รีวิวโครงการ

The Key MRT เพชรเกษม 48 คอนโด High Rise 30 ชั้น ติด MRT เพชรเกษม 48 จาก Land and Houses [Walk-in Review]

7 พฤษภาคม 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1779 สวัสดีค่ะ ปีนี้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสองก็จะเปิดให้บริการกันแล้ว เราจะพามาดูหนึ่งในโครงการที่ติดรถไฟฟ้าเส้นนี้กันกับ The Key MRT เพชรเกษม48 คอนโด High Rise ที่ติดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมืองและทางขึ้นสถานีเพชรเกษม48เลย โครงการนี้มีการออกแบบห้องพักให้ไม่มีเหลี่ยมเสาทำให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นและสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย โดยห้องพักจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ

Fact @ 28 November 2018

  • The Key MRT Phetkasem48 (เดอะ คีย์  เอ็มอาร์ที เพชรเกษม48)
  • บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนเพชรเกษม
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 639 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต (ที่ชั้น 7-29)
  • ที่จอดรถประมาณ 46% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3-3-16 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  ม.ค. 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2563
  • 1 Bedroom 27.80 – 28.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 48.10 – 51.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.89 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 108,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1198

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.715942, 100.446157

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

“ถนนเพชรเกษม” เป็นทำเลที่อยู่ระหว่างทางเข้าเมืองกับจังหวัดนครปฐม ซึ่งถ้าพูดถึงหลายๆคนคงจะนึกถึงทำเลของที่อยู่อาศัยแนวราบ อาคารพาณิชย์ และชุมชนดั้งเดิม จุดเปลี่ยนที่สำคัญของทำเลนี้คือการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ส่งผลให้เริ่มมีการสร้างคอนโดเกาะตามแนวรถไฟฟ้าทั้ง Low Rise และ High Rise มีการพัฒนาโดยรอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคนย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กันมากขึ้น เป็นกลุ่มคนที่ทำงานในละแวกใกล้เคียงหรือต้องการคอนโดไม่ไกลจากรถไฟฟ้าที่ออกนอกเมืองมาหน่อย ราคาไม่สูงเท่าคอนโดในเมืองแต่ยังได้ความสะดวกสบายอยู่

ที่ตั้งของโครงการ The Key MRT เพชรเกษม48 อยู่บนถนนเพชรเกษมใกล้กับซอยเพชรเกษม 46/1 ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม48 มีบันไดทางลงสถานีอยู่ด้านหน้าโครงการเลย สำหรับความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ส่วนใหญ่จะสังเกตได้ว่าเกาะกลุ่มอยู่บนถนนเพชรเกษมเป็นหลัก มีร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นตึกแถวสองข้างทาง มีตลาดบางแคสำหรับซื้อ-ขายของสดและของแห้ง ส่วนห้างสรรพสินค้าในทำเลนี้ก็จะมี ซีคอน บางแค, The Mall บางแค, Tesco Lotus, Big C ถือว่ามีสถานที่ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกันไม่น้อยเลยค่ะ นอกจากแหล่งซื้อของกินแล้วยังมีสถานศึกษาอย่าง ม.สยาม , โรงเรียนผดุงกิจวิทยา, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม, ม.ราชภัฏบ้าน สมเด็จเจ้าพระยา, ม.ราชภัฏธนบุรี เป็นต้น และสถานพยาบาลอีกหลายหลาย เช่น รพ.เพชรเกษม2 , รพ.พญาไท3, รพ.สัตว์บางกอก, รพ.บางไผ่, รพ.อินเตอร์เมด เป็นต้น

สำหรับความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการในระยะเดินถึงจะมีร้านข้าวขาหมูบางหว้า ซึ่งอยู่ในซอยเพชรเกษม 46/2 มีที่จอดรถในซอยจากโครงการเดินเข้าซอยประมาณ 200 เมตรก็ถึงแล้วค่ะ  และมี7-11 อยู่ที่หน้าซอย 46/3 ห่างจากโครงการไปประมาณ 200 เมตรเช่นกัน จุดสังเกตอีกอย่างคือโครงการของเราอยู่ใกล้กับขุนด่านเจ้าพ่อเสือ บางหว้าหรือที่เรียกกันว่า ศาลเจ้าพ่อเสือ ที่มักจะมีงานประจำปีช่วงเดือนมีนาคม และนิยมมาแก้บนด้วยการฉายภาพยนต์นั่นเองค่ะ

สำหรับการเดินทางโดยใช้รถนั้น ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ และถนนเพชรเกษมนี้ก็มีเส้นทางลัดอยู่ค่อนข้างเยอะ อย่างเช่นซอย เพชรเกษม 48 ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ (ระยะทางกลับรถเพื่อไปเข้าซอยประมาณ 1 กิโลเมตร) ซอยนี้สามารถลัดไปยังถนนบางแวกได้ สำหรับเส้นทางหลัก “ถนนเพชรเกษม” นั้นสามารถใช้เส้นทางได้ทั้งออกนอกเมืองไปยังจังหวัดนครปฐมหรือจะวิ่งไปทางวงเวียนใหญ่แล้วใช้เส้นทางเชื่อมไปออกสาทร สีลมก็ได้เหมือนกัน ถนนเพชรเกษมนี้จะตัดกับถนนราชพฤกษ์ซึ่งใช้เชื่อมต่อไปยังถนนนครอินทร์ได้ และบริเวณแยกท่าพระจะตัดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ซึ่งสามารถใช้เส้นทางตรงยาวๆผ่านวงศ์สว่างเชื่อมต่อไปย่านรัชดาภิเษกได้เลย ดังนั้นจึงเหมาะกับคนทำงานในเมืองทั้งในแง่ของการใช้รถยนต์และรถสาธารณะ

ซึ่งการเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้น ถือว่าสะดวกและมีตัวเลือกเยอะเพราะมีทั้ง รถ-เรือ-ราง คือโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่สามารถเรียกรถโดยสารได้ง่ายทั้งแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ และรถเมล์  ด้านหน้าใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีเพชรเกษม 48 ประมาณ 50 เมตรค่ะ

การเดินทางด้วยรถสาธารณะในทำเลนี้จะใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสอง ที่สถานีเพชรเกษม 48 อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ซึ่งถัดไปด้านขวาสถานีเดียวก็จะถึงสถานีบางหว้าซึ่งเป็นจุด Interchange ระหว่างสายสีเขียวและสายสีน้ำเงิน สามารถเดินทางไปสยามอีก 12 สถานี และถัดไปทางด้านซ้ายหนึ่งสถานีก็จะถึงสถานีภาษีเจริญ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าซีคอนบางแค เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วทำให้ทำเลนี้ค่อนข้างสะดวกมากทีเดียวค่ะ

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย เป็นอีกสายหนึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโดยเส้นทางจะต่อขยายมาจากโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล หรือ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่แต่เดิมมี 18 สถานี จากหัวลำโพงไปยังบางซื่อ ระยะทาง 20 กิโลเมตร ได้ต่อขยายเพิ่มออกมาแบ่งออกเป็นเป็น 2 ช่วงซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการภายในปี 2563 นี้ค่ะ

  • ช่วงรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง – บางแค มีระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี  เส้นทางนี้แบ่งออกเป็นใต้ดินและบนดินโดยมีสถานีใต้ดินจำนวน 4 สถานี ช่วงหัวลำโพง-ท่าพระ ระยะทาง 5 กิโลเมตร มี และทางวิ่งยกระดับบนดิน 7 สถานี ในช่วงท่าพระ-บางแค ระยะทาง 9 กิโลเมตร โดยเริ่มจากหัวลำโพง ผ่านทางถนนพระราม4 ผ่านวังบูรพาและลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองตลาด เข้าสู่ถนนอิสรภาพ แล้วยกระดับเข้าสู่ 4 แยกท่าพระ ผ่านถนนเพชรเกษมไปยังบางแค (ซึ่งเป็นสายที่ผ่านหน้าโครงการ มีกำหนดเปิดปี 2562 นี้ค่ะ)
  • ช่วงรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินบางซื่อ- ท่าพระ มีระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร จำนวน 10 สถานี เป็นทางยกระดับทั้งหมด ตั้งแต่บางซื่อข้ามผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ วิ่งลงใต้ผ่านแยกไฟฉายและไปเชื่อมต่อกับถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง – บางแคที่สถานีท่าพระ

ในอนาคตจะมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 (บางหว้า–ตลิ่งชัน) วิ่งตรงมาตาม ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จครบจะทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นทั้งการเดินทางในระยะใกล้และเดินทางเข้าเมืองค่ะ

การเดินทางที่เราจะพาไปวันนี้จะเริ่มจากแยกท่าพระที่อยู่บริเวณจุดตัดถนนจรัญสนิทวงศ์และถนนเพชรเกษม แล้วตรงไปเรื่อยๆผ่านถนนเพชรเกษม จะเห็นสำนักงานขายโครงการอยู่ทางด้านขวา ให้ตรงไปกลับรถประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ

เริ่มจากถนนจรัญสนิทวงศ์วิ่งลงไปทางใต้เพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรเกษม จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน(เตาปูน-ท่าพระ) สถานีท่าพระ  ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน(หัวลำโพง-หลักสอง)อีกเส้นหนึ่ง ตรงนี้ในชิดขวาไว้ค่ะ

ด้านใต้สถานีท่าพระบริเวณแยกท่าพระจะมีสัญญาณไฟจราจร ให้เรารอเลี้ยวขวาไปถนนเพชรเกษม

เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วจะผ่านซอยเพชรเกษม 15 ซึ่งเป็นซอยที่มีวัดถึง 2 วัดด้วยกันคือวัดประดู่ในทรงธรรมและวัดประดู่ฉิมพลี ให้เราตรงไปเรื่อยๆบนถนนเพชรเกษม

เมื่อตรงมาเรื่อยๆจะผ่านสถานีรถไฟฟ้าบางไผ่ ให้เราตรงต่อไปค่ะ

เมื่อขับต่อมาจะเจอกับแยกถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์-ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นจุดตัดรถไฟฟ้าสถานีบางหว้า (Interchange ระหว่าง BTS กับ MRT บางหว้า) ให้เราตรงไปตามป้ายบางแคค่ะ

เราจะผ่านใต้สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีบางหว้าให้ตรงต่อไป

เมื่อตรงมาจนถึงสถานีเพชรเกษม 48 มีจุดสังเกตคือจะมีทางแยกรางรถไฟฟ้าซึ่งไปยังโรงเก็บรถไฟฟ้า แปลว่าจะถึงโครงการแล้วค่ะ จากตรงนี้จะเห็นสำนักงานขายอยู่ทางด้านขวามือ ให้เราตรงไปเพื่อกลับรถประมาณ 500 เมตร

จุดกลับรถมีป้ายบอกทางบอกด้วยค่ะ

เมื่อกลับมาแล้วตรงไปอีกประมาณ 500 เมตรจะเห็นโครงการด้านซ้ายมือ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ใกล้กับซอย 46/2 และ 46/1 เมื่อผ่านซอย 46/2 แล้วให้ชิดซ้ายไว้ค่ะ

พอเห็นป้ายโครงการก็แสดงว่าถึงแล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลยค่ะ

สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมาลงที่สถานีเพชรเกษม48 เมื่อลงบันไดมาแล้วก็จะเจอกับรั้วโครงการเลยค่ะ

ภาพสำนักงานขายโครงการ  The Key MRT เพชรเกษม48

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกันบ้างค่ะ ด้านหน้าโครงการทางทิศใต้ ติดกับถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนไป-กลับข้างละ 3 เลนมีเกาะกลาง มีสถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม 48 อยู่ด้านหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารแถวสูง 4 ชั้น ทางทิศตะวันออกจะอยู่ติดกับซอยเพชรเกษม 46/1 เป็นซอยขนาดเล็กรถยนต์เข้า-ออกได้ ทิศเหนือมีอาคารพักอาศัยสูง 3-6 ชั้น ทิศตะวันตกติดกับร้านอาหารสูง 2 ชั้น ถัดไปเป็นอาคาร Bangkok Horizon P48 สูง 19 ชั้น ซึ่งไม่ได้อยู่ในระยะประชิดกับโครงการ

สรุปสถานที่ใกล้กับโครงการตามทิศต่างๆ

  • ทิศเหนือ ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 3-6 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยเพชรเกษม 46/1
  • ทิศใต้ ติดกับ ถนนเพชรเกษม , สถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม 48
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ร้านอาหารสูง 2 ชั้น, Bangkok Horizon P48 สูง 19 ชั้น

เมื่อออกมาด้านหน้าโครงการทางทิศตะวันออก ด้านหน้าส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแถวริมถนนสูง 3-4 ชั้น

ภายในเป็นซอยขนาดเล็กมีอาคารแถวที่เป็นที่อยู่อาศัยอยู่ด้านใน

ด้านหน้าสามารถมองเห็นทางแยกรถไฟฟ้าก่อนถึงสถานีเพชรเกษม48 ได้

ทิศใต้ ติดกับถนนเพชรเกษม ฝั่งตรงข้ามจะเห็นอาคารแถวสูง 4 ชั้น ด้านหลังเป็นอาคาร The Base เพชรเกษมสูง 30 ชั้น

ทิศตะวันตก ด้านหน้าโครงการมีทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีเพชรเกษม48

ทิศตะวันตก ด้านข้างโครงการติดกับร้านอาหารสูง 2 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ห้างสรรพสินค้า,ตลาด

  • ซีคอน บางแค 1.5 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus บางแค 3.1 กิโลเมตร
  • ตลาดบางแค 3.1 กิโลเมตร
  • The Mall ท่าพระ 4.9 กิโลเมตร
  • The Mall บางแค 9.3 กิโลเมตร

  • สถานศึกษา
    • ม.สยาม 850 เมตร
    • โรงเรียนผดุงกิจวิทยา 2.9 กิโลเมตร
    • วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม 6.1 กิโลเมตร
    • ม.ราชภัฏบ้าน สมเด็จเจ้าพระยา 6.5 กิโลเมตร
    • ม.ราชภัฏธนบุรี 7.7 กิโลเมตร

  • โรงพยาบาล
    • รพ.เพชรเกษม2 1.7 กิโลเมตร
    • รพ.พญาไท3 2.2 กิโลเมตร
    • รพ.สัตว์บางกอก 2.2 กิโลเมตร
    • รพ.บางไผ่ 2.3 กิโลเมตร
    • รพ.อินเตอร์เมด 3.9 กิโลเมตร


    เจาะลึกตัวโครงการ

    The Key MRT เพชรเกษม48 เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 639 ยูนิต จอดรถได้ 46 % การออกแบบจะเน้นความเป็นส่วนตัวมากๆ โดยจะแยกเป็นส่วนที่จอดรถอยู่ที่บริเวณชั้น 1 และชั้น 2-5 ซึ่งเป็นชั้นพักอาศัยโดยจะมีผนังกั้นแยกส่วนระหว่างส่วนจอดรถและส่วนพักอาศัย เมื่อจอดรถแล้วเราสามารถเข้าอาคารได้ที่ชั้น 1 และชั้น 6 ซึ่งเป็นส่วนของ Facilities ได้เท่านั้นค่ะ ส่วนชั้นอื่นๆของที่จอดรถจะไม่สามารถเข้าอาคารได้เลย ต้องลงไปที่ชั้น 1 ก่อนแล้วค่อยใช้ลิฟต์โดยสารในการขึ้นไปชั้นบน อาจจะต้องเดินไกลหน่อยแต่ได้ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวภายในอาคารมากๆ ข้อดีคือจะไม่มีใครเดินผ่านชั้นพักอาศัยที่อยู่ชั้นเดียวกับที่จอดรถเลยค่ะ

    การออกแบบตัวอาคารเค้าดันอาคารไปไว้ด้านหลัง เอาที่จอดรถอยู่ข้างหน้า ทำให้อาคารมีระยะห่างจากถนนใหญ่และรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นและเสียงจากถนนใหญ่ได้บ้าง อีกทั้งรางรถไฟฟ้าจะมีความสูงเท่ากับประมาณชั้น 5 ของที่จอดรถพอดี ไม่มีการวางผังห้องพักบริเวณนั้น จึงจะไม่มีห้องที่จะได้รับเสียงดังจากถนนและรถไฟฟ้าค่ะ 

    สำหรับภาพรวมในแต่ละชั้น ชั้น 1 จะแบ่งเป็นส่วน Lobby, สวนหย่อม ,ลานจอดรถ และห้องพักบางส่วน ชั้น 2-29 เป็นห้องพักทั้งหมด  ส่วนชั้น 30 เป็นชั้นของ Facilities อีกจุดหนึ่งซึ่งจะมี ห้อง Game Room และ Co-Working Space ให้ใช้งาน

    โดยโครงการมีแนวคิดคือ “Little things make a real difference เพราะรายละเอียดที่แตกต่าง เปลี่ยนชีวิตให้เป็นจริงได้มากว่า” ซึ่งจะเห็นได้ชัดในการออกแบบการใช้งานที่ห้องพักอาศัยจะเป็นยังไงนั้นเดี๋ยวเราค่อยพาไปชมกัน

    มาดูที่ผังชั้น 1 เมื่อเข้ามาในโครงการแล้วจะเจอกับส่วน Drop Off ไปยัง Lobby ด้านหน้า สำหรับคนที่ต้องการจอดรถ จะเป็นทางเดินรถทางเดียวรอบโครงการเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยจะต้องไปยังซ้ายมือ(ขับตามเข็มนาฬิกา) เพื่อไปจอดด้านหลังอาคารหรือขึ้นไปจอดที่ชั้นอื่นๆ ตรงกลางอาคารจะเป็นพื้นที่ Landscape มีการตกแต่งสวนให้คนที่อยู่ใน Lobby และส่วนห้องพักมองเห็นได้ โดยคนที่จะเข้าอาคารไปยังห้องพักจะต้องเดินจาก Lobby ผ่านสวนไปยังโถงลิฟต์ ซึ่งมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว (และลิฟต์ที่ลานจอดรถ 1 ตัวสำหรับรับ-ส่งในลานจอดรถเท่านั้น) อัตราส่วนประมาณ 213 ต่อ 1  ถือว่าค่อนข้างหนาแน่น อาจจะทำให้ต้องรอลิฟต์นานในช่วงเร่งด่วนอย่างตอนเช้าๆได้ค่ะ

    ห้องพักที่อยู่ชั้น 1 ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.8 ตารางเมตร มีห้อง 2 Bedroom อยู่ริมอาคารทางทิศใต้ ห้องพักชั้นนี้จะได้เป็น Single Corridor มีห้องฝั่งเดียวคือฝั่งที่มองเห็นสวนอีกฝั่งเป็นผนังทึบ ทำให้มีความเป็นส่วนตัว แต่ก็จะมีคนเดินผ่านห้องของเราได้ จะมีแต่ห้องทางทิศใต้ 2 ห้องเท่านั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด เนื่องจากมีประตูกั้นบริเวณทางเดินให้

    ทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ติดถนนเพชรเกษม ใกล้กับซอย เพชรเกษม 46/1 มีป้อมยามอยู่ทางด้านซ้ายมือ สำหรับคนที่จะเข้าไปจอดรถทุกคันจะต้องผ่านบริเวณป้อมยามก่อนค่ะ แต่สำหรับคนที่มีรถมาส่งก็สามารถลงที่ Drop Off แล้วเข้าไปยังส่วน Lobby ได้เลย รถก็วนออกจากโครงการได้โดยไม่ต้องผ่านป้อมยามค่ะ

    จุดเด่นของโครงการในการออกแบบตรงส่วนทางเข้าคือ มีผนังกั้นระหว่างสวนตรงกลางและส่วน Lobby กับถนนทางเข้าด้านหน้าและถนนภายในโครงการ ทำให้เป็นเหมือนกำแพงกั้นพื้นที่ส่วนตัว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายด้านนอก

    ด้านข้างโครงการทางทิศตะวันตกชั้น 2-5 จะเป็นส่วนของลานจอดรถ มีการตกแต่งด้วยระแนงที่ผนังอาคารด้านหน้า ให้ดูสวยงามสำหรับรถที่จะเข้าไปจอดในอาคารให้เลี้ยวซ้ายเข้าอาคารบริเวณนี้ได้เลย

    ด้านหลังอาคารทางทิศเหนือ จะเห็นเป็นส่วนของที่จอดรถอยู่แค่ชั้น 1 และเป็นห้องพักตั้งแต่ชั้น 2-29

    ทิศตะวันออกก็จะมีที่จอดรถอยู่ชั้น 1 และชั้น 2-29 เป็นห้องพักเช่นกันค่ะ ทิศนี้ติดกับซอยเพชรเกษม 46/1 อาจจะมีรถผ่านบ้างเนื่องจากด้านในซอยเป็นอาคารพักอาศัยแต่ก็ผ่านไม่บ่อยนักค่ะ

    บรรยากาศจำลองภายในส่วนของ Lobby ล้อมรอบด้วยผนังกระจกสูง 6.5 เมตร มองเห็นวิวสวนตรงกลางได้กว้างมากๆ มีการตกแต่งด้วยเส้นสายแนวตั้ง รวมกับผนังด้านหน้าที่ตัดความวุ่นวายจากภายนอกค่ะ

    ที่ชั้น 2-5 ด้านหน้าจะเป็นส่วนจอดรถ ซึ่งไม่มีประตูทางเข้าอาคารในส่วนห้องพักอาศัยนะคะ จะต้องลงไปที่ชั้น 1 เพื่อไปยัง Lobby หรือไปที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางก่อนถึงจะไปยังโถงลิฟต์ได้ ห้องพักอาศัย ที่ชั้นนี้มีทั้งหมด 20 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom จะมีห้อง 2 Bedroom อยู่ที่มุมอาคารทางทิศใต้และตะวันออกเฉียงเหนือรวม 3 ยูนิต โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor มีการออกแบบไม่ให้เปิดประตูชนกัน จะมีห้องที่ได้เป็น Single Corridor ไม่มีห้องตรงข้ามอยู่ 2 ห้องทางมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งทำให้ 2 ห้องนี้เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องอื่นๆ และห้องพักส่วนใหญ่จะหันหน้าตามแนวทิศเหนือใต้ ทำให้รับลมและหลบแสงแดดที่จะเข้าห้องตรงๆได้

    ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่รวมกับห้องพักอาศัย โดยพื้นที่ส่วนกลางจะมีสระว่ายน้ำ ห้องน้ำ และสวนหย่อม ซึ่งในส่วนของห้องพักนั้นจะมีประตูกั้นทำให้คนที่อยู่ชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่อยากจะมาใช้ Facilities ชั้นนี้สามารถขึ้นมาได้โดยลิฟต์จากชั้นจอดรถ และลิฟต์โดยสาร ส่วนการวางผังจะคล้ายกับชั้น 2-5 เลยค่ะ  ห้องพักอาศัยจะมีอยู่ 2 ห้องที่ได้วิวสวน แต่ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว อาจจะมีเสียงรบกวนที่สวนหรือมีคนมองเข้ามาในห้องได้บ้าง โดยทางโครงการจะมีการปลูกต้นไม้เพื่อบังสายตาให้ค่ะ

    พื้นที่ส่วนกลาง เมื่ออกมาจากตัวอาคารจะเจอกสวน ให้เด็กมาวิ่งเล่นได้ มีสระว่ายน้ำ Lap Pool ที่มีทั้ง Shallow pool และ Jacuzzi  ขนาดประมาณ 29×5 เมตร ระบบเกลือ สามารถว่ายเพื่อออกกำลังกายได้จริงๆ ตัวสระยื่นออกมาจากตัวอาคาร ทำให้เหมือนว่ายออกมาด้านนอก และมองวิวได้กว้างมากขึ้น และมี Fitness อยู่ด้านบนสามารถออกกำลังกายและชมวิวสวนรวมถึงสระว่ายน้ำได้ ด้านล่างของ Fitness เป็นส่วนของห้องน้ำส่วนกลาง

    ภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำ Lap Pool สามารถมองเห็นวิวได้กว้าง

    บรรยากาศจำลองห้อง Fitness ซึ่งจะเป็นผนังกระจกมองออกไปเห็นพื้นที่สวนตรงกลางและสระว่ายน้ำ

    ชั้น 7 ขึ้นไปจะเป็นชั้นของห้องพักทั้งหมด มีจำนวน 23 ยูนิตต่อชั้น ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom มี 2 Bedroom ทั้งหมด 4 ห้องต่อชั้น โถงทางเดินเป็น Double Corridor ทั้งหมด และมีช่องระบายอากาศให้กับทางเดิน 3 ช่อง ช่วยให้อากาศไหลเวียนที่ทางเดินได้ดี และให้ห้องที่อยู่มุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะมีระยะห่างระหว่างห้อง ไม่ได้มีผนังติดกัน

    จุดเด่นหนึ่งของโครงการ The Key MRTเพชรเกษม48 อีกอย่างก็คือการออกแบบห้องให้ไม่มีเหลี่ยมมุมของเสาซึ่งจะทำให้ห้องได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัวมากขึ้นด้วย ซึ่งเกิดจากการออกแบบโครงสร้างให้เป็นผนังเป็นตัวรับน้ำหนัก ทำให้ผนังห้องพักชั้น 1-8 จะมีความหนาที่สุด ส่วนผนังที่อยู่ชั้นบนๆจะมีความหนาลดลงตามหลักการของโครงสร้างประเภทนี้ ทำให้ห้องพักชั้นนี้ 1 Bedroom มีขนาด 27.8 ตารางเมตร และ 2 Bedroom มีขนาด 49.5 ตารางเมตร

    ห้องพักทางทิศเหนือจะได้วิวชุมชนพักอาศัย ไม่มีอาคารสูงเนื่องจากอยู่ในซอย ทำให้ทิศนี้ไม่มีอะไรมาบังวิวค่ะ ทางทิศตะวันออกมองไปทางฝั่งบางหว้า ส่วนใหญ่เป็นอาคารแถวสูง 3-4 ชั้น จะเห็นอาคาร The Base เพชรเกษม สูง30 ชั้น ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็อยู่ในระยะที่ห่างจากโครงการ ทำให้เห็นเป็นส่วนหนึ่งของวิว ทางทิศใต้มองเห็นสถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม48 และอาคารแถวริมถนนเพชรเกษม ไม่ได้มีอาคารสูงมากนัก ส่วนทิศตะวันตก จะเห็นอาคาร Bangkok Horizon สูง 19 ชั้น ระยะห่างประมาณ 100 เมตรค่ะ

    ขยับขึ้นมาที่ชั้น 9-16 จะมีการวางผังห้องพักเหมือนกับชั้น 7-8 เลยค่ะ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ผนังห้องของช่วงนี้จะบางลงกว่าชั้นล่างทำให้ห้องพักมีขนาดใหญ่ขึ้น ห้อง 1 Bedroom มีขนาด 28.1 ตารางเมตร และห้อง 2 Bedroom มีขนาด 50.1 ตารางเมตร

    ชั้น 17-29 เป็นช่วงสุดท้ายที่ผนังห้องพักจะบางที่สุดทำให้ห้อง 1 Bedroom มีขนาดอยู่ที่ 28.5 ตารางเมตร และห้อง 2 Bedroom มีขนาด 51.2 ตารางเมตรค่ะ

     

    ชั้น 30 เป็นชั้น Roof Top สามารถขึ้นมาใช้งานได้โดยลิฟต์ ซึ่งเมื่ออกมาแล้วจะมีห้อง Game Room สำหรับมานั่งเล่นสังสรรค์อยู่ เหนือห้อง Game Room  ซึ่งจะต้องเดินขึ้นบันไดจะมีห้อง Co-Working Space ให้นั่งทำงานและชมวิวย่านเพชรเกษมที่ความสูง 30 ชั้นได้เลย

    บรรยากาศจำลองที่ชั้น 30 มองไปยังห้อง Game Room สามารถขึ้นลิฟต์โดยสารมาใช้งานได้และมีบันไดขึ้นไปยัง Co-working Space ชั้นบนค่ะ

    บรรยากาศจำลองห้อง Co-Working Space มีผนังกระจกรอบด้านทำให้เห็นวิวได้กว้าง เหมาะกับการนั่งทำงานหรือมานั่งพักผ่อนชมวิว

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby lounge
    • Meeting room
    • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือขนาดประมาณ 29×5 เมตร แบ่งเป็น สระผู้ใหญ่ (Lap pool) , สระเด็ก , shallow pool และ Jacuzzi
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 80 ตร.. ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 13เครื่อง
    • สวนหย่อมรอบโครงการประมาณ 2,236 ตร.ม.
    • Co-working Space
    • Game Station
    • Smart locker
    • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 213 :  1
    • Service Lift 1 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 46% รวมจอดซ้อนคัน
    • ระบบ CCTV / Access Card /24 hours security guards


    Product Walkthrough

    มาดูห้อง 1 Bedroom กันก่อนค่ะ ห้องนี้มีขนาด 27.80 ตารางเมตร  ซึ่งโครงการให้มาแบบ Fully Fitted เมื่อเข้ามาให้ห้องจะเจอกับส่วนครัวก่อนซึ่งจะได้เป็นครัวเปิด พื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น ทำให้ดูกว้างขึ้น มีระเบียงอยู่ถัดจากห้องนั่งเล่นสามารถออกไปใช้งานได้ ห้องนอนกั้นด้วยผนังกระจกทำให้ห้องดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด แต่อาจจะรู้สึกไม่ส่วนตัวเวลามีใครมาที่ห้องก็จะมองเห็นภายในห้องนอนได้ เราสามารถเพิ่มฉากกั้นเป็นม่านปิดได้ค่ะ ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอน ซึ่งทำให้การใช้งานของเจ้าของบ้านสะดวก แต่ถ้าสำหรับแขกเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนอนอาจทำให้เสียความเป็นส่วนตัวได้ค่ะ ห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นพื้นที่ส่วนอาบน้ำมาให้  โดยรวมเป็นห้องที่มีการแบ่งพื้นที่ใช้งานค่อนข้างชัดเจน ลงตัวเหมาะกับคนที่ชอบห้องที่ดูโล่งแต่เป็นสัดส่วน

    เฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ภายในห้อง 1 Bedroom มีดังนี้ค่ะ

    • ชุดครัว
    • ตู้เก็บของ
    • Built-in ตู้เสื้อผ้า
    • โต๊ะอเนกประสงค์
    • ชุดตู้รองเท้า และชั้นวางของ

    ประตูห้องมี Digital Door Lock ติดมาให้จาก COLT และที่เป็นจุดเด่นคือมีช่อง Air Pass คือ การทำช่องระบายอากาศบริเวณประตูหน้าห้องช่วยให้ระบายอากาศภายในห้องได้ดีขึ้นค่ะ

    Digital Door Lock สามารถตั้งเป็น Password หรือใช้เป็น Key Card ได้ค่ะ โดยจะมีแบตเตอร์รี่ภายในเวลาแบตเหลือน้อยจะแสดงไฟกระพริบเป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยน

    ช่อง Air Pass จะได้ทุกห้องเลยนะคะ สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้จากภายในห้อง เวลาต้องการเปิดประตูที่ระเบียงเพื่อระบายอากาศ การเปิดช่อง Air Pass ทำให้อากาศไหลเวียนภายในห้องได้ดีขึ้นค่ะ

    ด้านในเมื่อเข้าประตูมาแล้วจะพบกับห้องครัว พื้นที่เชื่อมต่อไปยังส่วนนั่งเล่นและผนังห้องนอนด้านในเป็นผนังกระจกเป็นส่วนใหญ่ทำให้ห้องดูโปร่งและกว้าง

    ประตูหน้าห้องจะมี Door Stop แบบแม่เหล็กมาให้ ข้อดีคือช่วยให้ประตูไม่กระแทกเวลาเปิดสุดค่ะ

    ครัวที่ได้เป็นแบบครัวเปิดมีข้อดีคือเมื่อซื้อของกินมาที่ห้องแล้วเราสามารถอุ่นทานหรือเก็บของได้เลยโดยไม่ต้องหิ้วของผ่านห้องอื่นๆค่ะ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทำอาหารเองมากนัก เนื่องจากเป็นครัวเปิดทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายได้มากกว่าครัวแบบปิด

    ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว เป็นช่องเก็บของที่โครงการติด Built-in มาให้ มีชั้นวางของหลายขนาดเก็บของได้หลากหลายและมีการคำนึงถึงการใช้งานจริง อย่างช่องด้านบนก็จะมีราวสำหรับแขวนไม้แขวนเสื้อได้ ส่วนด้านล่างเป็นชั้นเอียงสำหรับวางรองเท้า ด้านซ้ายมีช่องวางเครื่องซักผ้าฝาหน้าได้ ตรงเคาน์เตอร์จะเหมาะกับการวางของที่ต้องใช้งานก่อนออกจากบ้านหรือวางเมื่อกลับมาให้หยิบได้สะดวก หรือใครที่ชอบสะสมของก็ใช้เป็นพื้นที่วางโชว์ได้ค่ะ

    อีกฝั่งเป็นเคาน์เตอร์ครัวและชั้นเก็บของห้องจริงจะได้แบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ด้านซ้ายมือมีช่องวางตู้เย็นมาให้ และชั้นเก็บของด้านบนมช่องวางเครื่องไมโครเวฟ ตัว Built-in ด้านบนจะไม่สูงติดกับฝ้าเพดานนะคะ อยู่ในระยะที่ค่อนข้างสะดวกกับการใช้งาน แต่ก็อาจจะทำให้เกิดฝุ่นด้านบนควรเช็ดทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆค่ะ

    ชั้นวางของ Built-in ด้านบนจะแบ่งช่องเป็นบานทึบและบานกระจกสีชา ด้านในมีไฟซ่อนมาให้ซึ่งห้องจริงก็จะได้แบบนี้เช่นกันค่ะ โดยจะมีสวิตซ์ เปิด-ปิดไฟอยู่ใต้ชั้นวางเครื่องไมโครเวฟ ส่วนชั้นที่วางไมโครเวฟก็เลือกใช้วัสดุที่ทนทานทำความสะอาดได้ง่าย

    เคาน์เตอร์ครัวทำจากลามิเนตลายไม้ ไม่ได้มีเตาไฟฟ้าติดตั้งมาให้กับตัวเคาน์เตอร์แต่สำหรับคนที่ชอบทำอาหารสามารถซื้อเตาไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่มาวางเองได้ค่ะ ส่วนคนที่ไม่ได้เน้นทำอาหารเองก็ใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร เอากับข้าวมาอุ่นหรือวางหม้อหุงข้าวและกาต้มน้ำได้

    อ่างล้างจานเป็นอ่างสเตนเลส ก๊อกน้ำมีการออกแบบให้ดูทันสมัยจาก Teka และเป็นแบบที่เหมาะสมต่อการใช้งานในห้องครัวค่ะ

    ด้านใต้เคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เก็บของใต้อ่างล้างจานสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือถังขยะได้ ช่องกลางเป็นช่องวางจาน หยิบใช้งานได้สะดวก ด้านซ้ายสุดสามารถเลื่อนเข้า-ออกใช้เป็นโต๊ะรับประทานอาหารได้ค่ะ

    ช่องกลางของเคาน์เตอร์ ทางโครงการเค้าทำเป็นที่วางจานมาให้ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานดีค่ะเพราะไม่ต้องซ้อนจานเป็นตั้งๆ เวลาจะหยิบไปใช้งานก็หยิบทีละใบได้เลย

    โต๊ะรับประทานอาหารอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย เราสามารถเลื่อนโต๊ะเข้า-ออกได้แบบในรูป ซึ่งทำให้ประหยัดพื้นที่ในการใช้งานได้ เวลาไม่ใช้ก็เลื่อนเก็บเข้าไปค่ะ 

    ข้อดีของโต๊ะที่พับเก็บได้แบบนี้ ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการวางโต๊ะรับประทานอาหาร เวลาไม่ใช้งานก็เลื่อนเก็บจะช่วยทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น

    พื้นที่การใช้งานห้องครัวและห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกันเลย เหมาะสำหรับคนที่ชอบพื้นที่กว้างหน่อย สามารถใช้งานครัวไปด้วยดู TV ไปด้วยได้

    ตัวส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 3.00 เมตร เหมาะกับการวาง TV ขนาดประมาณ 40 นิ้วกำลังดีค่ะ

    ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่งได้ มีพื้นที่ด้านข้างเล็กน้อยสำหรับวางโคมไฟหรือหนังสือได้ค่ะ

    ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงมีประตูกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำบานเลื่อน 2 ตอน ทำให้รับแสงธรรมชาติได้มาก และยังเห็นวิวได้กว้าง

    ระเบียงจะลดระดับกับพื้นห้อง ช่วยให้เมื่อฝนตกแล้วน้ำจะไม่กระเด็นเข้ามาภายในห้องได้ค่ะ

    ด้านขวาเป็นพื้นที่วาง Condensing Units มี 2 ตัวแขวนลอย พื้นที่ด้านล่างสามารถใช้ตากผ้าได้ เนื่องจากมีระแนงกั้นช่วยบังสายตาอยู่แล้วค่ะ

    ถัดมาเรามาดูห้องนอนกันบ้าง ห้องนอนถูกกั้นด้วยผนังกระจกบานเลื่อน เลื่อนเปิดได้แบบภาพขวามือ การที่ผนังเป็นกระจกมีข้อดีคือทำให้ห้องดูโปร่งสบายไม่อึดอัด แต่ก็จะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาที่ห้อง แต่ก็สามารถแก้ไขด้วยการติดม่านกั้นเพิ่มเติมได้ค่ะ

    รางประตูกระจกห้องนอนจะอยู่ด้านบนทำให้สามารถเดินผ่านได้เลยไม่มีร่องให้เหยียบแล้วเจ็บเท้าค่ะ

    ภาพมุมมองจากห้องนอนไปยังด้านนอก เหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องดูกว้าง แต่คนที่ชอบเป็นส่วนตัวก็ติดม่านตามที่แนะนำไปได้ค่ะ

    ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด King Size ได้ มีพื้นที่เดินรอบเตียง ส่วนเครื่องปรับอากาศจะติดอยู่เหนือหน้าต่างทำให้ลมเข้าทางด้านข้างซึ่งเป็นทิศทางที่เหมาะสมกับการนอน เพราะลมเย็นจะไม่เป่าเข้าหน้าเราตรงๆให้เกิดการไม่สบายได้

    พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายจะสามารถวางของหรือโคมไฟได้ ส่วนด้านขวาก็เหลือพื้นที่สำหรับติดตั้งม่านแต่ก็มีระยะให้พอเดินได้ค่ะ

    ส่วนปลายเตียงจะเหลือพื้นที่เดินประมาณ 50 เซนติเมตร เดินผ่านได้สบายๆ

    ห้องนอนมีหน้าต่างกระจกเข้ามุม และกระจกบานกระทุ้งเปิดช่วยระบายอากาศได้

    ภาพตอนปิด-เปิดหน้าต่างบานกระทุ้ง ซึ่งจะเปิดได้กว้างไม่มากเนื่องจากความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยค่ะ

    อีกฝั่งเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้า อยู่ติดกับห้องน้ำทำให้สะดวกในการแต่งตัว ออกจากห้องน้ำมาแล้วก็เลือกเสื้อผ้าใส่ได้เลยค่ะ

    ตัวตู้เสื้อผ้าโครงการก็ Built-in มาให้แบบเดียวกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ บานเป็นกระจกสีชา โชว์เสื้อผ้าด้านใน มีไฟภายในตู้มาให้พร้อม

    ด้านในมีลิ้นชักเอาใว้ใส่ผ้าชิ้นเล็กหรือเครื่องประดับ ช่วยจัดระเบียบได้มากขึ้น

    ด้านในค่อนข้างคำนึงถึงรายละเอียดการใช้งานจริงพอสมควร มีที่แขวนเข็มขัด หรือกระเป๋าสะพายมาให้ด้วยค่ะ

    ด้านข้างตู้เสื้อผ้ายังเป็นกระจกเงา เอาไว้ส่องเวลาแต่งตัวได้

    นอกจากนั้นยังมีที่วางของและใส่กระดาษทิชชู ตรงนี้สามารถวางเครื่องสำอาง หรือน้ำหอมสะดวกต่อการใช้งาน

    มาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะ ห้องน้ำจะแบ่งส่วนเปียกแห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ มีการตกแต่งด้วยผนังสีฟ้าเข้ากับชุดครัวแต่ก็ไม่ฟ้าหมดจนน่าเบื่อมีสีอื่นมาตัดให้บรรยากาศ

    ห้องน้ำลดระดับจากพื้นห้องช่วยให้น้ำไม่ไหลไปยังด้านนอกเมื่อเราล้างห้องน้ำค่ะ

    ส่วนอ่างล้างหน้าติดกับผนัง ด้านบนเป็นกระจกมีกรอบแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างค่ะ

    อ่างล้างหน้าที่ได้เป็นติดลอย จาก Cotto ทรงสี่เหลี่ยม

    พื้นที่ตั้งสุขภัณฑ์ มีขนาดกว้างนั่งสบาย รูปทรงสี่เหลี่ยมเข้ากับอ่างล้างมือ และได้อุปกรณ์ประกอบครบทั้งสายชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู

    ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นเป็นบานกระจกใส 2 ตอนช่วยกันน้ำเวลาอาบไม่ให้กระเด็นออกมาด้านนอกค่ะ

    พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะลดระดับเล็กน้อย ไม่ให้น้ำไหลไปยังส่วนแห้ง

    มีการเดินงานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้พร้อม เพียงซื้อเครื่องมาติดตั้งก็ใช้งานน้ำอุ่นได้เลยค่ะ

    ฝักบัวมาตรฐานจับถนัดมือ

    มีช่องด้านข้างสำหรับวางขวดสบู่ แชมพู หรือถ้าต้องการชั้นวางเพิ่มเติมสามารถตดตั้งเพิ่มได้ค่ะ

    ต่อมาเรามาดูห้อง 2 Bedroom กันบ้าง ห้องนี้มีขนาด 49.50 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีการแบ่งพื้นที่การใช้งานค่อนข้างลงตัว เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับโถงทางเข้าแจกไปยังพื้นที่ต่างๆ ครัวเป็นครัวเปิดดังนั้นจึงเหมาะกับการซื้ออาหารมาทานหรือทำอาหารเบาๆทาน ถัดไปเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นอยู่ฝั่งเดียวกัน พื้นที่บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกันแบบไม่มีผนังกั้น มีระเบียงอยู่ติดกับส่วนรับประทานอาหาร สามารถมองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ทางเนื่องจากเป็นห้องมุม ดังนั้นบริเวณนี้นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนร่วมกันในครอบครัวก็ใช้เป็นพื้นที่จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ได้ ห้องตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก มีกระจกเข้ามุมด้านใน ช่วยให้ห้องดูไม่อึดอัด ห้องนี้สำหรับคนที่ไม่ต้องการห้องนอนเยอะ ก็สามารถใช้เป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวหรือห้องทำงานได้ ถัดมาก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำซึ่งแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ห้องนอน Master Bedroom มีระเบียงส่วนตัว และส่วน Walk-in Closet ที่เป็นสัดส่วน ภายในห้องจะเป็นยังไงเราไปดูกันเลยค่ะ

    ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ภายในห้อง 1 Bedroom มีดังนี้ค่ะ

    • ชุดครัว 
    • ชุดตู้วางเครื่องซักผ้าและตู้เก็บของ
    • ตู้วางรองเท้า
    • Built-in ชุดตู้เสื้อผ้า (Walk-in Closet ,ชั้นวางของและกระจกแต่งหน้า)

    เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับโถงแจกไปยังพื้นที่ต่างๆภายในห้อง มองเห็นห้องนอนเล็กอยู่ตรงกลางและห้องนั่งเล่นทางขวามือ

    ประตูห้องจะได้แบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ มี Digital Door Lock และช่อง Air Pass สำหรับช่วยระบายอากาศ ส่วนโถงทางเข้ามีตู้ Built-in มาให้สำหรับวางของ ใส่รองเท้า เป็นต้น

    ตู้ Built-in แบ่งเป็น 2 ช่วงค่ะ เป็นตู้ยาวซ้ายมือและด้านขวามือเป็นชั้นวางของและตู้รองเท้า ด้านล่าง ทำให้สะดวกในการใช้งานหยิบก่อนออกไปข้างนอกหรือกลับมาถอดใส่ตู้ได้เลยไม่ต้องซื้อชั้นวางมาตั้งเองให้กินพื้นที่ค่ะ

    ตู้บานยาวเป็นตู้สูงสามารถวางเครื่องซักผ้าในนี้ได้ ช่วยเก็บซ่อนจากสายตาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังมีชั้นวางของและที่แขวนอุปกรณ์ทำความสะอาดให้ด้วย

    มาดูส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหารกันก่อนนะคะ ห้องครัวนี้ได้เป็นครัวเปิด ค่อนข้างกว้าง สามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้ 4-6 ที่นั่ง พื้นที่รับประทานอาหารติดกับระเบียงทำให้เวลาทำอาหารแล้วเปิดประตูระเบียงช่วยระบายอากาศได้อีกทางหนึ่งค่ะ นอกจากนั้นยังได้แสงธรรมชาติเข้ามาอีกด้วย

    ส่วนครัวจะได้เป็นแบบเดียวกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ พื้นหลังทางสีเหลืองอ่อนมาให้ ตัวเคาน์เตอร์ Built-in เก็บของแบ่งเป็นด้านล่างกับตู้เก็บของติดลอยตัว มีช่องสำหรับวางตู้เย็นเว้นไว้ให้

    มีช่องเก็บของค่อนข้างเยอะและใหญ่กว่าห้อง 1 Bedroom หน้าบานด้านบนเป็นลามิเนตลายไม้ ชั้นล่างเป็นสีเทาเข้ม มีช่องเก็บของหน้าบานกระจกเป็นลูกเล่นใช้วางเครื่องครัวสำหรับโชว์ได้ มีไฟให้ด้านในเหมือนกันค่ะ พื้นที่เคาน์เตอร์ค่อนข้างกว้างมีพื้นที่เตรียมอาหารและทำครัวเยอะ

    ช่องเก็บของด้านล่างแบ่งการใช้งานสำหรับช้อน-ส้อม และชั้นล่างเป็นที่วางจานใช้งานสะดวก

    พื้นที่ใต้อ่างล้างจานเหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือใส่ถังขยะก็ได้ค่ะ ด้านซ้ายเป็นช่องกระจกวางจานสวยๆหรือเก็บเครื่องปรุงทั่วไป

    อ่างล้างจานวัสดุเป็นสเตนเลส ของ Teka เหมือนกับห้อง 1 Bedroom

    สำหรับห้อง 2 Bedroom นี้จะได้เตาไฟฟ้าฝังในเคาน์เตอร์มาให้ด้วยค่ะ เป็นเตาแบบ 2 หัว และเหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับเตรียมอาหาร

    ใต้ชั้นเก็บของด้านมีที่แขวนเครื่องใช้ในครัวและแผ่นวาง Ipad มาให้ด้วยสำหรับคนที่ชอบทำอาหารไปด้วยเปิดสูตรไปด้วยจะสะดวกมากๆ เวลาทำอาหารไปก็ไม่มีน้ำกระเด็นใส่ และไม่กินพื้นที่เคาน์เตอร์ด้วยค่ะ

    ห้องนี้จะมีระเบียง 2 จุดนะคะ ตรงนี้เป็นจุดแรก ประตูระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกรอบอลูมิเนียมสีดำ

    พื้นระเบียงลดระดับช่วยไม่ให้น้ำกระเด็นเข้ามาในห้องเวลาฝนตก

    ขนาดระเบียงกว้างประมาณ 40 เซนติเมตรออกมายืนชมวิวได้  พื้นที่ใต้ Condensing Unit เหมาะกับการวางราวตากผ้าเล็กๆเพราะมีระแนงช่วยบังสายตาจากภายนอกได้

    ราวกันตกของระเบียงเป็นบานกระจกใสเข้ามุม ทำให้ไม่มีอะไรมาบังวิวเมื่อเรามองออกไปด้านนอกค่ะ

    ห้องนั่งเล่นของห้องนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับเปิดระบายอากาศ ให้บรรยากาศเหมือนกับนั่งเล่นอยู่ในบ้าน สามารถวางโซฟายาว 3-4 ที่นั่งได้ หรือใครที่ชอบวางของด้านข้างก็ลดความยาวโซฟาลงมาเล็กน้อยก็จะเหลือพื้นที่วางโต๊ะข้างได้ค่ะ

    ส่วนพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโต๊ะกลางได้และเหลือพื้นที่เดินได้รอบค่ะ

    ถัดมาเรามาดูอีกฝั่งกันบ้าง เมื่อมองตรงไปจะเห็นห้องนอนเล็กอยู่ทางขวามือ ห้องนอน Master Bedroom อยู่ด้านหน้าและมีห้องน้ำอยู่หลังตู้วางรองเท้าค่ะ แบ่งการใช้งานค่อนข้างเป็นสัดส่วน

    ห้องนอนเล็กจะมีประตูทางเข้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อนพร้อมผนังกระจกเข้ามุม สำหรับคนที่ใช้เป็นห้องนอนแล้วต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านเพิ่มได้ค่ะ

    ห้องนี้สามารถใช้เป็นห้องนอนก็ได้หรือห้องทำงานก็ดีค่ะ ปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นตามเจ้าของห้องได้เลย

    ภายในห้องสามารถวางเตียง 3-5 ฟุตได้แต่แนะนำเป็นเตียง 3 ฟุตจะเหลือพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงและสามารถเดินได้รอบ

    ฝั่งที่เป็นกระจกเข้ามุมทำให้มุมมองของคนที่ใช้งานห้องนี้กว้างขึ้นดูโปร่ง เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่กว้าง

    ห้องนี้มีหน้าต่าง 3 ช่วง สามารถเปิดระบายอากาศได้ 2 ช่อง และช่วยรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องทำให้ห้องสว่างขึ้น

    ถัดมาเรามาดูห้องน้ำทางฝั่งซ้ายมือกันก่อนค่ะ

    ภายในห้องน้ำก็ทาสี ด้วยผนังสีเหลืองมาให้เข้ากับห้องครัว แบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งชัดเจน เข้ามาจะเจอกับอ่างล้างมือก่อนและมีพื้นที่อาบน้ำด้านในสุด

    กระจกของห้องน้ำจะได้กว้างกว่าห้อง 1 Bedroom มีความสูงถึงฝ้าเพดานเลย มีชั้นวางของมาให้ด้านข้างสำหรับวางน้ำหอมหรือของตกแต่งอื่นๆได้ค่ะ

    อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์รูปทรงสี่เหลี่ยมเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom จาก Cotto

    พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกใสบานเลื่อนมาให้ ช่วยให้ตอนอาบน้ำไม่กระเด็นออกมาด้านนอกค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำลดระดับเล็กน้อย กว้างประมาณ 90 x 90 เซนติเมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ

    ฝักบัวเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom มีการเดินระบบเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เช่นกันค่ะ

    ด้านข้างมีพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ สามารถวางผ้าขนหนูได้ด้วยค่ะ เวลาอาบน้ำกระเด็นไม่ถึงด้านใน

    ห้อง Master Bedroom มีระเบียงส่วนตัว ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนทำให้แสงเข้าได้ และมองเห็นวิวด้านนอก ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด King Size หรือ 6 ฟุตได้ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง

    ด้านข้างสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ มีระยะประมาณ 40-50 เซนติเมตร

    ปลายเตียงมีชั้นวาง TV แล้วยังเหลือพื้นที่เดินได้สบายๆ ประมาณ 50 เซนติเมตร

    ระเบียงตรงนี้เป็นจุดที่ 2 ของห้อง เจ้าของห้องสามารถออกไปใช้งานได้เป็นส่วนตัว แยกกับระเบียงตรงห้องรับประทานอาหาร เหนือประตูระเบียงติดเครื่องปรับอากาศมาให้ซึ่งเป็นทิศททางเข้าด้านข้างละตัวเหมาะกับการนอน

    ระเบียงได้ราวกันตกเป็นกระจกใสเช่นกันทำให้เห็นวิวได้กว้างมองออกมาจากห้องแล้วสวยงามไม่มีอะไรมาบังสายตา ส่วน Condensing Unit แขวนลอยมีระแนงบังสายตาจากด้านนอกมาให้เช่นกันค่ะ

    อีกฝั่งของห้องนอนเป็นส่วน Walk-in Closet เป็นห้องแต่งตัวที่มีประตูกันเป็นบานเลื่อนกระจก

    มองจากด้านนอกจะเหมือนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ แต่สามารถเดินเข้าไปแต่งตัวด้านในได้ ใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มอีกหน่อยก็แนะนำให้ติดม่านช่วยบังสายตาเพิ่มเติมค่ะ

    ภายในมีราวแขวนและชั้นวางให้หยิบใช้งานสะดวก แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน เก็บเสื้อผ้าได้ค่อนข้างเยอะ เหมาะกับคนที่ชอบแต่งตัวเลย

    มีลิ้นชักมาให้ใช้เก็บผ้าชิ้นเล็กหรือเครื่องประดับต่างๆ

    นอกจากนั้นยังติดตั้งกระจกและช่องเก็บของจิปาถะมาให้

    ช่องเก็บของก็เหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ วางเครื่องสำอางหรือเครื่องประดับได้เป็นสัดส่วน

    ด้านข้างก็มีช่องแขวนกระเป๋าสะพายหรือเข็มขัดมาให้ โดยรวมแล้วการออกแบบและของที่ติดตั้งมาให้คำนึงถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีเลยค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 November 2018

    • 1 Bedroom Type 1A ขนาด 27.8 ตร.ม. ราคา 2.89 ล้านบาท หรือ 103,956 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom Type 2A ขนาด 49.5 ตร.ม. ราคา 4.89 ล้านบาท หรือ 98,787 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง

    • 1 Bedroom  30,000 บาท
    • 2 Bedroom 50,000 บาท

  • ทำสัญญา (ไม่มี)
  • ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
  • ค่ากองทุน  500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล

    โครงการ The Key MRT เพชรเกษม48 ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเพชรเกษม48 เดินทางไปยังสถานี Interchange บางหว้าเพียงสถานีเดียว เดินทางไปสถานที่สำคัญต่างๆทำได้สะดวกเนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่การเดินทางด้วยรถยนต์เชื่อมต่อถนนหลักได้หลายสาย มีการเดินทางด้วยรถสาธารณะทั้งรถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ Taxi เป็นต้น ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการอยู่บนถนนเพชรเกษม มีร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นตึกแถวสองข้างทาง มีตลาดบางแค รวมถึงห้างอย่างซีคอน บางแค ที่อยู่ถัดไปเพียงสถานีเดียว , The Mall บางแค, Tesco Lotus, Big C นอกจากนั้นยังใกล้กับสถานศึกษาและโรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น ม.สยาม, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม, ม.ราชภัฏบ้าน สมเด็จเจ้าพระยา, ม.ราชภัฏธนบุรี และ รพ.เพชรเกษม2 , รพ.พญาไท3, รพ.สัตว์บางกอก, รพ.บางไผ่, รพ.อินเตอร์เมด เป็นต้น ถือว่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์มีสาธารณูปโภคครบครัน

    การเดินทางโดยใช้รถ

    การเดินทางโดยใช้รถยนต์ทำได้สะดวก เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมที่เป็นถนนหลัก เชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์ ไปออกถนนนครอินทร์ได้ เชื่อมต่อกับถนนถนนจรัญสนิทวงศ์ที่แยกท่าพระ ขึ้นเหนือไปบางซื่อได้ สามารถเดินทางไปวงเวียนใหญ่เพื่อไปออกสาทรได้สะดวก มีทางลัดที่ซอยเพชรเกษม 48 ระยะขับรถจากโครงการไปยังซอย 1 กิโลเมตร สำหรับที่จอกรถภายในโครงการมีทั้งหมด 46% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่น้อยเกินไปค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถทำได้สะดวกเนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งผ่านซึ่งกำลังจะเปิดภายในปีนี้ ใกล้กับสถานี Interchange สายสีเขียวที่สถานีบางหว้า ระยะทาง 1 สถานี และ  Interchange สายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน-ท่าพระ ที่สถานีท่าพระ ระยะทาง 3 สถานี ถือว่าค่อนข้างสะดวก ส่วนรถสาธารณะอื่นๆก็มีวิ่งผ่านด้านหน้าโครงการเช่นกัน

    วัสดุ

    โครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ได้ เครื่องปรับอากาศ, เคาน์เตอร์และชุดครัว ห้อง 2 Bedroom จะได้เตาไฟฟ้า 2 หัว (ห้อง 1 Bedroom ไม่ได้ค่ะ), ตู้รองเท้าและตู้เก็บของ, ตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์มีการออกแบบคำนึงถึงการใช้งานจริงใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตามแนวคิดโครงการ วัสดุภายในถือว่าอยู่ในระดับทั่วไป ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ จาก Cotto มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้

    การออกแบบ

    การออกแบบโครงการ มีจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว มีผนังกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนพักอาศัยและถนนรอบโครงการ ทำให้เหมือนตัดความวุ่นวายจากภายนอก ชั้น 1 มีสวนตรงกลางเป็นมุมมองให้กับส่วน Lobby และห้องพักอาศัย ลานจอดรถติดกับตัวอาคารแต่การใช้งานแยกเป็นสัดส่วนจะเข้าอาคารได้ต้องลงมาที่ชั้น Lobby หรือขึ้นไปที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นส่วนกลางก่อนถึงจะเข้าส่วนพักอาศัยได้ มีห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 29 ห้องพักส่วนใหญ่จะหันหน้าตามแนวทิศเหนือใต้ ทำให้รับลมและหลบแสงแดดที่จะเข้าห้องตรงๆได้

    การออกแบบห้องมีจุดเด่นที่โครงสร้างผนังรับน้ำหนักทำให้ห้องพักไม่มีมุมของเสาโครงสร้าง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย ประตูมีช่อง Air Pass นวัตกรรมการถ่ายเทอากาศ ช่วยให้อากาศไหลเวียนในห้องได้ดีขึ้น มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ใสใจรายละเอียดการใช้งานจริง

    สาธารณูปโภค

    สาธารณูปโภคภายในโครงการค่อนข้างครบครัน ที่ชั้น 1 มีสวนส่วนกลาง และ Lobby สูง 6.5 เมตร ชั้น 6 เป็นส่วนของ Facility มีสระว่ายน้ำ Lap Pool ประมาณ 29×5 เมตร มี Jacuzzi และห้อง Fitness ได้วิวสวนและสระว่ายน้ำ ชั้น 30 มี Game Station และ Co-working Space ชมวิวโดยรอบได้  มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 213 :  1 ค่อนข้างหน้าแน่น แต่โดยรวมแล้วมี Facility ค่อนข้างครบครันค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคา AVG 95,000 – 110,000 บาท/ตร.ม., 28 November 2018

    • ทำเล 8.25/10 – ติดถนนเพชรเกษม ใกล้สถานีเพชรเกษม 48 ใกล้ซีคอนบางแคในระยะ 1.5 กิโลเมตร
    • เดินทางด้วยรถ 8.00/10 – ติดถนนใหญ่มีซอยลัดอยู่ไม่ไกล
    • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – มีรถสาธารณะหลากหลาย สถานีเพชรเกษม 48 อยู่หน้าโครงการ
    • วัสดุ 8/10 –  Fully Fitted  การออกแบบมีการคำนึงถึงการใช้งาน
    • แบบ 8.25/10 – การออกแบบมีความเป็นส่วนตัว ห้องพักไม่มีเหลี่ยมเสา มี Air pass ระบายอากาศ
    • สาธารณูปโภค 8.25/10 – ค่อนข้างครบครัน มี Facility ชั้นบนดาดฟ้า

    • UPPER CLASS
    • 8.18 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Key MRT เพชรเกษม48 เหมาะกับคนที่มองหาคนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ย่านเพชรเกษม ชอบโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ชอบห้องที่ดูโปร่งโล่ง การใช้งานเป็นสัดส่วน มีงบประมาณระดับ 2.89 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 20,230-35,000 บาท/เดือน