รีวิวฉบับที่ 2177 … เมื่อ 2 ปีก่อน เราเคยเขียนรีวิวโครงการ Bangkok Horizon Lite @ สถานีเพชรเกษม 48 จาก CMC Group ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็น Sales Gallery กันมาแล้วนะครับ เป็นคอนโด Low Rise ใกล้กับ MRT สถานีเพชรเกษม 48 เพียงแค่ 200 m. ซึ่งปัจจุบันก็เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว จุดเด่นคือออกแบบส่วนกลางเป็นสไตล์รีสอร์ทริมทะเล และเน้นห้องพักขนาดเล็ก 1 Bedroom เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

1 December 2020

  • Bangkok Horizon Lite @ Phekasem 48 Station (แบงค์คอก ฮอไรซอน ไลท์ @ สถานีเพชรเกษม 48)
  • บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) / CMC Group
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซ.เพชรเกษม 48 ถ.เพชรเกษม เขต ภาษีเจริญ
  • ที่ดินประมาณ 4-3-73.5 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 741 ยูนิต
    – อาคาร A 273 ยูนิต
    – อาคาร B 237 ยูนิต
    – อาคาร C 231 ยูนิต

  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 39 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 212 คันคิดเป็น 28% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%)
  • แล้วเสร็จพร้อมอยู่ : ปลายปี 2563
  • 1 Bedroom Compact 24.29 – 26.39 ตร.ม.
  • Grand 1 Bedroom 29.17 – 33.81 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 40.66 – 44.19 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 73,692 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 74,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-457-5959
  • Call Center : 1172

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.718212, 100.445630
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่ 

โครงการตั้งอยู่ระหว่างซอยเพชรเกษม 48 และ 46 ซึ่งความพิเศษของซอย 48 คือจะมีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากๆ เพราะเป็นย่านชุมชนดั้งเดิมที่อยู่กันอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณปากซอยจะมีร้านค้าให้อุดหนุนกันเพียบเลยล่ะ อีกทั้งซอยเพชรเกษม 48 ยังสามารถเชื่อมต่อไปออกถนนบางแวกได้อีกด้วย ส่วนความอุดมสมบูรณ์หลักๆของย่านนี้ ก็คงไม่พ้นตลาดใหม่บางแค ซีคอนบางแค และเดอะมอลล์บางแค ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลมากนัก

ปัจจุบันย่านบางแคมีความน่าสนใจและคึกคักมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย MRT สายสีน้ำเงิน เปิดให้บริการมาจนถึงสถานีหลักสองแล้วนั่นเองครับ ทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นเยอะเลย ไม่ว่าจะนั่งไปห้างสรรพสินค้าที่อยู่ถัดไป 1 – 2 สถานี หรือจะนั่งเข้าเมืองและไป Interchange เปลี่ยนขบวนที่สถานีบางหว้าถัดไปเพียง 1 สถานีก็ได้ครับ

ความน่าสนใจของของโครงการนี้ก็คือ ถึงแม้จะเป็นคอนโดในซอย แต่เค้าก็มีการเปิดทางเข้า-ออกที่ด้านหลังโครงการ โดยผ่านถนนภาระจำยอมของซอยเพชรเกษม 46/2 ซึ่งเป็นเหมือนทางลัดที่ช่วยให้การสัญจรเป็นไปได้ง่าย และสะดวกขึ้นมากๆครับ เพราะเราไม่ต้องเข้าซอยเพชรเกษม 48 ที่รถค่อนข้างเยอะ แถมถนนซอยยังค่อนข้างแคบอีกด้วย

ซึ่งระยะทางของซอยเพชรเกษม 46/2 มีเพียง 200 m. เท่านั้น หน้าปากซอยเป็นสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีเพชรเกษม 48 สามารถเดินมาใช้งานได้ไม่ยาก เหมาะกับคนที่ทำงานย่านสีลม-สาทร หรือพระราม 4 โดยใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเข้าเมืองเป็นประจำ และเป็นคอนโด Low Rise (70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม.) ที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่าคอนโด High Rise ที่ติดถนนใหญ่ (90,000 – 100,000 บาท/ตร.ม.) ที่เค้าจะมีช่วงราคาที่สูงกว่าอีกด้วยครับ

แต่สำหรับใครที่ใช้รถเดินทางเข้าเมืองอย่าง สีลม-สาทร ก็สามารถมาขึ้นทางยกระดับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2 km. แล้วขึ้นสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อข้ามแม่น้ำไปได้เลยครับ

ส่วนถ้าใครต้องการใช้ถนนกาญจนาภิเษกในการเดินทางล่ะก็ สามารถขับไปขึ้นทางด่วนแถวๆเดอะมอลล์บางแคได้นะ โดยจะมีระยะทางประมาณ 6.4 km. ซึ่งก็เผื่อเวลาเดินทางสัก 20 – 30 นาทีนะครับ

การเดินทางวันนี้ :

Image 1/9
สำหรับการเดินทางวันนี้ เริ่มต้นกันที่ถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งก็ให้ขับรถตรงมาเรื่อยๆ พอผ่าน MRT เพชรเกษม 48 แล้วก็ให้กลับรถครับ จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพชรเกษม 48 ได้เลย ขับตรงมาตามทางเรื่อยๆ และเลี้ยวขวาตรงทางแยก ขับมาอีกหน่อยก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ ซึ่งบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรไปชมกันครับ

สำหรับการเดินทางวันนี้ เริ่มต้นกันที่ถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งก็ให้ขับรถตรงมาเรื่อยๆ พอผ่าน MRT เพชรเกษม 48 แล้วก็ให้กลับรถครับ จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพชรเกษม 48 ได้เลย ขับตรงมาตามทางเรื่อยๆ และเลี้ยวขวาตรงทางแยก ขับมาอีกหน่อยก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ ซึ่งบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรไปชมกันครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบสูง 1 – 2 ชั้น และจะมีเป็นอาคารพักอาศัยสูง 3 – 4 ชั้นอยู่บ้างครับ สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนซอยเพชรเกษม 48 มีอาคารสูง 1 – 2 ชั้น และมีเซเว่นอยู่ฝั่งตรงข้าม
  • ทิศใต้ : ติดกับ อู่ซ่อมรถยนต์ สูง 1 – 2 ชั้น และซอยเพชรเกษม 46/2 ซึ่งเป็นทางออกด้านหลังโครงการ ระยะไกลมองเห็นคอนโด High Rise
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ลำรางสาธารณะ บ้านพักอาศัยสูง 1 – 2 ชั้น และอาคารพักอาศัยสูง 3 – 4 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ อาคารสูง 1 – 2 ชั้น

และนี่คือภาพบรรยากาศของซอยเพชรเกษม 48 ด้านหน้าโครงการครับ ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็จะมีเซเว่นตั้งอยู่ และด้านขวาของโครงการ (หรือปากซอยร่วมพัฒนา เพชรเกษมแยก 4-7) จะมีวินมอไซค์ตั้งอยู่ด้วยครับ

ส่วนซอยนี้ก็คือ ซอยเพชรเกษม 46/2 ซึ่งเป็นประตูด้านหลังโครงการ ที่สามารถเชื่อมมาออกถนนใหญ่เพชรเกษม และรถไฟฟ้า MRT สถานีเพชรเกษม 48 ที่ผมยืนอยู่นี้ได้ ในระยะทางเพียง 200 m. เท่านั้น

บรรยากาศในซอยจะเป็นถนน 2 เลนที่รถขับสวนกันได้พอดีๆ และมีทั้งบ้านพักอาศัย ร้านข้าวขาหมูขนาดใหญ่ และอู่ซ่อมรถที่อยู่ติดกับโครงการ ซึ่งบริเวณทางเข้านี้จะถูกจดเป็นถนนภาระจำยอม เพื่อให้ลูกบ้านคอนโดสามารถใช้เข้า-ออก เพื่อการเดินทางที่สะดวกมากขึ้นครับ

ส่วนบริเวณปากซอยถ้าเราเดินออกมาแล้วเลี้ยวขวา ก็จะเจอกับบันไดเลื่อนทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าได้เลย แถมข้างๆยังมีร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่เพิ่งเปิดใหม่ต้อนรับ MRT ให้ได้แวะกันอีกด้วยครับ

และถ้าเดินต่อมาอีกนิดก็จะเจอกับปั๊ม ปตท. ซึ่งมีทั้งร้านสะดวกซื้ออย่าง Jiffy และคาเฟ่ Amazon ซึ่งถ้าใครใช้รถก็แวะเติมน้ำมัน/ซื้อของ ก่อนกลับเข้าโครงการได้นะครับ

ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายจากปากซอย ก็จะเจอกับร้านนั่งชิลเล็กๆ และบันไดสถานีสำหรับขาเดินลงครับ

ส่วนภาพนี้ก็เป็นบรรยากาศบน MRT สถานี เพชรเกษม 48 ที่เปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน สามารถนั่งไปห้างและเข้าเมืองได้สะดวกเลยครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ร้าน 7-11 ~ 10 ม.
  • MRT สถานีเพชรเกษม 48 ~ 200 ม.
  • Lotus Express ~ 450 ม.
  • ท่าเรือเพชรเกษม 31 ~ 500 ม.
  • ม.สยาม ~ 1.2 กม.
  • ซีคอน บางแค ~ 2 กม.
  • รพ.เพชรเกษม 2 ~ 2.5 กม.
  • รพ.พญาไท 3 ~ 2.6 กม.
  • สนง.เขตภาษีเจริญ ~ 2.8 กม.
  • สถานีตำรวจ ภาษีเจริญ ~ 2.9 กม.
  • ตลาดชัยฉิมพลี ~ 3 กม.
  • ตลาดสดบางแค ~ 3.3 กม.
  • รพ.อินเตอร์เมด ~ 4.2 กม.
  • Tesco Lotus บางแค ~ 4.6 กม.
  • Tesco Lotus จรัญฯ 15 ~ 5.2 กม.
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ~ 5.6 กม.
  • วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ~ 5.6 กม.
  • The Mall บางแค ~ 6 กม.
  • รพ.เกษมราษฎร์ บางแค ~ 6.7 กม.
  • Food Land จรัญฯ ~ 7.2 กม.
  • รพ.ศรีวิชัย ~ 7.2 กม.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ Bangkok Horizon Lite @ สถานีเพชรเกษม 48 เป็นคอนโด Low Rise จำนวน 3 อาคาร 741 ยูนิต บนที่ดินขนาด 4-3-73.5 ไร่ ซึ่งออกแบบส่วนกลางมาในสไตล์ Lagoon Living เพื่อให้ได้บรรยากาศเหมือนมาพักผ่อนที่รีสอร์ทริมทะเลในต่างจังหวัดเลยครับ

โครงการนี้จะมีทางเข้า-ออก 2 จุด โดยทางเข้าหลักจะเข้าจากซอยเพชรเกษม 48 ซึ่งมีระยะร่นของถนนโครงการเข้ามาอีกหน่อย ก่อนจะเจอกับอาคารด้านใน ซึ่งช่วยให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แถมยังสามารถปลูกต้นไม้และทำทางเข้าสวยๆ กลายเป็นส่วนต้อนรับดีๆได้อีกด้วย ส่วนทางเข้าอีกจุดนึงจะอยู่ระหว่างอาคาร A และ C ทางด้านหลัง ซึ่งจะเชื่อมไปออกถนนใหญ่เพชรเกษมจากซอย 46/2 และเดินไปใช้รถไฟฟ้าได้สะดวก โดยจะใช้ระบบเข้า-ออกเหมือนกับทางเข้าหลักด้านหน้าครับ คือถ้าเป็นรถยนต์ก็จะใช้ไม้กั้นกระดก ระบบ RFID หรือ Easy Pass ที่ขับผ่านได้เลยแบบทางด่วน ส่วนประตูคนเดินก็จะต้องแตะ Key Card เข้า-ออกทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

ต่อมาคือผังอาคารจะมีทั้งหมด 3 ตึก ซึ่งล้อมรอบ Facilities หลักที่อยู่ตรงกลางเอาไว้ ทำให้นอกจากทุกอาคารจะมาใช้งานได้ง่ายแล้ว ก็ยังได้รับวิวและช่วยเสริมสร้างบรรยากาศภายในโครงการที่ดีได้อีกด้วยครับ พิเศษหน่อยสำหรับอาคาร B ซึ่งจะมีห้องพักอาศัยเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 1 เลย ทำให้ที่จอดรถของอาคารนี้จะถูกลดระดับลงไปใต้ดินครึ่งชั้น โดยแต่ละอาคารจะมีโถงลิฟต์บริเวณชั้นจอดรถแยกใต้อาคารเป็นส่วนตัวไปเลย ซึ่งบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ

นี่คือบริเวณถนนหน้าโครงการ ปัจจุบันเค้ากำลังจะทำซุ้มประตูทางเข้าและป้อม รปภ. กันอยู่นะครับ ซึ่งเสร็จแล้วจะออกมาเป็นอย่างไรอาจต้องรอดูกันในอนาคตอีกที

แต่อย่างที่บอกครับว่า การร่นระยะถนนโครงการเข้าไปด้านใน จะมีข้อดีคือเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” เพราะจากถนนสาธารณะนอกโครงการจะไม่สามารถมองเข้าไปเห็นภายในได้เลยนั่นเองครับ รวมถึงยังสามารถปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่นทั้ง 2 ข้างแบบนี้ได้ด้วยนะ

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับวงเวียนเล็กๆ ซึ่งใครอยู่อาคารไหนก็สามารถเลี้ยวซ้าย-ขวาไปได้เลยครับ นอกจากนี้ตรงกลางเรายังเห็นว่ามีกำแพงและรั้วต้นไม้กั้นเอาไว้ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยบังสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัว ให้กับส่วนกลางที่อยู่ด้านหลังนั่นเองครับ

ส่วนอาคารชั้นเดียวเล็กๆทางซ้ายมือ ปัจจุบันเป็น Sales Gallery โดยหลังจากปิดการขายได้แล้ว อนาคตก็จะเปลี่ยนเป็นออฟฟิศของนิติบุคคลครับ ซึ่งการที่เค้าวางไว้ในตำแหน่งด้านหน้าโครงการแบบนี้ ก็จะทำให้ลูกบ้านแต่ละอาคารสามารถผ่านมาติดต่อได้ง่าย รวมถึงบุคคลภายนอก เช่น คนส่งพัสดุต่างๆ ก็จะได้ไม่ต้องเข้าไปด้านในโครงการลึกๆ เพราะอาจทำให้ลูกบ้านเสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

ส่วนบรรยากาศที่จอดรถใต้อาคารก็สามารถจอดได้ทั้ง 2 ฝั่ง และขับรถสวนทางกันได้นะครับ

ซึ่งแต่ละอาคารก็จะมีโถงลิฟต์แยกกันเป็นส่วนตัว โดยจะต้องใช้ Key Card Access ในการเข้า-ออกเพื่อความปลอดภัย และพิเศษหน่อยสำหรับโครงการนี้ คือจะมี Video Door Phone ติดตั้งเอาไว้ที่หน้าประตูด้วยครับ

ซึ่งแขกที่มาหาก็สามารถกดหมายเลขห้อง เพื่อโทรติดต่อไปยังเจ้าของห้องนั้นๆได้เลย ซึ่งคนที่โทรฝั่งนี้จะสามารถได้ยินเสียงและพูดคุยโต้ตอบกันได้ แต่ถ้าเป็นเจ้าของห้องด้านบน เค้าจะมองเห็นภาพหน้าตาของคนที่โทรไปหาได้ด้วยนะ และยังสามารถกดเปิดประตูให้ขึ้นตึกได้จากบนห้องอีกด้วยครับ ถือว่าสะดวกดีทีเดียว

ส่วนภายในก็จะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัวแบบนี้ทุกอาคารครับ

ก่อนจะขึ้นไปบนอาคารเรามาดูส่วนกลางกันก่อนดีกว่า ซึ่งบริเวณรอบๆเค้าจะทำสวนและปลูกต้นไม้หลากหลายชนิด และหลากหลายสีสันประดับเอาไว้ สามารถมาเดินเล่นพักผ่อนได้นะครับ

ถัดเข้ามาจะเจอกับทางแยกไปห้องน้ำ จุดล้างตัว และทางไป Main Facilities หลักที่อยู่ด้านขวามือ ซึ่งมีระยะห่างจากฟังก์ชันอื่นๆอยู่พอสมควร ทำให้ต้องเดินมาใช้ไกลอยู่สักหน่อยนะครับ

ภายในห้องน้ำนอกจากจะมีอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำแล้ว ก็ยังจะมีซาวน่าแยกชาย-หญิงอยู่ด้านในด้วย แต่ปัจจุบันเค้ายังทำไม่เสร็จนะครับ เลยถ่ายภาพรวมมาให้ดูกันก่อน ส่วนด้านหน้าจะเป็นจุดล้างตัวกลางแจ้งก่อนลงสระว่ายน้ำครับ

และความพิเศษของที่นี่คือ เค้าจะทำพื้นทรายขนาดใหญ่อยู่โดยรอบสระ เพื่อให้ได้บรรยากาศเหมือนชายหาดริมทะเล ตามแนวคิดโครงการ Lagoon Living นั่นเองครับ ซึ่งอนาคตก็อาจมีการนำ Day Bed หรือเปลชายหาดมาวางเพิ่มเติม ให้สามารถนั่งเล่นและพักผ่อนได้ด้วยครับ

นอกจากนี้เค้ายังออกแบบสระให้มีน้ำหลายๆวงด้วยกัน ซึ่งอันนี้โครงการไม่ได้ให้เหตุผล แต่ผมขอเดาว่าตรงน้ำตื้นวงรอบนอกสุด ผู้ออกแบบน่าจะตั้งใจให้เป็นจุดล้างทรายก่อนลงสระก็ได้ครับ

เพราะอย่าลืมว่ารอบๆสระมีแต่ทรายเต็มไปหมดเลย ซึ่งระยะทางจากห้องน้ำและจุดล้างตัวเมื่อครู่ กว่าเราจะได้ลงสระก็ต้องมีทรายต้องติดเท้าเราด้วยแน่นอน จึงควรทำความสะอาดอีกสักรอบก่อนลงไปว่ายในสระนะครับ

ส่วนสระที่สามารถว่ายน้ำได้จริงๆ จะเป็นโซนน้ำลึก 1.2 m. สีฟ้าตรงกลาง มีขนาดประมาณ 14 x 36 m. ยาวไปจนถึงใต้อาคารอีกฝั่งเลยครับ

และบรรยากาศของสระว่ายน้ำใต้อาคาร จะเหมือนกับว่าเราว่ายอยู่ในถ้ำ หรือใต้ท้องเรืออะไรทำนองนั้นครับ ซึ่งผมก็มองว่าแปลกและเป็นส่วนตัวดี เพราะโดยรอบจะมีต้นไม้ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความร่มรื่นได้ดี แถมยังเหมาะที่จะว่ายตอนกลางวันมากๆ เพราะแดดไม่ร้อนเลยครับ

ส่วนทางขึ้นอาคาร Clubhouse จะมีการเล่นระดับยกสูงขึ้นมาหลายๆชั้น ซึ่งผมชอบที่เค้าเลือกใช้พันธุ์ไม้จำพวกปาล์ม ทำให้ได้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทริมทะเลดีนะครับ

ขวามือเป็น Jacuzzi แบบน้ำล้นเป็นทางน้ำตกลงไปยังสระด้านล่าง สามารถมานั่งแช่น้ำและชมวิวรอบๆไปด้วยได้ครับ

ขึ้นบันไดมาด้านบนจะมีระเบียงเล็กๆ ให้สามารถมาเดินสูดอากาศและชมวิวรอบๆได้ด้วยนะ

ส่วนภายในอาคาร Clubhouse จะเป็น Fitness ทั้งหมดเลย ถึงแม้ว่าขนาดพื้นที่อาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ให้จำนวนเรื่องเล่นมาค่อนข้างเยอะทีเดียว แถมโดยรอบยังเป็นกระจกทั้งหมด ทำให้โปร่งโล่งและชมวิวรอบๆได้ด้วยครับ

ซึ่งนี่ก็คือมุมมองจากลู่วิ่ง เวลาเรามาออกกำลังกายก็จะมองเห็นสระว่ายน้ำ สวน และอาคารโดยรอบได้ครับ

มาดูชั้นพักอาศัยกันบ้าง ซึ่งแปลนชั้น 2 – 8 จะเหมือนกันหมดเลยครับ โดยทั้ง 3 อาคารจะล้อมรอบส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องที่หันเข้ามาด้านในจะได้วิวและบรรยากาศสวยๆที่โครงการจัดไว้ให้ แน่นอนว่าจะต้องมีราคาที่สูงกว่าห้องที่หันไปยัง City View ด้านนอกด้วยครับ (เท่าที่สอบถามมา ราคาก็ต่างกันเป็นแสนเหมือนกัน) โดยตำแหน่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจจะมีดังนี้

  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำ เหมาะกับคนชอบความโปร่งโล่ง ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ริมทะเล ถ้าเป็นชั้น 2 – 4 จะมองเห็นสระจากในห้องได้กำลังดี แต่ถ้าเป็นชั้นสูงกว่านี้ก็อาจต้องก้มลงมองสักหน่อยนะครับ
  • กรอบสีเขียว : เป็นห้องที่เหมาะกับคนชอบต้นไม้และธรรมชาติ เพราะจะอยู่ใกล้กับสวนมากที่สุด ซึ่งถ้าเป็นชั้นไม่สูงมาก อย่างชั้น 2 – 3 จะอยู่ระดับเดียวกับพุ่มไม้พอดี ได้ทั้งความสดชื่นแถมยังช่วยพรางสายตาได้ดีอีกด้วย
  • กรอบสีแดง : เหมาะกับคนชอบความโปร่งโล่งและเป็นส่วนตัว เพราะเราจะได้วิวเป็นตอนลึก และมีระยะห่างจากห้องฝั่งตรงข้ามเยอะที่สุด ซึ่งตรงจุดนี้ถ้าเป็นชั้นยิ่งสูงยิ่งดี ประมาณ 6 – 8 ขึ้นไป เพราะจะได้พ้นระยะที่อาคาร Clubhouse บังวิวสระว่ายน้ำไปได้หน่อยครับ

ผมมีภาพวิวของจริงจาก 2 อาคารมาฝากกันด้วยนะ เริ่มที่ชั้น 5 ของอาคาร A ทั้งวิวด้านในและด้านนอกโครงการครับ

ส่วนภาพนี้จะเป็นวิวชั้น 5 ของอาคาร C โดยวิวของอาคาร B ผมอาจไม่มีมาฝากกันนะ เพราะตึกนั้นเค้าด้านในเค้ายังก่อสร้างกันอยู่ ไม่สามารถขึ้นไปได้ครับ โดยจะเป็นตึกที่เปิดขายในอนาคต ยังไงก็อดใจรอดูของจริงกันอีกทีนะ

แต่หากพูดเรื่องความหนาแน่นแล้วล่ะก็ อาคาร A จะมีเพื่อนบ้านเยอะที่สุดอยู่ที่ 273 ยูนิต เพราะห้องพักเกือบทั้งหมดจะเป็น 1 Bedroom Compact ซึ่งเป็นแบบเล็กสุดของโครงการครับ ส่วนอาคาร B และ C จะมีจำนวนพอๆกันอยู่ที่ 237 และ 231 ยูนิตตามลำดับ แต่สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคือ ทุกอาคารเค้าจะวางตำแหน่งลิฟต์ไว้ใกล้ด้านในด้านหนึ่งมากกว่า ทำให้ห้องพักที่อยู่อีกด้านก็อาจต้องเดินไกลจากลิฟต์อยู่สักหน่อย แลกกับความเป็นส่วนตัวที่จะไม่ค่อยมีใครผ่านหน้าห้องครับ

และปัจจุบันอาคาร B จะยังไม่เปิดขายนะครับ (คาดว่าจะขายในปีหน้า 2564 ถ้าใครสนใจก็ต้องรอติดตามและสอบถามกับโครงการดูอีกครั้ง) ซึ่งจะเป็นอาคารที่มีสัดส่วนจำนวนห้องพักแบบ Grand 1 Bedroom ที่ค่อนข้างเยอะอีกด้วย โดยหากใครชอบแบบห้องนี้ก็จะมีหลายตำแหน่งหลายมุมให้เลือกได้เยอะหน่อย ส่วนห้อง 2 Bedrooms จะมีแค่ตรงส่วนมุมอาคารของ B และ C ชั้นละห้องเท่านั้นครับ ทำให้มีจำนวนค่อนข้างน้อย ถ้าใครสนใจห้องนี้อาจต้องรีบจับจองกันสักหน่อยนะ

ขึ้นลิฟต์มาชั้นบนก็จะเจอกับโถงลิฟต์แบบเรียบๆเหมือนชั้นล่าง และมีช่องแสงขนาดใหญ่ทำให้สว่างไม่อึดอัด โดยที่ฝั่งตรงข้ามกับลิฟต์จะมีบันไดหนีไฟที่ขนาดใหญ่กว่าปกติ เพราะนี่เป็นบันไดหลักของอาคารด้วยนั่นเองครับ

ส่วนบรรยากาศของโถงทางเดินในอาคารจะเรียบๆแบบนี้ โดยจะมีช่องแสงแค่บริเวณส่วนปลายทางเดินเท่านั้น ทำให้บริเวณช่วงกลางอาคารจะมีการเปิดไฟ เพื่อเพิ่มความสว่างให้กับทางเดินอยู่ตลอดเวลาครับ

ส่วนช่องโปร่งแสงบนเพดาน จะเป็นช่องงานระบบที่เอาไว้ดูมิเตอร์น้ำของแต่ละห้อง แทนการเปิดตู้ดูตามผนังหน้าห้องเหมือนโครงการทั่วไป เลยทำให้ผนังทางเดินดูเรียบร้อยสะอาดตามากขึ้นครับ

นอกจากนี้ยังมีสวนบนชั้นดาดฟ้าอีกด้วย โดยแต่ละอาคารจะใช้งานแยกกันเป็นส่วนตัวเลยครับ ซึ่งถ้าวิวห้องใครไม่สวยก็สามารถขึ้นมาชมวิว และนั่งเล่นพักผ่อนบนนี้กันได้เลย โดยปัจจุบัน ณ วันที่ผมเข้ามาถ่ายรีวิวเค้ายังทำสวนด้านบนกันไม่เสร็จนะครับ แต่ถ้าใครไปหลังจากนี้อีกสัก 1 – 2 เดือน ก็น่าจะทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลองขึ้นไปดูกันได้นะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 14 x 36 เมตร
  • Fitness
  • Sauna แยกชาย-หญิง
  • สวนบนดาดฟ้าแยก 3 อาคาร
  • สวนหย่อมในโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 124 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 212 คันคิดเป็น 28% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%)
  • ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV และ Access Card ระยะไกล (ระบบ RFID หรือ Easy Pass)
  • Video Door Phone

แบบห้อง

โครงการนี้มีห้องทั้งหมด 3 แบบครับ ขายแบบ Fully Fitted คือจะให้ชุดครัว แอร์ ตู้เสื้อผ้า และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบ ขาดแค่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางอย่างก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom Compact 24.29 – 26.39 ตร.ม.
  • Grand 1 Bedroom 29.17 – 33.81 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 40.66 – 44.19 ตร.ม.

ซึ่งห้องตัวอย่างวันนี้จะมีแค่แบบเดียวคือ 1 Bedroom Compact ที่เป็นขนาดเริ่มต้นเล็กสุดของโครงการ และยังมีจำนวนมากที่สุดอีกด้วยครับ ซึ่งคำว่า Compact หรือเป็นห้องเล็กที่มีลักษณะเป็นตอนลึกแบบนี้ สิ่งที่แลกมาคือฟังก์ชันจริงจังบางอย่างจะหายไป ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร และชุดโซฟานั่งเล่นดูทีวี เป็นต้น แต่ก็ชดเชยด้วยการยังพอมีมุมอเนกประสงค์ ให้ได้จัดและปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตาม Lifestyle ของผู้พักอาศัยอยู่บ้างครับ

โดยภาพรวมก็เป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่ 1 – 2 คน และชอบความโปร่งโล่งของพื้นที่ในห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อทุกฟังก์ชันไว้ในพื้นที่เดียวกัน ลักษณะคล้ายกับห้อง Studio หรืออาจเป็นคนชอบใช้ชีวิตง่ายๆ อย่างการนอนดูทีวีเล่นบนเตียง และมีมุมโต๊ะทำงานส่วนตัวเล็กๆให้นั่งได้บ้าง รวมถึงอาจเป็นคนชอบทำอาหารจริงจังก็ได้นะครับ เพราะห้องนี้เราได้เป็นครัวปิดที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องกลิ่นในครัว ความชื้นจากห้องน้ำ และได้ความโปร่งโล่งแล้ว ยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากประตูหน้าห้อง ทำให้ภายในห้องมีความเงียบสงบ และได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วยครับ

ประตูทางเข้าห้องจะเป็นบานไม้สีเข้ม พร้อมติดตั้งตาแมวและ Digital Door Lock ของ Sifeti มาให้ ซึ่งเป็นรุ่นที่เราสามารถสั่งปลดล็อคประตูผ่าน Application ในมือถือได้ด้วยครับ

ส่วนตรงธรณีประตูด้านล่าง เราจะเห็นว่าเค้ายก Step พื้นห้องให้ขึ้นมาสูงจากโถงทางเดินเล็กน้อยด้วย ซึ่งมีข้อดีคือพวกฝุ่น/สิ่งสกปรกภายนอก จะไม่สามารถเข้ามาในห้องเราได้ง่ายๆนั่นเองครับ

เมื่อเข้ามาภายในตรงโซนแรกเราจะเจอกับครัวก่อน และกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนจึงได้ทั้งความโปร่งโล่ง และมีแสงที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่างได้ถึงประตูหน้าห้องแบบนี้เลยครับ

กรอบประตูหน้าต่างในห้องจะเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ และกระจกเขียวตัดแสง โดยจะเป็นแบบวางรางกับพื้นปกติ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถเลื่อนปิดได้สนิท กันเสียง กลิ่น และแอร์ได้ดี ซึ่งเราอาจต้องหมั่นทำความสะอาดตัวรางบ่อยๆหน่อย เพราะเค้าค่อนข้างเก็บฝุ่นได้ง่ายนะ

และนอกจากนี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนของวัสดุปูพื้นในห้องอีกด้วย โดยในครัวเราจะได้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย และไม่กลัวน้ำหรือความชื้นเลยครับ ส่วนภายในห้องเราจะได้เป็นกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ ซึ่งก็ค่อนข้างทนน้ำและความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต แต่ยังคงได้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติของไม้อยู่ครับ

และถ้าเราปิดประตูกระจกบานนี้ ก็จะทำให้ได้ครัวปิดที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ แถมยังช่วยป้องกันความชื้นจากห้องน้ำ และเสียงรบกวนจากประตูหน้าห้องได้อีกด้วยครับ

โดยเราจะได้ชุดครัวตามที่เห็นในห้องตัวอย่างนี้เลยครับ มีช่องเก็บของพอสมควร หน้าบานเป็นไม้ลามิเนตสีขาวเรียบๆ แต่จะไม่ได้เป็น Soft Close นะครับ เวลาปิดอาจต้องเบาๆมือเพื่อกันกระแทกนิดนึง

มีอ่างล้างจานและ Hob&Hood ของ Schon มาให้พร้อมใช้งาน ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำ ติดกระเบื้องโมเสคที่ผนังมาให้เพื่อเช็ดทำความสะอาดง่าย ที่วางไมโครเวฟจะอยู่ด้านบนซึ่งต้องใช้งานระวังนิดนึงครับ ส่วนช่องใหญ่ๆด้านล่างก็เอาไว้วางเครื่องซักผ้าได้นะ

ทางขวามือจะมีพื้นที่ขนาด 60 x 70 cm. สามารถวางตู้เย็นทรงสูงได้สบายๆ หรือจะเพิ่มพื้นที่เก็บของหลังตู้เย็นอีกก็ได้ครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมีพื้นที่ให้สามารถวางชั้นวางรองเท้าหน้าห้องได้ หรือจะทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ให้ทานอาหารและวางของแบบนี้ก็ดูประหยัดพื้นที่ดีครับ

และอุปกรณ์แผงควบคุมสีดำที่ติดอยู่ข้างประตูนี้ก็คือ Video Door Phone ที่เชื่อมต่อกับเครื่องที่อยู่ตรงโถงลิฟต์ใต้อาคารก่อนหน้านี้ครับ ซึ่งเราสามารถรับสายพร้อมกับสนทนา และยังมองเห็นรูปร่างหน้าตาคนที่โทรมาจากด้านล่างได้อีกด้วย แต่คนด้านล่างเค้าจะไม่เห็นภาพทางฝั่งเรา และเราไม่สามารถโทรออกได้นะ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่มีประตูเป็นบานไม้สีขาวขนาดใหญ่ พร้อมช่องระบายอากาศด้านล่างเพื่อป้องกันไม่ให้ห้องน้ำอับชื้นเกินไป ส่วนภายในก็มีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนครับ

สุขภัณฑ์ภายในที่ได้จะเป็นของ Mogen ทั้งอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ แต่ที่ชอบก็คือ เค้าให้กระจกเงาบานใหญ่เต็มผนัง ทำให้ห้องดูกว้างและส่องกระจกได้เต็มตัวมากขึ้น กับผนัง Low Wall ที่ใช้วางของได้เยอะ และยังมีปลั๊กไฟให้ใช้งานอีกด้วยนะ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็จะกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass พร้อมกับมี Stopper ที่ด้านหลังติดมาให้เพื่อกันบานประตูกระแทกครับ ส่วนขนาดพื้นที่ยืนอาบคือ 1 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนมาด้านนอกครับ

ด้านในมีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ให้เลือกใช้งานครับ โดยที่ผนังเค้าจะมี Junction Box ไว้ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติมได้ ส่วนถ้าใครที่มีอุปกรณ์อาบน้ำเยอะๆ ก็อาจติดตั้งชั้นวางสบู่และแชมพูที่ผนังเพิ่มได้นะครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อเราวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปตรงกลางแล้ว ก็ยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ได้ใช้งานสะดวกอยู่ครับ ซึ่งจุดเด่นหลักๆของเค้าคือ “ช่องแสงขนาดใหญ่” ทั้งจากระเบียงและหน้าต่างด้านข้าง ทำให้ภายในห้องสว่างและโปร่งโล่งดีครับ

สมมุติว่าเรานอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ก็สามารถชมวิวภายนอกได้เต็มที่ (ยิ่งห้องตัวอย่างนี้อยู่ชั้น 2 ซึ่งพอดีกับยอดต้นไม้ ได้ทั้งความเขียวขจีและร่มรื่นสุดๆ) โดยผมชอบหน้าต่างเค้าตรงที่มีบาน Fixed ด้านล่างมาด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มมุมมองในแนวกดได้ดี ทำให้มองเห็นวิวด้านล่างได้ โดยไม่ต้องไปยืนก้มลงดูเลยนั่นเองครับ

ข้างหน้าต่างจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาด 1.85 x 0.9 m. โดยห้องตัวอย่างได้วางโซฟาและโต๊ะทำงานตัวเล็กมาให้ดู ซึ่งเราสามารถปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆได้ตาม Lifestyle ของแต่ละคน เช่น ถ้าคุณเป็นคนทำงานที่บ้านอยู่แล้ว ก็อาจทำเป็นมุมทำงานจริงจังไปเลย หรือชอบอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรก ก็อาจทำเป็นมุมพักผ่อนเจ๋งๆที่ชมวิวไปด้วยก็ได้ครับ

ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงเค้าจะ Built in ตู้เสื้อผ้ามาให้แบบนี้เลยครับ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำมากนัก สามารถเดินมาแต่งตัวได้สะดวกเลยล่ะ

ตู้เสื้อผ้ามีขนาดสำหรับ 1 – 2 คน หน้าบานเป็นกระจกเงาขนาดใหญ่ ทำให้สามารถยืนส่องได้เต็มตัว โดยข้างเตียงจะเหลือระยะ 60 cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆครับ

ส่วนปลายเตียงเราก็สามารถ Built in ตู้และชั้นวางให้เต็มผนัง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของให้เยอะๆได้นะครับ รวมถึงยังสามารถแบ่งเป็นที่วางโต๊ะอเนกประสงค์ และชั้นวางทีวีด้วยก็ได้ ซึ่งเราจะได้นอนดูทีวีสบายๆจากบนเตียงได้แบบนี้เลยครับ

สุดท้ายคือระเบียงภายนอกจะมีขนาด 1.6 x 0.8 m. และแขวน Condensing Unit เอาไว้ด้านบน ทำให้สามารถออกมาใช้งานพื้นที่ด้านล่างได้เต็มที่ เช่น ตากผ้า ปลูกต้นไม้ หรือทำเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆได้ โดยราวระเบียงก็จะเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass ทำให้มีความโปร่งโล่ง แล้วยังช่วยให้ชมวิวด้านล่างได้ดีอีกด้วยนะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

แบบแปลน

ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่และมีหน้ากว้างมากขึ้น ทำให้ฟังก์ชันมีความเป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อาจมีแขกมาหาที่ห้องบ่อยๆ เราก็สามารถรับแขกที่ห้องนั่งเล่นด้านหน้าได้ โดยที่ห้องนอนเราก็อาจติดม่านบังสายตา ที่ประตูกระจกบานเลื่อนเพิ่มเติม ซึ่งจะยังคงได้ทั้งความโปร่งโล่ง และความเป็นส่วนตัวครับ

นอกจากนี้ยังเป็นห้องที่เหมาะกับคนชอบทำอาหารอีกด้วย เพราะเราจะได้ครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียงภายนอก ทำให้สามารถเปิดประตูระบายอากาศได้เต็มที่ แถมยังขนเสื้อผ้าที่ซักออกไปตากได้เลยอีกด้วยนะ โดยภาพรวมยังคงเป็นห้องที่เหมาะกับครอบครัวเริ่มต้นขนาดเล็ก อยู่ด้วยกัน 1 – 2 คน ต้องการความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ ซึ่งจะมีอยู่เฉพาะตรงมุมอาคารของตึก B และ C แค่ชั้นละห้องเท่านั้นครับ เหมาะกับครอบครัว 2 – 3 คน อาจเป็นคนที่อยากได้ห้องอเนกประสงค์ไว้ทำเป็นห้องทำงาน หรือใช้เป็นห้องอื่นๆเพิ่มอีกสักห้อง หรืออาจเป็นครอบครัวที่มีลูกแล้ว และต้องการห้องนอนที่สองด้วยนั่นเองครับ

โดยลักษณะเป็นห้องหน้ากว้างที่มีโถงทางเดินตรงกลาง ซึ่งจะแยกส่วนพักอาศัยออกจากส่วนนั่งเล่นรับแขก เพื่อความเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วนมากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้นอกจากจะมี Common Area ขนาดใหญ่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับ Master Bedroom ที่มีระเบียงขนาดใหญ่ภายในอีกด้วยครับ แต่จุดที่เค้าอาจไม่ได้เน้นมากนักก็คือ ห้องครัวเปิดที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพราะอาจไม่เน้นทำอาหารจริงจังเท่าไหร่ กับห้องน้ำจะมีเพียงห้องเดียวซึ่งต้องแชร์กันนะครับ

ราคา

1 December 2020

  • 1 Bedroom Compact 24.29 – 26.39 ตร.ม.
  • ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท (ฝั่ง City View ด้านนอกโครงการ)
  • ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท (ฝั่ง Facilities ด้านในโครงการ)

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินแกรนิต
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Schon
  • จอง 999 บาท (ช่วงโปรโมชัน)
  • ค่ากองทุน 250 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.ม./เดือน
  • โปรโมชันพิเศษ (จนถึงสิ้นปีนี้) : ฟรีค่าโอน และช่วยผ่อน 2,000 บาท นาน 24 เดือน (หรือ 48,000 บาท)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ซอยเพชรเกษม 48 เป็นชุมชนดั้งเดิมที่ค่อนข้างคึกคักมากๆครับ โดยเฉพาะบริเวณปากซอยจะมีร้านค้าอยู่เพียบ แถมหน้าโครงการยังมีเซเว่นตั้งอยู่อีกด้วย ทำให้หาของกินได้ไม่ยากเลย หรือจะไปห้างใกล้ๆแถวนั้นก็มีทั้งซีคอนบางแค และเดอะมอลล์บางแคก็อยู่ไม่ไกล แต่จุดที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ การเปิดทางเข้า-ออกด้านหลัง ผ่านถนนภาระจำยอมในซอยเพชรเกษม 46/2 ซึ่งเป็น Value ที่สำคัญสำหรับโครงการมากๆ เพราะเปรียบเหมือนทางลัดที่ทำให้ลูกบ้านสามารถเข้า-ออกได้ง่ายมากขึ้น แถมมีระยะทางเพียงแค่ 200 m. เท่านั้น ถือว่าเดินได้ไม่ลำบากเลยครับ

ซึ่งการที่ทำเลเค้าอยู่ในซอยแบบนี้ ทำให้ได้เปรียบในเรื่องการทำราคา ที่จับต้องได้ง่ายกว่าเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน หรือประมาณ 70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม. ในขณะที่เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นคอนโด High Rise ติดถนนใหญ่ จะมีราคาประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. โดยส่วนต่างนี้สมมุติว่าห้อง 24 ตร.ม. ก็จะมีมูลค่าราวๆ 480,000 – 720,000 บาทนั่นเองครับ ซึ่งเราอาจนำเงินส่วนนี้ไปซื้อของเข้าห้องก็ได้นะ

การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกครับ อย่างแรกคือ ซอยเพชรเกษม 48 ไม่ใช่ซอยตัน สามารถเชื่อมต่อไปออกถนนบางแวกได้ หรือถ้าจะเข้าเมืองไปทางสาทรโดยใช้ถนนราชพฤกษ์ก็อยู่ไม่ไกลครับ และอีกเส้นหนึ่งทางสำหรับคนใช้วงแหวนรอบนอก ก็จะมีจุดขึ้นถนนกาญจนาภิเษกให้ใช้แถวๆเดอะมอลล์บางแค ในระยะทางประมาณ 7.4 km. ซึ่งก็ถือว่ามีตัวเลือกในการเดินทางพอสมควร เพียงแต่จำนวนที่จอดรถรวมซ้อนคัน 40% อาจไม่มากนัก ซึ่งต้องรอดูในอนาคตอีกทีว่าลูกบ้านจริงๆ จะมีคนใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักมาก-น้อยแค่ไหนครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : นับว่าสะดวกไม่แพ้โครงการใหญ่ๆที่อยู่ติดถนนเลยครับ เป็นเพราะการที่เค้าเปิดทางเข้าด้านหลังจากซอยเพชรเกษม 46/2 อย่างที่ได้กล่าวไป ทำให้มีระยะเดินมาใช้ MRT สถานีเพชรเกษม 48 เพียงแค่ 200 m. เท่านั้น หรือถ้าใครจะใช้รถสาธารณะอื่นๆก็มีให้เลือกเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นวินมอไซค์ แท็กซี่ หรือรถเมล์

การออกแบบโครงการ : ด้วยลักษณะแปลงที่ดินที่มีระยะถอยร่นเป็นถนน ก่อนจะเจอกลุ่มอาคารพักอาศัยที่อยู่ด้านใน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมากครับ และสำหรับคอนโด Low Rise แบบนี้ แน่นอนว่าเค้าจะไม่เน้นวิวสูงๆด้านนอกอยู่แล้ว ดังนั้นโครงการจึงเน้นออกแบบส่วนกลางให้สวยงาม เพื่อช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและวิวที่ดีให้กับตัวโครงการเอง โดยการทำเป็นสไตล์ Lagoon Living ให้อารมณ์เหมือนอยู่รีสอร์ทริมทะเล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านย่านเดียวกันมากๆ

โดยอาคารทั้ง 3 จะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ นอกจากจะมาใช้งานได้ง่ายแล้ว ก็ยังทำให้ห้องพักที่หันหน้าเข้ามาด้านในได้รับวิวที่ดีอีกด้วยครับ ส่วนตัวผังแต่ละอาคารก็จะมีลักษณะคล้ายๆกันคือ ตำแหน่งลิฟต์เค้าจะอยู่ใกล้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่า ทำให้ห้องพักที่อยู่อีกด้านจะต้องเดินไกลขึ้นนิดนึง แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหน่อย เพราะไม่มีใครผ่านหน้าห้องเยอะ เพียงแต่อัตราส่วนลิฟต์โดยสาร 124 :  1 ผมคิดว่าหนาแน่นอยู่พอสมควรนะครับ อาจทำให้การรอลิฟต์จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่บ้างในบางช่วง

การออกแบบห้องพัก : โครงการนี้จะเน้นเป็น 1 Bedroom Compact เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็ก 24 – 26 ตร.ม. จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนครับ โดยลักษณะจะเป็นห้องตอนลึกที่กั้นโซนครัวปิดเอาไว้ด้านหน้า สามารถทำอาหารจริงจังได้ ส่วนห้องนอนจะเป็น Common Area ขนาดใหญ่ ซึ่งจะคล้ายๆกับ Studio Type ที่มีความโปร่งโล่งเชื่อมต่อทุกฟังก์ชันไว้ในพื้นที่เดียวกัน เหมาะกับคนที่ชอบใช้ชีวิตง่ายๆในห้องนอนขนาดใหญ่ แต่ก็พอจะมีมุมอเนกประสงค์ให้ได้ทำงานอดิเรกที่ชอบได้ด้วยครับ

ส่วนห้อง Grand 1 Bedroom 29 – 33 ตร.ม. ก็ยังเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนเช่นเดิม แต่เพิ่มเติมมาในเรื่องความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีทั้งห้องนั่งเล่นจริงจังที่สามารถรับแขกได้ และมีห้องครัวที่อยู่ติดระเบียง เพื่อเปิดระบายอากาศ/ตากผ้าได้สะดวกมากขึ้น ส่วนห้อง 2 Bedrooms เป็นแรร์ไอเทมของโครงการนี้ (ซึ่งมีน้อยมากๆครับ ใครสนใจต้องรีบจับจองกันดีๆนะ) จะเหมาะกับครอบครัวใหญ่ขึ้นมาหน่อย 2 – 3 คน โดยอาจเป็นคนที่มีลูกแล้ว หรือต้องการห้องอเนกประสงค์ไว้ทำงานเพิ่มอีกสักห้องนั่นเองครับ

วัสดุ : ถือว่าให้มาดีและเหมาะกับการใช้งานครับ เอาที่ชอบที่สุดอย่างแรกคือ ช่องหน้าต่างที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และสูง ซึ่งนอกจากจะทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ Take View สวยๆด้านนอก โดยเฉพาะมุมกดได้ดีขึ้นอีกด้วย และต่อมาคือพื้นครัวที่เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ และพื้นห้องนอนที่เป็นกระเบื้องยางไวนิล ซึ่งทนน้ำและความชื้นได้ดีครับ

ส่วนชุดครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็มีมาให้ครบพร้อมใช้งานเลยนะ และแถมตู้เสื้อผ้ามาให้อีกใบนึง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอื่นๆ จะต้องเผื่อเงินซื้อเพิ่มเติมด้วยครับ เพราะเค้าขายแบบ Fully Fitted แต่ที่พิเศษหน่อยก็คือ จะมี Video Door Phone ติดตั้งมาให้ด้วยครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นโครงการทั่วไปเท่าไหร่นัก

สาธารณูปโภค : ความสวยงามและดีไซน์ผมถือว่าโอเคนะครับ เรียกได้ว่าแปลกและไม่เหมือนใครในย่านเลยจริงๆ โดยเฉพาะการจำลองชายหาดริมทะเลรอบ Clubhouse และสระว่ายน้ำ รวมถึงการเลือกใช้พันธุ์ไม้ต่างๆ ก็ถือว่าให้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทมากๆ แต่ในแง่ของฟังก์ชันผมยังมองว่ามีความยากในการใช้งานอยู่นิดนึงนะ

โดยเฉพาะห้องน้ำที่มีระยะเดินจาก Fitness และสระว่ายน้ำอยู่พอสมควร รวมถึงทรายรอบๆก็อาจเป็นอุปสรรคของความสะอาด และการเดินไปลงสระอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้าใครที่เป็นคนเน้นเรื่องของบรรรยากาศมากกว่าการใช้งาน ผมก็มองว่าส่วนกลางโครงการนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวนะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 – 80,000 บาท/ตร.ม., 1 December 2020

  • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในเข้าซอย ทำเลอยู่อาศัย ไม่พลุกพล่าน หาของกินง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวก เข้า-ออกได้หลายทาง มีซอยลัดไปบางแวก
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – มีทางออกหลังโครงการ ห่างสถานีรถไฟฟ้า 200 ม.
  • วัสดุ 8/10 – เหมาะสมกับการใช้งาน Fully Fitted ต้องเผื่อเงินแต่งเพิ่ม
  • แบบ 8/10 – เน้นห้องขนาดเล็กที่โปร่งโล่ง ฟังก์ชันลงตัวและเป็นสัดส่วน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ออกแบบน่าสนใจต่างจากเพื่อนบ้าน ฟังก์ชันหลักๆครบ เน้นบรรยากาศมากกว่าการใช้งานที่สะดวก

  • MAIN CLASS
  • 7.75 / 10.00 คะแนน

BOTTOM LINE

Bangkok Horizon Lite @ สถานีเพชรเกษม 48 เหมาะกับคนมองหาคอนโดย่านเพชรเกษม เป็นทำเลในซอยที่สามารถเดินมาขึ้นรถไฟฟ้าได้ง่าย หาของกินไม่ยาก โดยเน้นบรรยากาศโครงการสไตล์รีสอร์ทริมทะเล ต้องการห้องขนาดเล็กที่อยู่ได้ 1 – 2 คน มีความโปร่งโล่งเป็นสัดส่วน ให้วัสดุมาดี และทำอาหารได้ โดยมีงบประมาณระดับ 1.79 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc