REVIEW I ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์

รีวิวฉบับที่ 1920 …  ชีวาทัยเตรียมเปิดพรีเซล โครงการใหม่อย่าง ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ คอนโด High Rise ติดถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประดิษฐ์​มนู​ธรรม)​ เลย ขับตรงไปแยกเกษตรได้ไม่ยาก ซึ่งในอนาคตจุดนี้จะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่วิ่งตรงเข้าตัวเมืองได้ด้วยค่ะ

โครงการเปิด Pre-Sale 24-25 ส.ค. นี้

Fact @ 10 JULY 2019

  • Chewathai Kaset-Nawamin (ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์)
  • บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนประเสริฐมนูกิจ เขตจตุจักร
  • ที่ดินประมาณ 5-0-44.7 ไร่
  • คอนโด High Rise 25 ชั้น 1 อาคาร 649 ยูนิต และร้านค้า 5 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิต
  • ที่จอดรถคิดเป็น 49% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง : n/a
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
  • ห้องพักอาศัย
    1 Bedroom Type A 24.50 ตร.ม.
    1 Bedroom Type B 28.50 ตร.ม.
    1 Bedroom Type C1-C4 33.50 ตร.ม.
    2 Bedroom Type D 44.50 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 95,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1260

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.840880, 100.587368
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

ที่ตั้งโครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ประเสริฐมนูกิจ​ หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า เกษตรนวมินทร์นั่นเอง โดยตำแหน่งที่ดินนี้จะอยู่ฝั่งขาวิ่งไปแยกเกษตร จุดตัดกับถนนพหลโยธินนะคะ โดยมีระยะห่างไปประมาณ 1.3 กม. ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นทำเลคอนโดที่เหมาะกับการขับรถจะสะดวกมากสุดนะคะ

เรามาดูเรื่องความอุดมสมบูรณ์​กันบ้าง ต้องบอกว่าช่วงบนถนนประเสริฐมนูกิจเองพวกร้านค้า ตลาดนัด หรือ Lifestyle Mall ต่างๆ มักจะอยู่ตาม Node หรือจุดตัดกับถนนหลักนะคะ ไม่ได้มีตลอดเส้นถนน ซึ่งถ้าขับรถก็สะดวกอยู่นะ และโซนใกล้ๆ โครงการก็มีแหล่งของกินคึกคักน่าสนใจอีก 2 โซน อย่าง

ถนนพหลโยธิน : บริเวณตั้งแต่ช่วงแยกรัชโยธินมาจนถึงแยกเกษตร ถือเป็นโซนที่มีความคึกคักมากๆ นะ เพราะมีห้างอย่าง Major รัชโยธิน รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ให้เลือกกินตลอดทาง เสียอย่างเดียวสำหรับคนขับรถคือรถติดและหาที่จอดรถยาก

ถนนลาดพร้าววังหิน : เป็นอีกย่านใกล้โครงการที่โดดเด่นในเรื่องอาหารการกินมากๆ และเป็นย่านที่ทั้งร้านเปิดกลางวัน และร้านเปิดกลางคืน จึงสามารถไปฝากท้องได้ตลอดเลย การเดินทางไปไม่ยากนะคะ สามารถขับรถทะลุเข้าซอยพหลโยธิน 34 แยก 11 เข้าผ่านเสนานิคม 1 และเข้าถนนลาดพร้าววังหินได้เลยค่ะ

การเดินทางของโครงการนี้ถ้าใครขับรถส่วนตัวเราว่าโอเคอยู่นะ เพราะอยู่ติดถนนใหญ่วิ่งเข้าแยกเกษตรง่าย เพื่อเข้าพหลโยธิน หรือจะเชื่อมไปยังงามวงศ์วานไม่ยาก ในขณะเดียวกันสามารถใช้ซอยหลักอย่าง พหลโยธิน 34 ลัดเข้าถนนเสนานิคม 1 เพื่อวิ่งไปทาง ลาดพร้าววังหิน และทะลุออกถนนลาดพร้าว หรือรัชดาภิเษก ได้ไม่ยากค่ะ

ทั้งนี้สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้สะดวกมากนักเมื่อเทียบกับทำเลโครงการโซนข้างเคียงอื่นๆ เช่นในซอยพหลโยธิน 34 เพราะบนถนนเกษตรนวมินทร์เองนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแท็กซี่ทั้งหมด รถสาธารณะอื่นๆ เช่น รถเมล์ สองแถว จะไม่มีให้เห็นเท่าไหร่นะ ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานีม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นระยะที่ต้องต่อรถไปขึ้นอีกทีนะคะ โดยทั้งนี้ทางโครงการเองมีนโยบายมาว่าจะให้ Shuttle Service คอยบริการลูกบ้านอยู่ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้คอนเฟิร์มว่าจะวิ่งในเส้นทางไหนบ้าง แต่คาดว่าน่าจะวิ่งรับ-ส่งรถไฟฟ้าด้วย ก็จะเพิ่มความสะดวกให้ลูกบ้านในการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายจะมีการคิดเป็นแต่ละเที่ยว เฉพาะลูกบ้านที่ใช้บริการส่วนนี้นะคะ เพียงแต่ราคาเท่าไหร่ตอนนี้ยังไม่ Fix ค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางของเราในวันนี้จะอยู่บริเวณถนนเกษตรนวมินทร์ ช่วงจุดตัดกับประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งเป็นจุดตัดที่ค่อนข้างคึกคักเลยมีทั้งตลาดนัดหัวมุม, The Walk, Index Living Mall จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 4.5 กม. และวิ่งขึ้นสะพานข้าม จากนั้นเบี่ยงเลนซ้ายเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าโครงการค่ะ

บริเวณตลาดนัดหัวมุม ช่วงกลางคืนบริเวณนี้คึกคักมากๆ เพราะคนมาเดินเล่น กินข้าวและช็อปปิ้งที่ตลาดนัดนี้ค่อนข้างเยอะเลย หากขับรถมาจากโครงการเพื่อมาเดินเล่นตรงนี้ถือว่าไม่ไกลมากนะคะ แนะนำให้มาช่วงไม่ดึกมากนะจะหาที่จอดรถง่ายค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยเป็น Community Mall ชื่อ The Walk ที่ภายในมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ และติดกันก็เป็น Index Living Mall ด้วย

ขับมาอีกหน่อยก็มี Nawamin City Avenue เป็น Community Mall เช่นเดียวกัน จะสังเกตว่าถนนเส้นนี้มี Community Mall ค่อนข้างเยอะนะ แต่ถ้าจะไปห้างใกล้ๆ จะเป็นเส้นประดิษฐ์มนูธรรมมากกว่าที่มี CDC เอย Central East Ville เป็นต้น

ขับตรงมาหน่อยเราจะเจอแยกที่ตัดกับถนนลาดปลาเค้านะคะ ซึ่งถนนลาดปลาเค้านี้มีความสำคัญมากๆ ตรงที่เชื่อมเข้ากับย่านลาดพร้าววังหิน-โชคชัย 4 เป็นย่านแหล่งรวมของกินที่คึกคักมากๆ สามารถขับรถมาฝากท้องกันได้สบายๆ ส่วนทางไปโครงการเราจะผ่านแยกนี้ไปอีกหน่อยนะคะ

ขับตรงมาอีกหน่อยจะมีสะพานข้ามคลอง ซึ่งให้เราพยายามเบี่ยงเข้าเลนซ้ายสุดของสะพานไว้ก่อนนะ เพราะพอลงสะพานแล้วจะใกล้ถึงทางเข้า-ออกโครงการแล้วค่ะ

ออกมาแล้วขับมาอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้าโครงการแล้วนะคะ จุดสังเกตง่ายๆ คืออยู่ก่อนถึงสะพานลอยแรกหลังจากข้ามสะพานมา

สภาพแวดล้อมโครงการโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่าและที่ดินบุคคลอื่น สลับกับอาคารที่สูงไม่มาก 2-3 ชั้น จะมีฝั่งตรงข้ามถนนที่เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise ทำให้ปัญหาเรื่องวิวในระยะประชิดไม่มีนะคะ ในขณะเดียวกันวิวของโครงการนี้ก็โปร่งโล่งทุกทิศด้วยค่ะ ใครชอบ City View ให้เลือกห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกจะดีสุด เพราะหันไปทางฝั่งแยกเกษตร + ถนนพหลโยธินที่มีคอนโด High Rise และอาคารสำนักงานค่อนข้างเยอะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลเปาโล เกษตร 1.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาวดี 2.9 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 3.5 กิโลเมตร
  • Union mall 5.4 กิโลเมตร
  • Central Plaza Ladprao 6.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสตรีวิทยา 2 6.9 กิโลเมตร
  • The Walk 7.2 กิโลเมตร
  • ตลาดหัวมุม 8.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเลิศหล้า 9.8 กิโลเมตร
  • Crystal Design Center 9.9 กิโลเมตร
  • ตลาดนัดเลียบด่วน 10.5 กิโลเมตร
  • Central EastVille 11.0 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ คอนโด High Rise จำนวน 649 ยูนิต บนเนื้อที่ดิน 5 ไร่เศษ โดยรูปแบบการวางอาคารจะเป็นแบบหันหน้ากว้างเข้าหาถนนหลักเกษตร-นวมินทร์ ตามรูปร่างของที่ดิน ส่วนสไตล์การออกแบบเรามองว่าเป็นแบบ Contemporary แต่แฝงความ Minimal อยู่นะคะ ด้วยโทนสีเหลืองครีม บวกการเล่นเส้นสายโค้งทำให้ทรงอาคารมีความนุ่มนวลมากขึ้นไม่มีเหลี่ยมมุม

เรามาดูกันว่าตัวอาคารมีการจัดฟังก์ชันในแต่ละชั้นอย่างไรกันบ้างนะ

  • ชั้น 1 : จัดให้เป็นพื้นที่ต้อนรับอย่าง Lobby และมีร้านค้าทั้งหมด 5 ร้านด้วยกัน ซึ่งทางโครงการบอกมาว่าจะเป็นการขายขาดนะคะ ส่วนราคาตอนนี้ยังไม่ได้เคาะออกมา สามารถสอบถามภายหลังได้นะ
  • ชั้น 2 – 4 : ตั้งแต่ชั้น 1 บางส่วน และขึ้นมาที่ชั้น 2-4 จะเป็นชั้นจอดรถทั้งหมด โดยลักษณะการจอดที่นี่เป็นแบบ Conventional ทั้งหมด ซึ่งเรามองว่าดีนะ ในแง่ของการ Maintainance เพราะค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า Autoparking และความสะดวกที่ไม่จำเป็นต้องรอลิฟต์รถด้วยส่วนนึง ส่วนจำนวนที่จอดทางโครงการจัดมาให้ 49% รวมซ้อนคัน ส่วนตัวเรามองว่าน้อยไปหน่อย เพราะหากมองในแง่ของทำเลแล้ว ถนนเกษตร-นวมินทร์ยังเป็นถนนที่มีรถสาธารณะไม่มาก และที่ตั้งหลุดระยะเดินไปรถไฟฟ้าพอสมควร ดังนั้นคนที่เหมาะกับการเลือกทำเลโครงการนี้ก็มักจะต้องพึ่งพารถยนต์เป็นหลักอยู่แล้วนะ แต่ก็พอจะมีส่วนบริการ Shuttle Service ของโครงการที่มาหักลบได้บางส่วนค่ะ
  • ชั้น 5 : เป็นชั้นพักอาศัยส่วนนึง และอีกส่วนที่เป็นหลังคา Podium จัดให้เป็นพื้นที่สวน + Jogging Track และ Outdoor Co-Working Space
  • ชั้น 6-24 : เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด
  • ชั้น 25 : หรือชั้นดาดฟ้าโครงการจัดเป็นชั้น Main Facilities ค่ะ

เรามาเจาะลึกในรายละเอียดของพื้นที่ส่วนกลางกันนะคะ เริ่มต้นที่ชั้น 1 บริเวณด้านหน้าใกล้กับ Drop-Off จะเป็นร้านค้า ซึ่งเราว่าจัดมาตำแหน่งนี้ถือว่าโอเคเลย เพราะหากเปิดพื้นที่โครงการด้านหน้าให้คนภายนอกเข้ามาใช้บริการร้านค้าได้ ก็ไม่ไปรบกวนลูกบ้านด้านใน เนื่องจากแยกส่วนร้านกับทางเข้า Lobby ไว้เรียบร้อยแล้ว

และขึ้นมาที่ชั้น 5 ตรงพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะเป็นพื้นที่แบบ Outdoor ซึ่งประกอบด้วย Jogging Track และ Outdoor Co-Working Space ที่ในส่วนนี้จะเป็นเหมือนพื้นที่นั่งเล่นริมสวนมากกว่าเป็นพื้นที่ทำงานนะคะ ถ้าจะมานั่งทำงานจริงๆ ก็คงจะได้ช่วงเช้า หรือเย็นที่แดดล่มลมตกไปแล้ว

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของโครงการ พวก Facilities หลักๆ จะอยู่ที่ชั้นนี้ทั้งหมด ดังนั้นนอกจากจะได้ใช้พื้นที่ส่วนกลางแล้วก็ยังสามารถชมวิวภายนอกได้ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็จะมีสระว่ายน้ำที่อยู่แบบ Outdoor Take view ไปยังฝั่งพหลโยธินบริเวณกองทหารราบที่ 11 ก็จะเป็นวิวที่โปร่งโล่งและมีพื้นที่สีเขียวเยอะนะ

ส่วนโซน Indoor ชั้นนี้ก็จะประกอบด้วย Fitness

และอีกฝั่งเป็น Co-Working Space และ Library ซึ่งเรามองว่าฟังก์ชันพื้นที่ทำงานของชั้นนี้จะเหมาะกับการทำงานมากกว่าชั้น 5 ที่อยู่ริมสวนนะ และพิเศษขึ้นมาคือได้วิวมุมสูงด้วย

ส่วน Gimmick การออกแบบโครงการที่น่าสนใจนี้ก็จะเป็นการเจาะพื้นที่ตรงกลางบางส่วน เพื่อไม่ให้ตัวอาคารทึบตันมากเกินไปแทนที่จะทำเป็นห้องพักอาศัยได้รายได้มากขึ้น แต่ทางโครงการปรับให้นะ เพื่อช่วยให้บรรยากาศส่วนโถงทางเดินโปร่งโล่งมากขึ้นได้ดีมาก และพื้นที่ส่วนนี้ทางโครงการก็ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ให้ด้วย ไว้มานั่งเล่นอ่านหนังสือเพลินๆ ได้ค่ะ

อันนี้จะเป็นรูป Perspective ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นแต่ละชั้นพักอาศัยค่ะ โดยรวมแล้วทางโครงการจะจัดส่วนนี้ให้มีโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่น และจัดสวนให้ดูร่มรื่นด้วย

บริเวณส่วนสระว่ายน้ำชั้นบนสุด ลักษณะสระจะเป็นแบบ Infinity Edge Pool ที่กั้นด้วยราวกันตกเป็นกระจกแบบ Frameless เพื่อสามารถ Take View ภายนอกได้เต็มที่มากขึ้น ด้านข้างสระมีการทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นให้มานั่งชมวิวริมสระชิลๆ ได้ด้วย

ส่วนภายใน Fitness นี้จะได้กระจกทั้ง 2 ฝั่งทิศเหนือ-ใต้ นะคะ โดยมีฝั่งนึงหันไปทางสระว่ายน้ำด้วย ภายในมีพื้นที่สำหรับโซน Cardio, Weight Training และมุมพื้นที่กิจกรรม เช่น Yoga และ Boxing

Master Plan โครงการเริ่มจากทางเข้า-ออก เมื่อเข้ามาภายในโครงการแล้ว โซนด้านหน้าจะเป็นส่วน Drop-Off หรือจุดรับ-ส่ง ซึ่งบริเวณนี้ใกล้ๆ จะมีร้านค้าทั้งหมด 5 ร้านที่แยกส่วนกับทางเข้า Lobby ทำให้ลูกบ้านในโครงการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และถ้าจะดีมากขึ้นคือมีจุดสแกนบัตรหน้าทางเข้า Lobby เลย เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าของร้านค้าเข้ามาใช้งานส่วน Lobby นะ แต่ทั้งนี้ถึงเปิด Lobby ให้ Visitor เข้าถึงได้ ก็ยังไม่สามารถขึ้นส่วนชั้นพักอาศัยได้นะคะ เพราะตรงโถงลิฟต์มีประตูกั้นไว้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีจุดสแกนบัตรส่วนนี้ค่ะ

ส่วนโดยรอบพื้นที่ชั้นล่างจะมีการทำเป็นจุดจอดรถกลางแจ้งไว้ให้ด้วย และที่จอดรถในร่มอื่นๆ จะอยู่ที่ชั้น 2-4 ค่ะ

ชั้น 5 เป็นชั้นเริ่มพักอาศัยแล้วนะคะ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางเราอธิบายไว้ก่อนหน้าแล้ว ในแปลนนี้จะมาพูดถึงตรงห้องพักอาศัยกัน หลักๆ แล้วการวางอาคารจะแบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน คือโซนฝั่งซ้ายที่หันหน้าห้องไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งฝั่งนี้มีข้อดี-ข้อด้อยอยู่นะ ข้อดีคือใกล้ลิฟต์ เดินไปขึ้น-ลงลิฟต์สะดวก และจำนวนยูนิตไม่มาก จะเงียบกว่าอีกฝั่ง ในขณะที่ทิศทางแดดก็ด้อยกว่าทิศเหนือ-ใต้นะคะ และตำแหน่งห้อง 2 Bedroom จะเป็นห้องมุมอาคารที่ได้วิว 2 ฝั่งเลย

อีกโซนนึงหันไปทางทิศเหนือ-ใต้ ห้องฝั่งทิศเหนือในชั้นโซนล่างๆ จะได้เปรียบกับห้องฝั่งทิศใต้ ในแง่ของวิวนะคะ เพราะฝั่งทิศเหนือได้วิวจากสวนด้วย และมีระยะห่างระหว่างห้องพักไปจนถึงถนนใหญ่พอสมควร แต่ถ้าใครเน้นทิศทางลมเข้าห้องฝั่งทิศใต้ก็จะได้เปรียบนะ และทางต้องการวิวด้วย ควรเลือกโซนชั้นกลางๆ – โซนชั้นสูงๆ นะ

ชั้น 6 – 24 เป็น Typical Floor Plan ซึ่งจะมีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 32-34 ยูนิต ซึ่งก็ถือว่าหนาแน่นกลางๆ นะ มาดูที่อัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ 216 : 1 อันนี้จัดว่าหนาแน่นเลยนะ ด้วยความที่ยูนิตค่อนข้างเยอะ ทางโครงการเลยออกแบบให้มีช่องว่างและทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นมาให้ ทำให้พื้นที่โซนห้องพักแบ่งออกเป็น 3 โซนจาก 2 โซน คือตรงที่เราประเส้นสีดำไว้ จึงได้ห้องมุมมากขึ้นนะ และตำแหน่งห้องที่น่าสนใจก็จะมีอย่างห้อง 19 ที่ไม่มีผนังฝั่งไหนติดกับเพื่อนบ้าน

ชั้น 25 นอกเหนือจากสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ Co-Working Space + Library แล้ว ก็จะมีห้องซักรีดให้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องซักผ้าของตัวเองก็ได้นะ ขึ้นมาซักรีดข้างบนได้เลย และมีห้องน้ำแยกชาย/หญิง ไว้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหลังใช้สระว่ายน้ำหรือออกกำลังกายที่ห้อง Fitness

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby Hall
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 5 และ 25 (Rooftop)
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ชั้น Rooftop
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ห้องอ่านหนังสือ
  • Co-Working Space
  • ร้านค้าภายในโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 216: 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถคิดเป็น 49% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ

 


Product Walkthrough

รูปแบบห้องพักของโครงการมีทั้งหมดให้เลือกทั้งหมด 7 แบบด้วยกัน แต่จะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom เกือบทั้งหมดนะคะ มีตั้งแต่ 24-34.5 ตร.ม. และมี 2 Bedroom ที่อยู่ตำแหน่งมุมอาคาร 1 แบบ ขนาด 44 ตร.ม. ซึ่งเป็นไซส์ใหญ่สุดของโครงการ

สำหรับรูปแบบการขายของโครงการนี้เป็นแบบ Fully Fitted สิ่งที่ได้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมด และตู้เสื้อผ้าค่ะ

ซึ่งนอกจากนี้ก็มีบางส่วนที่เราได้ข้อมูลจากทางโครงการมาว่าจะมีให้เพิ่มเติมแต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มนะคะ ได้แก่ Home Automation (ที่ครอบคลุมการใช้งานในส่วนแสงสว่าง, เครื่องปรับอากาศ, Digital Door Lock และ CCTV) และ Digital Door Lock (ที่ให้เป็นมาตรฐานเปิดผ่าน Application, Keycard, Password และกุญแจได้) ทั้งนี้เราแนะนำให้ลองสอบถามกับโครงการภายหลังเองเลยว่ามีการคอนเฟิร์มให้ในส่วนนี้ด้วยรึเปล่านะคะ ^^

เริ่มต้นกันที่ห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการก็คือ 1 Bedroom ขนาด 24.5 ตร.ม. ห้องนี้รูปแบบจะเป็นห้องหน้าแคบลึกที่จัดพื้นที่แต่ละฟังก์ชันได้น่าสนใจดีนะคะ จุดที่น่าสนใจคือการเลือกว่าตำแหน่งฟังก์ชันต่างๆ ได้เหมาะกับการใช้งานจริงดี เช่น ครัวอยู่ติดระเบียง แม้จะไม่ได้กั้นประตูบานเลื่อนมาให้เป็นครัวปิด แต่จากที่ดูมาเราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมเองได้ และนอกจากนี้ห้องนี้ยังเหมาะกับคนที่ชอบห้องนอนเป็นสัดส่วนพร้อมกับมีห้องน้ำในตัวใช้งานได้สะดวกด้วยนะคะ ปกติทั่วไปห้องขนาดประมาณนี้เราจะเห็นเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนนะ แต่ห้องนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเพราะได้ประตูบานทึบเลยค่ะ

เข้ามาภายในห้องพื้นส่วนใหญ่ของห้องจะใช้เป็นลามิเนตนะคะ มีเฉพาะส่วนห้องครัว ห้องน้ำและระเบียงที่เป็นกระเบื้องค่ะ

บรรยากาศภายในห้องส่วนพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ติดกับหน้าต่างได้วิวภายนอก แต่โดยรวมแล้วเราว่าดูไม่ทึบนะคะ เพราะได้ช่องแสงจากครัวและห้องนอนอยู่ แต่ถ้าปิดห้องนอนและเหลือช่องแสงจากครัวอย่างเดียว อาจจะต้องเพิ่มไฟเพิ่มถ้าจะนั่งทำงานบริเวณพื้นที่นั่งเล่นค่ะ ส่วนฝ้าเพดานที่นี่ให้มาโอเคเลยนะ อยู่ที่ 2.65 ม.

เราหันกลับมาดูบริเวณพื้นที่นั่งเล่นแบบเจาะลึกกัน โดยความกว้างของระยะสายตากับทีวีจะอยู่ที่ราว 2 ม. ดังนั้นขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 32″ นะ

สำหรับพื้นที่นั่งเล่นตรงนี้ถ้าเราวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง บวกโต๊ะกินข้าวสำหรับ 1 ที่นั่ง จะสามารถวางได้พอดีๆ เลย แต่ถ้าใครต้องการโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งก็ต้องยอมเอาโต๊ะกินข้าวออกนะ ซึ่งโต๊ะกินข้าวนี้เราไปซื้อเป็นแบบที่พับเก็บได้จะเหมาะกับห้องนี้มากกว่า ไม่กินพื้นที่ ค่อยมากางตอนจะใช้งานได้

ส่วนถัดมาเป็นห้องครัวที่ทางโครงการกั้นพื้นที่มาเป็นสัดส่วนนะคะ แต่ไม่ได้กั้นประตูบานเลื่อนกระจกไว้ให้ ซึ่งจากที่เราเข้าไปดูห้องตัวอย่างมาแล้ว ถ้าใครอยากได้เป็นครัวปิดสามารถทำได้นะ โดยใช้ประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอนเอา เพื่อที่จะได้มีช่องเปิดที่กว้างมากกว่าบานเลื่อน 2 บาน

ส่วนพื้นตรงครัวจะเป็นกระเบื้องเซรามิกแบบขัดเงา ซึ่งในแง่การใช้งานกระเบื้องแบบนี้เหมาะกับการทำครัวเหมือนกัน ตรงที่ทำความสะอาดง่ายและทนต่อความชื้นต่างๆ ส่วนความมันขัดเงาอาจจะทำให้ลื่นง่ายกว่ากระเบื้องปกติ แต่ส่วนตัวถ้าใครชอบความมันวาวดูสวยงามกระเบื้องขัดเงาเด่นกว่าในแง่นี้ค่ะ

ด้านข้างของเคาน์เตอร์เป็นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็น โดยขนาดของตู้เย็นที่เหมาะสมกับพื้นที่จะอยู่ที่ 7.4 คิวบิกฟุตนะคะ ถ้าวางใหญ่กว่านี้ก็ทำได้นะ เพียงแต่ใครที่จะต่อเติมประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มขนาดตู้เย็น 7.4 คิวบิกฟุต จะพอดีสุดแล้วค่ะ

มาดูที่ส่วนเคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการให้กันบ้างนะคะ โดยท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ ถือว่าโอเคเลยในการใช้งาน ทนความชื้นและทำความสะอาดง่าย

ส่วนด้านล่างมีชั้นเก็บของและลิ้นชักไว้สำหรับวางช้อนส้อมต่างๆ และวัสดุหน้าบานที่ได้เป็นลามิเนต พร้อมเปิด-ปิดแบบ Soft Close อีกฝั่งเป็นช่องว่างที่ตั้งใจไว้ให้เป็นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าได้ ซึ่งส่วนนี้จะมีการเดินท่อต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

Sink หลุมเดี่ยวจาก Franke ส่วนด้านหลังของเคาน์เตอร์ทำ Back Splash ให้โดยการปูด้วยกระเบื้องสีขาวค่ะ ช่วยให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เวลาน้ำกระเด็นหรือเวลาทำอาหารแล้วเสร็จอาหารกระเด็น

ส่วน Hob & Hood ก็จาก Franke เช่นกันค่ะ โดยส่วนเตาจะเป็น 2 ตัว และ Hood ได้เป็นแบบ Exhausted หรือส่งท่อต่อออกด้านนอก ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารหนักนะ เพราะระบายกลิ่นและควันอาหารได้ดีกว่าแบบหมุนเวียน

ด้านบน Built-in ชั้นวางของให้ มีทั้งที่วางไมโครเวฟ และชั้นวางของอื่นๆ ด้านบน โดยรวมแล้วสามารถเก็บของได้ระดับนึงนะ

ถัดมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนที่กั้นระหว่างครัวและระเบียงซักล้างภายนอก

ขนาดระเบียงอยู่ที่ประมาณ 1.2 x 0.9 ม. ซึ่งจัดว่าเป็นขนาดที่โอเคนะ ไม่ได้เล็กมากเกินไปหากเทียบกับพื้นที่รวมทั้งหมดของห้อง และอีกอย่างคือพื้นที่นี้ทั้งหมดสามารถใช้งานได้เลย ไม่ต้องแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าแล้ว

ส่วน CDU แอร์จะเป็นแบบแขวนด้านข้าง หันเข้าหาระเบียง ถ้ากังวลเรื่องลมร้อนสามารถติดตั้งกริลล์เบี่ยงทิศทางลมร้อนได้นะ

เข้ามาด้านในห้องนอนแบ่งเป็น 2 ฟังก์ชันหลักๆ คือส่วนตู้เสื้อผ้าและเตียงนอน

สำหรับตู้เสื้อผ้าจะได้ตามนี้เป็นมาตรฐานที่ทางโครงการทำมาให้เลยนะคะ โดยลักษณะจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน หน้าบานให้มาดีอยู่นะ ด้านนึงเป็นกระจกเงา ไว้ส่องตัวเองเวลาแต่งตัวได้ และอีกฝั่งเป็นกระจกสีชา ภายในจัดชั้นวาง ลิ้นชัก ราวแขวนให้เรียบร้อย

ถัดมาส่วนเตียงนอน ขนาดเตียงที่เหมาะกับพื้นที่นี้จะเป็นเตียงแบบ 5 ฟุตนะคะ ซึ่งก็จะมีพื้นที่ด้านข้างไว้สำหรับเดินได้สบายๆ ส่วนปลายเตียงที่เป็นผนังมีการต่อสายไฟต่างๆ ไว้สำหรับติดตั้ง TV แบบแขวนได้นะ

ชุดหน้าต่างที่ให้มาขนาดกลางๆ นะ ด้านข้างเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ระบายอากาศได้

เข้ามาภายในห้องน้ำแยกเป็น 2 โซนชัดเจน คือโซนแห้งและโซนเปียก โดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจก Tempered

ในโซนแห้งจะได้ชุดสุขภัณฑ์อย่าง อ่างล้างมือ+ชั้น Built-in เก็บของด้านล่าง และโถสุขภัณฑ์ ทั้งหมดจาก American Standard

ตรงที่เราชอบคือกระจกด้านบนที่ได้ขนาดใหญ่และด้านในเป็นชั้นสำหรับวางของได้เยอะเลยค่ะ อันนี้มีประโยชน์มาก

ส่วนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกและยกธรณีขึ้นมาพอสมควรเพื่อกันน้ำไหลย้อน พื้นที่อาบน้ำภายในได้พอสมควรเลยนะ อาบได้สบายๆ

สุดท้ายคือฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard เช่นกัน หัวฝักบัวขนาดใหญ่อยู่นะคะ กระจายน้ำได้โอเคเลย

ถัดมาที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.5 ตร.ม. ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้องที่แล้วมาประมาณ 4 ตร.ม. ซึ่งสิ่งที่ลงตัวกว่าห้องที่แล้วจะเป็นส่วนครัวที่ได้ครัวปิด และมีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งพอดีๆ ส่วนที่จัดฟังก์ชันต่างไปคือห้องนอนเพราะจะไม่ได้ห้องนอนแบบบานปิดทึบเป็นส่วนตัวแล้วนะ แต่จะได้ประตูบานเลื่อนกระจกแทน ก็จะเด่นในเรื่องบรรยากาศห้องที่โปร่งโล่งกว่า ส่วนห้องน้ำนี้ตำแหน่งจะอยู่ด้านนอกห้องนอนนะคะ การใช้งานจะเน้นเข้าจากส่วนนั่งเล่น ข้อดีคือเวลาแขกมาห้องก็ไม่จำเป็นต้องเดินผ่านห้องนอน ส่วนข้อด้อยกว่าห้องที่แล้วก็จะเป็นความสะดวกในการใช้ห้องน้ำจากห้องนอนที่น้อยกว่า

เข้ามาภายในห้องบรรยากาศจะค่อนข้างโปร่งโล่งกว่าห้องที่แล้ว เพราะหน้ากว้างของห้องที่มากกว่าและขนาดของกระจกใหญ่ด้วยค่ะ

ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งกำลังดีนะ

ส่วนอีกฝั่งที่เป็นชั้นวางทีวี สามารถ Built-in ชั้นวางของแบบเต็มผนังได้เลยตามห้องตัวอย่าง เรามองว่าดีนะ ได้ใช้พื้นที่ผนังได้คุ้มค่าด้วย

ด้านข้างส่วนโซฟา มีพื้นที่สำหรับจัดพื้นที่รับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งได้

ถัดมาจะเป็นห้องนอนฝั่งซ้ายมือและห้องครัวฝั่งขวามือ โดยทั้ง 2 ห้องกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน

เข้ามาภายในส่วนครัวปิดนี้ ภายในมีขนาดใกล้เคียงกับห้องที่แล้วนะคะ ส่วนสเป็คและขนาดของเคาน์เตอร์ครัวก็เท่ากันกับห้องที่แล้วเลยค่ะ

ส่วนพื้นที่ระเบียงนี้มีขนาดเท่าๆ กันเช่นกัน และลักษณะการใช้งานที่สามารถใช้ได้ทั้งหมดก็เหมือนกันนะ เพราะเครื่องซักผ้าทางโครงการได้ออกแบบให้เหมือนกันคือวางอยู่ด้านในเคาน์เตอร์ครัวค่ะ

เข้ามาในห้องนอนนี้ที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกนี้ ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสามารถติดตั้งม่านเพิ่มเติมได้นะคะ

ด้านข้างเตียงนั้นทำตู้เสื้อผ้า Built-in ให้เช่นเดียวกับห้องที่แล้วเลย

ส่วนขนาดเตียงนอนที่เหมาะสมกับห้องนี้ก็เป็นไซส์ 5 ฟุตเช่นกันนะ บรรยากาศมุมนี้ค่อนข้างโอเคเลยเพราะได้ติดกับหน้าต่าง มองวิวด้านนอกได้ดี

ติดกับห้องนอนจะเป็นพื้นที่สำหรับไว้ให้ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งต่างๆ ได้

ส่วนฝั่งตรงข้ามของห้องนอนจัดให้เป็นห้องน้ำ ที่ภายในมีฟังก์ชันเหมือนกับห้องที่แล้วเลย รวมไปถึงสุขภัณฑ์ด้วยนะคะ

แต่พิเศษกว่าห้องที่แล้วตรงที่ห้องน้ำจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ใช้งานได้สบายๆ มากขึ้นค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 JULY 2019

  • 1 Bedroom ขนาด 24.50 ตร.ม.  ราคาประมาณ 2.33 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม. ราคาประมาณ 2.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 33.50 ตร.ม. ราคาประมาณ 3.18 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ขนาด 44.50 ตร.ม. ราคาประมาณ 4.22 ล้านบาท

 

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.65 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
  • มีรถ Shuttle Bus (ยังไม่มีรายละเอียดระบุ)
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : โครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ ตั้งอยู่บนถนนเกษตรนวมินทร์ หรือประเสริฐมนูกิจ ฝั่งวิ่งไปทางแยกเกษตร โดยห่างจากแยกไปประมาณ 1.3 กม. โดยบรรยากาศรอบข้างนี้ต้องบอกว่าเป็นทำเลขับรถนะคะ เพราะถึงแม้ว่าจะอยู่ติดถนนใหญ่ก็จริงแต่ในระยะเดินไม่มีร้านค้าร้านอาหารเท่าไหร่นัก ซึ่งเรื่องของกินต่างๆ จะไปคึกคักตรงแยกเกษตร และในซอยพหลโยธิน 34 รวมไปถึงขยับไปหน่อย ระยะขับรถไม่ไกลก็จะมีย่านลาดพร้าววังหินที่มีร้านค้าร้านอาหารเปิดให้ซื้อของกินกันทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ : สำหรับที่ตั้งโครงการนี้การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวกสุดนะคะ วิ่งไปแยกเกษตรเข้าพหลโยธิน หรืองามวงศ์วานได้สะดวก หรือจะลัดเข้าซอยเสนานิมคม ไปออกลาดพร้าววังหิน และสามารถทะลุออกรัชดาภิเษก รวมไปถึงลาดพร้าวได้โอเคเลย ทำให้โครงการนี้เหมาะกับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักนะคะ ส่วนสิ่งที่แปรผันตรงกันคือเรื่องที่จอดรถที่ได้มาแบบรวมซ้อนคันอยู่ที่ 49% อาจจะไม่ได้มากเท่าไหร่ในทำเลโครงการนี้ที่เน้นใช้รถยนต์เป็นหลักนะ ซึ่งหากโครงการเอา Shuttle Service มาให้เพียงพอก็พอจะช่วยในส่วนนี้ได้ค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : หากใครไม่ขับรถ การใช้รถแท็กซี่หรือเรียก Grab รูปแบบต่างๆ จะเป็นวิธีที่สะดวกสุดนะคะ ทั้งนี้หากมี Shuttle Service ให้มาหลายคัน และมีการรับ-ส่งถี่ หลายช่วงเวลา ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น ส่วนระยะรถไฟฟ้าสำหรับโครงการนี้ไม่ได้ถือว่าใกล้ในระยะเดินได้นะคะ แต่นั่งรถไปต่อรถไฟฟ้าได้สะดวกอยู่ค่ะ ระยะราวๆ 1.3 กม.

การออกแบบ : รูปแบบการออกแบบโครงการเรามองว่าออกแนว Contempory ด้วยโทนเหลืองนวลๆ และการใช้เส้นสายลวดลายโค้งดูนุ่มนวล ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะคะ ส่วนเรื่องความหนาแน่นถือว่าค่อนข้างสูงนะในโครงการนี้ ทั้งจำนวนยูนิตต่อชั้นและอัตราส่วนลิฟต์ แต่ทางโครงการก็มีการเล่น Gimmick โดยการเจาะพื้นที่ระหว่างอาคารแล้วทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ให้ก็ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับโถงทางเดินได้ดี

ส่วนการออกแบบในห้องเรามองว่าทำมามาตรฐานนะคะ สำหรับห้อง 1 Bedroom 24.5 ตร.ม. เป็นห้องที่เหมาะกับคนที่ชอบห้องนอนเป็นสัดส่วน ประตูบานทึบเป็นส่วนตัวและห้องน้ำในตัวใช้งานได้สะดวก ส่วนครัวตำแหน่งดีนะสำหรับคนชอบทำครัว และเราสามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มเติมเองได้ เพื่อที่จะทำให้ครัวเป็นครัวปิด กลิ่นไม่ออกไปยังส่วนพื้นที่นั่งเล่น

สำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.5 ตร.ม. ห้องนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ซึ่งรูปแบบจะต่างกับห้อง 24.5 ตร.ม. ตรงที่ได้ครัวปิดเป็นสัดส่วน มีพื้นที่รับประทานอาหารเข้ามุมเรียบร้อย ส่วนห้องนอนไม่ได้เป็นประตูทึบแล้ว แต่เป็นประตูบานเลื่อนกระจกแทน ทำให้บรรยากาศในห้องโปร่งโล่งมากกว่าหน่อย ตรงที่แสงสามารถเข้ามายังโซนด้านในห้องได้ดีมากขึ้นค่ะ

วัสดุ : เรื่องวัสดุที่ได้จากโครงการต้องบอกว่าวันที่เราไปโครงการมามีหลายจุดที่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มนะคะ แต่โดยรวมทางโครงการจะขายในรูปแบบ Fully Fitted ประกอบด้วย เคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard และตู้เสื้อผ้า ส่วนพื้นจะเป็นลามิเนต กระเบื้องเซรามิก รวมไปถึงฝ้าเพดานสูง 2.65 ม. โดยรวมแล้วถ้าได้มาประมาณนี้เราว่าให้มาทั่วไปนะ แต่ที่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มก็จะมี Digital Door Lock, Home Automation ค่ะ ส่วนตัวแล้วถ้าจัด Fully Furnished มาให้เลยในราคาต่อตารางเมตร 95,000 บาท/ตร.ม. จะน่าสนใจมากขึ้นเยอะนะ

สาธารณูปโภค : เรื่อง Facilities โดยรวมแล้วจัดมาให้ครบนะคะ ซึ่ง Main Facilities จะถูกยกไปที่ชั้นดาดฟ้าด้านบน มีสระว่ายน้ำ, Fitness, Library, Co-Working Space ได้ชมวิวมุมสูงที่โปร่งโล่งทุกทิศ ส่วนชั้น 5 จะเป็นพื้นที่สีเขียวเป็นหลัก โดยมีการจัดฟังก์ชันให้ใช้งานได้ทั้ง Jogging Track และพื้นที่นั่งเล่นริมสวนแบบ Outdoor

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 95,000 บาท/ตร.ม., 10 JULY 2019

  • ทำเล 7.5/10 – อยู่ติดถนนเกษตร-นวมินทร์ ความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์อยู่บริเวณลาดพร้าววังหินและซอยพหลโยธิน 34
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ขับรถได้สะดวก แต่น่าจะได้ที่จอดรถมากขึ้นอีกหน่อยาสำหรับทำเลเน้นขับรถเป็นหลัก
  • ไม่ใช้รถ 6.75/10 – ติดถนนใหญ่จริงแต่เป็นถนนที่ไม่มีรถสาธารณะมากนัก เน้นใช้แท็กซี่ ดีที่ได้ Shuttle Service เพิ่มความสะดวกได้
  • วัสดุ 7/10 – ให้เป็น Fully Fitted เกรดมาตรฐาน
  • แบบ 7/10 – ตัวอาคารหนาแน่นพอสมควร ส่วนตัวห้องจัดฟังก์ชันมาได้ลงตัวดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีให้ครบมาตรฐาน ยก Main Facilities บนชั้นดาดฟ้า และมีพื้นที่นั่งเล่นระหว่างชั้นให้

  • HIGH CLASS
  • 7.27 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดติดถนนใหญ่ใกล้แยกเกษตร ในราคาที่ไม่แรงเทียบกับคอนโดเพื่อนบ้าน เน้นขับรถส่วนตัวเป็นหลัก มี Facilities ครบ ในราคาเริ่มต้น 2.33 ล้านบาท


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving