วันนี้เราข้ามไปฝั่งธนบุรีกันอีกครั้งนะครับ ผมจะพาไปชมโครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ โครงการเกาะสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ตรงแยกเพชรเกษมตัดราชพฤกษ์กันครับ โครงการนี้เพิ่งจะเปิดขาย ไปประมาณ เดือนกว่าๆได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี สามารถทำยอดขายไปได้เกือบ 100% เฉพาะส่วนที่เปิดขาย โครงการมีแอบเก็บไว้ 8 ชั้นประมาณ ร้อยกว่าห้อง รอเปิดขายอีกที เราไปดูโครงการนี้กันครับ

Fact @ 1 October 2012

  • The President Sathorn-Ratchaphruek (เดอะ เพรสซิเดนท์ สาทร-ราชพฤกษ์)
  • Developer : บริษัท ชัยพัฒนาที่ดิน จำกัด
  • ถนนเพชรเกษม ตัดกับถนนราชพฤกษ์
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น
  • ที่ดินประมาณ 3-1-64 ไร่
  • 1 Bedroom / 2 Bedrooms
  • พื้นที่ใช้สอย 30 – 60 ตารางเมตร
  • ราคาปัจจุบัน ประมาณ 1.6 – 2.0 ล้านบาทสำหรับ 1 ห้องนอน และ 4.0 – 4.8 ล้านบาท สำหรับ 2 ห้องนอน
  • ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 60,000 – 80,000 บาท
  • http://www.thepresidentcondo.com/

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการตั้งอยู่บริเวณ หัวมุมของถนน เพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งถนนทั้ง 2 สายนี้ต่างก็เป็นถนนเส้นสำคัญที่มีศักยภาพในอนาคต เนื่องจากมี รถไฟฟ้า 2 สายวิ่งผ่าน ทั้งสายสีเขียวส่วนต่อขยายมาจากสาทร และสายสีน้ำเงิน ที่มาจากแยกท่าพระนะครับ ส่วนสถานที่สำคัญบริเวณใกล้เคียง นอกจาก The Mall บางแค และมหาวิทยาลัยสยามแล้ว ไม่นานมานี้ ทาง Seacon หลังจากที่ได้ซื้อกิจการของ Future Park บางแคไปและทำการปิดปรับปรุงอยู่พักใหญ่ ก็ได้ทำการเปิดตัวไป และได้รับการตอบรับค่อนข้างดีทีเดียว

สำหรับรายละเอียดของแนวรถไฟฟ้า หากดูตามรูปแผนที่ก็จะเห็นชัดเจนครับ โดยที่สายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ที่มาจากสถานี กรุงธนบุรี (ช่วงธนบุรี-บางหว้า) กำหนดเปิดให้บริการปลายปี 2556 นั้นจะวิ่งมาบริเวณถนนสาทร-ราชพฤกษ์ และเลี้ยวเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ มาสิ้นสุดที่แยกตัดกับถนนเพชรเกษม ที่สถานีบางหว้า ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่นั้น จะวิ่งจากแยกท่าพระ ไปถึงบางแค โดยผ่านบริเวณหน้าโครงการ และเป็นตำแหน่งที่ตั้งของสถานีบางหว้า ดังนั้นบริเวณสถานีบางหว้านี่เอง จะเป็นสถานีเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย เป็นทางเลือกของประชาชน ในการใช้บริการ และเป็นจุดขายโดยตรง ที่ทำให้โครงการ The President นี้ได้รับความสนใจอย่างมากมาดูตำแหน่งโครงการชัดๆกัน

อีกครั้งนะครับ จะเห็นว่าเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนอย่างแท้จริงซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ ในแง่ของการอยู่อาศัย การอยู่ติดแยกนี้ต้องรับความวุ่นวายเสียงและฝุ่นไปเยอะกว่าไม่ติดแยกอยู่แล้ว ทำเลสะดวกแต่ไม่สบายนะ… ส่วนตำแหน่งของสถานี 2 สายก็อยู่ไม่ไกล ในระยะเดินได้ถึงแบบข้ามถนนไม่มากครับ

ต่อไปเราไปดูบริเวณรอบๆโครงการกัน

หน้าโครงการ จะใช้ทางเข้าออกจากถนนเพชรเกษมเป็นหลักครับ ปัจจุบันบริเวณด้านหน้าเป็นที่จอดรถ และมีป้ายโฆษณาของโครงการตามรูป

และถัดไปก็จะเป็นส่วนของสำนักงานขายครับ

ภายในที่ดิน มีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมสำหรับการก่อสร้าง ด้านขวามือจะเป็นถนนราชพฤกษ์ และแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนั่นเอง

ส่วนด้านทิศตะวันออกของโครงการ (มองเข้าโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ) จะติดกับอาคารพาณิชย์ สูง 4-5 ชั้น สร้างชิดกับพื้นที่เลยครับ

เป็นแนวยาวไปจนถึงด้านหลังโครงการเลยทีเดียว

ถ่ายมาอีกรูปให้เห็นสภาพแวดล้อมครับ อย่างไรก็ตาม ด้วยความสูงของอาคารที่มีส่วนพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 6 คิดว่าความสูงของอาคารพาณิชย์ คงไม่ได้บังส่วนพักอาศัย เพียงแต่ว่าทางโครงการจะมีวิธีจัดการกับสภาพแวดล้อมรอบๆอย่างไรมากกว่า

กลับมาด้านหน้าโครงการกันบ้าง จะเห็นว่ากำลังก่อสร้างรถไฟฟ้ากันอย่างขะมักเขม้นทีเดียวครับ ซึ่งเป็นธรรมดาที่งานก่อสร้าง มักจะทำให้การจราจรหนาแน่นเพิ่มขึ้นมากบริเวณหน้าโครงการ

เดินย้อนไปนิดนึง ที่เป็นอาคารพาณิชย์ ก็เป็นร้านค้าทำการค้าขาย เห็นมีร้านอาหารน่ากินหลายร้านทีเดียวครับ มีป้ายเขียนชื่อหมู่บ้านบางไผ่ทองนิเวศน์

บริเวณปากซอย 25/2 นี่เอง

ฝั่งตรงข้ามโครงการ เป็นสำนักงานของ TOT ครับ

ถ่ายย้อนกลับไป จะเห็นแนวรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างครับ

ส่วนภาพนี้ถ่าย ขึ้นไปบริเวณสี่แยกตัดถนนราชพฤกษ์ครับ งานก่อสร้างดูคืบหน้ามากกว่า อาคารสูงที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้านซ้ายมือของภาพ เป็นโครงการของ บมจ ศุภาลัย รู้สึกว่าจะเป็น Supalai Park

คราวนี้ ผมเดินไปยังแยก ราชพฤกษ์กันบ้างนะครับ บริเวณแยกราชพฤกษ์นี้จะมีสะพานข้ามแยก สำหรับคนที่มาจากปิ่นเกล้า สามารถตรงข้ามแยกเพชรเกษม เพื่อเข้าสู่สาทรได้เลย

และหากเราออกจากโครงการ ก็จะเบี่ยงซ้ายเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ได้เลยเช่นเดียวกัน ส่วนด้านข้างโครงการที่เห็นเป็นสวนเขียวๆนั้น ก็เหมือนกันเป็นแนวแบ่งไว้ครับ และมีทางเดินด้านข้างอยู่

ด้านหลังสวนสวยๆ ก็เป็นที่ตั้งของโครงการแล้วครับ

นี่ถ่ายให้เห็นชัดๆ สำหรับทางเบี่ยงเพื่อเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์

จะขอลองขับรถวนดูรอบๆ โครงการซักทีครับ เพื่อจะได้รู้ทางหนีทีไล่เอาไว้ ในกรณีรถติด เราจะสามารถมาถึงโครงการได้อย่างไรบ้าง

เส้นทางที่ผมจะใช้ ถือเป็นเส้นทางสายรองนะครับ เพราะเชื่อว่าเส้นทางหลักๆ ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว โดยที่ผมจะวิ่งเข้าถนนราชพฤกษ์ มุ่งหน้าไปสาทร จากนั้นจะตัดเข้า ถนนวุฒากาศ และเข้าสู่ถนนเทอดไท ผ่านตลาดพลู จากนั้นมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ จะไปเชื่อมกับถนนเพชรเกษม และเราก็จะใช้ถนนเพชรเกษม เพื่อวนกลับสู่โครงการครับ

เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ พอออกจากโครงการ ก็จะเจอแยก เราชิดซ้ายตามป้ายรัชดาภิเษกครับ

นี่เองเราจะเข้าทางเบี่ยงที่ผมเคยเกริ่นไว้แล้ว

พอขึ้นจะเป็นทางยกระดับ เพื่อข้ามคลองภาษีเจริญครับ

เราตรงไปเรื่อยๆ ฝั่งขวาจะเห็นแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่จะเปิดให้บริการปลายปี 2556

เราตรงต่อไป ตามเส้นทางที่จะไปสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินครับ

เรายังอยู่บนถนนราชพฤกษ์อยู่

ด้านขวามือกำลังจะขึ้นโครงการ คอนโด Aspire สาทร – ตากสินครับ เห็นกำลังทำสำนักงานขาย

ตรงไปเรื่อยจนเห็นป้ายวุฒากาศ เตรียมชิดซ้ายครับ รถส่วนมากจะตรงไป และมักจะติดคอขวดบริเวณทางลงถนนรัชดาภิเษกเป็นประจำ

พอเราชิดซ้าย เพื่อจะลงสู่ถนนวุฒากาศ หากเลี้ยวซ้ายจะไปถนนเทอดไท หากเลี้ยวขวา จะไปออกถนนเอกชัย จอมทอง และดาวคะนองครับ คราวนี้เราต้องใช้เส้นทางเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนเทอดไทนะครับ

บริเวณแยกจะเป็นแยกที่ไม่มีสัญญาณจราจร แต่รถก็ไม่ถือว่าหนาแน่นครับ แต่ต้องคอยระวังนิดหน่อย

พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวุฒากาศ ซึ่งเป็นถนน 4 เลน เป็นชุมชนเก่า 2 ข้างทางเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น บรรยากาศก็ค่อนข้างคึกคัก แต่ไม่พลุกพล่านมากครับ

สภาพ ก็เก่าแก่พอสมควรอยู่

ตรงต่อมาประมาณ 700 เมตร ก็จะถึง สามแยกที่ตัดกับถนนเทอดไทย หากเลี้ยวซ้าย จะสามารถตัดกลับไปสู่ถนนราชพฤกษ์ และเพชรเกษม 23 เพื่อกลับสู่โครงการได้เช่นกันนะครับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหนีรถติดและถือว่าใกล้ที่สุด แต่วันนี้ เราจะเลี้ยวขวา เพื่อ สำรวจถนนเทอดไทอีกด้าน กันดูครับ

พอเลี้ยวขวาเข้าถนนเทอดไท ถนนก็จะเหลือ 3 เลน แต่สภาพโดยรวมถือว่าใกล้เคียงกับถนนวุฒากาศครับ

ตรงต่อไปประมาณ 300 เมตรก็จะเห็นป้ายทางลัดไปถนนจอมทอง ผ่านซอยเทอดไท33 อยู่ขวามือ หากใครจำได้ ผมเคยใช้ซอยนี้ ตอนรีวิวโครงการ Life ท่าพระกันมาแล้วนั่นเองครับ

เราตรงต่อไป จะถึงตลาดพลูครับ สะพานที่อยู่เหนือหัวเราเป็นถนนรัชดาภิเษก ที่มุ่งหน้าลงอุโมงค์แยกท่าพระนั่นเอง

ช่วงนี้เองที่รถจะค่อนข้างหนาแน่น เพราะใกล้ตลาดพลู นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดสำหรับรถที่จะวนเข้าถนนรัชดาภิเษก แล้วยังมีรถสาธารณะ ที่คอยบริการรับส่งคนในชุมชนอีกด้วย

แต่พอผ่านแยกนี้ แล้วรถก็น้อยแล้วครับ เราสามารถใช้ความเร็วได้เพิ่มขึ้น

ถนนเทอดไท เป็นถนนที่เป็นที่ตั้งของชุมชน วัด โรงเรียนและสถานที่ราชการเป็นจำนวนมากครับ

วัดราชคฤห์วรวิหาร

โรงเรียน

วัดอินทารามวรวิหาร

สำนักงานเขตธนบุรี อยู่ด้านซ้ายมือครับ

จากบริเวณตลาดพลู ประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะมาถึงสามแยกที่ตัดกับถนนเพชรเกษมครับ มีสถานทีดับเพลิงอยู่บริเวณหัวมุมแยกเลย

พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม เราก็มุ่งหน้าเพื่อกลับโครงการกันครับ

เข้าเพชรเกษม แล้วเราชิดขวาเพื่อข้ามสะพานข้ามแยกท่าพระครับ

บริเวณถนนเพชรเกษมตัดกับรัชดาภิเษก จะมีคอนโดศุภาลัยตั้งอยู่บริเวณหัวมุม อันนี้เป็น City Home

พอลงมาก็จะเริ่มมีงานก่อสร้าง แปลว่าเป็นแนวที่มีรถไฟฟ้าแล้วนั่นเอง

ตรงต่อมาเรื่อยๆ จะผ่านโรงพยาบาลพญาไท3

พอผ่านซอยเพชรเกษม23 สังเกตจะเห็นป้ายทางลัดเพื่อเข้าสู่ถนนเทอดไท นะครับ จำได้มั๊ยครับ ตอนที่เราอยู่ สามแยกวุฒากาศตัดกับถนนเทอดไท แล้วเราเลี้ยวขวา หากเราเลี้ยวซ้าย ก็จะมาออกที่ซอยนี้นั่นเอง

แล้วก็กลับมาสู่หน้าโครงการกันอีกครั้ง สรุปการเดินทางรอบนี้ ใช้เวลานานพอสมควรครับ เนื่องจากรถค่อนข้างหนาแน่น และเราต้องผ่านชุมชนหลายแห่ง นอกจากนี้ยังเป็นถนนสายรองที่ใช้เป็นทางลัด แต่ก็ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ สรุปผมใช้เวลาไปเกือบ 30 นาที กับระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร

เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการเปิดตัวขายไปเมื่อปลายเดือน สิงหาคมที่ผ่านมาครับ แต่ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม สามารถปิดการขาย 1 ห้องนอนไปตั้งแต่อาทิตย์แรกของการเปิดขาย จนถึงปัจจุบัน เหลือเพียง 2 ห้องนอนขนาด 60 ตารางเมตรอีกเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางโครงการก็ยังมีห้องส่วนที่ยังไม่เปิดขายอีก 8 ชั้น ประมาณร้อยกว่ายูนิต ที่จะเปิดตัวอีกครั้งนะครับ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นช่วงไหน ที่เห็นแปะสีน้ำเงินนั่นคือชั้นที่ยังไม่เปิดขายครับ ส่วนสีชมพูคือจองไปแล้ว

โครงการนี้เป็นอาคารสูงขนาด 30 ชั้น จำนวนห้องทั้งหมด 584 ยูนิต มีร้านค้า 5 ยูนิต อยู่บริเวณชั้นล่างสุด ส่วนที่จอดรถจำนวน 5 ชั้น และสิ่งอำนวยความสะดวก และสระว่ายน้ำ ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ครับ

ห้องมาตรฐานโครงการ ส่วนใหญ่เป็น 1 ห้องนอนประมาณ 80% โดยที่คละกันระหว่าง 30 ตารางเมตร สำหรับคนที่ชอบห้องเล็กๆ ราคาย่อมเยา กับห้องขนาด 34.50 ตารางเมตร ซึ่งมีการแบ่งสัดส่วนภายในห้องที่ลงตัวมากกว่า สำหรับคนที่ต้องการอยู่อาศัยอย่างลงตัวนะครับ ด้วยการจัดวางห้องอย่างลงตัวและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี

อีกจุดขายสำคัญของโครงการนี้อยู่ที่ความคืบหน้าของงานก่อสร้าง รถไฟฟ้าทั้ง 2 สายครับ ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ จุดขายของโครงการก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

มาดูส่วนของผังสิ่งอำนวยความสะดวกกันบ้างนะครับ

หากสังเกตุจากที่ดินของโครงการ ทำให้ตัวอาคารต้องหันตามทิศตะวันออกและตะวันตก ซึ่งอาจจะเป็นจุดด้อยของโครงการนี้ส่วนหนึ่งนะครับ ทำให้มีห้องที่หันทิศตะวันตกอยู่ค่อนข้างมาก และอาจจะขายยากกว่าทิศอื่น ดังนั้นทางโครงการจึงเอาจุดขายที่พอจะจัดการได้มาอยู่ ทางฝั่งนี้ นั่นก็คือสระว่ายน้ำ และฟิตเนสนั่นเอง อย่างน้อยก็พอจะเพิ่มคุณค่าให้ห้องที่อยู่ฝั่งตะวันตกได้บ้างว่า มีวิวของสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำของโครงการจะอยู่บริเวณชั้น6 ซึ่งเป็นชั้นแรกของที่อยู่อาศัย โดยเป็นสระว่ายน้ำขนาดยาว ตามตัวอาคาร ความยาวของสระไม่น่าจะต่ำกว่า25 เมตร ค่อนข้างมาตรฐานครับ

ส่วนชั้นอื่นๆ ก็จะมีการวางห้องเหมือนๆกันหมด โดยทางโครงการจัดห้อง 2 ห้องนอนไว้บริเวณมุมอาคารทั้งหมด 6 มุม (ห้องที่เป็นสีชมพูคือห้องขนาด 60 ตร เมตร และห้องสีเขียวอ่อน คือห้อง 50 ตร เมตร) ส่วนบริเวณตรงกลางอาคาร ก็จะวาง 1 ห้องนอน แบบ 30 (สีเหลือง) และ 34 ตารางเมตร (สีส้ม) คละกันไป โดยสัดส่วนของทิศตะวันตกที่มองไม่เห็นสระว่ายน้ำ (ไม่มีจุดขาย) จะเป็นห้องเล็กทั้งหมด

และชั้นสุดท้าย ชั้นที่ 30 เป็นชั้นที่จะมีสวนลอยฟ้า เป็นตัวชูโรงอีกแห่งหนึ่งครับ โดยที่ห้องพักจะเหลือเพียงห้องที่อยู่ด้านหลังอาคารเท่านั้นครับ

Product Walk Through

ต่อมาเรามาดูแบบห้องของโครงการกันดีกว่าครับ สำหรับวัสดุมาตรฐานที่โครงการจัดเตรียมไว้ให้ ได้แก่ห้องเปล่า พร้อมชุดครัวและแอร์

แบบ A1 – 30 ตารางเมตร

เริ่มกันที่ห้องขนาดเล็กที่สุดของโครงการกันเลยครับ แบบ A1 เป็นห้องขนาด 30 ตารางเมตร 1 ห้องนอน โดยกั้นห้องนอนแบบประตูบานเลื่อน มีการจัดประโยชน์ใช้สอยได้อย่างลงตัว และครบถ้วย มีส่วนนั่งเล่น ทานอาหาร ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว และระเบียงสำหรับซักล้างไม่ขาดตกบกพร่อง

เริ่มจากทางเข้า พื้นไม่ลามิเนต กั้นด้วยคิ้วสำเร็จรูป

พอเข้ามาในห้องก็จะเป็นส่วนห้องนั่งเล่น และทานอาหาร โดยห้องนอนจะกั้นห้องด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส เพื่อให้แสงส่องเข้าถึงห้องนั่งเล่น

ส่วนนั่งเล่นและ โต๊ะทานอาหารก็จะอยู่ติดๆกัน

ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นชุดสำหรับวางทีวี

ตามแบบห้องตัวอย่างครับ

โต๊ะอาหาร สามารถวางเป็นชุดสำหรับทานได้ 2 คน อาจมีการย้ายโต๊ะได้หากคนเพิ่มขึ้น

รูปแบบของประตูบานเลื่อนกระจกใส ทำให้ห้องดูโล่งขึ้น และห้องนั่งเล่นได้รับแสงจากหน้าต่าง แต่ห้องนอนจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวครับ

ตำแหน่งหัวเตียงก็จะวางชิดกับผนัง ด้านเดียวกับที่วางโซฟา

ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ที่วางทีวีได้ด้วย

ให้ดูภาพ หากเราปิดประตู เวลาใช้งานจริงๆแล้ว จะเป็นบานเลื่อน 3 บานก็เป็นสัดส่วนดีนะครับ

ในห้องแถมแอร์ ขนาด 9000 บีทียู่ จำนวน 2 เครื่องครับ ตำแหน่งก็จะอยู่เหนือประตูออกห้องครัว และเหนือโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งสะดวกในการเจาะผนังต่อไปยังคอยล์ร้อนบริเวณลานซักล้าง และสามารถรวบท่อให้เป็นเส้นเดียวกันได้ เพราะแอร์ตั้งอยู่แนวเดียวกัน

พื้นที่กั้นส่วนห้องนั่งเล่น และห้องครัว เนื่องจากมีการเปลี่ยนวัสดุจากลามิเนตเป็นกระเบื้อง ก็มีการใช้หินเทียมเป็นตัวช่วยจบได้ค่อนข้างดีครับ

มาถึงห้องครัวกันบ้างครับ ตู้ชุดครัว และชั้นลอยนี่ โครงการแถมให้พร้อม อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันครับ

ขนาดก็มาตรฐานคอนโด ทั่วไปครับ กว้างประมาณ 1.5 เมตร เพื่อเป็นทางเดินออกไประเบียงซักล้าง

อุปกรณ์ที่แถมก็มีนี่ครับ อ่างล้างหน้า แบบเหลี่ยม พร้อมก๊อก

เตาไฟฟ้า 2 หัว ของ MEX

เครื่องดูดควัน ของ Hefele โดยวางตำแหน่งไว้ใกล้ประตูบานเลื่อน ช่วยในเรื่องระบายอากาศได้เพิ่มมากขึ้น

ประตูออกระเบียง ก็มีการยกเสต็ปขึ้นเช่นกัน ครับ

ตัวล๊อกประตูบานเลื่อน

มีประตูบานเลื่อนสำหรับกั้นห้องครัว และห้องนั่งเล่นด้วยนะครับ ไว้สำหรับปิดไว้ไม่ให้ควันลอยเข้าไปในห้อง เวลาทำครัว ท่อด้านบนเป็นท่อแอร์ที่เจาะทะลุจากห้องนั่งเล่น และห้องนอนนะครับ ไม่ต้องเดินฝังผนัง ง่ายต่อการเซอร์วิส

รูปแบบราวระเบียงภายนอก เป็นเหล็ก ทาสีขาวดูสะอาดสอ้านครับ มีการทำระแนงเพื่อบังเครื่องแอร์ไว้ด้วย ถึงจะบังไม่หมด แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำเตรียมไว้เลย

แอร์ที่โครงการจัดเตรียมไว้ให้เป็นยี่ห้อ Daikin ครับ คอยล์ร้อนก็จะแขวนอยู่บริเวณระเบียงซักล้างนี่เองครับ

ด้านบนมีไฟซาลาเปาด้วย

ระเบียงภายนอกทาสีเทาครับ ส่วนกระเบื้องพื้นก็เป็นลายไม้ๆ มีท่อระบายน้ำด้วย

กลับมาที่ห้องน้ำกันบ้าง วัสดุที่ให้ในห้องน้ำ ก็มาตรฐานคอนโดทั่วไปครับ นี่เป็นอ่างไฟเบอร์ มีที่วางของด้านข้างได้ด้วยครับ ส่วนด้านล่าง มีราวแขวนผ้าเช็ดมือเตรียมไว้ด้วย แต่อ่างแบบนี้คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะครับ ^^

โถสุขภัณฑ์เป็นของ Mogen ครับ

ฝักบัวเป็นแบบมาตรฐานทั่วไป

มีการกั้นเสต็ปพื้นระหวางห้องครัวและห้องน้ำเช่นเดียวกันครับ เวลาล้างห้องน้ำ ไม่ต้องกลัวน้ำกระเด็นเข้าครัวเลย

ให้ดูลายกระเบื้องที่โครงการเตรียมไว้ให้ครับ มีถึง 3 แบบใน 1 ห้อง

สุดท้าย ถ่ายรูปแบบของสวิตซ ปิด-เปิดไฟ ที่ใช้ในโครงการ เป็นของ Siemens นะครับ

โดยรวมรูปแบบของห้องขนาด 30 ตารางเมตร ถือว่าจัดได้ลงตัวเลยทีเดียว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอยู่อาศัย 1-2 คน และไม่ต้องการรับแขกมากครับ เนื่องจากกั้นห้องนอนด้วยกระจกบานเลื่อน ทำให้ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวมากนัก อย่างไรก็ดี การจัดห้องก็ถือว่าลงตัวครับ มี Space ให้ทำครัวได้อย่างชัดเจน การวางประตูห้องน้ำด้านข้าง ติดกับห้องครัว ทำให้พื้นที่ส่วนวางทีวี ใช้งานได้เต็มที่ แต่เวลาเข้าห้องน้ำ ก็จะต้องผ่าน 2 ประตู คือต้องเข้าห้องครัวก่อน จึงจะสามารถเข้าห้องน้ำได้

แบบ A2 – 34.50 ตารางเมตร

ห้องขนาด 1 ห้องนอนอีกแบบ ที่น่าจะถูกใจหลายๆคน เพราะเป็นห้องที่ถือว่าจัดได้ค่อนข้างลงตัว และสวยงามเป็นอย่างมากครับ เพราะนอกจาก จะได้พื้นที่ของห้องเพิ่มขึ้นแล้ว รูปแบบของการจัดวางห้อง ได้แก้ไข เรื่องของความเป็นส่วนตัวในห้องนอน ซึ่งห้องขนาด 30 ตารางเมตรไม่มี นอกจากนี้ยังมีจุดเล็กๆน้อยๆ ที่คิดและทำไว้ให้ลูกค้า เป็นของแถมให้สำหรับคนที่เลือกห้องแบบ นี้ด้วยครับ

พอเข้ามาในห้อง ก็จะรู้สึกได้ถึงความเป็นบ้านทันทีครับ เข้ามาแล้วจะเจอห้องนั่งเล่น และส่วนที่ทานอาหารก่อน

ส่วนห้องนอนก็แบ่งออกไปอีกห้อง โดยมีประตูปิดเปิดจริงๆ ส่วนห้องครัวก็มีการปิดด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส เป็นครัวแบบปิดสำหรับคนที่นิยมเข้าครัว ทำอาหารกินเอง

อีกด้าน ก็จะเป็นตำแหน่งของที่วางทีวี และตู้เก็บของ อยู่ติดกับผนังห้องน้ำ ซึ่งเข้าได้จากห้องนั่งเล่น

จากรูปจะเห็นประตูห้องน้ำ และทางเข้าห้องนอนครับ ซึ่งก็อยู่ติดกันนั่นเอง

สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้พอดี

อีกรูปที่ถ่ายกลับมาเห็นส่วนนั่งเล่น ส่วนทานอาหาร และส่วนครัวปิดนะครับ

ตำแหน่งที่ติดตั้งเครื่องแอร์ ภายในห้อง จะอยู่บนกำแพง ระหว่างประตูเข้าห้องนอน และประตูห้องครัวครับ ซึ่งก็จะง่ายในการเดินท่อเช่นกัน เพราะสามารถเดินไปรวมกับแอร์ในห้องนอน แล้วต่อออกไปสู่ระเบียงได้เช่นกัน

เข้ามาภายในห้องนอน จะสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ครับ

และก็มีโต๊ะ ปลายเตรียงที่สำหรับวางทีวี และทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานได้เช่นกัน

ปลายเตียงครับ

สำหรับตู้เสื้อผ้า ก็อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม คืออยู่ข้างเตียงบริเวณทางเข้า ซึ่งหากมองจากแปลนห้อง มีการออกแบบเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว ขนาดก็ไม่เล็กไป

นอกจากนั้นแล้ว ในห้องนี้ โครงการเตรียมรูปแบบของกระจกเข้ามุมเป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่งให้ด้วยครับ ทำให้ห้องนอนสามารถเปิดมุมมองได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

มาต่อกันที่ห้องครัวดีกว่าครับ ห้องครัวมีการกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส 3 ช่วง (คล้ายกับห้องนอน 30 ตารางเมตร แต่ขนาดเล็กกว่า) ไม่ให้ควันเข้ามาในห้องระหว่างเข้าครัว

ด้วยพื้นที่ที่แคบลง ทำให้ต้องแบ่งครัวเป็น 2 ฝั่ง เป็นฝั่งเตรียม, ล้าง และฝั่งสำหรับผัด

ส่วนเตรียม อาหาร และส่วนล้าง

กับส่วนผัด ซึ่งจะมีเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน

การกั้นห้องครัว กับห้องนั่งเล่น ก็ยังคงคอนเซปต์ มีการยกเสต็ปขึ้น ตามรูปครับ

ถัดจากห้องครัวไป จึงจะเป็นระเบียงซักล้าง ซึ่งมีการกั้นราวระเบียง และระแนงกั้นเครื่องแอร์ เหมือนห้องขนาด 30 ตารางเมตร

แอร์ก็แขวนอยู่บนผนังด้านข้างเช่นเดียวกัน เดินท่อแบบลอย ไม่ค่อยสวย แต่ง่ายต่อการเซอร์วิสครับ แต่หากมีท่อพลาสติกแบบที่เคยเห็นกัน อีกซักชั้นน่าจะดีกว่านี้นะ

มาที่ห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำของห้องแบบนี้จะอยู่ในห้องนั่งเล่นเลยนะครับ

พอเข้ามาก็จะเจออ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ วางเรียงกันไปตามปรกติ

และก็เป็นส่วนอาบน้ำ ฝักบัวแบบเดียวกันครับ ลืมถามเจ้าหน้าที่ไปว่า มีแถมกระจกกั้นอาบน้ำ ด้วยหรือเปล่าครับ ใครทราบช่วยบอกที

สรุปโดยรวมสำหรับห้องขนาด 34.50 ตารางเมตร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในคอนโดมากขึ้น ห้องที่ได้ขนาดไม่เล็กเกินไป และจัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ทำให้เหมาะที่จะเป็นบ้านมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการทำกระจกเข้ามุม การแบ่งครัวเป็นส่วนเตรียมอาหาร และส่วนผัด ก็ทำให้ห้องดูมีลูกเล่นและน่าอยู่มากยิ่งขี้นอีกด้วย

แบบ B1 – 50 ตารางเมตร

 

แบบ 2 ห้องนอน ขนาดเล็กที่สุดของโครงการเริ่มต้นที่ 50 ตารางเมตร โดยทางโครงการทำเป็นแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ โดยตำแหน่งของห้องจะอยู่บริเวณมุมของอาคาร ทำให้สามารถรับวิวได้ 2 ด้าน และทำให้สามารถเปิดรับแสงได้จากทุกห้อง สำหรับพื้นที่ใช้สอย ก็มีครบ และสามารถทำห้องนอนเล็ก ให้ใส่เตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ด้วย ทำให้เหมาะสำหรับเป็นห้องแขก หรือห้องนอนลูก เป็นห้องที่เหมาะมากที่จะเป็นห้องของครอบครัว ขนาดตั้งแต่ 3-4 คน

จุดด้อยที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสำหรับแบบห้องนี้ คือทางเข้าครับ ที่เวลาเข้ามาแล้วจะต้องผ่านส่วนครัว และห้องน้ำก่อนทำให้ค่อนข้างอึดอัด และในการใช้งานจริงเวลาเข้าห้องน้ำ จากห้องนอน อาจจะรู้สึกแปลกๆได้ นอกจากนี้ ส่วนครัวยังเป็นครัวเปิด อาจมีปัญหาในการทำครัวหนัก เพราะกลิ่นจะเข้าห้อง และไม่มีตำแหน่งที่ระบายอากาศ เนื่องจากอยู่บริเวณประตูทางเข้าห้องเลย เราลองไปชมภาพภายในห้องกันครับ

ทางเข้าจะเป็นแบบตามรูปเลยครับ จะผ่านส่วนครัวก่อน พื้นจะเป็นพื้นกระเบื้อง และมีอุปกรณ์ทำครัวครบตามมาตรฐานที่โครงการให้ รวมทั้งตำแหน่งของเครื่องซักผ้า และตู้เย็นก็จะอยู่บริเวณนี้เช่นกัน

รูปนี้เข้ามาในห้องแล้วนะครับ แล้วถ่ายย้อนกลับไปให้เห็นกันชัดๆ

ส่วนรูปนี้ถ่ายให้เห็นอีกด้าน ซึ่งจะเป็นทางเข้าห้องน้ำด้วยครับ

เนื่องจากทางเข้าเป็นครัว และพื้นเป็นกระเบื้อง พอเข้ามาส่วนของห้องนั่งเล่น จึงเปลี่ยนเป็นพื้นลามิเนต โดยใช้คิ้วสำเร็จปิดไว้ตามรูปครับ

อีกรูปกับชุดครัว นี่ผมถ่ายจากในห้องน้ำ ครับ ซ้ายมือก็เป็นประตูออกนอกห้อง ไหนๆก็เข้ามาในห้องน้ำแล้ว เรามาดูในนี้กันก่อนเลย

ในห้องน้ำเข้าไปจะเจออ่างล้างหน้าอยู่ด้านขวามือ เป็นอ่างมาตรฐานแบบของโครงการครับ

ก๊อกที่ใช้เป็นของ Cotto

ส่วนฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นโถสุขภัณฑ์ หากมองตรงไปจากประตู จึงเป็นส่วนอาบน้ำครับ

สำหรับห้องแบบ 2 ห้องนอนนี้ ทางโครงการเตรียมฝักบัวไว้ 2 แบบ โดยจะมีแบบสายอ่อน และก็แบบ Rain Shower เหมือนที่ใช้กันในโรงแรมไว้ให้ด้วยครับ

มือจับก็จะเป็นแบบก้านโยก สามารถปรับน้ำร้อน น้ำเย็นได้ด้วย

ที่แขวนผ้า ก็จะอยู่บริเวณทางออก ข้างๆโถสุขภัณฑ์ครับ

นอกจากบริเวณทางเข้าที่ดูอึดอัดแล้ว ส่วนอื่นๆ ภายในห้องที่เหลือถือว่าทำได้ดีมากๆครับ ห้องนั่งเล่น แบ่งส่วนทานอาหารไว้ได้อย่างลงตัว สามารถวางโต๊ะทานอาหารสำหรับ 4 คนได้อย่างสบายๆ และได้รับแสงจากหน้าต่างรวมทั้งระเบียงได้เต็มๆ

ให้เห็นชัดๆ ครับว่าสามารถวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ๆ ได้จริงๆ

ส่วนห้องนั่งเล่น สามารถออกไประเบียงด้านนอกได้ และก็มีหน้าต่างอีกชุด ทำให้ได้รับแสงได้ทั้งหมด

หน้าต่างอีกชุดที่ว่าครับ เป็นหน้าต่างบานเลื่อนสลับ และมีช่องแสงด้านล่างเพื่อให้โปร่งมากยิ่งขึ้น

อีกด้าน จะเป็นตำแหน่งที่วางตู้ทีวี และแบ่งเป็นทางเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง

ส่วนที่จะออกสู่ระเบียง ก็ยังคงยกเสต็ปพื้นขึ้นมา เพื่อกั้นส่วนระหว่างลามิเนตและพื้นกระเบื้องทำให้ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะรั่วเข้ามาเวลาฝนตกครับ

ระเบียงภายนอก ขนาดพอเหมาะสำหรับวางชุดนั่งเล่นได้ซัก 1-2 ตัว เสียดายที่มีเครื่องของแอร์ แขวนอยู่บริเวณนี้ด้วย ทำให้พื้นที่แคบลงไปนิดนึงครับ

และเป็นระเบียงที่สามารถมองวิวได้ 2 ทิศทาง

พอเข้ามาในห้องนอนใหญ่ ซึ่งอยู่หลังตู้วางทีวี ก็จะเป็นห้องที่มีการจัดวางได้อย่างลงตัว สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้

และมีส่วนที่กันไว้เพื่อใส่ตู้เสือผ้าขนาดใหญ่ได้

และเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้วางทีวีบริเวณปลายเตียง

ถัดมาห้องเล็กอีกห้องครับ พอเข้ามาก็จะเจอตู้วางทีวี และส่วนของโต๊ะเครื่องแป้งปลายเตียง

สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้

และวางตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กได้

โดยรวมห้อง 2 ห้องนอนขนาด 50 ตารางเมตร ถือเป็นห้องครอบครัวที่ขนาดค่อนข้างลงตัว ไม่ใหญ่ และไม่เล็กจนเกินไป เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูก หรือสมาชิกประมาณ 3-4 คน การทำห้องน้ำเพียงห้องเดียว ทำให้สามารถลดพื้นที่ของห้องลงไปได้ เพราะในการใช้งานจริงๆ ห้องน้ำเพียงห้องเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับครอบครัวขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาในเรื่องของทางเข้า ที่แคบและต้องเดินผ่านครัว ทำให้ดูแปลกๆอยู่บ้างครับ และทางโครงการไม่ได้ทำครัวปิดไว้ ทำให้เวลาทำครัวหนัก อาจมีปัญหาควันรบกวนภายในห้องได้เช่นกัน

แบบ B2 – 60 ตารางเมตร

ห้องขนาด 60 ตารางเมตร ไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูนะครับ มีเพียงแปลนของห้องให้เห็นตำแหน่งของการจัดวาง

เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ ขนาด 60 ตารางเมตร ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำเช่นเดียวกัน โดยทำเป็นห้องแบบหน้ากว้าง ซึ่งจะมีหน้ากว้างติดอากาศภายนอกไม่ต่ำกว่า 10 เมตรครับหรือเท่ากับ 1 ห้องนอน 2 ห้องต่อกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดที่เพิ่มมากขึ้นก็ทำให้ราคาของห้องสูงขึ้นไปด้วยเช่นกัน โดยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับแบบ B2 นี้ ประมาณคร่าวๆ จากสายตา น่าจะเป็นส่วนแต่งตัวภายในห้องนอนใหญ่ที่จะได้ตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่มากขึ้น และส่วนแต่งตัวที่กว้างขวาง ห้องครัวที่แยกเป็นสัดส่วน (แม้จะยังคงเป็นครัวเปิดเช่นเดิม) ทำให้ทางเข้าดูโอ่โถงมากยิ่งขึ้น และส่วนของระเบียงภายนอกที่ใหญ่กว่าเดิมเกือบ 2 เท่า เหมาะสำหรับการชมวิวทิวทัศน์อย่างแท้จริง

ห้องขนาดนี้จึงเหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 3-4 คนที่ต้องการความโอ่โถงมากยิ่งขึ้น และชอบห้องขนาดใหญ่ สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ เพราะห้องที่กว้างขนาดนี้ จัดอย่างไรคงไม่รู้สึกอึดอัดนักครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1/10/2012

โครงการทำราคาเปิดตัว เป็นห้องโปรโมชั่น อยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งมีเพียงไม่กี่ห้อง และก็หมดไปตั้งแต่วันแรกแล้ว

สำหรับราคาห้องอื่นๆ ของโครงการก็มีการตั้งราคาห้อง 2 ห้องนอนไว้ที่ตารางเมตรละ ~80,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเฉลี่ยของห้อง 1 ห้องนอนทั้งหมด และราคาต่อตารางเมตรในชั้นเดียวกัน ทิศเดียวกันของห้อง A1(30 ตร เมตร) กับห้อง A2 (34.50 ตร เมตร) ก็ไม่เท่ากัน ผมจึงตัดสินใจเอาห้องที่อยู่ชั้นกึ่งกลางที่สุดของชั้นที่พักอาศัย ซึ่งได้แก่ ชั้นที่ 18 มาให้เพื่อนๆลองดูราคากันนะครับ

  • 1 Bedroom แบบ A2 เนื้อที่ 34.50 ตารางเมตร ราคา 2.25 ล้านบาท หรือ 68,000 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 18
  • 1 Bedroom แบบ A1 เนื้อที่ 30.00 ตารางเมตร ราคา 1.91 ล้านบาท หรือ 63,500 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 18 ฝั่งทิศตะวันออก
  • 1 Bedroom แบบ A1 เนื้อที่ 30.00 ตารางเมตร ราคา 1.81 ล้านบาท หรือ 60,325 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 18 ฝั่งทิศตะวันตก
  • 2 Bedroom แบบ B1 เนื้อที่ 50.00 ตารางเมตร ราคา 4.00 ล้านบาท หรือ 80,000 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 18 ฝั่งทิศตะวันตก
  • 2 Bedroom แบบ B2 เนื้อที่ 60.00 ตารางเมตร ราคา 4.80 ล้านบาท หรือ 80,000 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 18 ฝั่งทิศตะวันออก
  • ค่าส่วนกลางอยู่ที่ 35 บาท/ตร เมตร ค่ากองทุน อยู่ที่ 400 บาท/ ตร เมตร

เจาะลึกรวบยอด

โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการแห่งที่สองภายใต้ Brand “The President” ของชัยพัฒนาที่ดิน ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ออกตัวดีด้วยทำเลที่ตั้ง ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีในวันเปิดตัว …ทำเลชูจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของโครงการเกาะสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ได้สองสาย แต่การอยู่ติดแยกแม้จะดูเหมือนสะดวก แต่ไม่สบาย เพราะมีมลภาวะทางเสียงและฝุ่นที่ต้องเจอแน่นอน

การเดินทางด้วยรถส่วนตัว ออกนอกเมืองโอเค แต่เข้าเมืองลำบากหน่อยด้วยไม่มีทางด่วนใกล้ๆ แถมรถติดสาหัสตอนเข้าเมือง และเวลากลับบ้านวันไหนฝนตกนี่แทบจะกินนอนในรถทีเดียว เป็นข้อเสียที่ไม่ใช่เฉพาะโครงการนี้ แต่โดนกันทั้งบางอยู่แล้วนะครับสำหรับย่านนี้ 🙂  ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ สะดวกมาก อยู่ติดถนนใหญ่ใกล้แยก เรียกรถง่ายได้หลายทาง แถมด้วยอีกหน่อยรถไฟฟ้าเสร็จ ก็สามารถเดินทางได้สะดวกมากด้วย

การออกแบบโครงการ โดนที่ดินบังคับให้ต้องวางแนวห้อง ตะวันออก ตะวันตก ทำให้มีห้องที่โดนทิศตะวันตกซะครึ่งตึก รูปแบบตึกก็เรียบๆไม่ได้โดดเด่นอะไร ส่วนแบบของห้องเริ่มขนาด 30 ตารางเมตร ก็จัดวางได้สบายไม่อึดอัดเท่าไรอยู่แล้ว ตั้งใจทำมาจับตลาดล้านกลางๆขึ้นไป ซึ่งก็ได้ห้องเยอะ และเพื่อนบ้านเยอะหน่อยนะครับ ดังนั้นสาธารณูปโภคแม้จะจัดมาให้ค่อนข้างครบ แต่การใช้งานอาจจะไม่สะดวกเพราะมีคนช่วยใช้เยอะหน่อยนะ

โครงการมีการวางราคาที่ค่อนข้างยึดกับทำเลห้องเป็นหลัก ห้องทำเลดีในแต่ละชั้นราคาไม่เท่ากับห้องทั่วไป ห้องใหญ่ๆยึดพื้นที่ทำเลดีๆของตึกจึงมีราคาต่อตารางเมตรที่สูงกว่าห้องปกติมากพอควร ทำให้คนที่คิดจะซื้อห้อง 2 Bed ต้องคิดหนัก เพราะราคาเล่นเท่ากับทาวน์โฮมแถวนั้นกันเลยทีเดียว เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาประกอบการตัดสินใจให้ดี

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไปโดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

คะแนนความคุ้มค่าเทียบกับราคาปัจจุบัน 65,000 บาทต่อตารางเมตร 01/10/2012 (ขอใช้ราคาของ 1 ห้องนอนเป็นหลักครับ เพราะมีจำนวนมากที่สุด)

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนเพชรเกษมและราชพฤกษ์ ซึ่งจะมีสถานีรถไฟฟ้า 2 สายใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ เดินทางได้สะดวก โครงการอยู่ติดแยก มีมลภาวะทางเสียงและฝุ่นและสภาพแวดล้อมรอบโครงการยังไม่ค่อยดูดีเท่าไรสำหรับราคานี้ในย่านฝั่งธน
  • เดินทางด้วยรถ 7.00/10 – เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวดี ทั้งเข้าเมือง และออกนอกเมือง แต่เวลาขากลับจะค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ถนนราชพฤกษ์ จะต้องกลับรถ 2 ที เพื่อเข้าโครงการบริเวณถนนเพชรเกษม และไม่มีทางด่วนใกล้เคียง และรถค่อนข้างติด
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ 2 ด้าน สะดวกสบาย Taxi ง่ายมาก สามารถเดินไปรถไฟฟ้าได้ หากรถไฟฟ้าเปิดใช้งาน คะแนนส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นมาก
  • วัสดุ 8.00/10 – วัสดุ ภายในห้องค่อนข้างโอเคเมื่อเทียบกับราคา แต่งานห้องตัวอย่างยังไม่เนี้ยบเท่าไร สังเกตุได้ตามบริเวณรอยต่อวัสดุ
  • แบบ 7.50/10 – แบบอาคารถือว่าธรรมดา เรียบง่าย ส่วนแบบห้องออกแบบพื้นที่ได้ค่อนข้างลงตัว เหมาะกับประโยชน์ใช้สอย แต่โดนแนวตะวันออก-ตก
  • สาธารณูปโภค 7.50/10 – มีค่อนข้างครบ แต่คนช่วยแชร์ช่วยใช้ก็เยอะด้วย


  • MAIN CLASS
  • 7.75/ 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนหาบ้านย่านฝั่งธนบุรี ไม่ยึดติดกับ Brand Name มองหาโครงการที่คุ้มค่าและใกล้รถไฟฟ้า มีงบประมาณ ระดับ 1.8 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 13,000 – 36,000 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