รีวิวโครงการ

MITI CHIVA Kaset Station คอนโด High Rise 23 ชั้น ห่างจาก BTS ม.เกษตรฯ 150 เมตร จาก One Living Development [รีวิวฉบับที่ 2021]

12 มกราคม 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

สวัสดีครับ.. วันนี้ผมจะพาทุกคนมาดูโครงการที่พึ่งสร้างเสร็จมาสดๆร้อนๆ รับการมาของรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสายสีเขียว สถานี ม.เกษตรฯ อย่าง Miti Chiva เกษตร สเตชั่น คอนโด High Rise 23 ชั้น ที่มีเพียง 200 ยูนิต จัดเต็มส่วนกลางไว้ที่ 3 ชั้นบนสุด มีทางเข้าออกโครงการ 2 ทางทั้งฝั่งหน้าโครงการถนนประเสริฐมนูกิจและทางฝั่งด้านหลังที่ซอยพหลโยธิน 38 ซึ่งจะเดินไปใช้งานรถไฟฟ้าได้เพียง 150 เมตร ลองเข้าไปชมกันเลยครับ

Fact @ 11 December 2019

  • Miti Chiva Kaset Station (มิติ ชีวา เกษตร สเตชั่น)
  • One Living Development
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนประเสริฐมนูกิจ เขตจตุจักร
  • ที่ดินประมาณ 1-2-6.7 ไร่
  • คอนโด High Rise 23 ชั้น 200 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 120 คัน คิดเป็น 60% รวมจอดซ้อนคัน
  • แบ่งเป็นจอดแบบปกติ 54 คัน และแบบ Automatic Parking 66 คัน
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2 2561
  • แล้วเสร็จ : Q4 2562
  • 1 Bedroom 23 – 27 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 33.5 – 34.5 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานห้องปกติสูง 3 เมตร / ห้อง Loft สูง 4.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 143,600 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 160,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 085-911-8811

พิกัด Google Maps : 13.840460, 100.577886
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

ทำเลโครงการจัดว่าดีเลยทีเดียว เพราะอยู่ใกล้กับแยกเกษตร ติดถนนใหญ่อย่างประเสริฐมนูกิจฝั่งมุ่งหน้าไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม แถมยังมีทางเข้าออกโครงการ 2 จุด อีกฝั่งจะทะลุออกทางซอยพหลโยธิน 38 ซึ่งจะช่วยให้ทะลุออกถนนพหลโยธินไปจตุจักร มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ฯ ได้เลย หรือจะออกนอกเมืองก็ใช้ถนนพหลโยธินไปสะพานใหม่ และรังสิต หรือไปทะลุออกงามวงศ์วาน เข้าวิภาวดีรังสิตขึ้นทางด่วนก็ได้ ถ้ามองภาพรวมทำเลจะเห็นว่าสะดวกลัดเลาะไปไหนได้หลากหลาย แต่อย่าลืมว่าทำเลที่อยู่ใกล้แยกและจุดสำคัญแบบนี้การจราจรค่อนข้างหนาแน่นเกือบจะทุกเส้นที่กล่าวมาเลย ภายในโครงการจะที่จอดรถประมาณ 120 คัน คิดเป็น 60% รวมจอดซ้อนคัน แบ่งเป็นจอดแบบปกติ 54 คัน และแบบ Automatic Parking 66 คัน ก็จัดว่าเพียงพอต่อการใช้งานนะครับ สำหรับโครงการที่ห่างจากรถไฟฟ้าเพียง 150 เมตร

สำหรับการเดินทางสาธารณะก็จัดว่ามีตัวเลือกได้เยอะกว่าโครงการอื่นๆ เพราะทะลุออกถนนใหญ่ได้ 2 สาย เรียกรถประจำทางได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ไฮไลท์คงต้องยกให้ BTS สถานีม.เกษตรศาสตร์ ที่พึ่งเปิดตัวกันไปไม่นานมานี้ อยู่ห่างออกไปเพียง 150 เมตร ทางซอยพหลโยธิน 38 ส่วน Taxi และวินมอเตอร์ไซค์ จะใช้งานได้ง่ายบริเวณถนนประเสริฐมนูกิจซะมากกว่า เพราะไม่ต้องเดินออกมาไกล เรียกใช้ได้ที่หน้าโครงการเลย

พื้นที่หน้าโครงการ ดูร่มรื่นมากครับ เข้าออกด้วยรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ ระบบ Bluetooth อัตโนมัติ ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับ Easy Pass ของทางด่วนครับ

