รีวิวโครงการ
The Sneak EP.127 : Whizdom The Forestias (Petopia Tower)
27 ตุลาคม 2021
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกคน วันนี้เราจะขอไปรีวิวอีกหนึ่งโครงการใน The Forestias คือ Whizdom The Forestias ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมอาคารสูงและเป็นที่อยู่อาศัยที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในอภิมหาโปรเจคอย่าง The Forestias ด้วยนะคะ โดยในรีวิวนี้เราจะโฟกัสไปที่อาคาร Petopia ซึ่งเป็นอาคารที่ออกแบบมาสำหรับคนรักสัตว์โดยเฉพาะ จุดเด่นของที่นี่มีอะไรที่โดนใจเราบ้างมาดูกันค่ะ
- The Forestias : Whizdom The Forestias เป็นโครงการภายใน The Forestias โปรเจค Mixed-use ที่มีผืนป่าขนาดใหญ่ขนาด 30 ไร่มาเป็นตัวชูโรงค่ะ ดังนั้น Benefit ของคนที่เลือกซื้อโครงการนี้จะไม่ใช่แค่ห้องเป็นอย่างไร ส่วนกลางดีไหม วัสดุคุ้มค่ารึเปล่า แต่จะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดจากการที่อยู่ภายใน The Forestias และได้รับความสะดวกสบายจาก community อื่นๆที่อยู่ภายใน The Forestias อีกด้วยค่ะ
- Pet Friendly : สำหรับอาคาร Petopia นั้นจะเป็นอาคารที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มคนที่ต้องการเลี้ยงสัตว์อย่างแท้จริง (ที่ Whizdom The Forestias จะมีอีก 2 อาคารแยกสำหรับคนที่ไม่เลี้ยงสัตว์ค่ะ) ทำให้ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและดีเทลต่างๆภายในห้องพักอาศัย ไม่ได้ออกแบบสำหรับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังคิดถึงการใช้ชีวิตของสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
- ราคาและค่าใช้จ่าย : Whizdom The Forestias นี้จะเป็นที่อยู่อาศัยที่มีราคาจับต้องง่ายที่สุดของ The Forestias ก็ว่าได้ค่ะ อย่างอาคาร Petopia เองราคาห้องเริ่มต้นจะอยู่ที่ 5.3 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างค่าธรรมเนียม ค่าแรกเข้า ค่าประกันต่างๆ นานาที่เราเคยเห็นในคอนโดรักสัตว์อื่นๆ ที่นี่จะไม่มีเก็บจุกจิกเพิ่มนะคะ โดยจะรวมทุกอย่างอยู่ในค่าส่วนกลางเรียบร้อยแล้ว
รายละเอียด Whizdom the forestias อาคาร Petopia จะเป็นอย่างไร ตามอ่านกันต่อเลยค่ะ
อัพเดตล่าสุด !! (30/10/2567) มีภาพบรรยากาศโครงการและห้องตัวอย่างของจริงจากวันเปิดตึกเสร็จมาให้ชมกันด้วย จะเป็นอย่างไรไปชมกันในบทความกันได้เลย
ข้อมูลโครงการ
Whizdom The Forestias (Petopia) [วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ (เพทโทเปีย)] ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2564
ชื่อโครงการ | Whizdom The Forestias (Petopia) / วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ (เพทโทเปีย) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด |
SEGMENT CLASS | Upper to High CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนบางนา-ตราด กม.7 อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ |
ที่ดิน | 2-0-89.9 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 43 ชั้น 1 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 294 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 9 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 98% (automated & conventional parking) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2019 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2022 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.8 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 5.3 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | 174,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | 132,000 – 204,000 บาท/ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | mqdc.com/discover-project/whizdom/theforestias |
Call Center | 1265 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.6564347, 100.6669935
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ที่ตั้งของโครงการ Whizdom The Forestias จะอยู่ภายในโครงการ The Forestias มีทางเข้า-ออกอยู่ติดกับถนนบางนา-ตราดค่ะ
ทำไมต้องบางนา?
สำหรับโซนบางนาเป็นอีกโซนที่รองรับการขยายตัวของเมือง เริ่มมีความเจริญต่างๆ ทั้งแหล่งงาน ห้างสรรพสินค้า Mega project ต่างๆ รวมถึงที่อยู่อาศัยก็ขยายตัวมายังชานเมืองกันมากขึ้น โดยถนนหลักที่เป็นพระเอกในทำเลบางนานี้ก็คือ “ถนนบางนา-ตราด” ที่มีทางด่วนบูรพาวิถีพาดผ่าน สามารถใช้เป็น Fast Track เชื่อมออกไปฉะเชิงเทรา ชลบุรีได้ เป็นต้น ซึ่งจุดที่น่าสนใจในโซนนี้มีสำหรับเราคือ
- ความสะดวกในการเดินทาง
พื้นที่โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เป็นอีกโซนที่มีการพัฒนาเรื่องระบบขนส่งเยอะทีเดียวนะคะ ทั้งความหลากหลายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ อีกทั้งการพัฒนาทางด้านการสร้างถนนหนทางเพื่อเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆทางภาคตะวันออกของไทย - การเจริญเติบโตของแหล่งงาน
ทำเลบางนาเป็นอีกหนึ่งโซนที่กำลังมาแรงของอาคารสำนักงาน เนื่องจากเป็นประตูภาคตะวันออก ที่มีนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก เช่น นิคมบางปู นิคมบางพลี นิคมเวลโกรว์ นิคมอมตะนคร เป็นต้น ทำให้บริษัทที่มีโรงงานตามนิคมต่างๆ เลือกที่จะเปิดสำนักงานใหญ่ในโซนนี้กันมากขึ้น - การรวมตัวของ Mega Project
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ โซนบางนาเป็นอีกโซนที่มี Mega Project เกิดขึ้นเยอะ เนื่องจากที่ห้าง Mega Bangna ทำแล้วประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังเป็นทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้มีหลายๆ Project ผุดขึ้นหลายโครงการ ซึ่ง The Forestias เองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
The Forestias
The Forestias เป็น Mixed-use Project ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 398 ไร่ ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล, ออฟฟิศ, ห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์, Service Apartment, โรงแรม, คอนโด High Rise, คอนโด Low Rise, คอนโดผู้สูงอายุ และพื้นที่สวนป่า+ Forest Pavilion(ศูนย์การเรียนรู้) เรียกว่าตอบสนอง lifestyle ของคนทุกช่วงวัยเลยค่ะ โดยจุดเด่นของที่นี่คือการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเป็นสวนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ โดยทาง MQDC เริ่มปลูกต้นไม้ใหม่เองตั้งแต่ต้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มมีสิ่งปลูกสร้างด้านในโครงการ เผื่อให้รากฐานมีความมั่นคง แข็งแรง โดยภายในไม่ใช่แค่สวนธรรมดา แต่มีกิจกรรมต่างๆให้ทำทั้งทางเดิน (Sky Canopy Walk), ลานกิจกรรม และ Forest Pavilion(ศูนย์การเรียนรู้) ทำให้คนที่เลือกอยู่ที่นี่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติในแบบที่ไม่ต้องขับรถไปไกลๆเลยค่ะ
