รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.455 – รีวิวคอนโด Aspire เอราวัณ

21 กรกฎาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1691 …สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะพาไปชมโครงการ Aspire Erawan จาก AP อยู่แถวๆช้างสามเศียรในย่านสมุทรปราการ ซึ่งโครงการนี้เราเคยพาไปรีวิวกันเมื่อ 3 ปีที่แล้วในสมัยที่ยังคงเป็น Sale Gallery อยู่เลย ปัจจุบันโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและมีลูกบ้านเข้าอยู่อาศัยมาได้เกือบ 2 ปีแล้วครับ โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ปากทางเข้าโครงการอยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณ สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด Mix and Match ความเป็น Modern Industrial ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในย่านอุตสาหกรรมของจังหวัดสมุทรปราการ โครงการสร้างเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรไปรับชมกันได้เลยครับ

Fact @ 27 September 2018

  • Aspire Erawan Tower B (แอสปาย เอราวัณ ทาวเวอร์ บี)
  • บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
  • คอนโด High Rise 31 ชั้น 1,576 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 53 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 553 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 42%
  • ที่ดินประมาณ 6-1-89.5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กันยายน 2558
  • ก่อสร้างแล้วเสร็จ : พฤศจิกายน 2560
  • Studio 25.5 ตารางเมตร (sold-out)
  • 1 Bedroom 29.5 – 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.92 ล้านบาท
  • 1 Bedroom plus 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 47 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.5 – 4.4 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.92 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 76,000 บาทต่อตารางเมตร
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1623

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.620953, 100.590183

สมุทรปราการ หรือ เมืองปากน้ำ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองพระประแดง เป็นหนึ่งในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร คำว่า “สมุทร” ซึ่งแปลว่าทะเล และ “ปราการ” ที่แปลว่า กำแพง จึงมีความหมายว่า “กำแพงริมน้ำ” มีประวัติอันยาวนานมากว่า 800 ปี มีความสำคัญกับประเทศไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน สมุทรปราการคือเมืองป้อมปราการทางทะเลที่สำคัญ ช่วยในการปกป้องประเทศชาติบ้านเมือง อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งการค้าขายโดยเฉพาะการค้าและการขนส่งทางทะเลที่เฟื่องฟูมากในสมัยอดีต ซึ่งปัจจุบันเองก็ยังคงเป็นเช่นนั้น มีนิคมและโรงงานอุตสาหรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง และเปรียบเสมือนประตูสู่ภาคตะวันออกของกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทั้งชลบุรีและอ่าวไทย มีการคมนาคมสะดวกทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ

โครงการ Aspire Erawan ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นหนึ่งในถนนเส้นหลักของสมุทรปราการ มีความยาวตั้งแต่ในตัวเมืองกรุงเทพ พาดผ่านจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึงจังหวัดชลบุรี ตัวทำเลของโครงการนั้นถือเป็นทำเลจุดเชื่อมต่อในการเข้า-ออกเมือง หรือจะไปจุดสำคัญต่างๆของสมุทรปราการได้ง่ายที่สุดอีกจุดหนึ่ง แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าถนนสุขุมวิทตอนปลายช่วงสี่แยกบางนามาจนถึงแยกปู่เจ้าสมิงพรายรถติดหนักมากเป็นชั่วโมงไม่แพ้แถวแยกแครายเลยทีเดียว โชคดีที่มีวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ใช้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ ช่วยเลี่ยงรถติดด้านล่างได้ดี ถ้าไปทางซ้ายจะสามารถไปฝั่งพระประแดง-พระราม 2 ได้ หรือเชื่อมข้ามสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมไปฝั่งพระราม 3 ส่วนถ้าไปทางขวาจะสามารถมาลงที่ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด หรือจะตรงยาวไปทางลาดกระบัง รามคำแหง หรือบางปะอินเลยก็ได้

ส่วนเส้นทางปกติด้านล่าง ตรงขึ้นไปทางเหนือตามเส้นถนนสุขุมวิทเรื่อยๆก็สามารถเข้าเมืองไปกรุงเทพได้เช่นกัน ซึ่งมีทางด่วนให้ใช้ตรงบริเวณสี่แยกบางนาด้วย ถ้าเลี้ยวขวาไปถนนบางนา-ตราด ก็จะเป็นทำเลเจริญที่สุดของสมุทรปราการและสามารถตรงยาวไปชลบุรีได้เลย นอกจากนี้ถนนสุขุมวิทตอนปลายนี้ยังเป็นถนนคู่ขนานไปกับถนนศรีนครินทร์ มีซอยลัดและถนนเชื่อมต่อระหว่างถนนทั้ง 2 สายนี้หลายช่องทาง ทั้งถนนบางนา-ตราด ซอยลาซาล ซอยแบริ่ง ซอยวัดด่านสำโรง และถนนเทพารักษ์ ส่วนถ้ามาทางด้านซ้ายที่ถนนปู่เจ้าสมิงพรายซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งงานมากมาย สามารถตรงไปยังท่าเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ หรือจะใช้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรมข้ามไปฝั่งพระราม 3 หรือฝั่งธนฯก็ได้ สุดท้ายคือตัวเมืองสมุทรปราการหรือก็คือปากน้ำซึ่งต้องลงมาทางใต้ของโครงการไม่ไกลนัก สามารถเชื่อมต่อไปทางบางปูซึ่งเป็นทั้งเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรปราการที่มีร้านค้าร้านอาหารทะเลอร่อยๆเยอะแยะเลย

ด้านความอุดมสมบูรณ์ อย่างที่บอกว่าทำเลนี้ถือเป็นทำเลเชื่อมต่อไปยังจุดอื่นๆ บรรยากาศโดยรอบโครงการก็จะเงียบๆหน่อย ถ้าจะซื้อของหรือกับข้าวใกล้โครงการมากที่สุดคือ Big C Jumbo ตรงแยกปู่เจ้าฯ หรือเลยไปอีกหน่อยก็จะมี Hub ใหญ่ๆแถวสำโรง มีทั้งห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ตลาดใหม่สำโรง และตลาดเอี่ยมเจริญ รวมถึงยังเป็นจุดต่อรถในการเข้า-ออกเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของสมุทรปราการอีกด้วย มีทั้งรถเมล์ วินรถตู้ และสถานีรถไฟฟ้า BTS สำโรง ที่เปิดใช้บริการแล้ว ส่วนถ้าลงมาทางใต้เข้าตัวเมืองสมุทรปราการก็จะมีตลาดปากน้ำซึ่งมีของสดและของทะเลต่างๆมากมายเลยทีเดียว

บนถนนศรีนครินทร์ก็มีห้างสรรสินค้าและแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆอยู่เยอะนะ เริ่มตั้งแต่ i Mall ที่มีร้านอาหารอร่อยๆและเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าท์ขนาดใหญ่ของคนแถวนี้ หรือตลอด 2 เส้นทางบนถนนศรีนครินทร์ช่วงนี้ไปจนถึงแถวๆวงแหวนกาญจนาก็ยังมีร้านนั่งดื่มดีๆอีกหลายร้าน รวมไปถึงมี Tesco Lotus, HomePro, Food land และ Jas Urban เป็นคอมมูนิตี้มอล์เปิดใหม่ซึ่งมีร้านค้าและฟิตเนสเปิด 24 ชม.ด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถมายังย่านที่เจริญที่สุดอย่างบางนา-ตราดได้ง่ายด้วยวงแหวนกาญจนาภิเษกหรือจะมาทางปกติก็ได้ มีห้างเก่าแก่อย่าง Central บางนา ซึ่งถือเป็น CBD ของแถวนี้เลยทีเดียว โดยรอบจึงมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆเยอะ แล้วยังมีศูนย์ประชุมไบเทคบางนาอยู่ไม่ไกล อีกห้างหนึ่งซึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงและมีอิทธิพลมากที่สุดแห่งใหม่สมุทรปราการคือ Mega บางนา ที่มีร้านค้าและร้านอาหารต่างๆมากมาย รวมถึงในอนาคตยังมี Mega project อย่าง Mega City ที่จะมีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นอีกด้วย

โครงการติดรถไฟฟ้า BTS ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของตัวโครงการ โดย BTS สถานีช้างเอราวัณ เป็นสถานีส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วง (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งปัจจุบันได้เปิดใช้บริการวิ่งมาถึงสถานีสำโรงมาได้สักระยะแล้ว และมีแผนจะเปิดใช้งานสถานีอื่นๆประมาณช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ครับ

นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) โดยสถานีเเรกที่จะเริ่มจากลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีลาดพร้าวได้ และวิ่งมาเชื่อมต่อสุดปลายทางที่สถานีสำโรงที่เชื่อมต่อกับ BTS สถานีสำโรง ถือได้ว่าเป็น Interchange ที่สำคัญ อยู่ห่างจากโครงการออกไปเพียงแค่ 2 สถานี โดยใช้เส้นทางวิ่งไปตามถนนเทพารักษ์ตัดเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก และเป็นรถไฟฟ้าระบบแบบ Monorail ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างครับ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกมากๆ มีวงแหวนกาญจนาภิเษกอยู่ไม่ไกลจากโครงการห่างออกไปเพียง 1.4 km. เท่านั้น เหมาะที่จะใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงรถติดบริเวณแยกปู่เจ้าสมิงพรายและสี่แยกบางนาได้ดีทีเดียว ถ้าไปทางด้านซ้ายจะสามารถเชื่อมต่อข้ามฝั่งไปทางพระประแดง พระราม 2 หรือจะใช้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรมข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปพระราม 3 ก็ได้

และถ้าจะไปทางขวาก็สามารถขึ้นจุดเดียวกันได้แล้วจะมีสะพานเกือกม้าข้ามถนนเชื่อมต่อไปทางถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ ถนนบางนา-ตราด หรือไปลาดกระบัง รามคำแหง ได้โดยไม่ต้องไปเสียเวลากลับรถครับ

แต่สำหรับคนที่ต้องการเข้าเมืองไปทางพระโขนง อ่อนนุช หรือพญาไท จะต้องไปขึ้นทางด่วนที่สี่แยกบางนาซึ่งต้องฝ่ารถติดตั้งแต่แยกปู่เจ้าสมิงพราย สำโรง แบริ่ง และแยกบางนา ระยะทางประมาณ 6.8 km. ต้องเผื่อเวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว มีอีกเส้นทางคือใช้ถนนรางรถไฟเก่าทางด้านซ้ายที่เป็นถนนคู่ขนานไปกับถนนสุขุมวิท สามารถเชื่อมต่อตรงไปออกแถวๆทางขึ้นทางด่วนได้โดยใช้ทางลัด มีระยะทางที่ไกลกว่านิดหน่อยเพราะถนนไม่ได้เป็นเส้นตรงแบบระยะกระจัด แต่ก็ใช้ระยะเวลาไม่ต่างกันมากครับ หนาแน่นทั้ง 2 เส้นเลย ถ้าจะเข้าเมืองแบบนี้แนะนำให้ใช้ BTS จะสะดวกกว่านะครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทราบสำหรับคนใช้รถใช้ถนนคือจุดกลับรถ ที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากจุดกลับรถเพื่อเลี้ยวไปทางปากน้ำประมาณ 280 m. และถ้ามาจากในเมืองหรือต้องลงวงแหวนกาญจนาภิเษกมาก็มีจุกกลับรถอีกจุดหนึ่งอยู่ในระยะ 400 m. ถือว่าไม่ใกล้และไม่ไกลเป็นระยะกลับรถได้สะดวกและปลอดภัยครับ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ผมมาจากในตัวเมืองโดยลงทางด่วนที่สี่แยกบางนา-ตราดตรงไบเทคบางนา ขับตรงมาเรื่อยๆบนถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางปากน้ำ-สมุทรปราการ ขอเริ่มต้นการเดินทางที่ตลาดสำโรงบริเวณหน้าห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ขับตรงมาเรื่อยๆผ่านแยกเทพารักษ์ แยกปู่เจ้าสมิงพราย และวงแหวนกาญจนาภิเษกมาประมาณ 3.8 km. แล้วกลับรถย้อนกลับมาประมาณ 400 m. ก็จะเจอกับตัวโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ

เริ่มต้นที่หน้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง ขับรถตรงไปบนถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางปากน้ำ-สมุทรปราการ

เลยห้างมาหน่อยจะมีทางขึ้นสะพานข้ามคลองและจะเจอ BTS สถานีสำโรง ตั้งอยู่ตรงบริเวณแยกเทพารักษ์ที่สามารถเลี้ยวซ้ายไปทางเทพารักษ์-ศรีนครินทร์ได้ ให้ขับตรงต่อไปครับ

เลยแยกเทพารักษ์มาหน่อยแล้วขับชิดซ้ายเอาไว้เพื่อขับตรงต่อไป เพราะถนน 2 เลนทางขวาจะบังคับเลี้ยวขวาไปทางถนนปู่เจ้าสมิงพรายที่แยกปู่เจ้าฯครับ

เลยแยกปู่เจ้าฯมาหน่อยก็จะเจอ Big C Jumbo ซึ่งเป็นห้างที่ใกล้โครงการที่สุด และด้านหน้ามี BTS สถานีปู่เจ้า ให้ขับรถตรงต่อไปตามป้านสมุทรปราการ

ตรงบริเวณนี้ถนนจะค่อนข้างกว้างและแยกออกเป็น 3 ทาง ซ้ายสุดและขวาสุดเป็นทางที่สามารถขับตรงมุ่งหน้าไปทางปากน้ำ-สมุทรปราการได้ตามปกติ ซึ่งเราจะใช้ทางไหนก็ได้ ส่วนตรงกลางเป็นทางขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกครับ

ขับผ่านวงแหวนกาญจนาฯมาก็จะมองเห็นช้างสามเศียร สัญลักษณ์ของย่านนี้แล้วครับ ให้ขับตรงต่อไปเรื่อยๆ

ผ่านโค้งช้างสามเศียร์เมื่อสักครู่มาก็จะเจอทางลงวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งถ้าเราใช้วงแหวนฯในการเดินทางก็จะมาลงตรงนี้นั่นเอง

สมมติว่าเราใช้เส้นทางลงจากวงแหวนกาญจนาฯ พอลงมาด้านล่างก็จะมองเห็นโครงการ Aspire Erawan อยู่ทางด้านซ้ายทันที ไวดีใช่มั๊ยล่ะลงทางด่วนมาปุ๊บถึงบ้านปั๊บ ด้านหน้ามี BTS สถานีช้างเอราวัณ ตั้งอยู่ด้วย

ขับรถเลย BTS สถานีช้างเอราวัณ มาประมาณ 400 m. แล้วกลับรถครับ

เมื่อกลับถมาแล้วก็ให้เตรียมตัวชิดซ้าย เพื่อเลี้ยวเข้าสู่โครงการได้เลยครับ (ระวังอย่าขับรถเลยเพราะเสาบังนะ ถึงใต้สถานีแล้วเลี้ยวทันที)

มาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการกันครับ โดยรอบเป็นชุมชนแนวราบสูงไม่เกิน 8 ชั้น จะมีแค่คอนโดเพื่อนบ้านที่เป็นอาคารสูงแค่ตึกเดียวเท่านั้น และด้านหลังยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกด้วย

อีกหนึ่งจุดเด่นเรื่องทำเลของโครงการนี้คืออยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างออกไปเพียงแค่ 1 km. เท่านั้น โดยวิวแม่น้ำบางส่วนอาจถูกโครงการคอนโดเพื่อนบ้านบดบังไปบ้าง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่สามารถมองเห็นโค้งแม่น้ำอีกด้านหนึ่งได้ ซึ่งวันนี้ผมมีวิวแต่ละทิศมาฝากกันด้วย สามารถสรุปได้ตามนี้

ทิศเหนือ เป็น City View ระยะใกล้ถ้ามองลงไปชั้นล่างๆจะเป็นโกดังร้าง และมองเห็นสนามหญ้าของศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ ยุวกาชาดกับ กศน. สมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ทางราชการ ถัดไปเป็นหมู่บ้านกับพื้นที่สีเขียว และยังมองเห็นรถวิ่งบนวงแหวนกาญจนาภิเษกกับช้างสามเศียรได้อีกด้วย

ทิศตะวันออก ปัจจุบันจะสามารถมองออกไปทางถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้า BTS ฝั่งตรงข้ามเป็นชุมชนแนวราบและมีที่ดินให้เช่าระยะยาวผืนใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งในอนาคตคาดการณ์ว่าจะเป็นห้างหรือคอมมูนิตี้มอลล์ครับ

แต่สำหรับทิศนี้ในอนาคตจะมี Aspire Erawan Tower A เกิดขึ้น เป็นอาคารสูงเหมือนกันซึ่งจะบังวิวทางด้านนี้เกือบทั้งหมดนะ

ทิศใต้ จะติดกับ The Trust Condo โครงการเพื่อนบ้านสูง 30 ชั้นเท่ากัน

ทิศตะวันตก ถือเป็นจุด Highlight ของโครงการ ติดกับคลองบางนาเกร็ง มองเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา

แถมให้อีกมุมหนึ่งเป็นห้องที่หันหน้าเข้าด้านในของตัวโครงการ จะสามารถมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำที่ชั้น 5 ได้แบบนี้ครับ

ลองมาเดินดูรอบๆโครงการกันครับ ด้านหน้าโครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิทและเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณ ขอเริ่มจากทางด้านซ้ายของโครงการกันก่อนนะ เป็นเส้นทางฝั่งที่มุ่งหน้ามาจากทางปากน้ำ โดยทางฝั่งนี้มีเสาของสถานี BTS ตั้งอยู่ ทำให้มองไม่เห็นรถที่กำลังแล่นมาแล้วอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จำเป็นต้องมี รปภ. คอยโบกให้ตลอดเพื่อความปลอดภัยครับ

ติดกันทางด้านซ้ายของโครงการเป็นที่ดินของ The Trust Condo โครงการเพื่อนบ้านครับ เป็นพื้นที่รอการพัฒนาในอนาคต

แต่ที่ดินของทั้ง 2 โครงการจะไม่ได้อยู่ติดกันซะทีเดียวนะ จะมีลำรางสาธารณะคั่นอยู่ ปัจจุบันก็แห้งไปแล้วครับ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่ไม่อยู่ในโฉนดไหนทั้งสิ้นถือเป็นของสาธารณะนะ

ถัดมาคือโครงการ The Trust Condo โครงการเพื่อนบ้านซึ่งมีบันไดทางขึ้น BTS ตั้งอยู่ด้านหน้าเช่นกัน

เดินตรงต่อมาทางซ้ายติดกับ The Trust Condo เป็นลานตู้คอนเทนเนอร์ครับ ตรงไปทางด้านหน้าอยู่ไม่ไกลมีสะพานลอยข้ามถนนด้วย

ที่ใต้สะพานลอยมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่เรียกว่าป้ายซอยโรงนม เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของโรงงานนมตรามะลินั่นเอง

ลองขึ้นมาดูบนสะพานลอยกันสักหน่อยนะ ภาพนี้เป็นถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางปากน้ำ โดยรอบเป็นชุมชนแนวราบไม่ค่อยมีตึกสูงอะไร รถก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ที่สำคัญคือถนนเส้นนี้พึ่งทำถนนเสร็จใหม่ๆ หลังจากที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วถนนพังรถติดยาวมาหลายปี ตอนนี้กำลังทำถนนอยู่ถึงช่วงโรงเรียนนายเรือครับ ขับสบายๆชิลๆกันเลยทีเดียว

หันกลับมาดูอีกฝั่งเป็นถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปทางกรุงเทพครับ ข้างหน้าเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณ ที่เราพึ่งเดินมาเมื่อสักครู่นี้

ทางด้านซ้ายคือคอนโดตึกสูงคู่แรกของทำเลสถานีนี้ The Trust Condo และ Aspire Erawan

ย้อนกลับมาที่โครงการกันอีกครั้ง ก่อนอื่นขอแวะให้ดูที่เสาสถานีรถไฟฟ้าจุดเดิมกันอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าทางเข้าโครงการไม่ได้ใหญ่มากนัก นอกจากเสานี้จะบังตอนขาออกจากโครงการแล้ว ยังบังตอนขาเข้าอีกด้วยนะ ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่หรือเป็นลูกบ้านก็อาจขับผ่านไปไม่ทันเห็นทางเข้าก็เป็นไปได้ ยิ่งเป็นตอนกลางคืนแล้วยิ่งมืดมากครับ เพราะหน้าโครงการไม่ได้มีป้ายไฟหรือแสงไฟสว่างชัดเจนมากนัก ควรเพิ่มสัญลักษณ์หรือจุดสังเกตมากกว่านี้จะดีครับ

ต่อไปเราจะไปดูทางด้านขวาของโครงการกันบ้างนะครับ ถ้าจากภาพจะเห็นมีป้ายไฟโครงการตั้งอยู่ก็จริง แต่ผมเคยขับผ่านตอนกลางคืนแล้วป้ายนี้ไม่มีการเปิดไฟตอนกลางคืนนะ แต่ถ้าเปิดก็ผมว่าน่าจะช่วยเป็นจุดสังเกตได้ง่ายขึ้น ปกติตอนกลางคืนจะมีแค่แสงไฟจากคำว่า Aspire Erawam ทางด้านซ้ายของภาพตรงรั้วโครงการเท่านั้นครับ ซึ่งก็มองไม่เห็นหรือมองไม่ทันอยู่ดีเวลาขับรถเพราะมันอยู่ด้านในและอยู่หลังเสาสถานีรถไฟฟ้าอีกด้วยครับ

ถัดมาเป็นบันไดขึ้นสถานีรถไฟฟ้าและเป็นบันไดเลื่อนด้วยครับ ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการกันเลยทีเดียว สะดวกมากๆ

นอกจากนี้ด้านหน้าโครงการยังมี Plaza เล็กๆที่มี Shop ร้านค้าซึ่งเป็นของ AP เอง และในอนาคตพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ที่ใช้งานร่วมกันทั้ง Tower A และ Tower B ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้มากเลยทีเดียว ประกอบด้วยเซเว่น ร้านอาหาร Time to Eat และร้านกาแฟ D’Oro ครับ

โดยที่ด้านหน้าเซเว่นจะมีประตูเล็กๆเชื่อมต่อกับทางเข้าโครงการ Aspire Erawan Tower B ในปัจจุบันด้วยครับ

ส่วนทางด้านขวาของ Plaza นี้จะเป็นทางเข้าของ Aspire Erawan Tower A ในอนาคตครับ ปัจจุบันใช้เป็นทางไปยังลานจอดรถเล็กๆที่อยู่ด้านหลังของ Plaza นี้ให้คนทั่วไปสามารถมาแวะทานอาหาร ซื้อของ หรือดื่มกาแฟกันได้

ติดกันทางด้านขวาของที่ดิน AP จะเป็นอาคารโรงงานสังกะสีเก่า และที่ด้านหน้ายังมีทางขึ้นลิฟต์โดยสารของรถไฟฟ้า BTS ตั้งอยู่ด้วย

ถัดมาจะมีซอยเล็กๆ ซึ่งเป็นซอยที่จะลัดเลาะไปทางด้านข้างของโครงการ Aspire เพื่อไปยังชุมชมที่อยู่ด้านหลังได้ครับ หน้าปากซอยมีอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์และอพาร์ทเม้นท์ตั้งอยู่

ถัดมาจะมีบันไดทางขึ้น BTS จุดสุดท้าย ซึ่งปัจจุบันสะพานลอยส่วนนี้ได้เปิดใช้งานเป็นสาธารณะให้คนทั่วไปใช้เพื่อข้ามถนนได้ครับ แต่ไม่สามารถเข้าไปยังตัวสถานีได้นะ จะมีประตูเหล็กกั้นไว้อีกชั้นหนึ่งทางด้านบน และตรงนี้ก็จะมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่ด้วย เรียกว่าป้ายซอยอุดมเดชครับ

ที่เรียกว่าป้ายซอยอุดมเดชเพราะฝั่งตรงข้ามจะมีซอยอุดมเดชตั้งอยู่ ด้านในเป็นแหล่งชุมชนและหมู่บ้านดั่งเดิม ปากซอยมีเซเว่นและร้านอาหารเยอะแยะเลย โดยเฉพาะตอนเย็นและหัวค่ำจะมีร้านค้ามาเปิดริมถนนตรงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามพอสมควร ทั้งอาหารตามสั่งและราชาเย็นตาโฟ อร่อยมากๆเลยครับ

ถัดมาคือ กศน. จังหวัดสมุทรปราการ ถือเป็นสถานที่ราชการที่เกี่ยวกับการศึกษา

ภายในค่อนข้างร่มรื่นมากเลยทีเดียว นอกจากจะมีอาคารสำนักงานของกระทรวงศึกษาแล้ว ยังมีมุมอ่านหนังสือสาธารณะและร้านกาแฟเล็กๆราคาไม่แพงตั้งอยู่ด้านในด้วย คนภายนอกสามารถเข้ามาใช้งานได้นะครับ

นอกจากนี้ภายใน กศน. ยังมีศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจกรรมเยาวชนตั้งอยู่อีกด้วย เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่จะมีการเข้าค่ายลูกเสือกันอยู่บ่อยๆ โดยรอบสนามหญ้าจะมีเครื่องเล่นและฐานผจญภัยต่างๆครับ

ปิดท้ายด้วยภาพด้านข้างของโครงการ Aspire Erawan ซึ่งคนที่เลือกวิวทางทิศเหนือที่หันหน้ามาทางนี้จะมองเห็นน้องๆมาเข้าค่ายลูกเสือและทำกิจกรรมกันที่สนามหญ้านี้ได้จากบนอาคาร ซึ่งต้องขอบอกไว้ก่อนว่าอาจมีเสียงดังรบกวนอยู่บ้างในวันที่มีการจัดกิจกรรมหรือเข้าค่ายนะ แต่ก็ไม่บ่อยมากนักและจะมีผลกระทบแค่ช่วงเวลากลางวันเท่านั้น สำหรับคนที่ทำงานแล้วกลับบ้านตอนเย็นหรือตอนดึกๆก็ไม่มีผลอะไรหรอกครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น 

  • พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ~ 1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนายเรือ ~ 1.1 กิโลเมตร
  • Big C Jumbo ~ 2.2 กิโลเมตร
  • ตลาดเอี่ยมเจริญ ~ 4.9 กิโลเมตร
  • สำโรง Center~ 5.3 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus ~ 5.8 กิโลเมตร
  • อิมพีเรียล สำโรง ~ 6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ~ 6.3 กิโลเมตร
  • ไบเทคบางนา ~ 6.6 กิโลเมตร
  • Jas Urban ~ 8.9 กิโลเมตร
  • Central บางนา ~ 9.3 กิโลเมตร
  • Mega บางนา ~ 16.2 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Aspire เอราวัณ เป็นคอนโด High Rise สูง 31 จำนวน 1,576 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 6-1-89.5 ไร่ ออกแบบด้วยสไตล์ Modern Industrial ภายนอกอาคารเน้นใช้โทนสีเทาเข้มที่แสดงถึงความดิบเท่แบบเขตอุตสาหกรรม รวมกับสีน้ำตาลแบบเอิร์ธโทนที่แสดงถึงความเป็นธรรมชาติของแถบชานเมืองย่านสมุทรปราการที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ และใช้ลวดลายเส้นตรงที่ดู Minimal ทำให้ดูไม่น่าเบื่อเข้ากับทุกยุคทุกสมัย ทางเข้าด้านหน้าติดกับถนนสุขุมวิท และมีถนนโครงการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อาคารที่อยู่ทางด้านใน โดยที่ด้านหน้าจะมีโครงการ Aspire Erawan Tower A เกิดขึ้นในอนาคต แต่แยกพื้นที่โครงการและทางเข้า-ออกกันอย่างชัดเจน

มาดู Master Plan เพื่อทำความเข้าในกันก่อนนะ ตัวโครงการมีทางเข้า-ออกอยู่ติดถนนสุขุมวิท ที่ด้านหน้ามีสถานีรถไฟฟ้า BTS ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่ และมีบันไดเลื่อนที่เรียกได้ว่าอยู่ด้านหน้าโครงการเลยก็ว่าได้ และที่ด้านหน้าโครงการยังมี Plaza เล็กๆ เป็น Shop ร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ซึ่งใช้งานร่วมกันระหว่าง Tower B ปัจจุบันและ Tower A ในอนาคต ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทั้ง 2 อาคารได้มากเลยทีเดียว

ตัวอาคารไม่ได้อยู่ติดกับถนนสุขุมวิทด้านหน้า แต่จะมีถนนโครงการตรงยาวเข้าไปด้านในลึกประมาณ 170 m. มีถนนสำหรับรถยนต์กว้าง 2 เลน รถสามารถสวนทางกันได้ และยังมีทางเดินสำหรับคนเดินอีกด้วย เมื่อเข้ามาด้านในส่วนแรกที่จะเจอคือวงเวียนซึ่งเป็นจุด Drop-Off ตรงบริเวณ Lobby แต่ถ้าเป็นลูกบ้านต้องการขับไปจอดในอาคารสามารถขับอ้อมไปเข้าที่จอดรถทางด้านหลังได้ และมีทางเดินรถทางเดียววนรถล้อมรอบอาคารเพื่อกลับออกมาทางเก่าด้านหน้าอาคาร ส่วนใต้อาคารประกอบไปด้วย Lobby มีทั้งแบบ Indoor และ Semi Outdoor, ห้อง Launry, ห้องนิติบุคคล และมีทางเดินอ้อมไปยังห้องน้ำ ลิฟต์ขนของ และที่จอดรถมอไซค์ที่อยู่ทางด้านหลัง

เริ่มที่ทางเข้าโครงการมีการตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์ Modern มีป้อม รปภ. อยู่ทางด้านขวา และเข้า-ออกด้วยระบบ Key Card Access ระยะใกล้ กั้นด้วยไม้กระดกพร้อมระบบกล้อง CCTV ตรวจจับภาพแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ทางด้านขวาของป้อม รปภ. จะมีประตูเล็กๆ สามารถเดินไปยัง Plaza ทางด้านหน้าซึ่งมีทั้งเซเว่น ร้านอาหาร และร้านกาแฟได้ รวมถึงในอนาคตยังสามารถใช้ประตูนี้ในการเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้อีกด้วย

ทางเดินเข้าไปยังโครงการมีหลังคากันสาดคอยช่วยบังแดดบังฝนให้ตลอดเส้นทาง พร้อมปลูกต้นไม้ช่วยให้ร่มเงาและเพิ่มความสดชื่นระหว่างเดินเป็นการปรับอารมณ์ก่อนเข้าที่พักได้ครับ

หันกลับไปมองตรงทางเข้าหลังจากผ่านไม้กระดกมาแล้วจะมีจุด Drop-Off เล็กๆซึ่งเป็นจุดรวมพลกรณีเกิดเหตุอัคคีภัย แต่ในทางปฏิบัติประจำวันของลูกบ้านสามารถแวะจอดรถตรงนี้ชั่วคราวเพื่อเดินไปซื้อของที่เซเว่นเล็กๆน้อยๆก่อนเข้าโครงการได้ครับ

บรรยากาศถนนทางเข้าโครงการ เป็นถนนขนาด 2 เลน รถสามารถสวนทางกันได้ ติดตั้งไฟส่องสว่างสำหรับช่วงเวลากลางคืนไว้สองข้างทางเป็นระยะ และปลูกต้นไม้ไว้ตลอดเส้นทาง ซึ่งในอนาคตถ้าต้นไม้เหล่านี้เติมโตก็จะให้ความร่มรื่นมากกว่านี้อีกครับ

เมื่อเข้ามาด้านในจะเจอกับวงเวียนซึ่งเป็นจุด Drop-Off ไว้คอยรับ-ส่งคนได้ตรงนี้แล้ววนรถกลับออกไปได้เลย เป็นการช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน คนภายนอกจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งย่ามพื้นที่ด้านในโครงการมากไปจนเกินความจำเป็น ติดกระจกเงาตรงทางแยกเพื่อความปลอดภัยให้เรียบร้อยดีครับ

มีจุดสังเกตนิดนึงคือระยะการตีโค้งของวงเวียน Drop-Off นี้ค่อนข้างแคบครับ รถใหญ่ๆหรือรถทั่วไปที่กะระยะไม่ดีอาจต้องถอยตั้งหลักใหม่กันอยู่บ่อยๆ ไม่งั้นรถจะขูดกับขอบฟุตบาทได้ครับ

สำหรับลูกบ้านสามารถวนรถเข้ามาด้านหลังเพื่อเข้าที่จอดรถใต้อาคารได้ครับ ซึ่งตรงนี้ก็มีกระจกเงาติดไว้ให้อีกแล้ว ไว้สำหรับคนในอาคารที่กำลังจะขับออกมาด้านนอกไว้มองตรวจเช็คความเรียบร้อยของรถที่จะมาทางจากด้านซ้ายซึ่งเป็นจุดอับของอาคารที่มองไม่เห็นได้ครับ

เข้ามาภายในชั้นจอดรถในอาคาร จะมีทางแยกไปยังส่วนต่างๆ สามารถจอดรถได้ตั้งแต่ชั้น 1 – 4 ครับ

ทางด้านซ้ายมีโถงลิฟต์อีกจุดหนึ่งของอาคาร ทั้งขาเข้าและขาออกต้องใช้ Key Card นะครับประตูถึงจะเปิดออก ตรงจุดนี้จะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว และพื้นหน้าประตูมีการยก Step สูงขึ้นไปจากพื้นถนน ทำให้การขนของด้วยรถเข็นอาจไม่สะดวกมากนักครับ

อีกมุมหนึ่งของลานจอดรถชั้น 1 มีทางเชื่อมต่อไปยัง Lobby ได้ ตรงจุดนี้มีรถเข็นซึ่งเป็นของส่วนรวมให้ลูกร้านได้ใช้ขนของกันได้ด้วย (ใช้แล้วต้องเอามาคืนที่เดิมตรงนี้ด้วยเน้อ) และพื้นทางเข้า Lobby ยังมีทางลาดให้เข็นรถเข็นได้สะดวกอีกด้วย

ส่วนลานจอดรถจะมีทางลาดขึ้นไปยังชั้นต่อๆไปได้ วนขึ้นไปเรื่อยๆแบบ Split type ติดตั้งกระจกเงาไว้ตรงจุดขึ้น-ลงเพื่อความปลอดภัยเช่นเคย

ชั้นจอดรถชั้น 2 จะมีขอบเขตถึงแค่บันไดที่อยู่ทางด้านขวาของภาพเท่านั้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ของ Lobby ที่มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume แต่ถ้าขึ้นมาถึงชั้น 3 และชั้น 4 จะมีพื้นที่จอดรถเพิ่มมากขึ้น แล้วยังมีโถงลิฟต์เพิ่มอีกจุดหนึ่งด้วย เป็นโถงลิฟต์เดียวกับที่อยู่ใน Lobby ที่มีทั้งหมด 4 ตัวครับ

กลับออกมาจากชั้นจอดรถในอาคาร ทางออกจะต้องวนขวาอ้อมอาคารไปทางด้านหลังเพื่อกลับไปที่ด้านหน้า ด้านหลังอาคารจะมีที่จอดรถกลางแจ้งอยู่ รวมถึงมีจุดจอดรถรับ-ส่งของด้วย

ตรงหัวมุมนี้เมื่อเลี้ยวขวามาจะเจอที่จอดรถมอไซค์อยู่ตรงนี้แยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วนไม่ต้องไปรบกวนพื้นที่จอดรถยนต์ อยู่ใต้อาคารไม่ต้องจอดรถตากแดดตากฝนด้านนอก สามารถเดินเข้าตึกได้ทันที

และถ้าขับตรงมาตามทางก็จะกลับมาที่ Drop-Off หน้า Lobby สามารถเลี้ยวซ้ายเพื่อออกจากโครงการได้เลยครับ

คราวนี้ลองมาดู Facilities ใต้อาคารชั้น 1 กันบ้าง เริ่มที่จุด Drop-Off ของโครงการจะมี Step บันไดยกระดับขึ้นไปเล็กน้อย เป็นพื้นที่ Lobby แบบ Semi Outdoor ได้ฝ้าเพดานแบบ Double Volume ใช้วัสดุไม้สีโทนสว่างทำให้ดูสะอาดตาและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ห้องกระจกทางด้านซ้ายประกอบด้วย ห้อง Laundry, ห้อง Sale Gallery และห้องนิติบุคคล ง่ายกับติดต่อสำหรับบุคคลคนภายนอกครับ

ภายในห้อง Laundry มีตู้กดน้ำ เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญตั้งอยู่หลายเครื่องเลยครับ

ส่วนทางด้านขวาจัดเป็นจุดโต๊ะโซฟาและที่นั่งไว้หลายจุด มีผนังกั้นแยกพื้นที่ต่างๆออกจากกันเพิ่มความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว ทิศทางด้านหน้านี้เป็นทิศตะวันออก จะมีแดดส่องแค่ในช่วงเช้าเท่านั้น ส่วนตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นสามารถนั่งเล่นได้สบายเลยครับ ข้อดีคือช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าแอร์ส่วนกลางได้เยอะ แต่ข้อเสียคืออาจมีฝนสาดเข้ามาเปียกได้ในวันที่ฝนตกครับ

ตรงสุดทางเป็นประตูทางเข้า Lobby หลักด้านในครับ

แต่ทางด้านขวายังมีทางเดินต่อไปยังด้านข้าง เขียนป้ายว่าเป็นทางไปห้องน้ำ งั้นเราลองเดินไปดูทางด้านหลังกันดูก่อนนะว่ามีอะไรบ้าง

เมื่อเดินมาจนสุดทางจะเจอกับทางแยกไปยังส่วนต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนด้านหลังบ้านของโครงการ

เริ่มจากทางด้านซ้าย ภายในมีลิฟต์ขนของ 2 ตัว ซึ่งลิฟต์นี้ลูกบ้านไม่สามารถใช้ได้นะครับ ใช้ได้เฉพาะแม่บ้านและ รปภ. เท่านั้นถึงจะกดลิฟต์นี้ได้

พื้นที่ลาดเอียงไปทางด้านขวาเป็นทางเชื่อมต่อไปยังจุดจอดรถรับ-ส่งของที่อยู่ทางด้านหลัง มีไว้เพื่อสะดวกต่อการเข็นและขนของชิ้นใหญ่ๆได้ง่าย

นอกจากจะมีจุดจอดรถขนของแล้ว ยังเป็นจุดจอดรถมอไซค์ด้วย ซึ่งต้องเดินอ้อมไปขึ้นลิฟต์ที่ Lobby ด้านหน้านะ ลิฟต์ขนของลูกบ้านใช้ไม่ได้เน้อ

ส่วนด้านในสุดคือห้องน้ำ มีการแยกชาย-หญิงเรียบร้อยดี เป็นห้องน้ำสำหรับแขกหรือคนภายนอกที่จะมาใช้งานได้ครับ

กลับมาที่ Lobby อีกครั้ง เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งปกติก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยนั่งอยู่ประจำเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้าน ส่วนทางด้านขวาก็มีชุดโซฟาสำหรับนั่งคอยหรือพบปะพูดคุยกันของลูกบ้านครับ

ด้านในมีห้อง Mail box สำหรับรับจดหมายก่อนขึ้นลิฟต์ได้ ส่วนโถงลิฟต์ทางด้านขวาจะต้องใช้ Key Card ถึงจะเข้าไปได้ครับ

ที่ด้านหน้าห้อง Mail box มีเครื่องปฐมพยาบาลกระตุ้นหัวใจวางไว้ด้วย

ส่วนภายในโถงลิฟต์มีการตกแต่งอย่างหรูหรา และมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 4 ตัว

ลิฟต์โดยสารเป็นลิฟต์แบบล็อคชั้น เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยครับ สามารถไปได้เฉพาะชั้นของตัวเอง ชั้นจอดรถ และชั้น Facilities เท่านั้นนะ

มาดูแปลนอาคารชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้น Main Facilities กันบ้างครับ โดยชั้นนี้มีการปรับปรุงและเพิ่มฟังก์ชันขึ้นจากเมื่อ 3 ปีก่อน เมื่อออกมาจากโถงลิฟต์หลักจะเจอกับพื้นที่ Co-Working Space เป็นหนึ่งในจุดที่เพิ่มขึ้นมาภายหลัง ด้านในเป็นห้องแอร์มีชุดโต๊ะไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือได้ มีทางเดินเชื่อมออกมายังตรงกลางของโครงการซึ่งเป็นสระว่ายน้ำขนาด 13 x 30 m. มี Sunken seat และพื้นที่สวนข้างๆสระ มีห้องน้ำและห้อง Fitness รวมถึงมีห้อง Game Room ที่เพิ่มขึ้นมาภายหลังอีกด้วย

นอกจากนี้ในชั้นนี้ยังมีห้องพักอาศัยรวมอยู่ด้วย เหมาะกับคนชอบใช้พื้นที่ Facilities บ่อยๆหรือคนที่ชอบเข้าสังคม โดยส่วนพักอาศัยนั้นจำเป็นต้องใช้ Key Card (ในจุดวงกลมสีส้ม) เฉพาะคนที่พักอาศัยในชั้นนี้เท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งโถงลิฟต์จะมีอยู่ทั้งหมด 2 จุด แยกปีกอาคารออกเป็นเหนือและใต้ เป็นการกระจายลิฟต์เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นทั่วทั้งอาคารเพราะเนื่องจากเป็นอาคารที่ค่อนข้างใหญ่มากและมีจำนวนยูนิตค่อนข้างเยอะ

โดยโถงลิฟต์ทางขวาถือเป็นปีกอาคารทางทิศเหนือ มีลิฟต์ทั้งหมด 4 ตัวซึ่งเป็นลิฟต์หลักไปยัง Lobby ทางด้านหน้าได้ ส่วนโถงลิฟต์ทางซ้ายเป็นปีกอาคารทางทิศใต้ มีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว ซึ่งเป็นลิฟต์ที่จะตรงไปชั้นลานจอดรถโดยตรง ห้องโซนนี้จึงอาจเหมาะกับคนใช้รถและชอบวิวด้วยก็ได้ และนอกจากนี้ยังมีการวางห้องงานระบบต่างๆไว้ใกล้ๆกับลิฟต์ทั้ง 2 ฝั่ง และมีลิฟต์ขนของอยู่ทางด้านซ้ายหรือโซนทิศเหนือซึ่งเป็นโถงลิฟต์หลักครับ ส่วนบันไดหนีไฟก็มีถึง 5 จุด มีจำนวนยูนิตพักอาศัยในชั้นนี้ทั้งหมด 52 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคาร 262.7 : 1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นมากครับ

เริ่มที่โถงลิฟต์หลักที่ชั้น 5 ตรงหน้าโถงลิฟต์จะมีประตูกระจกอีกชั้นหนึ่งซึ่งจะต้องใช้ Key Card สำหรับเข้าไปยังส่วนพักอาศัย

อีกด้านหนึ่งก็มีประตูกระจกเข้าไปยังส่วนพักอาศัยเหมือนกันครับ ส่วนทางด้านซ้ายเป็นห้อง Co-Working Space และทางด้านขวาเป็นทางไปสระว่ายน้ำและ Facilities อื่นๆ

เริ่มที่ห้อง Co-Working Space ทางด้านซ้ายกันก่อนนะ เป็นฟังก์ชันที่ถูกเพิ่มขึ้นมาภายหลังซึ่งแต่ก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นเพียงพื้นที่ธรรมดา มีเพียงชุดโซฟาไว้นั่งเล่นแบบ Outdoor เท่านั้น แต่ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้นั่งทำงานอ่านหนังสือได้จริงจัง แล้วยังมี Wifi ให้ใช้งานได้ฟรีอีกด้วย ประตูเป็นกระจกบานเฟี้ยมช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาที่โถงทางเดินทำให้สว่างและไม่อึดอัด สามารถเปิดออกเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ได้กว้าง โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่อากาศเย็นสบายไม่ต้องเปิดแอร์ให้เปลืองครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นทางไปสระว่ายน้ำและ Facilities อื่นๆ

เมื่อออกมาภายนอกจะพบกับพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ มีข้อสังเกตคือตรงจุดนี้เมื่อออกมาจากในอาคารแล้วจะไม่มีกันสาดช่วยกันแดดหรือบังฝนให้เลย ต้องรีบเดินหลบไปทางด้านขวาอย่างเร็วเพื่อหลบฝนในวันที่ฝนตกซึ่งก็อาจต้องเปียกนิดหน่อยนะ

ทางด้านขวานี้จะมี รปภ. คอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดเวลาเปิดทำการของพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมอุปกรณ์กู้ภัยไว้คอยช่วยเหลืออย่างครบครัน

เริ่มที่พื้นที่ Facilities กลางแจ้งทางด้านซ้ายซึ่งเป็นสระว่ายน้ำกันก่อนนะ

ก่อนลงสระทางมุมขวานี้จะมีจุดล้างตัวกลางแจ้งตั้งอยู่

ส่วนทางด้านซ้ายมี Daybed ไว้นั่งพักผ่อนอยู่ข้างสระ ที่ปลายสุดทางเดินเป็นสระเด็กครับ

ส่วนพื้นที่ข้างสระทางด้านซ้ายจัดเป็นสวนไว้นั่งพักผ่อน มีบันไดลด Step ลงไปด้านล่างนิดหน่อย และปลูกกำแพงต้นไม้กั้นส่วนระหว่างพื้นที่ส่วนกลางกับห้องพักที่อยู่ในชั้นนี้เพื่อพรางตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ที่ปลายสุดของสระมี Sunken seat สำหรับนั่งเล่นข้างสระ

อีกหนึ่งข้อสังเกตคือสระว่ายน้ำไม่ได้สร้างยาวจนชิดติดขอบอาคารนะ แต่จะมีระยะร่นเข้ามาเล็กน้อยซึ่งทางโครงการได้ปลูกหญ้าเทียมเอาไว้ครับ

มาดูส่วนสระว่ายน้ำกันบ้าง เป็นสระระบบเกลือขนาด 13 x 30 m. โดยรอบสระมีการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและได้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทเพิ่มขึ้น

มองไปด้านบนจะเห็นได้ว่าสระว่ายน้ำถูกโอบล้อมไว้ด้วยอาคารทั้ง 3 ด้าน รวมถึงอาคาร The Trust ที่อยู่ด้านหลังอีกเป็น 4 ด้านพอดี แต่ละด้านมีระยะห่างมากพอสมควร จึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด

มาต่อกันที่ Facilities ส่วนต่อไปจะมีบันไดเล่นระดับกับสวนและสระว่ายน้ำลดลงไปทางด้านล่างเล็กน้อย ห้องกระจกทางด้านขวาคือห้อง Fitness

ที่ด้านหน้าห้อง Fitness จะมีชุดโซฟาและเก้าอี้สำหรับนั่งพักหรือนั่งคอยอยู่ด้านนอก

และติดกันเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง

ภายในห้องน้ำจะมีอ่างล้างหน้า ตู้ล็อคเกอร์ โถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และห้อง Streem แยกชาย-หญิง โดยจะมีโถปัสสาวะเพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับห้องน้ำชาย

ส่วนภายใน Fitness ก็มีฟังก์ชันต่างๆที่หลากหลายและครบครัน รวมถึงมีเครื่องเล่นส่วนที่เพิ่มเติมจากเมื่อก่อนอยู่ด้วย เริ่มจากส่วนแรกทางขวามีดัมเบลและบอลโยคะให้ได้ใช้งานกันได้

มีบาร์เหล็กสีแดงขนาดใหญ่ที่เพิ่มเข้ามาตั้งอยู่ตรงกลาง เอาไว้เล่นโหนบาร์หรือดึงข้อกันได้

ด้านในสุดก็มีเครื่องออกกำลังกายขนาดใหญ่อีก 2 เครื่องที่เพิ่มเข้ามาครับ เอาไว้เล่นกล้ามเพาะกายกันได้

ส่วนทางด้านซ้ายก็มีลู่วิ่งไฟฟ้าและเครื่องปั่นจักรยาน หันหน้า Take View ออกไปทางสระว่ายน้ำจะได้ไม่น่าเบื่อเวลาออกกำลังกาย

มาต่อกันที่พื้นที่สุดท้ายอีกฝั่งของ Fitness ซึ่งจะมีทางเดินเชื่อมต่อผ่านไปทางสระว่ายน้ำซึ่งตรงจุดนี้ทำเป็นน้ำตกเอาไว้ด้วย

สำหรับวิวอีกด้านของพื้นที่ส่วนกลางก็จะมองเห็น The Trust Condo ประมาณนี้ครับ

ติดกันกับห้อง Fitness คือห้อง Game Room และทางด้านซ้ายเป็นโถงลิฟต์อีกจุดหนึ่งที่มาจากชั้นจอดรถครับ

ภายใน Game Room เป็นห้องเล็กๆที่มีเครื่องเล่นอยู่ 3 ชิ้น สามารถชวนเพื่อนๆมาเล่นกันได้

ติดกันเป็นโถงลิฟต์จากชั้นจอดรถซึ่งจะมีอยู่ 2 ตัว และมีประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card เพื่อเข้าไปยังส่วนพักอาศัยได้อีกจุดหนึ่ง

ชั้น 6 – 29 เป็นแบบ Typical Floor Plan คือเป็นชั้นพักอาศัยที่เหมือนกันหมดทุกชั้น โดยแปลนอาคารคล้ายรูปตัว F มีการวางโถงลิฟต์และส่วนงานระบบต่างๆไว้ 2 จุดทางฝั่งเหนือและฝั่งใต้ รวมถึงมีบันไดหนีไฟทั้งหมด 5 ตำแหน่งเช่นเดียวกับแปลนชั้น 5 แต่จะมียูนิตพักอาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 61 ยูนิต รวมถึงมีจุดสังเกตที่พิเศษคือตรงกลางของอาคารซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างปีกอาคารฝั่งเหนือกับฝั่งใต้จะมีโถงทางเดินที่กว้างมากกว่าปกติเพิ่มขึ้นมา ทำให้พื้นที่ส่วนนี้โปร่งโล่งไม่อึดอัด ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น และยังช่วยไม่ให้ทางโถงทางเดินในอาคารเป็นเส้นตรงเท่ากันแล้วดูลึกยาวเกินไปด้วย สำหรับเรื่องวิวและทิศทางของโครงการจะแยกออกเป็นตามนี้

  • ห้องที่หันเข้าด้านในอาคารจะสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและห้องฝั่งตรงข้ามได้
  • ทิศเหนือจะได้ City View ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง มองเห็นโกงดังร้าง พื้นที่สวนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือซึ่งอาจมีเสียงรบกวนในเวลากลางวันในช่วงที่มีกิจกรรม แต่ถ้าอยู่ห้องเฉพาะตอนกลางคืนก็จะไม่มีปัญหาอะไร มองออกไปเห็นช้างเอราวัณและทางด่วนกาญจนาภิเษกด้วย
  • ทิศตะวันออกจะมองเห็น Aspire Erawan Tower A ซึ่งเป็นโครงการตึกสูงในอนาคต
  • ทิศใต้ติดกับ The Trust Condo สูง 30 ชั้น
  • ทิศตะวันตกเป็นทิศที่ดีที่สุด ติดกับคลองบางนาเกร็ง มองเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่และได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ข้อเสียคือจะโดนแดดแรงมากในช่วงหลังบ่าย

เริ่มที่โถงลิฟต์หลักซึ่งอยู่ทางโซนปีกอาคารทิศเหนือ มีลิฟต์ทั้งหมด 4 ตัว และมีทางแยกออกไปส่วนต่างๆ

เริ่มจากทางด้านขวา เป็นส่วนพักอาศัยฝั่งปีกทางทิศเหนือและมีห้องทิ้งขยะกับลิฟต์ขนของแยกออกไปอย่างเป็นสัดส่วน

ส่วนถ้าเลี้ยวมาทางซ้ายจะมีบันไดหนีไฟซึ่งมีอุปกรณ์ดับเพลิงเตรียมพร้อมอยู่ครบครัน และเป็นเส้นทางไปยังส่วนพักอาศัยที่อยู่ฝั่งโซนปีกทางทิศใต้

ตรงช่วงกลางอาคารอย่างที่ได้บอกไปในแปลนแล้วว่าจะมีทางเดินที่มีความกว้างมากขึ้นเป็น 2 เท่าอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งกว้างประมาณ 3 m. จึงทำให้พื้นที่ห้องตรงส่วนนี้มีความเป็นส่วนตัว โปร่งโล่งไม่อึดอัด แล้วยังช่วยป้องกันไม่ให้ทางเดินในอาคารเป็นเส้นตรงยาวที่ดูอึดอัดหรือลึกจนเดินไป

ทางเดินในอารคารปกติจะกว้างประมาณ 1.2 m. และที่สุดปลายทางของทุกจุดจะมีช่องหน้าต่างที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในทำให้โถงทางเดินสว่างขึ้นแล้วยังช่วยเปิดเพื่อให้อากาศภายในถ่ายเทไม่อึดอัดอีกด้วย

เลี้ยวซ้ายของปีกอาคารทางฝั่งใต้ก็จะมีห้องทิ้งขยะและโถงลิฟต์ซึ่งตรงขึ้นมาจากชั้นจอดรถอีกจุดหนึ่ง

และแปลนอาคารชั้นที่ 30 เป็นชั้นพักอาศัยเหมือนกัน ต่างกันที่ชั้นนี้จะมีบันไดที่สามารถใช้ขึ้นไปยัง Facilities บนดาดฟ้าได้ จึงทำให้เป็นชั้นที่จะต้องมีประตูกระจกกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัยในชั้นนี้ เพราะคนจากทุกชั้นก็สามารถขึ้นมาที่ชั้นนี้ได้ทุกคน

 

ชั้น 31 เป็นชั้น Roof Top Facilities จะประกอบไปด้วย Jogging track, Boxing Zone, Climbing Zone และจุดชมวิว ซึ่งทั้งหมดก็ได้มีการเพิ่มเติมและปรับปรุงจากแบบเดิมเมื่อ 3 ปีที่แล้วให้ดีมากยิ่งขึ้นครับ

เริ่มต้นที่บันไดทางขึ้นมาชั้นดาดฟ้าจากชั้น 30 จะมีประตูกระจกเปิดออกสู่ภายนอกอีกชั้นหนึ่ง ไม่ต้องใช้ Key Card นะ

เมื่อออกมาด้านนอก มองไปทางขวาจะเป็นโซนนั่งพักผ่อนและชมวิว

กลับหลังหันมองย้อนกลับมาอีกทางจะมีทางแยกออกไปซ้าย-ขวาของอาคาร

เริ่มจากทางซ้ายจะมีทาง Jogging track ที่วิ่งวนรอบได้ทั่วทั้งชั้น ที่สุดทางเดินด้านซ้ายมีเชื่อกสำหรับใช้แกว่งออกกำลังกายแขนเหมือนในยิมเลยครับ

ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะมีทางเชื่อมลอดใต้อาคารไปยัง Facilities ส่วนต่างๆอีกฝั่งหนึ่ง

ที่ใต้อาคารนี้จัดเป็น Boxing Zone มีแท่นสำหรับซ้อมชกมวยและเบาะรองนั่งอยู่หลายชุดเลยทีเดียว ไว้ออกกำลังกายหรือจะมาระบายอารมณ์อะไรสักอย่างเพื่อให้ผ่อนคลายก็ได้นะ

ต่อมาจะมีลานกิจกรรมอเนกประสงค์กว้างๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นลานเต้นแอโรบิคและได้ข่าวว่าจะมีครูหรือลูกบ้านนัดกับมาเต้นแอโรบิคกันเป็นประจำอีกด้วยนะ

มองย้อนกลับมาที่ข้างกำแพงมี Climbing Zone ไว้ลองฝึกปีนผาจำลองเล่นๆ ไม่สูงมากนัก เด็กๆก็สามารถเล่นได้ ที่ด้านล่างมีเบาะไว้รองกันกระแทกด้วยครับ

มาต่อที่ปลายสุดทางเดินนี้จะมีจุดชมวิวอยู่ด้วย โดยจุดชมวิวนี้จะยก Step ให้สูงจากพื้นขึ้นไปเพื่อให้พ้นระยะกำแพงโดยรอบที่สูงกว่า 3 m. ซึ่งถูกสร้างมาเป็นไปตามกฏหมายอาคารสูงเพื่อความปลอดภัยบนชั้นดาดฟ้านั่นเอง

บนจุดชมวิวมีชุดเก้าอี้ โต๊ะเคาน์เตอร์ทรงสูง และเพิ่มผ้าใบไว้คอยกันแดดในเวลากลางวันได้ โดยที่ผ้าใบนี้ลูกบ้านสามารถหมุนพับเก็บได้ด้วยตัวเองด้วยในวันที่ต้องการพื้นที่ท้องฟ้าเปิดโล่งในการชมดาวหรือพลุฉลองตามวันสำคัญต่างๆได้

โต๊ะเคาน์เตอร์ทรงสูงตรงนี้ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่านั่งทำงานอ่านหนังสือมากๆ มองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่สีเขียวได้เต็มๆ

และนอกจากนี้ยังมีพื้นที่อาคารอีกส่วนหนึ่งทางซ้ายซึ่งก็มีบันไดเดินขึ้นมาจากโถงลิฟต์อีกฝั่งหนึ่งได้ และทางฝั่งนี้ก็มีจุดชมวิวอีกเช่นกัน

วิวทางด้านนี้ก็สวยไม่แพ้กัน มองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ได้ครับ

จุดชมวิวทุกจุดจะไม่ได้อยู่ติดกำแพง แต่จะมีระยะร่มเข้ามามากกว่า 1 m. แล้วจัดเป็นแนวต้นไม้เอาไว้เพื่อความปลอดภัยครับ

สุดปลายทางของดาดฟ้านี้จะมี BBQ Zone และโต๊ะเคาน์เตอร์ทรงสูงอีกเช่นกัน โดยวิวตรงนี้จะแอบมองเห็น The Trust Condo ซึ่งจะบังวิวไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาและตัวเมืองปากน้ำ สมุทรปราการได้ด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Semi Outdoor Lobby
  • Lobby
  • Laundry
  • ห้องนิติบุคคล
  • ห้องน้ำ

  • ชั้น 5
    • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 13 x 30 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
    • ห้องสตรีมแยกชาย – หญิง
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
    • Co-Working Space
    • Game Room
    • Garden
    • Sunken Seat

  • ชั้น 31
    • Jogging Track
    • Boxing Zone
    • Climbing Zone
    • Aerobic Zone
    • จุดชมวิว

  • ลิฟท์โดยสาร 6 ตัวต่ออาคาร อัตราส่วนลิฟต์ 262.7 : 1
  • Service Lift 2 ตัว
  • ที่จอดรถ 553 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน 97 คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 42%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Proxy Lift

  • Product Walkthrough

    สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ มีห้องมาตรฐาน(ห้องพร้อมเฟอร์ที่ให้ตามจริง)ให้ดูทั้งหมด 3 แบบ แต่จะมีห้องตัวอย่างที่ตกแต่งให้ดู 2 แบบ คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.50 ตารางเมตร และห้อง 1 Bed Plus ขนาด 35 ตารางเมตร ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ จะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

    ห้องตัวอย่างแรกคือ 1 Bedroom ขนาด 29.50 ตารางเมตร รูปร่างห้องเป็นรูปเกือบสี่เหลี่ยมจตุรัส เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นก่อน ใช้งานพื้นที่ร่วมกับโต๊ะทานอาหารช่วยประหยัดพื้นที่ฟังก์ชันไปได้ ห้องนอนมีขนาดใหญ่ซึ่งค่อนข้างให้ความสำคัญในส่วนนี้ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน และมีช่องหน้าต่างช่วยดึงแสงสว่างเข้ามาถึงภายในห้องนั่งเล่นและมีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ ปลายเตียงเป็นพื้นที่ใช้งานตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่สามารถติดทีวีปลายเตียงได้นะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ทางด้านขวาเยื้องๆกับห้องนอน สามารถเข้าได้จากทางห้องนั่งเล่น ภายในมีการจัดแบ่งฟังก์ชันอย่างเป็นสัดส่วน ห้องครัวจะอยู่ทางด้านขวาของห้องซึ่งได้เป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนปิดกั้นอย่างเป็นสัดส่วน และติดกับระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศได้ สามารถทำอาหารได้อย่างจริงจัง แบบห้องนี้เหมาะกับอยู่อาศัย 1-2 คน ชอบพื้นที่ห้องกว้างๆ แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน และให้ความสำคัญกับห้องนอนเป็นพิเศษ

    มาดูห้องตัวอย่างจริงที่อยู่บนชั้น 6 กันบ้างครับ หน้าห้องมีประตูไม้ HDF สีขาว พร้อมตาแมวและป้ายบ้านเลขที่ของห้องติดเอาไว้เรียบร้อยดี

    ที่เปิดประตูเป็นแบบก้านโยก พร้อมตัวล็อคที่ต้องไขด้วยกุญแจอีกชั้นหนึ่ง แถมติดตั้ง Digital Door Lock ของ Samsung หน้าตาแบบนี้มาให้ด้วย

    ที่ประตูหน้าห้องมีขอบพื้นสูงขึ้นมาเล็กน้อยช่วยป้องกันฝุ่นผงเวลาที่แม่บ้านทำความสะอาดด้านนอกไม่ให้เข้ามาด้านในห้อง ส่วนที่ด้านหลังประตูจะมี Stopper ติดตั้งมาให้ช่วยป้องกันประตูกระแทกกับตู้ได้ครับ

    บรรยากาศภายในห้องก็จะโล่งโปร่งแบบนี้ พื้นห้องปูด้วยพื้นไม้ลามิเนต ฝ้าฉาบเรียบทาสี ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.55 m.

    พื้นที่ส่วนแรกเมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอคือห้องนั่งเล่นที่ใช้งานร่วมกับพื้นที่โต๊ะรับประทานอาหาร

    ระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.3 m. สามาถใช้ทีวีขนาด 40 นิ้วได้

    ชั้นวางทีวีโครงการจะ Built มาให้แบบนี้เลยครับ แต่จะสังเกตุได้ว่าจะไม่มีที่วางรองเท้าจะ อาจต้องวางใต้ชั้นวางทีวี หากล่องมาใส่ หรือ Built ตู้รองเท้าด้านล่างเพิ่มเติมครับ ผนังด้านหลังเป็นผนังโครงเบาก็จริงแต่ก็สามารถแขวนทีวีที่ผนังในตำแหน่งนี้ได้เนื่องจากทางโครงการได้เตรียมแผ่นไม้อัดสำหรับติดตั้งเอาไว้ตรงนี้ให้แล้ว ส่วนพื้นที่ด้านบนถ้าเป็นคนมีของเยอะก็อย่าให้สูญเปล่า สามารถเพิ่มชั้นวางของหรือตู้แขวนผนังได้ครับ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นโซฟา ซึ่งเราจะได้เป็นโซฟา 2 ชิ้นหน้าตาแบบนี้ ตัวแรกทางซ้ายมือแบบมีพนักพิงมีขนาด 1.5 x 0.8 m. ส่วนตัวทางขวาที่ไม่มีพนักพิงมีขนาด 1 x 0.8 m. ข้อดีที่โครงการให้โซฟามาให้คือขนาดจะพอดีกับพื้นที่ห้อง ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาขนาดที่ลงตัวให้เสียเวลา แต่ถ้าใครไม่ชอบก็อาจต้องสั่งทำให้มีขนาดพอดีกับพื้นที่แทนครับ และการได้โซฟาแบบ 2 ชิ้นก็มีข้อดีทำให้ฟังก์ชันมีความยืนหยุ่นมากขึ้น เช่น เราสามารถเลื่อนโซฟาตัวเล็กทางขวามาให้เป็นที่พาดขาแบบโซฟารูปตัว L ได้เป็นต้น ส่วนโต๊ะทานอาหารนี้สามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้ โต๊ะมีความสูงสามารถนั่งทำงานอ่านหนังสือได้ ทำงานหรือกินข้าวไปดูทีวีไปได้ด้วยเลย แต่โซฟาเมื่อนั่งแล้วจะยวบลงไปเยอะพอสมควร เลยทำให้โต๊ะนี้อาจสูงเกินไปสักหน่อยนะ

    แล้วผนังด้านหลังโล่งๆอย่าให้สูญเปล่า นอกจากจะติดรูปหรือนาฬิกาแล้ว ยังสามารถติดชั้นวางของหรือตู้แขวนผนังเพิ่มเติมได้นะ แต่ก็อาจแลกมากับห้องที่อาจดูแคบลงเล็กน้อยแต่ได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้นครับ นอกจากนี้พื้นที่ส่วนนี้ยังได้แสงสว่างจากหน้าต่างในห้องนอนผ่านประตูกระจกบานเลื่อนอีกด้วย ทำให้ห้องสว่างไม่อึดอัดและไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยครับ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยครบครับ

    ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียม Powder coat สีขาว ข้อดีคือมีความแข็งแรงทนทานต่อความร้อนและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าอลูมิเนียมทำสีทั่วไป แต่ข้อเสียคือพื้นผิวภายนอกดูคล้ายกับพลาสติกซึ่งบางคนอาจไม่ชอบเพราะยังไม่รู้ถึงข้อดีนึกว่าเป็นพลาสติกจริงๆ ได้กระจกเขียวตัดแสง และมีตัวล็อกจากด้านในห้องนอน

    ประตูเดินรางด้านบน ข้อดีคือจะไม่มีรางบนพื้นมาคอยเก็บฝุ่นหรือเดินสะดุดให้กวนใจ แต่ข้อเสียคือถ้าหลุดออกจากรางจะซ่อมเองไม่ได้ ต้องตามช่างเท่านั้นนะ และเป็นประตูบานใหญ่ที่สามารถเปิดได้กว้างถึง 1.25 m. ทำให้เดินผ่านหรือขนของได้สะดวก แล้วยังทำให้ประตูกระจกมีเส้นขอบน้อย มองทะลุได้เกือบทั้งบานเหมือนไม่มีอะไรกั้นอยู่เลยครับ

    ภายในห้องนอนค่อนข้างกว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องแล้วยังมีพื้นที่โดยรอบสามารถใช้งานได้สะดวก

    พื้นที่ปลายเตียงเป็นพื้นที่ใช้งานหน้าตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง วัดจากขอบเตียงถึงตู้จะมีทางเดินกว้างประมาณ 0.65 สามารถใช้งานได้สะดวก

    ส่วนพื้นที่ด้านข้างถ้าวางเตียงไว้ตรงกลางพอดีจะมีพื้นที่เหลือข้างละประมาณ 70 cm. สามารถใช้งานได้สะดวกทั้ง 2 ฝั่ง หรือจะวางโต๊ะหัวเตียงก็ได้

    ทางด้านขวาของเตียงเป็นช่องหน้าต่างกระจกสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีขนาดประมาณ 1.15 x 1.35 m. ข้อดีที่มีช่องใหญ่ขนาดนี้คือช่วยในเรื่องการ Take View ภายนอก จะได้ไม่มีเส้นกรอบหน้าต่างมาคั่นเป็นช่องเล็กๆบังวิวให้กวนใจ ด้านขวามีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ และพื้นที่ข้างหน้าต่างยังเหมาะที่จะวางโต๊ะอเนกประสงค์ไว้ทำงานอ่านหนังสือและชมวิวไปได้ด้วย โดยอาจเลื่อนเตียงไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อให้มีพื้นที่ทางขวาของเตียงเหลือพอให้วางโต๊ะและเก้าอี้ได้ประมาณ 1 m. ครับ

    ส่วนปลายเตียงทางโครงการ Built in เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ ซึ่งจะมีกระจกขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้เลย ข้อดีนอกจากเรื่องประโยชน์การใช้งานแล้ว ยังช่วยทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ที่ปลายเตียงด้วย ใช้งานร่วมกับห้องนั่งเล่น ข้อดีคือถ้าถึงเวลานอนก็สามารถเลื่อนปิดประตูทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก ช่วยประหยัดค่าไฟได้ แต่ถ้าอยากแยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนก็สามารถติดตั้งที่ห้องนั่งเล่นเพิ่มเติมได้ครับ

    ตู้เสื้อผ้ามีกระจกทรงยาวติดอยู่ที่หน้าบานตู้ข้างหนึ่งไว้ใช้ส่องเวลาแต่งตัวได้ ภายในสามารถเก็บของได้พอสมควร และมีที่จับแบบเซาะร่องสามารถเลื่อนเปิดได้ง่าย แต่เวลาปิดอาจลำบากนิดหน่อยเพราะมือต้องจับโดนกระจกอาจทำให้เกิดรอยต้องคอยเช็ดอยู่บ่อยๆได้

    โต๊ะเครื่องแป้ง Built มาให้เต็มผนัง มีลิ้นชัก 2 ช่องสามารถเก็บของได้พอสมควร มีพื้นที่ด้านล่างเหลือสามารถหากล่องมาใส่เก็บของแล้ววางใต้โต๊ะได้ครับ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยครบ

    ถัดมาเป็นห้องครัวและห้องน้ำ โดยที่ประตูห้องครัวเป็นกระจกบานเลื่อนที่ช่วยป้องกันกลิ่นเข้ามารบกวนภายในห้องได้ ผนังเหนือประตูสามารถติดตั้งเครื่องปรับอากาศของห้องนั่งเล่นเพิ่มได้ถ้าต้องการ หรือจะติดผนังเหนือทีวีก็ได้ครับ

    พื้นที่โถงหน้าทางเข้าห้องน้ำและห้องครัว มีขนาดประมาณ 1 x 1 m. เป็นพื้นที่เชื่อมต่อฟังก์ชันทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว กว้างพอที่จะสามารถใช้งานได้สะดวก

    ในส่วนของห้องน้ำจะได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (สร้างและประกอบที่โรงงาน ค่อยมาติดตั้งหน้างาน) สังเกตได้จากธรณีประตูที่ยกขึ้นมาค่อนข้างสูงถึง 18 cm. และผนังเป็นโครงเบาทั้งหมด ข้อดีของห้องน้ำประเภทนี้คือคุณภาพค่อนข้างดีเพราะประกอบจากโรงงานมีการ QC ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่ต้องแล้วแต่โชคว่าช่างที่ทำให้ห้องเรานั้นทำเก่งรึเปล่า การซ่อมแซมง่าย ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียคือเรื่องราคาที่สูงกว่าห้องน้ำธรรมดา และขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้มากนัก พื้นห้องน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้อง ออกแบบมากะทัดรัด เพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ ซึ่งยากที่จะต่อเติมหรือขยับขยาย ถ้าใครสนใจเรื่องห้องน้ำสำเร็จรูป สามารถอ่านข้อมูลต่อได้ที่นี่

    ภายในห้องน้ำจัดแบ่งฟังก์ชันออกเป็นสัดส่วนได้เหมือนห้องน้ำทั่วไป ซึ่งเราจะได้ทุกอย่างตามที่เห็นในห้องพร้อมกระจกเงาบานใหญ่เกือบทั้งผนังแบบนี้เลยครับ

    เริ่มที่พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.4 x 1.15 m. สามารถใช้งานได้สะดวก พื้นเป็นกระเบื้องกันลื่น และธรณีประตูจะมีแผ่นอลูมิเนียมปิดผิวด้านบนเอาไว้ ยกขอบสูงขึ้นมาจากพื้นห้องน้ำเล็กน้อย เวลาล้างทำความสะอาดจะไม่กระเด็นออกไปด้านนอก แต่ระวังอย่าให้แผ่นอลูมิเนียมโดนน้ำยาล้างห้องน้ำนะครับ เพราะสนิมจะขึ้นง่ายมาก แต่ถ้าเป็นขึ้นมาก็แค่หาซื้อน้ำยาเช็ดสนิมออกก็กลับมาสวยเหมือนของใหม่เปะเลยครับ

    ฟังก์ชันส่วนแห้งประกอบด้วยอ่างล้างหน้าของ American Standard ขนาด 55 x 45 cm. วางของบนขอบอ่างได้นิดหน่อย มีก๊อกแบบก้านโยก พร้อมโถสุขภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน กับสายชำระ และที่แขวนกระดาษชำระพร้อมใช้งาน

    ฝั่งตรงข้ามมีที่แขวนผ้าเช็ดตัวสแตนเลสติดตั้งมาให้ด้วย

    ส่วนพื้นที่ส่วนเปียกจะมีขนาดประมาณ 85 x 85 cm. ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้นะ แต่จะมีขอบหินแกรนิตสีดำกั้นพื้นที่เอาไว้เผื่อการต่อเติมฉากกั้นหรือติดม่านได้ครับ

    ติดตั้ง Hand Shower สแตนเลสขนาดพอดีมือมาให้ สามารถปรับรูปแบบสายน้ำที่หัวฝักบัวได้ มีก๊อกแบบก้านโยกสามารถปรับความแรงของสายน้ำ และที่สายฝักบัวจะมียางหุ้มอยู่ด้วย ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและหมดปัญหาเรื่องคราบที่ไปติดอยู่ตามสายได้ดี

    ที่ด้านบนฝักบัวติดตั้ง Junction box สำหรับต่อเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไว้ให้ด้วย แต่ไม่มีที่วางสบู่นะครับ อาจต้องวางตรงขอบผนังหินแกรนิตสีดำแทน ถ้าใครติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมก็ยังสามารถวางได้หรือจะทำชั้นวางเพิ่มเป็นหลายๆชั้นก็ได้ถ้าของเยอะ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟดาวน์ไลท์ 1 ดวงและพัดลมดูดอากาศของ Panasonic อีก 1 ตัวครับ

    ติดกันเป็นห้องครัว ภายในมีชุดเคาน์เตอร์ Built in มาให้ตามนี้ แต่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่ได้นะครับ

    พื้นครัวเปลี่ยนจากพื้นไม้ลามิเนตมาเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ซึ่งสามารถทนน้ำและเช็ดทำความสะอาดได้ดีกว่า กว้างประมาณ 80 cm. สามารถใช้งานได้สะดวก

    ห้องครัวนี้เป็นครัวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจัง มีประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งติดรางด้านบนเช่นเดียวกับในห้องนอน ทำให้ไม่มีรางด้านล่างมาคอยเก็บฝุ่นหรือเดินสะดุด

    มาเริ่มที่ส่วนแรกเป็นที่วางตู้เย็น มีขนาดประมาณ 1.15 x 0.7 m. สามารถวางตู้ที่ขนาดใหญ่มากขึ้นกว่านี้ก็ได้เพราะยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออยู่เล็กน้อย และมีพื้นที่ด้านบนว่างอยู่จึงไม่มีปัญหาในการใช้ตู้เย็นทรงสูง แต่ถ้าจะซื้อตู้เย็นขนาดเท่านี้แล้วยังมีที่เหลือก็สามารถหาชั้นวางของหรือ Built ตู้เล็กๆไว้เก็บของเพิ่มเติมได้ และแนะนำให้ซื้อตู้เย็นที่เปิดบานตู้ไปในทิศทางที่ถูกต้องกับห้องที่เราเลือกเพื่อง่ายต่อการใช้งานแบบห้องตัวอย่างด้วยนะครับ

    ตู้แขนวนด้านบนของเคาน์เตอร์ครัวจะมีที่เก็บของไม่ค่อยเยอะ ถ้าใครเน้นใช้งานครัวก็สามารถ Built ชั้นวางของและเพิ่มหน้าบานตู้เพื่อปิดให้ดูเรียบร้อยมากขึ้นได้ครับ

    ตู้ทางด้านขวาเป็นแบบกดกระเด้งนะ ไม่ได้ติดตั้ง solf close มาให้ แต่มีช่องด้านล่างเว้นไว้สำหรับติดตั้ง Hood เผื่อไว้ให้ ซึ่งถ้าเราปิดบานตู้ไปก็จะปิดช่องนี้จนสนิทเรียบร้อยดี มองไม่เห็นว่ามีช่องซ่อนอยู่เลยครับ

    Top เคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยไม้ Particle ซึ่งมีความทนน้ำและความร้อนได้พอๆกับไม้ลามิเนต ผนังกรุกระเบื้องมาแล้วทำให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด มีอ่างล้างจานขนาดประมาณ 45 x 50 cm. ลึก 15 cm. ซึ่งค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะ มีพื้นที่ประกอบอาหารทางด้านซ้ายกว้างประมาณ 1.3 m. ถ้าใครไม่ได้ใช้ครัวบ่อยๆ แนะนำให้ใช้เตา induction ที่สามารถล้างเก็บได้ จะได้ไม่เกะกะพื้นที่บนโต๊ะนะครับ

    ด้านล่างมีตู้และลิ้นชักเก็บของได้พอประมาณ มีช่องวางไมโครเวฟด้านล่างทำให้ใช้งานสะดวก พร้อมที่วางเครื่องซักผ้าซึ่งต่อท่องานระบบต่างเอาไว้ให้เรียบร้อย โดยเครื่องซักผ้าวางอยู่บนพื้นกระเบื้องและเก็บขอบตู้ได้เรียบร้อย ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหรือความชื้นเลยครับ

    ลิ้นชักด้านบนจะได้ถาดใส่ช้อนซ้อมมาด้วย มีที่เปิดแบบปาดมุมทำให้ใช้งานได้ง่ายและปิดได้สนิทเรียบร้อยดี แต่ไม่ได้ติดตั้งโช๊คป้องกันการกระแทกมาให้นะ ใช้งานเบาๆมือกันหน่อยล่ะ

    ที่ด้านซ้ายของเคาน์เตอร์จะมีช่องเล็กๆกว้างประมาณ 40 cm. ไว้สำหรับวางถังขยะ อุปกรณ์ทำความสะอาด หรือเพิ่มชั้นวางของเล็กๆได้อีกครับ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวง พร้อมสปริงเกอร์ดับไฟและอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยมาให้เช่นเคย

    สุดท้ายคือประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา หรือจะเปิดเพื่อระบายอากาศ และสามารถออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ด้วย กระจกเป็นเขียวตัดแสง มีตัวล็อกจากด้านใน พร้อมแถบผ้ากำมะหยี่ป้องกันฝุ่น เสียง และแมลงรบกวนได้ พื้นธรณีค่อนข้างสูง ประมาณ 22 cm. ระวังสะดุดกันด้วยนะครับ

    ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.6 x 0.9 m. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก และมีราวกันตกเหล็กสูง 1.1 m. ติดตั้งก๊อกน้ำสำหรับซักล้างไว้พร้อมใช้งาน

    Condensing unit แขวนไว้ด้านบนและเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก ข้อดีคือทำให้ระเบียงไม่ร้อนและพ้นจากระยะสายตาเมื่อมองออกมาจากด้านใน ระเบียงจึงสามารถใช้งานได้จริง จะออกมายืนรับลมเย็นๆหรือปลูกต้นไม้เล็กๆที่นะเบียงได้ พร้อมติดตั้งไฟส่องสว่างไว้ที่ผนังด้านข้างแบบนี้

    ห้องตัวอย่างที่สองคือห้อง 1 Bed Plus ขนาด 35 ตารางเมตร เป็นห้องตอนลึกที่มีฟังก์ชันคล้ายกับห้องแรก แต่จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันของคนในห้องนี้ที่อาจมีมากกว่า 2 คน ได้พื้นที่ครัวเปิดเคาน์เตอร์รูปตัว L แต่ก็สามารถกั้นผนังทำเป็นครัวปิดได้ถ้าต้องการ ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกเช่นเดิมแต่มีขนาดที่เล็กลงเพื่อจะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นอีก 1 ห้องที่สามารถใช้เป็นห้องนอนเล็กได้ และมีระเบียงในตัวที่ยาวกว่าห้องแรกเล็กน้อยด้วย ส่วนห้องน้ำจะใช้งานรวมกัน เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ ห้องนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย อาจเป็นพ่อแม่และมีลูกน้อย หรืออาจเป็นพี่น้องที่อยู่อาศัยร่วมกันก็ได้

    เมื่อเข้ามาในห้องจะมีพื้นที่ที่โปร่งโล่งกว่างห้องแรก เนื่องจากห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนแรกมีขนาดใหญ่แบบตอนลึกเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยังมองเห็นฟังก์ชันอื่นๆได้เกือบหมด ทั้งห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กซึ่งได้แสงธรรมชาติจากระเบียงและหน้าต่างด้วย พื้นปูด้วยไม้ลามิเนตเช่นเดิม และมีฝ้าสูง 2.55 m.

    ฟังก์ชันแรกที่เปิดประตูเข้ามาเจอก็คือพื้นที่ห้องนั่งเล่นเหมือนห้องที่แล้ว แต่จะมีขนาดพื้นที่ ตำแหน่งเสา และรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างกัน

    ระยะดูทีวี 2.4 m. ไม่ต่างจากห้องแรกมากนัก สามารถใช้ทีวีขนาดประมาณ 40 นิ้วได้

    ชั้นวางทีวีจะ Built in มาให้เหมือนกัน ส่วนที่วางรองเท้าก็แนะนำให้ใช้พื้นที่ใต้ตู้เช่นเดิม หรือจะ Built in ตู้เพิ่มเติมก็ทำได้ อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างคือห้องนี้จะติดเครื่องปรับอากาศที่ห้องนั่งเล่นที่ผนังบนทีวีมาให้ด้วยครับ

    อีกด้านเป็นชุดโซฟาและโต๊ะอเนกประสงค์ มีหน้าตาคล้ายกับห้องแรกแต่จะมีรูปแบบที่ยาวกว่า โซฟาตัวซ้ายมีขนาด 1.9 x 0.5 m. โซฟาตัวขวามีขนาด 1.6 x 0.65 m. ส่วนโต๊ะอเนกประสงค์จะยาว 1.5 m. ครับ มีอีกข้อสังเกตคือที่ผนังหลังโซฟาทางขวาเป็นเสาโครงสร้าง แล้วจะทำให้เกิดช่องว่างด้านหลังระหว่างโซฟาทั้งสองตรงที่มีการ Built ชั้นวางของนั่นแหละครับ ซึ่งถ้าอยากเก็บงานให้เรียบร้อยก็อาจต้อง Built เพิ่มเองทีหลังนะ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยอย่างละตัว

    ส่วนห้องอื่นๆจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนอย่างเป็นสัดส่วน จึงทำให้ห้องโปร่งโล่งและช่วยดึงแสงธรรมชาติจากหน้าต่างและระเบียงเข้ามาภายในได้ ประตูกรอบอลูมิเนียม Powder coat สีขาว กระจกเขียวตัดแสงและเดินทางด้านบนเช่นเคย จะมีก็แต่ห้องครัวที่เป็นพื้นที่เปิด แต่ก็มีระยะที่สามารถกั้นผนังเพิ่มเติมได้ครับ

    เริ่มที่ห้องนอนหลักทางด้านซ้ายกันก่อน ภายในมีขนาดพื้นที่ใช้งานไม่ได้กว้างขวางมากเหมือนห้องตัวอย่างแรก แต่ก็สามารถใช้งานได้พอดีตัวไม่อึดอัด สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ตรงกลาง แล้วยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือสามารถใช้งานได้สะดวก มีช่องหน้าต่างเหมือนๆกับห้องตัวอย่างแรก แต่ส่วนผนังปลายเตียงคราวนี้สามารถติดทีวีปลายเตียงได้แล้วนะ

    ทางด้านซ้าย Built ตู้เสื้อผ้ามาให้ฟังก์ชันคล้ายกับห้องแรก แต่มีขนาดที่เล็กกว่า และมีที่เปิดบานสวิงแบบแถบอลูมิเนียมที่สามารถใช้งานได้สะดวก

    พื้นที่หน้าตู้กว้างประมาณ 90 cm. สามารถใช้งานได้สะดวก

    พื้นที่ปลายเตียงกว้างประมาณ 50 cm. และทางขวาของเตียงกว้างประมาณ 60 cm. สามารถเดินผ่านได้สะดวก

    อีกจุดที่แตกต่างจากห้องแรกคือที่หัวเตียงจะ Built มาให้แบบนี้ กว้างประมาณ 18 cm. สามารถใช้วางของบนหัวเตียงเล็กๆน้อยๆได้ครับ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง พร้อมปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยมาให้

    ส่วนต่อไปเป็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำซึ่งอยู่เยื้องๆกัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าพื้นที่ตรงนี้มีระยะที่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ถ้าต้องการ ได้เป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L และมีที่วางตู้เย็นอยู่ด้านซ้ายกว้างประมาณ 1 m.

    วัสดุของเคาน์เตอร์ครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกทุกอย่าง แต่ด้วยลักษณะพื้นที่และการจัดวางเป็นรูปตัว L จึงทำให้พื้นที่ใช้งานดูเล็กกว่าเล็กน้อย ซึ่งถ้าวัดความกว้างของ Top เคาน์เตอร์จริงๆแล้วยาว 1.3 m. เท่ากันเลยครับ แต่ข้อเสียคือไม่มีลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนซ้อมให้เหมือนเดิม แต่จะมีชั้นวางของด้านข้างเพิ่มเข้ามาแทน

    พื้นครัวเปลี่ยนจากพื้นไม้ลามิเนตเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ซึ่งทนน้ำและง่ายต่อการทำความสะอาด มีขนาดประมาณ 1.5 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้สะดวก และอีกหนึ่งข้อดีคือหน้าห้องน้ำก็เป็นกระเบื้องด้วยเช่นกัน หมดปัญหาเรื่องพื้นไม้บวมน้ำได้เลยครับ

    ห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ได้สุขภัณฑ์ วัสดุ และฟังก์ชันเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรกเลย

    สุดท้ายคือห้องอเนกประสงค์ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเข้าที่ได้จากทางพื้นที่ครัว

    พื้นภายในเปลี่ยนจากกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นพื้นไม้ลามิเนตเหมือนเดิมครับ

    ภายในห้องตัวอย่างจัดวางเป็นห้องนอนเล็กให้ดู ซึ่งถ้าวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตไปแล้วจะพอมีพื้นที่เหลือโดยรอบสามารถใช้งานได้พอดีตัว แต่ของจริงห้องนี้เราจะได้เป็นห้องเปล่าโล่งๆ ซึ่งสามารถจัดเป็นห้องทำงานอ่านหนังสือ หรือห้องอื่นๆได้ตาม Lifestyle ของแต่ละคนได้เลยครับ

    ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์ 1 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย

    ทางด้านซ้ายมีประตูกระจกบานเลื่อนที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาและสามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้

    พื้นที่ระเบียงมีขนาด 2.2 x 0.8 m. ซึ่งยาวกว่าห้องตัวอย่างแรกเล็กน้อย แขวน Condensing unit ไว้ด้านข้างที่เป็นผนังทึบ เป่าลมร้อนออกไปด้านนอก พร้อมมีระแนงช่วยพรางสายตาจากภายนอกทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น มีพื้นที่ด้านล่างเหลือสามารถใช้งานหรือเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้

    อีกข้อสังเกตตรงระเบียงคือจะมีช่องว่างตรงรอยต่อระหว่างราวกันตกที่เชื่อมต่อไม่สนิทกัน อาจทำให้ราวระเบียงไม่แข็งแรงแล้วเกิดอุบัติเหตุได้ครับ ระมัดระวังกันด้วยนะครับ

    ห้องสุดท้ายคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 47 ตารางเมตร ซึ่งจะถูกวางอยู่ในตำแหน่งห้องมุมของอาคารจึงทำให้มีช่องแสงถึง 2 ด้าน ฟังก์ชันแต่ละห้องมีขนาดพื้นที่กว้างขวางเป็นสัดส่วน และกั้นด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัวต่างจากห้องอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูแคบหรือมืดลงไปเพราะห้องนั่งเล่นเองก็มีช่องหน้าต่างเป็นของตัวเองด้วย แล้วยังมีโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง แยกออกมาอย่างเป็นกิจจะลักษณะต่างจากห้องอื่นๆด้วย ห้องนอนมี 2 ห้อง และมีห้องน้ำเป็นแบบสำเร็จรูป 1 ห้องซึ่งต้องใช้งานร่วมกัน โดยจะมีประตูทางเข้าถึง 2 ฝั่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับห้องนอนใหญ่ ห้องครัวเป็นห้องเดียวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนจึงเป็นพื้นที่ครัวปิดสามารถทำอาหารจริงจังได้ และมีพื้นที่ติดกับระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศได้สะดวก ห้องนี้จากตำแหน่งห้องของอาคารนั้นเหมาะกับคนชอบวิวมากๆ มีช่องหน้าต่างในทุกฟังก์ชัน สามารถ Take View พื้นที่สีเขียวและโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ทางด้านหลังโครงการได้ ส่วนฟังก์ชันภายในก็เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย อยู่อาศัย 2-3 คนที่ต้องการห้องนอน 2 ห้อง มีพื้นที่ส่วนตัวกว้างขวางขนาดใหญ่และได้ผนังทึบที่มีความเป็นส่วนตัวสูง

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 September 2018

    • 1 Bedroom 29.5 – 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.92 ล้านบาท
    • 1 Bed Plus 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 47 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.5 – 4.4 ล้านบาท

    • Fully Furnished
    • เพดานสูง 2.55 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • จอง 20,000 บาท
    • ทำสัญญา ฟรี
    • ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
    • ค่าส่วนกลาง 33 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
    • โปรโมชั่น : ฟรี iPhone รุ่นใหม่ ทุกยูนิต, ฟรี เฟอร์+ค่าใช้จ่ายวันโอน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล – โครงการ Aspire Erawan ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นหนึ่งในถนนเส้นหลักของสมุทรปราการ ถือเป็นทำเลจุดเชื่อมต่อในการเข้า-ออกเมือง หรือจะไปจุดสำคัญต่างๆของสมุทรปราการได้ง่ายที่สุดอีกจุดหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบโครงการจึงจะเงียบๆหน่อยซึ่งก็อาจเหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบไม่วุ่นวาย ยอมเดินทางออกไปซื้อหาของที่ไกลหน่อยได้ ที่ใกล้สุดคือ Big C Jumbo ตรงแยกปู่เจ้าฯ หรือเลยไปอีกหน่อยก็จะมี Hub ใหญ่ๆแถวสำโรงที่มีทั้งห้างและตลาดสด หรือจะลงมาทางใต้ก็จะมีตลาดปากน้ำด้วย หรืออยากไปเดินช้อปปิ้งดีๆหน่อยก็สามารถขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกไปแถวถนนศรีนครินทร์หรือเมกะบางนาได้ด้วย นอกจากนี้ที่ตั้งโครงการยังตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 1 km. จึงสามารถมองเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย

    การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าสะดวกมาก เหมาะกับคนที่ต้องใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกในการเดินทางไปพระราม 3 พระประแดง หรือจะไปศรีนครินทร์ บางนา ลาดกระบัง และรามคำแหงได้ง่ายๆ โดยมีระยะห่างจากโครงการเพียง 1.4 – 1.7 km. และมีจุดกลับรถอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้อย่างปลอดภัยด้วย แต่เสียดายที่มีที่จอดรถรวมซ้อนคันแล้วแค่ 42% ซึ่งถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลชานเมืองและทำเลที่สามารถใช้รถได้สะดวกแบบนี้

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถือว่าสะดวกมากอีกเช่นกัน หน้าโครงการติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีช้างเอราวัณ มีบันไดเลื่อนมาจ่ออยู่หน้าทางเข้าโครงการซึ่งจะต้องเดินเข้ามาในโครงการประมาณ 170 m. แต่เป็นถนนโครงการที่สามารถเดินได้ปลอดภัย นอกจากนี้หน้าโครงการยังเป็นถนนหลัก สามารถเรียกรถสาธารณะหรือแท็กซี่ได้ง่าย มีป้ายรถเมล์และสะพานลอยอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ

    การออกแบบโครงการ – โครงการ Aspire เอราวัณ เป็นคอนโด High Rise สูง 31 จำนวน 1,576 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคาร 262.7 : 1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นมากครับ แนวคิดโครงการออกแบบด้วยสไตล์ Modern Industrial ภายนอกอาคารเน้นใช้โทนสีเทาเข้มที่แสดงถึงความดิบเท่แบบเขตอุตสาหกรรม รวมกับสีน้ำตาลแบบเอิร์ธโทนที่แสดงถึงความเป็นธรรมชาติของแถบชานเมืองย่านสมุทรปราการ โครงการสร้างอยู่ถัดจากถนนหลักเข้าไปด้านในได้ความเป็นส่วนตัวและไม่มีตึกสูงบังวิวสวยๆด้านหลัง มีทางเดินเป็นถนนในโครงการที่มีความปลอดภัยและมีกันสาดกับแนวต้นไม้ทำให้เดินได้ไม่ร้อน Lobby กับโถงลิฟต์ชั้นล่างสวยดี มีโถงลิฟต์กระจายอยู่ 2 ปีกของอาคารที่วางผังเป็นรูปตัว F เพื่อบิดตึกไม่ให้กระทบกับโครงการเพื่อนบ้าน ทำให้แต่ละห้องไม่ต้องเดินขึ้นลิฟต์ไกลมากนัก ทางเดินภายในแปลก มีโถงย่อยระหว่างทางช่วยทำให้ทางเดินดูไม่ยาวจนน่ากลัวเกินไป พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารตรงสระว่ายน้ำค่อนข้างกว้างจึงไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด เน้นวางห้อง 2 Bedroom ไว้ที่มุมอาคารโดยเฉพาะด้านหลังซึ่งจะได้วิวโค้งแม่น้ำสวยๆ

    การออกแบบห้องพัก – มีแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ฟังก์ชันห้องมาตรฐานทั่วไป แต่เป็นห้องหน้ากว้างและกั้นด้วยผนังกระจกทำให้ห้องโปร่งโล่ง ห้อง 1 Bedroom เน้นห้องนอนกว้างเหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน และได้เป็นครัวปิดสามารถทำอาหารได้จริงจัง ส่วนห้อง 1 Bed Plus และ 2 Bedroom เหมาะกับอยู่อาศัย 2-3 คน จึงเน้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นซึ่งเป็น Common area ที่ต้องใช้งานร่วมกันของสมาชิกทุกคนในห้อง

    วัสดุ – มาตรฐานตามระดับราคานี้ ได้แบบ Fully Furnished ไม่ต้องเสียเวลาหาเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดตรงกับระยะห้อง พื้นไม้ลามิเนต พื้นครัวแกรนิตโต้ ประตูบานเลื่อนและช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ กรอบอลูมิเนียม Powder coat สีขาว กระจกเขียวตัดแสง ห้องน้ำสำเร็จรูป สุขภัณฑ์ภายในของ American Standard เคาน์เตอร์ครัวให้มาน้อยไปหน่อย ไม่มีโช๊คหรือ solf close มาให้

    สาธารณูปโภค – ให้มาหลากหลายดี แต่อาจน้อยไปหน่อยถ้าเทียบขนาดพื้นที่ส่วนกลางกับจำนวนผู้ใช้งาน มี Plaza ร้านค้าอยู่ด้านหน้าโครงการช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน มีส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 5 และชั้นดาดฟ้าเพื่อเป็นการกระจายความหนาแน่นของคนใช้งานซึ่งก็เป็นเรื่องดี มีทั้งสระว่ายน้ำยาว 30 m., Active Fitness ที่มีเครื่องเล่นค่อนข้างเยอะและหลายหลาย และมี Game Room กับ Co-Working Space เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ประโยชน์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการดึงจุดเด่นของทำเลออกมาด้วยการทำ Facilities บนชั้นดาดฟ้า โดยเฉพาะจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวและโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้ มี Jooging Track, Boxing zone, Climbing zone, BBQ และ Sky Yoga ให้ได้ใช้งาน

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 76,000 บาท/ตร.ม., 27 September 2018

    • ทำเล 7.5/10 – ติดถนนสุขุมวิท ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ความอุดมสมบูรณ์มีไม่มากนัก
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวก ใกล้วงแหวนกาญจนา ที่จอดรถรวมซ้อนคัน 42% น้อยไปหน่อย
    • ไม่ใช้รถ 9/10 – สะดวกมาก ติด BTS เอราวัณ และติดถนนหลัก เรียกรถสาธารณะง่าย
    • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานทั่วไป Fully Furnished พร้อมอยู่ เหมาะสมกับราคา
    • แบบ 7.5/10 – ฟังก์ชันครบและเป็นสัดส่วน โปร่งโล่งดีไม่อึดอัด
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – หลากหลายน่าใช้งาน แต่หนาแน่นไปหน่อย

    • MAIN CLASS
    • 7.8 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Aspire เอราวัณ เหมาะกับคนสมุทรปราการที่ทำงานแถวปู่เจ้า สำโรง หรือใช้วงแหวนกาญจนาฯบ่อยๆ และอนาคตมีรถไฟฟ้าใช้ เดินทางเข้าเมืองได้ง่าย ทำเลเงียบสงบ ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา เน้นใช้งาน Facilities ที่หลากหลาย ไม่ซีเรียสเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ห้องโปร่งโล่งไม่อึดอัด ราคาไม่สูงมากนัก Fully Furnished สร้างเสร็จพร้อมอยู่ มีงบประมาณระดับ 1.92 – 4.4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 – 31,000 บาท/เดือน