รีวิวฉบับที่ 1624 … Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise ในแบรนด์ Maestro ของ Major Development ที่ออกมาสำหรับกลุ่มตลาด Affordable Luxury หรือเน้นการดีไซน์ออกแบบให้หรูหรา มีการนำกลิ่นอายของความเป็นคลาสสิกเข้ามาผสมผสานกับรูปแบบของตึก และเป็นคอนโด Low Rise ยูนิตไม่เยอะจะได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย

Fact @ 6 July 2018

  • Maestro 01 Sathorn – Yenakat (มาเอสโตร สาทร-เย็นอากาศ)
  • บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : สาทร
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น และใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 88 ยูนิต
  • อาคารจอดรถชั้นใต้ดิน 2 ชั้น
  • ที่จอดรถ 66 ช่องจอด คิดเป็น 75% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 0-3-98 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : มีนาคม 2559
  • ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ : มีนาคม 2561
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • 1 Bedroom 33.5 – 50.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.3 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 68 – 70.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 10.5 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms Duplex 100 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms Duplex 135 – 165 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท
  • หรือช่วงราคาเฉลี่ยประมาณ 150,000 – 170,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ปัจจุบันราคาเริ่มต้น 5.3 ล้านบาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center โทร 02 116 1111

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ


[ENQUIRY-TITLE]Fast Deal โปรโมชั่นพิเศษเดือนนี้ Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ เริ่ม 8.99 ลบ. [/ENQUIRY-TITLE]
[ENQUIRY-SNIPPET]ลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่นและการติดต่อจากทางโครงการ[/ENQUIRY-SNIPPET]
[ENQUIRY-CTA]คลิกลงทะเบียน[/ENQUIRY-CTA]
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.717767, 100.547872

Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ ตั้งอยู่ติดถนนเย็นอากาศ ตรงข้ามกับซอยประสาทสุข เป็นที่ดินขนาด 1 ไร่เศษ อยู่ในบริเวณตัวเมืองอันเป็นชุมชนเก่าด้านหลังซอยสาทร 1 และถนนพระราม 4 โดยถนนบริเวณนี้จะถูกใช้เป็นทางลัดเพื่อไปออกนางลิ้นจี่ สาทร สวนพลู เกอเธ่ พระรามที่ 4 พระรามที่ 3 ถนนจันทน์ ทางด่วนหรือแม้กระทั่งถนนนราธิวาสฯ ทำให้เป็นถนนที่มีทางหนีทีไล่เยอะ เข้าออกได้หลายทาง มีทั้งทางที่รถติดมากและทางที่รถไม่ติดเลย ซึ่งถ้าใครอยากจะอยู่ในพื้นที่แถวนี้ก็ต้องเชี่ยวชาญเรื่องทางลัดทางเล็กทางน้อย ใช้ให้ครบและรู้ให้ทั่วว่าเส้นไหนจะติดเมื่อไรครับ

ในพื้นที่ย่าน สาทร-เย็นอากาศ-นางลิ้นจี่ รอบๆโครงการจะค่อนข้างเงียบสงบ สิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าดูพื้นที่โดยรอบอย่างที่บอกไปว่าทำเลนี้ใกล้กับย่านธุรกิจย่าน สีลม สาทร พระราม4 และอีกฝั่งจะเป็นทางออกไปถนนพระราม 3 สถานที่สำคัญรอบๆโครงการส่วนใหญ่จึงจะเป็นอาคารสำนักงานต่างๆชื่อดังหลายตึก

แต่ภายในตัวซอยเอง ก็มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งร้านอาหาร, Cafe, มินิมาร์ท, ซูเปอร์มาร์เกต และคอมมูนิตี้มอลล์ไซส์เล็กอยู่กระจายในพื้นที่ ส่วนศูนย์การค้าจะต้องออกไปตามถนนใหญ่หน่อย อาทิเช่น เซ็นทรัลพระราม 3 ใกล้ๆยังมี Community mall The Up พระราม 3, Vanilla Moon และ De’ Forest ยังมีตลาดนางลิ้นจี่, Tops Super, แม็คโคร และ Tesco Lotus ให้คุณแม่บ้านจับจ่ายใช้สอย / นอกนั้นก็จะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล และ สถานทูต ส่วนสวนสาธารณะจะมีสวนลุมพินี และ สวนเบญจกิติในบริเวณใกล้ๆ ซึ่งรวมๆแล้วก็ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร

จะเห็นว่าตำแหน่งของที่ดิน Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศนั้นแทบจะอยู่ใจกลางรังผึ้งบริเวณนี้เลย หากวิ่งเข้ามาจากถนนใหญ่นางลิ้นจี่ก็จะอยู่ห่างจากสามแยกบริเวณ​ Tops Market(เก่า) ราว 1 กม. ถ้าจะวิ่งไปจนสุดซอยก็ห่างจากทางออกถนนพระราม 4 ประมาณ 800 เมตร โดยมี MRT สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT คลองเตย ห่างจากตำแหน่งที่ตั้งของโครงการประมาณ​ 1 กิโลเมตร ซึ่งหากจะใช้รถไฟฟ้าโครงการก็มี Shuttle Car ในโครงการไปส่งได้ แต่ถ้ารอนานก็คงต้องเรียกพี่วินหรือ Taxi มาช่วย

การเดินทางโดยใช้รถ สามารถใช้เส้นทางไปลัดออกถนนต่างๆได้หลากหลาย ทั้งถนนเย็นอากาศ ถนนนางลิ้นจี่ ถนนสาทร ถนนพระราม4 ถนนจันทน์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีทั้งอาคารสำนักงาน และโรงเรียนชื่อดัง แต่ถ้าใช้เส้นทางออกมาทางถนนนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ถนนพระราม 3 การจราจรจะติดขัดน้อยกว่า สำหรับสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยชุมชนเก่าในละแวกนี้ มีคอนโด Low Rise และอพาร์ตเมนต์แทรกตัวอยู่บ้าง บรรยากาศค่อนข้างสงบกว่าช่วงต้นซอย ส่วนบริเวณโดยรอบทำเลนี้จะว่าไปก็ใกล้กับย่านธุรกิจย่านสาทร สีลม อโศก สามารถเดินทางไปได้สะดวกแต่จำเป็นที่จะต้องใช้รถ ข้อดีคือใกล้กับทางขึ้นและลงทางด่วน มีเส้นทางลัดเลาะภายในซอยเยอะ สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถก็สามารถเรียกรถสาธารณะต่างๆได้

นี่ครับ ผมลองไปหาจุดทางขึ้นลงทางด่วนใกล้ๆ รอบๆโครงการมาให้ดูว่ามีประมาณไหนบ้าง ก็ไม่ไกลทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร(ขึ้นลงทางพระราม 3) / จุดขึ้นลงทางด่วนบ่อนไก่ที่แยกพระราม 4-คลองเตย / หรือจะไปขึ้นตรงแยกด่วนสาธุ เพื่อใช้ไปได้ทั้งสีลม-สาทร หรือดาวคะนองก็ได้ เรียกว่าเป็นทำเลที่ใช้ทางเลือกทางด่วนได้หลากหลายจริงๆ

โดยเส้นทางที่ผมเลือกมาในวันนี้ก็เป็นแบบ เส้นสีน้ำเงินในแผนที่นี่แหละครับ มาจากในตัวเมืองสุขุมวิทใช้ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าลงใต้ ตามป้าย ดาวคะนองมาเรื่อยๆ ไปดูกัน

ผมอยู่บนทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าลงใต้ออกเมือง ตามป้าย ดาวคะนองมาต่อเนื่องนะครับ ซึ่งพอหลังๆจะมีป้าย “พระราม 3” มาแทรก ให้เราอิงจุดนี้ เพราะเราจะลงบนเส้นพระราม 3 ก่อนครับ

พอลงจากทางด่วนมาแล้ว เราจะมาบรรจบเชื่อมกับถนนพระราม 3 นั่นเอง

ซึ่งพอเราเข้าสู่ถนนพระราม 3 แล้ว ให้เราค่อยๆชิดขวาไปเรื่อยๆนะ ไม่ต้องรีบปาดหน้าอะไร ทยอยๆเปลี่ยนเลนไปชิดขวา เพราะอีกไม่ไกล เราจะต้องเลี้ยวขวาที่แยกนางลิ้นจี่ด้านหน้า

มาถึงที่แยกนางลิ้นจี่แล้ว ตรงนี้ชิดขวา 2 เลน เพื่อสามารถเลี้ยวขวาได้

พอเราเลี้ยวขวามาแล้ว จะเข้าสู่ถนนนางลิ้นจี่ล่ะ ก็ให้เราตรงยาวๆไปเลยนะ

ตรงนี้จะเป็นแยกไฟแดงที่เราต้องวิ่งตัดผ่านถนนรัชดาภิเษก รอสัญญาณไฟ และลิดใต้ทางด่วนเฉลิมมหานครที่มาตอนแรกด้วย

หลังจากข้ามแยกไฟแดงมาแล้ว เราจะเจอไฟแดงที่สอง ซึ่งตรงนี้ซ้ายมือเราจะเห็นถนนจันทร์เก่า(สามารถไปออกสู่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้) และขวามือเป็นซอยอมร(สามารถไปออกถนนพระราม 3 ได้) แต่เรายังตรงต่อไปอีกนิดหน่อยนะครับ

ตรงโซนนี้ริมตึกแถวด้านขวาคือโซนด้านหน้าของตลาดนางลิ้นจี่ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์เก่าแก่ของพื้นที่ มีลักษณะอาหารการกินเป็นสตรีทฟู๊ดซึ่งคงเอกลักษณ์ของพื้นที่ตรงนี้อยู่ มีอาหารอร่อยๆให้เลือกเพียบ

หลังจากนั้นเลยตลาดมานิดเดียว ขวามือเราจะเห็นซอยนางลิ้นจี่ซอย 3 ที่ผมแคปภาพมาให้ดูเพราะว่า เมื่อก่อนใครๆย่านนี้ก็จะมาพึ่ง “Tops Market นางลิ้นจี่” ที่อยู่ข้างหน้าใช่ไหมล่ะ แต่ตอนนี้เค้าย้ายมาอยู่ในซอยนี้แล้วนะ

แปลงที่ดินของ “Tops Market นางลิ้นจี่” ที่เมื่อก่อนเคยอยู่หัวมุมสามแยกตัดกับถนนเย็นอากาศตอนนี้มีการล้อมรั้วพื้นที่ใหม่แล้ว ซึ่งกำลังก่อสร้างเป็น Community Life Style Mall แห่งใหม่ครับ ซึ่งถ้ามีร้านสวยๆ อาหารดีๆเพิ่มขึ้นมาก็ดีแก่คนแถวนี้ ตรงนี้ให้เราเลี้ยวขวาเลยนะครับ

หลังจากเลี้ยวขวามาแล้วเราก็จะเข้าสู่ถนนเย็นอากาศ โอ้.. เห็นป้ายบอกย้ายท็อปไปแล้วคนแถวนี้แอบใจหายเล็กๆ ยังดีแค่ย้ายไปใกล้ไม่ได้หายไป ทีนี้เราก็ตรงกันต่อเลยครับ ให้จับระยะหน้าปัดไมล์ก็ได้ 1 กิโลเมตรพอดีทางซ้ายมือ

หลายๆคนก็คงทราบกันแล้วว่าโซนนางลิ้นจี่ เย็นอากาศพวกนี้ เป็นย่านของกลุ่มที่มีมีบ้านแนวราบกำลังทรัพย์สูงหลายหลังที่มาอยู่อาศัยบุกเบิกพื้นที่ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นสภาพแวดล้อมที่เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่ริมทางสองฝั่ง และมีต้นไม้ปลูกร่มรื่นแบบนนี้ระหว่างเดินทางสลับๆกันไป

วิ่งเข้ามาได้เลยครึ่งทางนิดนึงนะครับ ตรงนี้จะเจอสามแยกกับซอยเย็นอากาศ 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติ Garden อยู่ด้วย

ถัดมาจะเจอกับร้าน Infusion Eatery & Bar ร้านนี้ดังพอสมควรนะ เป็นร้านอาหารสไตล์โฮมเมด แนวฟิวชั่น ที่บรรยากาศร้านสงบๆหน่อย แต่ราคาก็สูงขึ้นมานิดนึงตามวัตถุดิบครับ

หลังจากครบระยะ 1 กิโลเมตรพอดีเป๊ะที่เราเลี้ยวขวามาจากถนนนางลิ้นจี่ ก็ถึงที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือแล้วครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Garden International school
  • โรงเรียนอนุบาลบ้านสานฝัน
  • โรงแรมไอบิส สาทร
  • Crescent International school
  • Tops Market Nanglinchee
  • โรงแรมสุโขทัย
  • สวนลุมพินี
  • โรงพยาบาล BNH
  • โรงพยาบาล, โรงเรียน กรุงเทพคริสเตียน
  • โรงพยาบาล, โรงเรียน, วิทยาลัย เซนต์หลุยส์
  • Central Plaza Rama 3
  • The Up Rama 3
  • Vanilla Moon
  • Makro สาทร


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัวโครงการกันสักนิด อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าถ้าใครเลือกคอนโดรูปแบบ Low Rise คงไม่ได้คาดหวังอะไรจากวิวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไปเอาตึกสูงดีกว่า แต่ต้องการเรื่องของจำนวนยูนิตน้อยจะได้ไม่วุ่นวาย แต่การที่โครงการอยู่ถนนที่รอบๆก็ไม่สามารถขึ้นตัวตึกสูงได้อยู่แล้ว เราจะมีเพื่อนบ้านทั้งอาคารพาณชิย์  ชุมชนบ้านพักอาศัยทั่วไป  ทาวน์โฮม และก็อพาร์ทเมนท์แบบนี้ครับ ดูไม่เปลี่ยนและก็ไม่หนาแน่นจนเกินไป

ผมลองตีเส้นขอบเขตที่ดินโครงการ อยู่ติดกับถนนเย็นอากาศ ฝั่งตรงข้ามจะมีแนวตึกแถวอยู่ชุดนึง ซึ่งก็มี 7-Eleven อยู่ตรงข้ามพอดี นับว่าดีสำหรับลูกบ้านโครงการนี้เลย และก็มีร้านอาหารสั่งง่ายๆอยู่ปะปนอีกนิดหน่อย

และก็นั้วของโครงการฝั่งทิศใต้ ใช่ว่าจะติดสนิทกับรั้วกำแพงบ้านพักอาศัยซะทีเดียว เพราะข้างแปลงที่ดินก็มีตรอกเล็กๆคั่นอยู่

สภาพแวดล้อมฝั่งตรงข้ามโครงการ เวลาเรายืนจากทางเข้าออก ซึ่งถ้าดูจริงๆแล้วมันไม่ใช่ตึกแถวแหะ เป็นลักษณะของทาวน์เฮ้าส์ยุคเก่ามากกว่า แต่ทุบกำแพงด้านหน้าออก เพราะแถวนี้ทำพาณิชย์ได้อยู่นะ

ฝั่งตรงข้ามกับโครงการมีซอยเล็กๆอยู่ซอยนึงชื่อซอยประสาทสุข ด้านในก็เป็นชุมชนบ้านพักอาศัยนี่แหละครับ ถ้าเราตรงไปอีกนิดเดียว จะเจอกับสามแยกนะฮะ ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปออกแถวถนนเชื้อเพลิง ส่วนเลี้ยวซ้ายก็ไปออกซอยงามดูพลี(พระราม 4) หรือซอยสาทร 1(สาทร)

ตัวรั้วกำแพงด้านหน้าโครงการ ถึงแม้จะเป็นคอนกรีตทึบ แต่ก็มีการเจาะช่องบางส่วนให้เห็นถึงสีเขียวของต้นไม้มาแซมอยู่บ้างไม่ให้ดูอึดอัดทึบเกินไป

หน้าตาภายนอกของตัวอาคาร หรือ Facade เป็นสิ่งที่โดดเด่นมากสำหรับแบรนด​ Maestro ที่เมเจอร์ค่อนข้างให้ความสำคัญทีเดียว โดยคอนโด Low Rise ทั่วไปส่วนใหญ่มักจะฉาบเรียบทาสีและเอาระแนงมาตกแต่งเท่านั้น คอนเซปท์ยังไม่ชัดเท่านี้ ตัวนี้จะออกเป็นแนวคลาสสิคหน่อย ซึ่งผมแอบคิดในใจว่าถ้าบ้านเราเอาเสาไฟ สายไฟ สายเคเบิ้ลลงใต้ดินหมด จะดูสวยและเด่นเพิ่มอีกมากๆเลยล่ะ

ในส่วนการเก็บรายละเอียดของวัสดุ ทำได้ดีทีเดียว มองไกลๆ เราจะเห็นสัมผัสของพวกเหล็กกับตัวกันตกเป็นเหมือนเหล็กขึ้นสนิทใช่ไหมครับ จริงๆแล้วเค้าใช้งานทาสีและจงใจให้เป็นแบบนี้นะ เพื่อจะได้เข้ากับคอนเซปท์หน้าตาอาคาร

ส่วนของป้ายชื่อโครงการ ก็ใช้สีทองบนตัวอักษร Signage มาตัดกับสีพื้นหลัง Navy Bluse ดูมีความ Contrast และโดดเด่น ทางเดินข้างๆเป็นทางเข้าสู่ Lobby ถ้าอนาคตปิดโครงการก็จะเอาตัวพ่นลมนี้ออกนะ

คอนโดมิเนียมของบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนรักมาเลี้ยงในโครงการได้ ภายใต้ข้อกำหนดของทางนิติบุคคลในแต่ละโครงการ กับคอนเซ็ปท์ Pet Friendly คอนโดที่อนุญาตให้คุณเลี้ยงสัตว์ได้ โดยเงื่อนไขของโครงการนี้คือ

  • การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯและลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล
  • ต้องมีการชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียนต่อปี

  • (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์)

  • ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว)
    • และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต

  • สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้
    • 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม.
    • 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตร.ม.
    • 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตร.ม. เป็นต้นไป
    • (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น)

  • สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง/ห้ามพาสัตว์เลี้ยงไปที่ชั้นสระว่ายน้ำ
  • เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อห้าม อย่างเคร่งครัดรวมถึงยอมรับบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ
  • มาดู Ground Plan หน่อย ชั้นนี้ทางซ้ายมือเป็นส่วนพื้นที่จอดรถได้นะครับ และก็มีทางลงไปสู่ชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้นสำหรับจอดรถได้อีก พอเข้ามาด้านในอาคารจะเจอกับส่วนของ Lobby ก่อน ซึ่งจัดเป็นพื้นที่แบบ Double Volume กินพื้นที่สูงโปร่งไปถึงชั้น 2 ด้านในมีห้องบางส่วนแยกไปอีกหน่อยเป็นของนิติฯและแม่บ้าน / ที่ชั้นนี้ก็มีส่วนของห้องพักอาศัยแล้วนะครับ 5 ยูนิต ซึ่งใครจะมั่วมาทางเดินหน้าห้องเราไม่ได้ต้องใช้คีย์การ์ดนะครับ อีกทั้งจะเห็นว่าเฉพาะห้องชั้นนี้แอบได้ Private Garden ด้านนอกห้องด้วย

    ด้านหน้าทางเข้าออกโครงการ ซ้ายมือจะเป็นส่วนของป้อมรักษาความปลอดภัย ซึ่งเราก็จะเห็นพี่รปภ.ยืนเท่ๆ คอยตรวจตราคนที่จะผ่านเข้ามาในโครงการ โดย Visitor จะต้องแลกบัตรทุกครั้งนะ พื้นด้านหน้าทั้งหมดเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย ถัดไปจะเป็นส่วนของรั้วไม้กั้นกระดกที่ต้องใช้ Keycard Access

    เข้ามาแล้วทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของที่จอดรถได้ทั้งลูกบ้านและ Visitor โดยมีการทำเป็นพื้นทั้งอีพร็อกซี่ และก็ขัดมันธรรมดาผสมกัน

    เราจะเห็นว่าส่วนของที่จอดรถบริเวณนี้ มีการค่อยๆสโลปลงเรื่อยๆนะครับ ที่เห็นหน้าต่างเยอะๆทางขวาเป็นส่วนของช่องแสงที่ส่องเข้าไปยัง Lobby & Lift Lobby ฮะ

    ที่นี่เค้ามีการแยกที่จอดรถ Big Bike เอาไว้ให้มุมนึงพิเศษแบบนี้เลย

    หลังจากนั้นเราจะเลี้ยวขวาลงไปดูส่วนของที่จอดรถก่อน ซึ่งทางเดินรถสวนทางทำได้ค่อนข้างกว้างไม่ต้องเบียดกัน แต่ถ้าจะลง Basement จะจำกัดความสูงอยู๋ที่ 2.10 เมตรนะ

    พอลงมาแล้วสิ่งที่้สะดุดตาก่อนเลยก็คือเจ้า Shuttle Car Service สำหรับไปส่งลูกบ้านทั้งที่ถนนนางลิ้นจี่ หรือรถไฟฟ้าครับ โดยการเลือกเอาเป็นตุ๊กๆสามล้อมแบบยาว 2 แถวหน้าตาดูดีเชียว

    พื้นที่จอดรถ Basement 1, 2 ก็ทำออกมาได้สว่างดี ช่องจอดรกว้างมาตรฐานพร้อมตีช่อง ตีเส้น มีลูกศรบอกทางเข้าใจง่ายชัดเจน มีติดกระจกโค้งที่ตามมุมหักเลี้ยวต่างๆ และก็สามารถขึ้นลิฟต์ที่ชั้นใต้ดินนี้ได้ด้วยครับ

    กลับขึ้นมาที่ชั้น Ground อีกครั้ง เดี๋ยวเราจะเข้าไปสู่ด้านในตัวอาคารที่พักอาศัยกัน

    นี่ครับ ที่ผมบอกไปในแปลว่าชั้นนี้ก็มีห้องพักอาศัยนะ แต่มั่วเดินไปหน้าห้องไม่ได้ ต้องใช้ Keycard Access เอา ส่วนของผนังก็มีการกรุตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวแผ่นเล็กๆแบบนี้มาเรียงต่อกัน

    ด้านในจะเป็นส่วนของ Lobby พื้นที่รับรอง ซึ่งตรงกลางจะเป็นแบบ Double Volume

    Lobby ให้นำหนักของกระจก และช่องแสงส่องผ่านถึงกันและกันได้ โดยพื้นที่นั่งเล่นหรือรับรองแขกไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็เหมาะสมกับจำนวนยูนิตที่เป็นคอนโด Low Rise

    ทางขวามือเป็นส่วนพิ้นที่ตู้จดหมาย กั้นผนังกระจกมาบางส่วนครับ การแบ่งตู้ก็ทำได้ดีนะ ไม่มีตำแหน่งตู้จดหมายไหนเตี้ยหรือสูงจนเกินไป ตรงย่อเข่าไปเปิดอะไรอย่างนี้ครับ

    มุมนี้สวยดีครับ ตรงใจกลางของ Lobby จะเป็นเคาน์เตอร์หินอ่อน Reception ซึ่งเราจะเห็นว่าบริเวณคุมธีมเป็น White Tone ทั้งหมด ดูสบายตา และได้ช่องแสงต่อเนื่องมาจากที่ชั้น 2 ทุกฝั่งทำให้ Space บริเวณนี้ดูสบายตาและโอ่โถ

    ด้านหลังของ Reception จะเป็นพื้นที่ Lift Lobby ซึ่งที่นี่ได้ลิฟต์โดยสารมาสองตัว อัตราส่วนจึงอยู่ที่ 44:1 เท่านั้น เรียกว่าน้อยมากๆ

    เดินต่อมาด้านในผมเอาลูกศรแปะตำแหน่งห้องส่วนอื่นๆไว้ให้ง่ายต่อความเข้าใจครับว่ามีห้องอะไรอยู่อีกบ้าง

    ห้อง Laundry ที่ขนาดเล็กๆ แต่มีเครื่องซักแบบฝาหน้า ฝาบนมาให้ 2 ตัว พอยูนิตลูกบ้านไม่เยอะ เลยได้พื้นที่มาใส่ได้แค่ 2 ชิ้นแบบนี้ฮะ

    โถงทางเดินห้องพักอาศัยที่ชั้น 1 ปลายทางก็มีเจาะช่องแสงเอาไว้ ไม่ได้ทึบ

    ด้านข้างติดกับห้องนิติบุคคลมี้ห้องน้ำส่วนกลางสำหรับลูกบ้าน หรือ รองรับ Visitor

    ลิฟต์โดยสารที่นี่ใช้ของ Fujitec ครับเป็นไซส์กลางที่จุได้ถึง 13 คน หน้าตาภายในลิฟต์ก็ตกแต่งให้เข้ากับดีไซน์ในอาคาร

    ชั้น 2 เป็นส่วนที่มีห้องพักอาศัยเยอะขึ้นแล้ว 11 ยูนิต แต่ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้านนอกอาคารด้วยเช่นกันคือ สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Outdoor ติดกันมีห้องน้ำแยกชายหญิง ตัวห้องน้ำชายได้ Sauna และห้องน้ำหญิงได้ Steam ด้านในโถงทางเดินชั้นนี้จะได้แสงสว่างธรรมชาติเยอะหน่อยเพราะมีการเจาะช่อง Void มาจากที่ล็อบบี้ชั้นล่างนั่นเองครับ

    ออกจากลิฟต์โดยสารมาเดี๋ยวเราจะออกไปดูพื้นที่ส่วนกลางด้านนอกกันก่อนนะครับ

    ออกมาก็จะเจอกับส่วนของสระว่ายน้ำที่อยู่ระหว่างช่องว่างอาคารแบบนี้เลยฮะ

    ทางซ้ายมือ มีเซาะร่องพื้นที่เอาไว้เล็กน้อย สำหรับชำระล้างตัวก่อนลงสระได้ และได้เป็น Rain Shower แบบฝังฝ้าเพดาน

    ส่วนสระว่ายน้ำจะตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร ตัวสระเป็นสระน้ำเกลือ กว้าง 4.5 เมตร ยาว 12.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร ด้วยการที่เป็นคอนโด Low Rise ขนาดของพื้นที่ส่วนกลางจะไม่ได้ใหญ่มากแต่แลกกับข้อดีคือการ Sharing ร่วมกันน้อยมาก ขนาดสระถือว่าไม่กว้างมากแต่ก็พอว่ายน้ำได้

     

    ห้องบางส่วนที่เป็น Pool View หันหน้าเข้าหากันโดยมีระยะห่างระหว่างห้องราวๆ 6 เมตรเท่านั้น แต่จากมุมนี้ที่ผมชอบคือ การเก็บงานหน้าตาอาคาร รวมถึงวัสดุต่างๆค่อนข้างทำออกมาได้ดูดี และให้ช่องแสงที่โถงทางเดินเยอะด้วย

    ติดกันที่ข้างๆสระว่ายน้ำ จะมีห้องน้ำแยกส่วนชายและหญิงครับ

    เข้ามาดูในห้องน้ชายกันยังคงความเป็นตีมไวท์โทนนะครับ มีฟังก์ชันอ่างล้างมือ ล็อกเกอร์เก็บของ ห้องน้ำ และก็ซาวน่า

    ชุดเคาน์เตอร์รอบอ่างล้างมือให้เป็นชุดหินอ่อนสีขาวแบบนี้ ลายสวยดี

    ส่วนของห้อง Sauna ก็ขนาดมาตรฐานนะครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่นั่งได้ประมาณ 2-3 คน

    แต่ในส่วนของห้องคุณผู้หญิงจะเปลี่ยนจากซาวน่ากลายมาเป็นห้อง Steam แทนเผื่อสุขภาพผิวไม่โดนรนีดเหงื่อหนักเกินไป

    เดี๋ยวไปดูด้านใน Corridor โถงทางเดินส่วนหน้าห้องพักอาศัยกันสักหน่อย (ต้องใช้ Keycard นะ)

    ตรงจุดนนี้เป็นส่วนพิเศษเดียวของ Corridor ที่อยู่ที่ชั้น 2 ที่ได้ทางเดินกว้างพิเศษ อีกทั้งได้ช่องแสงพิเศษด้วยเช่นกัน เพราะเป็นส่วนของ Void ที่โถงล็อบบี้ชั้น 1

    แต่ส่วนโถงทางเดินจุดอื่นๆก็ได้จะได้แบบความกว้าง 1.50 เมตร ก็ยังกว้างอยู่ดีแหะ อีกทั้งมีการช่องแสงธรรมชาติ(เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งที่ปลายสุดทางเดินเอาไว้เกือบทุกจุด)

     

     

    ที่ชั้น 3-6 แปลนจะเหมือนกันนะครับ จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นของ Maestro 01 เย็นอากาศอยู่ที่ 13 ยูนิตต่อชั้น โดยจะมีตำแหน่งห้อง B1 กับ A3 ขึ้นมา ซึ่งสองตำแหน่งนี้ก็จะพิเศษหน่อยอย่าง B1 ก็จะได้เป็นวิวสระว่ายน้ำมองยาวตรงๆ ส่วนของ A3 โครงการเว้นพื้นที่ฝั่งตรงข้ามนอกระเบียงเป็นส่วนของ Single Corridor ทำให้มองออกไปไมเห็นห้องฝั่งตรงข้ามนั่นเองครับ

    ขยับขึ้นมาที่ชั้น 7-8 ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ (หรือหันหน้าออกถนนเย็นอากาศ ด้านหน้านั่นเอง) จะเปลี่ยนเป็นห้องแบบพิเศษอย่าง Duplex อยู่ด้วย ทำให้จำนวนห้องน้อยกว่าชั้นทั่วๆไปนะครับ

    และสุดท้ายคอนโด Maestro ชอบจัดพื้นที่ส่วนกลางในส่วนของ Rootop ให้ใช้งานได้ค่อนข้างพิเศษและเต็มพื้นที่มากที่สุด เพื่อลูกบ้านจะได้มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้หลากหลายหน่อย โดยผมใส่ชื่อโซนฟังก์ชั่นต่างๆเอาไว้ให้แล้ว ไปดูที่ชั้นนี้กันเลย

    โดยส่วนของลิฟต์จะสามารถขึ้นมาส่งที่ชั้นดาดฟ้าได้เลยนะครับ ออกมาจะเป็นพื้นที่โถงลิฟต์แบบกั้นโซนปิดเอาไว้ก่อน สามารถออกไป Outdoor Zone ได้และเข้าห้อง Fitness ได้จากตรงนี้ด้วย

    โดยผมจะเข้ามาดูส่วนของ Fitness กันก่อนซึ่งตอนนี้ผมมานี่เที่ยงพอดี แดดกำลังแรงเลย ห้อง Fitness เลยปิดม่านยเอาไว้แบบนี้ เดี๋ยวผมขอไปเปิดม่านแปปนะ จะได้เห็นหน้าต่างชัดๆ

    แต่น แต๊นนนน ดึงม่านมูลี่ขึ้นแล้ว โทนสีแสงธรรมชาตกับพื้นที่สีเขียวด้านนอก ทำให้ดูดีขึ้นทันตาเห็นครับ และได้แอร์แบบฝังฝ้าสี่ทิศด้วยสองตัว ไม่ต้องกลัวร้อน

    ในส่วนของเครื่องออกกำลังกายก็มีมาให้หลากหลายแบบ ทั้งคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง บาร์ดัมเบล ยี่ห้อก็มีทั้ง Vision กับ Matrix ปะปนกันไปครับ

    เครื่องเล่นคาร์ดิโอชิ้นใหญ่ถูกวางเอาไว้ชิดหน้าต่าง ฝั่งที่มองออกไปเป็นสวนพื้นที่สีเขียวด้านนอก จะได้ดูสบายตาหน่อย

    ผนังอีกฝั่งของด้านในห้อง Fitness ก็ก้มลงไปมองวิวสระได้เผื่อพักสายตา 😀

    เดี๋ยวออกไปดูด้านนอกกันบ้างครับ

    พื้นที่ส่วนกลางด้านนอก Major เค้าถนัดเรื่องการแบ่งโซนนิ่งฟังก์ชั่นแอเรียอยู่แล้ว ถ้าใครเคยเห็นผลงานพวกคอนโดแบรนด์ M มาก่อน โดยขนาดแต่ละจุดจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่การใช้งานจะหลากหลายด้วยเช่นกัน และอย่างพื้นที่ PetZone ที่พาสัตว์เลี้ยงตัวเล็กของเรามาวิ่งเล็ก ก็แยกพื้นที่ซักล้างเอาไว้ให้ด้วยนะ

    วิวนี้ผมถ่ายจากดาดฟ้านี่แหละครับ เป็นฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ด้านหน้าโครงการที่ติดถนนเย็นอากาศนั่นเอง ที่เราเห็นซอยเล็กๆมองตรงไปนั่นคือซอยประสาทสุขฮะ

    มาต่อกันนอกจากนี้ ยังจัดเอาพวกโต๊ะนั่งเล่น ทำงาน พร้อมมีแยกโซนศาลานั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ที่มีหลังคาบังแดดเผื่อลูกบ้านอยากมานั่งเล่นและไม่ต้องรับแดดเต็มๆได้ด้วย

    เดินอ้อมมาที่ด้านหลังตัวลิฟต์ ด้านนอกอาคาร จะเจอกับส่วนของห้องน้ำและก็ Club Room

    ภายในห้องน้ำแยกชายกับหญิงครับ ทั้งขนาดพื้นที่และการตกแต่งเหมือนกันทุกประการ

    ส่วนของ Club จะมีการตั้งชื่อเก๋ๆด้วยนะชื่อว่า Revived Club Room หรือประมาณว่ามาฟื้นฟูจิตใจ พักผ่อนหย่อนใจอะไรมาณนั้นฮะ

    เปิดประตูเข้ามาปุ๊ปจะเจอกับ Ball Game แบบนี้ เหมาะสำหรับพาเพื่อนมาแข่งกัน

    สิ่งที่ดูสะดุดตาอีกอย่างคือการปูพื้นครับ เค้ามีการทำลวดลายโดยใช้หินอ่อนแผ่นเล็กๆนำมาเรียงสลับฟันปลากัน ทำให้เกิดลวดลายแบบนี้ในห้อง Club Room นี้

    ด้านข้างทางขวามือมีโต๊ะนั่งเล่นพักผ่อน พร้อมชุดหมากรุกฝรั่งๆที่ดูกิ๊บเก๋แวววาว

    ส่วนที่ติดกับหน้าต่างช่องแสงขนาดใหญ่จะเป็นพื้นที่ของชุดโซฟานั่งเล่น แยกโซนการใช้งานได้ 2 ส่วนครับ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นไฮไลท์เลยนะ….

    เนื่องจากที่บอกไปว่านี่เราอยู่ในถนนเย็นอากาศที่ไม่สามารถขึ้นตึกสูงได้ รอบๆเลยไม่มีตึกสูงในระยะประชิดครับ แต่.. ด้านหลังโครงการของเราที่มองออกไปไกลๆ อย่าลืมว่านั่นคือ สาทรนะครับ หนึ่งในไพร์มโซน CBD ที่มีราคาที่ดินสูงติดอันดับต้นๆของประเทศ ทำให้เวลาเรามานั่งที่ Club Room แห่งนี้จะได้ City View ที่เห็นตึกสวยๆในโซนสาทรทั้งหมด (บันยันทรี, เดอะสุโขทัย, The Met, สาธรซิตี้ทาวเวอร์)

    ออกมาจากด้านนอกห้อง Club Room ในส่วนของ Outdoor ก็ยังจัดพื้นที่ทางเดิน พื้นที่นั่งตามจุดต่างๆ ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย มีพื้นที่แยก BBQ Zone ด้วย

    ภายในพื้นที่ BBQ Zone ก็มีการก่อเคาน์เตอร์สำหรับงานล้างและงานปิ้งย่างแบบจริงจังมากที่ดูดีมีระเบียบและใช้งานได้จริงครับ


    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก



    Product Walkthrough

    Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ รูปแบบการขายจะเป็นแบบ Fully Furnished พร้อมเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Modern Italy ที่เข้ากับคอนเซปท์ของโครงการ ได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน, เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว, ชุดครัว, ชุดสุขภัณฑ์ และเครื่องปรับอากาศครบทุกห้อง(แบบฝังฝ้าเพดาน)

    ยูนิตขนาดมาตรฐานของ Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ คือ Type A2-2 ขนาด 34 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีห้องน้ำอยู่ในห้องนอน แยกเป็นสัดเป็นส่วนทุกฟังก์ชั่น รวมถึงระเบียงสองชั้นบริเวณข้างห้องนั่งเล่น จัดเป็นยูนิตที่โอเค เพราะออกแบบมาด้วยพื้นที่ที่ไม่เล็กจนเกินไป ต่างจากคอนโดประเภท Mass ที่ตัดพื้นที่จนเหลือ 20 กว่าตารางเมตรครับ

    เริ่มกันจากประตูก่อนเลย มีการออกแบบวงกบซับในซับนอกเอาไว้ให้เรียบร้อย ตัวประตูทำสีโทน Navy Blue ต่างจากประตูคอนโดทั่วๆไปครับ ส่วนลูกบิดมือจับทั้งหมดเป็นสีโทน Copper ให้ความรู้สึกคลาสสิกดีจริงๆ

    เราจะเห็นว่าตัวพื้นในห้องยกความสูงขึ้นมาเล็กน้อย การทำแบบนี้ช่วยในเรื่องกันเศษฝุ่นผงละออกจากโถงทางเดินเข้าในห้อง และเวลาแม่บ้านมาขัดถูทำความสะอาดก็ทำงานง่ายด้วย ในส่วนของพื้นห้องได้วัสดุเป็นลามิเนต 12 mm.

    เข้ามาในห้อง มองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าห้องหน่อย จะเห็นว่าเข้ามาด่านแรกจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเลยหลังจากเปิดประตูเข้ามา

    โดยทางขวามือหลังประตูทางเข้าห้อง จะเป็นพื้นที่ช่องเว้นว่างสำหรับวางตู้เย็น และก็ติดกันเป็นตำแหน่งของตู้เก็บรองเท้าขนาดค่อนข้างดีเลย ถ้าเราไปซอยชั้นวางเพิ่มก็จะเก็บรองเท้าได้มากขึ้นอีกครับ

    ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นชุดครัว ที่ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง หน้าบานจะเป็นไฮกลอสสีขาวมุข อีกทั้ง Fitting การเปิดปิดจะเป็น Soft Closed กันกระแทกด้วย

    ตัวผนังด้านหลัง Back Splash ก็จะกระเบื้องเป็นลวดลายไว้ให้ ช่วยทั้งในเรื่องความสวยงาม และเวลาทำครัวก็เช็ดคราบทำความสะอาดง่าย ตัวท๊อปครัวได้เป็นหิน Quartz ที่มีความแข็งแรง ทนต่อน้ำและความร้อนได้ดี จะเห็นว่ามีพื้นที่ให้วางของได้เยอะเพราะ Pantry มีความยาวต่อเนื่องเป็นรูปทรงตัว L มีพื้นที่ให้เตรียมอาหารเยอะพอสมควร

    Hob & Hood จะได้เป็นของ Electrolux ส่วนของซิงก์เป็นแบบหลุมฝังได้ของ Hafele และด้านล่างทั้งหมดเป็นชุดตู้ใต้อ่าง ช่องวางไมโครวเวฟและมีการแบ่งช่องวางเก็บเครื่องซักผ้าไว้ที่ตรงนี้ด้วย เพื่อที่จะได้ใช้งานส่วนของระเบียงได้เต็มที่ครับ

    จากมุม Pantry ยังได้อารมณ์เชื่อมต่อของ Space กับพื้นที่นั่งเล่น สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับคนที่อยู่อาศัยด้วยกัน พูดคุย ดูทีวี อะไรแบบนีร้ได้

    พื้นที่ทางเดินออกไปสู่ห้อง Living Area กลางห้อง

    ลูกเล่นอีกอย่างคือด้านหลังของ Pantry มีการทำโต๊ะแบบก่อยื่นออกมาแบบนี้ สำหรับเป็นมุมโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง และเวลาเราไม่ได้ทานข้าว โต๊ะนี้ก็สามารถทำเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย

    ส่วนของ Living Area ที่เป็นทั้งมุมพักผ่อน หรือรับแขกได้ระยะห่างดูทีวีประมาณ 2 เมตรกว่า เลือกทีวี 40-50 นิ้วได้ ถึงแม้มีโต๊ะกลางอยู่ก็ยังเดินไปมาได้ พวกชุดเฟอร์ตรงนี้เราจะได้จากโครงการนะครับ

    ชุดโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง ที่มีพนักพิงแขน พื้นที่ด้านข้างยังพอเหลืออีกนิดหน่อยสามารถวางโคมไฟเพิ่มแบบห้องตัวอย่างได้

    ฝั่งชั้นวางทีวีจะได้ชุดตู้ Shelving Cabinet แบบนี้มา ถ้าอยากจะได้พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นก็แนะนำว่าให้เอาทีวีแขวนผนังครับ จะได้เก็บของบนชั้นวางเพิ่มอีก

    ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานในห้องนี้คือ 2.45 เมตร แต่เราจะเห็นส่วนที่โครงการทำการดรอบในพื้นที่ครัวลง 10 ซม. และมีการแต่งเส้นขอบให้ดูมีมิติกว่าสีขาวเรียบๆทั่วไป

    ส่วนของด้านนอกถัดจาก Living มีพื้นที่ที่น่าสนใจคือ Double Balcony หรือระเบียง 2 ชั้น จริงๆแล้วมันก็คือพื้นที่ระเบียงนั่นแหละครับ แต่ความพิเศษก็คือมันสามารถกั้นเป็นระเบียงปิดแบบถ้าเราอยู่ในห้องแล้วอยากขยายพื้นที่ห้องนั่งเล่นทั้งที่เปิดแอร์อยู่ก็ทำได้ หรือว่าว่าเวลาตากผ้าก็สามารถกันเรื่องของฝนสาดได้ดี อีกทั้งส่วนการเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์ก้แยกห้องกั้นปิดเป็นสัดส่วนมองไม่เห็นจากในห้อง

    ถัดมาไปดูส่วนของห้องนอน ประตูจะอยู่ติดกับบริเวณข้างๆชั้นวางทีวีกลางห้องนะ

    พิเข้ามาแล้ว หันไปทางซ้ายก่อน ห้องนี้จะให้เตียง Queen Size ซึ่งเตียงขนาดนี้พอจัดมาลงแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบๆเตียงได้ระยะไม่อึดอัดทั้งสามฝั่งรอบๆ และพื้นที่ปลายเตียงก็สามารถเอาทีวีแขวนผนังได้ด้วย

    ด้านข้างเตียงฝั่งชิดกับหน้าต่าง ออกแบบฟังก์ชันให้มีพื้นที่ยื่นออกออกไปติดกับช่องแสง ซึ่งสามารถจัดได้ทั้งเป็นมุม Sofa Bed หรือเราสามารถจัดเป็นมุมโต๊ะทำงานส่วนตัวอีกจุดนึงก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของห้อง

    ลองมองย้อนกลับไปอีกฝั่งในห้อง จะเห็นส่วนของตู้เสื้อผ้าที่อยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งหน้าบานเป็นไฮกลอสแต่มีการเลือกลายให้เข้ากับประตูในห้องครับ

    ในส่วนของห้องน้ำมีการแยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกไว้ชัดเจน ได้กระจกเงาแผ่นใหญ่ ผนังด้านข้างมีเซาะร่องเอาไว้วางของใช้ในห้องน้ำทำมาให้เสร็จเลย โดยผนังจะใช้เป็นกระเบื้องลายสีอ่อนสีขาวดูตัดกับพื้นสีดำด้านดี

    ชุดอ่างล้างมือเซรามิคพร้อมตู้เก็บของด้านล่างมีหน้าบานพร้อม เห็นแบบนี้ชุดอ่างล้างมือเซรามิคนี้ของ LAVENZ นะครับเนี่ย / ตัวสุขภัณฑ์และชุดก๊อกหัวฉีดต่างๆได้เป็นของ Kohler

    ทางซ้ายมือเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียก กั้นด้วยธรณีก่อสูงขึ้นมาพร้อมกระจกนิรภัย พื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกว้างนะครับ มีเซาะร่องชั้นวางของอีกจุดนนึง ส่วนนึงจะใช้พัดลมดูดอากาศมาช่วยในการระบายความชื้นนะครับ

    ห้องตัวอย่างอีกห้องที่จะพาไปดู เป็นแบบครอบครัวใหญ่ขึ้นหน่อย 2 ห้องนอน TYPE B1-3  ขนาด 68 ตร.ม. ซึ่งมีการแยกห้องเป็นสัดส่วนชัดเจน ฟังก์ชันดูง่ายครับ ตรงกลางเป็นส่วน Common Area เชื่อมพื้นที่ระหว่างกันครัวเปิด ทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ระเบียง สองฝั่งซ้ายขวาเป็นส่วนของห้องนอนซึ่งห้อง Master Bedrood จะฟังก์ชันครบกว่ามีห้องน้ำในตัว พื้นที่กว้างกว่า ห้องนอนเล็กก็ไม่ได้เล็กนะครับ จริงๆแล้วพื้นที่กว้างเลย แต่จะต้องออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอกร่วมกับห้องโถง ห้องแบบนี้จะอยู่ 2-3 คนที่เป็นครอบครัวขนาดเล็กตอบโจทย์ครอบครัวในเมืองได้เป็นอย่างดี

    เปิดเข้ามาในห้องจะเป็นส่วนของ Common Area หรือพื้นที่โถงรวมนั่นเอง โดยจะเป็นการเชื่อมพื้นที่ทั้งหมดด้วยกัน แต่แยกเป็นมุมๆต่างฟังก์ชันกันครับ เดี๋ยวผมจะมาไล่ให้ดูเป็นจุดๆ

    มองย้อนกลับไปทางประตูที่เข้ามา ยังคงออกแบบให้ตู้เก็บรองเท้าอยู่ติดกับประตูทางเข้าครับ ซึ่งดีมากๆต่อการใช้งาน ส่วนของห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ(นับจากเวลาเราเข้าห้องมา) / และพื้นที่ครัวอยู่ทางขวามือครับ

    ลองเปิดหน้าบานตู้เก็บของ เก็บรองเท้าให้ดูครับ อย่างที่บอกไป ความสูงระหว่างชั้นในตู้ทำมาห่างนิดหน่อย ถ้าอยากเก็บรองเท้าได้เยอะ ก็เป็นเพิ่มตัวรองชั้นไม้ มาแทรกระหว่างกลางเอาครับ จะได้พื้นที่เก็บเยอะขึ้นแล้ว

    ในส่วนของห้องที่เราเจอก่อนนี้ ยังได้เป็นฟังก์ชันครบ ที่มีพื้นที่อาบน้ำด้วย เพราะว่าห้องนอนเล็กต้องออกมาใช้ร่วมกันที่ห้องนี้นะครับ การเรียกการใช้งานก็ไล่ต่อกันไป ระยะทั้งการใช้งานและทางเดินในห้องน้ำกว้างขวางดี

    ยังคงได้กระจกเงาบานใหญ่พร้อมผนังเซาะร่องถึง 2 จุดเหมือนกับห้องน้ำก่อนหน้า ไปติดชั้นวางกระจกเพิ่มได้ จะได้พื้นที่ชั้นวางเพิ่ม

    ส่วนของชุดอ่างและสุขภัณฑ์เหมือนกันครับ อ้าวห้องนี้สุขภัณฑ์เป็นยี่ห้อ Hafele แทนแหะ แต่พวกก๊อกกับฝักบัวยังได้ของ Kohler

    ส่วนที่ต่างนิดหน่อยก็คือพื้นที่อาบน้ำครับ ในห้องนี้จะได้ค่อนข้างกว้างกว่าห้องแรกที่พาไปดู ถ้ามีลูกก็เข้าไปอาบพร้อมกันได้ 😀

    ออกมาจากห้องน้ำมองตรงไป จะเห็นส่วนของพื้นที่ครัว โดยห้องนี้จะได้เป็นแบบครัวเปิดนะครับ โดยจะได้เป็นชุด Pantry ตัว U แบบนี้ให้เราเดินเข้าไปในพื้นที่ทำครับได้

    พอเป็นพื้นที่ Pantry ตัว U จะเห็นว่าพื้นที่ทำอาหาร เตรียมอาหารมันกว้างขวางมากๆ วัสดุท๊อปยังได้เป็นหิน Quartz โดยด้านล่างจะได้เป็นตู้เก็บของเยอะมากพร้อมหน้าบานปิดเป็นสัดส่วน ยังคงมีพื้นที่วางไมโครเวฟและก็เครื่องซักผ้าอยู่

    สิ่งที่เปลี่ยนไปคือชุด Hob & Hood ของ Electrolux ที่จะได้ขยายไซส์แบบ 4 หัว และหน้าตาดูดีเพิ่มขึ้นอีกนิด

    โดยตัวซิงก์อ่างจะมาอยู่ที่ฝั่งนี้ เหมาะกับเป็นพื้นที่เตรียมอาหารหรือของว่างครับ เวลามีแขก หรืออยู่กับครอบคัวก็ช่วยกันทำ สองฝั่งพร้อมกันได้

    ถัดไปเป็นฟังก์ชั่นของโต๊ะทานข้าวและชุดโซฟาวางคู่กันแบบนี้ ส่วนตัวผมคิดว่ามันอัดกันไปหน่อยนะครับ เพราะว่าต้องการพยายามจะใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้ได้ผลมากที่สุดนั่นแหละ แต่ด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ด้านนอกยังช่วยให้พื้นที่ดูโปร่งขึ้นมาหน่อย

    มุมโต๊ะรับประทานอาหารที่อยู่ด้านหลังโซฟาแบบ 4 ที่นั่ง ใช้งานได้จริงครับ อีกทั้งฝั่งขวามือที่เป็นเก้าอี้แบบ Built-In มาเข้ากับพื้นที่ สามารถเปิดออกเป็นพื้นที่เก็บของใต้ที่นั่งได้ด้วยนะ

    มุมนั่งเล่นพักผ่อนและดูทีวี ก็อยู่พร้อมกันแบบ 3-4 คนได้นะครับ ระยะดูทีวีก็ประมาณ 2 เมตรเศษๆ

    ห้องนี้ก็ยังได้พื้นที่ดรอปฝ้าพร้อมทำสีเส้นลายจบด้วยเช่นกัน

    ยังมีฟังก์ชัน Double Balcony ในห้องนี้เช่นกันครับ แต่พื้นที่ขนาดจะกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลย ซึ่งพอมันเป็นพื้นที่ขนาดนี้แล้ว ยังสามารถทำเป็นพื้นที่ Living Area ที่สองแบบ Semi Outdoor ได้ด้วย หรือถ้าใครรักต้นไม้หน่อยก็จัดพื้นที่สีเขียวเป็นมุมส่วนตัวของเรา จัดสวนกระถางจริงจังได้เลย อ้อ…. ห้องที่แล้วผมไม่ได้บอกไปนะครับว่าพื้นที่ส่วนนี้เป็นกระเบื้องลวดลายไม้ ที่หามาให้เข้าคล้ายกับลามิเนตในส่วนห้องพักอาศัยเลยจะไม่กลัวน้ำนะจ๊ะ

    ผมอยู่ที่ระเบียงนะครับ มองย้อนกลับไปในตัวห้อง จะเห็นส่วนของประตูทางเข้าห้องนอนทั้งสองฝั่ง โดยเดี๋ยวผมพาไปดูห้องนอนเล็กก่อน

    นี่แหละครับที่ผมบอกในตอนวิเคราะห์แปลนว่าห้องนอนเล็ก แต่มันไม่เล็กแบบในชื่อ ฮ่าๆ พื้นที่ห้องนอนนี้ถือว่ากว้างทีเดียว ระยะทางเดินรอบเตียงสบาย ได้ชุดเฟอร์มาแล้วเข้าที่เข้ามุมลงตัว

    ห้องนอนนี้จะได้แอร์เป็นแบบ Wall Type ได้เป็นของ TRANE แขวนอยู่หลังประตู ติดกันเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าและก็โต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ข้างหัวเตียงฝั่งซ้าย

    พื้นที่ระยะทางเดินปลายเตียงก็เหลือราว 50 ซม. คงหาชั้นมาวางเพิ่มไม่ได้ ไม่งั้นเดินไม่ได้ฮะ แต่ว่ายังเอาทีวีแขวนผนังแล้วเดินไปมาได้อยู่ สำหรับคนชอบนอนดูทีวีครับ

    พื้นที่ริมฝังหน้าต่างช่องแสงจัดเป็นมุม Sofa Bed อีกจุดนึงครับ จริงผมว่ามันเหมาะเป็นมุมโต๊ะทำงาน ทำการบ้านอะไรมากๆเลยนะตรงนี้ ส่วนของกรอบบานหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมสีขาว สามารถเปิดบานกระทุ้งทางขวามือในวันที่อากาศดีๆได้

    ออกจากห้องนอนเล็ก ข้ามฝั่งห้องนั่งเล่นมาดูห้องสุดท้ายอย่าง Master Bedroom กันครับ พอเปิดประตูมาซ้ายมือเป็นส่วนวางเตียง ตรงกลางและทางขวาเป็นโซนตู้เสื้อผ้า และมีทางเข้าห้องน้ำอยู่ด้วย

    ไปดูทางซ้ายกันก่อน เราจะเจอกับพื้นที่แบบนี้ ซึ่งเราสามารถหาตู้ชั้นวางทีวีมาลงที่พื้นที่ปลายเตียงได้นะเนี่ย ได้พื้นที่เก็บของเพิ่มด้วย

    Space พื้นที่รอบเตียงยังคงกว้างเหมือนเดิม สามารถวางโตีะข้างหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง และได้ช่องแสงที่กว้างส่องมาได้ทั้งตัวห้องนอน

    มุมพื้นที่ Sofa Bed ที่อยู่ติดกับห้องนอนจะกว้างกว่าห้องนอนเล็กอีกนิดหน่อย

    ไปดูอีกฝั่งกันบ้าง ระหว่างทางเดินไปยังพื้นที่ Walk in Closet เราจะเห็นเจ้าชุดตู้เสื้อผ้า Built-In อยู่ตามทางเดินที่เรียกว่าให้มาจัดเต็ม ของคุณผู้ชายเอาพื้นที่ตู้ซ้ายไปน้อยหน่อย ส่วนคุณผู้หญิงก็ยึดตู้ใหญ่ทางขวาที่เข้ามุมตัว L ไป ฮ่าๆๆ

    โดยจุดที่สิ้นสุดตู้เสื้อผ้า พื้นที่เล็กๆที่เหลือก่อนทางเข้าห้องน้ำ จะเป็นมุมเอาไว้สำหรับทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งครับ ในห้องตัวอย่างไม่ได้จัดเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ก็มีติดจุดปลั๊กไฟที่ผนังไว้ให้แล้ว

    ในส่วนของห้องน้ำพื้นลดระดับลงมา วัสดุพื้นอุปกรณ์ต่างๆจะเหมือนกัน ระยะทางเดินในห้องน้ำค่อนข้างกว่าพิเศษอย่างเห็นได้ชัด

    ฟังก์ชันโซนส่วนแห้งก็เหมือนเดิมครับ แตกต่างที่ระยะและความกว้างขวาง

    ด้านซ้ายมือของอ่างจะเป็นฟังก์ชันแยกส่วนเปียกของพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งอะไรจะกว้างขวางปานฉะนั้น (1.20 x 1.50 เมตร) เรียกว่าเข้าไปอาบน้ำพร้อมกันสองคนได้เลย (หมายถึงคุณแม่กับคุณลูกนะ ฮ่าๆ)

     

    ส่วนใครที่ชอบห้อง 1 Bedroom แต่ขนาดอยากอยู่อาศัยเองสบายๆหน่อย ก็มีมีตัวขนาด 50.5 ตารางเมตร ที่มารองรับความต้องการ โดยส่วนตัวแล้วผมว่ายูนิตนี้อยู่สบายกว่าห้อง 2 Bedrooms 68 ตารางเมตรเสียอีก เพราะจะได้ยูนิตที่มีพื้นที่ใหญ่ กว้างขวางทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน ตลอดจนมีอ่างอาบน้ำในห้องนอนด้วย ถ้าใครพอมีงบประมาณสัก 6-7 ล้าน และต้องการห้องใหญ่สำหรับอยู่ไม่เกิน 2 คน ห้องนี้ค่อนข้างตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ / ส่วนถ้าใครอยากดูแปลนแบบอื่นๆสามารถเข้าไปดูได้ที่เวปไซต์หลักโครงการ “ที่นี่” ได้เลย

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 6 July 2018

    • 1 Bedroom 33.5 ตารางเมตร ราคา 5.3 ล้านบาท หรือ 155,928 บาท/ตารางเมตร
    • 1 Bedroom 50.5 ตารางเมตร ราคา 7.98 ล้านบาท หรือ 157,336 บาท/ตารางเมตร
    • 2 Bedrooms 68 ตารางเมตร 10.58 ล้านบาท หรือ 156,151 บาท/ตารางเมตร
    • 2 Bedrooms 69 ตารางเมตร ราคา 11.2 ล้านบาท หรือ 159,177 บาท/ตารางเมตร

    • Fully Furnished / เฟอร์นิเจอร์ Built-In และลอยตัว
    • Kitchen & Sink (ท๊อปหินสังเคราะห์, Hafele)
    • Hob & Hood (Electrolux)
    • อุปกรณ์ห้องน้ำ ฉากกั้นกระจกนิรภัย, อ่าง Lavenz, สุขภัณฑ์กับก๊อก Kohler
    • Air-Condition แบบ VRV มีบางยูนิต(ส่วนใหญ่จะอยู่กับห้อง 2 bedrooms)
    • จอง 50,000 บาท สำหรับ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน Duplex และ จอง 100,000 บาท สำหรับ 3 ห้องนอน Duplex
    • ทำสัญญา 5% ของราคาห้อง
    • ค่ากองทุน 650 บาทต่อตารางเมตร
    • ค่าส่วนกลาง 65 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล โครงการ Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ จัดเป็นโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง อยู่ในตำแหน่งของทำเลซอยที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ หากใครเชี่ยวชาญเป็นคนพื้นที่ก็จะรับทราบดีกว่าพื้นที่บริเวณนี้มีทางลัดเลาะได้เยอะมาก แม้ว่าในช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถติดมากๆก็ยังพอมีทางหนีทีไล่ไปออกถนนต่างๆได้เกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นพระรามที่ 4, พระรามที่ 3, สาทร, ถนนจันทน์, ถนนนราธิวาสฯ, ถนนเชื้อเพลิง ตลอดจนจุดขึ้นลงทางด่วน ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะกับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวมากกว่าคนที่ไม่ได้ใช้รถยนต์นะครับ

    การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จัดว่าสะดวก เพราะทางโครงการมีที่จอดรถให้ถึง 75% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) จาก 88 ยูนิต ถ้าเรามองตัวเลขตรงนี้แบบผิวๆก็คงจะเห็นว่ามีที่จอดรถมากจริงๆ แต่ถ้าเราเทียบเป็นจำนวนห้องนอนแล้วมันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ เพราะโครงการมาเอสโทร เย็นอากาศนี้จัดพื้นที่ส่วนใหญ่มาเป็นยูนิตแบบ 2 Bedrooms เรียกว่าเป็นห้องใหญ่ เน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัว ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าแต่ละห้องจะเอารถมาเพียงคันเดียวหรือเปล่านะครับ

    การเดินทางแบบไม่ใช้รถยนต์นั้น ทางโครงการจัดให้มี Shuttle Service รองรับ พาลูกบ้านไปดรอปตามจุดต่างๆโดยจุดสำคัญๆคงจะหนีไม่พ้น MRT สถานีคลองเตยที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร และ Tops Market ที่บริเวณสามแยกนางลิ้นจี่(ตอนนี้ย้ายไปซ.นางลิ้นจี่ 3)ที่ห่างออกไปราว 8-900 เมตร ซึ่งถ้าใครจะเดินเท้าไปก็พอเดินได้ แต่ด้วยความที่ถนนซอยนั้นแคบและฟุตบาทก็ไม่ค่อยจะมี แถมยังใช้เป็นเส้นทางลัดหลักอีก มีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์มากมาย ผมก็ไม่ค่อยแนะนำที่จะให้เดินเท่าไรนะครับ

    วัสดุ ที่ Maestro 01 จัดมานี้ค่อนข้างครบเครื่องในทุกจุด การตกแต่งห้องทำมาให้ลูกค้าแทบจะครบหมดแล้ว เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in ก็มีให้ครบ เหลือเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นที่ทางลูกบ้านจะต้องหามาเพิ่มเอง ตรงนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไรนะครับ อีกทั้งดูจากวัสดุที่เลือกใช้ในห้องกับส่วนต่างๆในโครงการผมว่าก็ถือว่าเหมาะสมกับราคานะ

    การออกแบบ ตัวตึกผมถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจ มีความเป็นคลาสสิกโชยออกมาทั้งๆที่พื้นที่จำกัดเพียง 1 ไร่และเป็นตึก Low Rise ซึ่งออกแบบให้สวยได้ค่อนข้างยากหน่อยด้วย หน้าตาอาคารดูจากภายนอกโดดเด่นมาแต่ไกลเลย ความโดดเด่นอีกอย่างของแบรนด์ Maestro นี่ก็คือเรื่องของการแต่ง Facade(หน้าตาอาคาร) และก็ไม่ได้ฉาบเรียบทาสีธรรมดานี่แหละ

    การนำโทนสี Navy Blue เข้ามาใช้กับวัสดุในโครงการ บวกกับพวกมือจับตัวจับที่เป็น Copper ตลอดจนการเล่นคิ้วและบัวทำให้ชูความหรูหราโดดเด่นขึ้นมาจากตึกทั่วๆไป แน่นอนก็ต้องเป็นคนที่ชอบดีไซน์แบบนี้ด้วยนะครับ (ส่วนตัวผมชอบนะ มันดูมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นดี)

    Layout ของตึกโดยรวมไม่ค่อยมีประเด็นอะไร ยกเว้นห้อง B4 และ A1 ที่มีส่วนของระเบียงชิดกันเกินไปหน่อย ซึ่งผมก็มองว่าระเบียง 2 ชั้นที่ทำให้ในทุกห้องนั้นพอจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวตรงนี้ได้เหมือนกัน… ส่วน Layout ของห้องก็ไม่มีอะไรมากครับ อย่างที่บอกไปในห้องตัวอย่างบริเวณพื้นที่โถงกลางในส่วนทานข้าวกับนั่งเล่นนั้นเหมือนจะชิดกันไปหน่อย แต่ก็ชดเชยได้ด้วยความกว้างขวางของห้องนอนทั้งห้องเล็กและห้องใหญ่ ที่หลายๆคนให้ความสำคัญมากกว่าพื้นที่ห้องโถงกลางของบ้าน

    สาธารณูปโภค อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนกับตึก High Rise อยู่แล้ว เพราะเราจะเลือกอยู่ในสังคมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และแชร์การใช้งานน้อย ไม่โทรมไวและวุ่นวาย แต่ด้วยฟังก์ชั่นที่มีก็ถือว่าครบเครื่องอยู่ ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ สตีมซาวน่า มีการจัดส่วนกลางอื่นๆได้แก่ ห้องออกกำลังกาย ห้อง Sky Lounge ไว้ที่ชั้นดาดฟ้าทั้งหมด และทำออกมาได้น่าใช้งานด้วยสิ แยกส่วนของ Pet Zone ที่มีพื้นที่ซักล้างให้ด้วย

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคาประมาณ 160,000 บาทต่อตารางเมตร, 6 July 2018

    • ทำเล 7.5/10 – ทำเลในเมืองใกล้สาทร พระราม4 ไม่ติดถนนใหญ่ อยู่ในซอยแต่ลัดเลาะออกง่าย มีทางหนีทีไล่เยอะ
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก ลัดเลาะได้หลากหลาย ใกล้ทางด่วนหลายจุด และมีที่จอดรถเยอะ
    • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ห่างจาก MRT ประมาณ​ 1 กิโลเมตร มีรถ Shuttle รับ-ส่ง
    • วัสดุ 8.5/10 – Fully Furnished พร้อมตกแต่งมาให้หลายๆส่วนของห้อง
    • แบบ 8/10 – เน้นการอยู่อาศัยแบบครอบครัว ห้องใหญ่แต่ไม่ใหญ่จนเกินไป พอดีๆ
    • สาธารณูปโภค 7/10 – ได้ครบ แต่ขนาดก็ได้ตามพื้นที่ 1 ไร่ของโปรเจคนี้ครับ

    • HIGH CLASS
    • 7.7 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Maestro 01 สาทร-เย็นอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาบ้านในเมือง ชอบทำเลโซนสาทร-พระราม 4 เป็นหลัก ไม่ต้องการคอนโดใกล้ MRT มากนัก แต่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางสะดวกใกล้ทางด่วน  เน้นตึกที่มีที่จอดรถเยอะหน่อยและมีกำลังจ่ายในระดับ 5-10 ล้านบาทขึ้นไป