ใครที่สนใจข้อมูลของ The Forestias สามารถดูข้อมูลพิ่มเติมได้…
สำหรับที่ตั้งของ Whizdom The Forestias จะเป็น Condominium High Rise 3 อาคารที่สูงสุดใน The Forestias ซึ่งอยู่ในโซนทางด้านหน้าใกล้กับ Town Center และ Office Building & Retail community Center , family Center ห่างจากถนนบางนา-ตราดประมาณ 700 เมตร ทำให้ได้ข้อดีเรื่องความสะดวกสบาย คนที่อยู่ในโครงการสามารถเดินไปใช้งาน Retails ได้สะดวกค่ะ นอกจากนี้ตัวโครงการจะอยู่ติดกับสวนป่าขนาด 30 ไร่ ซึ่งในการออกแบบอาคารก็คำนึงถึงมุมมองของห้องให้หันไปหาสวนป่าเช่นกันนะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
Shopping Center
- Mega Bangna & IKEA 4.5 กิโลเมตร
- Index Living Mall บางนา 6 กิโลเมตร
- Central บางนา 6.3 กิโลเมตร
- Seacon Square 7.1 กิโลเมตร
- Paradise Park 8.2 กิโลเมตร
- Market Village สุวรรณภูมิ 10.8 กิโลเมตร
- Central Village 14.8 กิโลเมตร
- King Power ศรีวารี 20 กิโลเมตร
- Bangkok Mall 21.1 กิโลเมตร
สถานศึกษา
- Thai-Singapore International School 5.2 กิโลเมตร
- Bangkok Patana School 6.2 กิโลเมตร
- International Community School (ICS) 6.2 กิโลเมตร
- Concordian International School 6.4 กิโลเมตร
- Raffles American School (RAS) 7.1 กิโลเมตร
- Berkeley International School 7.7 กิโลเมตร
- St. Andrews International School 8.8 กิโลเมตร
- Wells International School 15 กิโลเมตร
- The American School of Bangkok 15.6 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ 350 เมตร
- โรงพยาบาลไทยศรีนครินทร์ 4.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสิรินธร 14.9 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ 23.2 กิโลเมตร
รถไฟฟ้า
- MRT สายสีเหลือง สถานีศรีเอี่ยม 6.2 กิโลเมตร
- BTS สายสีเขียว สถานีบางนา 20.7 กิโลเมตร
*หมายเหตุ : วัดระยะทางจากโครงการ The Forestias ไปยังที่หมายโดยใช้เส้นทางรถยนต์ ในระยะที่ใกล้ที่สุด ผ่านการวัดจาก Google Map
รายละเอียดโครงการ
Whizdom the forestias จะเป็นคอนโด High Rise 3 อาคารบนที่ดิน 8 ไร่นิดๆ รวมห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,119 ยูนิต โดยทั้ง 3 อาคารจะมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและรูปแบบห้องพักอาศัยที่แตกต่างกันอยู่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันค่ะ อย่างอาคาร Petopia จะออกแบบมาเพื่อคนรักสัตว์โดยเฉพาะ อาคาร Destinia ออกแบบมาเพื่อกลุ่ม Small family ส่วน Mytopia จะเป็นอาคารที่ตอบโจทย์คนโสดหรือ Couple ค่ะ
เนื่องจากกลุ่ม user ที่แตกต่างกัน Whizdom the forestias จึงมีการแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 2 ส่วน 1) อาคาร Petopia และ 2) อาคาร Mytopia และอาคาร Destinia ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะมีจุดที่ใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงค่ะ ซึ่งคนที่อยู่ในอาคาร Petopia ก็จะเป็นกลุ่มคนที่รักสัตว์ เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ ทำให้เกิด Community เล็กๆ ระหว่างเจ้าของด้วยกันเองและระหว่างสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เรียกว่าไม่ต้องกลัวน้องหมาเราเหงา สามารถพาออกมาเจอเพื่อนๆได้ตลอดเวลาค่ะ ส่วนคนที่ไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์แต่อยากอยู่ใน Whizdom the forestias ก็สามารถเลือกห้องที่ Mytopia หรือ Destinia ได้เลย
โดยทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีการแยกทางเข้า-ออก พื้นที่ส่วนกลางออกจากกัน รวมไปถึงนิติบุคคล และค่าส่วนกลางที่จัดเก็บด้วย ซึ่งในอาคาร Petopia จะมีการเก็บค่าส่วนกลางอยู่ที่ 70 บาท/ ตร.ม. ส่วนอีก 2 อาคารจะจัดเก็บอยู่ที่ 60 บาท/ตร.ม. สำหรับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่านี้ก็จะมีฟังก์ชันที่เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น จุดบริการน้ำดื่มสำหรับสัตว์เลี้ยงเอย หรือการทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆที่อาจจะต้องมากกว่าคอนโดทั่วไปค่ะ ซึ่งจุดที่เราว่าน่าสนใจคือภายใน Petopia จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่าง ค่าแรกเข้า ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน อย่างที่เราเคยเจอในคอนโดอื่นๆที่เลี้ยงสัตว์ได้นะคะ ลดค่าใช้จ่ายจุกจิกไปได้
ในการออกแบบ Whizdom the Forestias นี้ทาง MQDC ไม่ได้คิดที่จะออกแบบคอนโดธรรมดาทั่วไปนะคะ แต่ตั้งใจให้เป็นที่อยู่อาศัยที่รวมข้อดีของบ้านในแบบที่คอนโดไม่มี มารวมกับข้อดีของคอนโดเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
- บ้านจะได้ความ Private >> ออกแบบให้ยูนิตพักอาศัยมีผนัง 2 ชั้นโดยมี Air gap ตรงกลางกันเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน
- บ้านจะได้ที่ดิน สามารถปลูกต้นไม้ได้ ใกล้ชิดธรรมชาติ >> Whizdom the forestias ตั้งอยู่ติดกับสวนป่าขนาด 30 ไร่ ผู้อยู่อาศัยได้รับอากาศบริสุทธิ์ และได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
- บ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ >> อาคาร Petopia ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานของคนเลี้ยงสัตว์ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆมาเลือกใช้ รวมไปถึงการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสำหรับคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ
- บ้านได้ที่จอดรถ >> Whizdom the forestias มีที่จอดรถรวม 100%
- คอนโดได้รับวิว
- คอนโดมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน
ก่อนที่จะไปสำรวจดูภายในอาคาร Petopia เรามาดูเงื่อนไขสำหรับสัตว์เลี้ยงกันก่อนนะคะว่าจะเป็นสัตว์แบบไหนบ้าง มีข้อจำกัดอะไรบ้างค่ะ
Rules for Petopia
เงื่อนไขสัตว์เลี้ยง (อนุญาตยูนิตละ 2 ตัว)
- เป็นสัตว์ที่ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย
- เป็นสัตว์ที่ไม่ทำร้ายคนและสัตว์อื่นๆ
- เป็นสัตว์ที่ไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันควร
- เป็นสัตว์ที่ไม่เป็นพาหะนำโรค
- เป็นสัตว์ที่มีน้ำหนักตัวโตเต็มวัยมากที่สุดไม่เกิน 25 kg.
- เป็นสัตว์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนตามมาตรฐานของสัตวแพทย์ รวมถึงสุนัข และ แมวได้รับการฝังไมโครชิป โดยมีหลักฐานเอกสารรับรอง
- สุนัขที่ผ่านการทดสอบดังต่อไปนี้
– ไม่ทำร้ายคน สัตว์ และสิ่งของ
– สามารถอยู่ในสายจูงได้เวลาออกนอกห้องพัก
– ไม่แตกตื่นเวลาอยู่ในฝูงชน
* ทางโครงการจะมีคอร์สเทรนน้องให้ก่อนเข้าอยู่จำนวน 2 ครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
** เงื่อนไขอื่นๆหรือรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามกับทางเซลล์โครงการได้อีกครั้งค่ะ
Petopia อาคารที่ออกแบบมาสำหรับคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ อาคารนี้จะมีความสูงทั้งหมด 43 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่นิดๆ มีห้องพักอาศัยรวมทั้งหมด 294 ยูนิต
พื้นที่ส่วนกลาง
สำหรับอาคาร Petopia มีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนรักสัตว์จริงๆค่ะ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่สัตว์เลี้ยงก็สามารถเข้าไปใช้งานได้ แต่บางห้องก็จะมีการแยกใช้งานเช่นกัน เป็นห้องสำหรับน้องหมา ห้องสำหรับน้องแมว เป็นต้น เราเลยจะขอพาไปสำรวจพื้นที่ส่วนกลางของ Petopia กันทีละชั้นดีกว่าค่ะ
ที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบยกชั้นค่ะ ที่จอดรถของที่นี่จะมีแบบ Auto-parking กับที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งจะมีห้อง Waiting lounge สำหรับรอรถอยู่ข้างๆกับจุด Auto-parking ค่ะ
พื้นที่รอบๆอาคารจะถูกจัดเป็นสวนเชื่อมต่อกับผืนป่า 30 ไร่ที่อยู่ข้างอาคาร ซึ่งจะมีฟังก์ชันอย่าง Jogging Track และ Pet playground อยู่ โดยทางเดินนี้จะยาว 150 เมตร ใช้เดินออกกำลังกายพร้อมกันกับสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ นอกจากนี้จะมีจุดอำนวยความสะดวก เช่น จุดบริการน้ำดื่ม หรือจุดทิ้งที่ขับถ่ายตั้งอยู่ทุกๆ 50 เมตร เพื่อความสะดวกสบาย ความสะอาดเรียบร้อย และสุขอนามัยที่ดีค่ะ
ภายในอาคารจะมี Forest lobby, Breakfast lounge และมี Pet day care ให้บริการสำหรับคนที่อยากฝากน้องเอาไว้ในวันที่เราไม่ว่างดูแลหรือไปเที่ยวนานๆค่ะ ไม่ต้องไปไหนไกลเลย
บรรยากาศพื้นที่ Drop off ของอาคาร petopia จะเห็นว่ารอบๆจะล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจีเลยค่ะ ส่วนทางเข้าอาคารก็จะออกแบบให้เป็น Double gate หรือประตูรั้ว 2 ชั้นป้องกันน้องสัตว์เลี้ยงวิ่งหลุดออกไป มีพรมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ทางเข้าเพื่อทำความสะอาดก่อนเข้าสู่อาคาร
บรรยากาศของ Forest lobby พื้นที่ส่วนนี้จะเลือกใช้วัสดุโทนธรรมชาติอย่างไม้และหินมาเป็นองค์ประกอบในการออกแบบ และเลือกใช้วัสดุที่ทนรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรกจากสัตว์เลี้ยงอย่างพื้นไวนิลและกระเบื้อง นอกจากนี้ก็จะมีการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เช่น โคมไฟที่มีเชือกเอาไว้ให้น้องแมวได้ลับเล็บ เป็นต้นค่ะ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะมีความสูง 6 เมตร มีผนังกระจกเปิดมุมมองไปยังสวนป่าขนาด 30 ไร่ที่อยู่ด้านข้าง ดึงธรรมชาติจากพื้นที่รอบๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Lobby นี้ด้วย
ส่วน Breakfast lounge จะตั้งอยู่ข้างๆต่อเนื่องไปกับ Forest lobby ค่ะ ดังนั้นโทนการออกแบบจึงจะไปในดีไซน์เดียวกัน แต่เฟอร์นิเจอร์ตรงนี้จะเป็นโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ และมีการประดับฝ้าเพดานด้วยรูปทรงใบไม้ ได้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ค่ะ สามารถมาทานอาหารเช้ากันที่ตรงนี้ในบรรยากาศสบายๆล้อมด้วยธรรมชาติได้
ขึ้นมายังชั้น 2 จะประกอบไปด้วย Forest lounge , Meeting room และ Co-living room ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองออกไปเห็นป่า และอยู่ในระดับที่มองออกไปเห็นต้นไม้เช่นกันค่ะ
บรรยากาศของห้อง Co-living room(ห้องกระจกขวา) และ Meeting room (ห้องกระจกซ้าย) ส่วนด้านบนจะเป็น Forest duplex penthouse โซนที่ใกล้ชิดผืนป่ามากที่สุดในอาคาร
Forest lounge ถือว่าเป็นห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากของอาคารก็ว่าได้ค่ะ เป็นห้องที่สูง 5 เมตร ได้วิวที่เห็นป่า และยังได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากการที่อยู่ชั้น 2 โดยมีการเลือกใช้วัสดุอย่างไม้สีอ่อนและหินอ่อนสีเขียวมาตกแต่ง สามารถมานั่งเล่นหรือพักผ่อนที่นี่ได้
Meeting room ห้องกระจกสูง 3.5 เมตร ที่หันหน้าเข้าหาป่าถึง 3 ด้าน รองรับการใช้งานได้ 20 คน และมีจอโทรทัศน์แบบแขวนตั้งอยู่เพื่อไม่ให้บังวิวด้วยค่ะ โดยการตกแต่งจะเน้นเฟอร์นิเจอร์สีคาราเมล และโต๊ะหน้าไม้ให้ได้บรรยากาศธรรมชาติค่ะ จุดที่น่าสนใจคือห้องนี้สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้งานด้วยได้นะคะ
Co-living Room เป็นห้องที่จัดไว้สำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ มีบ้านแมวอยู่ตรงกลาง บรรยากาศโปร่งโล่งสูง 6 เมตร ชมวิวป่าได้ โดยเราสามารถปล่อยน้องแมวปีนป่ายเล่น ในขณะที่เรานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้เลยค่ะ
ชั้น 8 จะเป็น Main facility ของอาคารอีกชั้นค่ะ โดยทั่วไปเรามักจะให้คุณค่ากับคอนโดที่นำเอา Facility ต่างๆไปไว้ชั้นดาดฟ้าเพื่อชมวิวกัน แต่สำหรับโครงการนี้เรามองว่าวิวที่ดีไม่ได้อยู่ที่ชั้นดาดฟ้า แต่อยู่ในระดับที่เห็นได้ทั้งยอดไม้และท้องฟ้าค่ะ ดังนั้นในการมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้เราก็จะได้ทั้งวิวท้องฟ้ากว้างเหนือยอดไม้ขึ้นไป
ฟังก์ชันของชั้นนี้จะมีกิจกรรมหลักสำหรับคนอย่างฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ซึ่งสองส่วนนี้จะไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปเพื่อความสุขอนามัยในการใช้งานนะคะ นอกจากนี้ก็จะมี Pet playground ให้น้องหมาวิ่งเล่น มีห้องนั่งเล่นที่เจ้าของสามารถนั่งพักระหว่างที่น้องวิ่งเล่นได้ และมี Yoga lawn เป็นมุมให้คนเล่นโยคะกลางแจ้งได้ค่ะ
นอกจากนั้นที่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ Laundry หรือว่าส่วนซักรีดที่ไม่ได้มีแค่เครื่องซักผ้าสำหรับคนเท่านั้น ยังมีเครื่องซักผ้าสำหรับชุดของสัตว์เลี้ยงจัดเตรียมให้มาเพิ่มเติมอีกด้วยนะคะ
บรรยากาศของสระว่ายน้ำ มีขนาด 5×29 เมตรสามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้เลยนะคะในระยะความยาวเท่านี้ และยังมีสระขนาดเล็กสำหรับเด็กอยู่ข้างๆขนาด 5×4.5 เมตรและจากุชชี่ให้ใช้งานด้วยค่ะ ดูจาก Perspective เราสามารถใช้งานไปชมวิวป่าไปได้ด้วย แบบที่ไม่ต้องไปต่างจังหวัดเลยค่ะ
บรรยากาศภายในห้องฟิตเนส ตรงนี้ถือว่ามีการจัดเตรียมอุปกรณ์ออกกำลังกายเอาไว้ให้ใช้งานครบครันเลยนะคะ
ห้องนี้จะอยู่ที่ตำแหน่งมุมอาคารทำให้สามารถมองออกไปเห็นป่าได้สองฝั่ง ดูแล้วสดชื่นดีเหมือนกัน
Relaxation Room ห้องนี้เป็นห้องที่ออกแบบมาให้น้องหมาใช้งานโดยเฉพาะค่ะ ซึ่งบรรยากาศการออกแบบก็จะเลือกใช้พื้นไม้แบบก้างปลา และมีเฟอร์นิเจอร์ที่น้องสัตว์เลี้ยงมาใช้งานด้วยได้ค่ะ
สำหรับ Pet Playground ตรงนี้จะมีเครื่องเล่นสำหรับสุนัขและสนามหญ้าให้น้องๆได้วิ่งเล่นโดยมีระเบียงสูง 1.2 เมตรและแนวต้นไม้ป้องกันความปลอดภัยให้กับน้องๆได้
ที่ชั้นดาดฟ้าจะจัดเป็นสวนลอยฟ้าและพาวิลเลียนค่ะ ผู้อยู่อาศัยสามารถขึ้นมาผ่อนคลายได้ และมีมุมให้ทดลองการปลูกพืชผักอีกด้วยค่ะ
…อัพเดตภาพบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลาง (30/10/2567)
ภาพบรรยากาศโครงการ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Basement
- EV Charger parking
- Wash car parking
Ground floor
- Forest lobby
- Breakfast lounge
- Waiting lounge สำหรับ Auto parking
- Jogging track
- Pet playground
- Pet day care
- Vending machine
2nd floor
- Meeting room
- Co-living room
Mezzanine
- Forest lounge
8th floor
- Swimming pool
- Kids pool
- Steam room
- Fitness
- Changing rooms & lockers
- Pet playground / Pet drinking & waste area
- Relaxation room
- Laundry room
Rooftop
- Sky garden with vegetable & Herb corner
ระบบรักษาความปลอดภัย
- Digital Door Lock ของ Yale หรือเทียบเท่า
- Key Card Access
- รปภ. 24 ชั่วโมง
- CCTV
ผังชั้นพักอาศัย
อย่างที่บอกไปก่อนหน้าค่ะว่าสำหรับโครงการ Whizdom the forestias ไม่ใช่ห้องที่อยู่สูงถึงมีมูลค่าสูง แต่ห้องที่อยู่ชั้นล่างๆก็มีดีเช่นกันเพราะได้วิวป่าและใกล้ชิดธรรมชาติ ดังนั้นในการออกแบบก็จะมีห้องพักอาศัยยูนิตพิเศษอยู่ชั้นล่างๆด้วยค่ะ
อาคาร Petopia ชั้น 3,5
ที่ชั้น 3-6 จะเป็นห้องพักอาศัยยูนิตพิเศษที่มีชื่อว่า Forest Duplex Penthouse มีขนาด 73 – 128 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13.6 ล้านบาทค่ะ ห้องตรงนี้เรามองว่าได้ข้อดีตรงที่มองออกไปจะเจอกับป่าพอดี ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ และเป็นยูนิต Duplex มีบันไดภายในได้บรรยากาศที่เหมือนอยู่บ้านด้วยค่ะ
อาคาร Petopia ชั้น typical
ชั้น 9-37 เป็นชั้นพักอาศัยหลักของโครงการค่ะ ห้องสีฟ้าเป็น 1 Bedroom ห้องสีเขียวเป็น 2 Bedroom และห้องสีม่วงเป็น 3 Bedroom อยู่ในตำแหน่งที่เห็นวิวสวนป่าดีที่สุดค่ะ
อาคาร Petopia ชั้น 38,40
ชั้น 38-41 จะเป็นอีกโซนที่มีห้องแบบ Duplex อยู่ค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ห้องที่มีบันไดภายในตัว ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน และก็ยังมีห้อง 1 Bedroom สูงระดับปกติอยู่ด้วยค่ะ
ที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคารจะเป็นห้องแบบ Penthouse ค่ะ มีอยู่เพียง 6 ยูนิตเท่านั้น เหมาะสำหรับครอบครัวที่อยากเลี้ยงสัตว์ด้วย โดยห้องแบบ Penthouse จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 26.7 ล้านบาทค่ะ
แบบห้อง
ในอาคาร Petopia จะประกอบไปด้วยห้องพักอาศัย 294 ยูนิต ซึ่งมีแบบให้เลือกเยอะมาก ขอ recap แบบห้องให้ดูกันก่อนนะคะ
- 1 Bedroom ขนาด 34 – 44 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 58 – 79 ตร.ม.
- 3 Bedroom ขนาด 97 – 99 ตร.ม.
- Duplex ขนาด 60 – 164 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 154 – 206 ตร.ม.
- Forest Duplex penthouse ขนาด 73 – 128 ตร.ม.
ดูจากแบบห้องจะเห็นได้ว่ามีห้องให้เลือกเยอะมาก ตอบโจทย์ทั้งคนที่ต้องการอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ หรือว่าอยู่กันเป็นครอบครัวได้ แต่ทุกคนจะมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือรักสัตว์ และต้องการเลี้ยงสัตว์นั่นเองค่ะ ทำให้ community ของ petopia จะเต็มไปด้วยคนที่มีความชอบ ความสนใจในเรื่องสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน เราไม่เหงา สัตว์เลี้ยงเราก็ไม่เหงาเช่นกัน
โดยอาคาร Petopia นี้นอกจากจะออกแบบส่วนกลางที่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปใช้งานพร้อมกันกับเราได้ด้วยแล้ว ยังมีการออกแบบดีเทลภายในห้องพักอาศัย ที่คิดมาสำหรับคนเลี้ยงสัตว์อีกด้วยค่ะ
Extra details ภายในห้องสำหรับคนรักสัตว์
- Door Seal กันเสียงและฝุ่น
- ผนังสองชั้นกันเสียง มี Air gap ระหว่างผนัง
- เครื่องหมุนเวียนอากาศ ERV สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และเครื่อง Fresh air เติมอากาศบริสุทธิ์
- Pet leash hooks
- Pet cabinet
- Pet Shower ที่นั่งอาบน้ำรองรับน้ำหนัก 100 kg. และฝักบัวอาบน้ำสัตว์แบบใช้มือเดียว
- Wicket door และ Pet cage
- Pet-friendly floor material
- ปลั๊กไฟสูงจากพื้นห้อง 1 เมตร
- บัวเชิงผนังแบบพิเศษสำหรับป้องกันการสะสมของขนสัตว์
- ภายในห้องน้ำเลือกใช้ Floor drain 3 ชั้นในการกรองขนสัตว์
- CCTV ดูแลความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงภายในห้อง จากหุ่นยนต์ผู้ช่วยส่วนตัว (น้องไข่ต้ม)
ส่วนรูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted ที่มีครัวพร้อม ห้องน้ำพร้อมและมี built-in ตู้เก็บของบริเวณทางเข้าและ walk-in closet มาให้ ขาดก็แต่เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่น โซฟา เตียงนอน โต๊ะกินข้าว ชั้นวางทีวี ซึ่งเราสามารถเลือกตกแต่งให้ตรงกับความชอบเราเองได้ค่ะ
รายการวัสดุที่ใช้ภายในห้อง
- พื้นห้องนอนและห้องนั่งเล่น : พื้น SPC แบบ Click lock
- พื้นห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียง : พื้นกระเบื้องพอร์ซเลน
- ผนังห้องน้ำ และ Backsplash ครัว : กระเบื้องพอร์ซเลน
- หน้าต่างห้องนอน : กระจก IGU
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : KOHLER หรือเทียบเท่า
- Top เคาน์เตอร์ครัวและอ่างล้างหน้า : กรุหินควอทซ์
- อุปกรณ์ชุดครัว : Franke หรือเทียบเท่า
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม.
สำหรับรีวิวแบบห้องในอาคาร Petopia ที่จะพาไปดูนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม. เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คนพร้อมกับเลี้ยงสัตว์ค่ะ
ห้อง Type นี้ถือว่าเป็นห้องหน้ากว้างนะคะ ทุกฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องนอนเป็นห้องนอนปิด มีหน้าต่างภายในตัว พร้อม Walk-in Closet ส่วนห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำที่เข้าได้ 2 ทางจากในห้องนอนและโถงทางเข้า ทำให้สะดวกในการใช้งาน ครัวได้ครัวปิดเวลาทำอาหารกลิ่นและควันก็ไม่ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะติดกับระเบียงขนาดใหญ่ สามารถจัดมุมสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ และมี Wicket door พร้อม pet balcony เผื่อน้องหมาน้องแมวที่เบื่ออยู่แต่ในห้องสามารถออกมาชมนกชมไม้ที่ระเบียงได้เวลาที่เราไม่อยู่ค่ะ เราลองไปชมบรรยากาศห้องตัวอย่างกันดีกว่านะ
เริ่มกันที่ประตูทางเข้านะคะ บานประตูจะปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ และมี Digital Door Lock ติดตั้งมาให้เป็นของ Yale และมีการติดตั้ง Door seal และ Drop seal ที่ประตูทางเข้าห้อง เพื่อป้องกันเสียงจากโถงทางเดินเข้าห้องพักค่ะ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับโถงทางเดินเป็นอันดับแรกเลยค่ะ ทางขวามือจะเป็นห้องครัว ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำนะ
โถงตรงนี้เป็นเหมือนระยะพักให้เราได้ถอดรองเท้า เก็บร่ม เช็ดเท้าน้องหมาที่เราพาไปเดินเล่นลุยสวนมา จึงเป็นโถงโล่งไม่ได้วางฟังก์ชันหลักอะไรไว้ค่ะ ส่วนพื้นตรงนี้ก็จะเป็นพื้นกระเบื้องที่เราสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ผนังข้างทางเดินฝั่งห้องน้ำจะมี Built-in ตู้เก็บของอยู่ 2 ฝั่งค่ะ ฝั่งที่ใกล้ประตูจะเป็นมุมซักรีด ส่วนทางขวามือจะเป็นที่เก็บรองเท้า+pet cabinet พร้อม Hooks ที่ผนังสำหรับสายคล้องน้องสัตว์เลี้ยง
พาน้องกลับมาหลังจากเดินเล่น ให้น้องยืนรอเช็ดเท้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเข้าไปในห้องค่ะ
ติดกับประตูทางเข้าจะมีผนังที่ Built-in พื้นที่เก็บของไว้ให้ค่ะ
ตัว hooks สำหรับสายคล้องกับ pet cabinet จะอยู่ติดกันเลยค่ะ เวลาใช้งานจริงก็สะดวกนะ
ถ้าเราดูดีไซน์ดีๆ จะเห็นว่าตัว Hooks จะเลือกแบบที่เป็นเกลียว ตรงนี้เพื่อความปลอดภัยของน้องๆถ้าเกิดวิ่งหรือกระโจนขึ้นมาขณะอยู่ในสายคล้องก็จะไม่กระตุกแรงจนน้องเจ็บหรือตกใจค่ะ
เข้ามาดูภายในห้องน้ำกันค่ะ ห้องน้ำที่นี่ถือว่ามีขนาดกว้างดีเลย โดยพื้นและผนังจะเลือกกรุกระเบื้องพอร์ซเลนที่เกรดดีกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ทั่วไปนะ
นอกจากนี้ภายในห้องน้ำจะติดตั้ง Motion sensor เอาไว้ เวลาเราเดินเข้ามาใช้งานไฟก็จะเปิดปิดได้อัตโนมัติค่ะ
ห้องน้ำจะมีทางเข้า-ออกสองทาง จากห้องนอนและจากโถงทางเดินบริเวณทางเข้าห้องค่ะ ซึ่งถือว่าสะดวกดีเลย และเวลามีแขกมาเยี่ยมก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเราเพื่อมาใช้ห้องน้ำ ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
ภายในห้องน้ำจะมี Pet leash hooks อยู่อีกจุด
ส่วนสุขาจะได้โถสุขภัณฑ์ของ Kohler ตัวโถจะลอยจากพื้นเกาะกับผนังด้านหลัง ซึ่งถือว่าดีนะคะ เวลาเราล้างทำความสะอาดก็จะมีซอกน้อยลง และตำแหน่งก็อยู่เข้ามุมส่วนตัวดีเลย หา Room Diffuser มาวางดับกลิ่นก็ได้นะ
ส่วนอ่างล้างหน้าก็เข้ามุมเป็นสัดส่วนไม่ขวางทางเดินค่ะ ตัวอ่างจะได้เป็นของ Kohler เช่นกันเป็นแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ โดย Top เคาน์เตอร์จะกรุด้วยหินควอทซ์ ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานดี(ตัวกระจกเงาจะได้แบบธรรมดานะคะ)
ใต้เคาน์เตอร์จะ Built-in ตู้เก็บของมาให้
โซนอาบน้ำจะกั้นแยกเป็นห้องเอาไว้ให้ค่ะ มีฉากกั้นกระจกเป็นกระจกเทมเปอร์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่ากระจกทั่วไปนะ (เวลาแตกจะไม่แหลมบาด)
ภายในห้องน้ำจะมีที่นั่งอาบน้ำสำหรับอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงได้ โดยที่นั่งนี้จะรับน้ำหนักได้ 100 kg.
น้องนั่งรออาบน้ำเรียบร้อยเลยค่ะ
มาดูที่ครัวกันต่อค่ะ พื้นที่ส่วนครัวจะแยกเป็นห้องดูเป็นสัดส่วนดีนะคะ แต่ว่าตัวห้องจะไม่ได้ดูทึบตัน นอกจากประตูบานเลื่อนกระจกแล้วก็ยังมีช่องแสงที่ผนังด้านข้างเพิ่มให้ภายในครัวดูสว่าง และพื้นที่ภายในห้องดูเชื่อมต่อถึงกันค่ะ
ประตูครัวจะเป็นบานเลื่อนกระจกนะ เราชอบที่ได้ครัวปิดอยู่นะคะ เวลาที่เราไม่ได้อยู่ห้องก็ปิดประตูตรงนี้เอาไว้ น้องหมาน้องแมวที่วิ่งเล่นในห้องก็ไม่เข้าไปวุ่นวายในครัว ปลอดภัยดีค่ะ
ภายในครัวจะจัดเคาน์เตอร์และ Built-in ชั้นวางของต่างๆเข้ามุมเป็นรูปตัว L ขนาดถือว่าใหญ่เลยค่ะมีเตาไฟฟ้าให้ มีอ่างล้างจานให้ และยังเหลือพื้นที่บนเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารได้อีก
ด้านแคบจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นนะ สามารถวางไมโครเวฟข้างๆได้ มีปลั๊กไฟอยู่ใกล้ๆ
เข้ามาทางด้านในห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นแล้วค่ะ จะเห็นว่าบรรยากาศดูโปร่งสบายนะ มีพื้นที่ให้น้องสัตว์เลี้ยงของเราได้วิ่งไปมา และมีระเบียงใหญ่ที่วันไหนอากาศดีก็เปิดรับลมระบายอากาศได้เต็มที่
ภายในห้องจะมีความสูงที่ 2.8 เมตรดูโปร่งดีค่ะ
ส่วนวัสดุพื้นจะเปลี่ยนจากกระเบื้องเป็นพื้น SPC ที่เป็น Pet-friendly material
น้องเดินหรือวิ่งเล่นก็ไม่ลื่น ทนน้ำและรอยขีดข่วนดีกว่าลามิเนต
พื้นที่ส่วนที่ติดกับครัวสามารถจัดเป็นโต๊ะกินข้าวได้ ในห้องตัวอย่างจัดไว้แบบ 2 ที่นั่งเป็นขนาดที่กำลังพอดีนะคะ แต่จุดที่เราอยากให้สังเกตเพิ่มคือตำแหน่งปลั๊กไฟภายในห้อง จะออกแบบให้มีระยะสูงจากพื้นอยู่ที่ 1 เมตร เพื่อป้องกันอันตรายกับสัตว์เลี้ยงของเราด้วยค่ะ
มาที่ส่วน Living area จะมีระยะที่กว้างดีนะคะ ในห้องตัวอย่างลองวางโซฟาและโต๊ะหน้าโซฟามาให้ดูเราก็จะเห็น Space รอบๆที่กว้างพอให้น้องๆที่เราเลี้ยงวิ่งไปมาได้
มีพื้นที่สำหรับที่นั่งเล่นนอนเล่นของน้องๆด้วยค่ะ
พื้นที่ด้านข้างจะจัดเป็นโซนสำหรับน้องสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะก็ได้เลยค่ะ เป็นที่นอนของน้องๆหรือมุมขับถ่าย ให้อาหารได้หมดนะ
จุดที่พิเศษคือ Wicket door หรือประตูสำหรับน้องสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
เผื่อวันไหนน้องเบื่ออยู่ในห้องก็เดินออกมาที่ระเบียงเองได้
ส่วนผนังฝั่งหน้าห้องนอนก็มีขนาดกว้าง จัดเป็นชั้นวางทีวีแบบในห้องตัวอย่างได้หรือถ้าใครข้าวของเยอะจะ Built-in ชั้นวางของตู้เก็บของเพิ่มเติมที่ผนังฝั่งนี้ก็ได้ค่ะ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมกับระเบียง โดยมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นอยู่ค่ะ
ภายในห้องนั่งเล่นจะติดตั้งระบบ ERV (energy rocovery ventilation) ให้มาด้วย ตัวระบบนี้จะช่วยเรื่องการระบายอากาศภายในห้องค่ะ
ออกมายังระเบียงจะเป็นระเบียงที่กว้าง 1 เมตร ใช้งานได้เต็มที่ ไม่มี condensing unit ของแอร์มาเกะกะค่ะ
พื้นที่ระเบียงส่วนหนึ่งจะแบ่งไว้เผื่อน้องๆ โดยจะมีกรงให้มาพร้อม ขนาดพอดีกับพื้นที่ระเบียงเลย และเปิดได้ทั้งบนและด้านข้างค่ะ
จัดเป็นมุมขับถ่ายของน้องๆก็ได้นะคะ จะได้ช่วยระบายกลิ่นภายในห้องได้ด้วย
ระเบียงนี้เราสามารถสร้างเป็นมุมพักผ่อน นั่งเล่นได้ ปลูกต้นไม้ได้ หรือถ้าใครอยากเอาเครื่องซักผ้ามาวางตรงนี้แทนในห้องก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ เพราะจะเดินงานระบบน้ำ ระบบไฟรองรับเอาไว้ให้
มาดูพื้นที่ห้องนอนกันบ้าง พอเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ Walk-in Closet ก่อนเลย ซึ่งการจัดผังแบบนี้จะคล้ายคลึงกันไปในห้องแบบอื่นๆด้วยนะคะ ซึ่งเรามองว่าดีเพราะว่าจะไม่ได้เห็นเตียงนอนโดยตรง สมมุติว่ามีคนหนึ่งนอน คนหนึ่งตื่น เปิดประตูเข้าออกห้องแสงก็ไม่แยงตามาก ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
ตู้เสื้อผ้านี้จะ Built-in มาให้เป็นรูปตัว L แต่จุดที่น่าสนใจคือความลึกของตู้ที่ออกแบบมาให้ 70 ซม. รองรับการเก็บกระเป๋าเดินทางได้นะ
พื้นที่ห้องนอนจะอยู่ด้านในดูเป็นส่วนตัวที่สุด แต่ก็จะมีชุดหน้าต่างกระจกบานใหญ่อยู่ข้างๆ ให้ห้องไม่อึดอัด โดยกระจกที่เลือกใช้ในห้องนอนนี้จะเป็นกระจก IGU (INSULATED GLASS UNIT) ที่ช่วยกันความร้อนได้ดี เรียกได้ว่านอนตื่นสายก็ไม่โดนไอร้อนแผ่มาจากกระจกค่ะ
ส่วนขนาดของห้องนอนนั้นเรามองว่ากำลังพอดีนะ สามารถวางเตียงได้และมีทางเดินรอบเตียงเดินได้สบายค่ะ
ส่วนผนังปลายเตียงสามารถติดทีวีแบบแขวนผนังได้ เผื่อใครชอบนอนดูหนังก่อนนอนนะ
นอกจากนี้ภายในห้องนอนจะมีเจ้าตัวนี้ติดตั้งอยู่ เป็นเครื่องเติม Fresh air เข้ามาภายในห้อง โดยจะมี Filter ที่สามารถกรองฝุ่นละอองอย่าง PM 2.5 ออกให้ได้อากาศดีเข้ามา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีค่ะ
ส่วนด้านในห้องจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำที่เราได้เข้าไปดูกันเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ในทุกยูนิตจะได้น้องไข่ต้มด้วย น้องไข่ต้มนี้จะเป็นระบบ Home Automation ที่เราสามารถพูดคุย โต้ตอบกับน้องได้ โดยน้องจะมีความสามารถดังนี้ค่ะ
- ตั้งปลุก
- ตั้งเตือน
- เช็คสภาพอากาศ
- เล่นเพลง(เชื่อมต่อกับ Joox)
- เพิ่ม/ลดเสียง (สั่งผ่านเสียงพูด)
- ถ่ายรูป
- กล้องวงจรปิด
- สวดมนต์
- พยากรณ์ดวงชะตา
- พูดคุยภาษาไทย
- เปิดปิดไฟ แอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆโดยอัตโนมัติ
- แจ้งค่าคุณภาพอากาศ ข้อมูลฝุ่น/มลพิษ เช่น PM 2.5
- พูดคุยเล่น โต้ตอบ
- VDO call เช่น โทรหาแพทย์, ญาติ
- ตั้งเตือน ดูแลค่าสัญญาณชีพ ค่าสุขภาพต่างๆ
โดยน้องไข่ต้มนี้ก็จะเชื่อมต่อกับ Application จากมือถือเราได้ด้วยนะคะ เวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ก็สามารถ monitor ได้ว่าเราปิดไฟ ปิดแอร์รึยัง? หรือว่าจะดู CCTV ว่าน้องสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในห้องเล่นซนอยู่ตรงไหนก็ดูผ่านน้องไข่ต้มได้เลยค่ะ
สรุป Home Intelligent System ภายในห้อง
- IAQ (indoor air quality)
- Energy monitoring
- Carbon sensor
- Face scan
- Smart door lock
- Motion sensor ภายในห้องน้ำ
- Lighting control / Lighting scene
- TV control
- ERV – Automatic ventilation
- AC – CUP(Water Cooling)
…อัพเดตภาพบรรยากาศห้องตัวอย่าง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 58 ตร.ม. (30/10/2567)
ภาพบรรยากาศภายในห้อง
จบห้องตัวอย่างของอาคาร Petopia แล้วค่ะ แต่ถ้าใครอยากดูห้องตัวอย่างแบบอื่นๆสามารถอ้างอิงจากห้องของโครงการ Destinia ด้านล่างนี้ได้ และลองนึกภาพเพิ่ม features สำหรับสัตว์เลี้ยงแบบ Petopia เติมเข้าไปได้นะ
ห้องตัวอย่างอาคาร Destinia
ห้อง 3 Bedroom Duplex ขนาด 104 ตร.ม.
ห้องนี้จะเป็นห้องใหญ่ มีชั้นบนชั้นล่าง มีบันไดเชื่อมต่อกัน บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน สามารถอยู่กันเป็นครอบครัวได้สบายเลยค่ะ
ผังห้อง 3 Bedroom แบบ Duplex ขนาด 104 ตร.ม. ในอาคาร Destinia
ห้อง 3 Bedroom Duplex ขนาด 104 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 57.4 ตร.ม.
ห้องตัวอย่างแบบต่อมาเป็นห้อง 2 bedroom ที่เหมาะสำหรับครอบครัวเริ่มต้นค่ะ
ผังห้อง 2 Bedroom ขนาด 57.4 ตร.ม.
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 57.4 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 40.7 ตร.ม.
ห้องตัวอย่างสุดท้ายที่พาไปชมในโครงการ Destinia จะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คนค่ะ
ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 40.7 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 40.7 ตร.ม.
ราคา
Whizdom The Forestias ราคา ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2564
- 1 Bedroom ราคาเริ่มต้น 5.3 ล้านบาท
- 2 Bedroom ราคาเริ่มต้น 8.6 ล้านบาท
- 3 Bedroom ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
- Duplex ราคาเริ่มต้น 11.9 ล้านบาท
- Forest Duplex ราคาเรื่มต้น 13.6 ล้านบาท
- Penthouse ราคาเริ่มต้น 26.7 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 5% (หักเงินจอง)
- ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 27 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน
- Promotion
– ส่วนลด 1 Bedroom ส่วนลด 100,000 บาท , 2 Bedroom ส่วนลด 150,000 บาท , 3 Bedroom ส่วนลด 250,000 บาท
– ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี และส่วนลดพิเศษ ณ วันโอน
– รับ Package พิเศษจาก Petology
– เปิดตัวครั้งแรก Presales 6 – 7 November 2021 นี้
– ลงทะเบียนเข้าชมโครงการแบบ Private Visit > คลิก
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
ที่ตั้งของโครงการ Whizdom The Forestias อยู่บนถนนบางนา-ตราด ต้องขอบอกก่อนว่าโซนนี้ไม่ใช่โซนที่มีคอนโดขึ้นมากนัก แต่ว่าช่วงปีที่ผ่านมากลับมีคอนโดเปิดตัวมาไม่น้อยเลยค่ะ เริ่มต้นที่ล้านกว่าบาทก็เยอะ แต่ว่าของ Whizdom The Forestias ที่ราคาเริ่มต้น 5 ล้านกว่าบาทก็ถือว่าเริ่มต้นค่อนข้างสูงโดดกว่าโครงการอื่นรอบๆนะ ซึ่งในแง่ทำเลถ้ามองอาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่มูลค่าที่แท้จริงคือการที่เป็นหนึ่งในโครงการ The Forestias นี่แหละค่ะ ที่ทำให้โครงการรอบๆหรือแม้กระทั่งโครงการในเมืองเทียบไม่ได้ ลองหาดูว่าคอนโดไหนที่อยู่ติดกับป่า 30 ไร่ ก็นับว่าไม่มีแล้วนะ
สำหรับในโซนบางนา เรามองว่าโซนนี้เป็นชานเมืองที่มีการเติบโตที่โดดเด่นนะ และเป็นการเติบโตที่น่าจะมีมูลค่าที่สูงทีเดียว อย่างโปรเจคที่เกิดขึ้น ระบบขนส่ง สนามบินต่างๆ ดูแล้วมีความเป็นเมืองที่สูงกว่าโซนชานเมืองอื่นๆ ที่อยู่อาศัยเองก็มีระดับ Super luxury เกิดขึ้นเยอะอีกด้วย จึงเป็นทำเลที่เราว่าค่อนข้างสะดวกสบายเลยทีเดียวค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ :
ด้วยตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดกับถนนบางนาตราด เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯกับโซนภาคตะวันออกของประเทศได้ง่าย และเชื่อมต่อเข้าเมืองได้ทั้งใช้ทางด่วนและไม่ใช้ทางด่วน ตัวอย่างเช่น ถ้าใครใช้ทางด่วนก็ขึ้นตรงถนนบางนา-ตราดวิ่งตรงเข้าเมืองมาแถวพระราม 9-เอกมัยได้ภายในเวลา 15-20 นาที หรือถ้าจะวิ่งไปยังถนนวงแหวนกาญจนาฯ จะมีช่วงที่ไม่ต้องเสียเงินค่าทางด่วนนะคะ วิ่งเข้ามอเตอร์เวย์มายังพระราม 9 ก็สะดวกเช่นกัน (เราเองก็ใช้สองเส้นทางนี้กลับบ้านเป็นหลัก) ในส่วนของคนที่อยากเข้าเมืองโดยไม่พึ่งทางด่วน ก็เลือกใช้ได้ทั้งถนนสุขุมวิทเอง หรือจะวิ่งไปยังถนนศรีนครินทร์ก็ได้เช่นกันค่ะ
จุดที่ทำให้โครงการ Whizdom the Forestias เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถส่วนตัวคือ อัตราส่วนที่จอดรถของที่นี่จะให้มาเกือบ 100% เลยทีเดียว จึงเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถเป็นหลัก อาจจะมองหาบ้านในโซนนี้อยู่ก็ได้ แต่เลือกที่นี่แทนบ้านก็ไม่ต้องห่วงเรื่องไม่มีที่จอดรถเช่นกันค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
ในกรณีที่ไม่ใช้รถ เรามองว่าถนนบางนา-ตราดเองเป็นถนนใหญ่ที่มีรถสาธารณะผ่านตลอดนะ จะเรียก Taxi ก็ไม่ยาก ยิ่งปัจจุบันมี Application ต่างๆ ถ้าเรียกรถผ่าน Application ก็ไม่น่าจะรอรถนานค่ะ นอกจากนี้ก็ถือว่าเป็นโซนที่มีรถไฟฟ้าในละแวกหลายสายนะ อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่วิ่งเข้าเมืองเป็นหลัก จากโครงการก็ไปได้ไม่ยาก แบบที่ว่าถ้าครอบครัวไหนลูกใช้รถไฟฟ้าไปเรียนก็ขับรถไปรับส่งที่สถานีรถไฟฟ้าได้ และอีกไม่นานก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่วิ่งผ่านถนนศรีนครินทร์ให้เลือกใช้งานอีกด้วยค่ะ
การออกแบบและวัสดุ :
ในการออกแบบอาคาร Petopia เรามองว่ามีแนวความคิดที่ชัดเจน สามารถดึงจุดเด่นของ The Forestias มาใช้ได้เต็มที่ และมีการออกแบบอาคารที่ตอบโจทย์กลุ่ม User ที่เป็นคนรักสัตว์ / เลี้ยงสัตว์ได้ดีค่ะ โดยตัวอาคารเองไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะการใช้งานของคนเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการใช้งานของสัตว์เลี้ยงเช่นกัน ทำให้ในการออกแบบทั้งฟังก์ชันการใช้งานจะมีส่วนที่รองรับการใช้งานของน้องๆสัตว์เลี้ยงได้ด้วย เช่น พื้นที่ส่วนกลางที่น้องหมาใช้ได้ พื้นที่ส่วนกลางที่น้องแมวใช้ได้ จุดบริการน้ำดื่มสำหรับสัตว์เลี้ยง Pet day care หรือแม้กระทั่ง laundry สำหรับสัตว์เลี้ยง
ส่วนตัวห้องก็มีการออกแบบดีเทลต่างๆที่ตอบโจทย์คนรักสัตว์เช่นกัน ทั้งพื้นที่เก็บของสัตว์เลี้ยง wicket door ให้น้องได้ออกไประเบียง รวมไปถึงการเลือกวัสดุการใช้งานที่ถือว่าคุณภาพดีและเหมาะสมกับการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยง เช่น พื้น SPC ที่ช่วยทนกว่าลามิเนตธรรมดา และช่วยให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นได้ไม่ลื่น มี Hooks หลายจุด มีฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์ มีที่นั่งอาบน้ำให้ รวมไปถึงการเลือกใช้ Floor drain 3 ชั้น เพื่อกรองขนน้องๆอีกด้วยค่ะ
นอกจากการออกแบบฟังก์ชัน การเลือกวัสดุที่เหมาะสมมาใช้ในโครงการแล้ว ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆมาใช้อีกด้วยนะคะ อย่างเช่น Home Automation ที่ได้ + น้องไข่ต้ม หรือว่าระบบระบายอากาศ เติม fresh air ภายในห้องพักอาศัย การเลือกใช้กระจก IGU กันความร้อน ฯลฯ เมื่อรวมหลายๆเรื่องเข้าด้วยกันทำให้เรารู้สึกว่าที่นี่ถูกออกแบบมาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีจริงๆค่ะ ทำให้ในแง่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นถือว่าไม่สูงแบบไร้เหตุผลนะ
สาธารณูปโภค :
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางเราอยากให้มองอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือความเป็น The Forestias ที่ได้ความสะดวกสบายจากความเป็น Project mixed-use มี community mall อยู่ภายในโครงการ และได้สวนป่าขนาดใหญ่ 30 ไร่อยู่ข้างๆอาคาร ซึ่งตรงนี้เรามองว่าหาโครงการอื่นเทียบเคียงได้ยากนะ โครงการที่จะได้ทั้งความสะดวกสบายและความร่มรื่นใกล้พื้นที่สีเขียว ได้อากาศที่ดี มลพิษน้อย
อีกส่วนคือการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร เนื่องจากอาคาร petopia เป็นอาคารที่ออกแบบมาเพื่อผู้อยู่อาศัยที่เป็นคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ ดังนั้นในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางนอกจากฟังก์ชันที่จะต้องมีฟังก์ชันมาตรฐานครบเหมือนคอนโดทั่วไปแล้ว ยังจะต้องมีการแบ่งโซนการใช้งานที่ชัดเจนอีกด้วย เพื่อให้ user ทั้งคนและสัตว์สามารถเข้าใช้งานได้เต็มที่ การดูแลรักษาต่างๆเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งที่นี่ก็จะมีการแบ่งโซน เช่น ส่วนสระว่ายน้ำและฟิตเนส จะไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าไป มี Pet playground ให้น้องหมาได้เข้าไปวิ่งเล่น และมี Co-living room ที่ให้เฉพาะน้องแมวเข้าไปใช้งาน โดยที่นี่จะเก็บค่าพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ 70 บาทต่อตร.ม. เป็นตัวเลขที่สูงกว่าคอนโดทั่วไปก็จริงนะคะ แต่ถ้าเป็นคอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้คอนโดอื่นจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจุกจิกเช่น ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน ต่างๆนานา ซึ่งที่นี่จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆค่ะ ลองเอามุมนี้มาคำนึงด้วยก็ได้นะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 174,000 บาท/ตร.ม., 15 ตุลาคม 2564
- ทำเล 8.5/10 – ติดถนนบางนา-ตราด อยู่ใน The Forestias
- เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ที่จอดรถเกือบ 100%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – โครงการห่างจากถนนใหญ่พอประมาณ เรียกรถผ่าน application จะสะดวกสุด
- วัสดุ 8/10 – ให้มาสมราคา และเหมาะสมกับฟังก์ชัน การใช้งาน user
- แบบ 8.75/10 – รายละเอียดคิดมาอย่างดี เหมาะสำหรับคนเลี้ยงสัตว์
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ฟังก์ชันมาตรฐานให้มาครบ แต่ไม่หวือหวามาก จุดเด่นคือมีการออกแบบที่สัตว์เลี้ยงสามารถเข้าไปร่วมใช้งานด้วยได้ มีการแบ่งชนิดสัตว์ชัดเจน
- Upper to High CLASS
- 8.35 / 10.00
Whizdom The Forestias (Petopia) เหมาะกับใคร?
Whizdom the forestias เหมาะสำหรับคนที่อยากอยู่ The Forestias ในงบประมาณที่ไม่ถึง 10 ล้านก็พอหยิบจับห้องในโครงการนี้ได้ และก็ยังเหมาะกับคนที่รักสัตว์ ต้องการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งโครงการนี้ออกแบบมาตอบโจทย์คนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ (ในแบบที่โครงการบ้านให้ไม่ได้ด้วย) ดังนั้นสำหรับ pet lovers ที่อยากได้ทั้งสถานที่อยู่อาศัยและ community ใกล้ชิดกับคนที่มีความชอบคล้ายๆกัน ที่นี่ก็ถือว่าเป็นอีกโครงการที่น่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc