The Key MRT เพชรเกษม 48 เป็นคอนโด High Rise ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินเกือบ 4 ไร่ ติดถนนเพชรเกษม ภายในมีทั้งหมด 639 ยูนิต ที่ภายในจัดพื้นที่ออกมาได้ค่อนข้างลงตัว ทั้งส่วนกลางในหลายๆชั้น และรูปแบบห้องที่ทำออกมาให้เลือกหลากหลาย ในราคาเริ่มต้นที่ 3.19 ล้านบาท ลองไปชมจุดเด่นของโครงการที่ผมเลือกมาให้ชมกันครับ
- ทำเล – ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่คอนโดที่ใกล้รถไฟฟ้า แต่เป็นคอนโด “ติด” รถไฟฟ้า MRT สถานี เพชรเกษม 48 ระยะ 0 เมตร เลย มีทางขึ้นลงสถานีอยู่หน้าโครงการ อีกทั้งยังคิดถนนเพชรเกษม และไม่ไกลซีคอนบางแคด้วยครับ
- Facilities ส่วนกลาง – ให้มาครบตามมาตรฐาน ที่ผมชอบคือแยกโซนการใช้งานออกเป็นหลายชั้น โดยจะแบ่งตามประเภทและลักษณะของการใช้งาน ทำให้แต่ละพื้นที่ได้ความเป็นส่วนตัว และไม่รบกวนกัน และดูแลจัดการได้ง่าย
- รูปแบบห้อง – มีรูปแบบห้องให้เลือก 4 แบบ และมีห้องหน้ากว้าง ( 9 เมตร) ให้เลือกด้วย จุดเด่นเลยคือรับช่องแสงได้เยอะกว่าปกติ และเป็นตำแหน่งห้องมุมที่ทำให้เจาะช่องแสงได้เยอะขึ้นไปอีก เหมาะกับคนที่ชอบห้องที่ดูโปร่ง ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน
ข้อมูลโครงการ
Fact @ 27 April 2021
- The Key MRT Phetkasem48 (เดอะ คีย์ เอ็มอาร์ที เพชรเกษม48)
- บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ
- คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 639 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต (ที่ชั้น 7-29)
- ที่จอดรถประมาณ 46% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-3-16 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ม.ค. 2562
- 1 Bedroom 27.80 – 28.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 48.10 – 51.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 99,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1198
ทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้ง
ประเด็นเกี่ยวกับทำเลที่น่าสนใจ
- ติดถนนเพชรเกษม – เป็นโครงการติดถนนใหญ่ ทำให้ง่ายแก่การเข้าออกและสังเกต ใช้บริการรถสาธารณะก็สะดวก
- ติดรถไฟฟ้า MRT สถานี เพชรเกษม 48 – ติดรถไฟฟ้าระยะ 0 เมตร เลยครับ มีจุดขึ้นลงสถานีอยู่ที่หน้าโครงการเลย
- ใกล้ซีคอนบางแค – มีระยะห่างจากซีคอนบางแคประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งจัดเป็นแหล่งความเจริญสำคัญในย่านนี้เลยครับ
พิกัด Google Maps : 13.715942, 100.446157
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
สำหรับโครงการนี้จะตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ติดกับ MRT สถานีเพชรเกษม 48 เลย ซึ่งปัจจุบันก็สร้างเสร็จและเป็นที่สังเกตได้ง่าย และในรีวิวก่อนหน้านี้เราก็ได้เขียนเกี่ยวกับทำเลโครงการนี้ไว้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว ใครสนใจอ่านเพิ่มคลิก > ทำเล The Key MRT เพชรเกษม 48
เจาะลึกภาพรวมที่อยู่อาศัยของย่านเพชรเกษม 48
สำหรับโครงการรอบๆ สถานี MRT เพชรเกษม 48 เอง จะว่าไปที่ติดสถานีเลยและยังมีขายอยู่ก็จะมีแค่โครงการ The Key MRT เพชรเกษม 48 โครงการเดียวนะครับ หรือไม่อย่างนั้นต้องเข้าซอยไปหน่อยจะมีคอนโด Low Rise ที่ห่างสถานีออกไปประมาณ 200 เมตร ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าไม่ใช่โครงการที่เป็นคู่แข่งโดยตรงสักเท่าไหร่ และถ้าจะให้ผมมองหาโครงการเปรียบเทียบ คงจะเลือกมองไปที่ 2 สถานีทางฝั่งซ้ายและขวา อย่างสถานีบางหว้าและภาษีเจริญซะมากกว่า โดยผมจะยกตัวอย่างโครงการที่ยังมีเปิดขายอยู่ และยกราคาของห้องที่มีขนาดใกล้เคียงกับที่โครงการ The Key MRT เพชรเกษม 48มาให้ชมนะครับ
เริ่มกันที่ฝั่งของสถานีบางหว้ากันก่อน เป็นสถานีที่มีจุดเด่นที่สามารถ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) ได้เลย ปัจจุบันจะมี 2 โครงการ High Rise ที่ยังเปิดขายอยู่นะครับ โครงการแรก ชีวาทัย เพชรเกษม 27 เป็นโครงการที่อยู่บนถนนเพชรเกษม แต่จะอยู่ฝั่งขาออกเมือง ราคาจะถูกกว่า The Key MRT เพชรเกษม 48 หน่อย แต่เบื้องต้นก็แลกมากับระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 200 เมตร ส่วนอีกโครงการอย่าง ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ ก็มีระยะห่างถึง 450 เมตร และไม่ได้ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมด้วย ส่วนจำนวนยูนิตของทั้ง 2 โครงการก็พอกันกับโครงการ The Key MRT เพชรเกษม 48ครับ ไม่ต่างกันมากนัก
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นสถานีภาษีเจริญ จุดเด่นของสถานีนี้คือใกล้กับห้างใหญ่อย่างซีคอนบางแค ทำให้มีโครงการติดรถไฟฟ้าขึ้นมาเยอะ โดยจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ทั้งนั้นเลย ทั้ง The Livin เพชรเกษม (2,167ยูนิต) , The Parkland เพชรเกษม 56 (2,047 ยูนิต) และ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ (1,802 ยูนิต) ทั้งยังมีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 260, 150 และ 40 เมตร ตามลำดับ ถึงแม้จะมีราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า แต่ก็มีสิ่งที่ต้องแลกกันมาเยอะเหมือนกันครับ ทั้งจำนวนยูนิต และระยะห่างรถไฟฟ้า
จะเห็นว่าสถานีเพชรเกษม 48 ก็มีข้อดีคือ สามารถอิงจุดเด่นของทั้ง 2 สถานีได้ง่ายเลย จะไปห้างสรรพสินค้า หรือ Interchange ก็แค่สถานีเดียวเท่านั้น และจากแผนที่ด้านบนน่าจะเห็นแล้วว่าจุดเด่นหลัก ๆ ของโครงการเราคือ ทำเลที่มีระยะติดกับตัวสถานีเลย และจำนวนยูนิตภายในโครงการ ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศภายในอีกหลาย ๆ ส่วน และนอกจากนั้นส่วนตัวผมเองอยากจะเพิ่มเรื่องจุดเด่นของแบรนด์ Land and Houses ให้อีกเรื่องในส่วนของความความเรียบร้อยของงาน และการคำนึงถึงการอยู่อาศัยจริงในแต่ละส่วน ยังไงในส่วนของหัวข้อสุดท้ายนี้ถ้าไม่เชื่อก็ลองตามผมเข้าชมภายในรีวิวได้เลย แต่ก่อนจะเข้าไป ลองไปเดินชมรอบๆโครงการในแนวราบกันอีกสักเล็กน้อยครับ
หน้าโครงการมีแนวทางเดินยกสูงขึ้นจากระดับถนน มีระยะประมาณ 5-6 เมตร ครับเดินสบายเลย มีแนวต้นไม้สร้างบรรยากาศและให้ร่มเงาและสร้างบรรยากาศตามแนวทางเดิน
เราลองไปเดินดูพื้นที่รอบๆโครงการกันหน่อยดีกว่าครับ จะได้เห็นบรรยากาศและบริบทในแนวราบโดยรอบโครงการกันก่อนที่จะเข้าไปภายในพื้นที่โครงการ ไปดูกัน
รายละเอียดโครงการ
ประเด็นที่น่าสนใจ
- พื้นที่ส่วนกลางแยกออกเป็นหลายชั้น เพื่อแบ่งประเภทการใช้งาน ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวในแต่ละพื้นที่ ไม่รบกวนกัน แถมยังง่ายแก่การจัดการ ดูแลรักษา
- การวางผังห้องพักอาศัยจะวางตามแนวทิศเหนือ-ใต้ ทำให้รับลมได้เต็มที่และหลบความร้อนของแดดได้เป็นอย่างดี
- จัดมาให้ครบตามมาตรฐาน และแต่ละพื้นที่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ เช่น Lobby สูงขนาด 6.5 เมตร สระว่ายน้ำ Lap Pool ที่มี Jacuzzi ภายใน, Fitness ได้วิวสวนและสระว่ายน้ำ, Game Station และ Co-working Space ชมวิวมุมสูง และอื่นๆ
- ที่จอดรถภายในโครงการมีทั้งหมด 46% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่น้อย และมากกว่าโครงการใกล้เคียงอื่น ๆ ในย่านนี้นะครับ
Project Overview
The Key MRT เพชรเกษม48 เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณเกือบ 4 ไร่ มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 639 ยูนิต จอดรถได้ 46 % รวมจอดซ้อนคัน การออกแบบจะเน้นความเป็นส่วนตัวครับ โดยจะแยกเป็นส่วนที่จอดรถอยู่ที่บริเวณชั้น 1-5 ซึ่งชั้นพักอาศัยก็จะเริ่มที่ชั้น 2 เป็นต้นไป โดยจะมีผนังกั้นแยกส่วนระหว่างส่วนจอดรถและส่วนพักอาศัยไว้อย่างชัดเจน เมื่อจอดรถแล้วเราสามารถเข้าอาคารได้ที่ชั้น 1 และชั้น 6 ซึ่งเป็นส่วนของ Facilities ได้เท่านั้น ส่วนชั้นอื่นๆของที่จอดรถจะไม่สามารถเข้าอาคารได้เลย ต้องลงไปที่ชั้น 1 ก่อนแล้วค่อยใช้ลิฟต์โดยสารในการขึ้นไปชั้นบน อาจจะต้องเดินไกลหน่อยแต่ได้ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวภายในอาคารมากๆ ข้อดีคือจะไม่มีใครเดินผ่านชั้นพักอาศัยที่อยู่ชั้นเดียวกับที่จอดรถได้ ลองไปดูรายละเอียดในแต่ละชั้นกันครับ
ชั้น 1 : Lobby lounge, Meeting room, Garden และ ห้องพักอาศัย 8 ยูนิต
ชั้น 1-5 : ที่จอดรถประมาณ 46% รวมจอดซ้อนคัน และห้องพักอาศัย 20 ยูนิต
ชั้น 6 : สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, ห้องน้ำแยกชายหญิง และ ห้องพักอาศัย 22 ยูนิต
ชั้น 7-29 : ห้องพักอาศัย 23 ยูนิต / ชั้น
ชั้น 30 : Game Room, Co-Working Space, Garden
สรุประบบรักษาความปลอดภัยและการบริการในโครงการ
- Smart locker
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 213 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 46% รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card /24 hours security guards
Master Plan
การออกแบบตัวอาคารเค้าดันอาคารไปไว้ด้านหลัง เอาที่จอดรถอยู่ข้างหน้า ทำให้อาคารมีระยะห่างจากถนนใหญ่และรถไฟฟ้าพอสมควร ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นและเสียงจากถนนใหญ่ได้บ้าง อีกทั้งรางรถไฟฟ้าจะมีความสูงเท่ากับประมาณชั้น 5 ของที่จอดรถพอดี ไม่มีการวางผังห้องพักบริเวณนั้น จึงจะไม่มีห้องที่จะได้รับเสียงดังจากถนนและรถไฟฟ้าโดยตรงเลย
ผังชั้น 1 เมื่อเข้ามาในโครงการแล้วจะเจอกับส่วน Drop Off ไปยัง Lobby ด้านหน้า จะเป็นทางเดินรถทางเดียวรอบตัวอาคาร (วนทางซ้ายตามเข็มนาฬิกา) เพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย ไปจอดด้านหลังอาคารหรือขึ้นไปจอดที่ชั้นอื่นๆ ตรงกลางอาคารจะเป็นพื้นที่ Landscape มีการตกแต่งสวนให้คนที่อยู่ใน Lobby และส่วนห้องพักมองเห็นได้ โดยคนที่จะเข้าอาคารไปยังห้องพักจะต้องเดินจาก Lobby ผ่านสวนไปยังโถงลิฟต์ ซึ่งมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว (และลิฟต์ที่ลานจอดรถ 1 ตัวสำหรับรับ-ส่งในลานจอดรถเท่านั้น) อัตราส่วนประมาณ 213 ต่อ 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่น อาจจะทำให้ต้องรอลิฟต์นานในช่วงเร่งด่วนอย่างตอนเช้าๆได้ครับ
บรรยากาศด้านหน้าโครงการ พื้นทางเข้าออกจะเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายครัย ตรงนี้จะมีพี่รปภ.คอยดูแลตลอด 24 ชม. ส่วนรั้วกั้นจะไปอยู่ด้านในครับ ทำให้รถไม่ต้องจอดรถกันตรงนี้ ไม่เกิดอันตรายจากถนนใหญ่
ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่รวมกับห้องพักอาศัย โดยพื้นที่ส่วนกลางจะมีสระว่ายน้ำ ห้องน้ำ และสวนหย่อม ซึ่งในส่วนของห้องพักนั้นจะมีประตูกั้นทำให้คนที่อยู่ชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่อยากจะมาใช้ Facilities ชั้นนี้สามารถขึ้นมาได้โดยลิฟต์จากชั้นจอดรถ และลิฟต์โดยสาร แต่ถ้ามาจากลิฟต์โดยสารจะต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยของชั้นนี้ ทำให้ห้องในชั้นนี้จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างครับ แต่จะได้เปรียบตรงที่เข้าใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายกว่าชั้นอื่นๆ ส่วนการวางผังห้องพักอาศัยจะคล้ายกับชั้น 2-5 เลย ห้องพักอาศัยจะมีอยู่ 2 ห้องที่ได้วิวพื้นที่ส่วนกลางเหมือนมีสวนหลังบ้างเลย แต่ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว อาจจะมีเสียงรบกวนที่สวนหรือมีคนมองเข้ามาในห้องได้บ้าง โดยทางโครงการก็มีการปลูกต้นไม้เพื่อบังสายตาให้ครับ
ทางออกไปใช้พื้นที่ส่วนกลางจะมีส่วนของห้อง Meeting Room ให้ใช้งานด้วย แยกส่วนแล้วได้ความเป็นส่วนตัว
มาต่อกันที่ชั้น 30 ซึ่งจะเป็นชั้น Roof Top ของโครงการ สามารถขึ้นมาใช้งานได้โดยลิฟต์โดยสาร ซึ่งเมื่อออกมาแล้วจะมีแนวทางเดินยาวไปยังห้อง Game Room สำหรับมานั่งเล่นสังสรรค์ได้ เหนือห้อง Game Room จะมีบันไดจะมีห้อง Co-Working Space ให้นั่งทำงานและชมวิวสวน พื้นที่รอบๆจะรับวิวสวน แต่แอบเสียดายที่ของจริงไม่ได้เปิดให้รับวิวมุมสูงในย่านเพชรเกษมนี้เท่าไหร่ เพราะผนังแต่ละฝั่งจะยกขึ้นค่อนข้างสูง มีแนวต้นไม้กันไว้อีกด้วย ซึ่งก็ได้ความปลอดภัยดีครับ และยังสามารถรับลมได้เต็มที่อยู่นะ
เดินขึ้นมาจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้เลือกใช้งานด้วยครับ ส่วนตัวผมชอบนะสำหรับจุดนี้ เพราะหลายๆที่มักจะสร้างชั้นดาดฟ้าเป็นสวนไว้เพื่อให้ตอบโจทย์ข้อกฎหมายเรื่องพื้นที่สีเขียวเฉยๆ แต่ที่นี่ดูออกแบบมาให้ใช้งานได้เป็นอย่างดีเลย
วิเคราะห์ห้องพักอาศัย
ที่ชั้น 2-5 ด้านหน้าจะเป็นส่วนจอดรถ ซึ่งไม่มีประตูทางเข้าอาคารในส่วนห้องพักอาศัยจากตรงนี้ จะต้องลงไปที่ชั้น 1 เพื่อไปยัง Lobby หรือไปที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางก่อนถึงจะไปยังโถงลิฟต์ได้ ห้องพักอาศัย ที่ชั้นนี้มีทั้งหมด 20 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom จะมีห้อง 2 Bedroom อยู่ที่มุมอาคารทางทิศใต้และตะวันออกเฉียงเหนือรวม 3 ยูนิต โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor มีการออกแบบไม่ให้เปิดประตูชนกัน จะมีห้องที่ได้เป็น Single Corridor ไม่มีห้องตรงข้ามอยู่ 2 ห้องทางมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งทำให้ 2 ห้องนี้เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องอื่นๆ และห้องพักส่วนใหญ่จะหันหน้าตามแนวทิศเหนือใต้ ทำให้รับลมและหลบแสงแดดที่จะเข้าห้องตรง ๆ ได้
วิวแต่ละทิศรอบๆโครงการ
วิวทิศเหนือ : เป็นหนึ่งในทิศหลักของห้องพักอาศัยที่นี่ครับ เป็นวิวที่ค่อนข้างเงียบสงบ และโล่งกว้าง ไม่มีอาคารสูงให้เห็น ส่วนใหญ่เป็นชุมชนพักอาศัยแนวราบครับ กับอาคาร Low Rise ซะเป็นส่วนใหญ่
แบบห้อง
ประเด็นที่น่าสนใจ
- มีแบบห้องหน้ากว้าง 9 เมตร เพื่อรับแสงและลมได้มากยิ่งขึ้น
- ห้องพักหันทิศเหนือ-ใต้ เพื่อรับลมและหลบความร้อนจากแสงแดด
- มี AirPass นวัตกรรมการถ่ายเทอากาศภายในห้อง
- หัวเตียงนอนทุกห้องถูกออกแบบให้หลบทิศตะวันตก ตามหลักฮวงจุ้ย
- ภายในห้องจะไม่มีเหลี่ยมเสาตามมุม ทำให้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัวยิ่งขึ้น
Product Overview
The Key MRT เพชรเกษม 48 มีรายละเอียดรูปแบบห้องขายทั้งหมดดังนี้
- 1 Bedroom 27.80 – 28.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 48.10 – 51.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท
วัสดุและของแถมภายในห้อง
- รูปแบบการขาย : Fully Fitted
- พื้น : ลามิเนต และ กระเบื้อง
- ครัว : Built-in + อ่างล้างจาน (ไม่มีเตาและเครื่องดูดควัน)
- ผนัง : ฉาบเรียบทาสี
- ห้องน้ำ : สำเร็จรูป สุขภัณฑ์ของ Cotto, ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย
- เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ : ตู้เก็บของ, Built-in ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะอเนกประสงค์, ชุดตู้รองเท้า และชั้นวางของ
- ฝ้าเพดาน : สูง 2.6 เมตร ฉาบเรียบติดไฟดาวน์ไลท์
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 278-28.5 ตร.ม.
มาดูห้อง 1 Bedroom กันก่อนครับ ห้องนี้ปัจจุบันจะมีขนาดเริ่มต้นที่ 28 ตารางเมตร ซึ่งโครงการให้มาแบบ Fully Fitted เมื่อเข้ามาให้ห้องจะเจอกับส่วนครัวก่อนซึ่งจะได้เป็นครัวเปิด พื้นที่ครัวเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น ทำให้ดูกว้างขึ้น มีระเบียงอยู่ถัดจากห้องนั่งเล่นสามารถออกไปใช้งานได้ ห้องนอนกั้นด้วยผนังกระจกทำให้ห้องดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด แต่อาจจะรู้สึกไม่ส่วนตัวเวลามีใครมาที่ห้องก็จะมองเห็นภายในห้องนอนได้ เราสามารถเพิ่มฉากกั้นเป็นม่านปิดได้ครับ ภายในห้องนอนมีขนาดค่อนข้างกว้างเลย วางเตียง King Size ได้และยังเหลือพื้นที่รอบเตียงให้เดินได้สะดวก ส่วนของห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอน ซึ่งทำให้การใช้งานของเจ้าของบ้านสะดวก แต่ถ้าสำหรับแขกเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนอนอาจทำให้เสียความเป็นส่วนตัวในห้องนอนไปบ้าง ห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นพื้นที่ส่วนอาบน้ำมาให้ โดยรวมเป็นห้องที่มีการแบ่งพื้นที่ใช้งานค่อนข้างชัดเจน ลงตัวเหมาะกับคนที่ชอบห้องที่ดูโล่งแต่เป็นสัดส่วน ไปชมบรรยากาศจริงกันครับ
Living Area + Balcony
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องที่ค่อนข้างกว้างครับ เพรามีช่องแสงให้เห็นเยอะเลย บวกกับความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่ 2.6 เมตร ส่วนแรกนี้จะเป็นพื้นที่ครัว และห้องนั่งเล่น ด้านในสุดเป็นระเบียง ไปชมกัน
ก่อนอื่นเลยหน้าประตูจะได้ Digital Door Lock และระบบ AirPass มาให้ช่วยระบายอากาศภายในห้อง สามารถเปิดปิดได้
Bedroom
ภายในห้องนอนของที่นี่จะมีขนาดค่อนข้างกว้างเลยครับ วางเตียง 6 ฟุตได้ แล้วที่ชอบคือได้ช่องแสงเยอะ ทำให้ห้อง 28 ตร.ม. นี้ดูกว้างยิ่งขึ้นไปอีก ลองไปชมกัน
วางเตียง King Size แล้วยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง ทำให้สามารถเดินได้รอบแบบสบายๆ
Bathroom
ห้องน้ำของห้องนี้จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ซึ่งจะมีข้อดีคือถูกตรวจสอบมาจากโรงงานแล้ว ทำให้ปัญหาจะน้อย และในกรณีของการซ่อมแซมก็จะทำได้ง่ายกว่าห้องน้ำแบบปกติครับ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับห้องน้ำสำเร็จรูป) นอกจากนั้นภายในนี้จะได้ตามที่เห็นทั้งหมดเลย สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆของ Cotto ทั้งหมดเลย ลองไปชมกันครับ
ได้อ่างล้างหน้าเซรามิค พร้อมกระจกเงา โถสุขภัณฑ์แบบแขวนผนัง สวยและทำความสะอาดได้ง่าย มีผนัง Low Wall ด้านหลังสำหรับวางของมาให้ด้วย
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 48.1 – 49.4 ตร.ม.
ห้องต่อมาเรามาดูห้อง 2 Bedroom กันบ้างครับ ห้องนี้มีขนาด 48.1-49.4 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีการแบ่งพื้นที่การใช้งานค่อนข้างลงตัวเลย จุดเด่นหลักๆคือเป็นห้องหน้ากว้าง 9 เมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 3 เมตร พร้อมเปิดช่องแสงในทุกๆส่วน ทำให้ห้องดูโล่ง และโปร่ง อีกทั้งยังมีตำแหน่งมุมอาคาร ได้แนวช่องแสงอีกฝั่งด้วย ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านมากยิ่งขึ้น
ประตูห้องจะอยู่ตรงกลาง ทำให้เมื่อเข้ามาเราสามารถเลือกจะไปในแต่ละพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่นก่อน ทำให้จะได้ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เป็นโถงทางเข้าที่แจกไปยังพื้นที่ต่างๆ ไปดูส่วนครัวกันก่อนครับ เป็นครัวเปิดพร้อมพื้นที่เข้ามุมติดผนังกระจก จะเหมาะกับการซื้ออาหารมาทานหรือทำอาหารเบา ๆ ทาน ซะมากกว่า มีพื้นที่รับประทานอาหารด้านข้างและห้องนั่งเล่นอยู่ด้านใน พื้นที่บริเวณนี้จะเชื่อมต่อกันแบบไม่มีผนังกั้น ทำให้ดูโล่งดีครับ มีระเบียงอยู่ด้านในเป็นช่องแสงหลักของส่วนนี้ กลับมาที่แนวทางเดิน.. ห้องตรงกลางห้องจะเป็นห้องนอนเล็กหรือทำเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้ มีกระจกเข้ามุมด้านใน ช่วยให้ห้องดูไม่อึดอัด สามารถใช้เป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวหรือห้องทำงานได้ ถัดมาก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำซึ่งแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ห้องนอน Master Bedroom มีระเบียงส่วนตัว และส่วน Walk-in Closet ที่เป็นสัดส่วน ภายในห้องจะเป็นยังไงเราไปดูกันเลย
Living Area
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของโถงด้านหน้าห้องก่อน ห้องจะนำสายตาไปยังส่วนของ Living Room ครับ ซึ่งจะประกอบไปด้วย ครัว โต๊ะกินข้าว และห้องนั่งเล่น เราไปดูส่วนนี้กันก่อนเลย
หน้าห้องจะมีชั้นวางของและตู้รองเท้ามาให้ก่อน สำหรับเก็บได้ง่าย ไม่ต้องเอาเข้าไปเลอะภายในห้อง
Multi purpose room
ห้องกระจกตรงกลางห้องจะเป็นห้องนอนรองของห้องนี้ครับ หรือลูกบ้านท่านไหนอยากทำเป็นห้องกิจกรรมอื่นๆก็ได้ เพราะภายในห้องนี้มีขนาดมาให้ประมาณ 2.75 x 3 เมตร สามารถจัดได้หลากหลายเลย จะวางเตียงเป็นห้องนอน ทำเป็นห้องออกกำลังกาย ห้องทำงาน ห้อง Live ขายของ หรือห้องดูหนังฟังเพลงก็ทำได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์เลยครับ
ด้านในจะได้ช่องแสงมาให้ สามารถเปิดรับลมระบายอากาศได้
Bathroom
ห้องน้ำของห้องนี้จะมีลักษณะคล้ายๆห้องก่อนหน้านี้นะครับ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเหมือนกัน แต่จะได้แนวกระจกที่ใหญ่กว่า ใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก Cotto ได้ฉากกั้นอาบน้ำ และ Hnad Shower เช่นเดิมครับ
เป็นอ่างล้างหน้าเซรามิคแบบแขวน มาพร้อมกับแนวกระจกขนาดใหญ่พร้อมช่องใส่ของ ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็ยังคงเป็นแบบแขวนผนังเช่นเดิมครับ
Bedroom
ส่วนของห้องนอนของห้องนี้จะมีขนาดค่อนข้างกว้างเลย วางเตียงขนาดใหญ่แบบ 8 ฟุตยังได้สบายๆ ได้ช่องแสงเยอะเช่นเดิม ด้านในมี Walk-in Closet ให้ด้วย
พื้นที่วางเตียงกว้างมากครับ สามารถวางเตียงได้หลายขนาด
จะมีอีกรูปแบบห้องที่เป็นแบบห้อง 2 Bedroom ที่มีจำนวนเยอะนะครับ จะมี 3 ยูนิต/ชั้น จะแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ย้ายพื้นที่ระเบียงของห้องนั่งเล่นมาอยู่ด้านข้างครัว ทำให้ช่วยระบายอากาศได้เวลาประกอบอาหาร และลดพื้นที่ห้องนอนหลักลง แต่จะได้พื้นที่ระเบียงเพิ่มขึ้นมาแทนครับ เหมาะกับคนที่อยากได้พื้นที่ภายนอกมากขึ้นนะ
ห้องนั่งเล่นจะได้ช่องแสง 2 ฝั่งเหมือนเดิม แต่จะปรับมาเป็นด้านข้างแทนหนึ่งจุด
ราคา
สำหรับเรื่องการเงินนั้น ผมมองว่าคนที่อยากได้คอนโดนี้น่าจะมีงบประมาณ 3.5-6 ล้านบาทโดยประมาณ (เผื่อค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้แล้ว) หรือว่ามีกำลังผ่อนอยู่ที่ 25,000-42,000 บาทต่อเดือน
ตัวอย่างราคาห้องพักอาศัยในโครงการ The Key MRT เพชรเกษม 48 ณ วันที่ 21 เม.ย. 2564
- 1 Bedroom 27.80 – 28.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 48.10 – 51.20 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายต่างๆ
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
บทสรุป
โครงการ The Key MRT เพชรเกษม48 เหมาะกับคนที่มองหาคนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินย่านเพชรเกษม ไม่ต้องการเดินไกล หรือเน้นปลอดภัย ไม่เปลี่ยว ชอบโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวสูง อยากได้ห้องที่ห้องที่ดูโปร่งโล่ง การใช้งานเป็นสัดส่วน มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานครบครัน และมีมาตรฐานโครงการที่ดี ระบบรักษาความปลอดภัยไว้ใจได้