
รูปแบบห้องจะขายแบบ Fully Fitted เป็นมาตรฐาน แต่ทางโครงการได้ร่วมมือกับทาง Norse Republics จัด Furniture Package ที่รวมเอาเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์จากแบรนด์ดังมาให้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบด้วยค่ะ โดยราคาของแต่ละห้องก็จะแตกต่างไปตามจำนวนและดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์นั้นๆ ใครสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทางโครงการได้นะคะ
มาดูภายในห้องกันเลยดีกว่าค่ะ ตัวห้อง Loft จะมีความสูงที่ 4.5 เมตร ตัวพื้นจะเป็น Engineering Wood สีเข้มแบบที่เห็นเลยค่ะ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ฝ้าเพดานสูงเลย ซึ่งเป็น layout ที่ไม่ค่อยจะเจอแบบนี้กับห้อง Loft โครงการอื่นๆ เท่าไหร่(ส่วนใหญ่เข้าห้องไปจะเป็นฝ้าเพดานต่ำก่อน แล้วค่อยเปิดโล่งด้านใน)
ประตูห้องจะติดตั้ง Digital Door Lock ให้ มีช่องใส่จดหมาย ซึ่งทางนิติฯ จะเป็นคนนำมาวางให้ถึงห้องเลย นอกจากนี้ก็จะมีช่องระบายอากาศ ซึ่งเราสามารถเปิดให้อากาศภายในห้องหมุนเวียนออกข้างนอกได้
ติดกับประตูห้องจะชั้นวางรองเท้าค่ะ ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ Built-in มาให้พร้อมกับตัวห้องเลย หน้าบานเป็นกระจกใสสีชา พอเปิดมาก็จะมีพื้นที่สำหรับวางรองเท้า และพื้นที่วางของที่ชั้นบนๆ โดยจะมีไฟซ่อนภายในตู้ที่จะสว่างเมื่อเราเปิดตู้ติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ ความกว้างของตู้จะอยู่ที่ประมาณ 1.3 เมตร เก็บรองเท้าได้หลายคู่เลยนะคะ น่าจะเพียงพอสำหรับผู้อยู่อาศัย 1-2 คนนะ
ติดกับประตูอีกฝั่งก็จะเป็นบันไดขึ้นชั้นลอย เดี๋ยวเราจะไปดูกัน แต่จุดที่เราอยากให้ดูคือที่ชั้นลอยนี้ผนังจะออกแบบให้เป็นกระจกใสสีชา ซึ่งทำให้พื้นที่ทั้งชั้นบนและล่างดูเชื่อมต่อกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส 100% แบบที่ดูแล้วเห็นข้างในชัดเสียจนความเป็นส่วนตัวค่ะ
ตัว Common area หรือ พื้นที่กินข้าว+นั่งเล่น จะเป็นส่วนที่ได้ฝ้าเพดานสูง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้มีขนาด 3.8x3.5 เมตรเลยค่ะ
การวางตำแหน่งของระเบียงจึงจะอยู่ที่มุมของห้องค่ะ
พื้นที่ใต้บันไดจะถูกออกแบบให้เป็นส่วนซักล้างค่ะ
ด้านในสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ และจะมีชั้นวางของสำหรับวางอุปกรณ์ซักรีดให้ด้วย
ติดกันจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งตัวห้องน้ำออกแบบมาดูดีเลยค่ะ ที่เห็นได้ชัดคือฉากกั้นอาบน้ำสีชา ซึ่งไม่ค่อยจะเจอแบบนี้กับโครงการอื่นๆนะ
อ่างล้างหน้าที่ได้จะมี Built-in ชั้นวางของใต้อ่าง และมีพื้นที่เก็บของหลังกระจกเงาให้มาด้วย ถือว่าพื้นที่เก็บของได้ค่อนข้างเยอะเลย
โดยตัวอ่างจะเป็นแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ และใช้น้ำเป็นระบบน้ำร้อน ซึ่งสามารถควบคุมความแรงของน้ำและอุณหภูมิน้ำได้ดีกว่าระบบน้ำอุ่นนะคะ
ส่วนโถสุขภัณฑ์จะเป็น Automatic Washlet จาก Cotto ซึ่งตัวฝาจะเปิดปิดอัตโนมัติผ่านการทำงานของ sensor และมีไฟส่องอยู่ที่ตัวโถด้วย ไม่ต้องกังวลว่าเวลากลางคืนจะมองไม่เห็นค่ะ
ห้องอาบน้ำมีขนาดกว้าง 1×1.2 เมตร เป็นระยะที่ใช้งานสะดวก ได้ทั้ง hand shower และ rain shower พร้อมระบบน้ำร้อน
ติดกับห้องน้ำจะเป็นห้องครัวค่ะ จากห้องตัวอย่าง 4 ห้องที่เราจะไปดูกันแบบนี้จะเป็นแบบเดียวเลยที่ได้ห้องครัวปิดนะ
ประตูห้องครัวจะแยกจากพื้นที่นั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เมื่อรวมกับผนังที่เป็นหน้าต่างของอาคารและกระจกทำให้ภายในห้องครัวดูโปร่งโล่งสว่าง น่าใช้งาน ไม่ต่างจากครัวของบ้านแนวราบเลยค่ะ
สำหรับห้องครัว จะได้ Built-in มาเข้ามุมเป็นรูปตัว L เลยค่ะ ซึ่งชุดครัวที่ได้ถือว่าได้ของดีเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็น Gorenje by Ora ito
ตู้เย็นก็เป็นของ Gorenje by Ora ito ที่ Built-in มาเป็นส่วนหนึ่งของครัว หน้าบานเป็นกระจกเงาดูหรูหราเลยค่ะ
Sink ล้างจานจะเป็นของ Teka นะ แต่จะได้รุ่นที่หัวก๊อกออกมาได้ แม่บ้านต้องถูกใจสิ่งนี้
นอกจากนี้ก็จะมี Waste Disposal ให้มาจาก Teka เช่นกันค่ะ เวลาที่เราล้างจานอาจจะมีคราบเศษอาหารเข้าไปอุดตันที่ท่อได้ ซึ่งเจ้าเครื่องนี้จะเป็นตัวบดเศษอาหารให้เรานั่นเอง การทำงานก็แสนง่าย เพียงแค่กดปุ่มที่อยู่ใต้อ่างเท่านั้น เศษอาหารที่แข็งหรือมีขนาดใหญ่ก็จะถูกย่อยจนเป็นของเหลวไม่อุดตันท่อแล้วค่ะ
ใต้เคาน์เตอร์จะมี microwave oven ที่ Built-in มาให้พร้อม
ผนังด้านหลังติด Back splash วัสดุเดียวกันกับ Top เคาน์เตอร์ดูสวยงามเป็นเรื่องราวเดียวกัน
บันไดทางขึ้นชั้นลอยออกแบบมาดูเป็นบันไดที่จริงจังเลยค่ะ วัสดุลูกตั้งลูกนอนก็จะเป็น engineering wood เช่นเดียวกับพื้นห้อง
จากชั้นลอยมองลงมา จะเห็นว่าพื้นที่ Double volume ของห้องนี้มีขนาดใหญ่เลยค่ะ ดูโปร่ง อยู่สบาย
ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งตรงนี้จะไม่ได้มีประตูนะ (เราสามารถติดเพิ่มทีหลังได้ค่ะ) โดยพื้นที่ส่วนพักผ่อน(ไม่รู้ตู้เสื้อผ้า) จะอยู่ที่ 3.25×3.1 เมตร ขนาดกว้างเลย ส่วนความสูงจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร
ซึ่งห้อง Type นี้จะมี Built-in ตู้เสื้อผ้าให้มาเป็นรูปตัว U แบบนี้เลยค่ะ ตัวบานจะเป็นกระจกใสสีชา ดูหรูหรา แต่ก็ไม่สว่างจนเห็นเสื้อผ้าข้างในชัด
พื้นที่ภายในเก็บของได้เยอะและหลากหลายค่ะ อย่างเช่นทางซ้ายมือเราสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางเข้าไปในตู้ได้ ตรงกลางก็มีช่องให้ใส่เครื่องประดับเนกไท และก็ยังมีราวแขวน ลิ้นชักต่างๆ ให้มาตามมาตรฐานด้วย
ตัวห้องจะอยู่ติดกับผนังภายนอกของอาคาร ซึ่งเป็นกระจก ทำให้ภายในห้องนอนดูกว้างขึ้น และไม่อึดอัดแม้จะสูง 2 เมตรค่ะ
1 Bedroom Plus Simplex 50 Sq.m.
มาดูห้องตัวอย่างอีกห้องกันค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom Plus แบบ Simplex ซึ่งห้องแบบ Simplex นี้จะอยู่ที่ High Zone เริ่มตั้งแต่ชั้น 22 ขึ้นไป โดยห้องแบบ Simplex นี้ก็จะได้ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 เมตร สูงกว่าห้องทั่วไปซึ่งจะอยู่ที่ 2.4-2.6 เมตรเท่านั้นค่ะ
ตำแหน่งของห้องนี้จะเป็นห้องมุมอาคาร ทำให้ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องอเนกประสงค์จะอยู่ติดกับผนังด้านได้หน้าต่างเป็นช่องแสงและระบายอากาศ
จุดที่น่าสนใจของห้องนี้คือการออกแบบ Common area หรือห้องนั่งเล่น+กินข้าว โดยเฉพาะพื้นที่ครัวซึ่งจะได้ island ตรงกลางเป็นตำแหน่งกินข้าวไปในตัวค่ะ
สำหรับห้องนี้ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 15.5 ล้านบาท เป็นห้องที่เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คน อาจจะเป็นครอบครัวเริ่มต้นที่เผื่อห้องไว้เป็นห้องนอนลูก หรือว่าจะเป็นคนทำงานที่ต้องการห้องทำงานเป็นสัดส่วนภายในห้องพักอาศัยค่ะ
ส่วน Furniture Package ของห้องนี้ ทาง Norse Republics ก็จัดมาให้เช่นกัน ได้เฟอร์นิเจอร์ของ Fritz Hansen และ Gubi รายละเอียดตามภาพที่เห็นเลยค่ะ ส่วนราคา สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทางโครงการได้นะคะ
มาดูภายในตัวห้องกันค่ะ เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Common area ซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ทางขวาจะเป็นมุมพักผ่อน ส่วนทางซ้ายจะเป็นครัวค่ะ
Layout แบบนี้ ประตูทางเข้าจะเป็นแนวทางเดินภายในห้อง ทำให้เวลาที่เดินเข้า-ออกจะไม่ได้เดินตัดผ่านฟังก์ชัน ไม่รบกวนกัน เช่นถ้าใครคนหนึ่งดูทีวีหรือทำอาหารในครัว เราก็จะไม่เดินตัดผ่านค่ะ
ติดกับทางเข้าจะมีชั้นวางรองเท้าให้มาค่ะ กว้าง 85 ซม. หน้าบานตู้เป็นกระจกใสสีชา ห้องนี้จะแบ่งเปิดได้บนและล่าง ซึ่งด้านบนก็เอาไว้วางของทั่วไป ส่วนชั้นล่างจะเป็นพื้นที่วางรองเท้า
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นถือว่ามีขนาดกว้างเลย ประมาณ 2.4×3.5 เมตร ซึ่งเราสามารถกั้นเป็นห้องก็ได้ค่ะ สังเกตจากห้องตัวอย่างที่จัดชั้นวางของกั้น Zone ห้องให้ดูคร่าวๆ
กระจกที่ได้จะเป็นบานใหญ่มาก แสงสว่างสามารถเข้ามาได้เต็มที่เลย
วิวจากห้องตัวอย่าง จะเห็นว่าวิวค่อนข้างเปิดโล่งเลย ไม่มีตึกสูงในระยะประชิด และเป็นห้องตำแหน่ง High Zone ด้วย
ภายในห้องจะออกแบบให้ได้แอร์เป็นระบบ Conceal Type หรือว่าแอร์แบบฝังฝ้าเพดาน ดูเรียบร้อยสวยงามค่ะ
ในส่วนของครัวนั้นจะได้เป็นครัวแบบเปิด ซึ่งห้องนี้จะมีดีไซน์พิเศษตรงนี้มีเคาน์เตอร์ตรงกลาง กลายเป็นมุมสำหรับกินข้าวไปในตัว
พื้นที่กินข้าวจะรองรับได้ 2 ที่นั่งค่ะ จัดเป็นมุม Breakfast ปิ้งขนมปัง ดริปกาแฟได้ตรงนี้เลยนะ
ตัว Sink & Waste Disposal จะอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางค่ะ ใต้เคาน์เตอร์เก็บของได้เยอะเลย
พื้นที่ด้านหลังก็จะเป็นเตาไฟฟ้า ตู้เย็น มีพื้นที่บนเคาน์เตอร์สำหรับเป็นพื้นที่เตรียมอาหารเล็กๆทางฝั่งซ้าย
ติดกับส่วนครัวทางขวามือจะเป็นห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ ส่วนด้านในสุดหลังครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ
มาดูในห้องนอนกันค่ะ เมื่อเข้ามาจะเจอกับตู้เสื้อผ้าก่อนเลย เป็นห้องที่มองไม่เห็นเตียงโดยตรง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยได้นะ
ห้องนี้อยู่ตำแหน่งมุมอาคารพอดี เลยจะได้หน้าต่าง 2 ฝั่งผนังห้อง
ส่วนระเบียง Service ของ unit type นี้จะอยู่ภายในห้องนอนใหญ่ค่ะ
ส่วนห้องอเนกประสงค์จะมีขนาดรองลงมาประมาณ 2.5×3 เมตรค่ะ ในห้องตัวอย่างจะ Built-in ชั้นวางของมาให้ 2 ฝั่ง เลยอาจจะทำให้ภายในห้องดูเล็ก แต่ห้องจริงจะมีขนาดใหญ่กว่านี้นะ
ไอเดียที่น่าสนใจคือเตียงที่พับเก็บได้ค่ะ กลายเป็นห้องนอนสำรองเผื่อมีเพื่อนหรือแขกมาหาได้นะ
มาดูที่ห้องน้ำกันค่ะ ห้องน้ำนี้มีผังที่ค่อนข้างลึกเลย จะแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแห้งก่อน แล้วค่อยเป็นส่วนเปียกที่อยู่ด้านใน
อ่างล้างหน้าจะได้ Built-in กระจกเงาด้านบน และชั้นวางของด้านล่าง
1 Bedroom Simplex 35.5 Sq.m.
ห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นแบบ Simplex ของโครงการค่ะ แบบห้องนี้พื้นที่ใช้สอยถือว่าเริ่มต้นของโครงการนี้จริงๆ แต่ด้วยตำแหน่งห้องที่จะอยู่ที่ชั้นสูง เริ่มที่ชั้น 22 เลยทำให้ราคาเริ่มต้นจะใกล้เคียงกับห้องแบบ Loft ค่ะ โดยห้องนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่ 9.58 ล้านบาท
จุดที่น่าสนใจของแบบนี้คือเป็นห้องตำแหน่งมุม และเป็นห้องตอนลึก ทำให้เมื่อเข้ามาจากประตูจะเจอกับโซนนั่งเล่นกินข้าว -> ครัวและห้องน้ำ -> ห้องนอน ซึ่งไล่ลำดับความเป็นส่วนตัวไว้ได้ดีค่ะ นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นห้องมุมทำให้ทุกฟังก์ชันจะอยู่ติดกับผนังภายนอก ตัวอย่างเช่นห้องน้ำก็จะได้ผนังกระจกเต็มบาน ซึ่งดูโปร่งโล่งเป็นจุดเด่นของห้องนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ
ใครที่ไม่อยากหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งเอง ทาง Norse Republics ก็จัดเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนี้เอาไว้ให้ สามารถสอบถามราคาของ Furniture Package กับทางโครงการได้อีกครั้งนะคะ
1 Bedroom Simplex 35.5 Sq.m.
2 Bedroom Simplex 73 sq.m.
ห้องตัวอย่างสุดท้ายเป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และเป็นห้องหน้ากว้าง สามารถอยู่กันเป็นครอบครัวได้เลยค่ะ โดยห้องนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่ 22.8 ล้านบาท
Layout ห้องนี้จะได้ถึง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เมื่อดูขนาดจากแปลนคร่าวๆ จะเห็นว่าพื้นที่พักผ่อนภายในห้องนอนทั้ง 2 มีขนาดใกล้เคียงกันค่ะ เพียงแต่ Master Bedroom จะได้ห้องน้ำในตัว และ มีพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet เพิ่มขึ้นมานะ
Option เพิ่มเติมสำหรับคนที่อยากได้เฟอร์นิเจอร์ โดยทาง Norse Republics ได้คัดเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังมาให้ตามที่เห็นเลยค่ะ (สอบถามราคาของ Furniture Package กับทางโครงการอีกทีนะคะ)
2 Bedroom Simplex 73 sq.m.
ราคา
CONNER Ratchathewi ราคา ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2023
- 1 Bedroom Loft (Layout ห้องตัวอย่าง) ขนาด 34.92 + 15.30 = *50.22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.7 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 193,XXXบาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Simplex (Layout ห้องตัวอย่าง)ขนาด 35.07 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.58 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 269,xxx บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Simplex (Layout ห้องตัวอย่าง) ขนาด 50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 310,000 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom Simplex (Layout ห้องตัวอย่าง) ขนาด 73 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 22.8 ล้านบาทหรือเฉลี่ย 312,xxx บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- Deposit
– 1 Bedroom 100,000 บาท
– 1 Bedroom Plus 200,000 บาท
– 2 Bedtoom 300,000 บาท - Contract 5%
- Transfer payment 95%
- ค่ากองทุน 900 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 90 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและการเดินทาง :
ราชเทวีเป็นหนึ่งทำเลใจกลางเมืองที่ใกล้สยาม และเป็นทำเลที่มีโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเกินขึ้นเยอะ แต่ก็ยังเป็นทำเลที่มีตลาด ร้านอาหารแนวชุมชนให้จับจ่ายในราคาย่อมเยา โดยทำเลนี้มีจุดเด่นเรื่องการเดินทาง ที่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีราชเทวี) และในอนาคตก็จะมีแผนการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ตัดผ่านถนนเพชรบุรีเพิ่มมาเป็นอีกตัวเลือกด้วย ในขณะเดียวกัน จากตัวโครงการก็สามารถไปใช้งาน Airport rail link ใช้เดินทางเชื่อมต่อไปยังสุวรรณภูมิได้อีก ทำให้ในแง่การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทำเลนี้มีตัวเลือกเยอะมาก
ในส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แถวนี้ต้องยอมรับว่าจะมีช่วงที่การจราจรติดขัดมากเป็นประจำอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นกลางเมืองที่เชื่อมเข้าออกเมืองได้ง่าย อยากจะไปสยามก็ขับผ่านทางบรรทัดทองได้ หรือจากหน้าโครงการก็สามารถเลี้ยวขวาขึ้นสะพานข้ามไปประตูน้ำได้เลย หรือจะไปใช้ทางด่วนก็ไม่ไกลค่ะ
เปรียบเทียบเรื่องโปรดักส์คอนโดมิเนียมในโซนราชเทวี : เมื่อ 2-3 ปีก่อนถือว่าเป็นช่วงที่มีคอนโดเปิดตัวกันมามาก แต่หลังจากช่วงโควิดมาก็ยังไม่เจอโครงการเปิดใหม่บนทำเลนี้เลยนะ ซึ่งปัจจุบันก็ทยอยสร้างเสร็จกันมาแล้วค่ะ โดยราคาของคอนโดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจะอยู่ในระดับ Luxury เริ่มต้นกัน 7-10 ล้านแทบทั้งหมดเลย CONNER Ratchathewi เป็นอีกโครงการที่อยู่ในกลุ่มนี้ราคาเริ่มต้น 9.x ล้านบาท แต่โปรดักส์เริ่มต้นของที่ CONNER จะเป็นห้อง Loft ที่รวมแล้วพื้นที่ใช้สอยประมาณ 50 ตร.ม. และเป็นห้อง Loft หน้ากว้างที่ได้บรรยากาศแตกต่างจากโครงการอื่นๆ นอกจากนี้เรามองว่าวัสดุที่ให้มาภายในห้องก็ถือว่าเกรดดีสมราคาเลยทีเดียวค่ะ
การออกแบบ :
โครงการนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการออกแบบ โดยจะมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่แนวความคิดของโครงการที่ต้องการให้อาคารมีพื้นที่สีเขียว โดยมี Vertical Forest สูง 80 เมตร พร้อมคำนึงถึงระบบการดูแลรักษา การรดน้ำ เพื่อให้ต้นไม้ที่ปลูกสามารถโตได้จริง สวยแบบยั่งยืน นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดอื่นๆ เช่น น้ำที่นำมาใช้ภายในโครงการ ฯลฯ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่จริงจังกับการนำเอาเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยค่ะ
ในส่วนการออกแบบห้องพักอาศัยก็นับว่าน่าสนใจเช่นกันค่ะ ที่นี่มี Layout ห้องให้เลือกเยอะมาก มีทั้งห้องที่เป็นแบบ Loft และห้อง Simplex แถมออกแบบให้ห้องจำนวนมากเป็นห้องยูนิตมุม ทำให้ได้มุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยการจัดฟังก์ชันภายในห้องก็มีระยะที่อยู่สบายด้วยค่ะ
วัสดุ :
ด้วยราคาต่อตร.ม.ของที่นี่อยู่ที่ 32x,xxx บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าสูงเลยนะคะ แต่วัสดุที่ได้ภายในก็ให้มาเกรด Top เช่นกัน ตั้งแต่การเลือกใช้กระจก Low-E รอบอาคาร มีเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังอย่าง Fritz Hansen มาใช้ภายในพื้นที่ส่วนกลาง (ตัวอย่างราคาเก้าอี้กินข้าวของแบรนด์นี้เริ่มต้นที่ €1,190 หรือประมาณสี่หมื่นบาท)
ส่วนภายในห้องก็ได้วัสดุที่ดี เช่น พื้น Engineering Wood, ครัวของ Gorenje by Ora ito ที่มี Built-in microwave oven และตู้เย็นมาด้วย , sink and waste disposal ของ Teka, โถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติของ Cotto, Shower ของ hansgrohe, อ่างล้างหน้าและอุปกรณ์ fitting จาก Toto รวมไปถึง Built-in ตู้เสื้อผ้าและชั้นวางรองเท้าที่หน้าบานเป็นกระจกใสสีชา พร้อมไฟหลืบแบบ indirect light ภายในตู้ค่ะ
สาธารณูปโภค :
พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จะอยู่ที่ชั้น 1, 4, 5, 19 และ 20 เป็นหลัก โดยชั้นล่างจะเป็นโซนนั่งเล่น/รับแขก ทั้งภายในอาคารและภายนอกอย่าง Lobby Lounge หรือ Hideaway Courtyard และมีฟังก์ชันที่น่าสนใจอย่าง Delivery Box ห้องที่มีช่องควบคุมอุณหภูมิร้อน/เย็นของอาหารที่เราสั่งมายังโครงการได้ ส่วนชั้น 4-5 จะเป็นโซนที่เหมาะสำหรับนั่งทำงาน พูดคุยงาน มีทั้งห้องที่เป็นส่วนตัว และพื้นที่นั่งเดี่ยวช่วยสร้างสมาธิ และบนชั้น 19-20 จะเป็นฟังก์ชัน Active Zone อย่างสระว่ายน้ำและฟิตเนส ที่ลูกบ้านสามารถขึ้นไปใช้งาน+ชมวิวได้โดยรอบอาคารค่ะ
CONNER Ratchathewi เหมาะกับใคร?
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนอยากได้คอนโดใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า โดยให้คุณค่ากับที่อยู่อาศัยทั้งตัวอาคารและพื้นที่ใช้สอยภายในห้องพัก เป็นคนที่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ต้องการที่อยู่อาศัยที่ได้ใกล้ชิดพื้นที่สีเขียว ได้อากาศและน้ำที่ดี, มีคุณภาพ ส่วนพื้นที่ห้องพักก็ต้องมีขนาดไม่เล็กไป มีงบประมาณ 10 ล้าน สำหรับอยู่ 1-2 คน หรืองบ 15-20 ล้านสำหรับอยู่เป็นครอบครัวเริ่มต้น