รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ Thana Astoria ปิ่นเกล้า คอนโด High Rise บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ห่างจาก MRT บางยี่ขัน 170 เมตร จาก ธนาแลนด์ [รีวิวฉบับที่ 1855]

30 เมษายน 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1126 …  สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น จาก ธนาแลนด์ Developer เจ้าถิ่นที่มีโครงการคอนโดมิเนียมให้เห็นหลายโครงการในย่านจรัญสนิทวงศ์-ปิ่นเกล้านี้ สำหรับโครงการนี้ถือเป็นโครงการชูโรงของธนาแลนด์ล่าสุด ที่อยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ และเกาะรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย โดยมีระยะห่างจากสถานีบางยี่ขันประมาณ 120 ม. ตัวโครงการนี้จะเป็นอย่างไรนั้นเราตามไปชมกันเลยค่ะ ^^

 

Fact @ 13 July 2016

  • Thana Astoria Pinklao (ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า)
  • บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางพลัด บนถนนจรัญสนิทวงศ์
  • คอนโด High Rise 23 ชั้น 1 อาคาร 497 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 27 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 42 คันคิดเป็น 41.25 % รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็นประมาณ 53 %
  • ที่ดินประมาณ 2-2-73.5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : 15 ธันวาคม 2558
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 1 กรกฎาคม 2561
  • Studio 22-24.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.96 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 29-35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 43-58 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.96 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 93,500 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 89,000 – 96,550 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ ได้ที่: ภาพชมทำเลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-434-2000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.779068, 100.486886

ที่ตั้งโครงการ ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 และ 46 อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันไปประมาณ 120 ม. และอยู่ไม่ไกลจากแยกบรมราชชนนีที่ตัดเข้าถนนบรมราชชนีได้ มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่างเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงระหว่างแยกบรมราชชนนีกับแยกที่ตัดกับถนนสิรินธร บริเวณย่านนี้ยังคงสภาพแวดล้อมที่เป็นย่านชุมชนเก่าแก่อาศัยกันมานาน จากที่เห็นอาคารบ้านเรือนยังเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวอยู่เกือบตลอดริมถนนและในซอยเล็กซอยน้อย ทำให้บรรยากาศในแถบนี้ค่อนข้างคึกคักและหาของกินได้ง่าย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเยอะขึ้นมากจากแต่ก่อนที่มาเกาะรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากนักค่ะ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่ามีตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทางค่ะ สำหรับใครที่เน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นสะพานที่สะดวกและใกล้กับโครงการมากที่สุด โดยจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปออกถนนพระราม 8 โดยไม่ต้องเข้าแยกบรมราชชนนีให้เสียเวลาค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถกลับรถขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ ส่วนสภาพการจราจรในแถบนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างติดขัดมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวของทำเลนี้ ถึงแม้จะมีถนนให้เลือกใช้เส้นทางค่อนข้างหลากหลายแต่ก็จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควรค่ะ

credit: http://www.sirat-orr.com/P06.html

สำหรับบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ นั้นไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัดจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนบริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช แต่ในอนาคตจะมีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างทางสายหลัก , ทางขึ้น-ลงทางพิเศษ, ทางแยกต่างระดับ และ ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพร้อมสะพานลอยกลับรถเพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดถนนท้องถิ่นช่วงจากถนนกาญจนาภิเษกถึงสะพานพระรามหกจำนวน 5 แห่ง โดยกำหนดทางขึ้น-ลงไว้ 6 แห่งคือ

  1. บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
  2. ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
  3. ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
  4. ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
  5. ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
  6. ทางขึ้นลงพระราม 6
  7. ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)

โดยจะมีทางขึ้น-ลงที่ขับได้สะดวกคือ ทางขึ้น-ลงบางบำหรุ สามารถวิ่งเข้าจากถนนบรมราชชนนี กลับรถไปขึ้นทางด่วนได้ เวลาลงก็สามารถวิ่งเข้าเส้นสิรินธรตัดเข้าจรัญสนิทวงศ์ได้ไม่ยากค่ะ

ในส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกพอสมควร เพราะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันไปประมาณ 120 ม. โดยตำแหน่งของสถานีบางยี่ขันจาก รฟม. ระบุไว้ว่าตั้งอยู่บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างระบบรางและตัวสถานีนะคะ ส่วนตำแหน่งของขาขึ้น-ขาลงยังไม่ได้ชี้ตำแหน่งชัดเจนทำให้ระยะจากโครงการนั้นอาจจะคลาดเคลื่อนได้บ้างค่ะ สำหรับระยะประมาณ 120 ม. นั้นถือว่าอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ และยังมีฟุตบาทกว้างพอสมควรตลอดระยะทางเดินค่ะ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้ใช้บริการได้ประมาณปี 2562 ซึ่งก็จะพอดีให้ลูกบ้านได้ใช้งานเพราะกำหนดโครงการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561

นอกจากนี้ก็ยังมีรถสองแถว พี่วินมอเตอร์ไซต์ และรถประจำทางที่วิ่งให้บริการอยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งป้ายรถเมล์อยู่เยื้องๆ กับหน้าโครงการนิดเดียวค่ะ เดินไปรอรถได้สบายๆ และสาวๆ คนไหนกลับดึกหรือใครจะออกไปปาร์ตี้กลางคืนข้างนอกก็ไม่ต้องกลัวเปลี่ยวเพราะตัวโครงการที่อยู่ติดหน้าถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอยค่ะ

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ในละแวกโครงการอย่างเรื่องอาหารการกินถือว่าสะดวกสบายพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารใต้ตึกแถว เต้นท์อาหาร และพวกรถเข็น ขายกันค่อนข้างคึกคักอยู่พอสมควร อยู่ในเรทราคาย่อมเยากินได้สบายกระเป๋า ถ้าจะช็อปปิ้ง กินข้าวหรูหน่อยก็ต้องไปแถบถนนบรมราชชนนีซึ่งไกลออกไปหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะที่ขับรถได้สบายๆ นะคะ โดยจะมีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market เปิดติดๆ กันเลย นอกจากนี้ใครชอบทำกับข้าว ซื้อของสดก็ไปจ่ายตลาดกันได้ไม่ยากที่เห็นเป็นตลาดใหญ่ๆ เลยก็จะอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์นี้แหละค่ะ อย่างตลาดกรุงธน ตลาดบางขุนนนท์และตลาดบางขุนศรี

การเดินทางในวันนี้ขอเริ่มต้นจากแยกท่าพระ มุ่งหน้าไปทางแยกบรมราชชนนี โดยเราจะตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกบรมราชชนนีแล้วขับตรงไปอีก 800 ม. จากนั้นให้กลับรถค่ะ โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดกับซอยจรัญสนิทวงศ์ 46

เริ่มต้นจากขึ้นอุโมงค์ข้ามแยกท่าพระมาแล้ว มุ่งหน้าไปยังถนนบรมราชชนนีนะคะ บรรยากาศรอบข้างจะเป็นตึกแถวที่สร้างมานานแล้ว ปัจจุบันก็ยังคงเห็นอยู่เหมือนเดิม​ซึ่งมีทั้งร้างไปแล้วกับที่ยังอาศัยอยู่นะคะ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนี้ก็มีความคืบหน้าให้เห็นเรื่อยๆ ค่ะ

เราขับตรงมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปแยกบรมราชชนนี ผ่านวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม จะเห็นว่าทางเดินรถแถบนี้เหลืออยู่ 4 เลนเล็กๆ แบ่งเป็นขาเข้า 2 ขาออก 2 ตรงกลางถูกกั้นเป็นพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันด้วยเลนถนนที่เล็กลงก็ทำให้การจราจรติดขัดกว่าเดิมพอสมควรนะคะ อดใจรอรถไฟฟ้าเสร็จเมื่อไหร่ เชื่อว่าการจราจรแถบนี้คงดีขึ้นจากแต่ก่อนมากๆ เพราะมีรถไฟฟ้าช่วยลดปริมาณคนบนท้องถนนไปได้เยอะค่ะ

ตรงมาเจอซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 หรือถนนพาณิชยการธนบุรี ที่เรียกอย่างงี้เพราะข้างในมีพาณิชย์การธนบุรีตั้งอยู่มาแต่ดั้งเดิม ซอยนี้นอกจากมีสถานศึกษา และของกินค่อนข้างคึกคักแล้ว ยังสามารถไปทะลุออกราชพฤกษ์และถนนบางแวกได้ด้วยนะคะ

ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านแยกไฟฉาย ที่เลี้ยวขวาจะเป็นถนนพรานนกออกไปยังโรงพยาบาลศิริราชและวังหลังได้ค่ะ ส่วนทางซ้ายเป็นถนนพระเทพตัดใหม่ที่เชื่อมถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนราชพฤกษ์ พุทธมณฑลสาย 1 และถนนกาญจนาภิเษกได้ แต่เราจะมุ่งหน้าตรงไปกันต่อนะคะ

ตรงมาอีกหน่อยเจอตลาดบางขุนศรีเป็นตลาดใหญ่อีกตลาดนึงในย่านนี้ มีขายทั้งขายสดของแห้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามก็มี Food Land เป็นอยู่ด้วยค่ะ

ถัดมาไม่ไกลมี Makro ด้วย

ตรงผ่านแยกบางขุนนนท์กันต่อ ซึ่งเป็นจุดตัดกับถนนบางขุนนนท์ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมเข้าถนนชัยพฤกษ์ไปตัดออกถนนบรมราชชนนีได้

ลงอุโมงค์ข้ามแยกบรมราชชนนีกันค่ะ

ขึ้นจากอุโมงค์ข้ามแยกมาแล้วก็จะเห็นคอนโดมิเนียมโบราณอย่าง Commonwealth ปิ่นเกล้า แสดงว่าใกล้ถึงโครงการกันแล้วนะคะ

ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 57/1 จุดสังเกตคือธนาคารกรุงเทพที่อยู่หน้าซอย เราจะกลับรถกันตรงนี้นะคะ ซึ่งจุดกลับรถนี้ยังไม่แน่นอนนะคะ อาจจะเป็นจุดกลับรถชั่วคราวในช่วงกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าได้ค่ะ

เมื่อกลับรถมาแล้วก็เบี่ยงซ้ายเลย โครงการจะอยู่ติดกับซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 ค่ะ มีป้ายและน้อง Air Tube น่ารักๆ คอยต้อนรับเราอยู่

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวลดล้อมโดยรอบโครงการเป็นอาคารแนวราบและที่พักอาศัยสูงไม่เกิน 6 ชั้น ซึ่งส่งผลต่อวิวจากห้องพักโครงการนะคะ เนื่องจากชั้นพักอาศัยของโครงการจะเริ่มต้นที่ชั้น 6 ค่ะ และส่วนที่ติดกับแมนชั่นที่มีความสูง 6 ชั้นเช่นเดียวกันก็จะเป็นส่วน Facilities ที่เป็นสวนยกระดับ ส่วนบริเวณด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์นั้น ก็จะใกล้กับรางรถไฟฟ้าด้วยโดยจากความสูงของรางรถไฟฟ้าที่ผ่านหน้าโครงการมีความสูงประมาณ 4-5 ชั้น ดังนั้นในเรื่องของวิวจากห้องพักในชั้นล่างๆ ของห้องทิศนี้ควรเช็คความสูงของชั้นว่ามีความสูงในระดับเดียวกับรางรถไฟฟ้าหรือไม่ด้วยนะคะ ส่วนเสียงจากท้องถนนนั้นคงถูกรบกวนบ้างแน่ๆ ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของหน้าต่างด้วยนะว่าสามารถกันเสียงได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ

  • ทิศเหนือ: ติดกับอาคารพาณิชย์สูง 2-3 ชั้น ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 46
  • ทิศตะวันออก: บ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 3 ชั้น
  • ทิศใต้: อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น, แมนชั่นสูง 5 ชั้น และอพาร์ทเม้นต์สูง 6 ชั้น
  • ทิศตะวันตก: ถนนจรัญสนิทวงศ์

มาเดินดูรอบๆ โครงการก่อนจะเข้าไปดูส่วน Sale Office โครงการกันนะคะ บริเวณด้านหน้าโครงการติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์เก่าแก่สูง 4 ชั้น

ด้านข้างมีสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ง่ายมาก

ข้างโครงการจะมีร้านอาหารใต้ตึกแถวและรถเข็นขายอาหารค่อนข้างคึกคักมากๆ

หน้าตาอาหารก็จะประมาณนี้ค่ะ อยู่ในเรทราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า

เดินมาอีกหน่อยเดียวก็เจอจุดรอรถเมล์แล้วค่ะ

ติดกับป้ายรถเมล์เป็น 7-11 เพื่อนรักยามหิวของเรา

เข้าไปดูภายใน Sale Office กันต่อ

ภายใน Sale Office ออกแบบมาให้ได้กลิ่นอายของสไตล์ Modern Art Deco ซึ่งเป็นสไตล์ของโครงการ เน้นใช้สีโทนดำและตกแต่งด้วยสีทอง ให้มีความหรูหรามากขึ้น

ด้านข้างมีจัดพื้นที่นั่งคอยเป็นชุดโซฟา 2 ชุดใหญ่

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Tesco Lotus ~ 1.4 กิโลเมตร
  • เมเจอร์ปิ่นเกล้า+ตลาดปิ่นเงินปิ่นทอง ~ 1.5 กิโลเมตร
  • Central ปิ่นเกล้า ~ 2 กิโลเมตร
  • ห้างพาต้า ~ 2.2 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนนนท์ ~ 2.3 กิโลเมตร
  • Foodland ~ 2.3 กิโลเมตร
  • Makro ~ 2.8 กิโลเมตร
  • The Sense ปิ่นเกล้า ~ 2.5 กิโลเมตร
  • รพ.เจ้าพระยา ~ 3 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนศรี ~ 3.3 กิโลเมตร
  • รพ.ศิริราช+ตลาดวังหลัง ~ 4 กิโลเมตร
  • สนามหลวง+ม.ธรรมศาสตร์ ~ 4.7 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น ตกแต่งในสไตล์ Modern Art Deco เน้นใช้โทนสีเทาเป็นหลักตกแต่งลวดลายด้วยสีทอง

ลักษณะการวางโครงการจะวางยาวไปตามแนวที่ดิน มีทางเข้า-ออกจุดเดียวจากถนนจรัญสนิทวงศ์ ด้านหน้าอาคารเป็นจุด Drop-Off เข้าไปในส่วน Lobby ส่วน Facilities หลักของโครงการอยู่ชั้น 5 ด้านหลังโครงการและในชั้นดาดฟ้าถูกจัดเป็นสวนพร้อมพื้นที่นั่งเล่น และที่หนีไฟทางอากาศ

ในชั้น 1 นอกจากส่วน Lobby ที่อยู่ด้านหน้าโครงการแล้ว ด้านหลังจะเป็นส่วนที่จอดรถทั้งหมดขึ้นไปถึงชั้น 4 และจะเริ่มต้นชั้นพักอาศัยในชั้น 5 ขึ้นไปจนถึงชั้น 23 ค่ะ สำหรับชั้น Facilities หลักอยู่ในชั้น 5 และชั้นดาดฟ้าจัดเป็นสวนให้ สำหรับห้องพักบริเวณด้านหน้าโครงการหรือทิศตะวันตกนี้เป็นห้องพักมุมแบบ 2 Bedroom 2 ห้อง สำหรับห้องทิศนี้ในชั้นล่างๆ หน่อย อาจจะต้องเช็คเรื่องความสูงของชั้นเทียบกับรางรถไฟฟ้าด้วยนะคะ เพราะอาจจะอยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งด้วยระยะห่างประมาณ 30 ม. ก็ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปหน่อยทำให้ต้องปิดม่านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแทนที่จะได้เห็นวิวภายนอก

ทิศเหนือ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. มีห้อง 1 Bedroom 35 ตร.ม. อยู่ตรงกลาง 1 ห้องในทุกๆ ชั้น สองฝั่งหน้าหลังอาคารที่เป็นห้องมุมจะเป็นห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom 48 และ 58 ตร.ม. สำหรับห้องทิศนี้แน่นอนว่าเป็นทิศที่เหมาะกับการอยู่อาศัยในเรื่องของทิศทางแดดที่จะไม่โดนแดดร้อนยามบ่ายเข้ามาเต็มๆ

ทิศตะวันออก เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 58 ตร.ม. ขนาบข้างกับห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.87 ตร.ม.ค่ะ สำหรับทิศนี้วิวที่ได้ในชั้นสูงๆ ก็สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ค่ะ ส่วนห้องชั้นเตี้ยๆ หน่อยวิวจะแตกต่างกันหน่อยนะคะ โดยวิวที่ได้จะเป็นวิวชุมชนทั้งบ้านและตึกแถวในซอยเล็กซอยน้อยย่านจรัญสนิทวงศ์

ทิศใต้ เป็นทิศที่รับแดดค่อนข้างมากกว่าในทิศอื่นๆ นะคะ สำหรับห้องพักในทิศนี้จะเป็นห้องขนาด 33-34 ตร.ม. เป็นส่วนใหญ่ มีห้องขนาด Studio 22-24 ตร.ม.อยู่ 3 ห้องในแต่ละชั้น อยู่ตำแหน่งตรงกลางตรงข้ามกับโถงลิฟต์โดยสารที่อยู่ฝั่งทิศเหนือนะคะ โดยวิวจากทิศคือวิวอาคารแถบปิ่นเกล้า บรมราชชนนี ซึ่งมีอาคารสูงขึ้นตามริมถนนสลับกับอาคารพาณิชย์ รวมทั้งสีสันจากเส้นสายของถนนใหญ่ทั้งตัดกันทั้ง 3 สายอย่างถนนจรัญสนิทวงศ์, ถนนบรมราชชนนี และถนนพระราม 8 ทำให้วิวในทิศนี้มีสีสันและไม่เหงาดีค่ะ

จากทางเข้าโครงการจะเจอส่วนป้อมยามก่อน ลักษณะการวางคือจะเป็นป้อมยามเล็กๆ ตรงกลางแบ่งทางเข้า-ออก 2 ฝั่ง ไม้กระดกอัตโนมัติ ด้วยระบบ Key Card Access ระยะใกล้ จากนั้นจะเป็นจุด Drop Off เข้าสู่ Lobby ของโครงการค่ะ สำหรับใครที่จะจอดรถใต้อาคารนี้เลยให้เลี้ยวซ้ายนะคะ ส่วนใครที่จะขึ้นไปยังชั้นจอดรถ 2-4 ก็สามารถเลี้ยวขวาขึ้นทางลาดไปยังลานจอดรถได้ค่ะ

ทางเข้าที่จอดรถใต้อาคารมีที่จอดรถอยู่ประมาณ 22 คัน

ขับตรงมาอีกฝั่งเป็นทางเข้า-ออกที่จอดรถของชั้น 2-4 และฝั่งนี้ด้านข้างเป็นที่จอดรถกลางแจ้งค่ะ รวมแล้วมีช่องจอดรถทั้งหมด 205 คัน คิดเป็น 41.25% รวมจอดซ้อนคันแล้วคิดเป็น 53% ค่ะ

ด้านข้างเป็นที่ดินยื่นออกมาเล็กๆ 2 จุด จัดให้เป็นพื้นที่สนามหญ้ามานั่งปิกนิกได้ และสนามเด็กเล่น

มาที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการโดยตำแหน่งจะอยู่ด้านหลังอาคาร ลักษณะเป็นแบบ Semi-Outdoor คืออยู่ใต้อาคารเป็นที่ร่มไม่โดนแดดโดยตรง ข้อดีคือสามารถใช้พื้นที่นี้ได้ในตอนกลางวันด้วย ไม่เหมือนกับ Facilities ที่อยู่กลางแจ้งซึ่งจะใช้ได้เฉพาะช่วงเช้าและเย็น ตามสภาพอากาศและแดดบ้านเราที่ค่อนข้างจะร้อนแรงเอาการ สำหรับห้องพักที่นี่จะไม่มีห้องไหนได้วิวสระเลยเพราะไม่มีหน้าต่างเปิดมาที่ด้านนี้เลย ซึ่งก็เป็นข้อดีสำหรับลูกบ้านที่มาเล่นน้ำหรือมานั่งเล่นพักผ่อนส่วน Facilities ที่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีสายตาจากเพื่อนบ้านที่มาชมวิวสระว่ายน้ำจากห้องพักค่ะ ^^

ถัดจากสระว่ายน้ำด้านข้างจะเป็นพื้นที่สวนให้มาเดินเล่น พักผ่อนได้ ใต้อาคารเป็นพื้นที่นั่งเล่น ห้องฟิตเนส

ส่วนอีกด้านนึงในโซน Facilities เหมือนกันเป็นห้องอ่านหนังสือค่ะ

ภาพบรรยากาศภายในส่วน Lobby โครงการ ตกแต่งในสไตล์ Modern Art Deco เน้นดีเทลสีทองและโทนสีโดยรวมเป็นสีดำ ฝ้าเพดานสูงดูโปร่งโล่ง ภายในวางชุดโซฟาและชุดเก้าอี้ให้ประมาณ 3-4 ชุด ไว้สำหรับต้อนรับแขกที่มาติดต่อได้ เข้าไปด้านในหน่อยมีประตูกั้นส่วนโถงทางเดินที่เชื่อมไปยังโถงลิฟต์ค่ะ โดยต้องสแกนบัตรจากส่วนนี้เพื่อขึ้นไปยังห้องพักอาศัยได้นะคะ

ส่วน Mail Box ด้านข้างโถงลิฟต์ ใช้สีคุมสไตล์โครงการได้ดีและตกแต่งภายในสวยงามดูหรูหรา

บรรยากาศของโถงลิฟต์สุดทางเป็นกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทำให้ตัวโถงลิฟต์ดูโปร่งโล่งและมีแสงสว่างจากภายนอกเข้าถึงได้ดี

ส่วน Facilities หลักอย่างสระว่ายน้ำที่ชั้น 5 นั้นเป็นสระ Semi-Outdoor แบบ Infinity Edge Pool ระบบเกลือ แบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่มีขนาดสระว่ายน้ำ 7 x 20 ม. ลึก 1.20 ม. สามารถใช้ออกกำลังกายได้ค่ะ ส่วนเมื่อเทียบขนาดสระกับจำนวนยูนิตของโครงการที่มีประมาณเกือบ 500 ยูนิต ก็อาจจะต้องแบ่งกันใช้บ้างในวันหยุดหรือช่วงเย็นๆ ค่ะ

ส่วนห้องอ่านหนังสือหรือ Cortex Reading Lounge อยู่ถัดจากสระว่ายน้ำเข้ามาภายในอาคาร เป็น Semi-Outdoor เช่นกันไม่ได้กั้นห้องเป็นสัดส่วนนะคะ ใครที่ตั้งใจจะมาอ่านหนังสือหรือทำงานจริงจังที่ต้องใช้สมาธิก็อาจจะถูกเสียงรบกวนจากคนที่มาเล่นน้ำได้ แต่ถ้าจะนั่งอ่านหนังสือเล่น หรือนั่งชิลๆ บนโซฟาใหญ่ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ ตรงนี้ก็เป็นพื้นที่ที่น่านั่งดีค่ะ

ห้อง Soho Co-Working Space จัดเป็นห้องประชุมขนาดเล็กรองรับคนได้ประมาณ 10 ที่นั่ง สำหรับลูกบ้านมานั่งทำงานหรือจัดประชุมเล็กๆ ได้ บริเวณผนังด้านข้างติดบอร์ด ไว้ให้ด้วยค่ะ

ชั้นดาดฟ้าจัดเป็นสวนพร้อมพื้นที่นั่งเล่น ให้ลูกบ้านมาสูดอากาศและเดินเล่นตากลม ชมวิวชิลๆ ได้ค่ะ

มาดู Master Plan กันต่อนะคะ ตัวโครงการมีที่ดินทั้งหมดประมาณ 2 ไร่กว่าค่ะ ในส่วนของการสัญจรนั้นจะงงๆ หน่อยเพราะไม่ได้เป็นแบบ One Way ทั้งหมด ลักษณะการเดินรถแบบเข้าใจง่ายๆ เลยคือจาก Drop Off เลี้ยวซ้ายวนเข้าที่จอดรถและออกจากโครงการอีกฝั่ง ส่วนใครที่จะลัดเข้าชั้นจอดรถในชั้นบน 2-4 นั้นก็สามารถเลี้ยวขวาขึ้นที่จอดรถได้เลยค่ะ ในส่วนจำนวนที่จอดรถที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นคือมีจำนวนที่จอดรถไม่รวมซ้อนคันประมาณ 41.25% หากรวมซ้อนคันจะอยู่ที่ 53% ซึ่งก็ถือว่าให้มาพอประมาณกับราคาที่จ่ายและด้วยตัวโครงการที่เน้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้วสามารถหักลบกันได้อยู่ ซึ่งน่าเพียงพอกับการใช้งานค่ะ

ส่วนในอาคารของชั้น 1 นี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านหน้าโครงการที่เป็นส่วน Lobby เลยไปจนถึงโถงทางเดิน ร้านค้าด้านในซึ่งยังไม่ได้ระบุร้านค้าชัดเจน และโถงลิฟต์นะคะ ส่วนด้านหลังโครงการจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดค่ะ

จากชั้น 2-4 ที่เป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมด ขึ้นมาที่ชั้น 5 เริ่มเป็นชั้นพักอาศัยและส่วน Facilities หลักของโครงการนะคะ ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซนชัดเจน มี Double Access กั้นส่วนพักอาศัยไว้ให้เรียบร้อย เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของห้องพักในชั้นนี้ สำหรับห้องพักในชั้นนี้มีทั้งหมด 12 ยูนิต มีความหนาแน่นต่อชั้นน้อย ใกล้ Facilities ใช้งานสะดวก แต่ไม่เน้นวิวจากห้องเท่าไหร่นักค่ะ ส่วน Facilities ที่ได้นั้นก็จะมีห้อง Fitness, Cortex Reading Lounge, Terrace on the 5th, สระว่ายน้ำ และสวนพักผ่อนค่ะ

ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยทั้งหมด มีจำนวนยูนิตทั้งหมดในชั้นนี้ 22 ยูนิต ซึ่งจะมีห้องพิเศษอยู่ 4 ห้องคือห้อง 1 Bedroom (620-623) ซึ่งเป็นห้องขนาด 46 ตร.ม. แปลนภายในไม่แตกต่างจากห้องขนาด 33-34 ตร.ม. แต่ที่พิเศษคือมีพื้นที่ระเบียงมากขึ้น ซึ่งใช้เป็นระเบียงชมวิวได้ แต่เสียดายที่เป็นห้องชั้นไม่สูงมาก ซึ่งจะไม่ได้วิวมุมสูงนะคะ

ชั้น 7-23 คือชั้น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 27 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 165.67 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นเกินมาตรฐานไปหน่อยนะคะ นอกจากนี้จะได้ลิฟต์ Service อีก 1 ตัวติดกับส่วนโถงลิฟต์โดยสารด้านหลัง สำหรับตำแหน่งลิฟต์นั้นจัดให้อยู่ตรงกลางของแปลนซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีนะคะ สามารถร่นระยะการเดินของลูกบ้านได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ

ชั้นดาดฟ้าจัดเป็นสวนและพื้นที่นั่งเล่น เพื่อให้ลูกบ้านมาเดินเล่นพักผ่อนและชมวิวมุมสูงได้ค่ะ นอกจากนี้ด้านข้างเป็นที่หนีไฟทางอากาศ สำหรับปีนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ได้ ลักษณะจะเป็นแบบโรยตัวนะคะ ไม่ใช่เป็นลานจอดได้เลย

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Astoria Lobby
  • สนามเด็กเล่น
  • พื้นที่ปิกนิก
  • Blossom Park

  • ชั้น 5
    • Soho Co-Working Space
    • Cortex Reading Lounge
    • Liberty Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7 x 20 ม. แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
    • Fitness Room
    • Sauna แยกชาย-หญิง
    • Terrace on the 5th
    • Elevated Lawn

  • ขั้นดาดฟ้า
    • High Line Garden
    • ที่หนีไฟทางอากาศ
    • Skyline Pavilion

  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์ 165.67 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 205 คันคิดเป็น 41.25 % รวมจอดซ้อนคัน 262 คัน คิดเป็น 53%
  • ระบบ CCTV / Access Card

  • Product Walkthrough

    ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้คือห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33-34 ตร.ม. กันนะคะ ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 กว่าตร.ม.นั้นถือว่าไม่เล็กจนเกินไปสามารถอยู่กัน 2 คน ได้สบายๆ และสามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในได้ดีเป็นสัดส่วนค่ะ ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยหรือเป็นคนที่ต้องต้อนรับเพื่อนหรือแขกบ่อยๆ  เพราะได้ห้องนอนกั้นประตูเรียบร้อย เวลามีเเขกมาเยี่ยมหรือเพื่อนมาสังสรรค์ที่ห้องก็สามารถใช้พื้นที่ส่วนนั่งเล่นโดยไม่เห็นพื้นที่ภายในห้องนอนเหมือนการกั้นประตูบานเลื่อน รวมทั้งห้องน้ำที่อยู่ติดกับส่วนครัวก็ทำให้แขกใช้งานได้ง่ายไม่ต้องผ่านห้องนอนค่ะ ก็แลกกับที่เวลาตัวเองจะตื่นมาแล้วเข้าห้องน้ำเลยก็จะต้องเดินอ้อมหน่อย สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้เหมาะกับใครที่ชอบห้องนั่งเล่นติดหน้าต่างได้แสงสว่างและวิวจากภายนอกได้ดีค่ะ ส่วนครัวนั้นเป็นครัวเปิดและอยู่ตำแหน่งด้านในของห้องจึงน่าจะเหมาะกับการอุ่นของกินง่ายๆ หรือทำอาหารเบาๆ มากกว่าการทำอาหารหนักค่ะ

    รูปแบบการตกแต่งห้องเป็นแบบ Fully Fitted โดยจะได้ของดังนี้ค่ะ

    • Pantry ท็อปหินแกรนิต พร้อมตู้ลอย
    • Hob & Hood จาก Teka
    • เครื่องปรับอากาศ
    • สุขภัณฑ์จาก American Standard
    • เครื่องทำน้ำอุ่น

    ประตูหน้าห้องได้เป็นประตู HDF ไส้ไม้จริง มอก. ปิดด้วยลามิเนต มือจับเป็นก้านโยกสแตนเลสมาตรฐาน

    ทางเข้าจบด้วยขอบไม้สำเร็จรูปค่ะ ซึ่งในแง่ของการใช้งานอาจจะฝุ่นเข้าห้องง่ายไปหน่อยเวลาแม่บ้านทำความสะอาดบริเวณโถงทางเดิน เวลารับมอบห้องควรเช็คระยะลอยของประตูกับพื้นว่าปิดพอดีกับไม้จบขอบประตูไหม ซึ่งหากมีระยะขึ้นจากขอบประตูมาก็สามารถติดผ้าสักหลาดดันฝุ่นด้านล่างของประตูกันฝุ่นเข้าห้องได้ไม่ยากค่ะ ^^

    เข้ามาภายในห้องเจอส่วนพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น เลยไปจนถึงประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียง ด้วยความที่พื้นที่ส่วนนี้ติดกับประตูบานเลื่อนเลยทำให้ได้รับแสงสว่างจากภายนอกได้ดีค่ะ และด้วยระยะของพื้นที่ส่วนนี้ที่กว้าง 2.7 ม. และมีฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. จึงส่งผลให้ห้องค่อนข้างโปร่งโล่งดีค่ะ สำหรับพื้นห้องจะเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม.

    หันหลังกลับไปฝั่งซ้ายที่ติดกับประตูเป็นพื้นที่ส่วนครัวและห้องน้ำค่ะ ส่วนที่เห็นเป็นกระจกใสข้างประตูนี้เป็นเพียงการตกแต่งนะคะในห้องจริงจะเป็นผนังทึบปกติค่ะ

    บริเวณพื้นที่รับประทานอาหารกว้างประมาณ 1.6 ม. รองรับโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ใครจะได้โต๊ะให้ใหญ่ขึ้นอีกสักนิดก็ซื้อได้นะคะ เพราะยังเหลือความยาวระหว่างโต๊ะกับระยะเปิดประตูหน้าห้องอยู่ค่ะ แต่อาจจะต้องเช็คระยะถึงวงสวิงบานประตูดีๆ ก่อนนะคะ

    พื้นที่นั่งเล่นเหมาะกับการวางชุดโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง ใครชอบนอนดูทีวีก็สามารถซื้อโซฟาตัวใหญ่ได้นะคะ แต่ก็จะไปกินพื้นที่โต๊ะทำงานที่ติดกับประตูบานเลื่อนไปนะ ส่วนระยะห่างทีวีอยู่ที่ 2 ม. ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะกับการดูทีวีขนาดประมาณ 32″-42″ ค่ะ

    พื้นที่ด้านข้างโซฟาเหลือประมาณ 1 ม. จัดเป็นมุมนั่งทำงานติดริมประตูกระจกได้วิวและสว่างดีค่ะ ส่วนประตูบานเลื่อนกระจกนี้เป็นกระจกสีเขียวตัดแสงบานใหญ่ วงกบอลูมิเนียมพ่นสีดำ

    ตัวล็อกมาตรฐาน ด้านข้างบุผ้าสักหลาดให้เรียบร้อย ทำให้ปิดประตูได้แนบสนิท กันฝุ่นและกันเสียงจากภายนอกได้ระดับนึง

    ขนาดพื้นที่ระเบียงสามารถใช้งานในการซักล้างและตากผ้าได้บ้างค่ะ ลองนึกภาพด้านข้างวางเครื่องซักผ้าแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานได้น้อยลงอีกหน่อยนะคะ สำหรับพื้นระเบียงนี้เป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนรั้วเป็นรั้วเหล็กสูงประมาณ 1 ม. ค่ะ

    ด้านข้างผนังแขวน Condensing Unit เป่าเข้ามาด้านข้างให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวผ้าไม่แห้งกันเลยทีเดียว ส่วนใครจะใช้ระเบียงนี้เป็นระเบียงชมวิวก็ควรจะติดกริลเบี่ยงลมร้อนหน่อยนะคะ

    ส่วนดวงโคมบริเวณระเบียงเป็นดวงโคมทรงกลมฝังฝ้ามาตรฐาน

    ใต้ Condensing Unit ติดตั้งปลั๊กไฟกันน้ำและก๊อกน้ำให้เรียบร้อยสำหรับวางเครื่องซักผ้า

    กลับเข้าไปในห้องบริเวณส่วนครัวกันค่ะ สำหรับใครที่ชอบทำอาหารกินเองแล้วกลัวเรื่องกลิ่นอาหารมารบกวนพื้นที่ส่วนนั่งเล่นก็สามารถกั้นประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเป็นครัวปิดได้นะคะ และควรเลือกใช้เป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอนจะช่วยให้มีระยะเปิดประตูที่กว้างขึ้นเวลาเดินเข้า-ออกจะสะดวกขึ้น ส่วนพื้นครัวปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ให้ ง่ายต่อการทำความสะอาดดีค่ะ

    Pantry พร้อมตู้ลอยได้แบบนี้เลยค่ะ รวมทั้งกระเบื้องด้านหลังกันเปื้อนก็เป็นสเป็คตามนี้เลย ถือว่าให้ขนาด Pantry มาพอสมควรมีพื้นที่เตรียมอาหารและพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางจานชามได้ ส่วนท็อปครัวเป็นหินแกรนิตแท้ คงทนต่อการใช้งานและทำความสะอาดได้ดี

    มือจับของบานเปิดเป็นแบบบาดขอบเพื่อให้ง่ายต่อการจับมากขึ้น ด้านในแปะสติกเกอร์ยางกันกระแทกได้ค่ะ

    อ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว จาก Teka มีขนาดกระทัดรัด

    ส่วน Hob & Hood จาก Teka เช่นกัน หัวเตาเป็นหัวเซรามิก 2 หัว และใช้ระบบดูดควันแบบหมุนเวียนค่ะ

    ถัดเป็นส่วนห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องครัวนะคะ พื้นห้องน้ำจะถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม.

    ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียกชัดเจน สำหรับส่วนแห้งนั้นจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ทั้งสเป็คกระจกติดผนังและกระเบื้องตกแต่งผนัง

    อ่างล้างมือจาก Charmer ด้านล่างติดตู้เก็บของให้เล็กๆ ไว้สำหรับเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ค่ะ ส่วนก๊อกน้ำใช้ยี่ห้อ American Standard

    อ่างล้างมือมีขนาดกำลังดีค่ะ ด้านข้างก๊อกน้ำมีพื้นที่เล็กน้อยให้วางสบู่หรือโฟมล้างมือเล็กๆ ได้

    โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก American Standard ส่วนระยะห่างบริเวณโถสุขภัณฑ์อยู่ที่ 80 ซม. กว้างระดับนึง สามารถนั่งได้สบายค่ะ

    ฉากกั้นกระจก กั้นส่วนพื้นที่อาบน้ำให้เรียบร้อย

    มือจับสแตนเลสจับได้ถนัดมือดีค่ะ

    ด้านบนเดินรางเลื่อนไว้ แข็งแรงพอสมควรค่ะ

    ส่วนพื้นด้านล่างของพื้นที่อาบน้ำมีระดับเดียวกับพื้นส่วนแห้งนะคะ โดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจกซึ่งในห้องจริงจะมีการทำธรณีสำเร็จรูปและวางวงกบของฉากกั้นอลูมิเนียมทับด้านบนธรณีอีกทีนึงช่วยกั้นไม่ให้น้ำไหลย้อนออกมายังส่วนแห้งได้ ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.2 x 0.8 ม. เป็นขนาดที่สามารถอาบน้ำได้สบายๆ ค่ะ

    ก๊อกและที่วางสบู่จาก American Standard ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นและฝักบัวสายอ่อนที่ได้จาก Rainai

    ขนาดฝักบัวกระทัดรัดจับได้ถนัดมือ แต่จะมีน้ำหนักค่อนข้างเบาและหัวฝักบัวไม่ได้ใหญ่มากนักค่ะ เป็นหัวฝักบัวที่ได้มาพร้อมกับเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งใครอยากจะเปลี่ยนหัวฝักบัวให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักมากหน่อย ก็สามารถเปลี่ยนได้นะคะ

    เข้ามาดูห้องนอนกันต่อค่ะ ทางเข้าห้องนอนจะอยู่เยื้องส่วนนั่งเล่นนะคะ

    ขนาดของห้องนอนเหมาะกับการวางเตียงขนาด 5 ฟุต และเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงเดินได้สะดวก

    พื้นที่ทางเดินค่อนข้างกว้างนะคะ อยู่ที่ประมาณ 0.6-0.75 ซม.

    ด้านข้างเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ ซึ่งแนะนำให้วางตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนนะคะ จะประหยัดพื้นที่ทางเดินได้ดีค่ะ

    ส่วนพื้นที่ปลายเตียงบริเวณผนังสามารถแขวนทีวีได้ค่ะ หากใครอยากติดตั้งเป็นชั้นวางทีวีและมีพื้นที่เก็บของด้านข้างเล็กน้อยก็ทำได้นะคะ เพราะมีพื้นที่ปลายเตียงกว้างประมาณ 0.7 ม. ซึ่งเมื่อวางติดตั้งชั้นวางไปแล้วก็ยังสามารถเดินผ่านได้ค่ะ

    หน้าต่างที่ได้เป็นแบบ Bay Window ขนาดใหญ่มองวิวได้จากบนเตียงนอนเลย นอกจากนี้ยังทำให้ห้องนอนดูโปร่งโล่งเพราะได้รับแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ดี

    มีบานกระทุ้งด้านข้าง 2 บาน สามารถเปิดระบายอากาศภายในห้องนอนได้

    นอกจากห้องตัวอย่างแล้วยังมีแปลนห้องอื่นๆ ให้เลือกอีกนะคะ เริ่มจากห้องแบบ Studio ขนาด 22-24 ตร.ม. ตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ตรงข้ามโถงลิฟต์และหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีทั้งหมด 3 ห้องต่อชั้นค่ะ

    สำหรับห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก มีหน้ากว้าง 3.7 ม. ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตในห้อง Studio แน่นอนว่าจะไม่เหมือนกับห้อง 1 Bedroom ที่มีสัดส่วนฟังก์ชันค่อนข้างชัดเจนนะคะ ส่วนห้องแบบ Studio จะเป็นการใช้ฟังก์ชันต่างๆ ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งเป็นห้องที่เหมาะกับอยู่อาศัยคนเดียว ไม่เน้นความเป็นส่วนตัวมากนัก หรือไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ ต้องการให้ห้องดูโปร่งโล่งไม่มีผนังมากั้นเป็นสัดส่วน และความเป็นอิสระในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และสามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้เต็มที่

    ห้อง 1 Bedroom Suite ขนาด 29 ตร.ม. ใหญ่ขึ้นมาจากห้อง Studio อยู่หน่อยค่ะ เป็นห้องที่อยู่อาศัยได้ 2 คนสบายๆ ลักษณะผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จัดฟังก์ชันได้ง่ายเป็นสัดส่วนดี ได้พื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนที่ติดกับหน้าต่างภายนอกสามารถชมวิวได้และได้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ดีค่ะ ส่วนห้องครัวอยู่ตรงทางเข้าห้อง เป็นครัวเปิดเหมาะกับการทำอาหารง่ายๆ เบาๆ เน้นไปที่ห้องนอนที่ได้พื้นที่ห้องนอนค่อนข้างใหญ่วางเตียงขนาดใหญ่ 5-6 ฟุตได้และมีห้องน้ำอยู่ในห้องนอนค่ะ

    ห้อง 1 Bedroom Master Suite ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.87 ตร.ม. เป็นห้องกลางฝั่งทิศตะวันออก ถูกขนาบด้วยห้อง 2 Bedroom ซึ่งเป็นห้องมุมค่ะ สำหรับห้องนี้ดูแปลนแล้วค่อนข้างแปลกนะคะ เพราะเป็นห้องที่มีขอบมุมเยอะอยู่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อดูการจัดฟังก์ชันภายในก็ถือว่าจัดออกมาแก้ปัญหาห้องที่มีขอบมุมเยอะได้ดี เช่นตรงขอบมุมบริเวณภายในห้องนอนก็จัดให้เป็นส่วนตู้เสื้อผ้าและวางโต๊ะเครื่องสำอางค์ได้เรียบร้อยดีค่ะ และได้ห้องแบบหน้ากว้าง ทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้เยอะ แต่ข้อเสียก็คือมีพื้นที่ใช้สอยที่ทำเป็นส่วนทางเดินเยอะไปหน่อย ส่วนใครที่ชอบทำอาหารหนักๆ ห้องนี้ก็จะตอบโจทย์ได้เพราะจะได้ครัวเป็นสัดส่วนมีประตูปิดกันกลิ่นอาหารได้ดี เสียดายที่ได้ Pantry ขนาดเล็กและระเบียงที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยค่ะ

    ห้อง 1 Bedroom Deluxe Suite ขนาดพื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม. เป็นห้องติดทางหนีไฟด้านนึงนะคะ ข้อดีคือมีผนังด้านนึงที่ไม่ติดกับห้องเพื่อนบ้านก็ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหน่อย ลักษณะห้องนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสจัดฟังก์ชันได้ง่ายและเป็นสัดส่วนดี เน้นให้ความสำคัญส่วนห้องนอนเป็นหลักด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยและห้องน้ำในตัว เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง ไม่เหมาะกับคนที่ชอบปาร์ตี้หรือมีแขกมาหาที่ห้องบ่อยๆ ส่วนที่ค่อนข้างเด่นของแปลนนี้คือส่วนครัวที่อยู่หน้าห้องมีขนาดพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมาก แต่เสียดายที่ทำเป็นครัวปิดเป็นสัดส่วนไม่ได้ ทำให้จะทำอาหารแบบจริงจังนั้นจะไม่สะดวกมากนัก เนื่องจากกลิ่นอาหารที่ลอยฟุ้งไปถึงพื้นที่นั่งเล่นได้

    ห้อง 1 Bedroom Terrace ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46 ตร.ม. ลักษณะเหมือนกันกับแปลนห้องตัวอย่างหรือห้อง 1 Bedroom ขนาด 33-34 ตร.ม. นะคะ โดยจะแตกต่างกันตรงขนาดพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ถึง 4 ที่นั่งและมีพื้นที่วางโต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้ระเบียงพอสมควร เหมาะกับการทำงานได้มากขึ้นค่ะ ส่วนจุดเด่นของห้องนี้เลยก็คือส่วนระเบียงที่ได้มาค่อนข้างใหญ่ ซึ่งระเบียงนี้นั้นนอกจากจะเป็นระเบียงซักล้างแล้วก็ยังเป็นระเบียงที่สามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้สนามชมวิวได้ด้วยค่ะ แต่ด้วยผังห้องนี้อยู่เพียงชั้น 5 ซึ่งไม่ได้เป็นชั้นที่สูงมากทำให้วิวนั้นก็จะเป็นวิวเตี้ยๆ หน่อยไม่ได้เห็นวิวในระยะไกลมากนักเหมือนห้องในชั้นสูงๆ

    ห้อง 2 Bedroom Corner Suite ขนาด 43.41 ตร.ม. เป็นห้องมุมฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้วิวจาก 2 ทิศค่ะ ลักษณะการวางผังของห้อง 2 Bedroom นี้คือเข้ามาเจอส่วนครัวเปิดมีพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นเลย จากนั้นเป็นโถงเล็กๆ แจกไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ตรงกลางมีเพียงห้องเดียวของแปลนนี้และเป็นห้องน้ำใช้ร่วมกันกับห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ค่ะ จุดที่แปลกหน่อยคือการวางห้องนอนเล็กเป็นห้องมุม ซึ่งสามารถได้วิวทั้ง 2 ด้าน แต่ห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดดับโถงทางเดินและได้วิวเพียงด้านเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีช่องเปิดเพียงด้านเดียวก็สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ขนาดใหญ่มากขึ้น โดยไม่กินพื้นที่ภายในห้อง

    ห้อง 2 Bedroom Deluxe Suite มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 48 ตร.ม. มีลักษณะแปลนคล้ายคลึงห้อง 2 Bedroom ขนาด 43.41 ตร.ม. ในส่วนของการจัดวางฟังก์ชันต่างๆ นะคะ แต่จะมีขนาดเพิ่มขึ้นมาหน่อยค่ะ สามารถเพิ่มส่วนพื้นที่ทำงานเล็กๆ คั่นกลางระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นได้ และจะแตกต่างกับห้อง 2 Bedroom ขนาด 43.41 ตร.ม. อยู่หน่อยตรงตำแหน่งของห้องนอนใหญ่นั้นเป็นห้องมุม ได้วิว 2 ทิศ แทนที่ห้องนอนเล็กเหมือนห้อง 2 Bedroom ขนาด 43.41 ตร.ม. ค่ะ

    ห้อง 2 Bedroom Master Suite  ขนาด 58 ตร.ม. เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการนะคะ อยู่ตำแหน่งห้องมุมด้านหลังอาคาร ห้องนี้ถือเป็นห้อง 2 Bedroom ห้องเดียวของโครงการที่ได้ห้องน้ำ 2 ห้อง เหมาะกับครอบครัวขยายเล็กๆ หรือคู่รักค่ะ โดยภายในแบ่งพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างง่ายไม่ยุ่งยากคือเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง คือครัวเชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่น จากนั้นมีโถงเล็กๆ แจกไปยังห้องนอน 2 ห้องนอนค่ะ สำหรับขนาดของห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กๆ จริงๆ ไม่ได้แตกต่างกันเลยนะคะ เพียงแต่ห้องนอนใหญ่จะได้ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนเลยแตกต่างกับห้องนอนเล็กที่ต้องเเชร์ห้องน้ำร่วมกันค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 July 2016

    • ราคาเริ่มต้น Studio พื้นที่ใช้สอย 22-24 ตร.ม. ราคา 1.96 ล้านบาท หรือ 89,090 บาท/ตร.ม.
    • ราคาเริ่มต้น 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29-35 ตร.ม. ราคา 2.6 ล้านบาท หรือ 89,655 บาท/ตร.ม.
    • ราคาเริ่มต้น 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 43-58 ตร.ม. ราคา 3.9 ล้านบาท หรือ 90,697 บาท/ตร.ม.

     

    • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 93,500 บาท/ตร.ม.
    • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 89,000 – 96,550 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง 30,000 บาท
    • ทำสัญญา 5% บาท
    • ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 17 งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า เป็นโครงการล่าสุดจากธนาแลนด์ developer เจ้าถิ่นในย่านจรัญสนิทวงศ์-ปิ่นเกล้า ซึ่งมีผลงานให้เห็นจากโครงการที่ผ่านมาพอสมควร ส่วนใหญ่คนในท้องที่มักจะรู้จักชื่อ Developer เจ้านี้กันอยู่แล้ว มักทำโครงการที่อยู่ในเกรดดีเมื่อเทียบกับ Develoer รายย่อยในท้องที่เดียวกัน เคยมีผลงานมาให้เห็นแล้ว 40 ปี ตั้งแต่หมู่บ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียมในย่านจรัญ-ปิ่นเกล้านี้มาแล้ว 3 โครงการ เช่น ธนาทาวน์เวอร์ ธนาอาเคเดีย ธนาอาทีเรีย และล่าสุดก็คือโครงการ ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้านี้ค่ะ ซึ่งทำเลนี้พอมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเกิดขึ้น Developer รายใหญ่ก็เข้ามาพัฒนาอสังหากันหลายเจ้ามีทั้ง Life ปิ่นเกล้าของ AP ที่อยู่ใกล้ๆกัน และถัดไปไม่ไกลก็มี Plum ปิ่นเกล้าของ Pruksa ซึ่งทางธนาแลนด์ก็ทำการบ้านมาค่อนข้างดีนะคะ เพราะราคาไม่ได้หนีกันมากและตัว Product ก็ออกแบบได้ดีเรียกว่าเจ้าอื่นมีอะไรฉันก็มีเหมือนกัน

    ตัวทำเลของโครงการอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ระหว่างแยกบรมราชชนนีและแยกที่ตัดกับถนนสิรินธร ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันไปประมาณ 120 ม. สภาพโดยรอบแถบนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ ส่วนใหญ่เป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์อยู่ริมถนนและในซอยเล็กซอยน้อย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นทำเลที่อยู่ในย่านชุมชนแบบนี้เรื่องอาหารการกินก็หายห่วง ออกมาจากหน้าโครงการก็มีร้านอาหารใต้ตึกแถว และร้านรถเข็นที่จอดตามริมฟุตบาท สามารถอิ่มท้องได้ในราคาที่ย่อมเยา ส่วนความเจริญอื่นๆ อย่างพวกห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์นั้นจะอยู่บนถนนบรมราชชนนีห่างจากโครงการไปประมาณ 2-3 กม. ซึ่งจัดว่าอยู่ในระยะที่ขับรถได้สะดวกค่ะ