เข้ามาภายในพื้นที่จะมีประตูเข้าออกจากด้านหลัง ซึ่งส่วนนี้จะใกล้กับ BTS ม.เกษตรศาสตร์มากกว่า เพียงประมาณ 150 เมตร เท่านั้นเอง เดินได้สบายๆ

มีประตูทางเข้าให้ชัดเจน ซึ่งเดี๋ยวจะเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ เข้าออกด้วยระบบ Bluetooth อัตโนมัติ เหมือนกับประตูทางเข้าหลักหน้าโครงการ ซึ่งช่วงเวลาเปิด-ปิด ของประตูทางฝั่งนี้จะขึ้นอยู่กับนิติบุคคลของโครงการอีกทีนะครับ

ตัวอาคารจะมีระบบจอดรถทั้งแบบ Automatic Parking และ Conventional  โดยจะมีพื้นที่จอดรถทั้งโครงการประมาณ 120 คัน คิดเป็น 60% รวมจอดซ้อนคัน แบ่งเป็นจอดแบบปกติ 54 คัน และแบบ Automatic Parking 66 คัน

ด้านข้างจะมีทางที่เชื่อมต่อกับตัว Lobby ภายในอาคาร ตรงนี้จะใช้จอดรถเสร็จแล้วก็เดินเข้าตัวตึก และพื้นที่รับรองสำหรับรอรถ และออกมาเอารถด้วยครับ

วนมาที่ด้านหน้าอาคารกันนะ พื้นด้านหน้าจะเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายสีดำ เล่นเป็นเส้นสลับกันไปมา ให้ดูเชิญชวนเข้าสู่ตัวอาคาร และพื้นจะไม่เรียบจนเกินไป

เข้ามาภายในตัวอาคารจะเจอกับ Lobby ซึ่งจะเป็นพื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยนะ ฝ้าเพดานก็ยกขึ้นสูงแบบ Double Volume เลย

ด้านข้างจะมีพื้นที่เชื่อมต่อไปยังโถงภายใน ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นด้วยประตูกระจกที่ต้องเข้าออกด้วยระบบ Keycard เท่านั้น

ภายในจะมี Mail Box และพื้นที่นั่งพักคอยให้ สำหรับลูกบ้านที่เดินเข้ามา เช็ค Mail Box ของตัวเองก่อนขึ้นห้อง ก็เปิดทางผ่านพอดี ใช้งานได้ง่าย

ด้านข้างมีห้องน้ำและห้องนิติบุคคล

เป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันทั้งชายและหญิง ตกแต่ด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนทั้งห้อง สบายตา

เมื่อตรงเข้ามาจากพื้นที่ Mail Box และที่นั่งด้านข้าง จะมีพื้นที่สำหรับพักคอยรอรถสำหรับที่จอด Automatic Parking ซึ่งจะมีจอแสดงผลให้ ตรงนี้การใช้งานคือจะต้องกดคิว จากนั้นต้องไปยืนยันที่หน้าเครื่องภายนอกอีกที่ภายใน 90 วินาที เพื่อเป็นการไม่บล็อคคิวคนอื่น ใช้เวลารอรถประมาณ 1.30-2.00 นาที

โถงลิฟต์ของชั้นหนึ่งจะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ ตกแต่งค่อนข้างหรูหราและโปร่งโล่ง ด้วยระดับพื้นถึงฝ้าแบบ Double Volume พื้นลายหินอ่อน ส่วนลิฟต์จะใช้เป็นอลูมิเนียมสีเงินและทอง ด้านบนเป็นกระจก ทำให้พื้นที่นี้ดูโล่งยิ่งขึ้น ส่วนชั้นอื่นๆจะไม่ได้มีหน้าตาแบบนี้นะ

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 21 จะเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางแบบ Out Door เป็นหลัก ซึ่งจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ และสวน ส่วน Indoor จะเป็นส่วนของห้องออกกำลังกาย ลักษณะการตกแต่งจะเน้นใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นลายหินอ่อน ลายไม้ และปลุกต้นไม้สร้างบรรยากาศโดยรวม

จะมีส่วนสระว่ายน้ำระบบเกลือรูปทรงตัว L ขนาด 4.5 x 34.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร จุดเด่นคือเป็นสระไร้ขอบและอยู่ริมอาคาร จึงทำให้รับวิวได้ 2 ทิศหลักๆไปเต็มๆเลย คือ ทิศตะวันออก และทิศใต้ ได้แนวอาคารช่วยบังแดดในช่วงบ่ายให้ด้วย แถมยังมีหลังคาในบางส่วนให้ยังพอใช้งานได้อยู่ในช่วงเวลาฝนตก

ด้านในจะมีพื้นที่รับวิวทิศใต้ฝั่งหน้าโครงการ พร้อมพื้นที่นอนชมพระอาทิตย์ตกดินได้ด้วย บรรยากาศพระอาทิศย์ตกดินที่ไม่มีแนวอาคารสูงมารบกวนบริเวณนี้เป็นมุมที่ส่วนตัวผมชอบที่สุดเลยล่ะครับ

มาดูพื้นที่ด้านในกันบ้าง ตรงแนวทางเดินนี้จะได้ระแนงที่ช่วยบังความเป็นส่วนตัวให้กับตัวสระว่ายน้ำด้วย แต่ยังได้ช่องแสงและลมเข้ามาสู่พื้นที่ภายในอยู่นะ

จะมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้ พร้อมล็อคเกอร์ภายใน แค่หิ้วชุดมาเปลี่ยนอาบน้ำตรงนี้แล้วลงสระได้เลย ภายในจะมีเคาน์เตอร์อ่างอาบน้ำพร้อมแนวกระจกยาว ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำมาให้

ด้านในสุดจะมีพื้นที่ Steam ที่รับวิวทางฝั่งทิศตะวันตก ชมพระอาทิตย์ตกดินไปด้วยได้เช่นกันครับ

กลับออกมาที่โถงทางเดิน จะมีพื้นที่ Sunken Seat พร้อมจุดล้างตัวให้ด้วย บริเวณนี้เป็นอีกมุมที่นั่งรับวิวฝั่งทิศตะวันออกได้ อยู่ระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ ซึ่งจะช่วยให้เวลามีเพื่อนมาด้วยแต่ไม่ลงสระ ก็จะรู้สึกใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

ด้านในจะมีห้องออกกำลังกาย ซึ่งเป็นห้องออกกำลังกายที่เปิดแนวกระจก 2 ฝั่ง จึงทำให้พื้นที่โดยรวมของชั้นนี้ดูโปร่งมากยิ่งขึ้น ลองไปดูกันเลย

ภายในจัดขนาดมาให้ค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน มีทั้งส่วน Cadio และ Weight Training รับวิวฝั่งทิศตะวันตกเป็นหลัก แต่ก็ยังได้ความร่มรื่นของต้นไม้ภายนอกฝั่งที่เราเดินเข้ามาด้วยเช่นกัน

ด้านในมีห้องที่เป็นส่วน Private สำหรับจัดเป็น Class ต่างๆให้ด้วย ซึ่งในอนาคตจะมีทีวีมาติดผนังไว้ให้ สำหรับเปิดให้ออกกำลังกายตามได้

กลับออกมาที่ด้านนอกจะมีจุด Sunken Seat อีกส่วน ส่วนนี้จะเน้นวิวสวนซะเป็นส่วนใหญ่ ตอนกลางคืนจะเปิดไฟใส่ต้นไม้ค่อนข้างสวยเลยล่ะ

และด้านหลังจะมี Sunken Seat ตำแหน่งสุดท้าย ซึ่งจะสามารถรับวิวพระอาทิตย์ตกดินได้

มองลงไปจะเห็นซอยพหลโยธิน 38 ซึ่งเป็นเส้นทางจากหลังโครงการเชื่อมต่อไปยัง BTS สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยจะมีระยะจากประตูหลังของโครงการไปจนถึงทางขึ้นลง BTS อยู่ที่ประมาณ 150 เมตร เป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆเลย

ขยับขึ้นมาที่ชั้น 22 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Indoor ทั้งหมดเลย โดยจะเป็นพื้นที่ Co-Thinking Space ซึ่งถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือพื้นที่ทำงาน นั่งอ่านหนังสือ นั่นแหละครับ จุดเด่นของชั้นนี้คือจะได้แนวกระจกรอบด้าน ทำให้สามารถรับวิวได้ค่อนข้างเยอะ แถมเป็นพื้นที่ที่ยกฝ้าเพดานขึ้นสูงประมาณ 4 เมตรกว่าๆ จึงทำให้ดูโล่งโปร่ง เหมาะกับการนั่งคิดงาน ที่สำคัญคือมีฟรีไวไฟของโครงการให้ใช้งานกันได้ด้วยนะ

มีส่วนโซฟานั่งรับวิวถนนประเสริฐมนูกิจด้วยกระจกบานใหญ่กันไปเต็มๆ

ด้านในจะมีพื้นที่สำหรับนั่งทำงานแยกเป็นโต๊ะๆไว้ให้ มาพร้อมปลั๊กเสียบสำหรับชาร์จ และโคมไฟติดตั้งไว้ให้ สำหรับที่นี่แดดช่วงบ่ายนี่สวยจริงๆเลย

ฝั่งนี้จะรับวิวสระว่ายน้ำของชั้น 21 และ ความเขียนขจีของกรมยุทธโยธาทหารบก

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้นบนสุดของอาคาร กับชั้น 23 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ Panoramic Sky Lounge สำหรับเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน มีความ Homie มากกว่าชั้น 22 สักหน่อย แถมฝ้าเพดานจะยกสูงขึ้นกว่าอีกด้วย เพราะจะมีชั้นลอยภายในพื้นที่นี้ให้ใช้งานกัน

ด้านล่างจะจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน พาเพื่อนมานั่งเล่น ชมวิวกัน ด้วยกระจกบานใหญ่สูงถึงฝ้า และวิวที่ค่อนข้างโล่ง ไม่มีตึกสูงมารบกวน ทำให้ต้องยอมรับเลยว่าวิวของที่นี่เขาให้มาสวยจริงๆ

ถัดเข้ามาจะมีบันไดวนสำหรับขึ้นไปที่พื้นที่ชั้นลอย

ขึ้นมาก็จะมีมุมที่ได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย และยังเน้นรับวิวภายนอกอยู่เช่นเดิม

ลงมาที่พื้นที่ด้านในกัน จะเป็นพื้นที่ที่ถูกจัดให้สำหรับนั่งคุยกัน 2 ท่าน หรือจะปลีกมานั่งเล่นชมวิวพระอาทิตย์ตกดินคนเดียวก็เป็นจุดที่น่าสนใจเลยทีเดียว

ส่วนห้องพักอาศัยจะมีโถงลิฟต์ลักษณะนี้นะครับ ให้ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ซึ่ง 1 ใน 2 ตัวนี้จะเป็นลิฟต์ขนของด้วยเช่นกัน (สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า) ที่อาจจะแปลกตาหน่อยคือมีประตูทางเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยแบบประตูหนีไฟ เพราะเขาใช้ลิฟต์ตัวที่เป็นลิฟต์ขนของทำหน้าที่เป็นลิฟต์หนีไฟไปในตัว จึงทำต้องตัวประตูเป็นประตูกันไฟตามรูปแบบของกฎหมายนะครับ

ทุกชั้นจะได้ช่องเปิดแบบนี้มาให้ด้วย รับวิวสีเขียวทางฝั่งทิศตะวันตกของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มาดูที่ห้องพักอาศัยกันบ้าง โดยโครงการนี้จะมีให้เลือกหลายรูปแบบหลายขนาดเหมือนกัน ซึ่งขายหมดไปแล้วนะ จะมีแต่ห้องที่หลุดโอนหรือกู้ไม่ผ่านเหลืออยู่บ้าง (ลองติดต่อทางโครงการดูนะครับ) ซึ่งทั้งหมดจะขายในรูปแบบ Partly Furnished เพราะจะให้ Furniture Built-in ทั้งหมด ฉากกั้นห้องต่างๆ รวมถึง โซฟา ชั้นวางทีวี และฐานเตียงมาให้ด้วย วัสดุอื่นๆจะได้ Digital Door Lock พื้นลามิเนตหนา 12 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ได้ชุดครัว  Top หินสังเคราะห์ เคาน์เตอร์ต่างๆปิดผิวด้วยลามิเนต จะได้ผนัง Backsplash ด้านหลังจะเป็นกระจก พร้อมที่วางและแขวนอุปกรณ์ต่างๆ เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบ Exhausted และอ่างล้างจานจาก TEKA

ห้องที่จะพามาชมกันวันนี้คือห้อง 1 Bedroom Plus 33.5 – 34.5 ตร.ม. ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีจุดเด่นหลายอย่างเลย เพราะเป็นห้องหน้ากว้างรับแสงได้เยอะ แถมยังมีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ภายในแยกชัดเจน เข้ามาจะเจอส่วนห้องนั่งเล่นครัว จากนั้นจะเป็นทางเดินยาวเข้าไปภายใน จะเป็นห้อง Plus ที่จัดเป็นห้องทำงาน ห้องนอนเล็กได้ และห้องน้ำ ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องนอนครับ

ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนนะครับว่าบทความนี้เป็นเพียงแค่พาชมโครงการเท่านั้น ดังนั้นผมจะบอกข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่ทราบให้ฟัง อาจไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ซึ่งถ้าใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ไว้มีโอกาสเราจะทำรีวิวเจาะลึกแบบละเอียดให้ดูกันครับ งั้นเรามาชมของจริงภายในห้องกันเลยละกัน

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะพบกับจุดเด่นหลักๆของที่นี่เลยคือระดับฝ้าเพดานที่ยกสูงถึง 3 เมตร  ทำให้ภายในห้องค่อนข้างโล่ง และดูไม่อึดอัด เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่น พื้นจะเป็นลามิเนตหนา 12 มม. ผนังฉาบเรียบทาสี

ส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น ที่เราจะได้โซฟาสำหรับสองที่นั่งตัวนี้จาก Dellarobbia Asia และชั้นวางทีวีด้วย รวมถึงแอร์ Daikin ตัวนั้นด้วยครับ ด้านข้างจะมีประตูบานเลื่อน 3 ตอน เชื่อมต่อไปยังระเบียง

เป็นระเบียงขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ออกไปยืนใช้งาน สูดอากาศ ตากผ้าได้ เพราะไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าที่บริเวณนี้นะครับ เครื่องซักผ้าจะอยู่บริเวณหน้าทางเข้าออกห้อง Built-in หน้าบานปิดให้พร้อมเลย

ที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่บริเวณหน้าประตูเข้าห้องใต้เคาน์เตอร์ครัว

ห้องครัวจะได้แบบนี้เลยนะครับ เคาน์เตอร์ต่างๆปิดผิวด้วยลามิเนต จะได้ Top ครัวหินสังเคราะห์ ผนัง Backsplash ด้านหลังจะเป็นกระจกแบบที่ได้มาเลย พร้อมที่วางและแขวนอุปกรณ์ต่างๆแบบนี้เลย เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบ Exhausted และอ่างล้างจานจาก TEKA  ด้านล่างมีพื้นที่วางไมโครเวฟและช่องเก็บของให้

ฝั่งตรงข้ามเป็นห้อง Plus ของห้องนี้ ซึ่งจะมีฉากกั้นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน สามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงานได้ ภายในมีกระจกที่สามารถเปิดรับลมระบายอากาศได้ พร้อมให้แอร์ Daikin มาด้วย 1 ตัวครับ

ฝั่งตรงข้ามจะมีห้องน้ำของห้องนี้ครับ จะได้สุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆจาก Cristina ทั้งอ่างล้างหน้าแบบเคาน์เตอร์พร้อมกระจกบานใหญ่ และโถสุขภัณฑ์

รวมถึงอุปกรณ์อาบน้ำแบบ Hand Shower และ Rain Shower มาด้วย แถมได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ครบพร้อมใช้งานเลย

ห้องด้านในสุดจะเป็นห้องนอน ที่มีฐานเตียงจากจาก Dellarobbia Asia เช่นกันกับโซฟา และแนวกระจกบานใหญ่มาให้เป็นช่องแสงภายในห้อง

พื้นที่ภายในห้องนี้จะมีจุดเด่นที่ Built-in ส่วน Walk-in Closet มาให้ด้วย เป็นแนวกระจก 3 ตอน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหน้าบานตู้เสื้อผ้าไปในตัวเลย แถมภายในห้องนี้ก็ให้แอร์ Daikin มาอีกตัวนะครับ

ภายในมีพื้นที่ยืนใช้งานหน้าตู้และช่องเก็บของค่อนข้างหลากหลาย สูง 3 เมตร ถึงฝ้าเลย


ได้ชมภาพโครงการกันไปบ้างแล้วนะครับสำหรับโครงการ Miti Chiva Kaset Station จาก One Living Development ถ้าเพื่อนๆสนใจรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูได้จากเว็บโครงการที่นี่ คลิก

สำหรับรีวิวเจาะลึกฉบับเต็ม หากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากให้ผมทำรีวิวเพิ่มเติมพร้อมวิเคราะห์เจาะลึกแบบละเอียด หรือใครมีความเห็นกันว่ายังไง ก็สามารถ comment กันมาได้ที่ใต้ล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณครับ

ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving