รีวิวฉบับที่ 2420 กับโครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว คอนโด Low Rise สร้างเสร็จพร้อมอยู่จาก Origin มาพร้อมความสะดวกสบายในการเดินทาง โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 23 ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าว ทางออก 4 เพียง 450 เมตร  และอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สามารถเดินเชื่อมต่อจากหน้าโครงการได้ ส่วน Highlights จะมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ไปติดตามกันต่อได้เลยค่ะ

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 23 สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจากซอยรัชดาภิเษก 30 , 36 และซอยเสนานิคม 1 สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกมากค่ะ เพราะอยู่ใกล้กับ MRT สถานีลาดพร้าว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีรัชดา ซึ่งจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้
  • การออกแบบ : สำหรับรูปแบบห้อง มีให้เลือกหลักๆด้วยกันอยู่ 4 แบบ โดยในแต่ละแบบก็ยังมีการแบ่ง Type ย่อยๆลงไป ทำให้สามารถรองรับความหลากหลายของผู้ใช้งานได้ ฟังก์ชันภายในก็จัดได้อย่างเป็นสัดส่วน อีกทั้งยังได้ความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องพักอาศัยเพียง 208 ยูนิตเท่านั้น
  • การใช้งาน : ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยนวัตกรรมภายในห้อง ตั้งแต่ส่วนทางเข้าที่มีการติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ พร้อมระบบ Home Automation เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต และ Smart mirror ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Wifi ภายในห้องได้ค่ะ

ข้อมูลโครงการ

The Origin Ratchada – Ladprao (ดิ ออริจิ้น รัชดา – ลาดพร้าว) ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2565

 ชื่อโครงการ The Origin Ratchada – Ladprao (ดิ ออริจิ้น รัชดา – ลาดพร้าว)
 ชื่อผู้ประกอบการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
 SEGMENT CLASS  UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ซอยลาดพร้าว 23 เขตจตุจักร
 ที่ดิน  1-3-28.25 ไร่
 ประเภทคอนโด Low Rise 8 ชั้น ห้องพักอาศัย 208 ยูนิต, ร้านค้า 1 ยูนิต
 จำนวนยูนิต  209 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  31 ยูนิต
 ที่จอดรถ 106 คัน คิดเป็น 51% แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking 39 คัน และที่จอดแบบปกติ 67 คัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2563
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2565
 ประเภทห้องพัก
  • ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 24.50-33.00 ตร.ม.
  • ห้อง 1 Bedroom (Smart Closet ) พื้นที่ใช้สอยภายใน 26.50-27.50 ตร.ม.
  • ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34.40-36.30 ตร.ม.
  • ห้อง 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 50.00-54.50 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
 ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) 120,000 – 130,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center 020 300 000

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.48.26.9, 100.34.32.3
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการจะเห็นได้ว่าที่ตั้งของ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว อยู่ในซอยลาดพร้าว 23 ลึกเข้ามาประมาณ 200 เมตร ถือเป็นระยะที่สามารถเดินเข้าออกได้อย่างสะดวก ซอยนี้คนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นทางลัดเพื่อเชื่อมไปยังถนนหลักสายอื่นๆได้  อย่างเช่น ถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าแยกรัชโยธิน ออกวิภาวดี – รังสิตได้ ใกล้กับทางพิเศษฉลองรัช และทางยกระดับดอนเมืองโทล์เวย์

หรือใช้ถนนซอย ลาดพร้าว 32 วิ่งออกถนนลาดพร้าว – วังหิน เชื่อมเข้าซอยเสือใหญ่ อุทิศ และเข้าสู่ถนนโชคชัย 4 ได้ จัดเป็นทำเลที่มีความโดดเด่นในเรื่องการเดินทาง เพราะยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้ง MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีเหลืองอีกด้วย ซึ่งสายสีเหลืองนี้อยู่ห่างจากหน้าโครงการประมาณ 25 เมตรเท่านั้น โดยจะเปิดให้บริการครั้งแรกประมาณต้นปี 2566 ค่ะ

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ ถ้าพูดถึงย่านลาดพร้าว ทุกคนก็คงนึกถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว หรือตลาดดังอย่าง ตลาดนัดจุตจักรอย่างแน่นอน ซึ่งโครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว นี้ ก็อยู่ห่างออกมาเพียง 2-5 กม. เท่านั้น การจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนอาจจะติดขัดไปสักหน่อย แต่ถ้าใช้รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองจากหน้าโครงการได้ ก็จะทำให้สะดวกสบายขึ้นมากเลยค่ะ เพราะสามารถเชื่อมต่อกับสถานีรัชโยธินของ MRT สายสีเขียวได้ จะไปเซ็นทรัล ลาดพร้าว หรือเข้าสยามก็ทำได้อย่างง่ายดายเลย

กลับมาที่รอบโครงการก็ยังมีร้านค้าและห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กให้เลือกจับจ่ายใช้สอยอยู่ค่ะ อย่างหน้าซอยลาดพร้าว 23 ก็มี 7-11 อยู่ในปั๊มน้ำมันนะคะ ซึ่งอาจเดินออกมาไกลหน่อย จึงต้องมาลุ้นกันว่า ในอนาคตจะมีร้านค้าอะไรมาเปิดในโครงการ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน หน้าซอยและหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซต์คอยให้บริการอยู่นะคะ โดยในซอยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เงียบเหงาไปซะทีเดียว มีร้านค้า ร้านอาหารตามสั่ง ร้านกาแฟ และร้านซักรีดอยู่ค่ะ หรือถ้าข้ามมาทางฝั่ง MRT ลาดพร้าว ที่ด้านล่างก็มี Gourmet Market อยู่ด้วย สำหรับคนที่กำลังจะออกไปทำงานหรือเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆแล้วใช้ MRT ลาดพร้าวนี้ ก็สามารถแวะทานข้าว แล้วซื้อของเข้าคอนโดได้เลย โดยระยะทางจากหน้าโครงการประมาณ 450 เมตรค่ะ

Image 1/4
เมื่อออกจากสถานีตรงมาทางประตูทางออก 4 จะเจอ Gourmet Market

เมื่อออกจากสถานีตรงมาทางประตูทางออก 4 จะเจอ Gourmet Market

สำหรับเส้นทางที่ใช้เข้า – ออกสู่โครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว จะใช้ถนนหลักๆอยู่ 2 เส้นด้วยกัน คือถนนลาดพร้าวและถนนรัชดาภิเษก แต่เนื่องจากซอยลาดพร้าว 23 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ สามารถลัดเลาะไปยังถนนเส้นอื่นๆได้ ทำให้ตัวเลือกในการเดินทางมีความหลากหลายทีเดียวค่ะ ซึ่งวันนี้เราจะมานำเสนอ 4 เส้นทางหลักๆด้วยกัน

  • เส้นทางที่ 1 จากแยกรัชโยธิน มุ่งหน้าบนถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดาภิเษก 30 ประมาณ 270 เมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 23 ขับตรงต่อมาโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ
  • เส้นทางที่ 2 จากแยกรัชโยธิน มุ่งหน้าบนถนนรัชดาภิเษก ขับมาจนถึงแยกรัชดา – ลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนลาดพร้าว ขับตรงแล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าซอยลาดพร้าว 23 ขับต่อมาประมาณ 200 เมตร โครงการจะอยู่ขวามือ
  • เส้นทางที่ 3 จากถนนพหลโยธิน เบี่ยงซ้ายเพื่อกลับรถเข้าสู่ถนนลาดพร้าว ขับข้ามแยกรัชดา – ลาดพร้าว ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 23 ขับตรงต่อมาประมาณ 200 เมตร ทางเข้าโครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ
  • เส้นทางที่ 4 จากถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนลาดพร้าว ขับตรงต่อมาจนถึงแยกรัชดา – ลาดพร้าว กลับรถไปอีกฝั่ง เพื่อเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 23 ขับต่อมาประมาณ 200 เมตร โครงการจะอยู่ขวามือ

สำหรับวันนี้เราใช้เส้นทางที่ 2 เพื่อเข้าสู่โครงการ จะเป็นยังไงบ้าง ไปรับชมกันเลยค่ะ

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/10
มุ่งหน้ามาจากแยกเกษตร เจอ BTS สถานีรัชโยธินค่ะ

มุ่งหน้ามาจากแยกเกษตร เจอ BTS สถานีรัชโยธินค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

โครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว อยู่ลึกเข้ามาในซอยลาดพร้าว 23 จากฝั่งถนนลาดพร้าวประมาณ 200 เมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นที่พักอาศัย ทั้งอาคารพาณิชย์ความสูง 4 – 5 ชั้นและกลุ่มที่พักอาศัยแนวราบ โดยความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่จะอยู่หน้าซอยฝั่งที่ติดกับถนนหลักมากกว่า ซึ่งก็เป็นระยะทางที่สามารถเดินออกมาจากโครงการได้สบายๆค่ะ

  • ทิศเหนือ – ติดกับซอยลาดพร้าว 23 อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก – ติดกับที่พักอาศัยแนวราบ
  • ทิศใต้ – ติดกับอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันตก – ทางเข้าโครงการ ติดกับอาคารพาณิชย์และถนนซอยลาดพร้าว 23

Image 1/13
ภาพบรรยากาศหน้าซอยลาดพร้าว 23

ภาพบรรยากาศหน้าซอยลาดพร้าว 23

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Gourmet Market ~ 450 ม.
  • สวนลุมไนท์บาซ่าร์ ~ 450 ม.
  • Big C ลาดพร้าว 2 ~ 1.2 กม.
  • บุญถาวร รัชดา ~ 1.6 กม.
  • ตลาดสะพาน 2 ~ 2.1 กม.
  • Union Mall ~ 2.4 กม.
  • Central ลาดพร้าว ~ 2.8 กม.
  • Tesco Lotus ลาดพร้าว ~ 2.8 กม.
  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 2.8 กม.
  • Major Cineplex รัชโยธิน ~ 3.5 กม.
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร ~ 5.2 กม.
  • Central Festival Eastville ~ 6.2 กม.
  • The Crystal ~ 6.2 กม.
  • CDC ~ 6.6 กม.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล โชคชัย 4 ~ 3.4 กม.
  • โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล เกษตร ~ 4.3 กม.
  • โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน ~ 5.5 กม.
  • โรงพยาบาลสุทธิสาร ~ 5.6 กม.

สถานศึกษา

  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ~ 1.7 กม.
  • มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ~ 2.8 กม.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 4.1 กม.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 5.2 กม.
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา ~ 6.4 กม.
  • โรงเรียนนานาชาติ KIS ~ 7.4 กม.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1  อาคาร มีห้องพักอาศัยจำนวน 208 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ที่จอดรถคิดเป็น 51% รวมจอดซ้อนคัน ทั้งนี้ได้รวมส่วน Autoparking 3 Layers จำนวน 39 คันไว้แล้วนะคะ โดยรูปแบบอาคารนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการตกแต่งสไตล์ Classic Herritage ที่เน้นความหรูหราด้วยบรรยากาศแบบคลาสสิค โทนสีของอาคารจะเป็นสีขาว น้ำตาล ครีม ตัดกับเส้นอลูมิเนียม เพิ่มความมีระดับและลูกเล่นด้วยเส้นโค้ง ที่นำเอาเอกลัษณ์ของหน้าต่างรถไฟมาประยุกต์ใช้กับดีเทลต่างๆของอาคาร ในส่วนรายละเอียดภายในโครงการ เราจะมาเริ่มอธิบายที่ Master Plan กันก่อนเลยค่ะ

ทางเข้า-ออกของโครงการจะมีเพียงฝั่งเดียว คือส่วนที่ติดกับซอยลาดพร้าว 23 จากด้านหน้าจะมีระยะร่นเข้ามาก่อนถึงจุดรักษาความปลอดภัย ซึ่งเมื่อผ่านเข้ามาแล้วก็จะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณชั้น 1 ส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ถัดเข้าไปด้านในสุดก็จะเป็น Autoparking จากจำนวน 208 ยูนิต สามารถจอดได้ถึง 51% ก็ถือว่าเพียงพอและเหมาะสมกับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก

ถัดเข้ามาภายในอาคาร นอกจากส่วน Lobby ก็จะมีพื้นที่ Co-Working Space ที่สามารถมาใช้งานร่วมกันได้ ติดกันเป็นพื้นที่ร้านค้าในอนาคต ซึ่งก็ถือว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตได้มากทีเดียวค่ะ

บริเวณทางเข้า –  ออก นอกจากทางสัญจรของรถแล้ว ก็มีทางเท้าไว้สำหรับคนเดินที่ด้านข้าง โดยทั้ง 2 ฝั่ง จะมีผนังสูงที่ตกแต่งด้วยวัสดุและโทนสีที่กลมกลืนกับอาคาร ซึ่งนอกจากจะเพื่อความสวยงามแล้ว ยังช่วยบดบังสายตา และทำให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ทางเท้าสำหรับคนเดิน ยกสเต็ปเป็นขั้นบันได ด้านข้างปลูกต้นไม้เอาไว้ ช่วยทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น มีโคมไฟตั้งอยู่ที่บริเวณพื้น คอยให้แสงสว่างในตอนกลางคืนค่ะ

ด้านหน้าจะมีป้อมรปภ. อยู่ทางซ้าย การเข้า – ออกของโครงการ แบ่งทางออกเป็น 2 ฝั่ง มีไม้กั้นกระดกอัตโนมัติทำงานควบคู่กับระบบ RFID และมีกล้อง CCTV คอยบันทึกภาพ 24 ชม.

ถัดจากป้อมรปภ. จะมีที่จอดรถสำหรับ Visitor หรือจอดรถ Service ของโครงการ และมีจุด Delivery pick up สำหรับรับของ ทำให้ไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายภายในอาคารค่ะ

ที่จอดรถของอาคารเป็นแบบในร่ม แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งหลักๆ โดยในฝั่งแรกที่ขับตรงมาจากทางเข้า จะมีระดับฝ้าที่ต่ำกว่า รถที่สามารถผ่านได้ต้องมีความสูงไม่เกิน 2.10 เมตร เพราะด้านบนเป็นส่วนของสระว่ายน้ำค่ะ

ด้านในสุดเป็นอาคารจอดรถแบบ Autoparking จอดได้ 3 Layers คือที่ชั้น Ground ชั้น B1 และ B2 ซึ่งอยู่ใต้ดินลงไปค่ะ โดยรถต้องมีขนาดไม่เกิน 5.10×1.85×1.55 เมตร

หน้าประตูทางเข้าเป็นพื้นที่สำหรับ Drop off ก่อนจะเข้าสู่ตัวอาคาร ซึ่งมีส่วน Lobby อยู่ด้านใน

โถง Lobby เป็นฝ้าเพดานสูง ตกแต่งด้วยซุ้มโค้ง พื้นที่ด้านหลังเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ และ Co – Working Space ส่วนบันไดด้านข้าง สามารถใช้งานเพื่อไปยังชั้น 2 ซึ่งมีทั้งส่วนห้องพัก และส่วน Facilities หลักของโครงการ

บริเวณทางเข้าและด้านข้างของโถง เป็นช่องแสงกระจกขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศภายในดูปลอดโปร่ง ซึ่งนอกจากจะได้แสงจากธรรมชาติแล้ว ยังสามารถมองวิวพื้นที่สีเขียวด้านนอกได้อีกด้วย

ส่วน Co – Working Space ตกแต่งด้วยโทนสีเทา – ขาวดูสบายตา มีพื้นที่นั่งสบายๆแบบโซฟา และโต๊ะเดี่ยวที่หันหน้าออกสู่วิวสวนด้านข้าง ได้บรรยากาศผ่อนคลายไปอีกแบบค่ะ

บริเวณด้านนอกในส่วนพื้นที่สวน ก็มีการจัดมุมที่นั่งเล็กๆ ไว้สำหรับคนที่อยากออกมารับลม หรือสูดอากาศภายนอกค่ะ

กลับเข้ามาที่บริเวณโถงทางเดินด้านหลัง Lobby จะเห็นได้ว่ามีประตูที่สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่จอดรถได้นะคะ

เข้ามาจากฝั่งที่จอดรถก็จะเจอกับห้องนิติ ด้านข้างเป็นห้องน้ำส่วนกลางชั้น 1 ซึ่งถือว่าสะดวกมาก สำหรับผู้ที่มาจากภายนอก ก็สามารถเข้ามาใช้งานได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านเข้ามาในตัวอาคาร

โถงลิฟต์ของโครงการ จะมีลิฟต์โดยสารที่คอยให้บริการอยู่ 2 ตัว ถัดเข้ามาด้านใน จะเป็นห้อง Mail Box ค่ะ

บันไดขึ้นชั้น 2 อยู่ติดกับ Lobby เข้าได้จากทางเดินด้านหลัง สำหรับใครที่พักอาศัยอยู่ที่ชั้นนี้ แล้วอยากยืดเส้นยืดสาย ก็สามารถเดินขึ้น – ลงได้ สบายๆค่ะ

ประตูที่เชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 2 ต้องใช้ Key Card แตะก่อน เข้า – ออกนะคะ ส่วนโถงหน้าลิฟต์ ก็มีประตูเข้าสู่ส่วนพักอาศัย ต้องใช้ Key Card ก่อน เช่นเดียวกันค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ฟิตเนสและ Lounge ซึ่งภายใน Lounge นี้ จะมีบันไดเพื่อขึ้นไปใช้พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 3 ได้ โดยข้างๆฟิตเนส จะเป็นห้องน้ำที่มีส่วนอาบน้ำและ Locker เอาไว้ให้ใช้งานพร้อมค่ะ โดยในชั้นนี้จะเป็นชั้นแรกเริ่มของส่วนพักอาศัย จะมีรูปแบบห้อง 1 Bedroom Plus อยู่ในกรอบสีเหลือง และรูปแบบ 1 Bedroom อยู่ในกรอบสีแดง

พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้มีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor เริ่มจากส่วน Indoor ที่อยู่ภายในอาคาร สามารถเข้าได้จากบันไดภายในห้อง Lounge เท่านั้นนะคะ  ทำให้พื้นที่ส่วนนี้ได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย เหมาะสมกับฟังก์ชันที่มีทั้ง Library & Co – Working Space , Private room และ Meeting Room ที่ต้องการความสงบค่ะ ถัดมาก็ยังมีส่วน Muiti Function Studio ไว้สำหรับเป็นห้องถ่ายภาพ เรียกว่าจัดมาเพื่อรองรับความหลากหลายของผู้ใช้งานรุ่นใหม่ได้ดีทีเดียวค่ะ สำหรับใครที่ต้องการวิวสระว่ายน้ำหรือสวน ก็จะแนะนำเป็นห้อง 1 Bedroom Plus (กรอบสีเหลือง) และห้อง 1 Bedroom (กรอบสีแดง) 2 ห้องที่หันไปทิศเหนือ โดยส่วนด้านหน้าจะมีระยะ ไม่ได้ชิดกับตัวอาคารที่จอดรถเกินไปค่ะ

เมื่อออกมาจากโถงลิฟต์ชั้น 2 ก็จะเจอกับประตูทางเข้าของ Lounge ที่ฝั่งตรงข้ามเลยค่ะ

สระว่ายน้ำที่อยู่ติดกัน เป็นระบบเกลือ ยาว 20 เมตร ด้านข้างมีผนังและแนวต้นไม้สีเขียวคอยให้ความร่มรื่นและช่วยบังสายตาจากภายนอก ทำให้ผู้ใช้งานได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ

ฟิตเนสอยู่ติดกับส่วนทางเดิน หันหน้าออกสู่สระว่ายน้ำ ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายหลากหลาย และครบครันพอสมควรค่ะ

ภายในฟิตเนส ก็มีห้องโยคะอยู่ด้วยค่ะ แต่เนื่องจากอยู่ด้านในสุด จึงไม่ได้วิวและแสงจากธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ยังเขินอายในเวลาที่ต้องออกท่าทางนะคะ

ออกมาที่ด้านนอก จะเห็นบันไดที่สามารถขึ้นไปใช้งานสวนที่ชั้น 3 ได้ ติดกับฟิตเนสเป็นห้องน้ำ ที่แบ่งส่วนชาย – หญิงเอาไว้ ใช้งานได้อย่างสะดวกค่ะ

Image 1/7
ห้องน้ำแยกฝั่งชาย - หญิง ชัดเจน

ห้องน้ำแยกฝั่งชาย - หญิง ชัดเจน

Lounge เป็นห้องที่มีลักษณะเป็นฝ้าเพดานสูง ตกแต่งด้วยโทนสีขาว เทา น้ำตาล ด้านหน้าเป็นกระจกบานสูง ทำให้ได้ทั้งแสงและวิวจากสระว่ายน้ำ ด้านข้างเป็นบันไดที่สามารถเดินเชื่อมขึ้นไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 3

ด้านบนตกแต่งได้สวยงามน่าใช้งาน มีพื้นที่ห้องสมุดที่ได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ ถัดเข้ามาเป็นโถงทางเดิน ที่สามารถแยกไปใช้งานในส่วนต่างๆ โดยแต่ละห้องจะมีประตูกั้น ช่วยทำให้มีความสงบและเป็นส่วนตัวค่ะ

ห้อง Private room จะมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือเป็นกลุ่มก็ได้ โดยด้านข้างสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำและแนวต้นไม้ ช่วยทำให้ผ่อนคลาย และรู้สึกสบายตาค่ะ

สตูดิโอถ่ายภาพ หรือ ส่วน Multi Function Studio มีอุปกรณ์มาให้ครบครันพอสมควรค่ะ สำหรับคนที่หันมาสนใจงานด้านออนไลน์มากขึ้นในปัจจุบัน การมีสตูดิโอไว้ถ่ายผลิตภัณฑ์สวยๆ โดยไม่ต้องออกไปใช้บริการที่ด้านนอก ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยนะคะ

ด้านในสุดจะเป็นห้อง Meeting room ขนาดใหญ่ ที่รองรับผู้ใช้งานได้ถึง 8 ที่นั่งเลยทีเดียว ถือว่าเป็นพื้นที่ที่จัดมาให้คนทำงานโดยเฉพาะจริงๆค่ะ หรือถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปผ่อนคลาย หรือสูดอากาศที่ด้านนอก ก็มีสวนสวยๆที่บริเวณชั้น 3 ให้ใช้งานอยู่นะคะ

Image 1/8
มีชุดโซฟาให้นั่งพักผ่อนสบายๆ

มีชุดโซฟาให้นั่งพักผ่อนสบายๆ

แปลนชั้นพักอาศัย

ผังพื้นชั้น 4 – 7

สำหรับชั้น 4 ขึ้นไป จะได้วิวที่เปิดโล่งรอบด้าน โดยในชั้นนี้จะมีรูปแบบ 2  Bedroom (กรอบสีเขียว)เพิ่มเข้ามา โดยในห้องนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำด้วย โดยลักษณะในการวางตำแหน่งห้องจะเหมือนกันไปจนถึงชั้น 7 ของอาคาร ในส่วนเรื่องแดด ตัวตึกวางขนานไปกับแนวทิศตะวันออก – ตก ทำให้ไม่โดนความร้อนมากนัก ส่วนใครที่อยากได้วิวส่วนกลาง ก็มีรูปแบบห้องให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom (กรอบสีแดง) 1 Bedroom Plus (กรอบสีเหลือง) และ 2 Bedroom (กรอบสีเขียว)

ผังพื้นชั้น 8

สำหรับผังชั้น 8 จะคล้ายกับชั้น 4 ของโครงการ ที่แตกต่างกันคือในผังพื้นชั้น 8 ห้อง 1 Bedroom Plus ที่เป็นห้องมุม จะเหลือเพียง 3 ห้องค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

  • Lobby Hall
  • Sharing Service
  • Mail box & Smart locker
  • Co-working space
  • Self Storage

ชั้น 2

  • Lounge
  • Fitness
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 20 เมตร ลึก 1.20 เมตร

ชั้น 3

  • Library Space
  • Co-working Space
  • Office Supply
  • Multi-function studio
  • Meeting room
  • Yoga Room (Parking Building)
  • Rooftop garden (Parking Building)
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 104 : 1
  • ที่จอดรถช่องจอดธรรมดา+Automatic parking ประมาณ 106 คัน คิดเป็น 51% (รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV
  • ระบบ Access Control ด้วย Key Card

แบบห้อง

โครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว มีรูปแบบห้องพักหลักๆให้เลือกอยู่ 4 แบบด้วยกัน ขนาดตั้งแต่ 24.50 – 54.50 ตร.ม. มีห้องแบบ Plus ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความชอบและไลฟ์สไตล์ หรือสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 2-3 คน ก็มีห้องฟังก์ชันใหญ่แบบ 2 Bedroom มาให้ได้เลือกกันค่ะ โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีดังต่อไปนี้

  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 24.50-33.00 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (Smart Closet ) พื้นที่ใช้สอยภายใน 26.50-27.50 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34.40-36.30 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 50.00-54.50 ตร.ม.

ซึ่งรูปแบบการขายของโครงการนี้ จะเป็นแบบ Fully Fitted คือ ได้เฟอร์นิเจอร์ Built in บางชิ้น เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า และฐานเตียงค่ะ

ห้อง 1 Bedroom Plus เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น หรืออยู่อาศัยมากกว่า 1 คน โดยห้องรูปแบบนี้มีขนาดอยู่ที่ 34.00-36.00 ตร.ม. การแบ่งห้องจัดเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องครัวจะอยู่บริเวณด้านหน้า ลักษณะเป็นแบบครัวปิด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหาร ส่วนห้องนั่งเล่น วางโต๊ะทานข้าวที่ด้านข้างได้แบบ 2 ที่นั่ง ไม่อึดอัดค่ะ

ถัดมาที่ห้องน้ำ สามารถเปิดใช้งานได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ได้ความสะดวกและความเป็นส่วนตัว ถัดมาที่ห้องอเนกประสงค์จะอยู่ติดกับระเบียงด้านนอก กั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องนั่งเล่นที่อยู่ภายในได้แสงธรรมชาติไปด้วย ส่วนฟังก์ชันของห้อง ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนขนาดเล็กก็ได้ค่ะ

ประตูทางเข้าของห้อง จะมีการติดตั้ง Digital Door Lock ยี่ห้อ Liliwise มาให้ ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งการตั้งรหัส คีย์การ์ด และกุญแจ รวมถึงตั้งอายุการใช้งานของรหัสได้ด้วย

บริเวณพื้นทำตัวจบห้องด้านในไว้ให้เรียบร้อย สามมารถป้องกันฝุ่นจากทางเดินภายนอกได้ค่ะ

เมื่อเข้ามาด้านในก็จะเจอห้องนั่งเล่น บรรยากาศค่อนข้างปลอดโปร่ง เพราะได้แสงธรรมชาติจากด้านนอก วัสดุที่ใช้ปูพื้นห้องเป็นลามิเนตส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าจะอยู่ที่ 2.55 เมตร

บริเวณด้านหลังประตู ติดตั้ง Door Stopper ที่พื้นด้านล่างมาให้ ช่วยป้องกันการชนและลดแรงกระแทกของประตู

ห้องนั่งเล่น สามารถวางโต๊ะตรงกลางแล้วเหลือพื้นที่ทางเดินโดยรอบได้อย่างสบายๆ ระยะจากหลังโซฟาถึงหน้าทีวีอยู่ที่ 2.60 เมตร วางทีวีขนาด 32″ – 40″ กำลังดีค่ะ

โดยในส่วนห้องนี้ เฟอร์นิเจอร์ Built in ที่ได้ จะมีตู้รองเท้าที่อยู่ด้านข้างประตูบริเวณทางเข้า และชั้นวางทีวี ที่มีบานเลื่อน เปิด – ปิด ได้ค่ะ

ฝ้าเพดานห้องนั่งเล่นเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์พร้อมใช้งานมาให้ 2 จุด พร้อมอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย อย่าง Smoke Detector

ฝั่งซ้ายเป็นห้องครัว กั้นด้วยบานเลื่อนกระจก โชว์รางภายใน ส่วนฝั่งขวาเป็นประตูห้องน้ำ เปิดเข้าได้จาก 2 ฝั่งค่ะ

ห้องครัวเป็นเคาน์เตอร์แบบเข้ามุม ใช้งานง่าย แบ่งเป็นส่วนประกอบอาหารและส่วนเตรียมอาหารชัดเจน

ท็อปเคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ เป็นวัสดุที่ทนทาน สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ติดตั้งอ่างล้างจานพร้อมก็อกน้ำยี่ห้อ Hafele เพิ่มเติมในส่วนของเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันมาให้ด้วยค่ะ

ตู้วางของชั้นบนเป็นบานเปิดกระจกสีชาพร้อมกรอบอลูมิเนียม มีระบบ Soft Close ที่ด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้า และมีช่องเก็บของด้านข้าง

ด้านล่างอ่างล้างจาน สามารถใช้เป็นตู้เก็บของ ที่มีขนาดชิ้นค่อนข้างใหญ่ได้ค่ะ

มีตู้เก็บของที่ด้านบน อยู่ในระยะที่ยังเอื้อมถึงได้อย่างสะดวก ช่องด้านล่างที่สามารถใส่ตู้เย็นมีขนาด 0.80×1.70 เมตร

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 จุด พร้อม Smoke Detector พื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 0.60×0.60 เมตร ทำความสะอาดได้ง่าย ระยะใช้งานด้านหน้ากว้าง 1.35 เมตร

ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้อย่างชัดเจน พร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้

พื้นที่ด้านหน้าสุขภัณฑ์กว้างขวางพอสมควร ทางเข้าสามารถเข้าได้ 2 ทาง ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว และสะดวกเวลาใช้งานโดยไม่ต้องเดินอ้อมไปเข้าอีกฝั่งค่ะ

ความพิเศษของห้องนี้นอกจากจะได้กระจกเต็มบานแล้ว ยังเป็นกระจกแบบ Smart Mirror ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Wifi ในห้อง จะเปิดเพลง หรือดูซีรี่ส์ ระหว่างที่ทำกิจกรรมเพลินๆก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ด้านล่างยังติดตั้งปลั๊กพร้อมช่องเสียบ USB มาให้ สะดวกสบายมากๆค่ะ

อ่างล้างหน้าและก็อกน้ำใช้ของยี่ห้อ Hafele ด้านล่างมีตู้ไว้สำหรับเก็บของได้ค่ะ

โถสุขภัณฑ์และสายฉีดชำระใช้ยี่ห้อ Hafele เช่นเดียวกัน แต่แอบเสียดายที่ไม่มีที่ใส่กระดาษทิชชู่ติดตั้งมาให้นะคะ

ฉากกั้นห้องน้ำเป็น Tempered Glass มีราวจับไว้สำหรับแขวนผ้าเช็ดตัวได้ค่ะ

ส่วนอาบน้ำขนาด 0.80×1.40 เมตร มีการทำขอบขึ้นมา ป้องกันน้ำไหลย้อนออกภายนอก

ส่วนอาบน้ำ ฝักบัวที่ได้เป็นแบบ Hand Shower ยี่ห้อ Hafele ภายในห้องจริงไม่ได้มีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ แต่มีการทำ Juntion box เอาไว้ เผื่อติดตั้งภายหลังได้ค่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 จุด พร้อมพัดลมดูดอากาศ

ถัดมาที่ส่วนพักผ่อน อย่างห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ แสงจากธรรมชาติส่วนใหญ่ เข้ามาทางระเบียง ผ่านประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนที่ใช้กั้นห้อง ซึ่งประตูแบบนี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้งานเวลาเปิดได้มากขึ้นค่ะ

ห้องอเนกประสงค์ ปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานก็ได้ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่มักจะ WFH เป็นหลัก บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อรับลมหรือระบายอากาศได้

พื้นที่ข้างเตียงเหลือประมาณ 0.70 เมตร ประตูเป็นบานเลื่อนกระจกแบบตอนเดียว

พื้นที่ระเบียงขนาด 1.70×0.80 เมตร คอมเพรสเซอร์แขวนไว้ที่ด้านข้าง ทำให้สามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้อย่างเต็มที่ ส่วนไฟเป็นแบบดวงโคมติดตั้งกับผนัง

ห้องนอน มีส่วนแต่งตัวอยู่ด้านใน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ด้านข้างเป็นหน้าต่างบาน Fix ขนาดใหญ่ พร้อมติดตั้งบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด

ปลายเตียงวางเป็นตู้ หรือชั้นสำหรับเก็บของได้ หรือใครอยากได้โต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง ก็ยังสามารถวางเก้าอี้เสริมเข้าไปได้อีกค่ะ

ระยะปลายเตียงกว้าง 1.00 เมตร ระยะที่ข้างเตียงติดกับหน้าต่างกว้าง 0.35 เมตร

ฐานเตียงด้านล่าง มีช่องสำหรับเก็บของได้ด้วยค่ะ

ส่วนแต่งตัว เป็นตู้เสื้อผ้า Built in จากทางโครงการ อยู่ติดกับประตูห้องน้ำ ใช้งานได้อย่างสะดวก คล้ายกับห้องนอนในบ้าน ที่มีห้องน้ำส่วนตัวเลยค่ะ

ตู้เสื้อผ้า แบ่งเป็นชั้นวางของด้านใน และมีลิ้นชักอยู่ด้านล่างมาให้ด้วยค่ะ

ฝ้าเพดานห้องนอนเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 2 จุด พร้อมเครื่อง Smoke Detector มาให้เช่นเดียวกันค่ะ

สวิตช์และปลั๊กไฟภายในห้อง ใช้ของยี่ห้อ Philips ค่ะ

Image 1/9
ห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่น

ภายบรรยากาศห้องจริง แบบ 1 Bedroom Plus สิ่งที่เราได้จากโครงการจะมี เคาน์เตอร์ครัว Built in พร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์ครบชุด เหมือนในห้องตัวอย่าง ยกเว้น เครื่องทำน้ำอุ่น และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น เช่น ตู้รองเท้า ชั้นวางทีวีและฐานเตียงค่ะ

ห้อง 1 Bedroom Plus ยังมีอีก 1 Type นะคะ ที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย จะอยู่ที่ 32.00 ตร.ม. ส่วนที่แตกต่างก็คือ ห้องน้ำ ห้องครัว และประตูที่กั้นส่วนห้องนอน โดยครัวรูปแบบนี้ เป็นแบบเปิด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ชอบทำอาหารจริงจังมากนะคะ และตำแหน่งห้องน้ำที่สลับมาอยู่ข้างหน้า เปิดใช้งานได้เฉพาะด้านนอกเท่านั้น แต่ก็ถือว่าจัดมาได้เป็นสัดส่วนดีทีเดียวค่ะ ส่วนประตูห้องนอน จะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ เปิดจากตรงกลาง ทำให้ห้องยิ่งดูกว้าง และได้แสงจากธรรมชาติมากขึ้นค่ะ

ถัดมาเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.50 –  28.00 ตร.ม. เป็นห้องลักษณะแบบครัวปิด ติดระเบียง แยกเป็นส่วนพักผ่อนและส่วน Service ได้อย่างชัดเจน ซึ่งข้อดีของห้องครัวแบบนี้ก็คือ นอกจากมีประตูช่วยกั้นเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนภายในห้องได้แล้ว ยังสามารถเปิดประตูระเบียง เพื่อระบายอากาศได้อีกด้วย และส่วนโถงตรงกลางก็สามารถวางเป็นตู้ หรือ ชั้น ไว้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้

Image 1/15
ห้องนั่งเล่นใช้พื้นที่ร่วมกับส่วนรับประทานอาหาร

ห้องนั่งเล่นใช้พื้นที่ร่วมกับส่วนรับประทานอาหาร

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.50 – 27.50 ตร.ม. สิ่งแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากทุกแบบก็คือห้องแต่งตัวที่แยกออกมา เรียกว่าเป็นแบบ Smart Closet เหมาะสำหรับใครที่ต้องการห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ สามารถเก็บของได้เยอะ เป็นสัดส่วนและมีความเป็นส่วนตัว เชื่อมกับห้องน้ำใช้งานได้อย่างสะดวก ส่วนพื้นที่ระเบียงเป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้า เวลาที่ใช้งานเสร็จ ก็นำผ้ามาเข้าตู้ได้เลยค่ะ ถัดมาที่บริเวณห้องนอนใช้ร่วมกับส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหาร ห้องครัวที่ได้อยู่ด้านหน้าเป็นแบบปิด เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1 – 2 คนกำลังดีค่ะ

Image 1/16
ห้องครัวแบบปิดที่ด้านหน้า

ห้องครัวแบบปิดที่ด้านหน้า

Image 1/3
ผังพื้นรูปแบบ B1 ขนาด 24.5 ตร.ม. ส่วน Service จะอยู่ด้านหน้า ประตูห้องน้ำเปิดเข้าจากครัว

ผังพื้นรูปแบบ B1 ขนาด 24.5 ตร.ม. ส่วน Service จะอยู่ด้านหน้า ประตูห้องน้ำเปิดเข้าจากครัว

Image 1/3
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 54.5 ตร.ม. พื้นที่ส่วนกลาง ห้องนั่งเล่นและรับประทานอาหารอยู่ติดระเบียง ได้ลมและแสงธรรมชาติโดยตรง

ห้อง 2 Bedroom ขนาด 54.5 ตร.ม. พื้นที่ส่วนกลาง ห้องนั่งเล่นและรับประทานอาหารอยู่ติดระเบียง ได้ลมและแสงธรรมชาติโดยตรง

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

The Origin รัชดา – ลาดพร้าว ราคา ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2565

  • ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 24.50-33.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท ราคาโปรโมชั่น 3.49 ล้านบาท
  • ห้อง 1 Bedroom (Smart Closet ) พื้นที่ใช้สอยภายใน 26.50-27.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท ราคาโปรโมชั่น 3.49 ล้านบาท
  • ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 34.40-36.30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท ราคาโปรโมชั่น 4.59 ล้านบาท
  • ห้อง 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 50.00-54.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.39 ล้านบาท ราคาโปรโมชั่น 6.99 ล้านบาท
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 5,000 บาท
  • ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 58 บาท/ตร.ม./เดือน
  • Promotion
    – One Price หมดเขต 31 สิงหาคม 2565 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 23 ห่างจากถนนลาดพร้าวประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่สามารถเดินได้ โดยรอบข้างก็มีร้านค้าและร้านอาหารขนาดเล็กของชุมชน ซึ่งจุดเด่นของทำเลนี้อยู่ที่การเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายสาย ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในย่านลาดพร้าว ทั้งแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ สถานศึกษา สำนักงาน และโรงพยาบาล ใกล้รถไฟฟ้าอย่าง MRT สายสีน้ำเงิน และอนาคตก็จะมี ​MRT สายสีเหลือง ที่ยิ่งจะมาช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับย่านนี้ค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

มีตัวเลือกในการใช้เส้นทางได้หลากหลาย โดยถนนหลักที่ใช้จะเป็นถนนลาดพร้าวและถนนรัชดาภิเษก ซึ่งอย่างถนนลาดพร้าวก็สามารถวิ่งเชื่อมต่อไปยังวิภาวดี – รังสิต หรือไปบางกะปิ รามคำแหงได้ ส่วนถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าเข้าเมืองผ่านโซนพระราม 9 เข้าอโศก ซึ่งภายในซอยก็มักจะถูกใช้เป็นทางลัด เพื่อทะลุไปโซนลาดพร้าว – วังหินและ โชคชัย 4 เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วนได้ โดยโครงการมีที่จอดรถให้ถึง 51% ยิ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถในการเดินทางเป็นหลักค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

ในซอยลาดพร้าว 23 มีวินมอเตอร์ไซต์หลายจุดคอยให้บริการ ทั้งบริเวณด้านหน้าและปากซอยทางเข้า ถ้าเดินออกมาที่หน้าถนนใหญ่ก็มีรถประจำทางและแท็กซี่ให้เลือกใช้ได้สะดวก สำหรับรถไฟฟ้าในปัจจุบัน โครงการอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวประมาณ 450 เมตร ซึ่งในอนาคตจะมีจุด Interchange ที่สถานีพหลโยธิน สามารถนั่งต่อไปเพียง 1 สถานี เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าวได้ นอกจากนี้ก็ยังมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีรัชดา ที่อยู่ห่างจากหน้าโครงการเพียง 25 เมตรเท่านั้น และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในต้นปี 2566 สามารถเชื่อมต่อกับสายสีเขียวที่สถานีรัชโยธินได้ค่ะ

วัสดุ :

รูปแบบการขายแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์ Built in มาค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ อย่างในห้อง 1 Bedroom แบบ Smart Closet ก็ได้ทั้งชุดโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้ายาวเต็มผนัง ส่วนครัวได้ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ มีความแข็งแรงทนทาน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้แบบครบชุด และที่น่าสนใจคือนวัตกรรมที่ติดตั้งมาในห้อง ทั้งระบบ Home Automation Wireless Charge และ Smart Mirror ในห้องน้ำ โดยที่ประตูด้านหน้าก็มี Digital Door Lock มาให้ด้วยค่ะ

การออกแบบโครงการ :

มาในสไตล์ Classic Heritage ทำออกมาได้เด่นชัดในการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ดูมีดีเทลสวยงาม น่าใช้งาน ส่วนตัวห้องพักแยกออกมาเป็นสัดส่วนชัดเจน การออกแบบคำนึงถึงความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในการเข้า – ออก วิวทั้ง 2 ฝั่งของอาคารเป็นแบบเปิดโล่ง ตัวตึกวางขนานกับทิศตะวันออก – ตก โดยหน้าห้องหันหน้าออกทิศเหนือ – ใต้ ทำให้ห้องไม่ร้อน และได้ลมจากธรรมชาติ ชั้นล่างเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ใช้งานง่าย ทั้งรถและคนไม่ต้องตากแดด ตากฝนเวลาเข้าอาคาร และด้วยขนาดของโครงการที่มีเพียง 208 ยูนิตเท่านั้น จึงได้ความเป็นส่วนตัวมาก เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่านค่ะ

การออกแบบห้องพักอาศัย :

รูปแบบของห้องมีให้เลือกเยอะ รองรับความหลากหลายของผู้ใช้งาน แปลนจัดออกมาได้ลงตัว เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอย อย่างห้อง 1 Bedroom ก็มีแยกออกเป็นหลักๆ 2 แบบ คือ

  • แบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารจริงจัง และอยากได้พื้นที่เปิดโล่งในการระบายอากาศ
  • แบบ Smart Closet ที่จัดมาเพื่อเอาใจคนที่อยากได้พื้นที่เก็บของเยอะๆ และมีห้องแต่งตัวกั้นเป็นสัดส่วนค่ะ

หรืออย่างห้อง 1 Bedroom Plus ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากได้พื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มมากขึ้น และห้องรูปแบบ 2 Bedroom ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เอาใจครอบครัวที่มีสมาชิก 3-4 คนกำลังอบอุ่นดีค่ะ

สาธารณูปโภค :

ในส่วน Facilities ของโครงการนี้ก็ถือว่าจัดมาให้อย่างเหมาะสมตามมาตรฐานค่ะ สามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวน 208 ยูนิตกำลังดี มีทั้งส่วน Indoor และ Outdoor อย่างสระว่ายน้ำและส่วนหย่อมบนอาคาร เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาทำงานอยู่บ้านมากกว่าออฟฟิศ เพราะมีพื้นที่ไว้รองรับได้หลากหลาย อย่าง Co – Working Space , Meeting room หรือ สตูดิโอถ่ายภาพก็มีนะคะ และที่ขาดไม่ได้ก็คือฟิตเนส ที่มาเอาใจสายรักสุขภาพนั่นเอง


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม. 18 สิงหาคม 2565

  • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยลาดพร้าว 23 เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง โครงการมีที่จอดรถรองรับ 51%
  • ไม่ใช้รถ กรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังสร้างไม่เสร็จ 7.5/10
  • ไม่ใช้รถ กรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จแล้ว 8.0/10 – ระยะจากหน้าโครงการมาถึงบันไดขึ้นสถานีเพียง 25 ม. เท่านั้น
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้แบบ Fully Fitted ให้ระบบ Home Automation และ Smart Mirror
  • แบบ 8.0/10 – ออกแบบมาได้เหมาะสมน่าใช้งาน ทั้งตัวห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง ได้กลิ่นอาย Classic Heritage
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีให้เลือกใช้งานค่อนข้างหลากหลาย เหมาะสมกับจำนวนยูนิต

  • UPPER CLASS
  • กรณีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองยังสร้างไม่เสร็จ 7.79 / 10.00
  • กรณีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จแล้ว 7.87/10.00

The Origin รัชดา – ลาดพร้าว เหมาะกับใคร

โครงการ The Origin รัชดา – ลาดพร้าว เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านรัชดา – ลาดพร้าว – วิภาวดี ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก หรือกำลังมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในย่านลาดพร้าวและรัชโยธิน มีงบประมาณระดับ 3.49 – 6.99 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,556.67 – 43,175.11 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc