รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว คอนโด Low Rise ในซอยลาดพร้าว 23 ติด Sky Walk รัชดา ใกล้ MRT ลาดพร้าว จาก Origin [รีวิวฉบับที่ 2420]
18 สิงหาคม 2022
รีวิวฉบับที่ 1907 … The Origin รัชดา-ลาดพร้าว เป็นโครงการน้องใหม่ในตระกูล The Origin ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 23 ห่างจาก MRT ลาดพร้าวประตู 4 ประมาณ 450 เมตร และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางอีกด้วย โครงการนี้มีห้องที่มีชื่อว่า Smart Closet ที่มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ และทุกห้องจะมีระบบ Home Automation มาให้ด้วย ในราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท ไปชมกันค่ะ
Fact @ 23 July 2019
- The Origin Ratchada – Ladprao (ดิ ออริจิ้น รัชดา – ลาดพร้าว)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอยลาดพร้าว 23 เขตจตุจักร
- ที่ดินประมาณ 1-3-28.25 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 208 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิตที่ชั้น 4-7
- ที่จอดรถช่องจอดธรรมดา+Automatic parking ประมาณ n/a คัน คิดเป็น 61% (รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : Q4 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 2564
- 1 Bedroom 24.5 – 33 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus 32 -36 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 50 – 54.5 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท (Promotion)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม. (ราคาณ.วันเข้าไปรีวิว สอบถามอีกครั้งจากทางโครงการค่ะ)
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 020-300-000
ก่อนจะเข้าไปชมรายละเอียดของโครงการ เราจะขอเกริ่นเกี่ยวกับแบรนด์ของโครงการกันสักเล็กน้อยค่ะ โดย“ดิ ออริจิ้น” (The Origin) เป็นแบรนด์คอนโดน้องใหม่จาก บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ทำออกมาเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) และกลุ่มที่กำลังต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นทรัพย์สินอย่างแรก (First Condo Buyer) โดยมีแผนจะเปิดตัวทั้งหมด 6 โครงการ 6 ทำเล ทั่วกรุงเทพฯ เริ่มต้นด้วย The Origin Ram209 Interchange ที่เราเพิ่งมีรีวิวมาให้ชมกัน ต่อมาก็เป็นคิวของ The Origin รัชดา-ลาดพร้าว ที่เราจะพาไปรีวิวกันในวันนี้ และ The Origin ลาดพร้าว15 สำหรับโครงการอื่นๆก็จะเปิดตัวตามๆกันมาค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.807021, 100.575677
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
The Origin รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว23 เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ทำเลถือเป็นลาดพร้าวตอนต้น ตั้งอยู่ใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าวฝั่งที่เลยแยกมาแล้ว การใช้เส้นทางนั้นพอออกจากซอยมาสามารถใช้ถนนลาดพร้าววิ่งตรงไปยังบางกะปิหรือรามคำแหงได้เลย หรือจะกลับรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังฝั่งห้าแยกลาดพร้าวหรือถนนวิภาวดีรังสิตก็ได้ และสามารถใช้ถนนรัชดาภิเษกเพื่อไปยังรัชโยธินหรือวิ่งลงไปยังถนนรัชดาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าย่านพระราม9 ก็ได้ โดยรวมแล้วถือเป็นทำเลที่สะดวกมากๆสำหรับคนที่ทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-ลาดพร้าว-รัชดาภิเษก แต่ปริมาณรถบริเวณแยกก็มากตลอดทั้งวันเช่นกัน โชคดีที่ภายในซอยลาดพร้าว23 สามารถลัดเลาะไปออกถนนหลักอื่นๆได้บ้าง ซึ่งเดี๋ยวในแผนที่ถัดไปเราจะพาไปดูกันว่าไปไหนได้บ้าง
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ ทำเลนี้ถือว่ามีความเจริญสูงค่ะ โดยเฉพาะบนถนนลาดพร้าวตอนต้นตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวมาจนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่มีทั้งในส่วนอาคารออฟฟิศ โรงเรียน และแหล่ง Shopping อย่างยูเนียนมอลล์ ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งราคาน่าคบหาสำหรับวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้นหน่อยๆ และฝั่งตรงข้ามก็มีห้างดังอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้างขวัญใจของคนในย่านนี้อยู่แล้ว ถัดมาหน่อยบนถนนลาดพร้าวจะมี BigC Extra เรื่องอาหารการกินหลักต้องยกให้ที่ริมถนนหลักลาดพร้าว ที่เป็นแนวอาคารพาณิชย์ มีทั้งร้านขนาดเล็กถึงกลางให้เลือกอยู่พอสมควร มีร้านเจ้าดังอย่างข้าวต้มเป็ดอ้วน ข้าวต้มแป๊ะเม๊ง บ้านหมี่เจ้แดงบ้านโป่ง รวมไปถึงของกินแบบสตรีทฟู๊ดที่ซอยลาดพร้าว 18 ฝั่งตรงข้าม ฯลฯ นอกจากนั้นยังมี “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูของกินหลากหลาย ที่อยู่ใต้ดินตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวด้วยจากโครงการเราสามารถเดินไปได้ไม่ไกล พื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย ถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นรัชดาภิเษก ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินที่เป็นที่ตั้งของตึกออฟฟิศ ไล่มาตามถนนเป็นสถานที่ราชการ มายังแยกรัชดา-ลาดพร้าว สวนลุมไนท์บาซาร์รัชดา ถ้าตรงไปเรื่อยก็จะเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินมุ่งหน้าแยกอโศกที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าชื่อดังค่ะ
ทำเลของลาดพร้าวฝั่งที่เลยจากแยกรัชดา-ลาดพร้าวมาแล้ว การใช้เส้นทางลัดจะอิงไปทางถนนรัชดาภิเษกกับถนนลาดพร้าว-วังหิน โชคชัย4 มากกว่าลาดพร้าวฝั่งที่ยังไม่ข้ามแยกที่จะเน้นซอยลัดไปออกถนนวิภาวดี-รังสิต จากที่ตั้งของโครงการจะมีทางเดินไปออกถนนรัชดาภิเษกช่วงที่ใกล้กับสถานีรัชดาของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในระยะประมาณ 25 เมตร (เป็นแค่ทางเดินรถผ่านไม่ได้นะคะ) ถือว่าสะดวกพอสมควรถ้ารถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดใช้บริการ และสามารถใช้เส้นทางลัดออกไปยังซอยรัชดาภิเษก30,36 ซอยเสนานิคม1 ที่ใกล้กับแยกรัชโยธิน หรือจะใช้เส้นทางลัดไปหาของกินย่านลาดพร้าว-วังหิน โชคชัย4 ก็ได้ค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นภายในซอยมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ทั้งบริเวณหน้าโครงการและหน้าปากซอย ถ้าเดินออกมาถนนใหญ่ก็สามารถเรียกรถแท็กซี่และรถเมลล์ได้ง่าย สำหรับรถไฟฟ้าปัจจุบันมี MRT สถานีลาดพร้าวที่ห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร (ทางออก4) ถ้านั่งต่อไปอีก 1 สถานีจะเป็นสถานีพหลโยธิน ที่กำลังมีการก่อสร้างสถานีห้าแยกลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563นี้ มีซึ่งถ้าเสร็จจะมีข้อดีคือไม่ต้องเปลี่ยนจากขบวนที่จตุจักรอีกแล้ว และตอนนี้ยังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ที่สถานีรัชดาจะเป็นจุด Interchange กับ MRT สถานีลาดพร้าวพอดี เรียกได้ว่าทำเลนี้กำลังจะมีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตค่ะ
สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเดินจาก MRT ลาดพร้าว ทางออก4 มุ่งหน้าแยกรัชดา-ลาดพร้าว จากนั้นเดินข้ามสะพานลอยเพื่อไปเข้าซอยลาดพร้าว23 โครงการเราจะอยู่ในซอยนี้ค่ะ
โครงการของเราจะอยู่ใกล้กับ MRT ลาดพร้าวทางออก4 ที่มีอาคารจอดแล้วจรตั้งอยู่นะคะ
จากสถานีเดินมุ่งหน้าตามป้ายทางออก4 ไปเลยค่ะ
บริเวณทางออกนี้จะมี จะมี Gourmet Market ตั้งอยู่ด้วย ใครอยากไปหาอะไรทานหรือซื้อของกลับบ้านก็แวะได้สะดวก เรียกได้ว่าเป็นทางผ่านพอดี
Gourmet market นี้เป็น supermarket ที่เราจะเจอตามห้างในเครือ The Mall Group แต่สาขานี้พิเศษคือเปิดที่ชั้นใต้ดินอาคารจอดรถ MRT สถานีลาดพร้าวเลย เวลาให้บริการก็ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม มีทั้งส่วนของ Supermarket ,Food court , ร้านขนมปัง, ร้านกาแฟ เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้า ก่อนไปเรียนหรือทำงานก็หาอะไรทานก่อนได้ หรือตอนเย็นก็ซื้อของใช้ของกินเข้ามาก็สะดวกเลยค่ะ
ของกินแบบซื้อ take away กลับบ้านก็มีครบ ซื้อติดไม้ติดมือก่อนไปทำงานได้ค่ะ
พอออกจาก Gourmet market ต้องขึ้นไปชั้นบนอีกชั้นนึงถึงจะเป็นทางออก
พอขึ้นมาแล้วก็จะเจอกับร้านขายของกินของใช้อยู่ด้านบนอีกนะคะ
ส่วนใหญ่เป็นของทานเล่นที่ซื้อติดไม้ติดมือได้สะดวก และมี Lock Box ตู้รับฝากของระบบอัตโนมัติที่เรามักจะเจอตั้งอยู่ตามรถไฟฟ้าหรือห้างต่างๆ อยู่บ่อยๆ
ออกจากสถานีแล้วเดินมุ่งหน้าไปตรงแยกรัชดา-ลาดพร้าวค่ะ
พอถึงตอนแยกให้เราเดินข้ามสะพานลอยบริหารต้นขากันนิดนึง ^^
พอขึ้นมาด้านบนของสะพานลอย ให้เราเดินแยกไปทางซ้ายนะคะ จากมุมนี้เราจะเห็นสวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาภิเษกอยู่ทางฝั่งขวา ซึ่งสวนลุมไน้ท์บาซาร์นี้จะมีทั้งโรงแรม ฟิตเนส ร้านอาหาร ร้านค้า อยู่ด้านใน บริเวณลานด้านหน้าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ถือเป็นสถานที่ไหว้พระแห่งใหม่ในย่านนี้ ตอนกลางคืนบรรยากาศคึกคัก ทำให้ใครที่เดินผ่านแถวแยกนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเปลี่ยวนะคะ
มองกลับมาที่อาคารจอดแล้วจรกันหน่อย จะเห็นว่ามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีรัชดากันอยู่ ในอนาคตจะเป็นรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการอีกสถานีหนึ่งค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าจากโครงการจะมีทางเดินที่ลัดมาออกถนนรัชดาภิเษกฝั่งที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้ โดย รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล ที่แยกรัชดา – ลาดพร้าว ไปตามแนวถนนลาดพร้าวจนถึงทางแยกบางกะปิ จากนั้นแนวเส้นทางจะเลี้ยวไปทางทิศใต้ตามถนนศรีนครินทร์ เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ที่ทางแยกลำสาลี ผ่านแยกพัฒนาการ แยกศรีนุช แยกศรีอุดมสุข แยกศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา จากนั้นแนวเส้นทางจะเลี้ยวไปทางทิศตะวันตกตามแนวถนนเทพารักษ์ ผ่านจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง และสิ้นสุดเส้นทางบริเวณแนวถนนปู่เจ้าสมิงพราย
ระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร และมีสถานีจำนวน 23 สถานี / โครงสร้างยกระดับและเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) ที่มีสมรรถนะสูง
- สามารถขนส่งผู้โดยสารได้ 10,000– 40,000 คน/ชม./ทิศทาง ด้วยความเร็ว 80 กม./ชั่วโมง
- ตัวรถมีน้ำหนักเบาและใช้ล้อยาง ทำให้ลดผลกระทบทางด้านเสียงและความสั่นสะเทือน
โครงสร้างทางวิ่งโปร่ง ทำให้ลดผลกระทบเรื่องแสงและทัศนียภาพ รวมทั้งใช้พื้นที่ก่อสร้างน้อย - สามารถเลี้ยวด้วยรัศมีโค้งราบน้อยที่สุด 70 เมตร (Sharp Curve)ไต่ทางลาดชั่นได้สูงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ (Steep Grade) ทำให้แนวเส้นทางมีความยืดหยุ่นและลดผลกระทบการเวนคืนที่ดิน
**อนาคตถ้ามีการสร้างเสร็จเมื่อไร ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าวนี้ จะเป็นอีก 1 Interchange ที่มีความสำคัญในการคมนาคมด้วยระบบสาธารณะแน่นอนค่ะ
จากนั้นให้เดินมาลงสะพานลอยตรงที่ทำลูกศรเอาไว้ในภาพ ซึ่งจะข้ามมาลงอีกฝั่งของแยกรัชดา-ลาดพร้าวพอดี
แยกรัชดา-ลาดพร้าวฝั่งที่เรากำลังจะข้ามไปเป็นฝั่งที่มุ่งหน้าไปบางกะปิ เพราะฉะนั้นถ้าจะไปห้าแยกลาดพร้าวจะต้องกลับรถมานะคะ ส่วนถนนรัชดาภิเษกสามารถเลือกใช้เส้นทางได้ทั้งมุ่งหน้าไปย่านพระราม9 อโศก หรือลงไปทางย่านรัชโยธินค่ะ
ลงบันไดกันเลย
ซอยลาดพร้าว23 จะเป็นซอยแรกถัดจากลงสะพานลอยเลยแหละ หาไม่ยากค่ะ จากมุมนี้สังเกตว่าบริเวณกลางถนนจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ตลอดทั้งแนวเลย อดทนรอกันหน่อยนะคะ
เดินลงมาจะผ่านร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ทางเท้าบริเวณนี้ค่อนข้างกว้างเดินสะดวกดี
เดินมานิดเดียวก็จะถึงซอยลาดพร้าว23 แล้ว ซอยนี้มีร้านอาหารตามสั่งอยู่หน้าซอย เปิดตั้งแต่เช้าเลยค่ะ
เข้ามาภายในซอยจะเจอวินมอเตอร์ไซค์อยู่ 1 จุด เดี๋ยวกลางๆซอยก็จะมีอีกนะคะ โครงการจะอยู่ถัดเข้าไปประมาณ 200 เมตร
เดินเข้ามาภายในซอยจะเจอกับสำนักงานขายก่อน ใช้เป็นสำนักงานขายทั้งโครงการ The Origin รัชดา-ลาดพร้าว และ The Origin ลาดพร้าว15 เลย พื้นที่บริเวณนี้ไม่ใช้พื้นที่ของโครงการนะคะ ส่วนที่ตั้งโครงการจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในค่ะ
บรรยากาศภายในสำนักงานขายค่ะ
เดินถัดเข้ามาจะเจอกับทางที่ใช้เดินลัดไปออกถนนรัชดาภิเษกได้ แต่รถวิ่งผ่านไม่ได้เพราะมี barrier กั้นทางอยู่
ซึ่งเส้นทางนี้จะสามารถใช้ไปออกถนนรัชดาภิเษกฝั่งที่ใกล้กับสถานีรัชดา รถไฟฟ้าสายสีเหลืองพอดิบพอดี
ส่วนทางเข้า-ออกของโครงการคาดว่าน่าจะอยู่ตรงแนวตึกแถวที่ทำเส้นสีเหลืองๆเอาไว้ในรูปนะคะ โดยทางโครงการจะทำการรื้อถอนออก ที่ดินจะไปขยายอยู่ด้านในอีกที เดี๋ยวเราเข้าไปดูกันค่ะ
เดินเข้าซอยลาดพร้าว23 แยก6 ตึกแถวที่อยู่ด้านหน้ายังไม่ใช้ขอบเขตที่ดินของโครงการนะคะ ต้องถัดเข้าไปด้านในอีก
ซึ่งพอเลยตึกแถวแรกมาแล้วก็จะเป็นพื้นที่ของโครงการทั้งหมดเลยค่ะ
ถ้าใครยังงงตำแหน่งของขอบเขตที่ดิน เรามาดูภาพนี้ดีกว่าซึ่งจะเห็นว่าทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ประมาณแนวตึกแถวหน้าซอยลาดพร้าว23แยก6 นั่นแหละ แต่เค้าทุบไม่หมดทั้งแนวจะมีตึกแถวขนาบซ้าย ขวาอยู่เข้ามาด้านในจึงจะเป็นที่ดินของโครงการ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยหมดเลย เว้นแต่ด้านหน้าที่เป็นอาคารพาณิชย์ และมีเส้นทางลัดไปถนนรัชดาภิเษก สรุปแต่ละด้านของที่ดินจะติดกับสถานที่ดังนี้ค่ะ
- ทิศเหนือ – ติดกับซอยลาดพร้าว23แยก6 แนวตึกแถว อาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบ
- ทิศใต้ – ติดกับแนวตึกแถวและบ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันตก – ติดกับอาคารพาณิชย์และถนนซอยลาดพร้าว23
ทางฝั่งทิศเหนือของโครงการจะติดกับซอยลาดพร้าว23แยก6 ถัดไปจึงเป็นแนวตึกแถว อาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัย ใครที่อยู่ห้องฝั่งนี้จึงเหมือนมีระยะห่างจากอาคารอื่นๆนิดนึง และยังเป็นฝั่งที่โครงการวางผังให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางด้วย
ทิศตะวันออกหรือด้านหลังโครงการติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบ บรรยากาศสงบค่ะ
ทิศใต้เป็นแนวตึกแถวแบบนี้เลย ถัดไปเป็นที่ดินเปล่า
ส่วนด้านหน้าโครงการตึกกับอาคารพาณิชย์ จุดสังเกตเลยคือณัชชนก คลินิคค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (รวมระยะกลับรถ)
- MRT ลาดพร้าว ∼ 450 เมตร
- ศาลอาญา ∼ 1.2 กิโลเมตร (ระยะเดิน) , 7.7 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
- ม.ราชภัฎจันทรเกษม ∼ 2.9 กิโลเมตร (เส้นทางลัดในซอย)
- ตลาดโชคชัย 4 ∼ 2.8 กิโลเมตร
- สวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ∼ 2.9 กิโลเมตร
- The JAS Wanghin ∼ 3.4 กิโลเมตร
- รพ.เปาโล โชคชัย 4 ∼ 3.5 กิโลเมตร
- Major Cineplex รัชโยธิน ∼ 5.3 กิโลเมตร
- Union Mall ∼ 5.4 กิโลเมตร
- เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ∼ 5.7 กิโลเมตร
- ม.เกษตรศาสตร์ ∼ 6.5 กิโลเมตร
- Big C Extra ลาดพร้าว ∼ 7.5 กิโลเมตร
- Esplanade รัชดา ∼ 7.6 กิโลเมตร
- The Street รัชดา ∼ 8.1 กิโลเมตร
- เซ็นทรัล พระราม9 ∼ 8.2 กิโลเมตร
ก่อนเข้าไปถึงส่วนของโครงการขอพูดถึงแนวคิดในการออกแบบกันสักเล็กน้อยค่ะ The Origin รัชดา-ลาดพร้าว ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมากจากสไตล์ Classic Heritage ที่นําเอาเอกลักษณ์ความโค้งมนของ หน้าต่างรถไฟมาประยุกต์ใช้กับกรอบบานประตู เฟรมของช่องแสงอาคาร และซุ้มโค้งต่างๆ และใช้โทนสีน้ำตาลและขาวครีม ตัดกับเส้นอลูมิเนียมสี Antique Copper เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับตัวอาคาร เดี๋ยวถ้าดูภาพจำลองบรรยากาศส่วนกลางจะเห็นการออกแบบได้ชัดขึ้นค่ะ
มาดูภาพรวมกัน โครงการนี้เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 208 ยูนิต และร้านค้าอีก 1 ยูนิต ที่จอดรถจะมีทั้งแบบช่องจอดธรรมดาและแบบอัตโนมัติรวมซ้อนคันแล้วจอดได้ ประมาณ 61% พื้นที่ส่วนกลางมีอยู่ในชั้น 1-3 ทางโครงการจัดมาให้ค่อนข้างหลากหลาย และมีฟังก์ชันที่เหมาะกับคนทำงานและกลุ่ม Freelance เช่น Co-working space , Sharing Service & Smart locker และ Studio สำหรับถ่ายภาพสินค้า ห้องสมุดที่มีอุปกรณ์สำนักงานมาให้เป็นต้น นอกจากนั้นทางโครงการยังมีบริการทำความสะอาดเข้ามาเสริมให้ โดยเราสามารถเรียกแม่บ้านได้เดือนละ 1 ครั้งตลอด 1 ปี ส่วนห้องพักอาศัยจะอยู่ชั้น 2-8 มีให้เลือกทั้ง 1 Bedroom ,1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms
ทางเข้า-ออกมีอยู่ทางเดียวคือฝั่งที่ติดกับถนนซอยลาดพร้าว23 ตัวอาคารจะมีการร่นระยะเข้าไปด้านในพอสมควร ช่วยให้ผู้พักอาศัยมีความสงบและเป็นส่วนตัว ในภาพจะเห็นว่าทั้ง 2 ฝั่งจะมีการทำผนังสูงๆเอาไว้เพื่อบดบังสายตาและตกแต่งบริเวณทางเข้าให้สวยงาม เนื่องจากด้านหน้าจะมีตึกแถวด้านข้างขนาบอยู่ (ดูจากโมเดลจะเห็นได้ชัดขึ้นค่ะ) พร้อมปลูกต้นไม้จัดสวนให้มีความร่มรื่นค่ะ
พอเข้ามาด้านในก็จะพบกับ Drop Off อยู่ด้านหน้าทางเข้า Lobby ข้างๆกันเป็นทางเข้าไปที่จอดรถค่ะ
จากแปลนชั้น1 เมื่อขับรถเข้ามาในโครงการ จะสามารถตรงผ่าน Drop off เข้าไปยังที่จอดรถได้เลยซึ่งโครงการนี้จะมีทั้งช่องจอดแบบธรรมดาและแบบอัตโนมัติที่อยู่ด้านในสุด รวมๆแล้วจอดได้ประมาณ 61% ซึ่งถือตอบโจทย์คนที่ใช้รถเป็นหลักได้ในระดับนึง พื้นที่ส่วนกลางจะมีอยู่ในอาคาร ดูจากแผนที่ซูมด้านล่างเข้ามาจะเจอกับ Lobby ที่เชื่อมต่อกับ Co-Working Space มีร้านค้าอยู่บริเวณนี้ด้วยแต่ยังไม่ได้ข้อมูลว่าจะเป็นร้านอะไรนะคะ ชั้นนี้จะมี Smart Locker มาให้สำหรับฝากและส่งของซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ทำงานเลิกดึกๆไม่มีเวลารับของกับนิติหรือกลุ่ม Freelance ได้ และมีบริการ Sharing Service ยืมของใช้ต่างๆจากนิติบุคคลมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมให้ ส่วนโถงลิฟต์และห้องจดหมายจะอยู่ด้านใน การจะผ่านเข้ามาโซนนี้ต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้นซึ่งสามารถช่วยสแกนความปลอดภัยได้อีกชั้นค่ะ
รูปนี้คือ Lobby ซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่ Co-Working Space ที่อยู่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าการออกแบบมีการใช้ซุ้มโค้งต่างๆตาม Concept มาแทรกอยู่ โซนนี้จะมีฝ้าเพดานสูงและช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้โปร่งโล่งและเห็นวิวภายนอกเป็นพื้นที่สีเขียวด้วยค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในเป็น Co-Working Space ซึ่งจัดที่นั่งให้ทั้งแบบที่นั่งสบายๆบนโซฟา กับเป็นโต๊ะทำงานจริงจังไปเลย ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไม่อยากนั่งทำงานอยู่บนห้องก็ลงมาใช้ได้ค่ะ
ตามมาติดๆด้วยพื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ที่ประกอบด้วย Lounge ฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ส่วนชั้น 3 ภายในอาคารจะมี ห้องสมุด ห้องประชุม และ Multi function studio ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพเพื่อขายสินค้าต่างๆ
โดยพื้นที่ชั้น 2 จะเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็น Roof Top ของ Auto Parking ซึ่งจะมีพื้นที่ส่วนกลางคือห้องโยคะ และ Rooftop Garden
เรามาดูผังชั้น 2 กันค่ะ จะเห็นว่าห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นนี้เลย โดยจะมีประตูกั้นแยกพื้นที่ส่วนกลางและห้องพักออกจากกันชัดเจน ส่วนที่เป็น Auto Parking ก็ถูกดันแยกออกไปไว้ด้านหน้า ทำให้ไม่มีผนังติดกับส่วนของห้องพัก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงที่จะเข้ามาในตัวห้อง ตำแหน่งของโถงลิฟต์ค่อนมาทางฝั่งซ้ายซึ่งจะทำให้มีห้องที่เดินใกล้ลิฟต์และมีความเป็นส่วนตัวมากๆอย่างห้องตำแหน่ง 29 และ ห้องที่เดินไกลลิฟต์หน่อยแลกกับความเป็นส่วนตัว จำนวนห้องพักในชั้นนี้จะมีแค่ 25 ยูนิตต่อชั้น ห้องทางทิศใต้ (สีเทาอ่อนและเทาเข้ม)จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ส่วนห้องที่อยู่ตามมุมและฝั่งทิศเหนือจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ค่ะ
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะมี Lounge เอาไว้นั่งเล่นพักผ่อนซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า Lobby เพราะคนที่มาใช้ได้จะต้องเป็นลูกบ้านเท่านั้น ห้องนี้เวลาใช้งานจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ ข้างๆกันจะเป็นห้องฟิตเนส และมีห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำ ล็อคเกอร์เอาไว้ให้ใช้ครบค่ะ
ตำแหน่งของ Lounge นี้จะอยู่ใกล้กับพื้นที่ของสระว่ายน้ำ มาใช้งานพื้นที่ตรงนี้ก็จะได้วิวสระว่ายน้ำไปในตัว ห้องนี้มีฝ้าเพดานสูงและมีการตกแต่งฝ้าได้น่าสนใจ ด้านหลังจะมีบันไดที่เดินไปเชื่อมกับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 3 อีกด้วย
ห้องฟิตเนสก็จะอยู่ข้างๆกับ Lounge เลย มองวิวไปยังสระว่ายน้ำได้เช่นกัน
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ มีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนอยู่ข้างสระและมีทางเดินขึ้นไปเชื่อมกับสวนหย่อม (Rooftop Garden) ได้ และเนื่องจากเป็นคอนโด Low Rise และวางสระว่ายน้ำเอาไว้ที่ชั้น 2 วิวคงไม่ได้เห็นอะไรมาก รอบๆสระจึงมีการออกแบบผนังกั้นเอาไว้ค่ะ เป็นการสร้างพื้นที่ปิดล้อมด้านข้างสระว่ายน้ำไว้ คนว่ายน้ำได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น
ขึ้นมาที่ชั้น 3 พื้นที่ส่วนกลางจะมี Library Space & Co-working Space ที่มีอุปกรณ์สำนักงาน เครื่องถ่ายเอกสารมาให้ในห้อง และมีโซน Private Room สำหรับคนที่อยากนั่งทำงานแบบเป็นส่วนตัว หรือถ้าอยากประชุมก็จะมี Meeting room รองรับได้ประมาณ 8 คน มาให้ ห้องข้างๆกันจะมี Multi function studio เอาไว้ถ่ายรูปรีวิวสินค้าต่างๆ เหมาะกับกลุ่ม Freelance ที่ขายของ การเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้นั้นต้องเดินขึ้นมาจากชั้น 2 คนที่อยู่ชั้น 3 ไม่สามารถเดินเข้ามาได้นะคะ ทำให้ชั้นนี้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยกว่าชั้น Typical และไม่มีพื้นที่ส่วนกลางมาปะปน โดยการจัดผังต่างๆจะคล้ายกับชั้น 2 ค่ะ
บรรยากาศของห้องสมุดที่มีการตกแต่งด้วยซุ้มโค้ง ชั้นนี้จะค่อนข้างเป็นส่วนตัวเหมาะกับคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานหรืออ่านหนังสือสูง
ปิดท้ายด้วยภาพสวนหย่อมด้านบนส่วนของ Auto Parking มีซุ้มนั่งพักผ่อนมาให้พร้อมจัดสวนด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ค่ะ สำหรับคนที่อยู่ชั้นนี้ห้องพักจะยกสูงขึ้นไปมากกว่าระดับสายตาคนที่มาใช้พื้นที่ส่วนกลาง อีกทั้งยังมีแนวพุ่มไม้มากั้นอีกชั้นช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักอาศัยค่ะ
ชั้น 4-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดเลยโดยจะมียูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิตอยู่ที่ชั้น 4-7 ห้องที่เพิ่มขึ้นมาจากชั้น 2-3 คือตำแหน่ง 01 , 02 ซึ่งเป็นห้อง 2 Bedroom 53.5 – 54.5 ตารางเมตร เป็นฝั่งที่อยู่ทางทิศเหนือติดซอยลาดพร้าว23 แยก 6 ซึ่งทิศนี้จะมีระยะห่างจากอาคารอื่นพอสมควรและสามารถมองวิวสระว่ายน้ำได้ ส่วนห้องอื่นๆจะจัดผังคล้ายกับชั้นก่อนหน้า จุดที่แตกต่างกันระหว่างชั้น 4-7 กับชั้น 8 คือฝั่งทิศใต้ (ทางซ้ายล่างของรูป) ที่ชั้น 4-7 จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ส่วนในชั้น 8 จะปรับขึ้นมาเป็น 2 Bedroom ประมาณ 50 ตารางเมตรซึ่งเป็นห้องหน้ากว้างและมีระเบียงที่ยาวแทนค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- Lobby Hall
- Sharing Service
- Mail box & Smart locker
- Co-working space
- Self Storage
- Lounge
- Fitness
- Swimming Pool
- Library Space
- Co-working Space
- Office Supply
- Multi function studio
- Meeting room
- Yoga Room (Parking Building)
- Rooftop garden (Parking Building)
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้มีอยู่ 2 Type ได้แก่ห้อง 1 Bedroom 26.70-27.50 ตารางเมตร และ 1 Bedroom Plus 34.40-36.30 ตารางเมตร โดยโครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางชิ้นเช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ฐานเตียงค่ะ
1 Bedroom 26.70-27.50 ตารางเมตร เป็นห้องฟังก์ชันใหม่จาก Origin ที่มีชื่อว่า Smart Closet ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชอบแต่งตัว มีเสื้อผ้าเยอะหรืออยากได้พื้นที่เก็บของแบบเน้นๆ ซึ่งเป็นปัญหาในคอนโดปัจจุบันที่มีพื้นที่เก็บของน้อย โดยจัดให้มีห้อง Walk-in Closet ขนาดใหญ่อยู่หน้าห้องน้ำและเชื่อมต่อกับระเบียงไปเลย ตู้เสื้อผ้านี้ทางโครงการก็แถมมาให้ด้วยนะคะ ซึ่งจะมีมุมที่แบ่งมาทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วย แต่ห้องนอนจะไม่ได้กั้นผนังมาให้ จึงเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารไปเลย โดยโซฟาจัดได้ประมาณ 3 ที่นั่งซึ่งการใช้งานถือว่ากำลังพอดี ไม่กว้างไม่แคบจนเกินไป สามารถปรับให้เหลือ 2 ที่นั่งแล้วทำเป็นโต๊ะทานข้าวก็ได้ ส่วนห้องครัวเป็นครัวปิดอยู่บริเวณหน้าห้อง ซึ่งฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นตู้รองเท้าที่จัดวางได้หลายคู่มากๆ เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องกันค่ะ
นอกจากรายการวัสดุมาตรฐานและเฟอร์นิเจอร์บางรายการแล้ว ทางโครงการยังมี Home Automation ซึ่งสามารถควบคุมการเปิด-ปิดไฟ แอร์ Smart Mirror ผ่านทาง Application ในมือถือมาให้ทุกห้องอีกด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน
โครงการนี้มี Digital Door Lock มาให้ทุกห้องนะคะ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งการตั้งรหัส คีย์การ์ด กุญแจ รวมถึงสามารถตั้งอายุการใช้งานของรหัสได้ด้วยค่ะ
เข้ามาในห้องเราจะเจอกับห้องครัวที่มีการกั้นประตูระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนทำเป็นครัวปิด ทำให้สามารถกันกลิ่นเวลาทำอาหารได้บางส่วน พื้นบริเวณนี้จะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ซึ่งมีคุณสมบัติในการซักล้างทำความสะอาดได้ง่ายเหมาะกับการใช้งานในครัวค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวเราได้ตามนี้เลย หน้าบานกรุด้วยลามิเนต Top เป็นหินสังเคราะห์ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆและ Soft Close
อ่างล้างจานได้เป็นแบบหลุมเดียวของ Hafele ดีไซน์มาให้วางอยู่ด้านล่าง Top
เตาไฟฟ้าก็เป็นของ Hafele เช่นเดียวกัน แบบ 2 หัวซึ่งเหมาะกับการใช้งานในห้องแบบ 1 Bedroom
เครื่องดูดควันได้เป็นแบบหมุนเวียนของ Hafele
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นและเราจะได้ตู้วางรองเท้าแบบนี้มาด้วย
ซูมชั้นวางรองเท้าให้ดูใกล้ๆจะเห็นว่ามีพื้นที่เก็บรองเท้าได้เยอะพอสมควรเลย สาวๆแฟชั่นนิสต้าน่าจะชอบ ส่วนตู้ด้านบนยังสามารถเก็บของใช้ได้อีกด้วยนะ
ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก กรอบบานอลูมิเนียม 3 ตอนแบบนี้นะคะ นอกจากเอาไว้กันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารแล้วยังถือเป็นการแบ่งฟังก์ชันการใช้งานด้วย
ถัดเข้ามาเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอนต่อเนื่องกันยาวๆเลย ซึ่งข้อดีคือเราจะได้ความโปร่งโล่ง ได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นเลย แต่ถ้าอยู่กันหลายคนแล้วมีคนนึงเข้านอนก่อนแล้วอีกคนดูทีวีอาจจะต้องเบาเสียงกันนิดนึงค่ะ ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.5 เมตรและพื้นเป็นไม้ลามิเนตค่ะ
สำหรับแอร์จะได้ของ Daikin นะคะ จำนวน BTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้องค่ะ
ถัดมาเป็นพื้นที่นอนพักผ่อนซึ่งเราจะได้ฐานเตียงมาอย่างเดียว ตำแหน่งของเตียงจะอยู่ด้านข้างหน้าต่าง นอนชมวิวได้สบายๆเลย
ฐานเตียงมีการทำลิ้นชักมาให้ ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้อีกด้วย ถือเป็นการเพิ่มฟังก์ชันในกับเฟอร์นิเจอร์ของเราค่ะ
ด้านข้างเตียงทางฝั่งซ้ายสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ ส่วนฝั่งขวาจะมีระยะพอให้ผ้าม่านพาดผ่าน
ทางโครงการจะมีแถมที่ชาร์จมือถือ แบบ wifi ติดมากับโต๊ะข้างเตียงด้วย
พื้นที่ปลายเตียงมีระยะเหลือประมาณ 30 เซนติเมตรค่ะ เดินผ่านได้สบายๆ
ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ สามารถรับแสงเข้ามาได้เต็มๆช่วยทำให้ห้องสว่างมากขึ้น แต่ถ้าเวลาไหนที่เราอยากจะนอนหรือภายนอกมีแสงสว่างมากเกินไปก็สามารถหาม่านมาปิดเพิ่มเอาได้
มุมมองย้อนกลับไปที่หน้าห้อง จะเห็นได้ว่าพื้นที่นั่งเล่นกว้างขวางพอสมควรเลย ระยะดูทีวีห้องนี้อยู่ที่ 2.2 เมตรค่ะ
ส่วนปลายเตียงจะเป็นทางไปห้อง Walk-in Closet ที่เป็นไฮไลท์ของห้องนี้
ห้องนี้ออกแบบให้บริเวณหน้าห้องน้ำมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็นชั้นวางของ ราวแขวนชุดสั้น ชุดเดรสยาว พื้นที่เก็บของชิ้นใหญ่ด้านบน ให้มาทั้งตู้แบบนี้ยกเว้นกระจกเงาบริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง ถือว่าเก็บของมาได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ
Walk-in Closet จะติดกับพื้นที่ระเบียงที่เตรียมพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าอยู่ด้านนอก ซึ่งพอซักผ้าตากผ้าเสร็จแล้วก็เอามาเก็บเข้าตู้ได้เลยสะดวกดี
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.90 x 1.40 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคค่ะ
บริเวณระเบียงทางโครงการมีติดตั้งไฟส่องสว่างมาให้ด้วยนะ
ฝั่งตรงข้ามระเบียงคือทางไปห้องน้ำ ซึ่งของจริงทางโครงการมีทำประตูมาให้นะคะ
ภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็นส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย สุขภัณฑ์และกระเบื้องที่กรุตามพื้นและผนังได้ตามนี้เลยค่ะ
ด้านล่างอ่างล้างหน้าจะมีตู้ที่เปิดออกมาเก็บของเล็กๆน้อยๆได้
ใกล้ๆกับอ่างล้างหน้าทางโครงการทำปลั๊กมาให้สำหรับใครที่อยากจะไดร์ผมก็สะดวกเลย แถมยังมีที่ชาร์จแบบ USB มาให้ด้วยค่ะ
ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นของ Hafele นะคะ
พื้นที่อาบน้ำหรือส่วนเปียกที่กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นสัดส่วน ที่ผนังทำเป็นช่องเอาไว้วางของได้ด้วยซึ่งสะดวกมากๆ เราไม่ต้องหาชั้นวางสบู่มาเพิ่มค่ะ
พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 0.80 x 1.00 เมตรถือว่าใหญ่กว่ามาตรฐานนะคะ ยืนอาบได้สบายๆ
ฝักบัวจะได้เป็นของ American Standard นะคะ
ต่อมาคือห้อง 1 Bedroom Plus 34.40-36.30 ตารางเมตร ห้องนี้เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาหน่อยหรือพักอาศัยมากกว่า 1 คน ซึ่งจะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาให้เราเอาไปจัดได้ตาม Lifestyle โดยจะทำเป็นห้องนอน ห้องทำงาน ห้องเก็บของก็ได้ โดยพื้นที่พื้นที่ใช้งานหลักยังมีอยู่ครบครันและจัดได้ลงตัว ห้องนั่งเล่นยังอยู่ในโซนเดียวกับพื้นที่รับประทานอาหารและมีครัวปิดเหมือนเดิม แต่ครัวมีขนาดใหญ่ขึ้นจัดเคาน์เตอร์ได้แบบตัว L ทำให้การใช้งานสะดวกและเป็นสัดส่วนมากขึ้น มีพื้นที่วางรองเท้าหน้าห้อง ห้องน้ำเข้าได้ 2 ทางนะคะ ถือว่าดีทีเดียวเพราะคนที่ห้องนั่งเล่นสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน ส่วนห้องนอนกั้นเป็นสัดส่วนไปเลย ภายในห้องจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัว มีระยะเดินปลายเตียง+วางตู้เสื้อผ้าได้ และมีช่องแสงขนาดใหญ่ช่วยให้ห้องมีความโปร่งมากขึ้นค่ะ
เข้ามาภายในบรรยากาศจะโปร่งโล่ง ด้านหน้าเป็นห้องนั่งเล่นก่อนส่วนด้านในเป็นห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ที่กั้นเป็นสัดส่วนค่ะ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆได้เหมือนห้องก่อนหน้านะคะ
ถ่ายย้อนมาให้ดูฝั่งหน้าห้องเราจะเห็นทางเข้าห้องครัวกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนอยู่ ระยะดูทีวีห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร ซึ่งเหมาะกับการวางทีวีขนาด 32″-40″
บริเวณหน้าห้องจะมีตู้วางรองเท้ามาให้ด้วยนะ ตรงกลางสามารถวางของใช้และมีที่แขวนกุญแจมาให้ด้วยค่ะ
ห้องครัวกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสัดส่วนดี
ครัวของห้องนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมา วางเคาน์เตอร์ได้แบบตัว L แบ่งฟังก์ชันออกเป็นส่วนเตรียมอาหารและประกอบอาหารชัดเจน ส่วนตำแหน่งตู้เย็นจะอยู่ด้านหน้า
ตู้ด้านล่างและด้านบนเปิดออกมาเก็บของได้ค่อนข้างเยอะนะคะ
สำหรับด้านในจะแบ่งออกเป็นห้องอเนกประสงค์และห้องนอนซึ่งมีประตูกั้นเป็นสัดส่วนทั้ง 2 ห้องเลย
ห้องอเนกประสงค์กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก กรอบบานอลูมิเนียมแบบ 3 ตอนซึ่งพอเปิดประตูจะได้ช่องเปิดที่กว้าง เป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นได้เลย
ห้องอเนกประสงค์นี้ เราได้เป็นห้องโล่งๆนะคะ ต้องหาซื้อเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งเองขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เป็นห้องอะไร
ห้องนี้เราได้ระเบียงด้วยค่ะ ซึ่งเป็นระเบียงที่ออกมาใช้งานได้เต็มที่เลยเพราะเครื่องซักผ้าถูกจัดวางเอาไว้ในครัวแล้ว
โดยพื้นที่ระเบียงจะมีขนาดประมาณ 1.80 x 0.97 เมตร เราสามารถหาเก้าอี้มาวางเพื่อนั่งเล่นรับลมได้นะ
สุดท้ายคือห้องนอนที่กั้นเป็นสัดส่วน สามารถวางเตียงได้แบบ Queen Size พร้อมมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ผนังด้านข้างเอาไว้เปิดรับแสงธรรมชาติ
ที่ฐานเตียงมีลิ้นชักมาให้เช่นเดียวกับห้องก่อนหน้าค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายจะมีระยะพอให้ม่านผ่าน ส่วนทางฝั่งขวาวางโต๊ะข้างเตียงไม่ได้นะคะ เพราะจะชนกับบานตู้เสื้อผ้า
ส่วนปลายเตียงห้องนี้กว้างสามารถวางตู้วางทีวีหรือโต๊ะทำงานได้นะ
พื้นที่ปลายเตียงที่สามารถวางตู้หรือโต๊ะทำงานได้ค่ะ
ผนังข้างเตียงเราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ โดยจะมีบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศอยู่บานนึงทางฝั่งซ้ายสุดค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าและทางไปห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้าเราได้แบบนี้เลยค่ะ เป็นบานเปิดด้านในมีลิ้นชักและราวแขวนผ้ามาให้
ภายในห้องน้ำมีการตกแต่งและวัสดุเหมือนกันกับห้องก่อนหน้าค่ะ
ห้องน้ำห้องนี้เราสามารถเข้าได้ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ
และที่พิเศษคือห้องนี้ (ตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป) เราจะได้ Smart Mirror มาด้วย ซึ่งสามารถใช้เล่น internet ดูหนังฟังเพลงตอนเข้าห้องน้ำได้ด้วยค่ะ
The Origin รัชดา-ลาดพร้าว
สำหรับแปลนของ The Origin รัชดา-ลาดพร้าว ทั้งหมดสามารถคลิกและ Slide ดูได้ที่นี่ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 July 2019
- ราคาห้องพัก – รอข้อมูล Update จากทางโครงการ
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 58 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : The Origin รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว23 จัดว่าอยู่ในโซนลาดพร้าวตอนต้น ช่วงที่ข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าวมาแล้ว ข้อดีคือยังอยู่ใกล้แยกรัชดา-ลาดพร้าว และ ห้าแยกลาดพร้าวที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีครบครันทั้งแหล่งช้อปปิ้งอย่างยูเนียนมอลล์ และเซ็นทรัลลาดพร้าว นอกจากนั้นยังมี BigC Extra กูร์เมต์ มาร์เก็ต และร้านอาหารเจ้าดังริมถนนลาดพร้าว ใกล้โรงเรียน และอาคารสำนักงานที่อยู่บนเส้นวิภาวดีรังสิต รัชดาภิเษกและรัชโยธิน ไม่ไกลจากพื้นที่สีเขียวในย่านนี้ก็ข้ามไปที่โซนสวนขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาถึงก็ออกกำลังกายได้เลย ถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นรัชดาภิเษก ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินที่เป็นที่ตั้งของตึกออฟฟิศ ไล่มาตามถนนเป็นสถานที่ราชการ มายังแยกรัชดา-ลาดพร้าว สวนลุมไนท์บาซาร์รัชดา อีกทั้งเป็นทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าทั้ง MRT ลาดพร้าวและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (อนาคต)
การเดินทางโดยใช้รถ :
สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลายทั้งถนนลาดพร้าววิ่งตรงไปยังบางกะปิหรือรามคำแหง หรือจะกลับรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังฝั่งห้าแยกลาดพร้าวหรือถนนวิภาวดีรังสิตแต่อาจจะต้องกลับรถไกลนิดนึง ใช้ถนนรัชดาภิเษกเพื่อไปยังรัชโยธินหรือวิ่งลงไปยังถนนรัชดาภิเษกฝั่งมุ่งหน้าย่านพระราม9 ก็ได้ ภายในซอยสามารถใช้เส้นทางลัดได้ แต่จะอิงไปทางรัชดาภิเษก-พหลโยธิน-รัชโยธิน-ลาดพร้าววังหิน-โชคชัย4 มากกว่า โดยรวมแล้วถือเป็นทำเลที่สะดวกมากๆสำหรับคนที่ทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-ลาดพร้าว-รัชดาภิเษก แลกกับปริมาณรถที่หนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เรียกรถสาธารณะได้ง่าย มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ทั้งบริเวณหน้าโครงการและหน้าปากซอย ถ้าเดินออกมาถนนใหญ่ก็สามารถเรียกรถแท็กซี่และรถเมลล์ได้สะดวก สำหรับรถไฟฟ้าปัจจุบันมี MRT สถานีลาดพร้าวที่ห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร (ทางออก4) ถ้านั่งต่อไปอีก 1 สถานีจะเป็นสถานีพหลโยธินที่ในอนาคตสามารถไป interchange กับสถานีห้าแยกลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ และยังมีสถานีรัชดารถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ที่สามารถ Interchange กับ MRT สถานีลาดพร้าวได้ โดยจากที่ตั้งของโครงการจะมีทางเดินไปออกถนนรัชดาภิเษกช่วงที่ใกล้กับสถานีรัชดาของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในระยะประมาณ 25 เมตร เรียกได้ว่าทำเลนี้กำลังจะมีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคตค่ะ
วัสดุ : ให้มาค่อนข้างดี ขายแบบ Fully Fitted + เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางชิ้น อย่างห้อง Smart Closet จะได้ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มๆเลย จุดที่คิดว่าค่อนข้างดีคือ เคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์ อุปกรณ์ครัวและสุขภัณฑ์ของ Hafele และการให้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบ Home Automation ที่ชาร์จมือถือ แบบ wifi , Smart Mirror ในห้องน้ำเป็นต้น
การออกแบบ : การออกแบบทำออกมาได้ดี มีการนำเอาสไตล์ Classic Heritage มาใช้กับตัวอาคารและพื้นที่ส่วนกลางทั้งกรอบบานประตู เฟรมของช่องแสงอาคาร และซุ้มโค้งต่างๆ ทำให้โครงการดูมีดีเทล ไม่เรียบเหมือนโครงการ Low Rise ทั่วไป สำหรับการวางผังอาคารชอบการจัดพื้นที่ส่วนกลางแยกออกมาจากห้องพัก กั้นส่วนชัดเจน และให้มีชั้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางเพียงชั้นเดียวคือชั้น 2 ถ้าจะไปใช้พื้นที่ส่วนกลางชั้น 3 ก็ต้องขึ้นจากชั้น 2 ทำให้ห้องพักมีความเป็นส่วนตัว สำหรับห้องพักออกแบบได้ลงตัว มีห้องที่มีฟังก์ชันพิเศษที่น่าสนใจคือ ห้อง 1 Bedroom ที่มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งตอบโจทย์คนทีชอบแต่งตัวหรือเก็บของได้เป็นอย่างดี
สาธารณูปโภค : ด้วยจำนวนยูนิตที่มีไม่มากประมาณจำนวน 208 ยูนิต พื้นที่ส่วนกลางจึงถือว่าให้มาเยอะและออกแบบได้ดูน่าใช้งานทีเดียว และมีฟังก์ชันที่เหมาะกับคนทำงานและกลุ่ม Freelance เช่น Co-working space , Sharing Service & Smart locker และ Studio สำหรับถ่ายภาพสินค้า ห้องสมุดที่มีอุปกรณ์สำนักงานมาให้เป็นต้น นอกจากนั้นทางโครงการยังจัดบริการแม่บ้านเข้ามาเสริมให้ซึ่งใช้ได้ 1 ครั้งในระยะเวลา 1 ปีค่ะ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆก็มีให้ใช้ครบไม่ว่าจะเป็น Lobby ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนหย่อมค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 90,000 – 120,000 บาท/ตร.ม., 23 July 2019
- ทำเล 7.75/10 – อยู่ในซอยลาดพร้าว23 ลาดพร้าวช่วงต้น ใกล้รถไฟฟ้า
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกสามารถใช้ซอยลัด เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ที่จอดรถ 61%
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มีวินมอเตอร์ไซค์หน้าโครงการ เรียกรถสาธารณะสะดวก ห่าง MRT ลาดพร้าว 450 เมตร ถ้ารถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จจะบวกคะแนนให้มากกว่านี้
- วัสดุ 7.5/10 – ให้มาค่อนข้างดี โครงการขายแบบ Fully Fitted + Home Automation
- แบบ 8/10 – ออกแบบค่อนข้างดี เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งส่วนกลางและห้องพัก
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- UPPER CLASS
- 7.81/ 10.00
BOTTOM LINE
The Origin รัชดา-ลาดพร้าว เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านรัชดา-ลาดพร้าว อาจจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ในละแวกนี้ ที่เน้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าหรือใช้เส้นทางลัดลาดพร้าว-รัชดาภิเษก-รัชโยธินเป็นหลัก ชอบทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ อยากได้โครงการที่มีส่วนกลางให้ใช้หลากหลาย ชอบห้องที่มีการออกแบบให้เก็บของได้เยอะ มีงบประมาณ 2.29-6 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,000-42,000 บาทต่อเดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving