รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.455 – รีวิวคอนโด Aspire เอราวัณ

21 กรกฎาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 956 สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้จะพาไปดูโครงการในโซนอุตสาหกรรมแถบย่านเอราวัณ เลยจากสำโรง และปู่เจ้าสมิงพรายไปทางปากน้ำ ติดถนนสุขุมวิท กับโครงการ Aspire เอราวัณ Tower B หนึ่งในคอนโดแบรนด์ Aspire จาก AP เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้นที่ปากทางเข้าโครงการอยู่ติดรถไฟฟ้า สถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ภายใต้แนวคิดของการ Mix and Match ความเป็น Modern Japanese และสไตล์ Industrial ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในย่านอุตสาหกรรม มาพร้อมกับวัสดุอัพเกรดจากพี่ๆ Aspire อื่นเล็กน้อย โครงการจะเป็นอย่างไรนั้นตามไปอ่านพร้อมๆ กันเลยค่ะ ^^

 

Fact @ 22 October 2015

  • Aspire Erawan Tower B (แอสปาย เอราวัณ ทาวเวอร์ บี)
  • บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เมืองสมุทรปราการ
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 1,576 ยูนิต และร้านค้า (AP ดูแล) 4 ยูนิต ร้านค้า (นิติดูแล) 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 53 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 553 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 42%
  • ที่ดินประมาณ 6-1-89.5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กันยายน 2558
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤศจิกายน 2560
  • Studio 25.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 29.5 – 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท
  • 1 Bedroom plus 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 47 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 71,000 บาทต่อตารางเมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 66,000 – 75,000 บาทต่อตารางเมตร
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1623

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :13.620953, 100.590183

ที่ตั้งโครงการ Aspire เอราวัณ ติดถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าในอ.เมือง จ.สมุทรปราการ และหน้าโครงการติดกับรถไฟฟ้าสถานี พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ  ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวในอนาคตที่ต่อขยายมาจากสถานีแบริ่ง ตัวโครงการอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณประมาณ 1 กม. ,ห้างสรรพสินค้าอย่าง Big C Jumbo 2.2 กม. และอิมพีเรียล สำโรง 3.7 กม.

ทำเลในย่านนี้ เป็นย่านแหล่งงานสำคัญอีกจุดนึงที่มีโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่อยู่ค่อนข้างมากทั้งถนนสุขุมวิทและถนนข้างเคียงอย่างถนนปู่เจ้าสมิงพรายและถนนรางรถไฟเก่า ซึ่งทำให้มีทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งเข้า – ออกบริเวณพื้นที่นี้มาก ในเรื่องของสภาพแวดล้อมรอบข้างยังไม่อุดมสมบูรณ์และเจริญเท่าถนนสุขุมวิทช่วงก่อนแยกบางนา โดยส่วนใหญ่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะอยู่แถบสำโรง อย่างห้างร้าน และตลาด ที่กระจุกตัวกันอยู่เยอะทีเดียว แต่สำหรับในอนาคตของทำเลนี้เมื่อมีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วก็คงจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เปิดขึ้นมามากขึ้นตามการคมนาคมที่เจริญขึ้นค่ะ

สำหรับในย่านนี้ผู้คนที่อยู่อาศัยนอกจากจะเป็นคนในท้องถิ่นแล้วยังมีอีกกลุ่มคนที่ทำงานในสำนักงานหรือโรงงานแถบนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้อยู่ในระดับปานกลาง – สูง เนื่องด้วยในย่านนี้ส่วนใหญ่เลยเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น จึงมีชาวญี่ปุ่นและคนที่ทำงานโรงงานมาพักในแถบนี้พอสมควรเหมือนกันนะคะ การจะซื้อคอนโดอยู่อาศัยในย่านนี้จึงทำให้มีความสะดวกสบายในการเดินทางไปทำงานในระยะใกล้ๆ และยังมีกลุ่มคนที่ต้องการคอนโดติดรถไฟฟ้า ในงบประมาณที่ไม่มากนักเท่าในเมือง สามารถขยับขยายที่ทางไปอยู่ไกลเมืองหน่อยได้ เพราะเน้นการเดินทางหลักคือรถไฟฟ้าค่ะ

สำหรับการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวนั้น สะดวกพอสมควรทีเดียว แต่อาจจะมีรถติดบ้างใน ช่วงเช้าติดขาเข้าเมือง ส่วนช่วงเย็นจะติดขาออกนอกเมือง ประกอบกับที่อยู่ในช่วงการก่อสร้างรถไฟฟ้าด้วย ส่วนใครที่ต้องการเลี่ยงรถติดบนถนนสุขุมวิทนั้นสามารถขึ้น วงแหวนกาญจนาภิเษก ที่ใช้ข้ามไป พระราม 2 ได้ หรือจะข้าม สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ไป สุขสวัสดิ์, พระราม 3 ก็ได้ วงแหวนอีกฝั่งหนึ่งใช้ไป บางนา, สุวรรณภูมิ, ลาดกระบัง ถนนเทพารักษ์ ใช้ไป ศรีนครินทร์เพื่อไปรามคำแหง มีนบุรี ได้ รวมทั้ง ทางด่วนบางนา เข้าเมืองก็ได้ด้วย ส่วนใครจะออกไปภาคตะวันออกก็ใช้ถนนบางนา-ตราดยิงยาวอย่างเดียว มีทางด่วนให้ขึ้นด้วยค่ะ

ในบริเวณรอบๆ โครงการนั้นจะไม่ค่อยมีร้านอาหาร หรือตลาดให้ซื้อของได้ในระยะเดิน โครงการจึงจัดพื้นที่ให้มียูนิตร้านค้าในโครงการและบริเวณ Sale Office ในปัจจุบันที่อนาคตจะกลายเป็น Minimall เพื่อตอบสนองให้ผู้ใช้โครงการมีความสะดวกสบายในการจับจ่ายมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วความอุดมสมบูรณ์จะไปเกาะกลุ่มกันอยู่แถบสำโรง ที่ห่างจากโครงการไปประมาณ 3 กิโลเมตร มีทั้งห้างอิมพีเรียลสำโรง, สำโรงเซ็นเตอร์ หรือจะเป็นตลาดเอี่ยมเจริญให้เลือกช็อปปิ้ง หรือจับจ่ายซื้อของได้ รวมทั้งมี Big C Jumbo ซึ่งห่างจากโครงการ 2.2 กม. ที่ภายในมีทั้ง Supermarket และร้านอาหาร, ศูนย์อาหาร, ร้านขายเสื้อผ้า สำหรับคนที่ไม่ต้องการเดินทางไกลมากนักและซื้อเพียงข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารสดในห้างแอร์

สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ (ในอนาคต) นั้นเรียกได้ว่าสะดวกมากค่ะ เนื่องจากหน้าโครงการอยู่ติดกับสถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ต่อขยายช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ โดยในตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างนะคะ โครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้าคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558 และปี 2559 จะเริ่มตกแต่งภายในสถานี รถไฟฟ้าจะเสร็จและเปิดให้ใช้บริการกันประมาณปี 2560 ซึ่งอยู่ในช่วงที่ตึกสร้างเสร็จพร้อมโอนพอดีค่ะ

ส่วนระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีให้บริการค่อนข้างหลากหลาย เช่นรถเมล์ ที่มีป้ายรถเมล์อยู่ห่างจากหน้าทางเข้าโครงการเพียง 50 ม. และพี่วิน พี่แท็กซี่ค่ะ และข้อดีสำหรับโครงการที่อยู่ติดถนนนั้นคือไม่ต้องเดินเข้า – ออกในซอยเปลี่ยว ช่วยให้สาวๆ ไม่ต้องกังวลมากนักเมื่อต้องเดินทางกลับคนเดียวในเวลามืดค่ะ ^^

การเดินทางของเราในวันนี้เริ่มต้นจากถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกในย่านสำโรง ตรงไปยังปากน้ำตามถนนสุขุมวิท ผ่านพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแล้วตรงไปอีกประมาณ 1 กม. กลับรถเข้าโครงการได้เลยค่ะ

บนถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปยังปากน้ำ สภาพปัจจุบันถนนสามารถวิ่งได้ 3 เลน/ฝั่ง การจราจรในช่วงสายๆ หลังชั่วโมงเร่งด่วนยังค่อนข้างหนาแน่น เนื่องด้วยมีทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมทั้งการก่อสร้างรถไฟฟ้าช่วงต่อขยาย (ที่เห็นความคืบหน้าอย่างชัดเจน) อีกด้วย

ขับรถมาจนถึงตลาดธรรมโรจน์พินิจ และอีกด้านเป็นตลาดสำโรงขายทั้งอาหารสดและเสื้อผ้าเครื่องใช้ บริเวณหน้าตลาดสำโรงนี้เป็นอีกจุดที่รถค่อนข้างติดมากในชั่วเวลาเร่งด่วน เนื่องจากเป็นจุดรับ – ส่งจุดใหญ่อีกจุดซึ่งมีทั้งรถเมล์และรถสองแถวมากมายเป็นจุดที่มีป้ายรถเมล์ยาวมากค่ะ

ขับตรงมาอีกหน่อยจะผ่านห้างอิมพีเรียลสำโรง ห้างสรรพสินค้าหลักของผู้คนในย่านนี้ ภายในมีของขายมากมายทั้งห้างและ Big C Supercenter ด้านใน รวมทั้งโรงหนังด้วยค่ะ

ตรงไปขึ้นสะพานข้ามคลอง ใต้สะพานก็จะมีที่กลับรถ และก่อนจะกลับรถจะมีตลาดเอี่ยมเจริญ เป็นตลาดขายอาหารสดค่ะ ส่วนทางขวามือเป็นทางเข้าสำโรง เซ็นเตอร์ มีทั้งร้านค้าขายของทั่วไปและตลาดสดอีกจุด

เมื่อลงสะพานข้ามคลองสำโรงมาจะเจอทางแยกตัดกับถนนเทพารักษ์ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ แต่เราจะมุ่งหน้าตรงไปกันก่อนนะคะ

ตรงมาเรื่อยๆจนถึงสามแยกไปยังถนนปู่เจ้าสมิงพรายและสามารถเชื่อมเข้าถนนคู่ขนานอย่างถนนรางรถไฟเก่าได้ด้วย บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของโรงงานเล็ก-ใหญ่มากมาย ต้องรอสัญญาณไฟกันนิดนึง ที่แยกนี้จะมีรถใหญ่ค่อนข้างเยอะ เพราะต้องเข้า-ออกโรงงานและไปส่งสินค้า และคนที่ทำงานในละแวกนี้

เลยมาอีกนิดนึงก็จะเจอ Big C Jumbo อยู่ทางซ้ายมือ เป็นอาคารสูง 2-3 ชั้น หากเดินทางมาจากโครงการสามารถเลี้ยวตรงเข้า Big C ได้เลยค่ะ

ขับตรงไปทางสมุทรปราการกันอีกประมาณ 2 กม.ค่ะ โดยต้องเริ่มเบี่ยงเข้าเลนขวากันแล้วนะคะ ส่วนใครที่จะขึ้นทางด่วนวงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนภิเษก) นั้นให้ชิดซ้ายได้เลยค่ะ

เจอทางแยกให้เบี่ยงเลนมาทางขวาเลยค่ะ บริเวณช่วงนี้รถจะค่อนข้างติดอยู่นะคะ เพราะมีการกั้นถนนทำรถไฟฟ้า และยังติดด่านเก็บเงินทางด่วนด้วย

ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเจอกับพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียรที่เป็น Landmark หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท บริเวณที่ตัดกับถนนกาญจนาภิเษก

บริเวณรอบข้างโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ และโรงงานสลับกันไป เรามาหาที่กลับรถกันค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยก็กลับรถได้เลยค่ะ จะขออธิบายเพิ่มหน่อยว่าทางกลับรถตอนนี้ยังไม่แน่นอนนะคะ เพราะอยู่ในช่วงเวลาการก่อสร้างรถไฟฟ้าซึ่งเขาจะจัดทางกลับรถชั่วคราวไว้ให้ค่ะ

ก่อนถึงโครงการเราจะผ่านโครงการ The Trust ที่อยู่ข้างเคียงโครงการก่อน ส่วนด้านหน้าจะเห็นสถานีเอราวัณแล้วค่ะ

เมื่อกลับรถมาแล้วขับตรงมาอีกหน่อยจะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือแล้วค่ะ ^^

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทรอบข้างโครงการทางทิศเหนือจะโล่งๆหน่อยเพราะติดกับโกดัง 2 ชั้น และเลยไปหน่อยเป็นโรงเรียนกศน. จ.สมุทรปราการ ส่วนทางด้านทิศตะวันออกในอนาคตก็จะมีโครงการ Asipre เอราวัณ รุ่นน้อง Tower A ขึ้นมาบังวิวในทิศนี้เต็มๆ และในฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นพื้นที่ว่างให้เช่าระยะยาว ซึ่งเดาไม่ผิดในอนาคตก็คงจะมีโรงงานมาจับจองพื้นที่ ถัดมาในทิศใต้นั้นติดกับโครงการเพื่อนบ้านอย่าง The Trust เอราวัณ ซึ่งมีความสูง 30 ชั้น เท่ากับความสูงโครงการ ดังนั้นในทุกๆ ชั้นของทิศนี้ก็จะถูกโครงการเพื่อนบ้านนี้บล็อกวิวไปโดยปริยายค่ะ และส่วนทิศตะวันตกเป็นทิศที่ดีที่สุดของโครงการ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วยังได้เห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ด้วยค่ะ

ตำแหน่งของ Aspire เอราวัณ Tower B ที่อยู่ด้านหลังนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ

  • เรื่องของวิว ตำแหน่งของโครงการนั้นมีโอกาสได้มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังโครงการ ซึ่ง Tower A ไม่สามารถเห็นได้
  • ความเป็นส่วนตัวที่มีมากกว่า Tower A ด้วยความที่อยู่ด้านหลังนั้นทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าโครงการที่อยู่ติดถนนเลย เพราะได้รับมลภาวะทางเสียงและฝุ่นควันจากรถใหญ่และเล็กบนท้องถนน
  • ความสะดวกในการเข้า – ออกโครงการ แน่นอนว่า Tower B อาจจะเสียเปรียบอยู่บ้างค่ะ เพราะถึงแม้ทางเข้าโครงการนั้นจะอยู่ติดถนนใหญ่และใกล้กับบันไดเลื่อนของรถไฟฟ้าสถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณนั้น ก็ยังต้องเดินทางเข้าถึงตัวอาคารด้านในอีกประมาณ 150 เมตร

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ระยะในการมองเห็นวิวของโครงการนั้นในทิศ A จะสามารถมองเห็นแม่น้ำได้ดีกว่า ทิศ B ถึงแม้จะอยู่ในระยะที่ไกลกว่าก็ตาม เนื่องจากในทิศ B นั้นถูกโครงการ The Trust คอนโดบังสายตาในแนวเฉียง ดังนั้นโดยรวมแล้วการมองเห็นวิวแม่น้ำอาจจะเสียเปรียบโครงการเพื่อนบ้านอยู่หน่อยนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

เรามาดูวิวของโครงการกันค่ะ ด้วยความสูงที่ชั้น 29 จะมองเห็นสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เราไปดูกันค่ะ 🙂

ในทิศ A หรือทิศเหนือนั้นสามารถมองเห็นวิวได้ไกล เนื่องจากพื้นที่ข้างเคียงเป็นเพียงอาคารสูงไม่เกิน 4 – 5 ชั้น ซึ่งเป็นความสูงของชั้นที่จอดรถของโครงการ

สำหรับทิศ B หรือทิศตะวันออกนั้นติดกับโครงการ Aspire เอราวัณ Tower A ที่ตึกที่จะสร้างทีหลังจาก Tower B เสร็จ เป็นคอนโด High Rise แต่ตอนนี้ยังไม่ระบุจำนวนชั้นที่แน่นอนค่ะ (ซึ่งถ้าทราบแล้วจะมาอัพเดตอีกทีนะคะ) แต่ที่แน่นอนคือวิวมุมนี้คงเห็นหน้าต่างเพื่อนบ้าน ไม่ก็ตึก Tower A แน่ๆ ค่ะ ส่วนทางด้านขวานั้นเป็นโครงการ The Trust คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น ทำให้วิวในทิศนี้ถูกบล็อกแทบหมด หากใครที่ซื้อห้องในทิศนี้นั้นก็ยังไม่หมดหวังในเรื่องวิวซะทีเดียวนะคะ เพราะทางโครงการได้บอกว่าระหว่างตึก Tower A และ Tower B นั้นจะเป็นพื้นที่สวนให้ค่ะ ^^

ในทิศ C หรือทิศใต้นั้นจากมุมมองวิวของชั้น 29 จะเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ไกลๆ ก่อนจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยานั้นจะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่สามารถใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนหลักตัดเข้าไป

และสุดท้ายทิศ D หรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือนั้น จะเห็นพื้นที่สีเขียวทอดยาวออกไปไกลลิบๆ ถึงจะมองไม่เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ก็มีพื้นที่สีเขียวไว้พักผ่อนสายตาได้ดีทีเดียวค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ~ 1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนายเรือ ~ 1.1 กิโลเมตร
  • Big C Jumbo ~ 2.2 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ ~ 2.2 กิโลเมตร
  • ตลาดเอี่ยมเจริญ ~ 4.9 กิโลเมตร
  • สำโรง Center~ 5.3 กิโลเมตร
  • อิมพีเรียล สำโรง ~ 6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ~ 6.3 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ตัวโครงการ Aspire เอราวัณ เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง Tower B ที่อยู่ด้านในมีความสูง 31 ชั้น การออกแบบรูปทรงและการโทนสีของอาคารนั้นจะคล้ายคลึงกับพี่ๆ Aspire อื่นๆ คือเน้นความเป็นโมเดิร์นเรียบง่ายด้วยโทนสีเทา ภายใต้คอนเซ็ป Modern Japanese กับสไตล์ Industrial ที่ผสานกับท้องถิ่นของความเป็นย่านอุตสาหกรรม สำหรับ Tower A นั้นยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด แต่ตำแหน่งจะอยู่บริเวณหน้าถนนสุขุมวิทค่ะ (เส้นประสีเหลือง)

ตัวโครงการโดดเด่นเรื่องของทำเลใกล้รถไฟฟ้าสถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ซึ่งจากรูปทัศนียภาพจำลองนั้นจะเห็นว่าฝั่งขาลงนั้นเป็นบันไดเลื่อน ถือว่ามีความสะดวกสบายมากกว่าโครงการที่อยู่ใกล้ฝั่งบันไดธรรมดา เมื่อลงจากสถานีนั้นจะเจอ Sale Office เลย แต่ในอนาคตโครงการจะจัดตั้งเป็น Minimall ทั้งหมด 4 ร้าน บริหารโดย AP นะคะไม่ใช่จากนิติบุคคล

มาดูสภาพแวดล้อมจริงกันค่ะ ด้านข้างขวาโครงการเป็นบริษัท สังกะสีไทย จำกัด ที่ขายที่ให้กับโครงการไปแล้ว ในอนาคตจะพัฒนาเป็นโครงการ Aspire เอราวัณ Tower A ค่ะ

หันกลับมาจะเป็นทางเท้าหน้าโครงการที่ค่อนข้างกว้างพอสมควรเลยทีเดียว เดินไปมาได้สะดวกดีค่ะ ซึ่งตอนนี้อาจจะดูยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่นะคะ

บริเวณจุดทางขึ้น – ลงรถไฟฟ้า จะเห็นว่าอยู่ใกล้ Sale Office จริงตามในรูปทัศนียภาพจำลอง และตำแหน่งทางขึ้นตรงนี้เป็นบันไดเลื่อนด้วยนะคะ ถ้าใครขึ้นรถไฟฟ้าบ่อยๆจะรู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญนะไม่ต้องเดินขึ้นบันไดให้เมื่อยยิ่งวันไหนรีบๆนี่ช่วยได้มากเลยค่ะ

ทางเข้าโครงการจะอยู่ตามแนวรั้วต้นไม้ เข้าไปอีกประมาณ 150 เมตร ซึ่งก็ถือเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆและปลอดภัยนะคะเพราะเป็นถนนภายในโครงการมีรั้วรอบขอบชิด

กลับไปดูที่ Sale Office กัน ที่ในอนาคตจะกลายเป็น Minimall ในอนาคตให้ลูกบ้านได้พึ่งพิงกัน

ทางเดินบริเวณหน้า Sale Office กว้างขวางเดินสบาย

ส่วนของ Sale Office นี้ตกแต่งสไตล์ Modern คล้ายคลึงกับตัวโครงการ

ภายในกว้างขวาง จัดพื้นที่เป็นชุดที่นั่งได้ประมาณ 6 ชุด

อีกด้านนึงเป็นส่วนเคาน์เตอร์ และด้านในโครงการจัดเป็นในส่วนของห้องตัวอย่างค่ะ

Details พื้นลามิเนตนั้นค่อนข้างแปลกตา สลับเป็นแบบซิกแซกและมีสลับสีไม้ด้วยในด้านข้าง ดูสวยงามดีค่ะ

เดินมาจุดสุดอีกฝั่งจะเป็นแบบนี้ค่ะ ด้านข้างจัดเป็นส่วนของห้องตัวอย่าง

มาดูผังโครงการกันค่ะ ด้วยเนื้อที่โครงการประมาณ 6 ไร่กว่าๆ ตัวอาคารจะสร้างแบบเต็มพื้นที่พอดีๆ ในส่วนของทางเข้าโครงการนั้นจะมีจุดเข้า – ออกอยู่หน้าทางเข้าที่ติดกับถนนเลยค่ะ มีความยาวของทางเข้าประมาณ 150 เมตร ซึ่งจัดว่ายังอยู่ในระยะเดินได้สบายๆ อยู่ แต่ก็ต้องดูกันอีกทีค่ะว่าทางโครงการจะจัดทางเท้าให้เดินได้สะดวกแค่ไหนมีหลังคากันแดดกันฝนรึเปล่า แล้วตอนกลางคืนจะมีแสงสว่างให้มากแค่ไหน ต้องรอดูของจริงเท่านั้นค่ะถึงจะบอกได้ว่าดีหรือไม่ดี

สำหรับพื้นที่จอดรถนั้นสามารถจอดได้ทั้งหมด 553 คัน รวมจอดซ้อนคันได้ 650 คัน คิดเป็น 42% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งชั้นจอดรถจะเป็นในชั้น 1 – 4 ถือว่ามีพื้นที่จอดรถให้พอสมควร ถึงไม่ได้มากนักแต่สามารถพอลดหย่อนกับความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้โครงการได้อยู่ค่ะ ส่วนภายในชั้น 1 เป็นพื้นที่ส่วน Lobby และร้านค้า 1 ยูนิต ที่เป็นนิติบุคคลเป็นผู้ดูแลค่ะ

บริเวณสระว่ายน้ำของโครงการนั้นจะอยู่ในชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้น Facility หลักของโครงการ ขนาดของสระ 13 x 30 เมตร ระบบเกลือ แบ่งออกเป็นสระเด็ก ลึก 0.5 เมตร และสระผู้ใหญ่ ลึก 1.2 เมตร โดยสระว่ายน้ำจะเป็นแบบ Outdoor เหมาะสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ผู้สนใจการแอบแดดทีเดียวค่ะ ^^ อ้อ จากรูปภาพจำลองด้านหลังจะไม่ได้เห็นวิวแบบนี้นะคะ เพราะในทิศนี้จะติดกับ The Trust คอนโดข้างเคียง ยังไงก็ตามต้องรอดูตึกเสร็จกันอีกทีค่ะ

ห้อง Fitness นั้นก็อยู่บนชั้น 5 ที่เป็นชั้น Facility เช่นกันค่ะ มีด้านนึงสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำด้านนอกได้ค่ะ

ในชั้น 5 นี้ เป็นชั้นที่มีทั้ง Facility และส่วนที่พักอาศัยด้วย ในส่วนของ Facility ประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำ และ ฟิตเนส มีความหนาแน่นค่อนข้างสูง แต่ไม่รบกวนกับลูกบ้านที่ชั้นนี้เพราะทางโครงการก็ได้ออกแบบให้มี double access อีกชั้นตรงบริเวณทางเดินเข้าห้องพักในแต่ละโซน ซึ่งช่วยในเรื่องของความปลอดภัยได้ดีทีเดียวค่ะ เนื่องจากชั้นนี้ลูกบ้านทุกคนสามารถเข้ามาใช้งาน Facility ในชั้นนี้ได้โดยไม่ต้องผ่านห้องพักอาศัยค่ะตัวอาคารออกแบบมาเป็นรูปตัว F ทำให้มีวิว 2 แบบคือมีห้องที่เห็นมุมด้านในและห้องที่เห็นมุมด้านนอก แต่ก็มีบางด้านที่เห็นมุมด้านนอกที่ในอนาคตเป็นมุมด้านเพราะจะมีอาคาร A ในอนาคต 

สำหรับชั้น 6 – 29 นั้นเป็นชั้นมาตรฐาน ตำแหน่งลิฟต์วางไว้ 2 ตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งานดีนะคะ เพราะห้องพักในทุกๆ ทิศนั้นสามารถเดินได้ไม่ไกลมากนัก จำนวนลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 6 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ 262.7 : 1 พร้อมลิฟต์ Service อีก 2 ตัว จำนวนห้องพักในชั้นนี้อยู่ที่ 53 ยูนิต โดยรวมแล้วว่ามีความหนาแน่นสูงนะคะในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะต้องมีรอลิฟท์บ้าง 

สำหรับตำแหน่งห้องนั้น ห้องแบบ 2 Bedroom (สีเทา) จัดไว้ตามมุมเห็นวิวสองทิศทาง ซึ่งมุมด้านซ้ายเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นด้านที่วิวดีกว่าด้านขวา ส่วนห้องแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus จะอยู่สลับกันไปทั้งชั้น โดยห้องขนาด 1 Bedroom จะได้วิวด้านในมากกว่า และ 1 Bedroom Plus ส่วนใหญ่จะถูกจัดให้ได้วิวด้านนอก ส่วน Studio ในแต่ละชั้นมีจำนวนเพียง 2 ห้องต่อชั้นและอยู่ในตำแหน่งที่ติดกับบันไดหนีไฟตรงกลาง

ในเรื่องของตำแหน่งห้องและวิวนั้นสามารถมองวิวได้จากทั้งภายนอกโครงการและภายในโครงการ โดยจากห้องพักในทิศตะวันตกและทิศเหนือนั้นสามารถมองเห็นวิวไกลๆ ได้ และสำหรับห้องพักที่อยู่ฝั่งด้านในของโครงการก็สามารถดูวิวของสระว่ายน้ำในโครงการได้ค่ะ ซึ่งวิวสระว่ายน้ำที่ดีนั้นควรจะอยู่ไม่สูงเกิน 5 ชั้นนะคะ เพราะไม่อย่างงั้นเราคงต้องก้มลงไปดูวิวแทน

สำหรับชั้นที่ 30 สิ่งที่แตกต่างจากชั้น 6 – 29 นั้นคือมีบันไดทางขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าอยู่ใกล้โถงลิฟต์ทางขวา และเนื่องจากในชั้นนี้ลูกบ้านทุกคนก็สามารถขึ้นมาใช้งานได้เช่นกัน ดังนั้นทางโครงการจึงติดประตูเพิ่มเป็น double access ให้เช่นเดียวกับชั้น 5 ค่ะ และลักษณะการทำทางเดินยาวๆ แบบนี้ เวลามีคนเดินจะมีเสียงสะท้อนเยอะหน่อยนะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 Lobby
  • ชั้น 5 สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 13 x 30 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
  • ชั้น 5 ห้องสตรีมแยกชาย – หญิง
  • ชั้น 5 ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • ชั้น 31 Sky High Garden
  • ลิฟท์โดยสาร 6 ตัวต่ออาคาร อัตราส่วนลิฟต์ 262.7 : 1
  • Service Lift 2 ตัว
  • ที่จอดรถ 553 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน 97 คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 42%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Proxy Lift

 


Product Walkthrough

ห้องตัวอย่างมีทั้งหมด 2 ห้องนะคะ สำหรับห้องแรกนั้นเริ่มจาก ห้องแบบ 1 Bedroom มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 29.50 – 30 ตร.ม. ขนาดหน้ากว้าง 5.2 เมตร ลึก 5.75 เมตร รูปทรงสี่เหลี่ยมเกือบจัตตุรัสทำให้การวางฟังก์ชันห้องค่อนข้างลงตัวดีกว่าห้อง 24 ตร.ม.ค่ะ เริ่มจากห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารที่มีขนาดห้องค่อนข้างใหญ่แต่อาจจะใช้พื้นที่ใช้สอยได้ไม่มากนักเพราะส่วนใหญ่ของห้องเป็นส่วนของทางเดิน ในส่วนของห้องนอนนั้นมีฉากกระจกกั้นสัดส่วนให้เรียบร้อย สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าได้ลงตัวพอดี สำหรับห้องครัวเป็นแบบทางยาว ตำแหน่งและการจัดวางห้องครัวสามารถทำอาหารหนักได้ เพราะติดกับกับส่วนระเบียงสามารถต่อท่อ Hood ไปยังระเบียงด้านนอกได้สบายค่ะ

ถัดมาในส่วนของห้องน้ำนั้นจะค่อนข้างแปลกใหม่กว่าโครงการทั่วไปเนื่องจากเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (สร้างและประกอบที่โรงงาน ค่อยมาติดตั้งหน้างาน) ข้อดีของห้องน้ำประเภทนี้คือคุณภาพค่อนข้างดีเพราะประกอบจากโรงงานมีการ QC ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่ต้องแล้วแต่โชคว่าช่างที่ทำให้ห้องเรานั้นทำเก่งรึเปล่า การซ่อมแซมง่าย ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คือเรื่องราคาที่สูงกว่าห้องน้ำธรรมดา และขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้มากนัก พื้นห้องน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้อง ออกแบบมากะทัดรัด เพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ ซึ่งยากที่จะต่อเติมหรือขยับขยายแน่นอน สำหรับใครที่สนใจในการศึกษาห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติม (คลิกที่นี่)

รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Fully Furnished สิ่งที่ได้คือ

  • เตียง (ไม่รวมฟูก) ขนาด 5 ฟุต
  • โต๊ะเครื่องแป้ง
  • ตู้เสื้อผ้าแบบลอยตัว
  • Pantry ครัว
  • ชั้นวางทีวี
  • โซฟา
  • โต๊ะรับประทานอาหาร
  • สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำ

ทางเข้าหน้าประตูตัวจบพื้นเป็นไม้สำเร็จรูป ไม่ได้ยกธรณีประตูหรือปูกระเบื้อง แต่ของจริงต้องรอดูอีกทีว่าพื้นห้องจะยกสูงขึ้นมารึเปล่านะคะ

ภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านในเป็นส่วนของห้องนอน และถัดไปจะเป็นในส่วนของห้องครัวและห้องน้ำ ซึ่งห้องนั่งเล่นมีขนาด 3.6 x 2.6 เมตร ใช้เป็นที่นั่งดูทีวีและพื้นที่รับประทานอาหาร

ชุดที่นั่งโซฟาที่ได้นั้นค่อนข้างตอบโจทย์ห้องที่ไม่มีพื้นที่มากนักในการวางโต๊ะอาหาร ชุดโซฟาที่ได้นี้สามารถใช้นั่งรับประทานอาหารได้ด้วย พอโครงการทำมาให้พอดีแบบนี้ลูกบ้านสบายหน่อยเพราะไม่ต้องไปวิ่งหาซื้อโซฟาหาให้มีขนาดพอดีกับระยะกำแพง แต่เรื่องแบบถ้าใครไม่ชอบก็ต้องทำใจหน่อยนะคะ

ระยะทางของทีวีอยู่ที่ 1.8 เมตร เป็นระยะที่สามารถวางทีวี 40 – 42 นิ้วได้สบายๆ เลยค่ะ

โต๊ะที่ได้นั้นจะไม่ใช่แบบนี้นะคะ ในส่วนของโต๊ะจะเป็นโต๊ะเล็กสี่เหลี่ยมจัตตุรัส 4 ขา ส่วนเก้าอี้นั้นทางโครงการไม่ได้ให้มานะคะ

โต๊ะวางทีวีที่ได้นั้นจะเป็นโต๊ะตั้งพื้นวัสดุไม้ ไม่ได้เป็นโต๊ะ Built-in แบบนี้นะคะ

เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเห็นห้องนอนทางขวาและห้องครัวทางซ้าย

ประตูบานเลื่อนกระจกที่กั้นห้องนอนนั้นค่อนข้างจะเเข็งแรงเป็นพิเศษสามารถกันเสียงได้พอสมควร บานกรอบทำจาก UPVC

เนื่องจากตัวรางประตูนั้นเดินรางด้านบน ทำให้พื้นห้องปูพื้นได้ต่อเนื่อง เดินสบายไม่สะดุดเท้าค่ะ

มาดูกันที่บานกรอบและมือจับค่ะ ในส่วนของมือจับเป็นมือจับมาตรฐานทั่วไป ส่วนบานกรอบด้านข้างจะหนาและแข็งแรงกว่าบานเลื่อนปกติอยู่หน่อย ด้านในมีการเซาะร่องค่อนข้างลึก

ส่วนวงกบของบานเลื่อนนั้นมีขอบวงกบยื่นออกมาตามความลึกของของร่องประตูเพื่อให้ประตูในตอนปิดนั้นปิดได้แนบสนิท

ในส่วนของห้องนอนสามารถวางเตียงได้ 5 ฟุตสบายๆ ในส่วนของปลายเตียงนั้นเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า

ทางเดินด้านข้างและปลายเตียงมีความกว้างพอสมควรเลยค่ะ สามารถเดินได้สบายๆ ไม่ต้องทำตัวลีบกลั้นหายใจเดิน อิอิ

ด้านข้างที่ติดกับกระจกมีความกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร กำลังดีไม่แคบมากไปนัก

ด้านปลายเตียงเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า สำหรับโต๊ะเครื่องแป้งจะได้เป็น Built-in มาให้แบบนี้เลยแต่ตู้เสื้อผ้าจะได้เป็นแบบลอยตัวนะคะความสูงตู้อยู่ที่ 2 ม. เหลือพื้นที่ด้านบน – ฝ้าเพดาน ประมาณ 50 ซม.

ความกว้างของโต๊ะเครื่องแป้งสามารถวางของได้พอสมควรและใช้งานได้ดี ด้านล่างมีลิ้นชัก 2 ลิ้นชักสำหรับวางของใช้จุกจิกได้นิดหน่อยค่ะ

ภายในห้องนอนนั้นได้บานกระจกขนาดใหญ่ สามารถมองวิวได้สบายๆ จากห้องนอน ตัวกรอบบานทำจากอลูมิเนียมสีธรรมชาติไม่พ่นสี

มีหน้าต่างบานกระทุ้ง เปิดได้ประมาณนี้

ตัวก้านโยกค่อนข้างแข็งแรงเปิด – ปิดง่าย และมีผ่านยางรองรับการกระแทกหรือเกิดรอยขีดข่วน

ในส่วนของห้องน้ำโครงการที่ค่อนข้างพิเศษจากโครงการอื่นคือ ห้องน้ำสำเร็จรูป ค่ะจากที่ได้อธิบายข้อดีข้อเสียไว้ก่อนหน้าแล้ว เราไปดูกันค่ะว่าห้องน้ำสำเร็จรูปจะแตกต่างจากห้องน้ำปกติอย่างไร

เริ่มจากธรณีที่สูงขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากจำนวนชั้นของพื้นที่ทับซ้อนกันเยอะหน่อยทั้งพื้นห้อง พื้นห้องน้ำ และพื้นส่วนการปูกระเบื้อง ในส่วนของธรณีที่ได้นั้นเป็นสแตนเลสข้อดีคือไม่บวม มีอายุการใช้งานสูง แต่อย่าลืมว่าต้องระวังลื่นด้วยนะคะ

ภายในห้องน้ำไม่แตกต่างกับห้องน้ำธรรมดาเลยค่ะ

ที่เคยได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่าห้องน้ำสำเร็จรูปนั้นง่ายต่อการซ่อมแซม ทั้งนี้เพราะเราสามารถยกชั้นแกรนิตด้านบน (เส้นประสีเหลือง) ให้ช่างซ่อมแซมได้เลย ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนห้องน้ำธรรมดาอย่างเช่นถ้ามีท่อน้ำรั่วด้านในก็ไม่ต้องทุบกระเบื้องเพื่อหาจุดรั้วแค่ยกแผ่นหินออกหาจุดรั้วได้แล้วค่ะ

อ่างล่างมือจาก American Standard ขนาดประมาณนี้ วางของด้านบนอ่างได้นิดหน่อย

โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก American Standard เช่นกัน

ที่สะดุดคือบริเวณธรณีประตูนั้นด้านบนเป็นที่แขวนทิชชู่ซะงั้น สำหรับใครที่จะต่อเติมฉากกั้นกระจกนั้นก็ต้องถอดที่แขวนทิชชู่ไปติดอีกด้านนึงนะคะ

พื้นที่อาบน้ำขนาดเล็กๆ มีช่องท่อตรงที่ติดฝักบัวด้วย ในส่วนที่เหลือข้างๆ ช่องท่อนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มากแนะนำให้ทำเป็นชั้นวางของเลยจะดีกว่าเสียพื้นที่ไปเปล่าๆเวลากั้นกระจกค่ะ ด้วยขนาดเล็กๆกระทัดรัดยืดแขนขาได้ไม่เท่าไหร่ สำหรับอาบน้ำได้คนเดียวไม่กว้างพอที่จะอาบน้ำกับแฟนได้นะคะ อิอิ

ฝักบัวสายอ่อนจาก Grohe จากระยะการติดตั้งสายฝักบัวค่อนข้างสูงไปหน่อยนึงนะคะ ถ้าสาวๆ คนไหนตัวเล็กๆ ต้องเอือมมือหยิบทีเดียว สำหรับใครที่มีปัญหาในเรื่องของความสูงฝักบัวนั้นสามารถเพิ่มหรือเปลี่ยนตำแหน่งที่วางฝักบัวได้นะคะ

ขนาดฝักบัวใหญ่พอใช้งานได้ดี และแข็งแรงพอสมควร

สายฝักบัวมียางหุ้มอยู่ด้านนอกด้วยนะคะ ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและหมดปัญหาเรื่องคราบที่ไปติดอยู่ตามสายได้ดีมากเลยค่ะ

จากห้องนอนและห้องนั่งเล่นที่เป็นพื้นไม้ลามิเนตนั้น ในส่วนของห้องครัวทางโครงการปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ง่ายต่อการทำความสะอาดได้ดีเหมาะกับงานครัว จะบอกว่าปกติแล้วโครงการแบรนด์ Aspire นั้นจะปูให้เป็นกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 เซนติเมตรให้ไม่ได้ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ให้แบบนี้นะคะ

สวิชต์เปิด – ปิดไฟ ลักษณะแบบนี้ค่ะ

ภายในครัวขนาดประมาณ 1.6 x 3.25 เมตร สามารถวาง Pantry ครัว ตู้เย็นได้ และเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 90 เซนติเมตร ซึ่งก็ถือว่าเดินได้สะดวกดีค่ะ

หันย้อนกลับมามองประตูครัวที่ติดรางเลื่อนอยู่ข้างบน ข้อดีคือ ไม่มีรางด้านล่างมาสะดุดเท้า

ขนาดที่เหลือสำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้สบายๆ เลยค่ะ

แต่ข้อเสียคือทิศทางการเปิดตู้เย็นที่เมื่อเปิดแล้วก็ไปบังทางเดินซึ่งจริงๆแล้วบานตู้เย็นควรเปิดไปชิดผนังแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรมากมาย ถ้าใครไม่ชอบใจจริงๆก็ แนะนำให้เลือกตู้เย็นที่เปิดได้ 2 ข้าวหรือห้องที่เป็นห้องกลับด้าน (Miror) กับห้องนี้แทนค่ะ

ชั้นลอย Built-in ด้านบนจะได้ตามนี้เลยค่ะ พร้อมกับปูกระเบื้องติดผนังให้ด้วยช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดได้ดีเลยค่ะ

ในส่วนของ Pantry นั้นท็อปเป็น Particle ถึงแม้ตัววัสดุจะทนน้ำได้ดีในระดับนึงแต่ก็ไม่ควรให้มีน้ำหยดหรือแช่บนเคาน์เตอร์นานๆนะคะ

อ่างล้างมือจาก MEX ไม่มีที่พักจานด้านข้างให้ และอ่างค่อนข้างตื้นไปหน่อยหากเทียบจากหม้อหรือชามใหญ่แล้ว ทำให้เวลาล้างจานนั้นน้ำจะกระเด็นออกเลอะเทอะได้ง่ายมากค่ะ

เครื่องซักผ้าทางโครงการจัดให้วางใต้ Pantry สามารถวางขนาดเครื่องได้ 7 kg. แบบพอดีๆ มีที่เหลือด้านข้างและด้านบนนิดหน่อยสำหรับกันแรงการหมุนจากเครื่องซักผ้าในเวลาซัก จะได้ไม่มีเสียงเครื่องซักผ้าสั่นไปโดนตัวตู้ค่ะ

ตัวโครงการไม่ได้ให้ Hob & Hood มาด้วย สำหรับใครที่สนใจจะติดสามารถติดในบริเวณนี้ได้ เพราะด้านบนก็สามารถเจาะท่อ Hood เข้าตู้ Built-in ชั้นบนแล้วต่อท่อออกไปนอกอาคาร

มีพื้นที่เหลือเล็กน้อยสำหรับวางถังขยะ หรือใครจะต่อเติมชั้นวางของสวยๆ ได้เช่นกันค่ะ

ประตูบานเลื่อนระเบียงเป็นอลูมิเนียม ยกธรณีระเบียงค่อนข้างสูง

มือจับพร้อมตัวล็อกตามนี้ค่ะ

ขนาดระเบียง 0.9 x 1.5 เมตร ไม่ใหญ่มากนัก พอให้วางราวตากผ้าได้ใหญ่หน่อยเพราะไม่ต้องเผื่อพื้นที่ให้เครื่องซักผ้าแล้ว

ด้านข้างมีติดก๊อกน้ำและไฟผนังไว้ให้เรียบร้อย

อีกห้องเป็นห้องแบบ 1 bedroom plus ค่ะ สิ่งที่แตกต่างจาก 1 bedroom นอกจากพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นแล้ว มีฟังก์ชันห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาได้อีก 1 ห้อง ห้องที่ได้แสงธรรมชาติจะไม่ใช่ห้องครัวแล้วแต่เป็นห้องอเนกประสงค์แทน สำหรับห้องนอนเล็กนั้นสามารถวางเตียงขนาด single bed ได้พอดีๆ แต่แนะนำให้จัดเป็นห้องทำงานก็จะดีกว่าค่ะ ในส่วนของพื้นที่ครัวที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตตุรัสนั้นจัดฟังก์ชันค่อนข้างยาก ดูแล้วยังไม่ลงตัวเท่าไหร่นักค่ะ เพราะมีพื้นที่ทางเดินที่ไม่ได้ใช้งานเยอะเกินไปหน่อย

ภายในห้องโซนแรกจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานก่อน ด้านในเป็นส่วนของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง และด้านข้างเป็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะได้ชุดโซฟาขนาดยาวกว่าชุดโซฟาแบบ 1 Bedroom พร้อมกับที่นั่งโซฟาที่ยาวไปจนสุดผนังตรงนี้เวลาเพื่อนๆมาก็สบายเลยเพราะนั่งได้หลายคนค่ะ

ขนาดของโต๊ะก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดห้องสามารถนั่งได้ 4 คน แต่โต๊ะที่ได้นั้นเป็นแบบโต๊ะไม้ 4 ขา ไม่มีเก้าอี้ให้นะคะ

ระยะทีวีกว้างพอๆ กับ 1 bedroom อยู่ที่ 1.8 เมตร วางทีวีขนาดใหญ่สุดได้ถึง 40 -42 นิ้ว

ถัดมาเป็นส่วนของห้องครัวที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีพื้นที่ทางเดินเหลือค่อนข้างเยอะอย่างที่เห็นค่ะ ซึ่งจากที่ดูแล้วนั้นไม่สามารถนำพื้นที่มากใช้งานได้เท่าไหร่นัก เพราะหากเพิ่มเติมโต๊ะกลางในครัวก็ทำให้เดินภายในห้องไม่ถนัดนักเว้นเสียแต่ว่าจะย้ายโต๊ะทานอาหารมาตรงกลางเลยแล้วเวลาเดินก็เดินอ้อมหน่อยค่ะ หรือถ้าใครอยากทำอาหารหนักหน่อย สามารถทำฉากกั้นโดยติดประตูบานเลื่อน(ตามรอยเส้นประ) ซึ่งจะช่วยให้กลิ่นอาหารไม่ไปคละคลุ้งที่บริเวณพื้นที่นั่งเล่น แล้วประตูบานเลื่อนทำเป็นกระจกนะคะบรรยากาศในห้องจะได้ไม่อึดอัด

พื้นครัวปูด้วยแกรนิตโต้ ทำความสะอาดง่าย

บริเวณเคาน์เตอร์ครัวที่ได้มีขนาดเล็กและใช้งานได้ยากกว่าแบบห้อง 1 bedroom เนื่องจากตัวเคาน์เตอร์อยู่เข้ามุมห้องเป็นทรงตัว L ในส่วนพื้นที่วางตู้เย็นนั้นกว้างขวางสามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้สบายมากค่ะ แต่ตำแหน่งที่วางจะยื่นออกมาหน่อยนะเพราะติดเสาของอาคาร

วัสดุของ pantry เหมือนกันกับ 1 bedroom แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่าหน่อยนั้นทำให้การจัดพื้นที่เตาค่อนข้างลำบาก เพราะติดเครื่องซักผ้าแน่นอน อาจต้องใช้เป็นเตาลอยไม่ใช่แบบฝั่งที่เคาน์เตอร์นะคะ

บานเปิดตู้บาดขอบแบบนี้เพื่อให้จับง่ายขึ้นค่ะ

ห้องน้ำสำเร็จรูปแบบเดียวกันกับห้อง 1 bedroom ยกธรณีประตูสูงและปูด้วยสแตนเลส

ภายในทั้งหมดใช้วัสดุและจัดวางเหมือนกันเลยค่ะ

จากห้องน้ำหันมาจะเจอกับส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยใช้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกทั้ง 2 ห้องเลยค่ะ ช่วยให้ห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ดูโปร่งโล่งมากขึ้น ไม่รู้สึกคับแคบหรืออึดอัดค่ะ

เข้ามาที่ Master Bedroom กันก่อนนะคะ ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้แบบพอดีเด๊ะๆ ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้า (ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะเป็นแบบลอยตัว ไม่เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ ^^)

ทางเดินด้านริมกระจกกว้างเดินสบาย แต่บริเวณปลายเตียงอาจจะลำบากหน่อยถ้าวางชั้นวางทีวีแบบห้องตัวอย่าง

ทางเดินด้านข้างกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร เดินได้พอดีๆ ไม่แคบมาก

ตู้วางทีวีปลายเตียงโครงการไม่ได้ให้มานะคะ แต่จะบอกว่าถ้าใครซื้อตู้นั้นต้องเช็คเรื่องความกว้างของทางเดินไปสักหน่อยนะคะ อย่างที่เห็นในภาพคือติดปลายเตียงเปิดได้ไม่สุด แนะนำให้ซื้อชั้นวางทีวีแบบไม่มีบานเปิด หรือติดตั้งทีวีกับผนังก็ได้เช่นกันค่ะ ^^

ถัดมาในห้องนอนเล็กค่ะ สำหรับห้องนี้สามารถวางเตียงได้แบบ Single Bed ได้พอดีๆ หรือใครจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชันห้องนี้เป็นห้องทำงานก็ได้เช่นกันค่ะ

ทางเดินด้านข้างกว้างพอสมควร ส่วนปลายเตียงจะเดินลำบากหน่อยนะคะ

อีกด้านที่ติดกับระเบียงมีความกว้างพอสมควรสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้

ด้านข้างสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กๆ ได้แต่ตู้นี้ทางโครงการไม่ได้แถมมาให้นะคะ

พื้นที่ระเบียงขนาด 0.9 x 2.2 เมตร มีขนาดกว้างกว่าห้องแบบ 1 bedroom เหมาะกับการใช้งานทั้งซักผ้า และตากผ้า

มุมระเบียงติดตั้งก็อกน้ำไว้ให้เรียบร้อย

และอีกมุมมีโคมไฟติดผนังให้ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 October 2015 

  • 1 Bedroom ชั้น 15 ห้อง N15B12 เนื้อที่ 29.5 ตร.ม. ราคา 2.13 ล้านบาท หรือ 72,200 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 7 ห้อง N07B04 เนื้อที่ 29.5 ตร.ม. ราคา 2.1 ล้านบาท หรือ 71,200 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ชั้น 27 ห้อง S27C04 เนื้อที่ 35 ตร.ม. ราคา 2.56 ล้านบาท หรือ 73,100 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 20,000 บาท
  • ทำสัญญา ฟรี
  • ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 26 งวด
  • ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 33 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Aspire เอราวัณ ตั้งอยู่ บนถนนสุขุมวิทขาเข้า ทำเลในย่านนี้เป็นย่านอุตสาหกรรม จะมีโรงงานทั้งเล็กและใหญ่ที่อยู่แถบที่ค่อนข้างมากเป็นแหล่งงานที่มีความหนาแน่นพอสมควร ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้นอกจากจะเป็นคนแถบนี้แล้วยังมีคนทำงานในโรงงานย่านนี้อีกด้วย ดังนั้นตัวโครงการเองสามารถตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยได้ดี ทดแทนการเช่าอพาร์ทเมนต์ และสามารถย่นระยะเวลาในการเดินทางไปทำงานได้ค่ะ ประกอบกับเมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงต่อขยายแบริ่ง – สมุทรปราการ แล้วเสร็จก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกให้กับคนที่ทำงานในละแวกนี้และคนในพื้นที่ได้เดินทางกลับเข้าเมืองได้ดีทีเดียวค่ะ ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์นั้น ในระยะเดินยังมีไม่มากนัก จำเป็นต้องเดินทางด้วยรถ ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 2 – 6 กิโลเมตร มีทั้ง Big C, ห้างอิมพีเรียล สำโรง และตลาดหลายตลาดด้วยกัน แต่ในอนาคตหลังรถไฟฟ้าเสร็จอาจจะได้เห็นการพัฒนาพื้นที่แถบนี้เรื่อยๆนะคะ

เนื่องจากทำเลแถบนี้จะเป็นทำเลที่เน้นคนทำงานในย่านนี้การเดินทางส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยการใช้รถยนต์เป็นหลักหรือมีรถจากบริษัทวิ่งผ่านอยู่แล้ว จากที่ตั้งของโครงการที่อยู่บนถนนสุขุมวิทขาเข้า ซึ่งเป็นถนนหลักในย่านนี้ รองลงมาคือ ถนนศรีนครินทร์ ที่เป็นถนนคู่ขนานถนนสุขุมวิทโดยมาถนนหลายสายตัดเชื่อมกันอยู่ สามารถเดินทางตรงเข้าเมืองได้สะดวก อีกทั้งยังมีทางเลือกในหารใช้วงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนาภิเษก) ซึ่งไปเชื่อมวงแหวนอุตสาหกรรมตรงเข้าพระราม 3 ผ่านสะพานภูมิพลได้ค่ะ สำหรับที่จอดรถของโครงการมีช่องจอดได้ประมาณ 32% และสามารถซ้อนคันได้ 42% นั้นอาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลที่เหมาะกับการใช้รถยนต์เป็นหลัก แต่เมื่อมีสถานีรถไฟฟ้ามีอยู่หน้าทางเข้าโครงการแล้วก็สามารถลดจำนวนการใช้งานรถยนต์ลงไปได้บ้างบางส่วน รวมทั้งคนทำงานในโรงงานนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะพึ่งรถตู้บริษัทให้การเดินทางไปทำงานอยู่แล้วด้วยค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถในปัจจุบันยังมีทางเลือกให้ใช้บริการพอสมควร ทั้งพี่แท็กซี่ สองแถว และรถเมล์ค่ะ แต่ที่ทุกคนตั้งตารอและเป็นจุดเด่นจุดนึงของโครงการก็คือ โครงการนี้ติดกับรถไฟฟ้าสถานีเอราวัณ ที่มีขาบันไดเลื่อนอยู่หน้าทางเข้าโครงการเลยค่ะ ซึ่งก็ต้องอดใจรอกันไปก่อนนะคะ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง โดยกำหนดการจะแล้วเสร็จจะอยู่ในปี 2560 สำหรับระยะจากหน้าโครงการมาถึงอาคารนั้นถือว่าเดินได้ไม่ลำบากเพราะมีระยะแค่ 150 ม.ถึงทางขึ้นสถานีที่เป็นบันไดเลื่อนแต่ถ้าโครงการมีการทำหลังคากันแดดกันฝนให้จะดีมากไม่อย่างนั้นฝนตกทีนี่เละแน่นอน ส่วนความปลอดภัยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะทางเดินอยู่ในรั้วโครงการ

วัสดุที่ได้นั้นจะพิเศษกว่า Aspire อื่นๆอยู่เหมือนกัน ทั้งพื้นในห้องครัวที่ได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 เซนติเมตร (ซึ่ง Aspire อื่จะได้เป็นกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 เซนติเมตร) ห้องน้ำสำเร็จรูปของ Mogen ผนังกรุกระเบื้องให้ นอกนั้นจะได้ตามมาตรฐานทั่วไปของ Aspire ส่วนการติดตั้งประตูบานเลื่อนแบบไม่มีรางที่พื้นถือว่าดี เดินไม่สะดุด รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จาก SB Furniture ทั้งหมดค่ะ คุณภาพวัสดุที่ได้เมื่อเทียบกับราคา 71,000/ตร.ม.แล้วถือว่าสมราคาอยู่ค่ะ

การออกแบบภาพรวมโครงการจัดว่าได้มาตรฐานสมชื่อ Aspire จากรูปร่างของอาคารส่งเสริมการมองวิวได้ทั้งภายนอกและส่วนสระว่ายน้ำด้านใน แต่ข้อเสียหลักๆเลยคือจำนวนยูนิตที่ออกจะเยอะไปหน่อยคะ่ อัตราความหนาแน่นค่อนข้างสูง ในส่วนของการออกแบบห้องแบบ 1 Bedroom โดยรวมแล้วลงตัวดีค่ะทั้งฟังก์ชันการใช้งานและการปรับโซฟาและเก้าอี้รับประทานอาหารให้เชื่อมต่อกัน เพื่อแก้ปัญหาการวางเฟอร์นิเจอร์ได้ไม่ลงตัวจากขนาดห้องที่มีจำกัด สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom Plus นั้นเรียกได้ว่าเป็น 2 Bedroom ขนาดเล็ก เพราะสามารถกั้นห้องนอนเพิ่มมาได้อีกห้อง แต่ใช้ทำเป็นห้องอเนกประสงค์หรือห้องทำงานจะเหมาะกว่าค่ะ ข้อเสียของห้องนี้คือพื้นที่เหลือไม่ได้ใช้งานค่อนข้างเยอะให้เห็นอย่างชัดเจน เนื่องจากการจัดฟังก์ชันได้ไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก และด้วยเหตุผลเดียวกันทำให้ได้รูปทรงของเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L ในมุมใช้งานไม่ถนัดเท่าไหร่ค่ะ

สาธารณูปโภคถึงแม้จะไม่ได้จัดมาให้อยู่ชั้นบนสุดแต่ก็ถือว่าให้มาครบ ด้วย Facility ที่มีทั้งสระว่ายน้ำขนาด 13 x 30 เมตร ระบบเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องสตรีม และสวนที่อยู่บนดาดฟ้า หากเทียบกับจำนวนประชากรในตึกที่มีถึง 1,576 ยูนิตนั้นไม่เพียงพอ ต้องแบ่งกันใช้กันนะคะ แล้วชั้นล่างทางโครงการจัดให้มีร้านค้าอยู่ 1 ร้านค้า ซึ่งจะให้นิติบุคคลเป็นผู้ดูแล ไม่เหมือน Aspire โครงการอื่นที่มีร้านค้าแต่จะเป็นกรรมสิทธ์ของ AP

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 71,000 บาท/ตร.ม., 20 October 2015

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลติดถนนสุขุมวิท แต่ความอุดมสมบูรณ์ยังสูงไม่เท่าย่านสำโรง (คนที่อยากได้วิวดีเลือกห้องเห็นแม่น้ำบวกคะแนนไปอีก 0.5 ได้นะคะ)
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกทั้งถนนหลัก และใกล้ทางด่วน ได้ที่จอดรถรวมซ้อนคัน 42%
  • ไม่ใช้รถ 9.0/10 – ติดทางขึ้นรถไฟฟ้าฝั่งบันไดเลื่อนแต่มีระยะเดิน 150 ม. (คะแนนตอนรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ)
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้วัสดุอัพเกรดมากกว่า Aspire อื่นๆพอสมควร
  • แบบ 7.5/10 – โดยรวมออกแบบห้องใช้งานได้ครบฟังก์ชันแต่มีบางจุดที่แปลกๆหน่อย
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – ให้มาครบตามสมัยนิยม ดูน่าใช้งาน แต่หนาแน่นไปหน่อยถ้าเทียบกับจำนวนยูนิต

  • MAIN CLASS
  • 7.73 / 10.00

BOTTOM LINE

Aspire เอราวัณ เหมาะกับคนทำงานในย่านนี้ หรือคนในพื้นที่ เดินทางสะดวกใกล้ที่ทำงาน ติดถนนใหญ่ไม่เปลี่ยว เดินทางเข้า – ออกเมืองด้วยทางด่วน คาดหวังการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแบบติดกับทางขึ้นสถานีฝั่งบันไดเลื่อน อยากชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในราคาที่ถูกกว่าคอนโดติดริมแม่น้ำ มีงบประมาณ 1.7 – 3.4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 27,000 บาท

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )