รีวิวฉบับที่ 806 … สวัสดีค่ะแฟนๆ Think of living ทุกท่าน วันนี้เราจะพาไปดูตึกเสร็จของโครงการ Mayfair Place Sukhumvit 64 คอนโด Low Rise 8 ชั้น มีทั้งหมด 3 อาคาร โครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 ซึ่งเป็นซอยที่มีคอนโด Low Rise ขึ้นมาคึกคักเลยทีเดียว โดยตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ปุณณวิถีประมาณ 370 เมตร ซึ่งโครงการนี้ Mr.Oe เคยพาไปรีวิวเมื่อ 2 ปีที่แล้วตอนเปิดตัว ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จใกล้โอนสู่มือลูกบ้านแล้ว เราจะพาไปดูกันค่ะว่าหน้าตาตึกเสร็จจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ^^
(คลิ๊กอ่านรีวิวของ Mr.Oe ได้ ที่นี่ )
Fact @ 24 March 2015
- Mayfair Place Sukhumvit 64 (เมย์แฟร์ เพลส สุขุมวิท 64)
- PTF Realty Co.,Ltd.
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการอยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 64
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 365 ยูนิต
- ที่จอดรถ รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็นประมาณ 55%
- ที่ดินประมาณ 3-0-51.3 ไร่
- Studio ขนาด 23-26 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 30-42 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท
- 2 Bedroom ขนาด 40-74 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 78,000-99,000 บาท
- เลือกได้ว่าจะซื้อแบบ Fully-Fitted หรือ Fully Furnished
- ข้อมูลเพิ่มเติม www.mayfairplace64.com
- Tel. 02-332-2288, Fax 02-332-3906
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ปุณณวิถี ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ปุณณวิถี
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อุดมสุข ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อุดมสุข
- รีวิว Mayfair Place Sukhumvit 64 ฉบับ Mr.Oe คลิ๊ก
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะคะ
พิกัด : 13.686973, 100.605922
แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่าโครงการ Mayfair Place ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 ห่างจาก BTS ปุณณวิถีเพียง 370 เมตร
จุดเด่นของโครงการ คือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ซึ่งโครงการอยู่ห่างจาก BTS ปุณณวิถี เพียง 370 เมตรเท่านั้น ส่วน BTS ที่ใกล้เคียงห่างออกไปฝั่งละ 2 สถานีได้แก่ BTS อุดมสุข ซึ่งสามารถลงสถานีนี้แล้วไปยัง Central บางนาได้ โดยใช้ทางออก 1 หรือ 3 ลงฝั่งซอยเลขคี่ แล้วต่อรถเมล์สาย 38 , 46,48, 132 และ 139 เพื่อลงเซ็นทรัลบางนาค่ะ ถัดไปเป็น BTS บางนา ซึ่งหากใครต้องการไป BITEC บางนา ก็สามารถไปลงที่สถานีนี้ได้ค่ะ
สำหรับสถานีก่อนจะถึง BTS ปุณณวิถี คือ BTS บางจาก และถัดไปเป็น BTS อ่อนนุช ซึ่งมีทั้ง Big C และ Tesco Lotus ให้สามารถจับจ่ายซื้อของกันได้ โดยสถานี Interchangeใกล้ที่สุดคือสถานี BTS อโศก ซึ่งนั่งจาก BTS ปุณณวิถึไป 7 สถานีก็ถึงค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ : หากมาจากอโศกหรือในเมือง สามารถมาที่โครงการได้โดยวิ่งบนเส้นสุขุมวิท แล้วมายูเทิร์นที่หน้าซอยสุขุมวิท 64/1 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 64 วิ่งมาเรื่อยๆ ก็จะเจอโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ
หากมาจากบางนา ก็วิ่งบนเส้นสุขุมวิท ตรงมาเรื่อยๆก็สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 64 มาที่โครงการได้เลย
หากใครมาจากทางด่วน (ทางพิเศษเฉลิมมหานคร) : สามารถลงทางด่วนได้ 2 จุดค่ะ ลงตรงทางด่วนบางนา และลงตรงทางด่วนสุขุมวิท 62 ซึ่งหากใครลงทางสุขุมวิท 62 จะมีทางเลือกให้ 2 เส้นทางคือ เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 62 แยก 1 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยโรงเรียนพงษ์เวชนุสรณ์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 และเลี้ยวขวาเข้ามาที่ซอยสุขุมวิท 64 อีกที ตรงมาเรื่อยๆก็จะถึงโครงการค่ะ และอีกทางเลือกหนึ่งคือลงทางด่วนแล้ววิ่งบนซอยสุขุมวิท 62 จะเจอสามแยกตรง BTS บางจาก ให้เลี้ยวซ้ายทะลุมาที่ถนนสุขุมวิท แล้วขับมาเรื่อยๆ มายูเทิร์นที่หน้าซอยสุขุมวิท 64/1 แล้ววิ่งตรงมาเลี้ยวซ้ายที่หน้าซอยสุขุมวิท 64 ก็ได้ค่ะ แต่ทางนี้จะรถค่อนข้างติดหน่อย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : สามารถใช้บริการ BTS ปุณณวิถี โดยโครงการจะมีบริการ Shuttle Bus รับ-ส่ง ไปยังสถานี, วินมอเตอร์ไซค์หน้าซอยสุขุมวิท 64 และรถเมล์ที่วิ่งผ่านหน้าซอยสุขุมวิท 64 คือ รถเมล์สาย 545 นนทบุรี-สำโรง, สาย 511 ปากน้ำ-สายใต้ใหม่, สาย 23 อู่เมกา-เทเวศร์
ทำเลของโครงการ จากหน้าซอย 64 เข้ามาจะมีโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore ทำให้แถวนี้มีเด็กรวมทั้งพ่อแม่ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ เดินเข้าซอยมาอีกไม่ไกลก็มีโรงเรียนพิพัฒนา สภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ซะส่วนใหญ่ ในช่วงต้นซอยจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านตัดผม อยู่เยอะเพราะอยู่ใกล้โรงเรียน ช่วงเช้าและช่วงเย็นช่วงต้นซอยจึงคึกคักพอสมควร รวมทั้งมีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยรับคอยส่งคนในซอยด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใกล้โครงการที่สุดก็คงจะเป็น 7eleven ที่อยู่ตรงต้นซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 (ซอยพงษ์เวชนุสรณ์1)ห่างจากโครงการประมาณ 170 เมตร แต่สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างอื่นก็ไม่ค่อยมีมากสักเท่าไหร่ จุดสังเกตอย่างหนึ่งคือใกล้ๆโครงการจะมีวัดเกาหลีนุงอีนซอนวน แสดงว่าย่านนี้ก็เป็นย่านที่มีชาวเกาหลีมาอยู่เยอะพอสมควร
โดยจุดเด่นของซอยนี้คือมีคอนโด Low Rise ขึ้นมาเยอะมาก ตามแผนที่ที่เป็นตัวหนังสือสีส้ม ทั้ง Sari condo ของแสนสิริ, ฝั่งตรงข้ามเป็น The Link VANO ถัดมาเป็นบ้านพักอาศัยและติดกับ The Link condo ซึ่งตัวนี้ขายหมดไปนานแล้ว ถัดมาอีกหน่อยก็เป็น The Room และเดินไปสุดซอยก็เป็น Elio Del Ray ของ Ananda ส่วนคอนโดที่อยู่ใกล้ๆกัน คือเข้าไปทางซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 (ซอยพงษ์เวชนุสรณ์1) คือ Whizdom the Exclusive และ Whizdom ปุณณวิถี ของ Magnolia เรียกได้ว่าเพื่อนบ้านค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ รวมทั้งโรงแรมก็มี คือ Olive Resident
เส้นทางแรกเราจะพาไปดูเริ่มจาก BTS สถานีปุณณวิถี ผ่านหน้าโครงการ แล้วไปสิ้นสุดที่ทางแยกตรงจุดพักรถทางด่วน ปั๊ม ปตท.นะคะ
ทางออก BTS ปุณณวิถีเราจะออกโดยใช้ทางออกที่ 4 เพื่อไปยังซอยสุขุมวิท 64 กันค่ะ
ตรงมายังทางออกที่ 4
ออกจากตัวสถานี เราจะเห็นแยกเลี้ยวขวาไปทางลงบันได และถ้าตรงไปจะมีทางเชื่อมกับสะพานลอยข้างหน้า
มาลองหยุดมองลงไปข้างล่างจะเป็นถนนสุขุมวิท การจราจาร 2 ข้างทางค่อนข้างแตกต่างค่ะ รถที่มาจากบางนาไปทางอโศกขาเข้าเส้นสุขุมวิทค่อนข้างหนาแน่นมาก ในขณะที่รถที่มาจากอโศกเพื่อไปบางนาถนนค่อนข้างโล่ง
เผลอแป๊บเดียวรถขาเข้าสุขุมวิทติดยาวเหยียดเลย เรามองตรงไปข้างหน้าจะเห็นสะพานลอยเพื่อข้ามไปลงที่หน้าโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore ซึ่งอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 64
จากตรงนี้เราลองเดินตรงไปที่สะพานลอยข้างหน้ากันค่ะ
เรามายืนอยู่บนสะพานที่หน้าซอยสุขุมวิท 64 จะเห็นว่าหน้าซอยด้านซ้ายมือเป็นโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore และฝั่งขวาจะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น มองจากตรงนี้ก็สามารถเห็นโครงการ Mayfair Place ได้แล้ว
เราเดินลงสะพานลอยมาลงตรงหน้าโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore
เดินเข้าซอยสุขุมวิท 64 มาจะเจอป้อมพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าปากซอยเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น มีร้านขายยาด้วย
ค่าบริการพี่วินหน้าปากซอยสุขุมวิท 64 ค่ะ ถ้าไปถึงโรงกลั่นบางจาก 10 บาท แสดงว่าค่าบริการจากตรงนี้ไปถึงโครงการก็ประมาณ 10 บาทเท่านั้น
จากการสอบถามคนแถวนี้เค้าบอกว่า มีร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าซอยร้านนึงจัดว่าเด็ด ชื่อ”ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือนายเผือก” อยู่ตรงข้ามโรงเรียนนานาชาติ
เราเลยพามาฝากท้อง เอ้ย พามาแนะนำกันสักหน่อย ^^ เผื่อใครมาใช้ชีวิตที่นี่จะได้หาของอร่อยเจอ บรรยากาศในร้านคนค่อนข้างเยอะค่ะ มีทั้งชาวต่างชาติ รวมทั้งเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติก็มาอุดหนุนกันเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคนเอเชีย
บรรยากาศในร้านค่ะ
เมนู พร้อมราคา
หน้าตาอาหาร เสียค่าอิ่มท้องสุทธิ 43 บาทรวมแคปหมู ^^ก๋วยเตี๋ยว 40 บาท แคปหมู 3 บาท ส่วนน้ำให้ฟรี ราคาเบาๆค่ะ
เข้ามาในซอย ช่วงบ่ายแบบนี้ไม่ค่อยคึกคักมากสักเท่าไหร่ค่ะ ตึกสูงๆส่วนใหญ่จะอยู่กลางๆซอย
เดินมาอีกหน่อยจะเห็นว่า 7eleven ข้างโรงเรียนพิพัฒนาค่อนข้างใหญ่ค่ะ เย็นๆจะมีขนมรถเข็นมาขายอยู่บ้างประปราย ถ้าเลี้ยวขวาไปจะไปซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 หรือที่เค้าเรียกกันว่า ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ 1 ซึ่งซอยนี้จะทะลุไปขึ้นทางด่วนได้ เดี๋ยวเราจะตรงไปกันก่อนนะคะ
เดินไปตามทางจะเจอร้านคอฟแมน กาแฟสด
ถัดมาเป็น Hafele Design Studio
เดินตรงมาเรื่อยๆจะเจอทางแยกไปซอยสุขุมวิท 64 แยก 6 หรือซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ 2 ซอยนี้จะเป็นทางวันเวย์นะคะ ถัดไปเป็นบ้านพักอาศัย 3 ชั้น ที่ติดกันเป็น Sari และ มีสำนักงานให้เช่าที่กำลังก่อสร้างอยุ่ ส่วนเราจะตรงไปข้างหน้ากัน
ตอนนี้เรามาถึงตรงหน้า Sari กันแล้ว มองจากตรงนี้จะเจอโครงการ Mayfair Place ตั้งอยู่ติดกับอาคารสำนักงานที่กำลังก่อสร้าง
เราเดินต่อมาอีกนิด จะเจอวัดเกาหลีนุงอินซอนวน ซึ่งอยู่เยื้องๆกับโครงการเลย
ตัวอาคารสำนักงานที่กำลังก่อสร้างที่อยู่ติดกับโครงการ เป็นอาคารสูงประมาณ 7 ชั้น รั้วติดกับ Mayfair Place เลยค่ะ
มาดูหน้าตาโครงการกันเต็มๆ ตัวตึกสูง 8 ชั้น มุมมองด้านข้างและด้านหน้าจะมีสายไฟพาดผ่านอยู่เยอะหน่อยนะคะ
หน้าโครงการมีป้าย Myfair Place ชัดเจน มีทางเท้าให้เดินกว้างประมาณ 1 เมตร
เราข้ามฝั่งมาเดินด้านโครงการกันบ้าง จากหน้าโครงการมองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็น The Link VANO ตั้งอยู่ตรงข้ามกันเลย มองเข้าไปในซอยจะได้บรรยากาศแบบนี้
เดินเลียบรั้วโครงการมาช่วงตึก C จะอยู่ตรงข้ามกับบ้านพักอาศัย ที่รั้วค่อนข้างสูงค่ะ
เดินมาอีกนิดจะเจอทางเข้าโครงการ The Link
เดินมาอีกหน่อยจะเจอป้ายทางเข้าคอนโด The Room
ฝั่งตรงข้าม The Room เป็นนำวงศ์ แมนชั่น
เดินมาอีกหน่อยจะเจอทางสามแยก มองตรงไปจะเห็นทางแยกไปออกซอยสุขุมวิท 66/1 ได้ ซึ่งทางนั้นจะเห็นโครงการ Elio เด่นชัดมาก เพราะเป็นหมู่ตึก Low Rise ที่ค่อนข้างใหญ่ หากเลี้ยวขวาไปจะเจอแยกที่เป็นทางข้ามคลองซึ่งไปโรงกลั่นน้ำมันบางจากได้
เดินมาบนทางข้ามคลองมองตรงไปจะเห็นป้ายโครงการ ELIO เด่นชัด
ข้ามคลองมาก็เจอ 3 แยกอีกครั้ง ซึ่งถ้าตรงไปจะไปโรงกลั้นน้ำมันบางจาก และเลี้ยวขวาไปจะไปเข้าซอยสุขุมวิท 64 แยก 8 ซึ่งหลังคาสีฟ้าๆที่เราเห็นนั้นคือด้านหลังของปั๊มน้ำมัน ปตท.บนจุดพักทางด่วนค่ะ
จุดที่ 2 เรามาสตาร์ทกันที่ซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 หรือซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ 1 เดินเลี้ยวเข้าซอยศิริวานิช ทะลุไปดูที่ซอยด้านหลังโครงการกันค่ะ
เราจะเลี้ยวซ้ายกันตรง 7eleven ข้างโรงเรียนพิพัฒนา เพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 หรือซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ 1 กัน
เข้าซอยมาจะเห็นว่า 7eleven นี้ค่อนข้างใหญ่ มีที่จอดรถให้ด้วย ข้างในซอยส่วนใหญ่เป็นบ้านคนและอาคารพาณิชย์
ข้างๆ 7eleven มีร้านขายของชำด้วย
เยื้องๆร้านขายของชำจะเป็นทางเข้าโรงเรียนพิพัฒนาอีกทางหนึง
เดินไปอีกหน่อยจะเห็นร้านขายผัดไทย รสเด็ด ที่กลิ่นหอมฟุ้งมากก
เข้าซอยมาบรรยากาศจะเป็นรั้วของบ้านคนซะเป็นส่วนใหญ่
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอแยก เลี้ยวขวาสามารถไปทะลุซอยโรงเรียนพงษ์เวชอนุสรณ์ได้ ส่วนเลี้ยวซ้ายมือไปจะเข้าซอยสุขุมวิท 64 แยก 6 หรือซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ 2 ที่สามารถทะลุซอยสุขุมวิท 64 ได้ แต่เราจะตรงไปกันนะคะ
สองข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์
เดินมาอีกนิดจะเจอทางแยกซ้าย จะสามารถไปทะลุซอยศิริวานิช ที่เป็นซอยติดด้านหลังโครงการ เราจะเลี้ยวซ้ายไปทางนั้นกันค่ะ
เข้าซอยมานิดเดียวก็เจอทางออก และเห็นตึกของโครงการอยู่ตรงนี้เลย เดี๋ยวเราจะเลี้ยวขวาไปดูกันค่ะ
บรรยากาศด้านหลังโครงการเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในยูนิตด้านหลังนี้ก็จะเห็นวิวบ้านพักอาศัย และไม่ต้องกลัวจะโดนบังวิวจากตึกสูง ถนนด้านหลังโครงการกว้างประมาณ 6 เมตร
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- รถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี ~370 เมตร
- BITEC บางนา ~3.8 กิโลเมตร
- Gateway เอกมัย ~ 6.2 กิโลเมตร
- Central บางนา ~ 6.7 กิโลเมตร
- Terminal 21 ~ 10 กิโลเมตร
- MEGA บางนา ~ 11.5 กิโลเมตร
บริบทโดยรอบอาคารทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะติดกับซอยศิริวานิช และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ซึ่งคนที่อยู่ในด้านนี้จะเห็นวิวบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งไม่มีตึกสูงบังวิวค่ะ อาคารทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับบ้านพักอาศัยและถัดไปจะเป็นคอนโด The Link 8 ชั้น ซึ่งจะเห็นตึกของ The Link แต่ในระยะที่ไม่กระชั้นชิดค่ะ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับซอยสุขุมวิท 64 หรือซอยพงษ์เวชนุสรณ์ ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็น The Link VANO ที่เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น เหมือนกัน คนที่อยู่ยูนิตด้านนี้ก็จะเห็นตึกของ The Link VANO ในระยะที่ไม่ประชิดมากเช่นกันค่ะ แต่ก็จะบังวิวเต็มๆเลย ส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดกับอาคารสำนักงาน 7 ชั้นที่กำลังสร้างอยู่ ในระยะประชิดเลยทีเดียว คนที่อยุ่ทางด้านนี้จึงค่อนข้างจะเสียความเป็นส่วนตัวในแง่ของมุมมองมากหน่อยนะคะ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
Master Plan ของ Mayfair Place จะแบ่งเป็น 3 ตึก คือตึก A, B และ ตึก C โดยมีบ่อปลา สวน และเครื่องเล่นเด็กอยู่ตรงกลาง ซึ่งพื้นที่นี้เป็นทั้งวิวตรงกลางและเป็นส่วนใช้งานที่ทุกคนมาใช้ร่วมกัน ซึ่งหากเรานั่งอยู่ที่ Lobby ใหญ่ที่อยู่ตึก A ก็สามารถมองเห็นวิวสวนนี้ได้ ซึ่ง Lobby จะมีเคาน์เตอร์ต้อนรับด้านหน้า ส่วนเคาน์เตอร์ด้านในอนาคตจะเป็นร้านกาแฟ ให้สามารถสั่งมานั่งดื่มชิวๆที่ Lobby ได้ ส่วน Facilities หลักอื่นๆ คือ สระว่ายน้ำ, Fitness, ห้องสมุด, ห้อง Steam จะอยู่ที่ตึก B ชั้น 3 ทั้งหมด
ทางเข้าหลักจะมีทางเดียวคือจากซอยสุขุมวิท 64 เข้าทางตึก A และเข้ามาจอดรถได้ทั้งตึก A และ B ส่วนตึก C จะเป็นยูนิตห้องพักอาศัยอย่างเดียวไม่มีที่จอดรถค่ะ คราวนี้เราไปดูหน้าตาอาคารจริงกันเล้ยย ^^
เข้ามาถึงโครงการจะเจอป้ายโครงการ Mayfair Place ด้านหน้า โดยทางเข้าจะติดกับถนนสุขุมวิท 64 เลย ซึ่งแบ่งเป็นประตูใหญ่สำหรับรถยนต์เข้า และซุ้มประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้า โดยมีป้อมยามดูแลอยู่ข้างหน้า
หน้าตาอาคารจะเป็นแบบนี้นะคะ ตัวอาคารก่ออิฐฉาบปูนทาสีขาวและสีเทา ตรงส่วนที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์มีการติดตั้งระแนงสีขาว เพื่อให้หน้าตาอาคารดูเรียบร้อย บานประตูและหน้าต่างใช้อลูมิเนียมอบขาว กระจกใสเขียวตัดแสง
เข้ามาในโครงการกัน ที่ติดกับรั้วอาคารจะมีศาลพระภูมิตั้งอยู่ ถัดมาก็เป็นทางเข้า Lobby ของโครงการ ซึ่งตอนนี้เป็น Sale Gallery อยู่ด้วยค่ะ
ส่วนทางเข้าที่จอดรถจะมีไม้กระดก 2 อัน ตรงรถฝั่งขาเข้าและขาออก
ถ้าจะเข้าก็มาสแกนคีย์การ์ดตรงนี้แล้วเข้าได้เลยนะคะ
เข้ามาจะเห็นทางเดินรถกว้างประมาณ 6 เมตร ฝ้าเพดานมีการปิดด้วยไม้ระแนง ดูเรียบร้อยดีค่ะ
รถ Shuttle Bus ของโครงการ คล้ายๆสามล้อสไตล์คลาสสิค 6 ที่นั่งค่ะ
เดินเลี้ยวเข้ามาจนสุดทางตึก B ที่จอดรถกว้างโล่งดี
ตรงส่วนของ Lamp ทางขึ้น-ลงของรถ ฝ้าเพดานค่อนข้างจะต่ำนิดนึง ถ้าเป็นรถกระบะที่หลังคาสูงๆนี่คงต้องลุ้นหลังคาขูดกันบ้างค่ะ ในส่วนของช่องเปิดด้านข้างจะมีการตีระแนงกั้นให้ด้วย
กลับมาที่หน้าโครงการ ส่วนทางเข้า Lobby จะเห็นป้าย Mayfair Place ชัดเจน ผนังเป็นกระจกเต็มบาน พื้นทางเข้ายกระดับขึ้นมาเป็นบันไดกว้างๆ 2 ขั้น และมีทางลาดเผื่อคนพิการหรือคนนั่งรถเข็นให้ด้วย หรือเวลาลากกระเป๋าเดินทางง่ายขึ้น
เข้ามาจะเจอ Lobby ส่วนแรก ซึ่งตรงนี้จะมีเจ้าหน้าประจำอยู่ค่ะ
เดินเข้ามาจะเจอ Lobby ส่วนที่ 2 ซึ่งในตอนนี้เป็นสำนักงานขายของโครงการอยู่ แต่เมื่อโครงการเริ่มโอนและมีลูกบ้านเข้ามาอยู่แล้ว ที่ตรงนี้จะกลายเป็นเคาน์เตอร์ร้านกาแฟ ซึ่งโถงนี้จะเป็นส่วนที่นั่งเล่นจิบกาแฟ หรือทานของว่างชิวๆได้ค่ะ ซึ่ง Lobby ออกแบบมาให้พื้นที่เยอะเป็น Double Space ได้บรรยากาศคล้ายๆ Lobby โรงแรมเลยค่ะ
ตัว Lobby ค่อนข้างโอโถง ใช้ผนังเป็นกระจกสูงเต็มบานจนถึงฝ้าเพดาน มองวิวออกไปได้รอบ และตกแต่งด้วยผ้าม่านให้ดูหรูหรา มีที่นั่งพักคอยไว้รองรับคนเยอะดีค่ะ ถือว่าคิดมาดีสำหรับ 365 ยูนิต มีทั้งเป็นที่นั่งโซฟาใหญ่ 4 ที่นั่ง
และมีแบบที่เป็นโต๊ะ+เก้าอี้ 3 ที่นั่ง จึงสามารถให้เพื่อนมานั่งรอเรา หรือเราจะมานั่งเล่นกับเพื่อน ถ้าเบื่อห้องจะมานั่งเขียนหนังสือจิบกาแฟชิวๆก็ยังได้ ซึ่งมุมมองจากตรงนี้จะเห็นวิวสวนตรงกลางด้วย ส่วนประตูกระจกที่เห็นทางด้านซ้ายมือ สามารถเปิดออกไปยังสวน และตึก C ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีทีวีให้ดูด้วย 1 เครื่อง
จากเคาน์เตอร์ที่เป็นสำนักงานขายในปัจจุบัน และจะเป็นร้านกาแฟในอนาคต เดินตรงไปทางนี้จะมีประตูซึ่งทะลุออกไปยังสวนได้
มุมมองกลับไปยังหน้าโครงการ ฝ้าเพดานสูงทำให้รู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย ดี
ออกมาจาก Lobby จะเห็นสะพานข้ามบ่อน้ำไปสู่ตึก C มีการปลูกต้นไม้รอบบ่อน้ำ ประตูทางเข้าเป็นประตูไม้ ส่วนของสะพานข้ามบ่อมีการก่อหินกั้นแทนราวกันตก สร้างความเป็นธรรมชาติให้ส่วนนี้มากขึ้นเยอะเลยทีเดียว
จะเห็นว่าห้องริมสุดที่น่าจะเสียความเป็นส่วนตัว กลับได้วิวบ่อน้ำหน้าห้องมาแทน ถือว่าตรงนี้โครงการมีการแก้ปัญหาที่ดีค่ะ
จากช่องว่างระหว่าง Lobby กับตึก C ระยะจะอยู่ที่ประมาณ 10 เมตรค่ะ ตรงนี้จะมีการปูพื้นหญ้าและจัดสวน มีที่นั่งเล่นริมน้ำให้ด้วย มองออกไปจะเป็นตึกของ The Link VANO
มองไปอีกด้าน จะเห็นห้องชั้น 1 ของตึก C ที่อยู่ติดกับสวนเลย แน่นอนว่าห้องนี้เสียความเป็นส่วนตัวแน่ๆค่ะ ทั้งในแง่ของมุมมอง เสียงรบกวน และความเป็นส่วนตัว โครงการจึงสร้างบ่อน้ำเล็กๆและปลูกต้นไม้บังตาไว้ให้ข้างหน้าเป็นทิวแถว เพื่อกั้นความเป็นส่วนตัวให้อีกเหมือนกัน
เดินมายืนที่สะพานข้ามบ่อน้ำ มองไปจะเห็น Lobby แบบนี้ค่ะ
ส่วนนี้มองกลับไปที่ตึก B และตึก A จะเห็นพื้นที่ของ คอร์ทตรงกลางทั้งหมด ซึ่งริมทางจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้สนาม ไว้ให้เผื่อนั่งเล่นดูสวนเวลาแดดร่มลมตก เดี๋ยวเราจะเดินกลับไปตามทางเดินข้าง Lobby กันค่ะ
มุมสวนเต็มๆ พอมายืนตรงกลางจะเป็นสนามหญ้ากว้างๆ เราจะรู้สึกว่าถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้และตึก ต้นไม้ในโครงการเพิ่งลงดินได้ไม่นาน อนาคตน่าจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงามากขึ้นกว่านี้ค่ะ
จากตรงนี้จะเห็นว่า ถ้าเราเลี้ยวซ้ายไปจะมีทางเดินมุ่งไปยังที่จอดรถ ซึ่งคนที่พักอาศัยอยู่ที่ตึก C จะไม่มีที่จอดรถเป็นของตัวเอง ดังนั้นทางเชื่อมทางนี้จะเป็นทางหลักที่จะใช้เดินไป-กลับ ที่จอดรถของคนตึก C ได้ค่ะ
ส่วนถ้าเราเดินเลี้ยวขวาไปจะเป็นประตูซึ่งจะพาไปสู่ Lobby
ลองเลี้ยวซ้ายมาดูตรงทางเดินใต้ตึก A ซึ่งมีที่นั่งพักและมีทางเดินริมสวนด้วย สุดทางเราจะเห็นว่ามีเครื่องเล่นเด็กและกำแพงน้ำตกแนวตั้ง
หากใครมีน้องๆหนูๆ โครงการจัดเครื่องเล่นเด็กมาให้เล่น 1 ตัวค่ะ พื้นเครื่องเล่นที่เป็นสีเขียวสลับแดงนั้นเป็นบล็อกยางปูพื้นสนามเด็กเล่น ขนาด 50 x 50 ซม. ผิวสัมผัสพื้นจะนิ่ม ช่วยลดแรงกระแทกหากเด็กล้มหรือกลิ้งลงมาได้ค่ะ
มองจากเครื่องเล่นเด็กไปจะเห็นกำแพงน้ำตกแนวตั้ง ซึ่งน้ำที่ไหลมานั้นเป็นน้ำจากสระว่ายน้ำด้านบนที่ใช้ระบบ Overflow เป็นการหมุนเวียนน้ำไปเรื่อยๆค่ะ ข้างหน้ามีลานอนกประสงค์มาเดินเล่น หรือนั่งเล่นได้ แต่คิดว่าจุดประสงค์หลักของน้ำตกตรงนี้น่าจะเป็นการสร้างมุมมองสวนสวยๆให้โครงการมากกว่า
จากเครื่องเล่นเด็กมองกลับไปที่ประตู Lobby เดี๋ยวเราจะพาไปดู Facilities ด้านบนกันต่อค่ะ
มาดูที่ตึก A กันก่อน ส่วนของชั้น 2 มีห้องอยู่ 15 ห้อง จากจำนวนห้องของตึก A ทั้งหมด 129 ห้อง ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 65 : 1 เพียงพอสบายๆตึกนี้ไม่มีห้อง Studio นะคะ ส่วนหนึ่งของชั้นนี้ที่เป็นห้องโค้งๆโล่งๆเป็นส่วน Double space ของโถง Lobby
มุมมองของห้องทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้จะได้วิวสวนและสระน้ำของโครงการ ส่วนถ้ามองตรงไปก็จะเห็นห้องพักของตึก C ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเจอตึกอาคารสำนักงาน 7 ชั้นในระยะประชิด ซึ่งชั้น 2 อย่างไรก็จ๊ะเอ๋ค่ะ ห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับตึก B ตรงส่วนลาดจอดรถ อาจจะได้ยินเสียงรถวิ่งบ้างแต่ไม่ได้ถือว่ารบกวนอะไร ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งติดกับซอยสุขุมวิท 64 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ The Link VANO ที่บังวิวเราอยู่เต็มๆ และอาจจะได้ยินเสียงรถวิ่งกวนใจบ้างค่ะ
ส่วนผังชั้น 3-8 ของตึก A แต่ละชั้นมีห้องอยู่ 19 ห้อง จากจำนวนห้องของตึก A ทั้งหมด 129 ห้อง โดยห้องทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชั้น 3 จะได้วิวสวน และสระน้ำของโครงการ แต่ในชั้น 4-8 ไปจะเห็นทั้งสระว่ายน้ำและสวนด้านล่างซึ่งเป็นวิวเต็มๆของทัศนียภาพด้านล่าง กับเห็นห้องฝั่งตรงข้ามเป็นตึก C ส่วนของลิฟต์จะอยู่ตรงกลางตึก จึงทำให้ห้องที่อยู่ปลายสุดของตึกแต่ละด้านจะเดินไม่ไกล ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเจอตึกอาคารสำนักงาน 7 ชั้นในระยะประชิดเช่นกัน แต่คนในชั้น 8 ก็จะสบายหน่อยเพราะเริ่มพ้นจากระยะบังของอาคารสำนักงานแล้ว ห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับตึก B อาจจะมีจ๊ะเอ๋กับห้องตึก B บ้างค่ะ ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งติดกับซอยสุขุมวิท 64 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ The Link VANO อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวบ้างแต่ไม่มากค่ะ
มาดูอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารที่มี Facilities หลักทั้งหมดของโครงการ โดยมีที่จอดรถอยู่ที่ชั้น 1-2 และส่วนที่เป็น Facilities อยู่ที่ชั้น 3 คือชั้นนี้ ซึ่งประกอบด้วย สระว่ายน้ำ, Fitness, ห้องน้ำรวมมี Steam และห้องสมุด ส่วนลิฟท์โดยสารสำหรับลูกบ้านตึก B มี 2 ตัว ต่อ 140 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์ 70 : 1 ตัว ยังถือว่าสบายๆค่ะ ชั้นนี้มีทั้งหมดห้องพัก 20 ยูนิต
โดยห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตึกจะเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำ แต่ห้องชั้น 3-4 จะติดกับส่วนของสระว่ายน้ำเลย ซึ่งจะเสียความเป็นส่วนตัวโครงการจึงแก้ปัญหาให้โดยกั้นส่วนด้วยการปลูกต้นไม้ไว้ให้ แต่ก็อาจจะมีเรื่องของเสียงอยู่บ้างแต่ไม่มากค่ะ ส่วนห้องทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น แค่ก็จะมีตึกของ The Link อีกโครงการหนึ่งที่อยู่ถัดจากบ้านพักอาศัยไปบังวิวอยู่ ห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเจอตึกอาคารสำนักงาน 7 ชั้นในระยะประชิด ส่วนห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือยังมองออกไปได้โล่งๆค่ะเพราะข้างล่างเป็นติดซอยศิริวานิช และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น มีอพาร์ทเม้นท์อยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับบังวิว
ออกจากโถงลิฟต์มาเราจะเจอห้อง Fitness และ ออกประตูไปทางซ้ายมือจะเป็นสวนของสระว่ายน้ำค่ะ
เรามาดูสระว่ายน้ำกันก่อนนะคะ ออกจากประตูอาคารจะเจอวิวนี้ก่อนเลย ข้างหน้าเป็นช่องว่างระหว่างตึก B และตึก A ระยะห่างประมาณ 6.5 เมตร
ซึ่งจากตรงนี้เราจะเห็นว่าห้องที่ติดกับส่วนสระว่ายน้ำจะเสียความเป็นส่วนตัวมากๆ ในช่วงเวลาที่มีคนมาเล่นน้ำ โครงการจึงแก้ปัญหาด้วยการปลูกไม้พุ่มไว้ให้ค่อนข้างสูงเกินราวระเบียงเลยทีเดียว เพื่อกั้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้พักอาศัยในห้องนี้ ตรงส่วนหน้าห้องของตึก A ก็มีการปลูกไม้พุ่มสูงเพื่อบังสายตาให้เช่นกัน
ระหว่างรอยต่อของพื้นมีร่องระบายน้ำไว้ให้ค่ะ
มองออกไปยังสระว่ายน้ำข้างหน้าเราจะรู้สึกถูกโอบล้อมด้วยตึก สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 8.5 x 25 เมตร ถูกแบ่งเป็นสระเด็ก สระผู้ใหญ่ อ่างจากุซซี่ และมีส่วนของสระว่ายน้ำสำหรับวาง Day Bed ให้อารมณ์เหมือนอยู่รีสอร์ทค่ะ
ภาพตัวอย่างในอนาคต จะมีการนำ Day bed มาวางไว้บนน้ำตามภาพค่ะ และ Day Bed อีกส่วนก็จะถูกวางอยู่บน Pool Deck
ระดับความลึกของน้ำ สระเด็กจะลึกประมาณ 0.50 เมตร ส่วนที่วาง Day Bed ลึกประมาณ 0.20 เมตร. และส่วนของสระผู้ใหญ่ลึกประมาณ 1.2 เมตร มีจากุซซี่และส่วนที่ล้างตัวให้ด้วย
ส่วนของจากุซซี่จะเป็นที่นั่งพิง และมีระบบอ่างน้ำวน ไว้สำหรับใครที่อยากนวดตัวด้วยน้ำ
ที่ล้างตัว พื้นที่ขนาด 1 x 1 เมตร พื้นเป็นกรวดล้างสีดำ ป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นค่ะ ตามภาพชุดฝักบัวยังห่อพลาสติกไว้เพราะตอนนี้ส่วนกลางยังไม่เปิดใช้นะคะ
ข้างๆส่วนล้างตัวจะเป็นราวระเบียงสแตนเลส มองลงไปข้างล่างเป็นพื้นหญ้าเทียม ที่เห็นระแนงสีน้ำตาลนั้นคือระแนงของที่จอดรถ เป็นการกั้นสายตาจากที่จอดรถได้ส่วนหนึ่งค่ะ
หันกลับไปจ๊ะเอ๋ห้องที่ติดกับส่วนสระว่ายน้ำจะเห็นว่านอกจากห้องที่อยู่ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำแล้ว ห้องชั้นบนก็ค่อนข้างจะเสียความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน เพราะถ้าเรามองมุมเสยขึ้นไปนี้เห็นทั้งห้องเลยทีเดียว คนในยูนิตแถวนี้คงต้องหาผ้าม่านทึบๆมาติดไว้ด้วยค่ะ
และนอกจากนี้ ถ้ามีคนมาอยู่จริงๆก็จะต้องมีการตากผ้า ตากอะไรไว้ที่ระเบียงด้วยทัศนียภาพก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ส่วนระยะห่างระหว่างสระว่ายน้ำกับตึก A ห่างกันพอสมควรค่ะ พื้นด้านล่างเป็นหญ้าเทียมเช่นกัน
Day Bed ที่วางอยู่ริมสระว่ายน้ำมีให้ 5 ตัว พร้อมร่มอีก 2 ตัวค่ะ
ต่อไปเราพาเปิดประตูเข้ามาดูในห้อง Fitness กันบ้าง
อุปกรณ์การเล่นมีที่นั่ง Sit-up และมีดัมเบลให้เลือกหลายขนาด
มุมหนึ่งของห้องมีประจกเต็มฝาผนังให้ส่องดูความ Fit and Ferm ระหว่างออกกำลังกายได้ เครื่องเล่นมีให้ประมาณ 9 เครื่อง
มุมมองด้านหน้าเป็นห้องผนังกระจกใสเขียวตัดแสงเต็มผืน วิ่งออกกำลังกายมองวิวไกลๆ แต่อยู่ใกล้ๆน้ำ
เวลาวิ่งก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำโอบล้อมประมาณนี้ค่ะ
อีกมุมหนึ่งของห้องมีเครื่องเล่นสำหรับนักกล้ามและนักวิ่ง เป็นกระจกใสเต็มผืนมองวิวได้เต็มๆเช่นกัน
ถัดไปเป็นส่วนของห้องสมุด ตอนนี้ยังมีโต๊ะประชุมแค่ 1 ตัวนะคะ แต่เดี๋ยวโครงการจะนำมาวางเพิ่มให้อีกค่ะ
Built-in ชั้นหนังสือให้เต็มผนัง เดี๋ยวทางโครงการจะนำหนังสือมาวางให้ด้วยค่ะ
ในห้องนี้ติดแอร์ให้ และมีเต้ารับไว้ให้เสียบไฟตรงตู้หนังสือ 1 จุด ตรงมุมห้อง 1 จุด
แล้วหลังโต๊ะประชุมอีก 1 จุด เผื่อใครต้องเสียบคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานก็อำนวยความสะดวกให้ค่ะ
จากห้องนี้มองไปจะเห็นสระว่ายน้ำ และชานระเบียงที่มีโซฟากลางแจ้งไว้ให้นั่งเล่น
มุมนั่งเล่นนอกระเบียงค่ะ เดี๋ยวโครงการจะนำชุดนั่งเล่นมาวางให้เพิ่มอีกนะคะ
ถ้านั่งอยู่ที่ระเบียงมองออกไปเราก็จะเจอวิวนี้ แล้วหลังพุ่มไม้ที่อยู่หลังโซฟานั้นเป็นอะไรน้า?
พอเดินออกไปมอง จะเห็นสระว่ายน้ำที่ยาวต่อเนื่องมาจนถึงตรงนี้ค่ะ ซึ่งเป็นส่วนของสระผู้ใหญ่ทั้งหมดว่ายกันมายาวๆเลย ราวระเบียงสระว่ายน้ำใช้เป็นกระจกใส ทำให้มองออกไปเห็นพื้นหญ้าสีเขียวๆด้านล่างด้วย ไม่ทึบดี
ต่อไปมาดูที่ห้องน้ำส่วนกลางกันบ้าง เริ่มกันที่ห้องน้ำหญิงนะคะ พื้นเป็นกระเบื่องสีครีมขนาด 60 x 60 ซม.
มีตู้ล็อกเกอร์ให้เป็นบานเปิด – ปิด ลักษณะแบบนี้ค่ะ
มีห้อง Steam ให้ 1 ห้อง
ถัดไปเป็นอ่างล้างมือ และส่วนของห้องน้ำ
อ่างล้างมือเป็นลายหินอ่อน สีดำ มีกระจกให้เต็มบาน
ก็อกน้ำจับพอดีมือ ของ Cotto
อ่างล้างมือขนาดกลางๆไม่ใหญ่มาก
ห้องน้ำมีให้ 3 ห้อง บานประตูเป็นลามิเนตลายไม้
ลูกบิดประตู
มีห้องสำหรับอาบน้ำ – ล้างตัว ให้ 1 ห้อง
ส่วนห้องสุขา มีให้ 2 ห้อง สุขภัณฑ์เป็นของ Cotto ทั้งหมดค่ะ
มองออกไปข้างหน้าห้องน้ำค่ะ
ต่อไปเรามาเข้าห้องน้ำชายกันบ้าง (ว้ายเขิลจัง ><)
เข้ามาจะเจอท็อปเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นหินอ่อน ให้กระจกเต็มบาน ตัวก็อกและอ่างล้างหน้า เหมือนห้องน้ำหญิงค่ะ
โถปัสสาวะชายมีให้ 2 ตัว
ถัดไปเป็นส่วนของล็อกเกอร์และห้องน้ำ โดยห้องน้ำชายจะมีห้องอาบน้ำให้ 1 ห้อง และห้องส้วม 1 ห้อง
มีห้อง Steam ให้ 1 ห้อง
มุมมองไปที่หน้าห้องน้ำค่ะ มีไฟให้ทั้งหมด 3 ดวงนะคะ
โถงทางเดินในอาคารไปสู่ห้องต่างๆ กว้าง 1.20 เมตร ใช้โทนสีขาว-ดำ เป็นลักษณะนี้คะ
มาถึงตึก B ในชั้น 4-8 จะคล้ายกับชั้น 3 แต่เพิ่มห้องมาอีก 4 ห้อง ชั้นนี้จึงมีห้องพักทั้งหมด 24 ห้อง โดยห้องที่เพิ่มมา คือ ห้อง B423 – B424 ที่มาอยู่ทดแทนห้อง Fitness ซึ่งอยู่ในด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มองลงมาได้วิวสระว่ายน้ำ แต่ถ้ามองออกมาตรงๆจะจ๊ะเอ๋กับเพื่อนบ้านกันเองก็ค่อนข้างเสียความเป็นส่วนตัว และอีก 2 ห้องคือห้อง B401 และ B402 โดยทั้งสองห้องจะอยู่ทางทิศตะวันตกตกเฉียงใต้ ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้นวิวจึงค่อนข้างเปิดโล่ง มีแค่ตึกของ The Link ที่มองเห็นอยู่ในระยะห่างๆ
มาถึงตึก C โดยผังชั้น 1-8 จะเหมือนกันทั้งหมด แต่ละชั้นมี 12 ห้อง และรวมทั้งตึกมี 96 ห้อง ตึกนี้เป็นตึกเดียวที่ไม่มีที่จอดรถ ก็ต้องอาศัยจอดที่ตึกอื่นแล้วเดินมา มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 48 : 1 สบายๆไม่หนาแน่นมากค่ะ
ห้องด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโครงการ จะได้วิวบ่อปลา โดยเฉพาะชั้น 1 ที่ติดสวนเต็มๆจะเสียเรื่องความเป็นส่วนตัว โครงการจึงจัดบ่อปลาและปลูกต้นไม้มาคั่นให้ระหว่างห้องกับสวนเลย เพื่อความเป็น Privacy ส่วนห้องชั้นอื่นๆที่มองลงมาก็จะได้ทั้งวิวบ่อปลาและสวน ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นถนนและเจอ The Link VANO มาจ้องตากันเต็มๆ ห้องทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับบ้าน 2 ชั้น ดังนั้นห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจึงได้มุมมองโล่งๆ และเห็นตึกของ The Link อยู่ห่างๆ ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะติดกับตึก B ซึ่งในชั้น 1 และชั้น 2 จะมีทางเชื่อมจากที่จอดรถเดินมาได้ ส่วนชั้น 3-8 ก็โดนตึก B บังวิวไปตามระเบียบค่ะ
เราลองมาดูว่ามุมมองรอบๆโครงการจากดาดฟ้าตึกกันบ้างว่าจะเป็นอย่างไรนะคะ
มาเริ่มที่ตึก B กันก่อนเลย เราจะไล่ดูตั้งแต่สัญลักษณ์จุด A มองออกไปยังหน้าโครงการ ตามด้วยมุมมองจุดB, C, D… ไปเรื่อยๆจนสิ้นสุดที่จุด F นะคะ
จุด A มองออกไปยังหน้าโครงการทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะเห็นห้องของตึก A เต็มๆค่ะ ช่องว่างระหว่างอาคารที่เห็นนั้นเป็นช่องระหว่างตึก A กับตึก C ระยะห่างประมาณ 10 เมตร มองไปจะเห็นตึกของ The Link VANO ข้างล่างจะเป็นวิวสวนและสระว่ายน้ำ
จุด B มองออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นคอนโด Sari ของแสนสิริ ซึ่งอนาคต มุมนี้ก็จะถูกแทนที่ตึกสำนักงานให้เช่า 7 ชั้น ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
จุด C มองไปทางทิศเหนือ จะเห็นด้านหลังของคอนโด Sari ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอพาร์ทเม้นท์ค่อนข้างหนาแน่น
จุด D ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตรงนี้เป็นส่วนของด้านหลังโครงการ ซึ่งติดกับซอยศิริวานิช มองออกไปด้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์ค่ะ
จุด E ด้านทิศตะวันตก ตรงนี้ก็เป็นโซนที่พักอาศัยเช่นกัน
จุด F มองออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นด้านหลังคอนโด The Link และ The Room ซึ่งด้านนี้จะมีตึกสูงให้เห็นมากขึ้น อาคารสูงที่เห็นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเกาะเส้นซอยสุขุมวิท 64 มองไปไกลๆเป็นถนนลอยฟ้านั้นคือทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานครค่ะ
ส่วนตึก A เราจะไล่ดูตั้งแต่สัญลักษณ์จุด A มองออกไปยังหน้าโครงการ ตามด้วยมุมมองจุด B, C และ D ค่ะ ซึ่งมุมมองทางทิศตะวันออกจะเหมือนจุด B เราจึงไม่ได้นำมาให้ดูนะคะ
จุด A มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะติดกับถนนสุขุมวิท 64 ซึ่งมองออกไปจะเห็นตึกของคอนโด The Link VANO เต็มๆ ซึ่งคนที่อยู่ชั้น 8 ก็จะพอได้เห็นสวนดาดฟ้าของ The Link VANO ค่ะ
จุด C มองออกไปทางทิศตะวันตก จะเห็นตึก B ของโครงการและตัวตึก A เองด้วยเพราะตึกนี้เป็นรูปตัว L ซึ่งถ้ามองลงไปจะเห็นสวนและสระว่ายน้ำ
จุด E ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือมองตรงไปก็จะเห็นตึก B และ C ส่วนถ้ามองลงไปข้างล่างก็จะเห็นสวนและสระว่ายน้ำเต็มๆแบบนี้ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 8.5 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.50 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย บรรจุเครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง
- ห้องน้ำชาย-หญิง และห้อง Steam
- สวนหย่อมรอบโครงการ และสนามเด็กเล่น
- ห้องสมุดและห้องอเนกประสงค์
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร
- ที่จอดรถแบบซ้อนคัน 55%
- Shuttle Bus บริการส่งถึง BTS
- ระบบ CCTV / Access Card
มาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom เราจะพาไปดูห้อง Type B-B7 พื้นที่ใช้สอย 32.29 – 35.50 ตร.ม. ขนาด 6.40 x 5.20 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร โดยผู้ซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบ Fully Fitted หรือ Fully Furnished
โดยถ้าซื้อแบบ Fully Fitted จะประกอบด้วย วอลเปเปอร์, บัวพื้น, ชุดครัว Built-in, ซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้าและที่ดูดควัน,ฉากกั้นกระจก, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า, ฉากกั้นอาบน้ำ ,ชุดฝักบัวอาบน้ำ และแอร์ ส่วน Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ทั้ง Built-in และลอยตัวแบบเทียบเท่าห้องตัวอย่าง โดยสามารถคุยเงื่อนไขกับทางโครงการได้ค่ะ
ตามแปลนมาตรฐานของโครงการ เข้าไปปุ๊บจะเจอส่วนของ Living Area ก่อนเลย โดยเปิดประตูไปจะเป็นพื้นที่ระหว่างชั้นวางทีวีและโซฟา ซึ่งจะเชื่อมต่อกับห้องครัวที่ทำช่องไว้เผื่อให้เป็นครัวแบบแบบปิดเพราะของจริงไม่มีประตูบานเลื่อนให้ เราต้องไปซื้อมาติดเอง โดยถ้าเราทำให้เป็นครัวปิดจะมีข้อดีคือสามารถทำอาหารหนักๆได้สบาย กลิ่นไม่รบกวนข้างในห้อง ซึ่งห้องนี้มีการจัดพื้นที่สำหรับชุดครัวและโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง และส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง โดยห้องนี้จะมีห้องน้ำอยู่ติดกับห้อง Living room แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และห้องนอนจะมีการเผื่อพื้นที่ไว้ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เป็นสัดส่วนดีค่ะ
ในส่วนของห้องจริงที่เราจะพาไปดู จะมีการปรับเปลี่ยนแบบจากห้องส่วนมาตรฐานเล็กน้อย จึงจำลองภาพแปลนส่วนนี้มาให้ดูเพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนนะคะ โดยประตูทางเข้า จะเปลี่ยนไปอยู่ระหว่างห้องครัวกับ Living room ทำให้ห้องดูเป็นแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ เดี๋ยวเราลองไปดูห้องกันเลยดีกว่าค่าา
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของห้องแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
ประตูห้อง ใช้บานประตูเหล็กขนาด 0.90 x 2.00 เมตร มือจับประตูแบบก้านโยก และมีตาแมวให้ตามมาตรฐานค่ะ
พื้นห้องยกธรณีประตูขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนที่ยกระดับใช้วัสดุเป็นเหล็กเช่นกัน ส่วนพื้นห้องรับแขกเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 12 มม.
เปิดประตูเข้าห้องมา จะเจอผนังที่ติดต้นไม้สีทองนั้น ซึ่งตรงนี้เราสามารถตกแต่ง decoration ได้ตามใจชอบ ด้านซ้ายมือจะเป็น Living room และขวามือเป็นห้องครัว
โดย Living room จะติดกับห้องน้ำค่ะ แขกไปใครมาก็เข้าห้องน้ำตรงนี้ได้เลย
ห้อง Living room ขนาด 2.60 x 3.30 เมตร โครงการ จัดโซฟารูปตัว L มาให้ขนาดความกว้างของเบาะประมาณ 80 ซม.และ โต๊ะวางทีวีเป็นแบบ Built-in ระยะดูทีวีประมาณ 1.35 เมตร
หันมองกลับไปที่ประตูจะเห็นว่าเปิดมาเราจะเจอห้องรับแขกเป็นส่วนแรก ตรงนี้เราจะสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์เองอย่างไรก็ได้ หรือถ้าจะซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้ตู้วางทีวีแบบนี้ค่ะ
อีกด้านหนึ่งเป็นส่วนครัวเปิด ที่แยกส่วนของห้องด้วยฉากกั้นกระจก ซึ่งตรงนี้โครงการมีมาให้
ลองเปิดประตูให้ดู ถ้าซูมเข้ามาใกล้ๆจะเห็นว่า ลูกบิดประตูจะชนกับฉากกั้นกระจกนี้พอดี เพราะประตูไม่มีตัวกันกระแทก ดังนั้นเวลาเปิด-ปิดประตูห้องต้องระวังนิดนึงนะคะ
ชั้นวางทีวี Built-in ที่โครงการติดมาให้ เป็นชั้นบานเลื่อนลามิเนตลายไม้ เลื่อนได้จนชิดผนัง
บนชั้นวางทีวีมีที่เสียบสายเคเบิล เต้ารับ และสวิตซ์ไฟ
ซึ่งพอเปิดสวิตซ์ไฟปุ๊บ ไฟที่ห้องรับแขกซึ่งเป็นไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวงก็จะติดขึ้นมา แต่โคมไฟและไฟซ่อนผนังสีส้มๆไม่ได้มีให้นะคะ
มองไปอีกฝั่งจะเป็นส่วนครัวขนาด 2.20 x 2.60 เมตร ที่อยู่ติดกับห้องนอน และเชื่อมต่อกับระเบียง โดยจัดพื้นที่เป็นชุดครัว Built-in และโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ระยะห่างระหว่างชุดครัวกับโต๊ะรับประทานอาหารคือ 1.35 เมตร สามารถเลื่อนเก้าอี้ออกมาเพื่อนั่งกินข้าวแล้วก็ยังเหลือที่สบายๆ
ซึ่งทางโครงการให้ฉากกั้นกระจกมา เผื่อเราจะต่อเติมประตูเพื่อกั้นพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นครัวปิดได้
ชุดครัวนี้โครงการจะ Built-in มาให้ขนาด 1.60 x 0.60 เมตร วัสดุปิดผิวและบานตู้ High gloss สีขาว เปิด-ปิดออกมาแล้วจะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ
บานตู้ชั้นล่าง แบ่งเป็น 3 ตอน มีทั้งชั้นเก็บของบานเปิดไว้สามารถเก็บอุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆได้ และลิ้นชักที่เก็บช้อน ส้อม ตะเกียบต่างๆ
บานพับเป็นแบบ Soft close ทั้งหมดซึ่งจะเป็นบานพับที่ต้องปิดในมุม 45 องศา ตัว Sofe Close ถึงจะทำงานนะคะ
มือจับที่บานเปิดตู้จะเป็นลักษณะนี้ค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหามือจับหลุด หรือชำรุด
Top Counter เป็นหินเทียมสีดำ ผนัง Back Splash ในส่วนนี้จะติดแผ่นอะคลีลิค High gloss ไว้ให้ป้องกันคราบสกปรกจากการประกอบอาหาร ทำความสะอาดง่าย และได้ความเงางาม
เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้ของ Haffle ซึ่งระยะการติดตั้งเตาทำออกมาได้โอเค ไม่ชิดกับตู้เย็นด้านข้างจนเกินไป พอมีพื้นที่งอแขนทำอาหารได้สะดวกค่ะ
ซิ้งค์ล้างจานให้มาแบบรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ดีค่ะ วางจานรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดปานกลางได้สบายๆ จะสังเกตว่าซิ้งค์นี้ติดตั้งหัวกดน้ำยาล้างจานไว้ให้ด้วย สะดวกดีไม่ต้องหาที่วางน้ำยาล้างจาน ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นโครงการที่ให้แบบนี้มากนักค่ะ
ก๊อกน้ำเป็นรูปทรงโค้ง หัวหมุนไปหมุนมาได้ ลูกบิดก๊อกน้ำจับเหมาะมือใช้สะดวกดีค่ะ มือลื่นๆเปื้อนน้ำยาล้างจานก็ยังเปิด-ปิดได้ง่ายอยู่
ตู้ครัว Built-in ชั้นบน บานตู้ด้านในจะเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น ตัวบานพับ Soft close ยกเว้นส่วนบานของที่ดูดควันจะเป็นบานกดกระเด้งและ Soft close ผสมกันค่ะ
ในส่วนของตู้เย็นจะไม่ได้ให้นะคะ แต่จะเว้นช่องว่างให้ไว้เผื่อวางตู้เย็นประมาณ 70 ซม. ด้านบนของตู้เย็นจะติดตั้งเมนบอร์ดไฟและด้านข้างตู้เย็นจะเป็นฉากกระจกกั้นพื้นที่เผื่อการติดตั้งประตู
ตู้ consumer unit
ส่วนวางโต๊ะรับประทานอาหาร โครงการจะวางตู้ใส่ขวดไวน์ให้ดูเป็นไอเดียตกแต่ง และโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ตรงนี้จะมีสวิตซ์ไฟให้ 3 ดวง
ซึ่งจะมีสวิตซ์เปิด-ปิด ไฟดาวน์ไลท์สี่เหลี่ยม 2 ดวง ไฟดาวน์ไลท์วงกลมอันเล็ก 2 ดวง
และมีไฟในส่วนของระเบียงอีก 1 ดวง โดยระเบียงมีขนาด 2.60 x 0.90 เมตร กั้นด้วยบานเลื่อนกระจกเขียวใสตัดแสง กรอบอลูมิเนียมอบขาว เลื่อนได้ทั้งสองบาน มีการยกธรณีประตูขึ้น 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำเข้า
ตัวล็อกประตู
พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยเทมเปอร์ ยึดติดด้วยเสาสแตนเลสสูง 1 เมตร
พื้นที่ระเบียงวางคอมเพลสเซอร์แอร์ 2 ตัวเป่าลมร้อนเข้าระเบียง ซึ่งอนาคตโครงการจะเพิ่มกริลติดที่คอมเพลสเซอร์แอร์เพื่อดันลมร้อนออกนอกอาคารให้ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเต้ารับ และก๊อกน้ำ รวมทั้งต่อท่อน้ำไว้ให้เผื่อติดตั้งเครื่องซักผ้าในมุมนี้
ออกจากระเบียงกลับมาที่กลางห้องอีกครั้ง โดยถ้าแยกไปทางซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ส่วนแยกไปทางขวาจะเป็นห้องนอนค่ะ
แยกซ้ายมาห้องน้ำขนาด 2.60 x 1.70 เมตร มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจนค่ะ
ธรณีประตูยกระดับขึ้นมาประมาณ 3 ซม. กระเบื้องห้องน้ำเป็นสีขาวขนาด 30 x 30 ซม.
ส่วนแห้งประกอบด้วยกระจกติดผนัง อ่างล้างหน้าพร้อมตู้ Built-in สายชำระและโถสุขภัณฑ์เป็นของ Kohlor ค่ะ
หน้ากระจกมีชั้นที่เจาะช่องวางแก้วน้ำให้ 2 ที่ สำหรับ 2 คน และชั้นที่วางอุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันได้ มองไปทางผนังด้านซ้ายมีปลั๊กไฟให้ด้วยแต่ไม่มีฝาครอบกันน้ำให้นะคะ
อ่างล้างหน้าเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกลางๆ ที่ขอบของอ่างสามารถวางของได้เล็กน้อย ก๊อกน้ำลูกบิดใช้ง่ายเหมาะมือ
ชั้นเก็บของใต้อ่างขนาดหน้ากว้าง 0.70 ซม. เป็นบานเปิดคู่ ใช้บานพับแบบ Soft close ค่ะ
บานเปิดของตู้ไม่ใช้มือจับ แต่จะมีการเว้นช่องเพื่อให้เปิด-ปิดแบบนี้
ชุดฝักบัวเป็นของ Haffle จับกำลังพอดีมือค่ะ
ในห้องน้ำจะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ
ต่อมาไปดูที่ห้องนอนขนาด 4.70 x 2.60 เมตร กันบ้าง โครงการวางเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตไว้ให้ค่ะ
พื้นที่จากประตูถึงเตียงค่อนข้างเยอะ ประมาณ 1.50 เมตร
ส่วนพื้นที่จากปลายเตียงถึงผนังจะเหลือระยะประมาณ 40 ซม. ซึ่งถ้าติดตั้งชั้นวางของอย่างที่โครงการติดตั้งไว้ระยะยื่นประมาณ 15 ซม. จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 25 ซม.เท่านั้น ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างแคบค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่างห้องเหลือประมาณ 0.50 ซม. ซึ่งเป็นระยะที่พอเดินไปเปิด-ปิด ม่าน หรือหน้าต่างได้พอดีๆ
มุมมองจากปลายเตียงเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าตรงข้ามประตูห้องเปิดไปจะเป็นห้องน้ำเลย ข้างๆประตูห้องจะเป็นพื้นที่ที่เซ็ตระยะเข้าไปประมาณ 1 เมตร หน้ากว้าง 1.60 เมตร ซึ่งสามารถ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าได้ และข้างๆกันก็วางโต๊ะเครื่องแป้งเป็นมุมแต่งตัว
โดยโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้า มาให้ดูเป็นไอเดียแบบประตูบานเลื่อนค่ะ
ด้านในเป็นราวแขวนผ้ายาวถึงด้านใน และมีลิ้นชักวางของอยู่ด้านหน้า
ฝ้าเพดานติดไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง
มองไปยังฝั่งหัวเตียง ด้านหนึ่งสามารถวางโต๊ะเครื่อแป้งได้ และด้านที่ติดหน้าต่างนี้ ตรงหัวเตียงโครงการได้ติดตั้งเต้ารับไว้ไห้เผื่อวางโคมไฟ หรือเอาไว้ชาร์ทแบตโทรศัพท์ก่อนนอน
มองไปที่ปลายเตียงจะเห็นว่าโครงการ Built-in ชั้นวางของเล็กๆมาให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อวางทีวี ซึ่งตรงนี้มีเต้ารับและเต้าเสียบสายเคเบิลไว้ให้เรียบร้อย
แหวกม่านให้ดู บานเปิดในห้องจะเป็นช่องแสงเต็มบานค่ะ กรอบบานเป็นกระจกอลูมิเนียมอบขาว กระจกใสเขียวตัดแสง บานกระจกเป็นบาน Fix ซะส่วนใหญ่ ยกเว้นบานที่มีมือจับนั้นสามารถเปิด-ปิดได้
เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งค่ะ
โดยในห้องนอนมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 3 ดวง รวมไฟในส่วนที่ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าแล้วเท่ากับมีไฟ 4 ดวงนะคะ
มาต่อที่ห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom เราจะพาไปดูห้อง Type A-A4 พื้นที่ใช้สอย 54.50 ตารางเมตร ขนาด 11.30 x 5.70 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตรโดยผู้ซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบ Fully Fitted หรือ Fully Furnished เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ
โดยถ้าซื้อแบบ Fully Fitted จะประกอบด้วย วอลเปเปอร์, บัวพื้น, ชุดครัว Built-in, ซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้าและที่ดูดควัน, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,ชุดฝักบัวอาบน้ำ และแอร์ ซึ่งจะต่างกับห้อง 1 Bedroom ตรงที่ไม่มีฉากกั้นกระจกให้ แต่สุขภัณฑ์ได้เพิ่ม 2 เท่าเพราะมี 2 ห้องน้ำ ส่วนถ้าซื้อแบบ Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวแบบเทียบเท่ากับห้องตัวอย่าง โดยสามารถคุยเงื่อนไขกับทางโครงการได้ค่ะ
ตามแปลนมาตรฐานของโครงการ เข้าไปในห้องจะเจอห้องครัว แต่เป็นครัวเปิด ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องรับประทานอาหารและห้องรับแขกที่อยู่ติดกับระเบียง ในส่วนของห้องนอนเล็กจะติดกับห้องครัวใช้ห้องน้ำกลางที่อยู่ติดกันแบ่งเป็นส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และมีหน้าต่างเปิดไปสำหรับซ่อมบำรุงคอมเพลสเซอร์แอร์ได้ ส่วนห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว มีพื้นที่ทางเข้าเซตไว้ให้สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ และพื้นที่ข้างเตียงในโครงการจัดวางตู้เสื้อผ้ามาให้ ตรงนี้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นการใช้งานอื่น เช่นวางโซฟานั่งเล่นหรือวางโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้
ประตูห้อง ใช้บานประตูเหล็กขนาด 0.90 x 2.00 เมตร ธรณีประตูเป็นเหล็ก มือจับประตูแบบก้านโยก และมีตาแมวให้ตามมาตรฐานเหมือนห้อง 1 Bedroom ค่ะ
เปิดประตูเข้ามาปุ๊บจะเจอห้องครัวซึ่งมองไปจะเห็นโต๊ะกินข้าวและส่วน Living room ที่อยู่ถัดออกไป เป็นพื้นที่ๆสามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้ พื้นห้องตั้งแต่ครัวยาวไปถึง Living room เป็นพื้นลามิเนตลายไม้ หนา 12 มม.
มองกลับไปยังส่วนครัว ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 2.75 x 2.60 เมตร ซึ่งทางซ้ายมือโครงการจะ Built-in ชุดครัวมาให้ ส่วนด้านขวามือเป็นชั้นเก็บของ ประตูที่เห็นด้านขวามือนั้นเป็นทางเข้าห้องนอนเล็ก พื้นห้องครัวเป็นลามิเนตข้อเสียคืออยู่ไปนานๆถ้าทำน้ำหกใส่ต้องรีบเช็ด เพราะหากน้ำซึมเช้าสู่เนื้อไม้แล้วอาจเกิดการบวมได้ ดังนั้นก็ต้องระวังในการใช้งานเป็นพิเศษโดยเฉพาะตรงส่วนล้างจาน ถ้าน้ำกระเด็นลงมาที่พื้นให้พยายามเช็ดอย่าทิ้งไว้นะคะ
ส่วนของชุดครัว Built-in ขนาด 1.90 x 0.60 เมตร จะใหญ่กว่าของห้อง 1 Bedroom วัสดุปิดผิวและบานตู้ High gloss สีขาว ส่วนตู้เย็นไม่ได้มีให้นะคะ แต่จะเว้นช่องว่างไว้ให้ประมาณ 70 ซม.
บานตู้ชั้นล่างเปิดออกมาได้ชั้นแบบนี้ บานพับเป็นแบบ soft close ทั้งหมดค่ะ
มือจับตู้จะได้แบบนี้ค่ะ เหมือนห้อง 1 Bedroom
ตัว Top counter เป็นหินเทียมสีดำ ผนังในส่วนนี้จะติดแผ่นอะคลีลิค High gloss ไว้ให้ป้องกันคราบสกปรกจากการประกอบอาหาร แต่เสียดายด้านข้างไม่ได้ติดแผ่น High gloss ไว้ให้ ซึ่งเป็นส่วนที่มีโอกาสจะเปื้อนได้ง่าย เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้ของ Haffle ซึ่งระยะการติดตั้งเตาเว้นระยะจากผนังให้เล็กน้อย พอทำอาหารได้สะดวกค่ะ
ซิ้งค์ล้างจานกับตัวก๊อกจะเหมือนห้อง 1 Bedroom เลย แต่ห้องนี้มี Prop เป็นถ้วยกาแฟกับจานรองถ้วยวางอยุ่ใกล้ๆ เลยจับมาวางเทียบให้ดูกันเลยค่ะ อ่างใหญ่ดี วางจานอันมินิแบบนี้ 2 อันได้สบาย
เคาน์เตอร์ด้านบนได้แบบนี้เลยค่ะ บานเปิดเป็น High gloss และเป็นบานพับ sofe close ทั้งหมด ยกเว้นตรงตู้ดูดควันจะเป็นบานพับ sofe close และบานกดกระเด้งเหมือนกับของห้อง 1 Bedroom ค่ะ
ในส่วนของตู้เย็นไม่ได้มีให้ แต่ทำช่องไว้เผื่อให้วางตู้เย็น 0.70 เมตร ชั้นด้านบนตู้เย็นเปิดออกมาจะเป็นที่อยู่ของตู้ Consumer Unit ของห้องคะ
ฝั่งตรงข้ามกับครัว จะเป็นชั้นวางของ
เปิดออกมาก็จะได้ชั้นประมาณนี้ ระยะความลึกคงได้แค่วางของกระจุกกระจิกแต่ลึกไม่พอสำหรับวางรองเท้านะคะ ถ้าใครจะทำชั้นวางรองเท้าตรงนี้คงต้อง Built-in ตู้ให้ลึกมากกว่านี้ ถึงจะวางพอ
ต่อไปเป็นส่วนของห้องรับประทานอาหาร มีช่องทางเดินไปสู่ห้อง Living room ระยะทางเดินประมาณ 0.90 เมตร รวมกับชั้นที่โครงการติดมาให้ 0.25 เมตร รวมระยะแล้วหากไม่ได้ Built-in ชั้นมาติดก็จะมีระยะเดิน 1.15 เมตร เดินสวนกันสบายๆ
หากวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง ขนาด 1.25 x 0.70 เมตร จะเหลือระยะจากตู้เย็นถึงปลายเก้าอี้ 0.40 เมตร(ขวา) และระยะจากปลายเก้าอี้อีกด้านจนถึงโซฟา เหลือพื้นที่ 1.10 เมตร(ซ้าย)
ซึ่งระยะ 1.10 เมตรนี้ มีพื้นที่พอที่จะวางฉากเล็กๆกั้นห้อง วางโต๊ะเขียนหนังสือ หรือปล่อยพื้นที่ให้ว่างๆโล่งๆสายตาก็ได้ตามความชอบเลยค่ะ จุดนี้มีเต้ารับให้ 1 ดวง เผื่อเสียบโคมไฟหรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
ตรงนี้เป็นมุมมองจากห้องรับประทานอาหารไปที่ส่วนครัว จะเห็นว่าใกล้ๆกันเลย เคลื่อนย้ายอาหารสะดวก
พื้นที่ใช้สอยโดยรวมของส่วนรับประทานอาหารจะอยู่ที่ประมาณ 2.60 x 2.75 เมตร ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างเป็นพื้นที่เปิด จะเคลื่อนย้ายโต๊ะเก้าอี้อย่างไรก็ได้ตามความชอบเลยค่ะ
ในส่วนของ Living room ขนาด 4 x 2.55 เมตร ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระเบียง ทางโครงการวางโซฟามาให้ขนาด 2 ที่นั่งขนาดประมาณ 2 x 0.90 เมตร และโต๊ะวางทีวีกว้าง 0.40 เมตร ซึ่งจะเหลือระยะดูทีวีประมาณ 1.90 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 42″ และวางโต๊ะกลางเล็กๆได้ค่ะ และผนังด้านที่ติดชั้นวางทีวี สามารถ Built-in ชั้นวางเต็มผนังได้เลยค่ะ
มุมโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง
ตรงห้องรับแขกจะมีไฟดาวน์ไลท์สี่เหลี่ยมให้ 4 ดวง และไฟดาวน์ไลท์ดวงเล็กให้ 2 ดวง
จากโซฟามองเข้าไปในห้องจะได้มุมมองประมาณนี้ ห้องทางฝั่งขวามือที่เราเห็นทั้งหมดจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องนอน เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันค่ะ
เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ มีห้องน้ำให้ในตัว พื้นที่รวมห้องน้ำแล้วขนาด 5 x 3.15 เมตร
มีการติดไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมให้ 4 ดวง และไฟดาวน์ไลท์ดวงเล็กให้ 2 ดวง
พื้นที่ห้องนอนไม่รวมห้องน้ำจะอยู่ที่ 3.20 x 3.15 เมตร โครงการวางเตียง Queen size 5 ฟุตมาให้ ขนาดกำลังพอดีๆกับห้องค่ะ
บานหน้าต่างของห้องเป็นบานกระจกเขียวใสตัดแสง กรอบอลูมิเนียมอบขาว มีบานเปิดเป็นบานกระทุ้งบานเดียวนอกนั้นเป็นบาน Fix เหมือนห้อง 1 Bedroom ค่ะ
จากหน้าห้องน้ำ ถึงผนังห้องนอน จะมีระยะทางเดินเข้าห้องประมาณ 1 เมตร
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงถึงตู้ Built-in ปลายเตียง เหลือระยะประมาณ 0.76 เมตร
หัวเตียงมีปลั๊กไว้เสียบโคมไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ ข้างเตียงโครงการวางโซฟาไว้ให้อีกมุมหนึ่ง ระยะจากปลายโซฟาถึงเตียงประมาณ 0.75 เมตร
ระยะข้างเตียงด้านติดกับหน้าต่าง ประมาณ 0.30 เมตร
จากปลายเตียงมองไปจะเห๊นว่า ข้างเตียงวางโซฟาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาให้เป็นไอเดียตกแต่ง และตรงหน้าห้องน้ำโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้
โถงหน้าห้องน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง ส่วนของตู้เสื้อผ้า Built-in ถึงฝ้าเพดาน หน้าบานเป็นกระจก เปิดออกมาจะได้ราวแขวนและลิ้นชักประมาณนี้ค่ะ
มองไปที่หัวเตียง บนฝ้าเพดานจะมีไฟดาวน์ไลท์วงกลมเล็กๆให้ 2 ดวงเฉพาะหัวเตียง เป็นรายละเอียดเล็กๆทีดูใส่ใจดี และตรงหัวเตียงทั้งสองด้านมีเต้ารับไว้ให้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ
มองไปที่ปลายเตียง โครงการ Built-in โต๊ะเขียนหนังสือ และ ตู้ใส่ของมาให้สไตล์วินเทจ
ตู้ใส่ของบานเปิดคู่ เปิดออกมาจะเป็นชั้นวางของประมาณนี้ค่ะ บานพับเป็นแบบ Soft close
ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง มีตู้อาบน้ำให้เป็นลักษณะนี้ค่ะ พื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.90 x 0.90 เมตร
รางเลื่อนของตู้จะทำให้พื้นยกระดับเป็นธรณีขึ้นมาเล็กน้อย
มือจับตู้อาบน้ำ
ชุดฝักบัวให้ของ Haffle มีทั้งที่เป็น Rain shower และฝักบัวอาบน้ำ
ฝักบัวขนาดพอดีมือค่ะ
ส่วนของอ่างล้างหน้า ก๊อกน้ำและตู้อ่างล้างหน้า รวมทั้งกระจกเงา เป็นชุดเดียวกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ
พื้นที่นั่งส้วม 0.90 x 0.90 เมตร โถสุขภัณฑ์และสายชำระของ Kohlor มุมนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ให้เหนือชักโครก ช่วยให้แสงเข้าและระบายอากาศค่ะ
ห้องน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 ตัวค่ะ
ต่อมาเป็นห้องน้ำกลางขนาด 3.15 x 1.50 เมตร ที่เชื่อมต่อกับห้องรับแขก ห้องนี้ก็แยกส่วนเปียกส่วนแห้งและมีฉากกั้นอาบน้ำให้ค่ะ
ทางเข้าห้องน้ำมีการยกธรณีประตู 3 ซม. และพื้นที่ส่วนอาบน้ำก็มีการยกธรณีประตู 5 ซม.
ชุดอ่างล้างหน้าและกระจกเป็นเซ็ตเดียวกับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ค่ะ
พื้นที่นั่งส้วมกว้าง 0.90 เมตร โถสุขภัณฑ์และสายชำระของ Kohlor
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.50 x 0.85 เมตร ชุดฝักบัวของ Haffle มีทั้ง Rain shower และฝักบัวอาบน้ำ มองตรงไปจะเห็นว่าห้องน้ำมีหน้าต่างด้วย เป็นห้องอาบน้ำที่ค่อนข้าง Sexy
พื้นที่ด้านนอกเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 เครื่อง ซึ่งหน้าต่างเป็นบานกระจกใสกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ด้านบนเป็นบาน Fix และด้านล่างเป็นบานกระทุ้ง แต่เปิดออกไปจะติดคอมเพลสเซอร์แอร์ ซึ่งถ้าเกิดเสียขึ้นมานี่ก็น่าคิดว่าจะออกไปเซอร์วิสอย่างไรน้า
ห้องน้ำห้องนี้ให้ไฟดาวน์ไลท์ ทรงสี่เหลี่ยมให้ 2 ดวง อยู่ที่ส่วนเปียดจุดหนึ่ง และส่วนแห้งจุดหนึ่ง และมีพัดลมดูดอากาศให้ค่ะ
ถัดมาเราไปดูห้องนอนเล็กกันบ้าง ห้องนี้มีขนาด 2.95 x 2.60 เมตร วางเตียงขนาด 4 ฟุตไว้ให้เป็นตัวอย่าง
ด้านซ้ายมือที่เราเห็นเป็นกระจกนั้นคือตู้เสื้อผ้า โดยระหว่างตู้เสื้อผ้าถึงผนัง ซึ่งเป็นระยะทางเดินเข้า จะมีระยะ 1.20 เมตร
หน้าต่างห้องนี้เป็นบานกระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมอบขาว เป็นกระจกทั้งบานทำให้แสงเข้าเต็มที่ มีบานเปิดเป็นบานกระทุ้งบานเดียว นอกนั้นเป็นบาน Fix ค่ะ ระยะทางเดินจากปลายเตียง ถึงชั้นวางของมีระยะ 40 ซม.
ที่หัวเตียงมีเต้ารับไว้ให้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ พื้นที่จากตู้เสื้อผ้าถึงเตียงมีระยะ 1.00 เมตร
จากเตียงมองไปที่หน้าห้องที่เชื่อมต่อกับห้องครัว ข้างประตูจะเห็นตู้เสื้อผ้า Built-in บานเปิดติดกระจก
เปิดออกมาจะได้ราวแขวนผ้า และลิ้นชักลักษณะนี้ค่ะ
ปลายเตียงโครงการวางโต๊ะเล็กๆไว้ให้ หลังภาพที่ตั้งอยู่นั้นจะเป็นเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลทีวีติดไว้ให้
ห้องนี้มีไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมให้ 2 ดวง และทรงกลม 2 ดวงตำแหน่งหัวเตียง
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 March 2015
- 1 Bedroom 1 Bathroom อาคาร A ชั้น 3 ห้อง 310 เนื้อที่ 34.96 ตร.ม. ราคา 3,43 ล้านบาท หรือ 98,112 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 2 Bathroom อาคาร A ชั้น 3 ห้อง 313 เนื้อที่ 54.38 ตร.ม. ราคา 5,34 ล้านบาท หรือ 98,198 บาท/ตร.ม
- Studio อาคาร B ชั้น 6 ห้อง 619 เนื้อที่ 25.94 ตร.ม. ราคา 2.50 ล้านบาท หรือ 96,376 บาท/ตร.ม
- 1 Bedroom 1 Bathroom อาคาร C ชั้น 3 ห้อง 304 เนื้อที่ 36.56 ตร.ม. ราคา 3.59 ล้านบาท หรือ 98,195 บาท/ตร.ม
- 2 Bedroom 2 Bathroom อาคาร C ชั้น 7 ห้อง 701 เนื้อที่ 58.37ตร.ม. ราคา 5,80 ล้านบาท หรือ 99,366 บาท/ตร.ม
- ****ราคาที่เอามาลง เป็นราคาแบบ Fully Furnished หากต้องการซื้อแบบ Fully Fitted ราคาจะลดลงกว่านี้ ตารางเมตรละ 12,000 บาท สามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบ Fully Furnished หรือ Fully Fitted รายละเอียดเรื่องเฟอร์นิเจอร์สามารถคุยกับทางโครงการได้ค่ะ
- Fully Fitted : วอลเปเปอร์, บัวพื้น,โถสุขภัณฑ์, ฉากกั้นอาบน้ำ, Kitchen & Sink, Hob & Hood
- Fully Furnished : วอลเปเปอร์, บัวพื้น,โถสุขภัณฑ์, ฉากกั้นอาบน้ำ, Kitchen & Sink, Hob & Hood, เฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัว รุ่นเดียวหรือเทียบเท่ากับห้องตัวอย่าง
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS ปุณณวิถี
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 100,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
***เนื่องจาก Mr.Oe เคยทำรีวิวไปแล้ว จึงขอยกรีวิวเจาะลึกรวบยอดของ Mr.Oe มาไว้ให้อ่านกันเลยนะคะ โดยจะเปลี่ยนแปลงอัพเดทเฉพาะเนื้อหาและคะแนน ของโครงการที่เป็นปัจจุบันค่ะ***
เจาะลึกรวบยอด
Mayfair Place เป็นโครงการในทำเลซอยสุขุมวิท 64 ที่พอจะเดินไปรถไฟฟ้าได้ ที่ระยะ 370 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี ซึ่งเป็นทำเลที่ค่อนข้างสงบเงียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย ซอยนี้มีร้านอาหารร้านค้าประปราย พอพึ่งพิงได้ไม่ถึงกับกันดาร ถ้าขยันเดินหน่อย เดินไปท้ายซอย 340 เมตรจะเจอโอเอซิส คือปั๊ม ปตทใหญ่ ที่มีร้านค้าร้านอาหารร้านกาแฟ เอทีเอ็ม ครบครันให้บริการ 24 ชั่วโมง
การเดินทางโดยรถส่วนตัวสะดวกใช้ได้ เพราะมีทางด่วนให้เลือกใช้ไม่ไกลเท่าไร ซอยนี้ลัดเลาะไปขึ้นทางด่วนได้ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นทำเลสุขุมวิทไกลๆ ที่ถ้าจะเข้าเมืองก็มีช่วงเวลารถติดของเขาอยู่นะครับ คนไม่ใช้รถ สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ที่ปากซอยได้ ไม่ลำบากนัก แต่วันแดดจัดหรือฝนตก ก็เดินยากหน่อย เป็นธรรมดาของทำเลซอย Taxi หาง่ายตอนกลางวันแต่ตอนกลางคืนค่อนข้างเงียบ ต้องออกไปเรียกรถที่ปากซอยสุขุมวิทซึ่งถ้าดึกมากๆก็ลำบากอีกเช่นกัน
การออกแบบโครงการ ทำเป็นหมู่ตึกล้อมรอบสระและสวน ซึ่งแต่ละตึก มีความแตกต่างกันมากทั้งเรื่องวิว และความสะดวกในการพักอาศัย ตึก A จะเป็นตึกหน้าสุด เข้าออกง่าย รับส่งกันง่าย มีที่จอดรถใต้ตึก หรือแม้จะจอดที่ตึก B ก็เดินมาไม่ลำบากนัก มี Lobby ขนาดใหญ่นั่งรับแขก ชมสวนได้ แต่ตึก A นี้จะมีแต่ห้องใหญ่หน่อยเท่านั้น และไม่มีห้อง Studio… ตึก B เป็นตึกจอดรถหลัก และ ที่วาง Facility พวกสระ และ Fitness สะดวกสบายที่สุดสำหรับการพักอาศัย โดยเฉพาะคนใช้รถ จอดรถเสร็จขึ้นบ้านได้เลย แต่ก็จะมีความพลุกพล่านมากกว่าตึกอื่นๆ และตึกนี้จะมี Unit มากที่สุด เพราะมีห้องเล็กและ ห้อง Studio ด้วย แถมผังตึกตัว L ก็จะทำให้ Privacy ด้อยกว่าตึกอื่นๆ…. ตึก C จะสงบสุด เพราะเป็นตึกเล็ก แต่ความสะดวกสบายในการพักอาศัยจะเหมาะกับคนไม่มีรถมากกว่า เนื่องจากตึกนี้ไม่มีที่จอดรถ
วัสดุอุปกรณ์สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบ Fully Fitted หรือ Fully Furnished โดยถ้าซื้อแบบ Fully Fitted จะประกอบด้วย วอลเปเปอร์, บัวพื้น, ชุดครัว Built-in, ซิงค์ล้างจาน, เตาไฟฟ้าและที่ดูดควัน,ฉากกั้นกระจก, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า, ฉากกั้นอาบน้ำ ,ชุดฝักบัวอาบน้ำ และแอร์ ส่วน Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ทั้ง Built-in และลอยตัวแบบเทียบเท่าห้องตัวอย่าง โดยสามารถคุยเงื่อนไขกับทางโครงการได้ ของที่ให้มาก็ให้มาตามมาตรฐานราคา ครัวได้ของค่อนข้างโอเคครบ แต่น่าเสียดายไม่ยอมกั้นห้องครัวให้ ทำให้ลูกบ้านหลายคนที่อยากได้ Function ครัวปิดต้องเสียตังค์กั้นเพิ่มเอง ส่วนห้องน้ำได้ของโอเค แถมฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยเรียบร้อย
สาธารณูปโภคพื้นฐานที่ให้มา ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน มีลุ้นแค่ที่จอดรถ 55% ซึ่งต้องอาศัยความใกล้รถไฟฟ้า เป็นตัวดึงดูดผู้เช่าต่างชาติเยอะๆ ก็คงจะพอรับไหว เพราะไม่ค่อยจะใช้รถกัน โครงการนี้เด่นที่สวน และบ่อปลา กลางโครงการ รวมถึงน้ำตก และตัวบ่อปลามีระบบกรองน้ำสำหรับบ่อปลาโดยเฉพาะ จึงน่าจะดูแลรักษาเรื่องกลิ่นและความสะอาดได้ดีในระดับหนึ่ง Facilities มีครบครันทั้งสระว่ายน้ำ, fitness, ห้องสมุด และห้อง steam ส่วนของ Lobby ให้มาเหมือนโรงแรมเลยค่ะ เป็นโถงใหญ่ มีที่นั่งเยอะ ให้พื้นที่มากกว่า Low Rise ทั่วๆไป สามารถรองรับ 365 ยูนิตได้ดี
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาประมาณ 98,000 บาทต่อตารางเมตร, 24/03/2015
- ทำเล 7.75/10 – ครึ่งทางระหว่างปากซอยที่มีรถไฟฟ้า BTS และท้ายซอยที่มีปั๊ม ปตท.พอดีๆ เป็นทำเลพอจะเดินไปรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ได้ในราคาพอหยิบไม่ยาก
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – เดินทางสะดวกใช้ได้ ที่จอดรถพอได้ลุ้นในวันมามาก แต่คงไม่ลำบากในวันปกติ
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – พอจะเดินไปรถไฟฟ้าได้ แต่ก็ลำบากหน่อยในวันฝนตก หรือกลางคืนดึกดื่น
- วัสดุ 7.25/10 –Fully Fitted และ Fully Furnished แตกต่างกันตรงที่เฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวที่เพิ่มเข้ามา เนื่องจาก Fully Furnished เรายังไม่เห็นเฟอร์นิเจอร์ตัวแถมว่าจะเทียบเท่ากับห้องตัวอย่างแค่ไหน จึงขอให้คะแนนอิงกับห้องแบบ Fully Fitted นะคะ ซึ่งวัสดุถือว่าให้มาโอเค ให้ทั้งวอลเปเปอร์ บัวพื้น รวมทั้งวัสดุอื่นที่ให้มาก็ค่อนข้างดีแต่ไม่ได้ให้ตัว Built-in เลยถือว่าให้ของดีแต่น้อยไปหน่อย
- แบบ 8.0/10 – ออกแบบได้ดีตรงพื้นที่สวน สระ และบ่อปลาตรงกลาง และมีทางเลือก ในแต่ละตึกที่แตกต่างกัน
- สาธารณูปโภค 8.0/10 – ไม่ได้เยอะ และใหญ่ ตามธรรมชาติของ Low Rise แต่ก็ออกแบบพื้นที่มาน่าใช้งานดี
- MAIN CLASS
- 7.73/ 10.00
BOTTOM LINE
Mayfair Place เหมาะกับคนที่มองหาบ้านย่านทำเลสุขุมวิทตอนปลาย ต้องการโครงการที่พอจะใช้รถไฟฟ้า BTS ได้ เพื่อเดินทางทำงานเข้ามาย่านอโศก และใจกลางเมืองง่าย เป็นคนใช้รถบ้าง และชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย แบบ Low Rise เพื่อนบ้านในตึกไม่แน่น ยอมแลกกับวิวที่ธรรมดา มีนิสัยเลือกซื้อของโดยพิจารณาความชอบและเหมาะสมกับตัวเอง มากกว่าดูแต่ Brand Name และป้ายราคา มีงบประมาณระดับ 2.5 – 6.0 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 16,700 – 40,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ 🙂