รีวิวตึกเสร็จ Atmoz Tropicana Bangna คอนโด Low Rise ได้บรรยากาศรีสอร์ท ใกล้ Central บางนา ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท* [รีวิวฉบับที่ 2547]

Atmoz Tropicana Bangna (แอทโมซ ทรอปิคาน่า บางนา) ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2566

พิกัด Google Maps : 13.664139, 100.650292
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากโครงการแสดงตำแหน่ง Atmoz Tropicana Bangna ซึ่งจัดเป็นคอนโดติดถนนใหญ่อย่างถนนบางนา-ตราด กม. 4 จึงถือว่าได้เปรียบเรื่องความสะดวกการเดินทางมากกว่าคอนโดบนทำเลนี้ที่จะขยับเข้าไปอยู่ในซอยเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ตั้งโครงการยังอยู่ใกล้กับจุดกลับรถเชื่อมต่อถนนบางนา – ตราด สุขุมวิท ศรีนครินทร์ได้ง่าย

สำหรับใครที่ใช้ทางด่วน ก็มีทางด่วนเฉลิมมหานครที่สามารถขับเข้า – ออกใจกลางเมืองได้ แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนอาจต้องเผื่อเวลาสักหน่อย หรือหากจะไปฝั่งภาคตะวันออก ก็ใช้ทางด่วนบูรพาวิถี(กรุงเทพ-ชลบุรี) ได้เช่นกัน และยังมีทางด่วนกาญจนาภิเษก(วงแหวนฝั่งตะวันออก) เชื่อมต่อพื้นที่ชานเมืองอย่างรามอินทราและพระราม 2 ได้ จัดว่าเป็นทำเลที่มีตัวเลือกหลากหลายในการเดินทางเลยนะคะ

รวมไปถึงคนที่เดินทางโดยไม่ใช้รถ บริเวณหน้าตลาดนัดเศรษฐี ก็มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ และแท็กซี่ให้เลือกใช้บริการ หรือหากใครต้องการใช้รถไฟฟ้า ทางโครงการก็มีรถ Shuttle Service วิ่งเป็นรอบๆ รับส่งตั้งแต่ BTS สถานีบางนา MRT สถานีศรีเอี่ยม และในวันเสาร์ – อาทิตย์ก็มีไปส่งที่ Central บางนาและ Mega บางนาด้วยนะคะ

โครงการอยู่ระหว่างจุดกลับรถ 2 จุดบนถนนบางนา – ตราด จัดเป็น Loop ที่สามารถขับไป Central บางนา , Big C , โรงพยาบาลนครินทร์ , SB Design , Index Living Mall , อาคาร Interlink Tower และโรงพยาบาล WIH

ในแง่ความอุดมสมบูรณ์ ทำเลโครงการจัดว่าอยู่ใจกลางย่านบางนา ทำให้มีทั้งห้าง , ตลาดและ Community Mall กระจายตัวอยู่อย่างหลากหลาย ทั้งบนถนนเส้นสุขุมวิท ถนนบางนา – ตราดและถนนศรีนครินทร์ ใกล้ที่สุดฝั่งตรงข้ามก็มีทั้งห้าง Index Living Mall , SB Design  , Chic Republic เหมาะสำหรับคนที่ชอบช็อปของตกแต่งบ้าน ห่างไปไม่กี่กิโลเมตรก็มีห้างที่เป็น Landmark ของย่านอย่าง Central บางนา , Mega บางนา

จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือทำเลโครงการที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติขนาดใหญ่ถึง 6 แห่ง ได้แก่ ICS International School , RAS American School , Bangkok Patana School , Berkeley International School , St.Andrews International School และ Concordian International School

และใกล้อาคารสำนักงานใหญ่ๆในย่าน เช่น Interlink Tower , อาคารซ็นทรัล ซิตี้ บางนา , Ample Tower , BHIRAJ Tower ซึ่งในอนาคตก็ยังจะมีสำนักงานใหม่ๆมาเปิดเพิ่มอีกด้วย เช่น AIA East Gateway เป็นต้น สำหรับบุคคลากรโรงเรียน โรงพยาบาล พนักงานออฟฟิศ หรือผู้ปกครองที่มองหาที่พักอาศัยใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกข้างต้นนี้ โครงการ Atmoz Tropicana Bangna ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเลยนะคะ

แผนพัฒนาระบบขนส่งในอนาคต

ปัจจุบันสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการเรามากที่สุดจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีเขียว BTS สถานีบางนา ซึ่งนับว่าเป็นสายหลักของคนกรุงเทพที่ใช้เข้า – ออกเมืองเลยก็ว่าได้ ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการขยับขยายเส้นทาง เพื่อให้การเดินทางสะดวกและรวดเร็วมากขึ้นในอนาคต

สำหรับสายรถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดทดลองใช้เมื่อไม่นานมานี้ (ช่วงสำโรง – หัวหมาก) คือรถไฟฟ้าสายสีเหลือง Monorail (ลาดพร้าว-สำโรง)โดยเส้นนี้จะให้บริการตามแนวถนนศรีนครินทร์และลาดพร้าวเป็นหลัก สามารถวิ่งไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายอื่นได้หลากหลายทั้ง BTS , MRT และ Airport Rail Link โดยสถานีที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดคือ MRT สถานีศรีเอี่ยม ระยะทางประมาณ  1.8 กิโลเมตร

อีกเส้นหนึ่งเป็นรถไฟฟ้า Light Rail บางนา-สุวรรณภูมิ บนถนนบางนา-ตราด เชื่อมระหว่างบางนากับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจากเดิมการเดินทางไปสนามบิน ถ้าไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็จะต้องเรียกรถเเท็กซี่ หรือใช้ Airport Rail Link เท่านั้น โดยรถไฟฟ้าสายนี้จะเข้ามาเพื่อช่วยเอื้อประโยชน์ให้คนแถบบางนาสามารถตรงเข้าสนามบินได้เลย และเป็นการพาชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวในโซนนี้มากขึ้น

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

เนื่องจากแปลงที่ดินคอนโด Atmoz Tropicana Bangna อยู่บนแปลงที่ดินแนวยาว ใช้ทางเข้า – ออกเดียวจากถนนบางนา – ตราด ผ่านถนนส่วนบุคคลของโครงการเข้าไป 250 เมตร ข้อดีคือทำให้ส่วนพักอาศัยได้ความเป็นส่วนตัว ลดเสียงรบกวนและความพลุกพล่านจากถนนใหญ่ได้ โดยรอบข้างโครงการเป็นชุมชนที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานหลากหลาย แต่ตัวอาคารสูงไม่ได้บดบังวิวโครงการ ติดกันด้านหน้าเป็นที่ดินรอการพัฒนาของ AssetWise เช่นเดียวกัน

• ทิศเหนือ : ติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนาในอนาคต ด้วยศักยภาพติดถนนใหญ่ อาจทำเป็นอาคารสูงได้ แต่จะมีการแยกทางเข้า – ออกเพื่อความเป็นส่วนตัวของแต่ละโครงการ
• ทิศตะวันออก : ติดกับชุมชนพักอาศัย , ออฟฟิศสูง 4 – 5 ชั้น
• ทิศใต้ : ติดกับคลองบางนา ตรงข้ามคลองเป็นชุมชนพักอาศัย
• ทิศตะวันตก : ติดกับชุมชนพักอาศัย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

• Chic Republic Bangna Store ~ 3.6 กิโลเมตร
• Index Living Mall Bangna ~ 3.8 กิโลเมตร
• Central Bangna ~ 4 กิโลเมตร
• Seacon Square ศรีนครินทร์ ~ 4.9 กิโลเมตร
• Paradise Park ~ 5 กิโลเมตร
• Bangkok Mall ~ 5 กิโลเมตร
• Mega Bangna ~ 7.5 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

• โรงพยาบาล WIH ~ 50 เมตร
• โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 2.1 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 4.5 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ~ 9.3 กิโลเมตร

โรงเรียน

• ICS International School ~ 4 กิโลเมตร
• Bangkok Patana School ~ 4.8 กิโลเมตร
• RAS American School ~ 4.9 กิโลเมตร
• Berkeley International School ~ 5.5 กิโลเมตร
• St.Andrews International School ~ 6.6 กิโลเมตร
• Concordian International School ~ 9.4 กิโลเมตร

สำนักงาน

• Interlink Tower ~ 150 เมตร
• AIA East Gateway (Office Building) ~ 3.4 กิโลเมตร
• MD Tower ~ 4.3 กิโลเมตร
• WHA Tower ~ 8.4 กิโลเมตร

โครงการ Atmoz Tropicana Bangna เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร (A-E) บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ใจกลางย่านบางนาจาก AssetWise โดยโครงการได้ชู Concept คอนโดสไตล์รีสอร์ท คือนอกจากจะเป็นที่พักอาศัยแล้ว ก็ยังตั้งใจสร้างบรรยากาศให้ลูกบ้านรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนได้ไปเที่ยวพักผ่อนทุกวันอีกด้วย สำหรับจุดเด่นของแบรนด์นี้ แน่นอนว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็มมาให้ที่สุดในย่าน เห็นได้จากสระว่ายนี้ขนาดใหญ่ที่ได้มาถึง 2 สระเลยทีเดียว

ในการวางผังของโครงการจะเน้นการเชื่อมต่อระหว่างอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง Outdoor เพื่อช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูมีความร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อน โดยตัวอาคารจะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ มีลักษณะเป็นสวนขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางแบบ Indoor ก็จะมีกระจายตัวรองรับการใช้งานอยู่ในทุกอาคาร และแต่ละฟังก์ชันก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

เริ่มจากอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดของโครงการ โดย Lobby ของอาคารนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าอาคารอื่นๆ ถือเป็นมุมต้อนรับที่จัดมาได้โออ่า ดูน่าใช้งาน สำหรับโครงการนี้ที่ชั้น 1 จะเป็นส่วนจอดรถทั้งหมดคิดเป็น 36% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งก็ถือว่าจัดมาให้แบบปานกลางเมื่อรวมกับกลุ่มที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ก็ถือว่ารองรับการใช้งานได้พอสมควร ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจะเริ่มที่ชั้น 2 ทุกอาคาร จากอาคาร A จะสามารถเดินผ่านสวนตรงกลางเชื่อมต่อไปยังอาคารอื่นๆได้

ถัดมาที่อาคาร B เน้น Facilities เอาใจสายรักสุขภาพ มีทั้ง Fit GYM , Health Station และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อย่าง Sunlight Pool ที่ได้ความยาวถึง 40 เมตร

อาคาร C จะได้ความสงบมากขึ้น เหมาะกับฟังก์ชัน Co – Working Lounge และ Private Meeting หากลูกบ้านต้องการพื้นที่นั่งทำงาน ก็มาใช้อาคารนี้ได้ ซึ่งจากมุมมองของอาคาร C สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่หน้าอาคาร E ได้

อาคาร D จัดเป็นตำแหน่งที่อยู่ในสุดของโครงการ โดยฟังก์ชันของอาคารจะเน้นไปที่พื้นที่พักผ่อนหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Cinematic Theater , Spa & Suana Room , Grooming Salon และ Live Studio เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่เริ่มสนใจการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น และนอกจากฟังก์ชันที่ชั้น 2 แล้ว อาคาร D ยังได้ Health Studio ที่ชั้น 8 อีกด้วย

ส่วนอาคาร E อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ Moonlight Pool ความยาว 44 เมตร สำหรับ Facilitiies ภายในอาคารจะเน้นพื้นที่สังสรรค์อย่าง Fine Dining Kitchen , Play Room , Massage Chamber ซึ่งลูกบ้านสามารถนัดเพื่อนๆมาปาร์ตี้กันได้ ทานอาหารไป ชมวิวสวน สระว่ายน้ำไป ก็ถือเป็นการพักผ่อนไปอีกแบบนะคะ

การเข้า – ออกในแต่ละอาคารจะมี Lobby แยกเป็นส่วนตัว ได้ลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่ออาคาร เมื่อเทียบสัดส่วนรวมทั้งโครงการประมาณ 110 : 1 ก็ถือว่าไม่ได้แออัดจนเกินไป การจัดวางตำแหน่งของห้องพัก ตัวอาคารตั้งขนานไปกับทิศเหนือ – ใต้ ทำให้มีฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกและตกแบบตรงๆเลย

โดยฝั่งที่อยู่ทิศตะวันออกจะหันหน้าออกนอกโครงการ ข้อดีคือได้แดดช่วงเช้า ตอนบ่ายไม่ร้อน แต่ก็จะไม่ได้วิวส่วนกลาง ส่วนอาคารที่หันหน้าทางทิศตะวันตก อาจโดนแดดบ้างช่วงบ่าย แต่แลกกับบรรยากาศที่ดูร่มรื่น สวยงามทีเดียวนะคะ

จากซุ้มประตูทางเข้าของโครงการที่อยู่ติดถนนบางนา – ตราด ทางเข้า – ออกแยกเป็น 2 ฝั่ง มีป้อมรปภ.อยู่ด้านข้างคอยอำนวยความสะดวก โดยระบบที่ใช้เป็น RFID Censor ควบคู่ไปกับไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ และในเวลากลางคืนก็จะมีประตูรางเลื่อนไฟฟ้าปิดอีกชั้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยค่ะ

ถนนส่วนบุคคลของโครงการแยกเป็น 2 เลน รถสามารถขับสวนเข้า – ออกกันได้สะดวก ด้านข้างเป็นพื้นที่รอการพัฒนาในอนาคตของ AssetWise เช่นเดียวกัน โดยระยะจากซุ้มไปถึงหน้าอาคารประมาณ 250 เมตร เป็นระยะที่พอเดินได้ สบายๆค่ะ

อาคาร A

เริ่มที่อาคาร A พื้นที่จอดรถส่วนใหญ่จะอยู่ใต้อาคารทั้งหมด มีบางส่วนที่อยู่ด้านหน้า สำหรับ Visitor ที่เข้ามา ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก เพราะอยู่ใกล้กับ Lobby เลย

สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า พื้นที่ส่วนนี้ก็ได้แบ่งช่องจอดไว้ให้ 2 Slots สำหรับคนที่ต้องการใช้ EV Charger ด้วยนะคะ

เข้ามาภายในอาคาร A บริเวณชั้น 1 การตกแต่งยังเน้นวัสดุที่เป็นไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย โดยฟังก์ชันจะประกอบด้วย Vending Machine , Grab N’ Go Station และห้องน้ำกลางแยกชาย –  หญิงมาให้ชัดเจน

ชั้น 2 อาคาร A จะมีฟังก์ชันอย่าง Wind Lobby Lounge ที่ถูกออกแบบมาพิเศษกว่าอาคารอื่นๆด้วยความสูงแบบ Double Volume เพราะเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าโครงการสามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นอาคารเดียวที่มียูนิตร้านค้าอยู่ด้านล่าง ซึ่งที่ชั้น 2 ของทุกอาคารจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ร่วมกับโซนพักอาศัย แต่จะมีประตูกั้นแยกชัดเจน ควบคุมการเข้า – ออกด้วยระบบ Face Scan และ Key Card

โดยอาคาร A มีจำนวน 206 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้น 32 ยูนิต การวางผังอาคารเป็นตัว L มีโถงทางเดินแบบ Double Corridor และโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง ทำให้เดินไปยังปีกอาคารทั้ง 2 ฝั่งได้ไม่ไกล อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 103 : 1 ถือว่ายังไม่หนาแน่นมาก ใช้งานได้ ไม่ต้องรอนาน

ส่วนรูปแบบห้องในแต่ละชั้น จะมีให้เลือกหลากหลาย สำหรับคนที่ชอบห้องมุมจะได้เป็นห้อง 1 Bedroom ขึ้นไปนะคะ และตั้งแต่อาคาร A – C จะมีห้อง 1 Bedroom Plus ให้เลือกชั้นละ 1 ยูนิตเท่านั้น อาคาร D , E จะมีมากกว่า แต่ตอนนี้ก็ Sold out ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Wind Lobby Lounge ได้ Double Volume เพดานสูง มาพร้อมบรรยากาศโปร่งโล่ง พื้นที่ตรงกลางออกแบบมาเหมือน Sculpture ขนาดใหญ่ มีลูกเล่นบันไดวนที่ให้ความรู้สึกลื่นไหล ช่วยเพิ่มฟังก์ชันให้ขึ้นไปนั่งเล่นได้

รอบๆยังมีพื้นที่นั่งรองรับการใช้งานได้หลากหลาย ด้วยขนาดที่ใหญ่เป็นพิเศษ จึงสามารถรองรับคนได้ 10 – 20 คนเลยนะคะ

สำหรับอาคารอื่นๆที่ไม่ได้มี Lobby ขนาดใหญ่ จากชั้น 1 จะมีโถงลิฟต์ที่สามารถเข้าได้จากที่จอดรถ การใช้งานจะต้องผ่านระบบ Face Scan เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน

จาก Wind Lobby Lounge อาคาร A เมื่อเดินออกมาก็จะเจอ Purifying Garden เพิ่มความสบายตาด้วยลานน้ำพุต้อนรับด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพื้นที่สวนขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะถูกโอบล้อมไว้ด้วยตัวอาคารแล้ว ก็ยังมีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์คอยปกคลุมให้ความร่มรื่น

โดยจุดที่น่าสนใจก็คือ Pavillion ขนาดใหญ่ ซึ่งต่อไปจะได้เห็นกระจายอยู่อีกหลายจุดของพื้นที่ ส่วนตัวเรามองว่าทำออกมาได้ดี ดูสวยงามและใช้งานได้จริงค่ะ

เดินตามเส้นทางมาไม่ไกลก็จะเจอกับอาคาร B ซึ่งจุดเด่นของอาคารนี้ สังเกตได้จากสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้านั่นเอง

อาคาร B

อาคาร B วางตัวเป็นแนวยาวขนานไปกับสระว่ายน้ำ ทำให้พื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 2 ที่เราเข้าไปใช้งาน จะได้วิวสระว่ายน้ำทุกส่วนเลย โดย Facilities ในอาคารนี้จะเกี่ยวกับการออกกำลังกาย จึงเหมาะกับสายสุขภาพที่ได้ทั้ง Fit GYM สระว่ายน้ำ และ Private Class Room อยู่ด้านล่างอาคาร สามารถลงมาใช้งานได้อย่างสะดวก

การวางผังจะแตกต่างกับอาคาร A ชัดเจน โดยอาคาร B จะมีทั้งหมด 215 ยูนิต จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้น 32 ยูนิต โถงลิฟต์จะอยู่สุดมุมฝั่งนึงของอาคาร แต่ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เรามองว่าเดินได้สบายๆนะคะ

สำหรับรูปแบบห้องจะเน้นที่ห้อง 1 Bedroom Exclusive (สีเขียว) เป็นหลัก เพราะมีจำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Type อื่นๆ โดยเฉพาะฝั่งที่ได้วิวสระว่ายน้ำ สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus (สีส้ม) จะมีแค่ยูนิตละชั้นเท่านั้น และยังเป็นห้องมุมที่ได้วิวสระว่ายน้ำด้วย จึงถือว่าเป็น Type ที่ Rare พอสมควรเลยค่ะ

Sunlight Pool สระว่ายน้ำ outdoor ระบบเกลือขนาด 10×40 เมตร ลึก 1.20 เมตร ซึ่งจัดว่ามีความยาวเกิน Half Olympic ไปแล้วนะคะ เวลาที่แดดร่มๆก็สามารถมาว่ายออกกำลังกายกันได้แบบชิวๆเลย

ด้านข้างสระมีเก้าอี้มาให้สำหรับคนที่อยากมานอนชมวิวสบายๆ และชุดโซฟาให้มานั่งเล่นกันเป็นกลุ่มได้ โดยสระจะยกสูงจากทางเดินบริเวณสวนขึ้นมา ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งานเลย

ห้องน้ำอาคาร B จะอยู่ด้านข้างสระ เดินเข้า – ออกใช้งานจากด้านนอกอาคาร โดยจะแยกใช้งานห้องน้ำชาย – หญิง มีห้องอาบน้ำอยู่ภายใน และมีห้องน้ำผู้พิการไว้รองรับการใช้งานอยู่ด้วย

เมื่อเข้ามาในอาคารจะเจอกับ Fit Gym หรือส่วนฟิตเนสเป็นอันดับแรก บรรยากาศภายในจะได้ความโปร่งโล่ง เนื่องจากผนังด้านนึงเป็นกระจกแนวยาว เวลาออกกำลังกายก็สามารถชมวิวสวนและสระว่ายน้ำไปในตัวได้

อุปกรณ์ภายในฟิตเนสจัดมาให้ครบครันทั้ง Weight Trainning และ Cardio มีตู้ Locker ไว้ให้สำหรับเก็บเสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัวได้ ติดกันมี Private Class Room เบื้องต้นจัดเป็นห้องโยคะมาให้ ได้อุปกรณ์พร้อมใช้งาน

Wind Pavillion เป็นมุมนั่งเล่น outdoor ขนาดใหญ่ ตัวหลังคาดีไซน์มาพิเศษเป็นทรงสูง ดูโปร่งโล่ง นอกจากฟังก์ชันที่จัดเป็นมุมให้นั่งเล่น พักผ่อนแล้ว ยังทำเป็นลาน BBQ ให้ลูกบ้านสามารถมาปาร์ตี้เล็กๆร่วมกันได้ ติดกันเป็นบันไดเวียนเดินขึ้นไปเชื่อมกับ Moonlight Pool หน้าอาคาร E ได้อีกด้วย

อาคาร C

อาคาร C มีจำนวนทั้งหมด 229 ยูนิต ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดในโครงการ และมีจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นอยู่ที่ 34 ยูนิต พื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 2 เหมาะกับลูกบ้านที่อยากเปลี่ยนจะบรรยากาศการทำงาน โดยมีฟังก์ชันหลักเป็น Co – Working Lounge ที่มีเฟอร์นิเจอร์จัดไว้รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งชุดโซฟาไว้ให้นั่งเล่นสบายๆหรือมุม Working Pod และห้อง Private Meeting 2 ห้อง สำหรับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นหน่อย

ส่วนการจัดวางตำแหน่งห้อง จะคล้ายกับอาคาร B ด้วยลักษณะแปลนที่เป็นแนวยาวเหมือนกัน ห้อง 1 Bedroom Plus มีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้นเป็นห้องมุม ส่วนห้อง 1 Bedroom Extra จะมีแค่ห้องที่หันหน้าเข้าหาส่วนกลางเท่านั้น ส่วนอีกฝั่งจะมีแค่ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Exclusive ค่ะ

Aqua Lobby ออกแบบเป็น Double Volume ได้กระจกเต็มบานทั้ง 2 ด้าน มองออกไปเห็นวิวสวนได้ความร่มรื่น ผนังใช้สีน้ำเงิน Gradiant เข้ากับ Concept ธรรมชาติ ดูเย็น สบายตา

ช่วงกลางวันแสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ด้านในยังมีการแซมไม้พุ่มขนาดเล็กช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย ลูกบ้านลงมานั่งทำงานได้สบายๆตลอดทั้งวันเลย

ด้านข้างมี Pantry ที่โครงการเตรียมไว้ โดยอนาคตจะมีไมโครเวฟหรือกาน้ำร้อนมาวางให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านที่ลงมานั่งทำงาน ส่วนอยากได้ความสงบและเป็นส่วนตัว ก็มีห้องประชุมแยกไว้ให้ใช้งานถึง 2 ห้องด้วยนะคะ

อาคาร D

อาคาร D เป็นอาคารที่อยู่ด้านในสุดดของโครงการ มีจำนวน 226 ยูนิต โดยจะมีรูปทรงเป็นตัว L เหมือนกับอาคาร A ที่อยู่ด้านหน้า โดยจุดเด่นของอาคาร D จะอยู่ที่ส่วนกลาง ซึ่งได้มาถึง 2 ชั้น เริ่มที่ชั้น 2 ฟังก์ชันจะเหมาะกับคนที่ชอบสังสรรค์หรือนัดเพื่อนมาจอยกันเป็นกลุ่มได้ และชั้น 8 ซึ่งจัดเป็นชั้นบนสุดของอาคาร เป็นส่วน Health Studio ได้วิวเปิดโล่ง มองเห็นได้ทั้งโครงการ

การวางตำแหน่งห้อง จะมีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง แยกส่วนพักอาศัยออกเป็น 2 ฝั่ง เดินเข้า – ออกสะดวก โดยในอาคารนี้ห้อง 1 Bedroom Plus จะมีให้เลือกชั้นละ 3 ยูนิต แตกต่างกับอาคารอื่นที่มีแค่ชั้นละยูนิตเท่านั้นค่ะ สำหรับคนที่อยากได้วิวสวนส่วนกลาง อาคารฝั่งตะวันตกก็ถือว่ามี Type ให้เลือกครบเลย

ทางเข้าอาคารมี Light Pavillion ไว้ต้อนรับ บริเวณลานด้านหน้าล้อมรอบด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ขนาดใหญ่ มองทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวชอุ่ม เหมือนอยู่ในรีสอร์ทใจกลางธรรมชาติเลย

Cinematic Theater ห้องที่ลูกบ้านสามารถนัดเพื่อนๆมาชมภาพยนตร์ หรือซีรี่ส์เรื่องโปรดด้วยกันได้ โดยโครงการได้ออกแบบพื้นที่เป็นขั้นบันไดได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในโรงหนังเลย

ใกล้กันเป็น Live Studio ที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ทั้งขาตั้งกล้อง ไฟ ฉาก Blue Screen ตอบโจทย์กระแส Influencer และ Youtuber ในปัจจุบันที่ต้องการพื้นที่ทำงานครบ จบในที่เดียว

Spa Room เป็นห้องที่โครงการเตรียมไว้ให้ ซึ่งลูกบ้านสามารถเรียกพนักงานจากภายนอกมาให้บริการได้ มีทั้งเตียงนวด ส่วนแต่งตัว ส่วนอาบน้ำภายใน ให้ความรู้สึกเหมือนนวดอยู่ในรีสอร์ทเลยค่ะ

ในโซนเดียวกัน ก็มีห้อง Suana แยกชาย – หญิงไว้ให้ใช้งาน ซึ่งด้านนอกก็ยังมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำไว้ให้ล้างตัวหลังใช้งานด้วย

ถัดมาเป็นฟังก์ชันที่น่าจะถูกใจสาวๆที่มีกลุ่มเพื่อนเยอะ แต่มักเจอปัญหาเวลาออกงานทีไร หาที่รวมตัวกันเสริมสวยไม่ได้ โดยห้องนี้มีชื่อว่า Grooming Salon นั่นเอง

ฟังก์ชันนี้เป็นห้องที่โครงการเตรียมไว้ สำหรับจ้างช่างมาทำเล็บ ทำผมที่คอนโดได้เลยนะคะ ซึ่งอุปกรณ์ในห้องก็ได้มาทั้งเตียงสระผม โซนนั่งทำผม พร้อมไดร์แยกให้ทั้ง 2 ฝั่ง และเก้าอี้นั่งทำเล็บ เหมือนได้ร้านเสริมสวยแบบส่วนตัวอยู่ในบ้านเลย

อาคาร E

อาคารสุดท้าย อาคาร E จำนวน 225 ยูนิต อาคารนี้จะมีสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้า (Moonlight Pool) สำหรับสายปาร์ตี้น่าจะถูกใจฟังก์ชันของอาคารนี้ค่ะ โดยตำแหน่งของอาคารวางเป็นแนวยาวขนานไปกับตัวอาคาร D โดยมีสวนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ทางเดินส่วนพักอาศัยมีทั้งแบบ Single Corridor และ Double Corridor สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวหน่อยก็สามารถเลือกตำแหน่งโซนนี้ได้ แต่จากโถงลิฟต์จะเดินไกลหน่อย เพราะอยู่คนละฝั่งเลยค่ะ

Moonlight Pool สระว่ายน้ำสระที่ 2 ได้มาเป็นรูปแบบ Free Form ขนาด 10×44 เมตร ระบบเกลือ ความลึก 1.20 เมตร รอบข้างมีแนวต้นไม้ช่วยบังสายตา ช่วยทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นและเพิ่มความเป็นส่วนตัว

Earth Lobby เป็นส่วนต้อนรับภายในอาคาร E  จุดเด่นอยู่ที่บันไดวนสีแดงขนาดใหญ่เชื่อมต่อพื้นที่ใช้งานบนชั้นลอย (Privacy Mezzanine)

Fine Dinning Kitchen อยู่ติดกับ Lobby พื้นที่ภายในได้ฝ้าเพดานสูง มองไปด้านนอกเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำ สำหรับลูกบ้านที่อยากชวนเพื่อนๆมาปาร์ตี้ทำอาหารทานกัน โครงการก็ได้เตรียมส่วนครัวไว้ให้ มีประตูกั้นแยกเป็นสัดส่วน โดยทั้ง 2 ห้องสามารถ Combine เพื่อจัดปาร์ตี้ขนาดใหญ่ได้เลย

ปิดท้ายด้วยบรรยากาศสวนขนาดใหญ่ระหว่างอาคาร D และอาคาร E สายออกกำลังกายก็สามารถใช้ทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่าง 5 อาคารเป็น Jogging Track ก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศไปอีกแบบนะคะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Building A

• Wind Lobby Lounge
• Natural Hallway
• Laundry
• Grab N’ Go Station
• Vending Machine

Building B

• Fit Gym
• Private Class Room
• Health Station
• Smart Locker

Building C

• Aqua Lobby
• Co-Working Lounge
• Gathering Room
• Socialize Room
• Working Pod

Building D

• Spa Room
• Live Studio
• Cinematic Theater
• Sauna Room
• Grooming Salon ( Salon & Nail )
• Health Studio
• Locker

Building E

• Earth Lobby
• Privacy Mezzanine
• Fine Dinning Kitchen
• Massage Chamber
• Play Room
• Laundry
• Vending Machine

Outdoor

• Welcome Seating
• Purifying Garden
• Green Forest Park
• Moonlight Camp
• Sunlight Pool
• Sunlight Terrace
• Sunlight Kids Pool
• Earth Amphitheater
• Wind Pavilion
• Outdoor BBQ
• Green Lawn
• Nook Seating
• Moonlight Pool
• Moonlight Terrace
• Jacuzzi
• Floating Deck
• Light Pavilion
• Service
• Shuttle service ไปกลับ BTS บางนา , MRT ศรีเอี่ยม (วันเสาร์ – อาทิตย์ Central บางนา , Mega บางนา)
• EV Charger (2 Slots)
• ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร (ระบบ Face Scan / Key Card ลิฟต์ล็อกชั้น)
• อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 110 : 1
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 103 : 1
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 108 : 1
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 115 : 1
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 113 : 1
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 113 : 1
• ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / RFID Sensor (Double Gate ไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ + รั้วรางเลื่อนไฟฟ้า)
• ระบบเข้า – ออกอาคาร Face Scan / Key Card

โครงการ Atmoz Tropicana Bangna เน้นโปรดักส์เจาะกลุ่มวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษาที่กำลังมองหาคอนโดขนาดกระทัดรัด ฟังก์ชันครบในราคาหยิบจับง่าย เริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท* ใช้อยู่อาศัยระยะยาวหรือแบบ Weekday Stay ก็ได้ โดยมีรูปแบบให้เลือกทั้งหมด 4 แบบดังนี้

• 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 22.25 – 25.23 ตร.ม.
• 1 Bedroom Exclusive พื้นที่ใช้สอยภายใน 25.19 – 27.96 ตร.ม.
• 1 Bedroom Extra พื้นที่ใช้สอยภายใน 27.93 – 34.29 ตร.ม.
• 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.94 – 34.93 ตร.ม.

รูปแบบการขายเป็น Fully Furnished ได้เฟอร์ครบทั้ง Built – in และลอยตัว พร้อม Digital Door Lock , เครื่องกรองน้ำ ยี่ห้อ Pentair และเครื่องปรับอากาศที่สามารถกรอง PM 2.5 ได้

สรุปวัสดุภายในห้อง

• วัสดุพื้น Smart Vinyl ความหนา 3 มิลลิเมตร
• Digital Door Lock ระบบ Finger Scan / Key Card /Application / Password / กุญแจ จากยี่ห้อ HomeHuk
• เครื่องปรับอากาศ ยี่ห้อ DAIKIN Inverter (มีระบบกรอง PM 2.5)

ห้องครัว

• Kitchen & Sink ท็อปหินสังเคราะห์ ลายหินอ่อน
• Hob & Hood ของยี่ห้อ MEX ระบบหมุนเวียน
• Blacksplash ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร
• เครื่องกรองน้ำ ติดตั้งมาพร้อมก็อกจากยี่ห้อ PENTAIR

ห้องน้ำ

• สุขภัณฑ์และก็อกน้ำจาก COTTO
• ฝักบัวจาก American Standard
• ก็อกน้ำติดผนังจาก VICTOR
• ฉากกั้นอาบน้ำยี่ห้อ SHOWERKING

สำหรับห้องที่เราจะพาไปชมวันนี้ จะเป็นห้อง 1 Bedroom , 1 Bedroom Exclusive และ 1 Bedroom Extra บรรยากาศและไอเดียการตกแต่งที่น่าสนใจจะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันค่ะ

1 Bedroom 22.25 – 25.23 ตร.ม.

เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ สามารถอยู่อาศัยได้ 1 – 2 คนกำลังดี จุดเด่นอยู่ที่การกั้นห้องมาให้เป็นสัดส่วน แยกพื้นที่ Service และพักผ่อนกันชัดเจน โดยมีห้องครัวและห้องน้ำอยู่ที่ตำแหน่งด้านหน้า เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอเป็นอันดับแรก

ข้อดีคือพื้นที่ห้องด้านในจะได้ความเป็นส่วนตัว แต่จะเหมาะกับคนที่ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ชอบทำอาหารจริงจังเท่าไรนัก เพราะไม่มีช่องเปิดระบายอากาศออกสู่ด้านนอกโดยตรง แต่โครงการก็ได้ติดตั้งเครื่องดูดอากาศมาให้ และมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้น ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นฟุ้งกระจายได้ดี

ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนใช้พื้นที่ร่วมกัน โดยจะอยู่ใกล้กับตำแหน่งของช่องเปิด ทำให้ได้แสงและวิวจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ บรรยากาศในห้องจึงดูโปร่งโล่ง

เริ่มกันที่ส่วนทางเข้า ประตูจะติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ ใช้งานได้ 5 ระบบ ทั้งสแกนลายนิ้วมือ คีย์การ์ด กดรหัส กุญแจและ Bluetooth เลย ที่ธรณีจะมีการทำขอบขึ้นมาเล็กน้อย นอกจากช่วยปิดรอยต่อวัสดุให้ดูเรียบร้อย ยังช่วยป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่จะกระเด็นเข้ามาในห้องได้ด้วย

ส่วนครัวบริเวณด้านหน้า จะได้เคาน์เตอร์ Built – in ครบชุดพร้อมหน้าบานมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย โดยด้านข้างเว้นพื้นที่ไว้ให้สำหรับวางตู้เย็นได้กว้างประมาณ 0.70 เมตร

ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ลายหินอ่อนสีขาว Backsplash กรุด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ เช็ดทำความสะอาดง่าย โดยฟังก์ชันเคาน์เตอร์จะแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงเป็นเตาไฟฟ้า ติดตั้งมาให้พร้อมเครื่องดูดควันจากยี่ห้อ Mex อีกฝั่งเป็นอ่างล้างจาน จะเห็นว่ามีก็อกของเครื่องกรองน้ำต่อมาให้ด้วย

โดยเครื่องกรองน้ำจะติดตั้งอยู่ด้านล่างอ่างล้างจานจากยี่ห้อ PENTAIR สำหรับชาวคอนโดที่ต้องซื้อน้ำแพ็คเสียเงินเดือนละเกือบพัน ก็ถือว่าช่วยประหยัดได้เยอะเลยนะคะ ทั้งยังไม่ต้องเปลืองแรงเปลืองเวลายกขึ้น – ลงอีกด้วย

พื้นที่เก็บของมีทั้งชั้นบนและชั้นล่าง บานพับติดตั้งระบบ Soft close มาให้ด้วย ส่วนด้านล่างนอกจากมีลิ้นชักที่ได้ถาดใส่ช้อนส้อมมา ยังมีลิ้นชักที่ดึงออกมาแล้วใช้เป็นที่วางของเพิ่มเติมได้ สะดวกเวลาเตรียมอาหารทีเดียว

แอบเสียดายที่วัสดุพื้นไม่ได้ปูเป็นกระเบื้องมาให้ ด้วยข้อดีเรื่องความทนทาน ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า แต่กระเบื้อง Smart Vinyl ก็ถือว่าทนน้ำและความชื้นได้ดี ถ้าเสียหายก็ซ่อมแซมได้ง่าย ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลค่ะ

ห้องน้ำอยู่ติดกับครัว บริเวณพื้นแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งมาให้ชัดเจน วัสดุและสุขภัณฑ์จะได้แบบครบชุดเหมือนในห้องตัวอย่าง รวมถึงฉากกั้นอาบน้ำแบบเข้ามุมด้วย

อ่างล้างมือเป็นแบบแขวนกับผนัง ด้านล่างมีช่องไว้สำหรับเก็บของได้ ติดตั้งมาให้พร้อมก็อกน้ำจากยี่ห้อ COTTO ส่วนโถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระและที่เก็บกระดาษทิชชู่จาก COTTO เช่นเดียวกันค่ะ

ส่วนอาบน้ำได้ฉากกั้นกระจกแบบเข้ามุมจากยี่ห้อ SHOWERKING พื้นที่ยืนอาบได้มาขนาด 0.93×1.00 เมตร ด้านข้างมีการทำช่องไว้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ด้วย ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower ยี่ห้อ American Standard

ส่วนตัวเราชอบก็อกติดผนังที่เพิ่มเข้ามาให้ ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยได้ในห้องแบบคอนโดเท่าไรนะคะ สำหรับบางคนที่ชอบซักผ้า ล้างจาน ล้างไม้ม็อบ เน้นทำความสะอาดแบบไวๆ น่าจะถูกใจเลย

ก่อนเข้าสู่ห้องด้านใน จะมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนกั้นให้ 1 ชั้น ทำให้ห้องดูเป็นสัดส่วนแต่ไม่ปิดทึบจนเกินไป ได้ระยะเปิดกว้างกว่าแบบ 2 ตอน ใช้งานได้อย่างสะดวก

ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนจะใช้พื้นที่ร่วมกัน แตกต่างกับรูปแบบห้องอื่นที่จะแบ่งห้องออกเป็นห้องย่อย สำหรับคนที่อาศัยอยู่คนเดียวก็ถือว่าสะดวกมาก ด้วยฟังก์ชันที่เดินเชื่อมต่อกันได้ และบรรยากาศที่ดูโปร่งโล่ง โดยความสูงจากพื้นถึงฝ้าจะอยู่ที่ 2.40 เมตร

ไอเดียในการตกแต่งห้องนี้ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ จากส่วนนั่งเล่นที่วางได้แค่โซฟา ทางโครงการก็ได้เสริมฟังก์ชันโต๊ะทำงานเข้าไป เหมาะกับสาย WFH ที่อยากได้พื้นที่ทำงานแบบเป็นสัดส่วน ทำให้การใช้งานพื้นที่ในห้องดูคุ้มค่ามากขึ้น

โดยระยะจากผนังถึงหน้าทีวีกว้างประมาณ 3.48 เมตร ขยับโซฟาออกมาก็ยังเหลือพื้นที่ด้านหลังไว้ถึง 1 เมตร โดยในห้องมาตรฐานเราก็จะได้ชุดโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางทีวีมาด้วยนะคะ

ห้องนอน ในห้องตัวอย่างดันเตียงไปชิดผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานส่วนนั่งเล่นให้กว้างมากขึ้น แต่ก็ยังเหลือที่ให้วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้แบบสบายๆเลย ซึ่งโครงการก็จะแถมฐานเตียงมาให้ด้วยค่ะ

ส่วนเตียงนอนอยู่ติดกับช่องเปิดทั้ง 2 ฝั่ง ด้านข้างเป็นหน้าต่างบาน Fix กระจก มีบานกระทุ้งติดตั้งมาให้ 1 จุด ปลายเตียงติดกับระเบียงกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นโซนที่ได้วิวและแสงจากธรรมชาติมากที่สุด

ตู้เสื้อผ้า ทางโครงการ Built – in มาให้ ลักษณะเป็นกระจกบานเปิดคู่ ด้านข้างภายในเป็นชั้นวางของ บานเปิดกระจกเงาทั้งบาน ก่อนออกจากห้องก็สามารถใช้ส่อง เช็คความเรียบร้อยได้แบบเต็มตัวเลย

ระเบียงด้านนอกกว้าง 0.99×1.52 เมตร โครงการเตรียมระบบท่อไว้ให้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า นอกจากราวกันตกซี่เหล็กโปร่ง ด้านบนยังมีแผงระแนง สามารถใช้ตากผ้าหรือแขวนไม้กระถางเล็กๆช่วยเพิ่มความสดชื่นได้

ฝ้าเพดานในห้องเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยตามมาตรฐาน

ปลั๊กและสวิตช์ไฟกรอบเงิน ดีไซน์แบบเรียบจาก SIEMENS

1 Bedroom Exclusive 25.19 – 27.96 ตร.ม.

ถัดมาเป็นห้อง 1 Bedroom Exclusive ซึ่งจุดเด่นของแปลนนี้จะเห็นได้ว่า ฟังก์ชันภายในห้องแยกกันเป็นสัดส่วน ห้องนอนและครัวเป็นแบบปิดได้ความเป็นส่วนตัว ห้องน้ำมีประตูที่เปิดเข้า –  ออกได้ 2 ฝั่ง เวลามีแขกมาแล้วต้องการใช้ห้องน้ำ ก็ไม่ต้องเดินผ่านเข้าห้องนอน ส่วนเจ้าของห้องก็ได้ความสะดวกเวลาใช้งานด้วยค่ะ ส่วนห้องครัวจะอยู่ติดกับระเบียง ได้ข้อดีในเรื่องของการระบายกลิ่น ถูกใจคนที่อยากได้พื้นที่ทำครัวแบบจริงจังเลยนะคะ

สำหรับห้องนี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อน โดยระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้าง 2.46 เมตร ติดตั้งทีวีได้ขนาด 40″ ขึ้นไป พื้นที่ด้านข้างเบื้องต้นโครงการจะให้เฟอร์ลอยตัวอย่างโต๊ะรับประทานอาหารมาให้ ใครจะจัดเป็นมุมทำงานเพิ่มก็ได้ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์เลยค่ะ

ส่วนครัวจะอยู่ถัดเข้ามาด้านใน กั้นกลิ่นและควันด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน 1 ชั้น โดยด้านข้างจะติดกับระเบียง จัดเป็นพื้นที่ Service ไว้วางเครื่องซักผ้าได้

เคาน์เตอร์จะได้เป็นแบบ Built – in เหมือนในห้องตัวอย่าง วัสดุได้เหมือนกันทุก Type ติดตั้งมาให้พร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานและเครื่องกรองน้ำด้านล่าง ช่องเก็บของจะได้กว้างขึ้นมาหน่อย สามารถใช้เก็บของชิ้นใหญ่ๆได้

ระเบียงได้ขนาด 0.93×1.40 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีๆ ซึ่งโครงการก็ได้เตรียมท่อรองรับไว้ให้เรียบร้อย พร้อมใช้งาน

ห้องน้ำเป็นแบบหน้ากว้าง ประตูเปิดเข้าได้ทั้งจากส่วนนั่งเล่นและห้องน้ำ บริเวณพื้นแยกโซนเปียกและโซนแห้งมาให้ชัดเจน ฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้เป็นแบบบานเลื่อนกระจก 3 ตอน สุขภัณฑ์และก็อกน้ำภายในห้องได้แบบครบชุดจาก COTTO

ส่วนยืนอาบขนาด 0.90×1.00 เมตร ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower จากยี่ห้อ American Standard ติดตั้งมาให้พร้อมก็อกน้ำติดผนังด้านล่างด้วย

ห้องนอนกั้นด้วยประตูบานทึบ เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ตรงกลางวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่รอบๆให้เดินขึ้น – ลงใช้งานได้สะดวก โดยฐานเตียงจะมีช่องเก็บของด้านล่าง ไว้ให้วางกระเป๋าเดินทางหรือของใช้ส่วนตัวได้ด้วย

ติดกับเตียงนอนมีมุมที่สามารถจัดเป็นส่วนแต่งตัวภายในห้องได้ โดยตู้เสื้อผ้าจะได้เป็นแบบ Built – in จากโครงการเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

1 Bedroom Extra 27.93 – 34.29 ตร.ม.

มาที่แบบสุดท้าย 1 Bedroom Extra การจัดฟังก์ชันจะคล้ายห้อง 1 Bedroom Exclusive คือได้ครัวปิดติดระเบียง แต่ภายในห้องนอนจะได้ส่วนแต่งตัวขนาดใหญ่กว่า สามารถวางตู้เสื้อผ้า 2 ฝั่งได้แบบสบายๆ เหมาะกับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ หรืออยู่ด้วยกัน 2 คน ก็แยกตู้ได้ ไม่ต้องแย่งกัน โดยบรรยากาศในห้องจะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

สำหรับห้อง 1 Bedroom Plus ปัจจุบัน Sold out ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่รูปแบบอื่นที่น่าสนใจก็ยังมีให้เลือกทุกอาคารนะคะ ใครชอบคอนโด Low Rise ได้ฟีลรีสอร์ท ในงบเริ่มต้นไม่เกิน 2 ล้านบาท ก็สามารถเข้าไปชมบรรยากาศจริงที่โครงการก่อนตัดสินใจกันได้เลย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

Atmoz Tropicana Bangna ราคา ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2566

• 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 22.25 – 25.23 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 – 2.28 ล้านบาท*
• 1 Bedroom Exclusive พื้นที่ใช้สอยภายใน 25.19 – 27.96 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99 – 2.62 ล้านบาท*
• 1 Bedroom Extra พื้นที่ใช้สอยภายใน 27.93 – 34.29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 – 2.86 ล้านบาท*
• 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.94 – 34.93 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.69 – 3.09 ล้านบาท*
• รูปแบบการขาย Fully Furnished พร้อมเฟอร์ลอยตัว
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
• วัสดุพื้น Smart Vinyl ความหนา 3 มิลลิเมตร
• Digital Door Lock ระบบ Finger Scan / Key Card /Application / Password / กุญแจ จากยี่ห้อ HomeHuk
• Kitchen & Sink ท็อปหินสังเคราะห์ ลายหินอ่อน
• Hob & Hood ของยี่ห้อ MEX ระบบหมุนเวียน
• Blacksplash ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร
• เครื่องกรองน้ำ ติดตั้งมาพร้อมก็อกจากยี่ห้อ PENTAIR
• สุขภัณฑ์และก็อกน้ำจาก COTTO / ฝักบัวจาก American Standard / ก็อกน้ำติดผนังจาก VICTOR
• ฉากกั้นอาบน้ำยี่ห้อ SHOWERKING
• เครื่องปรับอากาศ ยี่ห้อ DAIKIN Inverter (มีระบบกรอง PM 2.5)

• มีรถ Shuttle Service ไปกลับ BTS บางนา , MRT ศรีเอี่ยม (วันเสาร์ – อาทิตย์ Central บางนา , Mega บางนา)
• จอง 5,000 บาท
• ทำสัญญา 10,000 – 20,000 บาท
• ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. เก็บล่วงหน้า 1 ปี
• ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเล :

โครงการ Atmoz Tropicana Bangna ตั้งอยู่บนทำเลที่ถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เชื่อมต่อความอุดมสมบูรณ์ได้หลากหลายโซย ทั้งบนเส้นบางนา – ตราดมีทั้งห้างสรรพสินค้าอย่าง Central บางนาที่อยู่ใกล้เพียง 4 กิโลเมตร Mega บางนา , Ikea ส่วนถนนเส้นศรีนครินทร์ ก็มีห้าง ตลาด สวนสาธารณะและ Community Mall หลายแห่ง ทั้งยังใกล้ถนนสุขุมวิทที่มีรถไฟฟ้าตัดผ่านทำให้เข้า – ออกเมืองได้อย่างสะดวก

สำหรับชาว EEC ทำเลนี้ก็ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะอยู่ใกล้กับสนามบินอย่างสุวรรณภูมิ เหมาะกับพนักงานหรือนักลงทุนที่อยากซื้อไว้อาศัยช่วง Weekday ได้ในราคาหยิบจับง่ายค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

โครงการอยู่ติดถนนใหญ่บางนา-ตราด กม.4 ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของที่นี่เลย เพราะจะได้เปรียบในเรื่องการเดินทางมากกว่าคอนโดอื่นๆที่มักจะอยู่ลึกเข้าไปในซอยหน่อย อีกทั้งตำแหน่งยังอยู่ฝั่งขาเข้าเมือง ใกล้จุดกลับรถ ถ้าจะไป Central บางนา ก็ไม่ต้องเสียเวลาวนรถนานกว่าจะขับเข้า – ออกโครงการ

สำหรับคนใช้ทางด่วน บนทำเลนี้ก็มีให้เลือกกันใช้ถึง 3 สาย ทั้งทางด่วนบูรพาวิถี (กรุงเทพ – ชลบุรี) ทางด่วนเฉลิมมหานคร (เข้า –  ออกเมือง) และทางด่วนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกเลยค่ะ ส่วนที่จอดรถทางโครงการจัดมาให้ 36% ซึ่งถือว่าปานกลางเมื่อเทียบกับโครงการบนทำเลใกล้เคียงกัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ค่อนข้างสะดวกสบาย ด้วยทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่ หากเดินมาหน้าตลาดนัดเศรษฐี ที่ห่างจากประตูโครงการมาประมาณ 100 เมตร ก็จะมีให้เลือกครบครันทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ และรถแท็กซี่ หรือหากใครไม่อยากเดินผ่านถนนในโครงการออกมา 250 เมตร ก็มีรถ Shuttle  Service คอยให้บริการนะคะ แต่อาจจะต้องรอเป็นรอบๆไป

วัสดุ :

ขายแบบ Fully Furnished ส่วนตัวเรามองว่าให้มาค่อนข้างครบครันทั้งเฟอร์ Built – in และแบบลอยตัว วัสดุก็ตามมาตรฐานระดับราคา มีส่วนที่น่าสนใจอย่างเครื่องกรองน้ำที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ซึ่งก็ค่อนข้างเหมาะกับชาวคอนโดทีเดียวค่ะ Built – in ในครัวได้เคาน์เตอร์พร้อมหน้าบานติดตั้งมาให้เรียบร้อย มีถาดเก็บของวางของมาให้ ใช้งานง่าย

ห้องน้ำได้ฉากกั้นมาทุกยูนิต แอบเสียดายตรงวัสดุพื้นในครัวที่ไม่ได้แยกเป็นกระเบื้องมาให้ เพราะความทนทานและทำความสะอาดง่ายกว่า แต่ Smart Vinyl ก็มีคุณสมบัติทนน้ำได้ดี เพราะเป็น PVC 100% ก็ถือว่าเหมาะสมกับการใช้งาน

การออกแบบโครงการ :

ภาพรวมถือว่าทำออกมาได้ดี การวางผังเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่สีเขียวดูกลมกลืน ใช้งานง่าย ได้ Concept คอนโดสไตล์รีสอร์ทชัด อาคาร A – E ได้ความเป็นส่วนตัวเพราะแยกทางเข้า – ออกกันเป็นสัดส่วน แต่ลูกบ้านก็ยังสามารถเดินไปใช้งานส่วนกลางของอาคารอื่นๆได้อย่างสะดวก การวางผังขนานไปกับแนวทิศเหนือ – ใต้ ทำให้มีอาคารที่รับแดดฝั่งตะวันตกไปเต็มๆ แต่ก็แลกกับวิวพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งจัดมาให้ทั้งสวนและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สำหรับคนที่เน้นบรรยากาศในการอยู่อาศัย ก็ถือว่าได้ฟีลใกล้ชิดธรรมชาติไปอีกแบบ

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย :

รูปแบบห้องของโครงการ Atmoz Tropicana Bangna ทำออกมารองรับคนที่อยู่อาศัย 1 – 2 คนกำลังดี ได้ฟังก์ชันลงตัว เหมาะสมกับการใช้งาน โดยหลักๆจะเน้นที่ห้อง 1 Bedroom ที่ได้ห้องนอนเป็นส่วนตัวและครัวปิดทุกยูนิต มีขนาดให้เลือกหลากหลาย และยังมีห้อง Type 1 Bedroom Plus เหมาะกับคนที่อยากได้พื้นที่เยอะๆไว้ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเพิ่มได้ ซึ่งทุกแบบก็ถือว่าอยู่ในงบประมาณที่หยิบจับง่าย ตั้งแต่ล้านปลายๆ – 3 ล้านบาท*

สาธารณูปโภค :

พื้นที่ส่วนกลางจัดว่าเป็นจุดเด่นของโครงการ ตามสไตล์แบรนด์ Atmoz ที่จัดมาให้เต็มสุดในย่าน ส่วนตัวเรามองว่าความน่าสนใจอยู่ที่ Outdoor Facilities ที่จัดพื้นที่สีเขียวมาให้เยอะมาก ต่อให้เป็นลูกบ้านที่ไม่ได้ลงไปใช้งาน ก็ยังได้ความสดชื่น ร่มรื่นจากบรรยากาศรอบอาคาร

การเล่นระดับ Landscape ทำออกมาน่าสนใจ การเดินเข้า – ออกอาคารได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรีสอร์ทจริงๆ ส่วนสระว่ายน้ำได้มาขนาดใหญ่ทั้ง 2 สระ น่าใช้งาน ส่วนกลางของแต่ละอาคารก็ได้จุดเด่นในแต่ละที่แตกต่างกันไป โดยรวมแล้วก็ถือว่าฟังก์ชันจัดมาได้เพียงพอกับจำนวนลูกบ้าน 1,101 ยูนิตค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 91,000 บาท/ตร.ม., 23 พฤษภาคม 2566

• ทำเล 8.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์
• เดินทางด้วยรถ 8/10 – จากถนนบางนา – ตราด เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง ได้ที่จอดรถ 36%
• ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มีวินมอเตอร์ไซต์ รถเมล์และ Taxi ให้เลือกใช้ ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย BTS สายสีเหลือง ห่าง 1.8 กิโลเมตร
• วัสดุ 7.75/10 – Fully Furnished เฟอร์ครบ พร้อมอยู่ วัสดุตามมาตรฐาน
• แบบ 7.75/10 – ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดทุกยูนิต
• สาธารณูปโภค 8.5/10 – ส่วนกลางเยอะสุดในย่าน พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ได้อารมณ์รีสอร์ท

• MAIN CLASS
• 8.04 / 10.00

Atmoz Tropicana Bangna เหมาะกับใคร

โครงการ Atmoz Tropicana Bangna เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดในย่านบางนา เดินทางเข้า – ออกใจกลางเมืองได้สะดวก ใกล้ห้างและสำนักงานขนาดใหญ่ ชอบโครงการที่มี Facilities หลากหลาย ได้พื้นที่สีเขียวเยอะ มีฟังก์ชันทั้ง Indoor และ outdoor ต้องการอยู่อาศัย 1 – 2 คน มีงบประมาณเริ่มต้นไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 11,753 – 20,288 บาท

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc