สวัสดีครับทุกคน…วันนี้ผมจะพาไปชมห้องตัวอย่างคอนโดใหม่ล่าสุดของ แสนสิริ กับโครงการ dcondo tann ซึ่งโครงการตัวนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่นพี่ตระกูล dcondo เยอะมาก ทั้งเรื่องแนวคิดการออกแบบ และวัสดุภายในห้อง มีการปรับแบบใหม่เกือบทั้งหมด แล้วยังให้พื้นที่สวนส่วนกลางค่อนข้างเยอะ โดยข้อมูลเบื้องต้นที่เราจะนำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นอย่างไร เราไปชมพร้อมๆกันเลยครับ
Fact @ 31 May 2019
- dcondo tann (ดีคอนโด ธาร )
- บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เขตบางกอกน้อย
- ที่ดินประมาณ 4-3-99 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 484 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิตที่อาคาร A
- ที่จอดรถประมาณ 154 คัน คิดเป็น 31% (รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 50%)
- เริ่มก่อสร้าง : ก.ย. 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ต.ค. 2563
- VIP Day : 8 มิ.ย. 2562
- Presale : 22 – 23 มิ.ย. 2562
- Studio 26.52 – 27.23 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 54.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 71,267 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เว็ปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1685
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.771717, 100.459479
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นได้ว่าเป็นทำเลที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะการมาของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในอนาคตที่จะตัดผ่านถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งจะมีสถานีบางขุนนนท์อยู่ใกล้ที่สุด และคาดการณ์ว่าน่าจะห่างจากโครงการประมาณ 1.9 km. ครับ ส่วนการเข้าถึงโครงการนั้นสามารถเข้าได้จาก 3 ทางหลักๆ คือเข้ามาจากถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนบรมราชชนนี หรือจะใช้ทางลัดจากซอยแก้วเงินทองและซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 เพื่อมาจากถนนราชพฤกษ์ก็ได้ครับ
โครงการ dcondo tann ตั้งอยู่ภายในซอยเอราวัณ ปาร์ค อเวนิว ซึ่งไม่ใช่ซอยตันนะครับ เพราะสามารถไปทะลุออกถนนแก้วเงินทองทางด้านหลัง เพื่อไปลัดออกถนนใหญ่เส้นต่างๆได้โดยไม่ต้องไปเสี่ยงรถติดบนถนนใหญ่ภายนอก และที่สำคัญคือถนนแก้วเงินทองนี้ยังเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์มากครับ เพราะเป็นย่านชุมชนเก่าที่มีทั้งวัด ตลาด และร้านค้าร้านอาหาร 2 ข้างทางเต็มไปหมด ในขณะที่ถนนหลักอย่างถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชันซึ่งเป็นถนนตัดใหม่นั้น ส่วนมากยังเป็นพื้นที่ว่างสีเขียวรอการพัฒนา และซอยเอราวัณเองก็เป็นซอยที่มีความเงียบสงบ มีบ้านพักอาศัยอยู่บ้าง แต่ก็มีรถสัญจรผ่านเพื่อใช้เป็นทางลัดอยู่เรื่อยๆครับ
จุดเด่นของทำเลนี้เรียกว่าเป็นจุดกึ่งกลางของห้างร้านและการคมนาคมจะดีกว่านะ และเป็นทำเลที่ต้องพึ่งรถยนต์ส่วนตัวจึงจะสะดวกนะครับ โดยเราสามารถเลือกไปซุปเปอร์มาร์เก็ตบนถนนจรัญสนิทวงศ์อย่าง Makro หรือ Food Land และตลาดบางขุนศรีก็ได้ หรือจะลัดมาทางด้านหลังโครงการมาที่ The Circle กับ Food Villa บนถนนราชพฤกษ์ก็มี และแหล่งรวมห้างที่คึกคักที่สุดก็จะต้องไปแถว Central ปิ่นเกล้า ที่ถนนบรมราชชนนีเลยครับ ส่วนทางด่วนก็จะมีทางพิเศษศรีรัชให้ใช้นะ สามารถเดินทางมายัง จตุจักร-ห้าแยกลาดพร้าว ได้ไม่ยากเลยครับ
โครงการ dcondo tann เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 484 ยูนิต และมีร้านค้าอีก 1 ยูนิต สามารถจอดได้ประมาณ 31% ไม่รวมซ้อนคันครับ โดยอาคารทั้ง 2 จะมีลักษณะเป็นรูปตัว L โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวจากภายนอก แล้วยังมีการจัดสวนช่วยเพิ่มทัศนียภาพที่ดีให้กับโครงการอีกด้วย ส่วน facade ของอาคารออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากทำเลย่านนี้ ที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้ บ้านเรือนไทย และลำธารต่างๆ ซึ่งโครงการได้นำสิ่งต่างๆเหล่านี้มาใช้กับ facade ของอาคาร โดยการลดทอนให้มีความ Modern มากขึ้น แต่การตกแต่งภายในของโครงการจะมีรายละเอียดต่างๆแฝงเอาไว้มากมาย ซึ่งในวันนี้ผมจะยกตัวอย่างบางส่วนของโครงการมาให้ชมกันนะครับ ส่วนรายละเอียดการวิเคราะห์อื่นๆ รอติดตามชมกันในรีวิวฉบับเต็มนะ ^^
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านหน้าโครงการ ทั้งหมดตกแต่งด้วยวัสดุประเภทไม้ มีการทำซุ้มป้ายโครงการและตัวอาคารคล้ายทรงจั่วของบ้าน รวมถึงมีการปลูกต้นไม้โดยรอบทำให้มีความร่มรื่นมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากแนวคิด”สงบ สบาย สไตล์บ้านสวน” นั่นเองครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณส่วนกลางที่ถูกโอบล้อมด้วยอาคารทั้ง 2 ซึ่งอาคาร Clubhouse นี้ ก็จะถูกโอบล้อมด้วย Lap Pool อีกทีหนึ่ง ประกอบกับมี Roof Garden ด้านบน และโดยรอบสระก็ปลูกต้นไม้ไว้อย่างหนาแน่น จึงได้อารมณ์แบบธารน้ำในไร่สวน เป็นการสร้างบรรยากาศและวิวที่ดีในโครงการนั่นเองครับ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Fitness และ Co-Working Space โดยรอบเป็นผนังกระจกทำให้สามารถออกกำลังกายไปหรือนั่งอ่านหนังสือไป แล้วสามารถชมวิวภายนอกไปด้วยได้ ซึ่งประกอบด้วยสระว่ายน้ำและต้นไม้ที่ดูสดชื่น แต่จุดที่อยากให้สังเกตนอกจากเรื่องวัสดุประเภทไม้แล้ว และการตกแต่งห้องที่มี concept ต่างกันได้แก่ “ลายเครื่องสาน” และ “ตะกร้อสอยมะม่วง” ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างการออกแบบภายในห้องต่างๆของโครงการที่ผมได้นำมาฝากเท่านั้น ห้องอื่นๆยังมี concept ในการออกแบบที่แตกต่างกันออกไปไม่ซ้ำกันเลยครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- อาคาร Clubhouse
- สวนหย่อมชั้น 1
- Lap Pool 2 สระ ระบบ เกลือ
- Kids Pool
- Jacuzzi
- Fitness
- Co-Working Space
- Outdoor Terrace
- Roof Garden
- Pavilion
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 121 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 119.5 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 122.5 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 154 คัน คิดเป็น 31% (รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 50%)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card
ห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้างรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ไม่ได้เป็นแบบตอนลึกเหมือนห้อง studio ทั่วไป แต่ยังได้พื้นที่ common area เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ ทำให้รู้ลึกโปร่งโล่ง เหมาะกับคนที่ชอบห้องกว้างๆโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น และชอบใช้ชีวิตในห้องนอนใหญ่ๆเป็นส่วนมาก ส่วนพื้นที่ใช้งานอื่นๆก็จะถูกแบ่งเป็นสัดส่วนไว้ทางด้านซ้าย และมีประตูกับกำแพงปิดกั้น จึงทำอาหารได้อย่างเต็มที่ แล้วเปิดประตูระเบียงระบายอากาศได้ทั้งจากห้องครัวและห้องน้ำได้อีกด้วยครับ ซึ่งห้องจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมพร้อมๆกันเลย
เมื่อเข้ามาภายในห้องก็จะเจอกับ Common area ที่โปร่งโล่งเพราะไม่มีผนังกั้น โดยรูปแบบห้อง Studio คือพื้นที่พักผ่อนทั้งหมดจะอยู่ใน area เดียวกัน ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.5 m. พื้นปูด้วยกระเบื้องลามิเนตลายไม้ และได้ของทุกอย่างที่เห็นในห้อง ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ได้หมดเลยครับ ยกเว้นของตกแต่งนะ
ขวามือเป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหาร ซึ่งเราสามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไว้นั่งทำงาน อ่านหนังสือก็ได้นะครับ แต่แนะนำให้ติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติมนะได้อ่านหนังสือได้ไม่ปวดตานะ
ส่วนฝั่งตรงคือชั้นวางทีวีและตู้เก็บรองเท้า ซึ่งทางโครงการจะ Built in มาให้ทั้งชุดแบบนี้เลยครับ สามารถเก็บของได้ค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน รวมถึงได้แอร์แบบ Wall type ด้วยนะครับ
ส่วนใต้เตียงก็จะมีลิ้นชักเลื่อนออกมาเก็บของได้ โต๊ะข้างเตียงเราก็จะได้แบบนี้เลยด้วย แต่เตียงนอนสำหรับห้องนี้จะถูกวางชิดริมหน้าต่าง จึงทำให้สามารถขึ้นลงเตียงได้ 2 ทางครับ
ช่องหน้าต่างมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ตรงกลางสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้นะ ตัวกรอบเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ และได้เป็นกระจกใสธรรมดา
ปลายเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า ซึ่งทางโครงการจะ Built in ติดผนังมาให้แบบนี้ และได้สีแบบนี้เลยครับ ซึ่งขนาดตู้ก็เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนนะครับ
โซนต่อไปจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกฝ้าบานเลื่อน แยกระหว่างโซนพักผ่อนกับโซนใช้งานออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน
ภายในห้องครัวจะปูกระเบื้องเซรามิกมาให้ สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงสามารถทำอาหารได้อย่างจริงจัง เพราะเป็นครัวปิด และมีประตูระเบียงที่ช่วยเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย โดยชุดเคาน์เตอร์ครัวจะได้ทุกอย่างตามนี้ ซึ่งโครงการนี้เค้าจะไม่ได้ติด Hop&Hood มาให้นะครับ ถ้าใครต้องการใช้ก็จะต้องไปติดเพิ่มเองนะครับ
ระเบียงด้านนอกจะแขวน Condensing unit เอาไว้ด้านบน เป่าลมร้อนมาที่ด้านข้าง ซึ่งแนะนำให้ติดกริลแอร์ดันลมร้อนออกไปด้านนอกจะดีกว่า ส่วนด้านล่างนี้เค้าจะเตรียมจุดต่อเครื่องซักผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะเป็นห้องน้ำนะครับ
ภายในห้องน้ำเราก็จะได้ของทุกอย่างตามนี้เลย ยกเว้นอุปกรณ์ตกแต่งนะ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดจะเป็นของ American Standard ครับ
แต่สิ่งที่ชอบคือผนังด้านข้างที่จะมีการทำหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อให้แสงเข้า แล้วยังช่วยระบายอากาศ กลิ่น และความชื้นได้อีกด้วย
ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 54 ตารางเมตร ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างที่มีลักษณะคล้ายการนำห้อง studio 2 ห้องมา combine รวมกัน ข้อดีของห้องแบบนี้คือจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ แสงสว่างส่องถึงในทุกๆฟังก์ชัน แถมห้องนี้ยังมีพื้นที่ foyer เป็นส่วนต้อนรับด้านหน้าซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และได้พื้นที่ common area ตรงกลางขนาดใหญ่ เชื่อมถึงกันทุกฟังก์ชัน แถมห้องครัวก็ยังสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้หากคุณเป็นคนชอบทำอาหารนะ
ห้องนอนกั้นด้วยผนังทึบแยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว ซึ่งจะมีห้องน้ำอยู่ 2 ห้อง ไม่ต้องแย่งกันใช้ โดยห้อง Master Bedroom จะสังเกตง่ายๆคือมีห้องน้ำในตัว แล้วยังสามารถวางเตียง king size ขนาดใหญ่ภายในห้องได้อีกด้วยครับ ของจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ลองตามไปชมพร้อมๆกันเลย
เมื่อเราเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือความโปร่งโล่งจากช่องแสงภายในห้องที่ยาวต่อเนื่องกัน เลยทำให้ห้องนี้สว่าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโล่งจนเกินไปนะ เพราะด้านขวาจะมีเสากั้นเอาไว้ ทำให้ห้องนี้ดูเป็นสัดส่วนและได้ความเป็นส่วนตัวในคราวเดียวกัน
โดยพื้นที่แรกที่เราเข้ามาจะเรียกว่าเป็น foyer ก็ได้ครับ เป็นส่วนต้อนรับที่เอาไว้วางพวกตู้รองเท้าและตู้เก็บของต่างๆ ซึ่งชุดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเหล่านี้เราก็จะได้ทั้งหมดเลยด้วยครับ
ติดกันทางด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำนี้จะใช้งานร่วมกับพื้นที่ส่วนกลางและห้องนอนข้างๆกันนี้ ภายในจะมีฟังก์ชันทั่วไปที่เป็นมาตฐานเหมือนกับห้องที่แล้ว และได้ชุดสุขภัณฑ์ American Standard ที่เห็นทั้งหมดภายในห้องแบบนี้ครับ
ถัดเข้ามาจากพื้นที่หน้าห้องก็จะเป็นส่วน Living โดยเราก็จะยังได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นทั้งหมดตามนี้ ทั้งโต๊ะ ตู้ และโซฟา รวมถึงยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับประตูระเบียงกระจก สามารถเปิดออกไปใช้งานภายนอกได้ หรือจะนั่งดูทีวีไป แล้ว take view ไปชิลๆ
ทางด้านซ้ายมือจะมีประตูห้องนอนครับ ซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำเมื่อสักครู่ ทำให้ฟังก์ชันการใช้งานของทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นสะดวกทั้งคู่
ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกำลังดีเลยครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ห้อง Master แต่ก็สามารถวางเตียง 5 ฟุตไว้กลางห้อง แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้สะดวก สิ่งที่เป็นจุดเด่นของห้องนี้คือ “ช่องหน้าต่าง” ครับ เพราะเราจะได้ถึง 2 ด้าน ทำให้ห้องสว่างแล้วยังเปิดระบายอากาศได้ดีเลยทีเดียวแหละ
ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า ซึ่งจะมีหน้าตาคล้ายตู้ที่ห้อง studio เพียงแต่ว่าจะมีใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ทำให้จุของได้มากขึ้นครับ
ออกมาจากห้องนอน ต่อไปเราจะมาดูอีกฝั่งของห้องกันบ้างครับ
พื้นที่ด้านหลังโซฟาคือโต๊ะทานอาหาร ซึ่งโครงการจะให้เป็นโต๊ะกระจกแบบ 4 ที่นั่งมาให้แบบนี้ จุดที่ชอบคือการที่โต๊ะอยู่ด้านหลังโซฟาแล้วยังอยู่ติดกับหน้าต่าง ทำให้เวลาเราทานอาหารก็สามารถดูได้ทั้งทีวีไปด้วย หรือจะชมวิวภายนอกไปด้วยก็ได้ครับ ทำให้โต๊ะตัวนี้กลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ที่สามารถนั่งทำงานอ่านหนังสือได้จริงครับ
และฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งเราจะได้เป็นครัวเปิดแบบนี้ แต่ก็ยังสามารถกั้นทำเป็นครัวปิดได้เองถ้าเป็นคนชอบทำอาหารนะ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะได้เหมือนกับห้อง studio เลยครับ
ห้องสุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ซึ่งภายในมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกำลังพอดี เพียงแต่จำเป็นต้องเลื่อนเตียง 6 ฟุตนี้ไปชิดริมหน้าต่าง เพื่อให้มีพื้นที่ด้านขวาเหลือพอให้ใช้สอยได้สะดวกครับ
พื้นที่ทางขวาของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า รวมถึงเราจะได้โต๊ะเครื่องแป้ง Built in มาให้แบบนี้ด้วยครับ
ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันพื้นฐานเหมือนๆกับห้องอื่นๆนะ มีการกั้นแยกเป็นสัดส่วน และสามารถใช้งานได้สะดวกครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 31 May 2019
- Studio ขนาด 26.52 – 27.23 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท หรือตร.ม.ละ 71,267 บาท
- 2 Bedrooms ขนาด 54.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท หรือตร.ม.ละ 80,365 บาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- มีรถ Shuttle Bus ไปกลับรถไฟฟ้า สถานีบางขุนนนท์ (ในอนาคต)
- จอง Studio 10,00 บาท และ 2 Bedrooms 20,000 บาท
- ทำสัญญา Studio 20,00 บาท และ 2 Bedrooms 50,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ 16 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. (จ่ายครั้งเดียว)
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
- Promotion : เฉพาะวัน Presale 22 – 23 มิ.ย. 2562
- Studio : เครื่องใช้ไฟฟ้า 4 รายการ (TV 40 นิ้ว, ไมโครเวฟ, ตู้เย็น 7.4 คิว, เครื่องทำน้ำอุ่น) Fully Furnished + ผ้าม่าน (ไม่มีฟูกที่นอน)
- 2 Bedrooms : เครื่องใช้ไฟฟ้า 7 รายการ (TV 40 นิ้ว 3 เครื่อง, ไมโครเวฟ, ตู้เย็น 7.4 คิว, เครื่องทำน้ำอุ่น 2 เครื่อง) Fully Furnished + ผ้าม่าน (ไม่มีฟูกที่นอน)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการพาชมห้องตัวอย่าง โครงการ dcondo tann จาก แสนสิริ ซึ่งต้องขอบอกก่อนนะครับว่า นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เรานำมาฝากกัน ยังมีรายละเอียดและบทวิเคราะห์อื่นๆ ที่เพื่อนๆสามารถรอชมได้ในรีวิวเจาะลึกฉบับเต็มเร็วๆนี้ และถ้าใครมีความคิดเห็นยังไง หรืออยากทราบอะไรเพิ่มเติม และอยากให้รีวิวจุดไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถ comment มาคุยกันได้ที่ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
และอย่าลืมนะครับว่าโครงการนี้จะเปิดรอบ VIP ครั้งแรกวันที่ 8 มิ.ย. และเปิด Presale วันที่ 22 – 23 มิ.ย. นี้แล้ว สามารถเข้าไปลงทะเบียนและติดตามข่าวสารได้จากเว็บไซต์ของแสนสิริ คลิกที่นี่ หรือไปชมห้องตัวอย่างจริงกันได้แล้ววันนี้ที่ พิกัด Google Maps : 13.771717, 100.459479 หรือสามารถ : คลิกที่นี่ ครับ