ใครที่ผ่านไปมาบนถนนวิภาวดีฯใกล้ห้าแยกลาดพร้าวคงเห็นและพอจะรู้จักกันอยู่แล้ว กับกลุ่มคอนโด 3 อาคาร ติดกับเซนท์จอห์น อย่าง The Saint Residences ซึ่งการมาถึงของรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสถานีห้าแยกลาดพร้าว และทำเลนี้ที่เป็นว่าที่ CBD ในอนาคตต่อจากพระราม 9 ทำให้ผมต้องพาทุกคนเข้ามา Walk-in เข้าไปดูกันซักหน่อย เชื่อว่าคงมีคนสนใจกันไม่น้อย ตามมาเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

05 February 2020

  • The Saint Residences ( เดอะ เซนต์ เรสสิเด้นเซส )
  • Salan Development Co., LTD
  • n/a CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร
  • ที่ดินประมาณ 7-0-51.40 ไร่
  • คอนโด High Rise 41 ชั้น 3 อาคาร 1,530 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิตที่อาคาร C
  • ที่จอดรถประมาณ 50%
  • แล้วเสร็จ : 2018
  • 1 Bedroom 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 62 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 และ 2.9 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 156,666 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 081-554-7575, 081-554-3030

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.811736, 100.560085
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ จะเห็นว่าตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่บริเวณ 5 แยกลาดพร้าวโดยฝั่งทางเข้าออกจะอยู่บนถนนวิภาวดี-รังสิตมุ่งหน้าไปทางดินแดงครับ

ซึ่งสำหรับคนที่รู้จักย่านนี้ดีจะทราบว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ช่วงเวลา Office Hour นั้นติดกันสุดเป็นที่ขึ้นชื่อเลยแหละ เพราะเป็นจุดตัดของถนนเส้นหลักๆ 2 สายอย่างถนนวิภาวดีรังสิตกับถนนพหลโยธิน แถมยังเป็นต้นทางของถนนลาดพร้าวด้วยอีก ทำให้เวลาเร่งด่วนนั้นไม่สามารถเร่งได้อย่างที่คิด แต่ในทางกลับกันการที่ลักษณะทางกายภาพของถนนมาตัดกันเป็น 5 แยกทำให้มีความสะดวกในการขับรถไปยังสถานที่ต่างๆเป็นอย่างมาก แถมปัจจุบันก็เป็นจุดที่มารวมกันของ BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงินด้วยครับ

ทำเลโครงการ The Saint Residences อยู่ใกล้กับห้าแยกลาดพร้าว ตั้งอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งมุ่งหน้าไปดินแดง ซึ่งถนนวิภาวดีรังสิตเป็นถนนที่สามารถใช้เดินทางได้สะดวกทั้งการเข้าและออกกรุงเทพ เชื่อมต่อได้กับถนนสายสำคัญหลายๆสาย เช่น ถนนพหลโยธิน, ถนนสุทธิสาร, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนงามวงศ์วาน อีกทั้งยังมีจุดขึ้นลงทางด่วนไม่ไกลโครงการ Zoom in เข้ามาอีกคือ ตัวโครงการอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับซอยวิภาวดีฯ 26 หรือลาดพร้าวซอย 2 ที่เชื่อมต่อกับถนนลาดพร้าวได้โดยมีข้อดีที่สามารถเข้าไปที่เส้นลาดพร้าวได้โดยไม่ต้องผ่านทาง 5 แยกลาดพร้าว ซึ่งมีมหกรรมรถติดเป็นประจำอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังสามารถทะลุไปยังถนนรัชดาภิเษกได้อีกด้วย ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็สามารถเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินได้ง่ายเช่นกัน ไม่ว่าจะไปทางแยกหลัก หรือซอยลัดเลาะก็มีหลายซอยเช่นกัน เช่น ซอยเฉยพ่วง (ซอยข้างตึก Sun Tower) กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ทะลุจากถนนวิภาวดีฯไปยังพหลโยธินได้เลย

การเดินทางสาธารณะ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจะสนใจ เพราะห้าแยกลาดพร้าวเป็นจุดรวมกันของ BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว และ MRT สถานีพหลโยธิน ซึ่งเราจะห่างจาก MRT พหลโยธินประมาณ 350 เมตร และหากเลยไปอีกหน่อยก็สามารถไป Interchange กับรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีห้าแยกลาดพร้าวได้ด้วย ส่วนเยื้องๆประมาณ 100 เมตร จากหน้าโครงการ มีป้ายรถประจำทางให้บริการพร้อมที่นั่งมีหลังคาสะดวกสบาย อีกจุดเด่นหนึ่งคือเนื่องจากเป็นโครงการติดถนนใหญ่ ทำให้สามารถเรียกรถ Taxi และ วินมอเตอร์ไซต์ได้ง่าย นอกจากนั้นขากลับมายังโครงการก็สะดวก บอกทางง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องเข้าซอย ลองไปดูการเดินทางมาโครงการจากถนนรอบๆกันครับ

อย่างแรกเลย ถ้ามาจากทางถนนพหลโยธินเนี่ย ให้เราชิดช่องขวาสุด เมื่อถึงห้าแยกลาดพร้าว ให้เข้าช่องทางที่ 2 จากทางขวาดู ป้าย “ดินแดง” แล้วเลี้ยวขวาออกสู่ถนนวิภาวดีฯ จะพบทางเข้าโครงการอยู่ทางซ้ายมือ

ส่วนถ้ามาจากวิภาวดีขาเข้าเมืองก่อนถึงห้าแยกลาดพร้าวอันนี้จะเป็นจุดอ่อนของทำเลนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีตำแหน่งโครงการเลยทางลงสะพานข้ามแยกมาแล้ว จึงทำให้ต้องวนเข้าซอยย่อยออกถนนลาดพร้าวและค่อยวนเข้าโครงการอีกที แนะนำให้เลือกใช้ซอยวิภาวดี 22 เลาะออกมาที่ซอยลาดพร้าว 4,6 หรือ 8 ทะลุลาดพร้าววนเข้า ห้าแยกได้ แต่แนะนำซอย 8 จะสะดวกที่สุด ถนนซอยจะกว้างขับสะดวก ที่ควรเลี่ยงคือช่วงเวลาเลิกเรียนเพราะจะแออัดคับคั่งสุดๆตามซอยหลังโรงเรียนเซนต์จอห์น

ส่วนการเดินทางมาโครงการจากถนนลาดพร้าวเดี๋ยวผมจะแสดงให้ดูในส่วนของเส้นทางการเดินทางไปโครงการนะครับ

ส่วนเรื่องของการใช้ทางด่วนจะมีให้เลือกใช้ได้ทั้งสองฝั่งไม่ไกลกับตัวโครงการ

จุดแรกรูปซ้าย – จุดขึ้นทางยกระดับอุตรภิมุขฝั่งมุ่งหน้าดอนเมืองที่ใกล้โครงการที่สุด คือด่านสุทธิสาร มีระยะทางจากโครงการประมาณ 3.5 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-5 นาทีครับ

จุดที่สองรูปขวา – ส่วนทางฝั่งขาเข้าเมือง คือด่านดินแดง 1 จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5.3 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-10 นาที โดยเส้นนี้จะไปเชื่อมกับทางด่วนศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานครได้ด้วยครับ

พื้นที่โครงการรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งจากทางฝั่งลาดพร้าว และจตุจักร ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้ายอดนิยมของย่านนี้อย่าง Union Mall หรือ Central ลาดพร้าว ที่อยู่ใกล้โครงการในระยะที่สามารถเดินไปได้ (ประมาณ 500 เมตร) ส่วน Hypermarket อื่นๆ ก็จะมี Tesco Lotus ไม่ไกลจากตัวโครงการ และ Big C ลาดพร้าว ภายในถนนลาดพร้าว หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินตลาดนัด ก็มีตลาดนัดจตุจักร ตลาด อตก. ให้เดินเล่นกันได้ยาวๆ อีกส่วนที่สำคัญของทำเลนี้คือมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ให้เลือกไปออกกำลังกาย สูดอากาศกันได้ถึง 2 จุดใหญ่ๆ คือสวนจตุจักร และสวนรถไฟ ที่จะช่วยเป็นวิวที่สวยงามให้กับโครงการเราได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีกลุ่มอาคารสำนักงานจำนวนมากบนเส้นวิภาวดีรังสิตอีกด้วย เป็นแหล่งงานที่สำคัญของกรุงเทพเหมือนกัน ซึ่งหากใครที่ทำงานอยู่บริเวณนี้ ก็ถือว่าสะดวกทีเดียว จะเดินก็มีสะพานลอยข้าม หรือนั่งรถสาธารณะก็ไม่ไกล

ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินก็จะเน้นไปทางบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งนอกจากห้างใหญ่ 2 ห้างที่บอกไปแล้ว ก็จะมีร้านค้าร้านอาหารที่นิยมกัน รวมถึงร้านนั่งชิลยามค่ำคืนเรียงรายให้เลือกอีกเยอะพอสมควรเลย ภายในถนนลาดพร้าวเองก็มีร้านค้าและร้านอาหารมีชื่ออีกมากมายเช่นกัน

เส้นทางการเดินทาง

สำหรับการเดินทางไปโครงการวันนี้เราจะใช้การเดินทางจากถนนลาดพร้าว หรือจาก MRT พหลโยธินนั่นเอง ซึ่งเราสามารถเดินทางได้ 2 ทาง ทั้งจากปากซอยลาดพร้าวเอง เป็นประตูทางออกหมายเลข 2 หรือจะเลาะมาทางซอยลาดพร้าว 2 (วิภาวดีฯ26) ก็ได้ ซึ่งจะเป็นประตูทางออกหมายเลข 1 ครับ โดยจะมีระยะทางพอๆกันที่ 350 เมตรครับ สำหรับวันนี้ผมจะพาไปโครงการจากหน้าปากซอยถนนลาดพร้าว ทางห้าแยกลาดพร้าวเดินเลาะเข้าถนนวิภาวดีรังสิต จะเจอตัวโครงการอยู่ทางซ้ายมือ

ส่วนบรรยากาศของซอยลาดพร้าว 2 ผมจะพาไปเดินดูในส่วนของสภาพแวดล้อมโครงการนะครับ

Image 1/8
เริ่มที่เราเดินมาถึง MRT พหลโยธิน ประตูทางออกหมายเลข 2 นะ ซึ่งจะมีตำแหน่งอยู่ที่บริเวณปากซอยถนนลาดพร้าว

เริ่มที่เราเดินมาถึง MRT พหลโยธิน ประตูทางออกหมายเลข 2 นะ ซึ่งจะมีตำแหน่งอยู่ที่บริเวณปากซอยถนนลาดพร้าว

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนนะว่าผมเองไม่ได้เข้าไปภายในโครงการ เพราะทางโครงการเองยังไม่สะดวกให้เข้าไปถ่าย และในอนาคตจะมีการปรับราคาโครงการใหม่ ซึ่งในอนาคตถ้าได้เข้าไปจะเก็บภาพมาอัพเดตให้นะครับ ส่วนตอนนี้อาจจะต้องมาวิเคราะห์กับสิ่งที่เรามีกันก่อน

อย่างที่หลายๆท่านทราบคือ ผู้ประกอบการมีที่ดินเยอะรอบๆนี้ อย่าง The Saint เองก็ใช้พื้นที่ประมาณ 7 ไร่ สำหรับพื้นที่ขนาดนี้คงหาในทำเลอย่างนี้ได้ยาก และคอนโดพันกว่ายูนิต ก็ถือว่ายังไม่อึดอัดมากนะ ทำเลของเรานั้นเป็นคอนโดติดถนนใหญ่ที่แยกออกเป็น 3 อาคาร  หันหน้าไปทางฝั่งสวนจตุจักรและสวนรถไฟพอดี จึงไม่ต้องแปลกใจว่ามีวิวสวยที่สุดทางฝั่งนี้ แม้จะเป็นทิศตะวันตกก็ตาม ซึ่งพอเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้มีห้องที่ได้รับวิวสวนนี้แบบเต็มๆเยอะนัก เพราะการวางผังอาคารภายในพื้นที่ของเรา และโครงการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่จะว่าไปสวนก็ไม่ใช่ของดีเพียงอย่างเดียวที่โครงการนี้มี ยังมีทิศอื่นๆรอบๆที่ค่อนข้างโล่งและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจให้กับที่นี่อยู่นะครับ ลองไปดูแต่ละทิศกันเลย

ทิศเหนือ – ส่วนของอาคาร B จะเปิดรับทางฝั่งห้าแยกลาดพร้าว ทางนี้ไม่มีอาคารสูงมาบังนัก มองเห็นแนวรถไฟฟ้า ห้าแยกลาดพร้าว Union Mall และ Central ลาดพร้าว ส่วนอาคาร C จะมีห้องมุมที่เป็น 2 Bedroom ชั้นละ 2 ห้อง ที่ได้วิวทิศเหนือนี้ เรียกว่าแทบจะไม่ต่างจากอาคาร B แต่บางมุมจะโดนตัวอาคาร B บีบเล็กน้อย แต่จะเห็นฝั่งลาดพร้าวได้กว้างกว่าครับ ส่วนอาคาร A จะเป็นฝั่งที่หันหน้าเข้าโครงการ เห็นสวนตรงกลางและอาคาร B แต่วิวข้างๆจะเป็นสวนขนาดใหญ่หลายร้อยไร่เลย แต่มุมนี้จะเห็นไม่ชัดนัก เพราะนอกจากจะเป็นมุมข้างแล้ว เดี๋ยวในอนาคตก็จะมี Life ลาดพร้าว-จตุจักร 39 ชั้น ขึ้นมาบีบมุมนี้ให้แคบลงไปอีก

ทิศตะวันออก – เป็นวิวหลักของอาคาร C ทิศนี้จะเหมาะกับคนที่อยู่ห้องช่วงเวลากลางวัน เพราะจะไม่ค่อยร้อนนัก จะหันไปทางฝั่งลาดพร้าว ได้วิวค่อนข้างโล่ง ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด ส่วนอาคาร A กับ อาคาร B จะเป็นห้องมุมที่ได้วิวนี้ อาคาร A 3 ยูนิต/ชั้น และอาคาร B 2 ยูนิต/ชั้น ซึ่งทั้งสองอาคารจะมีตำแหน่งอยู่ด้านหลังอาคาร C ทำให้มุมมองทางฝั่งด้านนี้จะแคบกว่าอาคาร C ครับ

ทิศใต้ – อาคาร A จะได้รับวิวฝั่งนี้เต็มๆ ครับ โดยชั้นล่างๆจะมี St.John’s University อาคารประมาณ 12 ชั้น ในระยะประชิด ส่วนถ้าห่างออกไปประมาณ 150 เมตร จะมี The Privacy จตุจักร 35 ชั้น ทางฝั่งนี้ ส่วนอาคาร C จะมีห้องที่หันไปทางฝั่งนี้ทั้งหมด 6 ยูนิต/ชั้น จะโดนแนวอาคาร A บีบมุมเล็กน้อย แต่จะได้วิวทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า ส่วนอาคาร B จะหันเข้าภายในโครงการ ได้พื้นที่กลางโครงการและติดแนวอาคาร A แต่ด้านข้างจะมองเห็นแนวอาคารสำนักงานบนถนนวิภาวดีฯทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้อยู่ไกลๆ

ทิศตะวันตก – เป็นวิวที่สวยที่สุดของโครงการก็ว่าได้ เพราะหันไปทางสวนจตุจักรและสวนรถไฟ แต่จะมีห้องที่เห็นฝั่งนี้ได้ไม่เยอะอย่างที่คิด เพราะด้วยพื้นที่และอาคารที่แยกออกเป็น 3 อาคาร มีเพียงอาคาร C เท่านั้นที่หันตรงไปทางสวน ส่วนอาคาร A และ B จะโดนบีบมุมมองด้วยแนวอาคารของตัวเอง แล้วไหนจะพื้นที่หน้าโครงการที่กำลังจะขึ้นโครงการของ AP อย่าง Life ลาดพร้าว-จตุจักร มาบังหน้าอาคาร B ไปเต็มๆ มุมมองของอาคาร A ทางฝั่งด้านใน และอาคาร C ทั้งหมด ก็จะทำให้มุมเห็นสวนแคบลงไปด้วยครับ จะมีห้องที่ได้วิวนี้เต็มๆเพียงแค่ที่ห้องมุมของอาคาร A ที่มี 2 ยูนิต/ชั้น ครับ นอกจากนั้นทางฝั่งนี้ยังมีพื้นที่หน้าโครงการของเราที่อาจจะเกิดเป็นโครงการในอนาคตอีกนะครับ ได้ยินแว่วๆมาว่าจะเป็น Community Mall ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงก็ช่วยเพิ่มคะแนนความอุดมสมบูรณ์ของโครงการนี้ขึ้นไปอีกเยอะเลย

ลองลงมาเดินดูรอบๆกันบ้าง เริ่มที่ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าวกันก่อนเลยครับ ข้างๆโครงการด้านหน้าจะมีโครงการที่ล้อมรั้วไว้อยู่ ยาวไปจนถึงซอยลาดพร้าว 2 เลย

เป็นพื้นที่ก่อนสร้างของโครงการ Life ลาดพร้าว-จตุจักร เป็นอาคาร High Rise 39 ชั้น ที่จะมีห้องพักอาศัยทั้งหมดประมาณ 401 ยูนิต (เทียบก็เท่าๆกับอาคารย่อยของเราอาคารนึงเลย) ตรงนี้จะมีผลกระทบเรื่องการบังวิวฝั่งทิศตะวันตกของโครงการ สำหรับอาคาร B ที่เป็นห้องมุมฝั่งนี้น่าจะเจ็บปวดที่สุดเลย

ตรงต่อมาจะเจอซอยลาดพร้าว 2 ที่ทะลุไปยังถนนลาดพร้าวได้ ลองไปดูกัน

ปากซอยจะมีร้านอาหารชื่อว่าร้านลองดู เป็นร้านขายอาหารเวียดนามครับ

เข้ามาภายในซอยได้ประมาณ 50 เมตร จะเจอกับวัดเซนต์จอห์น สวยงามดีเหมือนกัน

ด้านในซอยจะมีอาคารสำนักงานสูงประมาณ 9 ชั้น ที่หัวมุมทางเลี้ยว ภายในซอยนี้สามารถจอดรถได้ จึงทำให้ทางเดินรถอาจจะแคบสักหน่อย

เลี้ยวมาทางฝั่งทะลุออกถนนลาดพร้าว ก็จะมีแนวตึกแถวทางซ้ายมือ เปิดเป็นโรงเรียนกรวดวิชาอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน

ทะลุออกมาจะเจอกับห้างสายอินดี้ Union Mall ครับ เดินออกมาได้ง่ายๆเลย

ซ้ายหันจะเจอกับ MRT พหลโยธินทางออก 2 ซึ่งเป็นจุดที่เราใช้เดินทางไปโครงการกันวันนี้ แต่เดินไปอีกทาง ตรงนี้ตอนกลางคืนจะมีร้านนั่งชิลมาเปิดเต็มเลย

ส่วนถ้าขวาหันจะมี MRT พหลโยธินทางออก 1 ซึ่งจะสามารถลอดใต้ดินทะลุไปขึ้นฝั่ง Union Mall หาอะไรทาน ซื้อของกันได้

กลับมาที่พื้นที่หน้าโครงการ จะเป็นถนนวิภาวดีรังสิต มีสะพานข้ามแยกอยู่ทางด้านหน้าโครงการ บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวาย แต่ตัวโครงการเอง Set Back แนวอาคารเข้าไปค่อนข้างลึกเหมือนกัน

ลองเดินไปดูฝั่ง St.John’s University กันบ้าง จะมีแนวทางเดินให้เช่นเคยเลย

ด้านข้างมีพื้นที่ว่างเปล่าของทาง St.John’s University ที่ผมบอกว่าได้ยินมาแว่วๆว่าจะเป็น Community Mall นั่นแหละครับ แต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรกันออกมานะ

พื้นที่ภายในไม่ได้ใหญ่นัก ประมาณครึ่งนึงของฝั่งที่กำลังจะเป็น Life ลาดพร้าว-จตุจักร และด้วยระยะ Set Back ที่จำกัด ไม่น่าจะขึ้นอาคารสูงได้มากนัก คิดว่าคงไม่น่าจะขึ้นมาบังวิวของห้องพักอาศัยเรานะครับ

เดินเลยมาสักนิดจะมีสะพานลอยนะครับ ซึ่งเป็นสะพานลอยแบบมีหลังคาให้ด้วยภายในมีไฟและราวเหล็กยาวตลอดแนว ปลอดภัยครับผม

ถัดมาจะเป็นซอยวิภาวดีฯ 24 เป็นซอยตันนะครับ ซึ่งภายในเป็นอาคารของ St.John’s University และบ้านพักอาศัยบางส่วน

ถัดมาอีกจะมีโครงการ The Privacy จตุจักร เป็นอาคาร 35 ชั้น มีระยะห่างจากโครงการเราประมาณ 150 เมตร อาจจะบังวิวทางฝั่งนี้ไปบางส่วน แต่ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด ทำให้ได้วิวด้านข้างอยู่เหมือนกัน

ดินเลยมาสักนิดมีป้ายรถประจำทางให้บริการอยู่บริเวณเยื้องๆหน้าโครงการ The Privacy จตุจักรเลย สำหรับคนที่ใช้การเดินทางประเภทนี้เป็นประจำก็ถือว่าเดินมาไม่ไกลนะ

เลยป้ายรถประจำทางมาสักพักเจอ Show Room Royal Enfield คลาสสิคไบค์สไตล์อังกฤษ เป็นแบรนด์จากอังกฤษ ซึ่งพึ่งเปิดตัวในไทยได้ไม่นานนะครับ มีรถมอเตอร์ไซต์ราคาตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนครับ

เลยมาเป็น Show Room BMW ขนาดใหญ่ทีเดียว เลยถัดไปนั้นเป็น Show Room Ducati มอเตอร์ไซต์สัญชาติอิตาเลี่ยนครับ บริเวณนี้เป็นทางเดินค่อนข้างกว้าง แต่ไม่มี Cover Way ซึ่งถ้าหากใครเดินทางเส้นนี้เป็นประจำ แนะนำให้พกร่มด้วยนะครับ สำหรับกันแดดและฝน

ฝั่งตรงข้ามจะมีแนวอาคารสำนักงานต่างๆ ตั้งอยู่หลายตัวเลย ซึ่งถ้าใครทำงานอยู่ในอาคารเหล่านี้ เดินต่อไปอีกประมาณ 100-200 เมตร จะมีสะพานลอยให้ข้ามไปฝั่งตรงข้ามนะครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • อาคารเล่าเป้งง้วน ~ 600 ม.
  • อาคารซันทาวเวอร์ ~ 600 ม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 600 ม.
  • Union Mall ~ 700 ม.
  • สนง.ใหญ่การบินไทย ~ 850 ม.
  • ตลาดลุงเพิ่ม ~ 800 ม.
  • ไทยรัฐ ~ 900 ม.
  • Tesco Lotus ลาดพร้าว ~ 1 กม.
  • รร.หอวัง ~ 1.1 กม.
  • สวนรถไฟ ~ 1.1 กม.
  • Big C ลาดพร้าว 2 ~ 1.6 กม.
  • JJ Mall ~ 2.1 กม.
  • สวนลุมไนท์บาซ่าร์ ~ 2.1 กม.
  • Major Cineplex รัชโยธิน ~ 2.2 กม.
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร ~ 2.4 กม.
  • สวนจตุจักร ~ 2.4 กม.
  • รพ.สุทธิสาร ~ 2.5 กม.
  • รพ.เปาโลเมโมเรียล ~ 2.6 กม.
  • ม.ราชภัฏจันทรเกษม ~ 2.7 กม.
  • บุญถาวร ~ 3.2 กม.
  • ม.เกษตรศาสตร์ ~ 3.9 กม.
  • รพ.โกลเด้นเยียร์ ~ 4.1 กม.
  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 4.6 กม.

รายละเอียดโครงการ

เนื่องจากผมเองไม่ได้เข้าไปถ่ายภายในโครงการ เพราะทางโครงการยังไม่สะดวกให้เก็บภาพ แต่ในอนาคตน่าจะมีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพเพิ่มเติม สัญญาว่าจะมาอัพเดทให้ได้ชมได้อ่านกันนะครับ วันนี้วิเคราะห์จากข้อมูลที่มีกันก่อนนะ ไปดูกันเลย

 

ทางเข้าออกจะมี Drop-off ขนาดใหญ่ที่สามารถแวะส่งเพื่อมายังอาคารต่างๆได้ โดยแต่ละอาคารจะมี Lobby Lounge, Mail Room และ Lift แยกให้ใช้ของใครของมัน ส่วนกลางสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด ชั้น 1 ตึก A, B นั้นมี ร้านค้าฝั่งละ 2 ร้าน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้สรุปนะครับว่าจะเป็นร้านอะไรเข้ามาเปิด แต่มีมาให้แน่นอน ด้วยความที่แบ่งออกเป็น 3 Tower แต่ส่วน Podium จะเป็นส่วนเดียวกัน โดยชั้น 2-6 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดประมาณ 50% ซึ่งการมาถึงของรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ที่ห้าแยกลาดพร้าวก็ช่วยทำให้ตัวเลขนี้ดูไม่ได้น้อยเกินไปนะ เพราะมีรถไฟฟ้าให้เป็นตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นด้วย

จากนั้นมาที่ชั้น 7 ในภาพ จะเป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัยและ Main Facilities เช่น สระว่ายน้ำที่อยู่เชื่อมระหว่างตึก A และ B ยาว 50 เมตร มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, Locker, Sauna, Steam, Fitness และ Muti-Purpose ฝั่ง C ก็มีเช่นกันแต่จะมีขนาดเล็กกว่า เช่น สระว่ายน้ำ 25 เมตร ซึ่งตรงนี้เขาออกแบบไว้ให้สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งหมดเลยนะ แต่สำหรับชั้นอาคาร A, B ไม่สามารถเช่ื่อมไปยังอาคาร C ได้ ต้องลงไปเชื่อมกันที่ชั้นล่างที่ชั้น 1-6 ได้หมดเลยครับ ข้อดีของอาคาร C คือจะได้พื้นที่ส่วนกลางที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่มีคนมารบกวนมากมายนัก แต่ส่วนของอาคาร A, B จะมีระยะระหว่างตึกอยู่ที่ประมาณ 65.5 เมตร เป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ แต่ต้องใช้ร่วมกันคนอื่นเยอะหน่อย ก็แล้วแต่ชอบกันนะครับ

บรรยากาศของห้องออกกำลังกายใหญ่ที่ที่ส่วน Main Facilities เป็นห้องออกกำลังกายรับวิวสระว่ายน้ำ และพื้นที่โล่ง ภายในแบ่งสัดส่วนไว้ให้หลายพื้นที่ ไม่รบกวนกันมากนัก

ส่วนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 50 เมตร ที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริง พร้อมพื้นที่พักผ่อนริมสระ ใจผมอยากถ่ายภาพจริงมาให้ชมกันมากเลย ยังไงจะพยายามหามาอัพเดทให้นะ

มาดูส่วนภายในแต่ละอาคารกันบ้าง ขอเริ่มที่อาคาร A กันก่อนเลย ที่ชั้น 7 จะมีพื้นที่ส่วนกลางภายใน และห้องพักอาศัยทั้งหมด 7 ยูนิต แบ่งพื้นที่แยกจากกันอย่างชัดเจนที่โถงลิฟต์ ภายในมีลิฟต์โดยสารให้ 4 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว สำหรับชั้นนี้จะได้โถงทางเดินเป็นแบบ Single Corridor เพราะมีห้องพักอาศัยเพียงฝั่งเดียว ส่วนอีกห้องที่อยู่อีกฝั่ง จะมีความพิเศษหน่อยที่ไม่ต้องติดกับห้องไหนเลย และแนวทางเข้าห้องที่เป็นส่วนตัว แต่จะอยู่หน้าห้องขยะ ต้องแลกกันเอานะ

ส่วนเรื่องมุมมอง ถ้าดีที่สุดคงต้องให้ห้องฝั่งทิศตะวันตก ที่มองเห็นวิวสวนในห้องนอน แต่ถ้าวิวระเบียงของห้องจะได้ฝั่งวิภาวดีฯ มุ่งหน้าไปดินแดง เหมือนกับห้องส่วนใหญ่ของชั้นนี้ ส่วนห้องฝั่งทิศตะวันออกจะได้วิวค่อนข้างโล่ง ทางฝั่งลาดพร้าว ไม่ร้อนแดดช่วงบ่ายด้วยนะ

ขยับขึ้นมาที่ชั้น 8-40 กันครับ จะมีจำนวนยูนิทมากยิ่งขึ้น เป็น 12 ยูนิต/ชั้น ซึ่งก็ยังถือว่าไม่มากนัก ประกอบไปด้วยห้อง 1-2 ห้องนอน ซึ่งแบบผังจะไม่ค่อยซ้ำกันนัก เพราะรูปฟอร์มอาคารที่ดูแปลกตา โถงทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor นะ

เรื่องวิวจะเริ่มมีห้องอีกฝั่งด้วยแล้ว จากแนวกรอบอาคารจะเห็นได้ว่า เขาตั้งใจออกแบบให้ห้องรับวิวด้านข้างฝั่งทิศตะวันตกที่เป็นวิวสวน จึงทำให้มีการวางห้องหลายระดับ รวมถึงกระจกแนวโค้งด้วยเช่นกัน เพราะห้องฝั่งทิศเหนือของอาคารนี้จะหันหน้าเข้ากับอาคาร B และได้วิวพื้นที่ส่วนกลาง มีระยะระหว่างตึกอยู่ที่ประมาณ 65.5 เมตร ก็ไกลพอสมควร แต่ก็รู้สึกแน่นอยู่ดี หลักๆเขาอยากเน้นให้ได้วิวด้านข้างซึ่งจะเป็นวิวสวนจตุจักรและสวนรถไฟ แต่ในอนาคตที่อาคาร Life ลาดพร้าว-จตุจักร ที่สูง 39 ชั้น สร้างเสร็จ วิวด้านข้างมุมนี้จะโดนบีบให้แคบลงไปอีกนะ ดังนั้นห้องที่วิวที่ดีสุดผมก็ยังคงให้ 2 ห้องมุมอาคารฝั่งทิศตะวันตกนะครับ ส่วนทิศอื่นๆก็เหมือนที่บอกไปในชั้นที่ผ่านมาเลย

เลื่อนมาดูที่อาคาร B กันต่อ เริ่มที่ชั้น 7 ก่อนนะครับ ชั้นนี้จะมีส่วน Facilities ผสมกับห้องพักอาศัย 5 ยูนิต เป็นแบบ 1 ห้องนอนอย่างเดียว โถงลิฟต์มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว แยกแบ่งโซนกันอย่างชัดเจน ไม่รบกวนกันครับ แต่สำหรับชั้นนี้อาจจะวุ่นวายมากกว่าชั้นอื่นๆหน่อยเพราะมีคนมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางบ้าง แต่จะแลกมากับการที่ได้จำนวนยูนิตทั้งชั้นไม่เยอะ และโถงทางเดินแบบ Single Corridor รับแสงได้ทั้ง 2 ฝั่ง หรือสำหรับใครที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางอยู่แล้ว ก็จัดว่าใช้งานได้ง่าย เพราะอยู่แค่หน้าห้องตัวเองเท่านั้น ลองเลือกกันดูนะครับ

สำหรับเรื่องวิว จะรับทางฝั่งทิศเหนือเป็นหลัก ซึ่งเป็นวิวโล่ง หันไปทางห้าแยกลาดพร้าว ที่จะพิเศษหน่อยคือห้องมุมทั้ง 2 เริ่มที่ฝั่งทิศตะวันตก ในปัจจุบันจะได้วิวสวนนะครับ แต่ในอนาคตถ้าโครงการข้างเคียงอย่าง Life ลาดพร้าว-จตุจักร ที่สูง 39 ชั้น สร้างเสร็จ วิวฝั่งนี้จะโดนบังในระยะประชิด ฝั่งวิวฝั่งทิศเหนือเองก็โดนบีบให้แคบลงด้วย เพราะแนวอาคารเขาน่าจะวางตามแนวที่ดินที่ยาวไปจนถึงซอยวิภาวดีฯ26 เลย ส่วนห้องมุมอีกฝั่งจะไม่ได้มีช่องเปิดรับวิวทางฝั่งทิศตะวันออกไว้ให้นะ แอบเสียดายเหมือนกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 8-40 จะมีจำนวนยูนิตเพิ่มเป็น 12 ยูนิต/ชั้น ซึ่งก็ยังไม่เยอะนัก โถงทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor มีห้องพักอาศัยประกบทั้งสองฝั่ง ส่วนเรื่องวิวทางฝั่งทิศตะวันตกกับทิศเหนือจะเหมือนเดิมกับที่บอกไป แต่จะเพิ่มมาที่ฝั่งทิศใต้ หันเข้าภายในโครงการ จะได้เป็นวิวพื้นที่ส่วนกลาง และอาคาร A ส่วนฝั่งทิศตะวันออกจะมีห้อง 2 Bedroom มุมขวาล่างของอาคาร เปิดรับฝั่งนี้เล็กน้อย ซึ่งก็เป็นวิวที่ค่อนข้างโล่งเลยล่ะ

ชั้นบนสุดจะพิเศษสักหน่อย เอาใจคนอยากได้ห้องขนาดใหญ่ เพราะเพิ่มห้องขนาด 3 Bedroom เข้ามาให้เป็นตัวเลือก และจะเหลือเพียง 6 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น ซึ่งความสูงของชั้นนี้ก็น่าจะพ้นแนวอาคาร Life ลาดพร้าว-จตุจักร ที่สูง 39 ชั้น ทางฝั่งทิศตะวันตกแล้วด้วยนะ น่าจะเห็นวิวสวนได้บ้างเหมือนกัน ทั้งทางฝั่งทิศตะวันตกและทิศเหนือเอง (วิวมุมข้าง)

มาที่อาคารสุดท้าย ซึ่งจะเป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตสูงที่สุด แต่จะได้พื้นที่ส่วนกลางแยกมาใช้กันเอง แถมยังไปใช้กับส่วนของอาคาร A, B ได้ด้วย เริ่มที่ชั้น 7 จะมีส่วนของห้องพักอาศัยจำนวน 13 ยูนิต ผสมกับพื้นที่ส่วนกลาง ลักษณะเดียวกันกับของอาคาร A และ B ซึ่งข้อดีคือจะใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย ได้แนวทางเดินแบบ Single Corridor โดยจะมีโถงลิฟต์ตรงกลาง พร้อมลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ลิฟต์ขนของอีก 1 ตัว ครับ

สำหรับวิวของชั้นนี้จะได้วิวฝั่งทิศตะวันตกและทิศใต้เป็นหลัก ทิศตะวันตกเป็นฝั่งที่หันไปที่อาคาร A, B และ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ (ถ้าเป็นชั้นสูงๆจะเห็นวิวสวนจตุจักรและสวนรถไฟได้เหมือนกันนะ) ซึ่งก็เป็นสวนและสระว่ายน้ำ อาจจะดูแคบหน่อยเพราะโดนบีบด้วยอาคารทั้งสองข้าง ส่วนทิศใต้จะเป็นวิวค่อนข้างโล่ง หันไปทางมหาวิทยาลัย Saint John’s University จะมีอาคารสูงก็คงเป็น The Privacy จตุจักร ในอนาคตที่ห่างออกไปประมาณ 150 เมตร

ขึ้นมาที่ชั้น 8-40 จะมีห้องพักอาศัยเพิ่มขึ้นมาเป็น 21 ยูนิต เป็นโถงทางเดินแบบ Double Corridor วิวที่รับส่วนใหญ่คงต้องบอกว่าเป็นวิว “พื้นที่ส่วนกลาง” ของโครงการ เพราะจะได้เห็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งฝั่งทิศตะวันตกและทิศตะวันออกเลย แต่ทิศตะวันออกจะได้วิวไกลที่โล่งกว่า เพราะไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด ส่วนทิศตะวันตกก็จะเป็นเหมือนที่บอกไปในชั้น 7 แต่ชั้นสูงหน่อยจะเริ่มเห็นวิวที่ไกลขึ้น เป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่นะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 7
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ ขนาด 50 เมตร และ 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • มีการแบ่งสระเด็กภายใน
  • ห้องออกกำลังกาย 2 ห้อง
  • Club house 2 ห้อง
  • ห้อง Sauna & Steam แยกชายหญิง พร้อม Locker
  • สนามเด็กเล่น
  • ร้านค้า 4 ร้าน
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 139 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 102:1 ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 135:1 ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 180:1 ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว
  • Service Lift 3 ตัว อาคารละ 1 ตัว
  • ที่จอดรถคิดเป็น 50%
  • ระบบ CCTV / Access Card

แบบห้อง

สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการนี้จะแยกออกเป็น 3 อาคาร ซึ่งจะไม่เหมือนกันเลย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ เพราะมีตัวเลือกให้เลือกเยอะ แต่ทุกอาคารทุกแบบห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted (แอร์ ครัว ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้า) ห้องเปล่ามากับเฟอร์นิเจอร์ Built-in จาก Modernform ส่วนอื่นๆจะเริ่มต้นที่ Digital Door Lock หน้าห้อง พื้นภายในเป็น Engineering Wood หนา 14 มม. ผนังติด Wallpaper สีอ่อนให้ ฝ้าเพดานจะสูง 2 ระดับคือ 2.60 และ 2.90 เมตร เพราะมีเครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type มาให้ เคาน์เตอร์ครัวจาก Modernform หน้าบานเป็นผิวลามิเนท Hi-gross Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว อ่างล้างจาน, ไมโครเวฟ และเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอกของ Franke สำหรับห้องน้ำจะได้อ่างล้างมือของ Kasch, โถสุขภัณฑ์แบบแขวนจาก American Standard, ฉากกั้น Tempered Glass, Hand Shower และ Rain Shower จาก Kasch ผมว่าเป็นโครงการที่จัดของพื้นฐานมาให้ค่อนข้างดีเลยนะ หรือถ้าใครอยากได้แบบ Fully Furnished จะต้องเพิ่มเงิน 100,000 บาท

เนื่องจากโครงการนี้ได้ปิดห้องตัวอย่างไปแล้ว ผมจึงขอนำแปลนแต่ละแบบมาวิเคราะห์ให้ดูกันนะครับ ว่าแบบไหนเหมาะกับใคร ดีหรือไม่ดีอย่างไร โดยจะไล่ไปทีละอาคารนะครับ ขอเริ่มที่อาคาร A ก่อนเลย

อาคาร A

เป็นอาคารที่มีราคาสูงที่สุด ความพิเศษของอาคารนี้คือฟอร์มอาคารจะมีความโค้ง ซึ่งจะแตกต่างจากอาคาร B และ C ทำให้มีรูปแบบห้องค่อนข้างหลากหลาย เพราะจะเป็นแบบห้องที่ออกแบบมาเพื่อตำแหน่งนั้นๆ ทำให้มีเพียง 1 ยูนิต/ชั้น ซะเป็นส่วนใหญ่

Image 1/7
ขนาดเริ่มต้นของอาคารนี้จะอยู่ที่ 35.06 ตร.ม. เป็นห้องแบบเดียวที่จะมีซ้ำประมาณ 5 ยูนิต/ชั้น (นอกนั้นจะมี 1 ยูนิต/ชั้นทั้งหมด) เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แบ่งกั้นสัดส่วนภายในมาค่อนข้างชัดเจน เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน ข้อดีคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้าง วางโต๊ะกลางและติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ได้ครัวปิดที่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้ง่ายแก่การระบายอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นภายในห้องเลย ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตภายในห้องนอนก็สะดวกแก่การใช้งานดี แต่จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง เพราะต้องเข้าห้องน้ำผ่านทางห้องนอนครับ ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง ทำมุม Walk-in Closet และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ

ขนาดเริ่มต้นของอาคารนี้จะอยู่ที่ 35.06 ตร.ม. เป็นห้องแบบเดียวที่จะมีซ้ำประมาณ 5 ยูนิต/ชั้น (นอกนั้นจะมี 1 ยูนิต/ชั้นทั้งหมด) เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แบ่งกั้นสัดส่วนภายในมาค่อนข้างชัดเจน เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน ข้อดีคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้าง วางโต๊ะกลางและติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ได้ครัวปิดที่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้ง่ายแก่การระบายอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นภายในห้องเลย ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตภายในห้องนอนก็สะดวกแก่การใช้งานดี แต่จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง เพราะต้องเข้าห้องน้ำผ่านทางห้องนอนครับ ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง ทำมุม Walk-in Closet และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ

อาคาร B

ไปดูกันต่อที่อาคาร B เลยดีกว่า เป็นอาคารรูปตัว I มีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง (ลิฟต์ 4 ตัว) แยกออกเป็นปีกซ้ายและปีกขวา ซึ่งที่ชั้น 7 จะมีพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักอาศัย 5 ยูนิต ส่วนตั้งแต่ชั้น 8-40 จะมีห้องพักอาศัย 12 ยูนิต/ชั้น สำหรับอาคารนี้จะมีแบบห้องทั้งหมด 7 แบบเน้นไปที่ห้อง 1 และ 2 Bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ ที่ัชั้น 7-40 ส่วนห้อง 3 Bedroom จะมีแค่ที่ชั้น 41 เท่านั้น ไปดูกันครับ

Image 1/8
ขนาดเริ่มต้นของอาคารนี้จะอยู่ที่ 29.86 - 30.38 ตร.ม. หรือจะเรียกว่าเป็นขนาดห้องเริ่มต้นของโครงการนี้เลยก็ได้ เป็นแบบห้องที่มีราคาเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่ 4.7 ล้านบาท หรือประมาณ 156,666 บาท/ตร.ม. จะมี 8 ยูนิต/ชั้น ที่ชั้น 8-40 มีผังคล้ายกับห้อง 1 Bedroom ของอาคาร A แต่จะมีพื้นที่ภายในเล็กกว่า มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แบ่งกั้นสัดส่วนภายในมาค่อนข้างชัดเจน เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน ข้อดีคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้าง วางโต๊ะกลางและติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ได้ครัวปิดที่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้ง่ายแก่การระบายอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นภายในห้องเลย ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตภายในห้องนอนก็สะดวกแก่การใช้งานดี แต่จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง เพราะต้องเข้าห้องน้ำผ่านทางห้องนอนครับ ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง ทำมุม Walk-in Closet และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ

ขนาดเริ่มต้นของอาคารนี้จะอยู่ที่ 29.86 - 30.38 ตร.ม. หรือจะเรียกว่าเป็นขนาดห้องเริ่มต้นของโครงการนี้เลยก็ได้ เป็นแบบห้องที่มีราคาเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่ 4.7 ล้านบาท หรือประมาณ 156,666 บาท/ตร.ม. จะมี 8 ยูนิต/ชั้น ที่ชั้น 8-40 มีผังคล้ายกับห้อง 1 Bedroom ของอาคาร A แต่จะมีพื้นที่ภายในเล็กกว่า มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แบ่งกั้นสัดส่วนภายในมาค่อนข้างชัดเจน เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน ข้อดีคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้าง วางโต๊ะกลางและติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ได้ครัวปิดที่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้ง่ายแก่การระบายอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นภายในห้องเลย ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตภายในห้องนอนก็สะดวกแก่การใช้งานดี แต่จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง เพราะต้องเข้าห้องน้ำผ่านทางห้องนอนครับ ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง ทำมุม Walk-in Closet และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ

อาคาร C

อาคารนี้จะเน้นที่ห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก จะมีห้อง 2 Bedroom บ้างตามมุมอาคาร โดยที่ชั้น 7 จะมีทั้งหมด 13 ยูนิต และชั้น 8-40 จะมี 21 ยูนิต/ชั้น ครับ อาคารนี้จะมีห้องทั้งหมด 4 แบบ โดยจะเป็น 1 Bedroom 2 แบบ และ 2 Bedroom 2 แบบ ไปดูกันครับ

Image 1/4
เริ่มที่ขนาดเล็กที่สุดกันก่อน เป็นขนาดเริ่มต้นของอาคารและเท่าๆกันกับขนาดเริ่มต้นของโครงการครับ โดยจะมีขนาด 29.46-30.39 ตร.ม. ผังค่อนข้างคุ้นตา เพราะจะคล้ายกับห้อง 1 Bedroom ของอาคาร A และ B มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน ข้อดีคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้าง วางโต๊ะกลางและติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ได้ครัวปิดที่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้ง่ายแก่การระบายอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นภายในห้องเลย ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตภายในห้องนอนก็สะดวกแก่การใช้งานดี แต่จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง เพราะต้องเข้าห้องน้ำผ่านทางห้องนอนครับ ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง ทำมุม Walk-in Closet และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ

เริ่มที่ขนาดเล็กที่สุดกันก่อน เป็นขนาดเริ่มต้นของอาคารและเท่าๆกันกับขนาดเริ่มต้นของโครงการครับ โดยจะมีขนาด 29.46-30.39 ตร.ม. ผังค่อนข้างคุ้นตา เพราะจะคล้ายกับห้อง 1 Bedroom ของอาคาร A และ B มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน ข้อดีคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้าง วางโต๊ะกลางและติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ได้ครัวปิดที่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้ง่ายแก่การระบายอากาศ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นภายในห้องเลย ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ในห้องนอน ซึ่งถ้าใครเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตภายในห้องนอนก็สะดวกแก่การใช้งานดี แต่จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีที่มีแขกมาที่ห้อง เพราะต้องเข้าห้องน้ำผ่านทางห้องนอนครับ ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้าง ทำมุม Walk-in Closet และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้นะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

05 February 2020

  • 1 Bedroom 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.8 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 62 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted (แอร์ ครัว ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้า)
  • มีรูปแบบ Fully Furnished ให้เลือก แต่เพิ่มเงิน 100,000 บาท
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 / 2.90 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 10% ของราคาห้อง
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน จ่ายล่วงหน้า 1 ปี

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ทำเลที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งข้อดีของการมีโครงการติดถนนใหญ่คือเข้าถึงง่าย แต่ก็จะมีมลภาวะเรื่องเสียงและฝุ่นหน่อย ซึ่งโครงการเราก็มีระยะ Set Back แนวอาคารเข้ามาค่อนข้างลึก ห่างจากถนนพอสมควร ดังนั้นจึงช่วยแก้ไขปัญหาในจุดนี้ได้ค่อนข้างดี สำหรับถนนวิภาวดีรังสิต เป็นถนนที่สามารถใช้เดินทางได้สะดวกทั้งการเข้าและออกกรุงเทพ เชื่อมต่อได้กับถนนสายสำคัญหลายสาย ขนาบข้างด้วยถนนลาดพร้าว ซึ่งเป็นถนนที่มีความคึกคักสูง ไม่ไกลจาก MRT สถานีพหลโยธิน จึงทำให้ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถสาธารณะก็สะดวกทั้งนั้น มีทางลัดเลาะเยอะ ใช้ทางด่วนได้ง่าย ส่วนความอุดมสมบูรณ์รอบๆ เริ่มที่ระยะเดินถือว่าสะดวกนะ แต่ก็ไม่ใช่ออกมาปุ๊ป เจอปั๊ป ต้องเดินซักหน่อย 300-600 เมตร จาก รอบๆโครงการก็รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งจากทางฝั่งลาดพร้าว และฝั่งจตุจักร มีให้เลือกทั้งห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในระยะเดิน ตลาดนัดก็ข้ามฝั่งไปไม่ไกลนัก (แต่เดินไม่ได้นะ) รวมถึงสวนสาธารณะอีก 2 แห่ง ให้ไปสูดอากาศ ออกกำลังกายกันได้ และมีอาคารสำนักงานรายล้อมค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นในส่วนของลาดพร้าว และวิภาวดีรังสิต สำหรับใครที่ทำงานในย่านนี้ก็ถือว่าสะดวกเลยล่ะครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : สำหรับใครที่คุ้นชินกับทำเลนี้อาจจะจัดว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องวนรถเข้าโครงการอาจจะสับสนหน่อยในหลายๆเส้นทาง สำหรับโครงการพันกว่ายูนิต ที่ทางเข้าออกอยู่ทางขึ้นสะพานยกระดับ ถนนถูกบีบเหลือสองเลน ก็อาจจะเข้าออกยากสักหน่อย แต่ในทางกลับกัน หากจะออกจากโครงการไปสถานที่อื่นๆนั้นถือว่าสะดวกเป็นอย่างมาก เพราะใช้ถนนหลักหลายเส้น ในช่วงที่รถติดสามารถหลบหลีกเข้าออกอีกทางได้ … คนใช้รถสามารถใช้ทางด่วน ขึ้นลงได้สามจุดหลักเพื่อหนีรถติด คือ ด่านดินแดง ด่านกำแพงเพชร และด่านประชาชื่น ส่วนเรื่องที่จอดรถก็มาให้ 50% สำหรับทำเลที่ใช้รถไฟฟ้าได้ในระยะเดินก็คงดูไม่แย่ไป แต่ถ้าเทียบกับ Equinox ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็ถือว่าน้อยไปหลายช่วงตัวเลย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ด้วยการมาขอ BTS ส่วนต่อขยายสถานีห้าแยกลาดพร้าว ทำให้ตรงนี้สามารถเดินไปใช้รถไฟฟ้าได้ถึง 2 สาย ทั้ง BTS และ MRT ที่เป็นสายหลักสำหรับในเมืองเลย ส่วนการสัญจรสาธารณะอย่างอื่น ก็เริ่มที่ประมาณ 100 เมตร จากหน้าโครงการ มีป้ายรถประจำทางให้บริการพร้อมที่นั่งมีหลังคาสะดวกสบาย อีกจุดเด่นหนึ่งคือเนื่องจากเป็นโครงการติดถนนใหญ่ ทำให้สามารถเรียกรถ Taxi และ วินมอเตอร์ไซต์ได้ง่าย นอกจากนั้นขากลับมายังโครงการก็สะดวก บอกทางง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องเข้าซอย

วัสดุ : ผมว่าเป็นโครงการที่จัดของมาให้ค่อนข้างดีเลยนะ เบื้องต้นทุกอาคารทุกแบบห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted ซึ่งจะได้ห้องเปล่ามากับเฟอร์นิเจอร์ Built-in จาก Modernform แต่ถ้าอยากได้แบบ Fully Furnished ก็สามารถเพิ่มเงินอีก 100,000 บาท ก็เอาเฟอร์นิเจอร์ไปด้วยได้เลย (รายละเอียดส่วนนี้ต้องถามทางโครงการอีกที) ส่วนอื่นๆจะเริ่มต้นที่ Digital Door Lock หน้าห้อง พื้นภายในเป็น Engineering Wood หนา 14 มม. ผนังติด Wallpaper สีอ่อนให้ ฝ้าเพดานจะสูง 2 ระดับคือ 2.60 และ 2.90 เมตร เพราะมีเครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type มาให้ เคาน์เตอร์ครัวจาก Modernform หน้าบานเป็นผิวลามิเนท Hi-gross Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว อ่างล้างจาน, ไมโครเวฟ และเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอกของ Franke สำหรับห้องน้ำจะได้อ่างล้างมือของ Kasch, โถสุขภัณฑ์แบบแขวนจาก American Standard, ฉากกั้น Tempered Glass, Hand Shower และ Rain Shower จาก Kasch

การออกแบบ : การออกแบบของตัวโครงการนั้นจะจัดกลุ่มตัวอาคารเรียงกันเป็นตัว U มีระยะระหว่างตึกอยู่ที่ประมาณ 65.5 เมตร การแยกอาคารก็ช่วยแบ่งความเป็นส่วนตัว ลดจำนวนยูนิตในแต่ละอาคารลงไป ทั้งการอยู่อาศัยและใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง แถมยังเลือกมุมมองได้หลากหลายยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียคือจะบังและบีบวิวกันเองบ้างในบางทิศ การออกแบบอาคารไม่ได้มีลูกเล่นพิเศษอะไร ส่วนการจัดวางของ Facilities พยายามให้ทั้ง 3 ตึกได้ใช้ร่วมกัน และมีการแบ่งให้อาคารที่หนาแน่นที่สุดแยกออกไปมีส่วนของตัวเองด้วย

ส่วนนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้นะ เพราะจะหาคอนโดที่มีแบบห้องให้เลือกเยอะ และแบบห้องขนาดใหญ่ในทำเลนี้ ก็มีให้เห็นกันไม่เยอะครับ สำหรับโครงการนี้จะแยกส่วนพักอาศัยออกเป็น 3 Tower ซึ่งแบบห้องไม่ซ้ำกันเลย รวมๆแล้วก็มีแบบให้เลือกเกือบ 20 แบบได้ ตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ภายในห้องจัดมาให้เพดานสูงโปร่งทำให้ดูโล่งและสบายมากขึ้น มีแบบทั้งแบ่งครัวปิดและเปิดให้เลือกแล้วแต่การใช้งานของแต่ละคน บางแบบห้องผมว่ายังจัดสรรพื้นที่ได้ไม่ลงตัวเท่าไหร่ ในเรื่องของการวางเฟอร์นิเจอร์

สาธารณูปโภค : สาธารณูปโภคส่วนกลางจัดมาวางไว้ที่ชั้น 1 , 7 และดาดฟ้า แน่นอนว่าโครงการนี้ให้สาธารณูปโภคมาใหญ่ไม่อึดอัด ทุกอย่างแทบจะมีแบบคูณ 2 เช่น สระว่ายน้ำ 50 และ 25 เมตร ฟิตเนส เป็นต้น แต่ใครที่คาดหวังว่าจะได้สระว่ายน้ำรับวิวจากมุมสูงก็คงไม่ได้เห็นที่นี่ ตอนได้เดินผ่านไปดูรอบๆ ต้นไม้ภายในก็ขึ้นสวยให้ร่มเงาได้จริงแล้วนะ ผมว่าบรรยากาศค่อนข้างดีเลย ค่าส่วนกลางก็ไม่สูงอยู่ที่ 50 บาทต่อตารางเมตร

Judgement

เนื่องจากไม่ทราบราคาโครงการอย่างแน่ชัด มีเพียงแค่ราคาเริ่มต้นเท่านั้น และในอนาคตโครงการจะมีการปรับราคาอีก ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คะแนนในรีวิวนี้ได้ครับ

BOTTOM LINE

The Saint Residences เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านห้าแยกลาดพร้าว  มีห้องหลายแบบหลายขนาด อยากได้ทำเลติดถนนใหญ่ ใช้งาน BTS และ MRT ได้ง่าย และใกล้ทางด่วน เดินถึงคอนโดได้ไม่เปลี่ยว มีห้างฯ และร้านค้าร้านอาหารราคาย่อมเยาอยู่รอบๆ ในระยะเดิน มีงบประมาณ 5 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 35,000 บาท/เดือน ขึ้นไป


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving