รีวิวฉบับที่ 1855 .. ใกล้จะเปิดให้บริการแล้วสำหรับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน-ท่าพระ ผมเลยจะพาทุกคนมาดูอีกหนึ่งโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่อิงแนวรถไฟฟ้าสายนี้กัน Thana Astoria คอนโด High Rise บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ห่างจากสถานีบางยี่ขันประมาณ 170 เมตร ออกแบบมาในสไตล์ New York Art Deco มีห้องให้เลือกหลายขนาด กับส่วนกลางให้เลือกใช้หลายพื้นที่ ในราคาเริ่มต้นที่ 2.15 ล้านบาท

Fact @ 23 April 2019

  • Thana Astoria Pinklao (ธนา แอสโทเรีย ปิ่นเกล้า)
  • บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด
  • ที่ดินประมาณ 2-2-73.5 ไร่
  • คอนโด High Rise 23 ชั้น 1 อาคาร 493 ยูนิต ร้านค้า 4 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 27 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 205 คันคิดเป็น 43% ไม่รวมซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง : 15 ธันวาคม 2558
  • แล้วเสร็จ : 4 พฤศจิกายน 2561
  • Studio 22-24.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.96 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 29-35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 43-58 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.15 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 95,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  :02-434-2000

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.779068, 100.486886
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงระหว่างแยกบรมราชชนนีกับแยกที่ตัดกับถนนสิรินธร บริเวณย่านนี้ยังคงสภาพแวดล้อมที่เป็นย่านชุมชนเก่าแก่อาศัยกันมานาน จากที่เห็นอาคารบ้านเรือนยังเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวอยู่เกือบตลอดริมถนนและในซอยเล็กซอยน้อย ทำให้บรรยากาศในแถบนี้ค่อนข้างคึกคักและหาของกินได้ง่าย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเยอะขึ้นมากจากแต่ก่อนที่มาเกาะรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากนัก

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่ามีตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทาง สำหรับใครที่เน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นสะพานที่สะดวกและใกล้กับโครงการมากที่สุด โดยจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปออกถนนพระราม 8 โดยไม่ต้องเข้าแยกบรมราชชนนีให้เสียเวลา เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถกลับรถขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ ส่วนสภาพการจราจรในแถบนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างติดขัดมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น ถึงแม้จะมีถนนให้เลือกใช้เส้นทางค่อนข้างหลากหลายแต่ก็จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควร

ส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกพอสมควร เพราะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันประมาณ 170 เมตร โดยสายนี้จะมีเส้นทางจากบางซื่อถึงท่าพระ เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-ลำลูกา ซึ่งรถไฟฟ้าส่วนนี้จะเปิดให้ใช้กันในช่วงประมาณเดือนกันยายนของปีนี้ โดยสถานีบางยี่ขันเองเป็นสถานีที่มี สถานี Interchange ประกบอยู่ทั้งซ้ายและขวา ไม่ว่าจะเป็นสถานีบางขุนนนท์ ที่ไป Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนและสีส้ม กับสถานีสิรินธรที่ไป Interchange กับสายสีแดงอ่อนเช่นกัน ทำให้เพิ่มความหลากหลายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น แถมแนวทางเดินก็มีฟุตบาทกว้างและมีของกินตลอดแนว

ต่อกันที่ถนนด้านล่างกันบ้าง ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ก็มีรถสาธารณะให้เลือกใช้กันได้ค่อนข้างสะดวก ทั้งวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ที่มีผ่านไปมาให้เห็นกันตลอด และรถโดยสารสาธารณะที่จะมีผ่านคือสาย 108, 171, 175, 40, 542, 56 ที่กระจายออกไปตามมุมเมืองต่างๆ นับว่าสะดวกไม่น้อยครับ

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ในละแวกโครงการอย่างเรื่องอาหารการกินถือว่าสะดวกสบายพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารใต้ตึกแถว เต้นท์อาหาร และพวกรถเข็น ขายกันค่อนข้างคึกคักอยู่พอสมควร อยู่ในเรทราคาย่อมเยากินได้สบายกระเป๋า ถ้าจะช็อปปิ้ง กินข้าวหรูหน่อยก็ต้องไปแถบถนนบรมราชชนนีซึ่งไกลออกไปหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะที่ขับรถได้สบายๆ โดยจะมีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market เปิดติดๆ กันเลย นอกจากนี้ใครชอบทำกับข้าว ซื้อของสดก็ไปจ่ายตลาดกันได้ไม่ยากที่เห็นเป็นตลาดใหญ่ๆ เลยก็จะอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์นี้แหละ อย่างตลาดกรุงธน ตลาดบางขุนนนท์และตลาดบางขุนศรี

สำหรับการเดินทางพาไปโครงการวันนี้ จะใช้เส้นทางจากถนนพระราม 8 มุ่งหน้าไปทางแยกอรุณอัมรินทร์แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า มุ่งหน้าไปยังทางถนนบรมราชชนนีตรงไปอีกประมาณ 550 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกบรมราชชนนีเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ขับตรงไปอีกประมาณ 1 กม. แล้วกลับรถเพื่อเข้าโครงการที่อยู่บนถนนจรัญฯ ฝั่งซอยเลขคู่ โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดกับซอยจรัญสนิทวงศ์ 46

เริ่มต้นการเดินทางกันบนถนนพระราม 8 เลยนะ ฝั่งมุ่งหน้าไปยังปิ่นเกล้า อรุณอมรินทร์ ตรงไปเลยครับ

ตอนจะลงดูสักนิดนะครับ จะมีป้ายบอกให้ไปทางอรุณอมรินทร์ ชิดซ้ายเตรียมลงได้เลย

ลงจากสะพานพระราม 8 มาแล้วก็ตรงต่อไปเลยครับ ไม่ต้องคิดเยอะ

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอแยกอรุณอมรินทร์ ให้เราเลี้ยวขวาเข้าถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าเลยนะ

วิ่งบนนถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าไปเรื่อยๆ ให้ชิดซ้ายไว้นะครับ ไม่ต้องขึ้นทางยกระดับ

หลังจากวิ่งมาได้ประมาณ 550 เมตร จะพบกับแยกบรมราชชนนี ให้เราเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์

เลี้ยวเข้ามาในเส้นจรัญฯ ให้ตรงต่อไปเรื่อยๆเลยนะครับ เราต้องกลับรถที่จุดกลับรถที่สอง ผ่านจุดแรกไปเลย

เมื่อตรงมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบจุดกลับรถที่ 2 ให้กลับรถที่จุดนี้เลยครับ

กลับรถเสร็จก็ตรงต่อกลับไปอีกประมาณ 200 เมตร สังเกตุง่ายๆตัวโครงการจะอยู่ถัดจากซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 เลยครับ

จะพบตัวโครงการอยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปเลยครับ

สภาพแวลดล้อมโดยรอบโครงการเป็นอาคารแนวราบและที่พักอาศัยสูงไม่เกิน 6 ชั้น ซึ่งส่งผลต่อวิวจากห้องพักโครงการไม่มากนัก เนื่องจากชั้นพักอาศัยของโครงการจะเริ่มต้นที่ชั้น 6 และส่วนที่ติดกับแมนชั่นที่มีความสูง 6 ชั้นเช่นเดียวกันก็จะเป็นส่วน Facilities ที่เป็นสวนยกระดับ ส่วนบริเวณด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์นั้น จะมีระยะ set back ออกมาประมาณ 30 เมตร ทำให้ช่วยเรื่องเสียงและฝุ่นไปได้ในระดับนึงแต่ก็ยังมีผลกระทบแน่ๆล่ะสำหรับชั้นล่างๆหน่อย ส่วนทิศอื่นรอบๆในระยะประชิดไม่มีแนวอาคารสูง มีเพียงทางฝั่งทิศใต้ที่จะมองเห็นแนวอาคารของโครงการใกล้เคียงครับ ลองไปดูภาพกัน

ทิศเหนือ ที่ความสูงชั้น 23  : ในระยะประชิดจะติดกับอาคารพาณิชย์สูง 2-3 ชั้น ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 ส่วนชั้นด้านบนจะเห็นถนนจรัญสนิทวงศ์และแนวรถไฟฟ้า ถือเป็นวิวที่ค่อนข้างโล่ง

ทิศตะวันออก ที่ความสูงชั้น 23 : ในระยะประชิดจะติดกับบ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 3 ชั้น ส่วนมุมมองจากชั้นสูงจะเห็นวิวสวยงามทีเดียว โล่ง เห็นสะพานพระราม 8 เป็นหนึ่งในทิศที่วิวดีที่สุดก็ว่าได้

ทิศใต้ ที่ความสูงชั้น 23 : ในระยะประชิดจะมีอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น, แมนชั่นสูง 5 ชั้น และอพาร์ทเม้นต์สูง 6 ชั้น ค่อนข้างหนาแน่นเพราะเป็นส่วนติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ แถมไกลออกมาหน่อยจะมีโครงการ The Parkland สูง 23 ชั้น อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร แอบทึบเหมือนกัน แต่ก็ยังได้ลม และได้เห็นวิวถนนและสะพานพระราม 8 ข้างๆอยู่บ้าง

ทิศตะวันตก ที่ความสูงชั้น 23 : ระยะประชิดเป็นฝั่งที่เห็นถนนจรัญสนิทวงศ์และแนวรถไฟฟ้าเต็มๆ  ส่วนมุมสูงก็จะได้วิวค่อนข้างโล่งนะครับทิศนี้

ลองลงมาเดินดูรอบๆกันบ้าง เริ่มที่เดินไปทางฝั่งแยกสิรินธรกันก่อนนะ ต้องบอกเลยว่าแถบนี้รอบๆมีความคึกคักสูงทีเดียว แค่เดินออกมาก็มีร้านอาหารให้ฝากท้องกันได้เลย

เดินมาจะมีแนวร้านค้าร้านอาหารค่อนข้างหลากหลาย มีผู้คนเดินผ่านไปมาค่อนข้างพลุกพล่านตลอดวัน

เดินมาไม่กี่ก้าวจะเจอซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 ถือเป็นซอยที่มีที่พักอาศัยและร้านค้าภายในเยอะเหมือนกัน

บรรยากาศภายในก็จะมีความเงียบขึ้นมาหน่อยเพราะปะปนกับที่พักอาศัยเยอะขึ้น แต่ยังมีร้านอาหารเรียงรายตามข้างทางภายในซอยเช่นกัน

เดินกลับออกมาบนถนนจรัญสนิทวงศ์อีกครั้ง ก็จะยังมีบริบทแบบเดิมร้านค้า ร้านอาหาร ขนมนมเนย มีมาให้เลือกไม่ขาดสาย

เดินต่อมาอีกจะมีธนาคารไทยพาณิชย์มาให้บริการ ประกบข้างด้วยร้านอาหารเช่นเดิม

เดินต่อมาเรื่อยๆจะพบซอยจรัญสนิทวงศ์ 48 ลองเลี้ยวเข้าไปดูกันสักนิด

ใช่ครับ ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารเช่นเดิม บอกเลยว่ามีให้เลือกหลากหลายมากจริงๆ

เลยซอยจรัญฯ 48 มานิดเดียวก็จะพบกับจุดกลับรถที่เราพึ่งเดินทางกันมาเมื่อสักครู่ครับ

กลับมาที่หน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามจะมีวัดและโรงรับจำนำ รวมถึงอาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้าร้านอาหารเรียงยาวตลอดแนวเช่นกัน

ลองไปดูทางฝั่งแยกบรมราชชนนีกันบ้าง ดูซิว่าของกินจะแพ้อีกฝั่งหรือไม่ เริ่มต้นด้วยสะพานลอยหน้าโครงการ สามารถข้ามไปหาของกิน หรือใช้งานรถสาธารณะได้ง่ายขึ้น

ติดกับตัวโครงการเป็นแนวอาคารพาณิชย์ ห้องแถวชุดแรกเลยก็เป็นร้านอาหารซะแล้ว รวมถึงแถวถัดๆไปด้วยเช่นกัน

ถัดมาจะมี 7-eleven ร้านสะดวกซื้อให้ใช้บริการกันได้ง่ายๆเลย รวมถึงป้ายรถเมล์ด้วยนะ

เลยมาอีกก็มีร้านค้าแผงลอยตามถนน เรียกได้ว่าไม่แพ้ฝั่งก่อนหน้านี้เลยนะ

ถัดมาจะมีซอยจรัญสนิทวงศ์ 44 ซึ่งเป็นซอยลึก ใช้ทะลุลัดเลาะภายในได้หลากหลายไปออกแถวพระราม 8 ได้เลยนะ ที่หน้าปากซอยมีพี่วินรอให้บริการ

เดินเลยมาอีกหน่อยจะเจอกับโครงการ The Parkland ที่เราเห็นทางฝั่งทิศใต้ครับ เป็นทางเข้าออกของโครงการ

ถ้าเลย The Parkland มาก็เจอตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT บางยี่ขันแล้ว

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Tesco Lotus ~ 1.4 กิโลเมตร
  • เมเจอร์ปิ่นเกล้า+ตลาดปิ่นเงินปิ่นทอง ~ 1.5 กิโลเมตร
  • Central ปิ่นเกล้า ~ 2 กิโลเมตร
  • ห้างพาต้า ~ 2.2 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนนนท์ ~ 2.3 กิโลเมตร
  • Foodland ~ 2.3 กิโลเมตร
  • Makro ~ 2.8 กิโลเมตร
  • The Sense ปิ่นเกล้า ~ 2.5 กิโลเมตร
  • รพ.เจ้าพระยา ~ 3 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนศรี ~ 3.3 กิโลเมตร
  • รพ.ศิริราช+ตลาดวังหลัง ~ 4 กิโลเมตร
  • สนามหลวง+ม.ธรรมศาสตร์ ~ 4.7 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดู Master Plan กันเลย ตัวโครงการตั้งอยู่ที่ดินทั้งหมดประมาณ 2 ไร่กว่าๆ ในส่วนของการสัญจรปัจจุบันจะเป็น One Way รอบตัวอาคาร ยกเว้นพื้นที่จอดรถภายในอาคาร มีจุด Drop Off หน้าอาคาร ด้านหลังมีพื้นที่จอดรถใต้ชั้น 1 ส่วนถ้าจะขึ้นอาคารจอดรถก็ตรงมาเลี้ยวขวาวนขึ้นที่จอดรถในชั้นบน 2-4 แต่ส่วนนี้แอบอันตรายเล็กน้อยเพราะต้อง cross กับส่วนของรถที่ลงมาจากอาคารจอดรถ ต้องดูรถดีๆนะครับ

ในส่วนจำนวนที่จอดรถที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นคือมีจำนวนที่จอดรถไม่รวมซ้อนคันประมาณ 41.25% หากรวมซ้อนคันจะอยู่ที่ 53% อาจจะดูเหมือนไม่เยอะ แต่จากที่ผมเองได้ไปเดินดูสถานที่จริง และสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากผู้ใช้จริง ปัจจุบันที่จอดรถนี่มีให้ใช้ทุกวันครับไม่ต้องเหนื่อยหาและแย่งกับใคร

ส่วนในอาคารของชั้น 1 นี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านหน้าโครงการที่เป็นส่วน Lobby เลยไปจนถึงโถงทางเดิน ร้านค้าด้านในซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ระบุร้านค้าชัดเจน ด้านหลังมี Laundry และ Mail Box ซึ่งมีทางเข้าจากพื้นที่จอดรถด้านหลังด้วย ส่วนโถงลิฟต์ก็มีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่งเข้าออกด้วยระบบ Keycard ภายในมีลิฟต์ขนส่งทั้งหมด 3 ตัว ไปลองดูหน้าตาของพื้นที่จริงกันครับ

ตัวอาคารเป็นโครงการก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งก็จะได้เปรียบในเรื่องของการเจาะแขวนตกแต่ง และอมความร้อนน้อยกว่าโครงสร้าง Pre-Cast ทั่วไป และก่อนจะเข้าไปภายในต้องบอกก่อนว่าหนึ่งใจจุดเด่นของโครงการจาก Developer รายนี้ คือเรื่อง Theme และ Concept ของโครงการจะค่อนข้างชัดเจน การออกแบบและการตกแต่งจะถูกคุมให้ไปในทางเดียวกันในแทบจะทุกส่วนเลยก็ว่าได้ ซึ่ง Thana Astoria ของเรามาในแนวคิด ” New York Art Deco ” ถ้าพูดง่ายๆก็จะดึงสถานที่, อัตลักษณะบางอย่างของ New York มาออกแบบในสไตล์ Classic สีหลักๆที่ใช้คือสีทอง คาดผสมไปกับสีดำผิวเงา ส่วนภายในจะมีความเป็น New York อย่างไร เดี๋ยวเราจะได้เห็นตามจุดต่างๆที่ผมจะพาทุกคนไปชมกันครับ

พื้นที่หน้าโครงการ ทางเข้าออกแยกกันชัดเจน สังเกตบริบทด้านหน้านี้จะมีแนวเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการตั้งแต่ป้อมรปภ. จนไปถึงผนังด้านบน และตัวอาคาร พร้อมพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายออกมารับตั้งแต่ถนนด้านหน้าเลย

ทางเข้าเป็นรั้วกั้นไม่กระดกด้วย Keycard Access ระบบ Easy Pass ไม่ต้องเปิดกระจกลงมาให้ยุ่งยาก ด้านข้างมี CCTV และป้ายแนะนำการเดินรถภายในด้วย สำหรับผู้ที่เข้ามาใหม่

เมื่อเข้ามาจะพบวงเวียนขนาดใหญ่ มีน้ำพุ 3 ชั้นสไตล์ Classic มาตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายเช่นเดิมเล่นสีและลวดลาย

ให้เราวนซ้ายเข้ามานะครับ สำหรับเดินรถเข้าโครงการจะเดินรถทางเดียวรอบตัวอาคาร

ส่วนใครที่จะวนรถเพื่อรับ-ส่งคนก็ต้องวนก่อนรอบนึง ถึงจะวนกลับมาเพื่อนำรถไปจอดด้านใน หรือวนออกก็ได้เลย ส่วน Drop Off จะมีหลังคายื่นออกมารับให้ เป็นหลังคากระจกใสช่วยกันฝน แต่ทำให้ไม่ดูทึบจนเกินไป ออกแบบมาด้วยเส้นสายที่ล้อไปกับพื้นที่ด้านหน้าโครงการ

วนรถเข้าไปภายในจะมีพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายให้ด้านหน้า ส่วนตัวอาคารจะสังเกตได้ก็ยังตกแต่งด้วยเส้นสายสีทองบนพื้นผิวสีดำ

ภายใต้อาคารก็มีพื้นที่จอดรถให้เล็กน้อย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นแนวต้นไม้ ซึ่งก็มีพื้นที่ส่วนกลางให้ด้วยนะ

ส่วนแรกเลยคือ Picnic Park สวนเล็กๆ สำหรับนั่งเล่น ใช้นั่งรอได้ ขนาดอาจจะไม่ใหญ่มากแต่อีกหนึ่งความสำคัญคือเป็นช่องลมสำหรับพื้นที่รอบข้าง แถมอาคารยังทาสีเขียวให้กลมกลืนกับพื้นที่ส่วนนี้ด้วยนะ

เป็นทางตรงยาวต่อเข้าไปภายในเลยครับ

ถัดมาอีกมีสนามเด็กเล่นให้ฝั่งตรงข้ามอาคาร สำหรับเด็ก มีเครื่องเล่นได้หลายส่วนเลยนะ และยังเป็นช่องลมเหมือนเดิม

ฝั่งตรงข้ามจะมีจุดให้เติมลม ได้ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยาน

ฝั่งตรงข้ามจะมีพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดเป็น Art Deco Park หรือเรียกง่ายๆก็น่าจะเป็นมุมนั่งเล่นถ่ายรูปนั่นเอง เป็นสวนเล็กๆที่ถูกจัดให้เข้ากับแนวคิดโครงการ และก็ช่วยเป็นช่องแสงและช่องลมเช่นเดิม

ส่วนด้านในสุดจะมีทางโค้งให้วนไปด้านหลังแนวอาคาร

ด้านหลังมีพื้นที่เลี้ยวเข้าไปจอดรถใต้อาคาร

เป็นพื้นที่จอดรถที่เดินรถเข้าออก ส่วนนี้เชื่อมต่อได้กับตัวอาคารด้วย ท่อทาด้วยสีแดงและใช้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีให้เรียบร้อยสวยงาม เก็บรายละเอียดได้ดีทีเดียว

มีพื้นที่จอดดรถจักรยานยนต์ให้ด้วยในส่วนนี้ หรือถ้าจะขึ้นอาคารจอดรถก็ต้องวนต่อไป

เมื่อวนมาจะมีพื้นที่ทางแยก ถ้าเลี้ยวซ้ายก็วนออกไปโครงการ ส่วนถ้าจะขึ้นอาคารต้องวนขวา มีแนวกระจกให้ดูรถสำหรับที่สวนลงมา ตรงนี้ต้องระวังนิดนึงเพราะแนวเดินรถจะทับกันเล็กน้อย

ทางขึ้นอาคารจอดรถจำกัดความสูงที่ 2.1 เมตร ขึ้นทางซ้ายลงทางขวา เข้าไปดูภายในกันเลยครับ

ขึ้นมาด้านบนก็จะมีลักษณะเหมือนพื้นที่จอดรถด้านล่าง เดินรถสวนกัน ท่อทาด้วยสีแดงและใช้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี รับแสงธรรมชาติรอบๆ

มีพื้นที่วนขึ้นชั้นต่อไป ค่อนข้างกว้าง ไม่ได้ชันมากนะค่อยๆมีสเตปขึ้นไปเรื่อยๆ

พื้นที่จอดรถก็มีส่วนของประตูเชื่อมต่อกับโถงลิฟต์ได้เลย ใช้ระบบ Keycard Access

วนกลับลงมาด้านข้าง จะมีพื้นที่ให้ตรงออกนอกโครงการไปเลย และส่วนด้านขวามือคือพื้นที่จอดรถใต้อาคารที่ชั้น 1 ซึ่งอย่างที่บอกว่าเชื่อมต่อกับภายในตัวอาคารได้ด้วย ลองเข้าไปดูกันสักนิด

ภายในมีห้องน้ำให้ใช้ร่วมกัน สำหรับฉุกเฉิน พร้อมประตูเข้าโถงทางเดินภายในตัวอาคารที่ชั้น 1 ไปเชื่อมต่อกับ Lobby ร้านค้า และโถงลิฟต์ภายใน แต่เราจะไม่เข้าด้านนี้กันนะ ไปเข้าประตูหลักกันเถอะ !

วนกลับมาที่หน้าโครงการอีกครั้งเพื่อเดินเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย การออกแบบด้านหน้าก็ทำออกมาได้สอดคล้องกัน นอกจากหลังคาด้านบนแล้ว ตัวประตูทางเข้ามีการย่อมุมและใช้เส้นสีทองคาดในแต่ละสเตป เพื่อให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น มักจะเห็นการออกแบบลักษณะนี้ในสไตล์ Classic ส่วนประตูทางเข้ามีลักษณะเป็นสมมาตรแยกออกเป็น 2 ฝั่ง เพื่อง่ายต่อการใช้งาน มาด้วยขนาด Over size ช่วยให้ดูโอ่อ่ายิ่งขึ้นไปอีก

เข้ามาภายในจะยังใช้ลักษณะการออกแบบด้วยสมมาตรเช่นเดียวกันภายนอก แยกพื้นที่นั่งเล่นออกเป็นสองฝั่งเท่าๆกันและมีทางเข้าตรงกลาง สังเกตการออกแบบจะมีการใช้สีคุมโทนเหมือนกับตัวอาคาร พื้นตกแต่งด้วยกระเบื้องเป็นลายเลขาคณิต ส่วนตัวผนังก็มีใช้เส้นอลูมิเนียมสีทองคาดเป็นจังหวะ

พื้นที่นั่งจะถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ลักษณะเหมือนกันเลย มีโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Classic พร้อมช่องแสงให้ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ไม่ดูทึบ

ส่วนพื้นที่ตรงกลางจะมีเจ้าหน้าที่ประจำ มีผนังที่เป็นจอ Monitor ตรวจสอบดูแลความปลอดภัยส่วนต่างๆภายในโครงการ ประตูส่วนนี้จะเข้าไปยังพื้นที่ภายใน ถือว่าสแกนเบื้องต้นสำหรับพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ

เข้ามาจะเป็นโถงทางเดินยาวเข้าไป ด้านข้างเป็นห้องนิติบุคคลและร้านค้า 3 ร้าน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสำนักงานขายอยู่นะ อีกฝั่งจะเป็นแนวกระจกเชื่อมต่อกับพื้นที่ถนนด้านข้าง รับช่องแสงและมองเห็นความเคลื่อนไหวภายนอก ส่วนด้านในสุดจะเป็น Mail Box ห้องน้ำ และโถงลิฟต์

ห้องแรกเลยเป็นส่วนนิติบุคคล ส่วนฝั่งซ้ายเป็นร้านค้า ปัจจุบันเป็นพื้นที่สำนักงานขาย

ถัดมามีอีก 2 ห้อง ที่จะเป็น Shop ในอนาคต

ด้านในสุดเป็นโถงลิฟต์ฝั่งซ้าย ฝั่งขวามือเป็น Laundry และห้องน้ำ ตรงกลางมีประตูทางเข้าที่เชื่อมจากพื้นที่จอดรถที่เราไปดูกันมาก่อนหน้านี้

ห้อง Laundry ก็มีหลายเครื่อง พร้อมตู้น้ำให้กด

ถัดมาจะเป็นส่วนของ Mail Box แบ่งออกเป็น 2 ห้อง เพื่อลดจำนวน ภายในตกแต่งด้วยแนวกระจกสีทอง

ตรงข้ามห้อง Mail Box มีพื้นที่ส่วนไปยัง Service Lift และห้องแม่บ้าน

ด้านในสุดมีทางเข้าออกจากฝั่งพื้นที่จอดรถและห้องน้ำใช้ร่วมกันกับชายหญิง เป็นคนละห้องกับห้องด้านนอกนะ

มาดูกันต่อที่โถงลิฟต์ มีลิฟต์ขนส่ง 3 ตัว เทียบอัตราส่วนแล้ว 1 : 166 ยูนิต ถือว่าเยอะเหมือนกันนะ ลักษณะการตกแต่งก็เป็นเช่นเดิมครับ สีทองผสมดำ มีรูปปั้นสไตล์ Classic ให้ด้วย

ที่ผมชอบเลยคือมีช่องแสงใหญ่เข้ามุม ไม่ใช่แค่ที่ชั้น 1 นะ มีให้ทุกชั้นเลย ทำให้ส่วนโถงลิฟต์ค่อนข้างสว่างทุกชั้นเลยครับ

ภายในลิฟต์อาจจะไม่ได้กรุผนังด้วยกระเบื้องสีดำแต่ก็ยังคาดราวกับสีทองด้วยเช่นกัน

ขึ้นมาแวะที่ชั้นสองกันสักนิด ในส่วนของพื้นที่จอดรถยังมีพื้นที่ส่วนกลางแทรกอยู่เล็กน้อย ส่วนนี้มีชื่อว่า NY Sport ใช้เส้นสีดำแต่เปลี่ยนจากทองให้เป็นสีเหลือง เพื่อเพิ่มความ Active มากยิ่งขึ้น นำมาตั้งแต่ส่วนทางเข้าเลย

ภายในมีโต๊ะเกม โต๊ะ Hockey และมุมต่อยมวย ด้านข้างมีแนวกระจกรับแสงและบริบทภายนอก ทำให้ห้องแนวยาวไม่ดูแคบจนเกินไป ส่วนด้านบนก็มีภาพ Skyline ของอาคารต่างๆใน New York ตกแต่งให้เข้ากับแนวคิดโครงการ

เขยิบมาที่ชั้น 4 จะมีพื้นที่ล้างรถให้ด้วย เป็นมุมที่มีม่านรอบด้าน พร้อมจุดสายยางด้านข้าง

อีกส่วนคือเขานำเครื่อง Generator ขึ้นมาที่ชั้น 4 เพราะรู้ว่าทำเลจรัญสนิทวงศ์โดนนำท่วมหนักไปในช่วงปี 54 ถือว่าเป็นการเตรียมตัวป้องกันที่ดี เพราะทำเลแถวนี้ บริษัท ธนาแลนด์ จำกัด เรียกว่าเป็นเจ้าถิ่นในทำเลนี้เลยก็ว่าได้

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่เป็น Main Facilities และ เริ่มมีห้องพักอาศัยที่ 12 ห้อง ต่อชั้น ถือว่าเป็นชั้นที่มียูนิตน้อยที่สุด ได้ทั้งข้อดีในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและใกล้กับพื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็ต้องยอมใช้ลิฟต์ร่วมกับคนอื่นเยอะหน่อยเพราะเป็นชั้นของพื้นที่ส่วนกลาง ภายในมีการแยกส่วนค่อนข้างชัดเจนด้วยประตูกั้นเข้าถึงด้วยระบบ Keycard Access

พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้ถือเป็น Main Facilities เลยล่ะ ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษเพราะมีแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ใน New York ประกอบไปด้วย

  • Fitness Room
  • Cortex Reading Lounge
  • Astoria Cinema
  • Terrace
  • Garden
  • Swimming Pool
  • Sauna
  • Bathroom
  • Elevated Lawn

ออกจากโถงลิฟต์มาจะเจอส่วนของประตูกั้นที่เป็นทางเข้าไปยังพื้นที่พักอาศัย เข้าถึงด้วยระบบ Keycard Access ส่วนด้านข้างคือพื้นที่ส่วนกลางยาวเข้าไปเลยครับ เดินไปดูกัน

ด้านในเป็นทางเดินยาวเข้าไป ขนาบข้างด้วยพื้นที่ส่วนกลางเดี๋ยวเราดูเรียงเข้าไปกันเลย

ห้องแรกขวามือที่เราเห็นเลยคือส่วนของห้อง Meeting Room สามารถมาใช้งานได้ มี Wifi ให้ใช้ฟรี ด้านข้างมีกระจกผืนใหญ่ จะเห็นส่วนของโถงทางเดินห้องพัก ข้อดีคือทำให้ห้องไม่ทึบ แต่พื้นที่โถงทางเดินตรงส่วนพักอาศัยจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป

ห้องถัดมาคือพื้นที่ Fitness เป็นลักษณะแนวยาว ตกแต่งด้วยพื้นไม้ดูอบอุ่น มีแนวกระจกรับช่องแสงซึ่งเป็นสวนภายนอกยาวตลอดแนว

ส่วน Cardio จะรับวิวสวนภายนอก เป็นช่องแสงหลักให้กับห้องออกกำลังกายนี้

เดินออกมาฝั่งตรงข้ามจะมีห้องน้ำแยกชายหญิง เข้าไปดูกัน

ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยหินอ่อนสีโทนสว่าง ช่วยทำให้ความรู้สึกสะอาดสะอ้าน สบายตา มาในสไตล์ Classic เช่นเดิม

ทางฝั่งทางเข้ามี Locker มาให้ พร้อมกับแนวพื้นที่สำหรับนั่งใส่รองเท้า แต่งตัว

ด้านในมีห้องอาบน้ำ 2 ห้อง ห้องน้ำ 2 ห้อง และห้อง Sauna

ห้อง Sauna ให้ขนาดมากำลังพอดี นั่งได้ประมาณ 4-5 คน

เดินออกมาจากห้องน้ำจะมีส่วนพื้นที่ Semi-Outdoor รับลมและแสงธรรมชาติจากด้านข้าง เป็นพื้นที่พักคอยขนาดใหญ่ จัดเป็นมุมต่างๆ

มีส่วนของ Astoria Theater จัดมาในสไตล์โรงหนังที่ได้แนวคิดมาจากโรงละคร Broadway ของ New York ดูมีความย้อนยุคและ Classic ดีเหมือนกัน

ด้านหน้ามีรถ Pop Corn ให้บริการ และรอบๆตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ต่างๆของ New York ให้ความรู้สึกเข้าถึงแนวคิดในการออกแบบมากยิ่งขึ้น

ภายในเป็นโซฟาแต่ละจุดวางบนพื้น 3 ระดับไล่ขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อให้ไม่บังกัน มาพร้อมระบบเสียงรอบห้อง และผนังเก็บเสียง จัดว่าเป็นอีกมุมที่น่าใช้งานเอามากๆเลยนะ

พื้นที่พักคอยด้านนอกสามารถเปิดกว้างรับลมและแสงได้อย่างเต็มที่ และก็มีแนวกระจกปิดได้ด้วย

ฝั่งตรงข้ามมี Cortex Reading Lounge พื้นที่มุมนั่งเล่น อ่านหนังสือบนพื้นหญ้าเทียม รับแสงภายนอกอย่างเต็มที่

ก่อนจะออกไปยังพื้นที่สระว่ายน้ำก็มีโต๊ะและชุดที่นั่งอีกเล็กน้อย มีมุมที่หลากหลายให้เลือกใช้งาน

เมื่อออกมาจะพบกับพื้นที่สระว่ายน้ำแบบ Semi outdoor เป็นสระระบบเกลือขนาดประมาณ 7 x 20 ม. มีลักษณะเป็น Free Form ช่วยให้ดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น สระไม่ได้เปิดกลางแจ้ง ทำให้อาจจะไม่ได้รู้สึกโล่งมากนัก แต่จะเน้นการใช้งานได้ในทุกช่วงเวลา แดดไม่ร้อน ฝนตกก็ใช้งานได้ ทั้งยังได้ความเป็นส่วนตัวจากสายตาห้องพักอาศัยด้านบนด้วย

ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวาง Sun Bed และพื้นที่ล้างตัว แต่อาจจะเหลือพื้นที่ให้เดินไปมาลำบากเล็กน้อย

มองออกไปด้านข้างจะมีสวนที่เป็นพื้นที่สีเขียวกระจายอยู่โดยรอบ ช่วยให้ความรู้สึกชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น

สวนในส่วนที่เป็นมุมมองของห้องฟิตเนสมีชื่อว่า Hudson Lane

ส่วนของสวนด้านบนจะมีชื่อว่า Yoga Lawn เป็นพื้นที่ยกระดับเพื่อแยกความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เป็นลานสนามหญ้าสำหรับเดินเล่นออกกำลังกาย ปูเสื่อเล่นโยคะท่ามกลางสวนก็ได้

ก่อนจะไปดูส่วนพื้นที่พักอาศัย ขอเก็บพื้นที่ส่วนกลางให้ครบก่อน เลยจะพาข้ามมาที่ชั้นดาดฟ้ากันสักนิดนึง โดยชั้นนี้จะไม่มีลิฟต์โดยสารขึ้นมาถึงนะ ต้องเดินต่อขึ้นมาจากชั้น 23 มาได้เฉพาะลิฟต์ Service

ส่วนของดาดฟ้าเป็นพื้นที่ให้ใช้งานโดยจะถูกจัดเป็นสวน High Line Garden ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสวน High Line ใน New York นอกจากนั้นก็มีศาลาที่จัดเป็นพื้นที่ชมวิวรับวิวโล่ง เห็นสะพานพระราม 8 อีกฝั่งเป็นพื้นที่โล่ง จัดเป็นพื้นที่หนีไฟทางอากาศครับ

ออกจากลิฟต์มาจะมีพื้นที่ห้องพักอาศัยที่ถูกกั้นประตูไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวเช่นเคย

แต่จะมีห้อง Studio จำนวน 3 ห้อง ที่อยู่ตรงกลางโถงทางเดิน จะไม่สามารถกั้นความเป็นส่วนตัวได้นะ

อีกฝั่งก็กั้นประตูเป็นปกติครับ ให้เราเข้าบันไดหนีไฟด้านข้างนี้ขึ้นไปเลย

เมื่อเปิดประตูออกมาจะพบกับ High Line Garden ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวน High Line ใน New York ซึ่งของจริงจะเป็นสวนที่ถูกบูรณะมาจากรางรถไฟเก่าลอยฟ้า จัด Landscape ให้ผู้คนมาใช้งาน โดยหลักๆจะมีแนวเส้นสายที่ดูไปด้วยกันทั้งพื้นที่ เราจึงถอดแบบเส้นสายนั้นมาจัดลงที่ดาดฟ้าเช่นกัน ถึงจะไม่ได้ใหญ่นักแต่ก็ต้องชมว่าการออกแบบของเขามีที่มาที่ไป จัดแจงแนวคิดได้ชัดเจนในทุกพื้นที่นะ

ด้านข้างมีลานโล่งๆ สำหรับหนีไฟทางอากาศ ซึ่งมีการใช้งานจริงไปแล้วด้วยนะ สำหรับนำลูกบ้านส่งโรงพยาบาล ช่วยให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ส่วนอีกฝั่งจะมีศาลาสำหรับนั่ง Picnic หาอะไรทานรับวิวรอบด้าน ด้านบนนี้ลมเย็นและวิวดีใช้ได้เลยครับ

มาถึงพื้นที่พักอาศัยแบบเต็มๆชั้นกันบ้าง ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยทั้งหมดจำนวน 22 ยูนิต ซึ่งจะมีห้องพิเศษอยู่ 4 ห้องคือห้อง 1 Bedroom ซึ่งเป็นห้องขนาด 46 ตร.ม. แปลนภายในไม่แตกต่างจากห้องขนาด 33-34 ตร.ม. แต่ที่พิเศษคือมีพื้นที่ระเบียงมากขึ้น ซึ่งใช้เป็นระเบียงชมวิวได้ แต่เสียดายที่เป็นห้องชั้นไม่สูงมาก ซึ่งจะไม่ได้วิวมุมสูงนะครับ

ส่วนชั้น 7-23 คือชั้น Typical Floor Plan ที่มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 27 ยูนิต ซึ่งจะมีชั้นแบบนี้เป็นใหญ่จึงขอมาลงรายละเอียดแต่ละส่วนตรงนี้นะ

โถงลิฟต์ –  มีลิฟต์โดยสารให้ 3 ตัว ซึ่งจะมีหน้าต่างขนาดใหญ่รับแสงตรงบริเวณนี้ได้เยอะ อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 165 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นเกินมาตรฐานไปหน่อย นอกจากนี้จะได้ลิฟต์ Service อีก 1 ตัวติดกับส่วนโถงลิฟต์โดยสารด้านหลัง สำหรับตำแหน่งลิฟต์นั้นจัดให้อยู่ตรงกลางของแปลนซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดี สามารถเข้าถึงง่ายจากทั้ง 2 ฝั่ง และออกแบบให้ส่วนที่ติดกับห้องพักอาศัยจะติดกับบันไดและพื้นที่โถงลิฟต์ทำให้ไม่มีห้องไหนต้องติดถึง Core ลิฟต์เลย

โถงทางเดิน – เป็นแบบ Double Corridor มีห้องพักอาศัยทั้งสองฝั่งทางเดิน มีลักษณะเป็นแนวยาวแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง มีการเล่นระดับทางเดินที่ไม่ตรงต่อกันทั้งหมด ทำให้แยกความเป็นส่วนตัวออกเป็น 2 ฝั่งได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการที่มีห้องมุมสุดทางเดินจะทำให้ไม่มีช่องแสงแต่โครงการก็พยามเว้นร่องระหว่างห้องพักให้มีช่องแสงเข้าสู่ตัวโถงทางเดินให้ แต่ก็ต้องเปิดไฟช่วยอยู่ดี

มุมมองและตำแหน่งห้อง – เนื่องจากพื้นที่ภายในชั้นถูกตำแหน่งลิฟต์แบ่งออกเป็นสองฝั่ง โดยมีห้อง Studio 3 ห้องอยู่ตรงกลาง ส่วนที่มุมแต่ละฝั่งจะเป็นห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom และห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดคือห้อง 1 Bedroom 34 ตร.ม. จะหันไปทางทิศใต้ทั้งหมดซึ่งจะเป็นทิศที่หันไปเจออาคาร The Parkland 23 ชั้น โดนบล็อควิวเยอะหน่อย

ส่วนของโถงลิฟต์มีขนาดค่อนข้างกว้าง เหมือนที่ให้เห็นไปบ้างแล้วชั้น 1 แต่ชั้นพักอาศัยจะมีแนวผนังที่ทำสีให้เข้ากับส่วนอื่นๆด้วยเช่นกัน รวมถึงช่องแสงขนาดใหญ่เช่นเคย

ช่องแสงที่จะได้ของทุกๆชั้นในส่วนของโถงลิฟต์จะได้เป็นกระจกเข้ามุม สูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเลย เปิดรับลมระบายอากาศได้ด้วยเช่นกัน

ส่วนโถงทางเดินก็มีการทำให้มีมุมที่แตกต่างกัน ไม่ได้มองเห็นกันยาว ช่วยแบ่งความเป็นส่วนตัวของแต่ละฝั่งได้เยอะขึ้นมาก

โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor มีห้องพักอาศัยทั้งสองฝั่งทางเดิน ตกแต่งด้วยกระเบื้องพื้นสีขาวและดำเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆของโครงการ ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ตามแนวทางเดิน

ส่วนด้านในถึงจะไม่มีช่องแสงที่สุดทางเดินเพราะเป็นพื้นที่ห้องพักอาศัย แต่ก็เจาะช่องด้านข้างให้เพื่อระบายอากาศและรับแสงเข้าถึงโถงทางเดินได้

นอกจากนี้ทางโครงการยังมี Application เพื่อสนับสนุนการใช้งานด้วยนะ ทั้งการจองการใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง รับรู้กิจกรรมและข่าวสารต่างๆของโครงการ แจ้งปัญหาการใช้งานของห้องต่างๆ รับจดหมายและพัสดุ รวมถึงแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆภายในห้องด้วย ถือว่าสะดวกทีเดียว

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

  • Astoria Lobby
  • Blossom Park
  • Picnic Ground
  • Art Deco Garden
  • Playground
  • จุดเติมลมยาง

ชั้น 2

  • NY Sport Room

ชั้น 4

  • จุดล้างรถสำหรับ 2 คัน

ชั้น 5

  • SOHO Co-Working Space
  • Cortex Reading Lounge
  • Broadway Mini Theater & Karaoke Room
  • Liberty Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อมสระเด็กในตัว ขนาด 7 x 20 ม.
  • Fitness Room
  • ห้องน้ำแยกชายหญิงพร้อม Sauna ภายใน
  • Elavated Yoga Lawn
  • Hudson Lane Garden

Roof Top

  • High Line Garden
  • Skyline Pavilion

 

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 165 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 205 คันคิดเป็น 43% ไม่รวมซ้อนคัน
  • Shop 3 ร้าน และ Laundry 1 ร้าน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

 


Product Walkthrough

ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้คือห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33-34 ตร.ม. กันนะครับ ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการ เป็นห้องที่รับวิวฝั่งทิศใต้ ซึ่งจะเป็นทิศที่ถูกบล็อควิวมากที่สุด เพราะมีอาคาร 23 ชั้นอยู่ทางฝั่งนี้แต่ก็ยังมีระยะห่างพอสมควร ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 กว่าตร.ม.นั้นถือว่าไม่เล็กจนเกินไปสามารถอยู่กัน 2 คน ได้สบายๆ และสามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในได้ดีเป็นสัดส่วน ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและก็สามารถรับแขกได้โดยที่ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของส่วนพักอาศัยอยู่ เพราะได้ห้องนอนกั้นประตูเรียบร้อย รวมทั้งห้องน้ำที่อยู่ติดกับส่วนครัวก็ทำให้แขกใช้งานได้ง่ายไม่ต้องผ่านห้องนอน ก็แลกกับการที่เข้าห้องน้ำจากห้องนอนก็จะต้องเดินอ้อมหน่อย สำหรับพื้นที่นั่งเล่นติดหน้าต่างได้แสงสว่างและรับวิวจากภายนอกได้ดี จะติดก็แค่สำหรับใครที่ชอบทำอาหารจะลำบากหน่อยเพราะเป็นครัวเปิดและอยู่ตำแหน่งด้านในของห้องจึงจะระบายอากาศได้ยาก เหมาะกับการอุ่นของกินง่ายๆ หรือทำอาหารเบาๆมากกว่า ระเบียงมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและแขวน Condensing Unit ส่วนภายในอีกห้องคือห้องนอนที่ถูกแยกออกไปค่อนข้างส่วนตัวมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าภายใน และมีช่องแสงที่ได้เป็นกระจกเข้ามุมและบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศได้ เข้าไปดูภายในกันครับ

ห้องขายแบบ Fully Furnished แต่ไม่ได้เฟอร์นิเจอร์แบบในห้องตัวอย่างนะครับ ผมจะแนบภาพของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นที่จะได้เข้ามาให้ดู ภายในมีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.5 เมตร พื้นห้องส่วนใหญ่เป็นลามิเนต หนา 8 มม. ส่วนครัวจะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight ทั้งห้อง มีบัวไม้เชิงผนัง ให้รางม่านและม่านมาให้ด้วย

ส่วนแรกที่เปิดเข้ามาเจอจะเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นเป็นแนวยาวเข้าไป ข้อดีของพื้นที่แบบนี้คือเปิดรับช่องแสงได้เยอะ จัดพื้นที่ด้านข้างได้ค่อนข้างหลากหลาย แต่ระยะดูทีวีจะมีจำกัดทำให้อาจจะใช้โซฟาและทีวีชุดใหญ่มากไม่ได้ และต้องมีเดินผ่านหน้าทีวีอยู่เป็นประจำ

ประตูหน้าห้องได้เป็นประตู HDF ไส้ไม้จริง มอก. ปิดด้วยลามิเนต มือจับเป็นก้านโยกสแตนเลสมาตรฐาน พื้นทางเข้าด้านล่างจบด้วยขอบไม้สำเร็จรูป ซึ่งในแง่ของการใช้งานอาจจะฝุ่นเข้าห้องง่ายต้องระวังด้วยนะครับ ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางรองเท้าได้ข้างตู้เย็นลึกเข้าไปเป็นห้องครัว อีกฝั่งเป็นโต๊ะรับประทานอาหารสามารถดูทีวีไปด้วยได้

ที่ติดอยู่ที่ผนังคือ Bluetooth Sound System ของ Razr สามารถเชื่อมต่อและเปิดลำโพงภายในห้องได้ ใช้ฟังวิทยุ และเป็นนาฬิกาด้วยก็ได้

พื้นที่รับประทานอาหารเว้นไว้ให้ประมาณเกือบ 2 เมตร ซึ่งบริเวณนี้หลากหลายนะ แล้วแต่จะจัดเอง สามารถหาโต๊ะที่มีความยาวหน่อยมาวางได้นะ จะได้กินได้หลายคนมากขึ้น เพราะยังเหลือพื้นที่ระหว่างโต๊ะกับระยะเปิดประตูหน้าห้องอยู่ แต่อาจจะต้องเช็คระยะวงสวิงบานประตูให้ดี

หน้าตาของโต๊ะจริงที่จะได้จะเป็นลักษณะนี้ครับ มีเก้าอี้ให้พร้อมเลย

ด้านข้างประตูเข้าออกเป็นส่วนห้องครัว ซึ่งจะได้เป็นครัวเปิดอยู่ภายในห้องทำให้จะระบายอากาศได้ยาก และอาจจะทำให้ห้องมีกลิ่นเหม็นอับได้ แต่ลักษณะพื้นที่สามารถกั้นฉากกั้นเพื่อทำเป็นครัวปิดได้นะ เข้าไปดูภายในฝั่งนี้กันก่อนเลย

พื้นของห้องครัวเปลี่ยนเป็นแกรนิตโต้ เพราะง่ายแก่การทำความสะอาด ชุดครัวให้มาแบบนี้เลย มี 3 ระดับบนกลางล่าง ด้านข้างเป็นตำแหน่งวางตู้เย็น ถือว่าจัดมาเหมาะสมนะเพราะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานบ่อย ก็ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย

สำหรับใครที่ชอบทำอาหารกินเองแล้วกลัวเรื่องกลิ่นอาหารมารบกวนพื้นที่ส่วนอื่นในห้อง ก็สามารถกั้นประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเป็นครัวปิดได้นะ แนะนำว่าควรเลือกใช้เป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอนจะช่วยให้มีระยะเปิดประตูที่กว้างเวลาเดินเข้า-ออกจะสะดวกขึ้น ส่วนพื้นครัวปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ให้ ง่ายต่อการทำความสะอาดดี พื้นที่ทำครัวก็มีระยะกำลังพอเหมาะสำหรับยืนทำได้ 1 คน และด้วยความที่เป็นครัวตัว L จึงทำให้ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า และเวลามีคนเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องเบียดกัน

Pantry พร้อมตู้ลอยได้แบบนี้เลย มีช่องภายในเก็บของได้เยอะ

หน้าบานทำมุมให้จับได้ง่าย ทำให้หน้าบานเรียบ ภายในมี Soft Closeให้ หน้าบานจะได้ไม่กระแทกเสียงดัง และมีระยะการใช้งานที่นานขึ้น

ให้ขนาด Pantry มาพอสมควรมีพื้นที่เตรียมอาหารและพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางจานชามได้ ส่วนท็อปครัวเป็นหินแกรนิตแท้ คงทนต่อการใช้งานและทำความสะอาดได้ดี รวมทั้งกระเบื้อง Mosaic ด้านหลังกันเปื้อนก็เป็นสเป็คตามนี้เลย

อ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว จาก Teka มีขนาดกระทัดรัด

ฃส่วน Hob & Hood จาก Teka เช่นกัน หัวเตาเป็นหัวเซรามิก 2 หัว และใช้ระบบดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน

ด้านล่างก็มีช่องเก็บของหลายขนาด หลากหลายทีเดียว

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight 1 ดวงครับ

ถัดมาด้านข้างเป็นส่วนห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องครัว พื้นห้องน้ำจะถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. ภายในแยกสัดส่วนชัดเจน และจะได้ทุกอย่างตามห้องตัวอย่างเลยนะ

มีกระจกติดผนังทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าให้มาด้วย ขนาดกำลังพอดี

อ่างล้างมือด้านล่างติดตู้เก็บของให้เล็กๆ ไว้สำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆ ใช้ยี่ห้อ American Standard วางของที่ขอบได้เล็กน้อย

ด้านล่างเก็บของได้เช่นกัน ยกสูงจากพื้นเพื่อเลี่ยงการสัมผัสน้ำ และทำความสะอาดง่าย

โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก American Standard มีสายชำระและที่ใส่กระดาษชำระด้านข้าง

สายชำระสายสเตนเลสหัวเป็นพลาสติก ส่วนที่ใส่กระดาษชำระสเตนเลส ไม่มีส่วนกันน้ำให้ต้องระวังเปียกนะ

ส่วนอาบน้ำได้ฉากกั้นบานเลื่อนมาให้ด้วย เป็นกระจกนิรภัยพร้อมราวจับสเตนเลส

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีระดับเดียวกับพื้นส่วนแห้ง โดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจกช่วยกั้นไม่ให้น้ำไหลย้อนออกมายังส่วนแห้งได้ ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.2 x 0.8 ม. เป็นขนาดที่สามารถอาบน้ำได้สบายๆ

อุปกรณ์อาบน้ำเป็น Hand Shower จาก American Standard ไม่ได้มีพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำให้ ต้องหามาติดตั้งเองนะ

ขนาดฝักบัวกระทัดรัดจับได้ถนัดมือ แต่จะมีน้ำหนักค่อนข้างเบาและหัวฝักบัวไม่ได้ใหญ่มากนัก เป็นหัวฝักบัวที่ได้มาพร้อมกับเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งใครอยากจะเปลี่ยนหัวฝักบัวให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักมากหน่อยก็สามารถเปลี่ยนได้นะ

ห้องน้ำฝ้าฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง มีพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย

พื้นที่นั่งเล่นมีด้านกว้างจะอยู่ที่ประมาณ 2.7 เมตร แต่มีความลึกเข้าไปด้านในเหมาะกับการวางชุดโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง สามารถวางโซฟาชุดใหญ่ได้นะ แต่ก็จะไปกินพื้นที่โต๊ะทำงานด้านใน โต๊ะตรงกลางไม่ควรใหญ่มากนัก เพราะต้องเป็นพื้นที่เดินผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ ถ้าใช้ทีวีแขวนผนังก็จะได้พื้นที่วางของเพิ่มมากขึ้น ส่วนระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2.4 ม. ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะกับการดูทีวีขนาดประมาณ 40″-50″

ชุดโซฟาจริงที่จะได้ โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี หน้าตาแบบนี้เลย พรมสีเขียวก็ให้นะครับ

โซฟาขนาด  2 ที่นั่งโทนสีเทาเข้มตกแต่งง่าย มาพร้อมชั้นวางทีวีในสีเดียวกัน มีผิวเป็นลายหินอ่อนเหมือนกับส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารและมีช่องเก็บของด้านล่าง

ส่วนพื้นที่วางทีวีมีขนาดพื้นที่กว้างพอสมควรนะ สามารถ Built-in เองได้ค่อนข้างหลากหลาย แถมยังวางทีวีขนาดใหญ่ได้สบายๆ

ส่วนอีกฝั่งก็มีพื้นที่วางโต๊ะและโซฟาไม่ได้อึดอัดนัก จัดได้หลากหลาย ขนาดกำลังสบายๆ

ฝ้าเพดานส่วนห้องนั่งเล่นฉาบเรียบให้ไฟ Downlight 4 ดวง ตรงกลางมีลำโพงที่เชื่อมต่อกับ Bluetooth Sound System ที่หน้าประตูทางเข้า

ส่วนด้านในจะมีห้องนอนและพื้นที่นั่งทำงาน ขนาบข้างช่องแสงหลักของห้อง เป็นประตูกระจกบานสไลด์กรอบบานอลูมิเนียมกระจกเขียวใสตัดแสง

พื้นที่วางโต๊ะทำงานก็มีขนาดไม่อึดอัดนะ จัดได้หลากหลายเช่นกัน ผนังก็ว่างให้ Built-in ทำชั้นวางกันได้ ที่สำคัญคือได้แสงในการทำงานและอ่านหนังสือแน่นอน

หน้าตาของจริงที่จะได้ มาพร้อมเก้าอี้อย่างนี้เลยครับ

ตัวล็อกมาตรฐาน ด้านข้างบุผ้าสักหลาดให้เรียบร้อย ทำให้ปิดประตูได้แนบสนิท กันฝุ่นและกันเสียงจากภายนอกได้ระดับนึง ด้านล่างมีขอบยกสูงขึ้นประมาณ 15 ซม. กันน้ำและฝุ่นเข้ามาในห้อง

ขนาดพื้นที่ระเบียงสามารถใช้งานในการซักล้างและตากผ้าได้บ้าง ลองนึกภาพด้านข้างวางเครื่องซักผ้าแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานได้น้อยลงอีกหน่อยนะ สำหรับพื้นระเบียงนี้เป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนรั้วเป็นรั้วเหล็กตีเป็นซี่ๆสูงประมาณ 1 ม.

ต้องแขวน Condensing Unit 2 ตัวด้านบน และได้ไฟ Downlight 1 ดวง

กลับเข้ามาดูห้องสุดท้ายของเรา ห้องนอนหลักขนาดกำลังดี ข้อดีคือมีช่องแสงเยอะ เพราะได้กระจกเข้ามุมและมีขนาดใหญ่ ส่วนอีกฝั่งก็สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้

วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และมีพื้นที่เหลือรอบๆ วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง เดินไปมาสบายๆ

หน้าตาของเตียงจริงที่จะได้ให้ฟูกมาพร้อมด้วยเลย แต่ไม่มีพวกหมอนและผ้าห่มให้นะครับ

ปลายเตียงแขวนทีวีได้และยังเดินได้สะดวก ส่วนที่ริมอาคารมีช่องแสงที่เป็นกระจกเข้ามุมทำให้ห้องสว่างทีเดียว

รับวิวได้ค่อนข้างเยอะและมีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ด้วย

ระยะเดินก็เหลือสบายๆเลยครับ ประมาณ 50 เซนติเมตร วางโต๊ะหัวเตียงได้

ส่วนด้านในจะมีพื้นที่ไว้สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าให้นะ

หน้าตาของจริงที่จะได้จะประมาณนี้ มาในสีคุมโทนสว่าง ตกแต่งง่าย

ภายในตู้มีรูปแบบหลากหลายทีเดียวสำหรับใช้ได้ 2 คนเลยนะ แยกฝั่งให้ด้วย

พื้นที่บริเวณนี้ก็ถือว่าจัดมาให้ใช้งานได้สะดวก เปิดหน้าบานแล้วยืนใช้งานได้สะดวกแต่อาจจะวางโต๊ะหัวเตียงฝั่งนี้ไม่ได้นะ

ห้องนอนฝ้าฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง ให้ลำโพงมาด้วยอีกหนึ่งตัว ตอบโจทย์สายฟังเพลงได้เป็นอย่างดี

ห้องที่สองคือห้อง 2 Bedrooms ขนาด 48 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นห้องมุม ได้รับวิวสองฝั่งนั่นเอง ภายในมีข้อดีหลักๆเลยคือได้ห้องนั่งเล่นแนวยาวอีกเช่นเคย ริมระเบียง รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ภายในยังแบ่งสัดส่วนพื้นที่พักอาศัยจากพื้นที่ภายในห้องชัดเจน มีห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายจากทุกส่วน ห้องนอนหลักรับวิวได้ 2 ฝั่ง แต่ก็จะติดตรงที่ห้องครัวเป็นครัวเปิดอีกเช่นเคย ได้ความโล่ง แต่จะทำอาหารก็จะควบคุมกลิ่นและควันยากสักหน่อย

แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 6 ส่วน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ระเบียง ห้องนอนรอง ห้องน้ำ ห้องนอนหลัก เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนห้องครัวเป็นส่วนแรก ดีที่มีพื้นที่ให้สำหรับตู้รองเท้าด้วย จะได้เป็นครัวเปิดนะครับ ถ้าชื่นชอบการทำอาหารอาจจะต้องติดฉากกั้นสำหรับป้องกันกลิ่นและควันไปรบกวนส่วนอื่นๆ หลักๆห้องจะแบ่งเป็นออกเป็นซ้ายและขวา ส่วนของทางเข้าจะโล่งยาวไปจนถึงระเบียงเลยครับ ข้อดีคือได้ช่องแสงยาวตลอดแนวเลย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องแยกย่อย ซึ่งก็จะมีห้องนอนรอง ห้องน้ำ และห้องนอนหลักตามลำดับ ส่วนของห้องนอนหลักจะมีความพิเศษตรงที่ได้วิว 2 ฝั่ง ทำให้ภายในห้องมีช่องแสงเยอะทีเดียว ไปดูกัน

เปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะมีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.5 เมตร เช่นเดิม ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ downlight พื้นเป็นลามิเนต หนา 8 มม. และกระเบื้องแกรนิตโต้ในส่วนครัว เช่นเดิม  มี Bluetooth Sound System ติดลำโพงให้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนหลัก

ส่วนแรกที่จะเห็นคือห้องครัว ซึ่งเป็นครัวเปิด ได้พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เหมาะกับพื้นที่ครัวและหน้าห้องด้วยเพราะเป็นพื้นที่ที่มักจะมีการถอดรองเท้าเข้าออกตลอด มีฝุ่นและสิ่งสกปรกติดมา ก็ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด ฝั่งตรงข้ามครัวมีพื้นที่สำหรับทำชั้นวางรองเท้าได้

ส่วนครัวจะได้เคาน์เตอร์ยาวมา ซึ่งจะมีลักษณะและวัสดุเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้นะ

ด้านบนมีชั้นวางของและบานเปิดเก็บของภายในได้

ช่วงกลางเป็นอ่างล้างจานสเตนเลสหลุมเดี่ยว และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนวนภายในจาก TEKA ทั้งหมด มี Backsplash เป็นกระเบื้อง Mosaic สีตามนี้เลยครับ ส่วน Top เป็นหินสังเคราะห์

ด้านล่างจัดช่องเก็บของมาให้หลากหลายขนาด

บริเวณนี้ได้ฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟ Downlight 2 ดวง

ถัดเข้าไปภายในตัวห้อง พื้นจะเปลี่ยนเป็นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. จบด้วยคิ้วไม้สำเร็จรูป

ส่วนพื้นที่ภายในห้องทั้งหมดจะเปิดโล่งยาวเข้าไปจนถึงระเบียงเลย ข้อดีคือดูโล่ง ได้ช่องแสงยาว และได้พื้นที่เป็นสัดส่วนใช้งานง่าย จัดได้หลากหลายรูปแบบ

พื้นที่ด้านหน้าจะเป็นส่วนของพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถดูทีวีไปด้วยได้

หน้าตาของโต๊ะรับประทานอาหารที่เราจะได้จริง ขนาด 4 ที่นั่ง เสริมหัวโต๊ะเป็น 5 ที่ได้นะ

ฝ้าเพดานส่วนนี้ได้ไฟ downlight 2 ดวง มาพร้อมลำโพง bluetooth

ส่วนด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง ด้านข้างจัดเป็นโต๊ะทำงานได้ หรือจะวางโซฟารุ่นยาวสำหรับนอนดูก็ไม่ยาก ตรงนี้น่าจะถูกใจคนที่ชอบรับวิวด้านนอก เพราะมีตำแหน่งติดช่องแสง เปิดรับลมระบายอากาศก็ได้

ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะกับการดูทีวีขนาดประมาณ 40″-50″

หน้าตาของชุดโซฟาที่จะได้ จะได้ตามนี้หมดเลยนะครับ โซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางกลมขนาดกำลังพอดี ส่วนชั้นวางทีวีที่สามารถเก็บของด้านล่างได้พอสมควรเลย

ฝ้าเพดานส่วนนี้ได้ไฟ downlight 2 ดวง

ที่ด้านในสุดเป็นช่องเปิดขนาดใหญ่กระจกบานสไลด์กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง

ตัวล็อกมาตรฐาน ด้านข้างบุผ้าสักหลาดให้เรียบร้อย ทำให้ปิดประตูได้แนบสนิท กันฝุ่นและกันเสียงจากภายนอกได้ระดับนึง ด้านล่างมีขอบยกสูงขึ้นประมาณ 15 ซม. กันน้ำและฝุ่นเข้ามาในห้อง

ขนาดพื้นที่ระเบียงสามารถใช้งานในการซักล้างและตากผ้าได้บ้าง ด้านข้างวางเครื่องซักผ้าแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานได้เล็กน้อย สำหรับพื้นระเบียงนี้เป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนรั้วเป็นรั้วเหล็กตีเป็นซี่ๆ สูงประมาณ 1 ม. เช่นเดียวกับห้องก่อนหน้านี้

ภายนอกนี้แขวน condensing unit 3 ตัว ให้ไฟ downlight 1 ตัว

กลับเข้ามาภายในห้อง เริ่มดูที่ห้องแรกติดกับครัวกันก่อนเลย ภายในเป็นห้องนอนรองที่มีขนาดกำลังพอดี เข้าไปดูกันเลยครับ

ภายในจัดเป็นห้องนอน หรือห้องทำงานก็ได้นะ ซึ่งเขาจะให้เตียงขนาด 3.5 ฟุตมาให้นะ แต่ไม่ได้หน้าตาแบบในห้องตัวอย่างนะครับ ข้อดีของห้องนี้คือมีช่องแสงในตัว มีพื้นที่ภายในที่จัดเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย อยู่คนเดียวได้สบายๆ

รูปแบบเตียงจริงที่จะได้มาพร้อมฟูกแต่จะไม่ได้หมอนกับผ้าห่มนะครับ

นอกจากเตียงก็ได้โต๊ะเครื่องแป้งมาด้วย ซึ่งก็ทดแทบกับเตียงขนาด 3.5 เมตร ทำให้มีพื้นที่ส่วนอื่นให้ใช้งานภายในห้อง

ตู้เสื้อผ้าก็ได้มาแบบนี้นะครับ สำหรับอยู่คนเดียวกำลังพอดี จัดว่าให้เฟอร์นิเจอร์มาครบเหมือนกันนะ พูดง่ายๆก็คือจบในห้องเลย

ปลายเตียงมีพื้นที่ผนังติดทีวีแขวนได้ และที่ด้านข้างคือช่องแสงขนาดใหญ่ใช้ได้เลย เพียงพอกับขนาดห้องแน่นอน

พื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ แขวนทีวีแล้วเดินได้สบายๆ

ด้านข้างจัดบานกระทุ้งมาให้ 2 บานเลย บางที่ก็มักจะให้มาแค่บานเดียว ทำให้รับลมและระบายอากาศได้เยอะ

พื้นที่ด้านข้างก็เหลือเยอะนะ ทำให้สำหรับใครที่ชอบนอนเตียงขนาดใหญ่ สามารถใช้เตียง 5 ฟุตชิดผนังได้นะครับ แต่ก็จะไม่ได้โต๊ะหัวเตียง และพื้นที่ยืนริมหน้าต่าง

ส่วนฝั่งทางเข้าก็มีพื้นที่เหลือเข้าออกสบายๆ วางโต๊ะเครื่องแป้งที่ให้มาได้พอดี

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ downlight 2 ดวง

ส่วนห้องน้ำคือห้องถัดมาจากห้องนอนรอง อยู่ระหว่างห้องนอนทั้งสองทำให้เข้าถึงง่าย ภายในจะมีลักษณะการตกแต่งคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้ โทนสีและวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆจะเหมือนกันเกือบทั้งหมด แต่ที่ต่างคือจะได้ช่องแสงที่สามารถเปิดระบายอากาศมาด้วย ข้อดีคือห้องน้ำจะไม่อับชื้น

พื้นที่ภายในกว้างพอสมควร นั่งโถสุขภัณฑ์แล้วมีระยะเหลือสบายๆ ไม่อึดอัด พื้นห้องน้ำลดระดับลงมาประมาณ 2-3 เซนติเมตร

ให้กระจกเงาติดผนัง พร้อมอ่างล้างมือ American Standard ที่มีเคาน์เตอร์ด้านล่างเช่นเดิมครับ

โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นจาก American standard มาพร้อมอุปกรณ์สายชำระและที่ใส่กระดาษชำระเช่นเดิม

ส่วนอาบน้ำของห้องนี้จะได้ฉากกั้นอาบน้ำแบบเป็นบานเปิด (ห้องก่อนหน้านี้เป็นบานเลื่อน) จุดเด่นคือได้ช่องแสงระบายอากาศได้ด้วย

พื้นที่ภายในขนาดเล็กกว่าห้องก่อนหน้านี้ แต่ก็ถือว่ายังยืนอาบคนเดียวได้สบายๆ

ส่วนอาบน้ำจะได้อุปกรณ์ Hand Shower มาให้ แต่ไม่มีพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ ต้องหามาติดตั้งเองนะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ถึงจะได้ช่องเปิดรับแสงระบายอากาศมา แต่ก็ยังให้พัดลมระบายอากาศมาด้วยนะ

ส่วนต่อไปในห้องคือห้องนอนหลักที่มีทางเข้าอยู่บริเวณใกล้กับทีวีของห้องนั่งเล่น การที่มีทางเข้าออกตรงนี้ทำให้อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเวลามีแขก หรือการที่เราเปิดประตูเข้าออกที่มีคนดูทีวีอยู่อาจจะรู้สึกเหมือนถูกมองอยู่ตลอดและอาจจะมองเห็นภายในห้อง ซึ่งจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเล็กน้อย เข้าไปดูห้องนอนหลักของเรากันเลย

ภายในถือว่าเป็นห้องที่ถูกเน้นเลยนะของห้องนี้ เพราะมีตำแหน่งอยู่ที่มุมอาคาร ได้ช่องแสง 2 ฝั่ง และที่ชอบเลยคือให้บานเปิดมาเยอะเหมือนเดิม ขนาดภายในจัดมาให้กำลังดี อยู่ได้ 2 คนสบายๆ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้หมด มีส่วนตู้เสื้อผ้าให้มาด้วย

ของจริงจะได้เตียงแบบนี้นะครับ ไม่ได้หมอนกับผ้าห่มมานะ

ปลายเตียงติดทีวีได้ เตรียมปลั๊กไฟไว้ให้เรียบร้อย

ทางเดินปลายเตียงก็เหลือสบายๆครับ

ช่องแสงขนาดใหญ่ดีนะ และที่ชอบคือให้บานกระทุ้งมา 2 บาน รับลมได้เยอะเลย

พื้นที่ติดริมหน้าต่างก็มีขนาดกว้าง วางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ

ส่วนอีกฝั่งของห้องจะมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า พื้นที่ใช้งานเยอะทีเดียว

ห้องนี้จะได้แต่ส่วนตู้เสื้อผ้านะไม่ได้โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้ก็ขนาดกำลังเหมาะกับการใช้งานได้สองคน แต่ไม่ได้กระจกเงามาให้ อาจจะต้องหามาวางเอง หรือจะทำติดที่หน้าบานก็ได้นะ

อีกส่วนคือช่องเปิดอีกฝั่ง ถ้าในห้องตัวอย่างจะแอบหลบอยู่หัวเตียงโดนเตียง built-in ตกแต่งของห้องตัวอย่างบัง ส่วนนี้ได้บานกระทุ้งอีก 2 บาน เท่ากับว่าทั้งห้องจะได้ 4 บาน รับลมได้เยอะเลยทีเดียว

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ downlight 2 ดวง ได้ลำโพง bluetooth sound system มาให้ด้วย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 April 2019

  • 1 Bedroom ชั้น 12 ห้อง 1222 เนื้อที่ 29.03 ตร.ม. ราคา 3.01 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ชั้น 20 ห้อง 2012 เนื้อที่ 34.93 ตร.ม. ราคา 3.70 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ชั้น 8 ห้อง 818 เนื้อที่ 48.28 ตร.ม. ราคา 4.79 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ชั้น 18 ห้อง 1803 เนื้อที่ 58.87 ตร.ม. ราคา 6.01 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อง TEKA
  • จอง 20,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : สำหรับที่ตั้งโครงการจะอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่สายยาวที่เชื่อมต่อได้กับถนนหลายๆสายในย่านนี้ ทำให้สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ค่อนข้างสะดวก ไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง บริบทโดยรอบยังโครงการยังคงสภาพแวล้อมของความเป็นชุมชนเก่าแก่ ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวเปิดเป็นร้านค้าร้านอาหาร ของกินในระยะเดินถือว่าหาได้ง่าย มีให้เลือกเยอะ ส่วนความเจริญอื่นๆ อย่างพวกห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์นั้นจะอยู่บนถนนบรมราชชนนีห่างจากโครงการไปประมาณ 2-3 กม. ซึ่งจัดว่าอยู่ในระยะที่ขับรถได้สะดวก หรือนั่งรถสาธารณะไปก็ไม่นาน

ส่วนเรื่องของวิวก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจเพราะที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไกลแต่เนื่องจากรูปที่ดินเป็นแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำให้มีเพียงบางห้องที่จะเห็นวิวแม่น้ำ วิวภายนอกทางทิศอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นวิวของบ้านพักอาศัยหรือตึกแถวในย่านนี้เป็นหลักอย่างทิศเหนือและทิศตะวันตก ส่วนทิศใต้จะโดนอาคารสูงพอๆกันอยู่หลายตึกที่บังวิวระยะไกลไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เป็นระยะประชิด

การเดินทางโดยใช้รถ : การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวเป็นหลักถือว่าสะดวกพอสมควร มีตัวเลือกให้เดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ใครเน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นสะพานที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปขึ้นสะพานพระราม 8 ได้โดยไม่ต้องเสียเวลารถติดบริเวณแยกบรมราชชนนี นอกจากนี้ยังสามารถไปกลับรถบนถนนพระราม 8 ขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ไม่ยาก ซึ่งจากที่ผมเองเข้าไปสำรวจดู ลูกบ้าน ไม่น้อยเลยที่จะซื้อห้องไว้แต่ไม่ได้อยู่ (สำหรับมาโรงพยาบาล) หรือทำงานในละแวกนี้ เช่นโรงพยาบาลศิริราช และทางฝั่งข้ามไปสนามหลวง รวมถึงกลุ่มนักศึกษา ซึ่งการเดินทางสาธารณะจะตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดี จึงทำให้พื้นที่จอดรถภายในโครงการค่อนข้างเหลือเยอะทีเดียว มีให้ใช้แน่นอนครับ ที่จอดรถรถประมาณ 205 คันคิดเป็น 43% ไม่รวมซ้อนคัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : หลักๆเลยก็คงต้องบอกว่าสามารถอาศัยพึ่งพารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายได้สบาย เพราะตัวโครงการมีระยะห่างจากสถานีบางยี่ขันไปประมาณ 170 ม. ถือเป็นระยะที่เดินได้สบายๆและมีฟุตบาทกว้างพอสมควร สำหรับรถไฟฟ้าสายนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายนปีนี้ นอกจากรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกอื่นอย่างรถเมล์ รถแท็กซี่ พี่วินมอเตอร์ไซต์ให้เลือกมากมาย ด้วยตัวโครงการอยู่เยื้องกับป้ายรถเมล์ไม่ไกลเดินไปรอรถได้สบาย รวมทั้งเป็นโครงการที่ติดกับถนนใหญ่จึงหารถได้ไม่ยากและไม่เปลี่ยว นอกจากนั้นก็ยังมีท่าเรือให้เป็นตัวเลือกใช้งานอีกด้วย

วัสดุ : โครงสร้างอาคารเป็นก่ออิฐฉาบปูน ช่วยในเรื่องเสียงและการคลายความร้อนได้ดีกว่าโครงสร้าง Pre-Cast ส่วนวัสดุภายในที่ได้ถือว่าได้ในระดับมาตรฐาน รูปแบบการขายคือ Fully Furnished จัดมาให้พร้อมอยู่เลย พื้นแยกเป็นสัดส่วนเหมาะสมกับการใช้งานโดยส่วนพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนปูด้วยลามิเนต หนา 8 มม. พื้นครัวปูด้วยแกรนิตโต้ ส่วนห้องน้ำและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ได้ Pantry ครัวพร้อมตู้ลอยกรุลามิเนต ท็อปหินสังเคราะห์ Hob&Hood จาก Teka และห้องน้ำให้ฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย สุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก American Standard ให้เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องปรับอากาศ รวมถึงม่านและรางม่านด้วย ที่จะพิเศษกว่าที่อื่นหน่อยคงจะเป็น Bluetooth Sound System ที่ให้ลำโพง 2 จุดมาในห้องนั่งเล่น และห้องนอน

การออกแบบ : ส่วนใหญ่คนในท้องที่มักจะรู้จักชื่อ Developer เจ้านี้กันอยู่แล้ว เคยมีผลงานมาให้เห็น รู้จักที่มาที่ไปของพื้นที่และเป็นที่น่าไว้วางใจ โครงการตกแต่งมาภายใต้แนวคิดและสไตล์แบบ New York Art Deco ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างชัดเจน มีให้เห็นกันในหลายๆพื้นที่ คือการนำอัตลักษณ์ต่างๆของ New York มาตกแต่งในสไตล์ Classic เป็นสไตล์ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันมากนัก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละคนนะ โครงการออกแบบมาให้มีความหนาแน่นกลางๆ เน้นความเป็นส่วนตัว โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 27 ยูนิตและมีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 165 : 1 ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานไปสักหน่อย เนื่องจากที่ดินเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำให้ห้องส่วนใหญ่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งต้องรับแดดสูงแต่ก็จะอยู่ในทิศรับลมระจำฤดูของบ้านเราพอดี ผังพื้นภายในแยกพื้นที่ออกเป็นสองฝั่งด้วยการทำ Corridor ให้เหลื่อมกันเล็กน้อย จากชั้นละ 27 ห้องเลยทำให้ดูไม่แออัดจนเลย

สำหรับห้องพักออกแบบให้เลือกหลายขนาด สำหรับอย่างห้องขนาด 33 ตร.ม.ออกแบบมาค่อนข้างลงตัวอยู่แล้วและเป็นขนาดห้องที่อยู่ได้ 2 คนโดยไม่อึดอัดจนเกินไป ห้องที่นี่ส่วนใหญ่จะออกแบบให้ครัวอยู่ติดทางเข้าห้องเลยซึ่งใครอยากได้ครัวปิดต้องไปต่อเติมกันเอง ส่วนภายในแบ่งสัดส่วนห้องค่อนข้างชัดเจน เน้นการรับช่องแสงเข้าพื้นที่ห้องนั่งเล่น ถึงฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. อาจจะไม่ได้สูงนัก แต่ลักษณะพื้นที่โล่งเป็นแนวยาวก็ช่วยทำให้ห้องดูโล่ง ห้องนอนก็ให้หน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศมาให้เห็นเยอะกว่าปกติ

สาธารณูปโภค : Facilities อยู่ใต้อาคาร แบบ Semi – Outdoor ก็เป็นการจัด Facilities อีกรูปแบบสำหรับโครงการที่มีพื้นที่จำกัด ทำให้ Facilities ที่อยู่ในร่มทำให้ง่ายต่อการใช้งานแม้ในตอนกลางวันที่มีแดดแรงเรียกว่าว่ายน้ำไม่ต้องกลัวร้อนเลย และลูกบ้านที่ใช้งานนั้นมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงมากขึ้น เพราะจะไม่มีห้องด้านบนมองลงมา การทำแบบนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการใช้ Facilities ที่ใช้ได้ในทุกเวลาและต้องการความเป็นส่วนตัวสาธารณูปโภคที่ได้ถือว่าให้มากำลังดี เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตทั้งหมด 493 ยูนิต โดยมีสระว่ายน้ำขนาด 7 x 20 ม. ห้องออกกำลังกาย ห้องดูหนังฟังเพลง ห้องอ่านหนังสือ ห้องประชุม พื้นที่นั่งเล่น สวน ซาวน่าแยกชาย/หญิง ที่ดีคือได้พื้นที่ส่วนกลางมุมสูงให้ใช้ เช่น สวน ศาลารับวิว จัดปาร์ตี้ได้หรือพื้นที่นั่งเล่นในชั้นดาดฟ้า และที่หนีไฟทางอากาศ นอกจากนั้นยังมี Application ในการจองการใช้งาน รับข่าวสาร และแจ้งเรื่องต่างๆได้ ถือว่าสะดวกดีนะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 95,000 บาท/ตร.ม., 23 April 2019

  • ทำเล 8.5/10 – หาของกินง่าย ติดถนนใหญ่ อยู่ในแหล่งชุมชนเก่าแก่
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีตัวเลือกในการเดินทางเยอะ และมีซอยหลบหลีกได้ มีที่จอดรถกลางๆ
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติดถนนใหญ่เรียกรถสาธารณะง่าย อนาคตใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขัน 170 ม.
  • วัสดุ 7.75/10 -ให้มามาตรฐานเทียบกับราคา ขายแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่
  • แบบ 7.5/10 -โดยรวมโครงการจัดได้ลงตัวดี การจัดห้องแบ่งสัดส่วนได้ดี
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 -ให้มาครบ ได้สระว่ายน้ำในร่ม มี Application อำนวยความสะดวก อัตราส่วนลิฟต์เยอะไปหน่อย

  • UPPER CLASS
  • 8.10 / 10.00

BOTTOM LINE

Thana Astoria ปิ่นเกล้า เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในทำเลนี้ หรืออยากขยายครอบครัว เดินทางสะดวกติดถนนหลักการมีให้เลือกหลากหลาย ได้อุดมสมบูรณ์แบบย่านชุมชนเก่าแก่  ชอบสไตล์การออกแบบของโครงการ ส่วนกลางหลักๆครบ แต่งครบพร้อมเข้าอยู่ และมีงบประมาณ 2.15 – 6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 16,000 – 42,000 บาท