    เรื่องของวิวก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจเพราะที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไกลแต่เนื่องจากรูปที่ดินเป็นแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำให้มีห้อง 1BC และ 2BC ที่ได้วิวแม่น้ำชัดเจน และเป็นห้องที่อยู่ชั้น 20 ขึ้นไปถึงจะเห็นวิวแม่น้ำกับสะพานชัดหน่อยนะคะ วิวภายนอกทางทิศอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นวิวของบ้านพักอาศัยหรือตึกแถวในย่านนี้เป็นหลัก ในชั้นสูงๆ หน่อย อย่างทิศเหนือและทิศตะวันออกอาจจะเห็นเลยไปถึงสะพานซังฮี้ และทิศใต้ห้อง 33-34 ตร.ม. จะเห็นวิวเป็นสะพานพระราม 8 ส่วนฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ (ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า) ตรงนั้นจะมีตึกที่สูงพอๆกันอยู่หลายตึกที่บังวิวระยะไกลไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นระยะประชิดนะคะ ซึ่งวิวที่สามารถคอนเฟิร์มได้จริงนั้นก็ต่อเมื่อตึกสร้างเสร็จแล้วค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวเป็นหลักถือว่าสะดวกพอสมควร มีตัวเลือกให้เดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ใครเน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นสะพานที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปขึ้นสะพานพระราม 8 ได้โดยไม่ต้องเสียเวลารถติดบริเวณแยกบรมราชชนนี นอกจากนี้ยังสามารถไปกลับรถบนถนนพระราม 8 ขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ไม่ยากค่ะ ในอนาคตจะมีทางด่วนเกิดขึ้นในย่านนี้คือทางด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการรถติดในย่านนี้ได้ดีระดับนึงเลย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถสามารถอาศัยพึ่งพารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายได้สบาย เพราะตัวโครงการมีระยะห่างจากสถานีบางยี่ขันไปประมาณ 120 ม. (บวกลบอีกนิดหน่อยตามตำแหน่งขาขึ้น-ลง) ถือเป็นระยะที่เดินได้สบายๆและมีฟุตบาทกว้างพอสมควร สำหรับรถไฟฟ้าสายนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2562 ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณเดียวกันที่โครงการแล้วเสร็จพร้อมโอน ให้ลูกบ้านได้ใช้ได้ในช่วงๆ นั้นพอดีค่ะ นอกจากรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกอื่นอย่างรถเมล์ รถแท็กซี่ พี่วินมอเตอร์ไซต์ให้เลือกมากมาย ด้วยตัวโครงการอยู่เยื้องกับป้ายรถเมล์ไม่ไกลเดินไปรอรถได้สบาย รวมทั้งเป็นโครงการที่ติดกับถนนใหญ่จึงหารถได้ไม่ยากและไม่เปลี่ยวค่ะ

    การออกแบบโครงการตกแต่งมาภายใต้แนวคิดและสไตล์แบบ Modern Art Deco เป็นสไตล์ที่ไม่ค่อยได้เห็นซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะคะ ส่วนตัวโครงการออกแบบมาให้มีความหนาแน่นกลางๆแต่ถ้าเทียบกับเพื่อนๆแล้วถือว่าหนาแน่นน้อยสุด โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 27 ยูนิตและมีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 165.67 : 1 ค่ะ เนื่องจากที่ดินเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำให้ห้องส่วนใหญ่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งต้องรับแดดแต่ก็จะได้ลมจากทิศใต้เยอะกว่า สำหรับห้องพักออกแบบให้เลือกหลายขนาด สำหรับอย่างห้องขนาด 33 ตร.ม.ออกแบบมาค่อนข้างลงตัวอยู่แล้วและเป็นขนาดห้องที่อยู่ได้ 2 คนโดยไม่อึดอัดจนเกินไป ห้องที่นี่ส่วนใหญ่จะออกแบบให้ครัวอยู่ติดทางเข้าห้องเลยซึ่งใครอยากได้ครัวปิดต้องไปต่อเติมกันเอง ส่วนห้องที่ออกแบบแปลกๆก็มีอยู่บ้างอย่างห้อง 1BC แต่ห้องนี้จะดีตรงที่ได้ห้องหน้ากว้างและเป็นวิวฝั่งแม่น้ำค่ะ

    วัสดุที่ได้ถือว่าได้ในระดับมาตรฐาน รูปแบบการขายคือ Fully Fitted ได้ Pantry ครัวพร้อมตู้ลอย ท็อปหินแกรนิต Hob&Hood จาก Teka และสุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก American Standard และ Charmer ให้เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องปรับอากาศ ฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. พื้นแยกเป็นสัดส่วนเหมาะสมกับการใช้งานโดยส่วนพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนปูด้วยลามิเนต พื้นครัวปูด้วยแกรนิตโต้ ส่วนห้องน้ำและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกค่ะ

    ส่วนเรื่องการจัดวาง Facilities อยู่ใต้อาคาร แบบ Semi – Outdoor ก็เป็นการจัด Facilities อีกรูปแบบสำหรับโครงการที่มีพื้นที่จำกัด ทำให้ Facilities ที่อยู่ในร่มทำให้ง่ายต่อการใช้งานแม้ในตอนกลางวันที่มีแดดแรงเรียกว่าว่ายน้ำไม่ต้องกลัวดำเลยค่ะ และลูกบ้านที่ใช้งานนั้นมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงมากขึ้น เพราะจะไม่มีห้องพักที่ได้วิวสระว่ายน้ำนี้เลย การทำแบบนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการใช้ Facilities ที่ใช้ได้ในทุกเวลาและต้องการความเป็นส่วนตัวค่ะ สาธารณูปโภคที่ได้ถือว่าให้มากำลังดี เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตทั้งหมด 497 ยูนิต โดยมีสระว่ายน้ำขนาด 7 x 20 ม. ห้องอ่านหนังสือ ห้องประชุม พื้นที่นั่งเล่น สวน ซาวน่าแยกชาย/หญิง สวนพร้อมพื้นที่นั่งเล่นในชั้นดาดฟ้า และที่หนีไฟทางอากาศค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 93,500 บาท/ตร.ม., 13 July 2016

    • ทำเล 8.25/10 – หาของกินง่าย ติดถนนใหญ่ อยู่ในแหล่งชุมชนเก่าแก่
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีตัวเลือกในการเดินทางเยอะ และมีซอยหลบหลีกได้ ที่จอดรถรวมซ้อนคันอยู่ที่ 53%
    • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติดถนนใหญ่เรียกรถสาธารณะง่าย อนาคตใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขัน 120 ม.
    • วัสดุ 7.25/10 – ให้มามาตรฐานเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Fitted
    • แบบ 7.75/10 – โดยรวมจัดได้ลงตัวดี ตัวโครงการมีความหนาแน่นกลางๆ
    • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ให้มาครบครัน ได้สระว่ายน้ำในร่มและเป็นส่วนตัว

    • UPPER CLASS
    • 7.96 / 10.00

    BOTTOM LINE

    ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้าหมาะกับคนที่คุ้นเคยกับทำเลนี้ อาจเป็นคนที่อยู่ในย่านนี้มาหลายรุ่นอยากขยายครอบครัวมาอยู่เองแต่ไม่ไกลจากที่เดิมมากนัก ชอบความอุดมสมบูรณ์แบบย่านชุมชนเก่าแก่ คาดหวังจะใช้รถไฟฟ้าในอนาคต รู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์นี้  ชอบสไตล์โครงการ มีงบประมาณสำหรับตกแต่งซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติม และมีงบประมาณ 1.96 – 5.6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 14,000 – 45,000 บาท

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )