รีวิวโครงการ
The Sneak EP.29 – The ESSE อโศก
26 พฤษภาคม 2019
รีวิวฉบับที่ 964 หลังจากเปิดตัวกันไปได้สักพัก วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างของคอนโด THE ESSE Asoke โครงการแรกที่เป็นคอนโด High rise สูง 55 ชั้น บนถนนอโศกมนตรีฝั่งมุ่งหน้าไปยังถนนเพชรบุรีจาก Singha Estate บริษัทอสังหาริมทรัพย์มาแรงที่แตกไลน์ธุรกิจจากค่ายน้ำเมา พื้นที่โครงการเดิมเป็นลานเบียร์ของสิงห์อยู่แล้ว ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Sales Office ที่อยู่เยื้องๆกับตึก GMM Grammy
Facts @ 9 Nov 2015
- THE ESSE Asoke (ดิ เอส อโศก)
- Singha Estate Public Company Limited
- SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- ที่ตั้งโครงการ : แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
- โครงการ : คอนโด High Rise 55 ชั้น 1 อาคาร 419 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด : 12 ยูนิต
- ที่จอดรถ : ประมาณ 432 คันคิดเป็น 102 % และที่จอดรถ Superbike 9 ที่
- ที่ดินประมาณ : 2-2-74.4 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : เดือนมีนาคม 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือนมีนาคม 2561
- 1 Bedroom 37 – 53 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.69 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 75.5 – 84 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15.39 ล้านบาท
- Penthouse 104.5 – 195.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 26 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 7.69 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 220,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด – สูงสุด : n/a บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-664-3555
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.743232, 100.561876
แผนที่โครงการ พื้นที่โครงการตั้งอยู่บนถนนอโศกมนตรีฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนเพชรบุรี ระหว่างอาคาร Ocean tower2 และคอนโด Grand park view เยื้องๆกับอาคาร GMM Grammy
ต้องเกริ่นก่อนว่ากรุงเทพเป็นเมืองหลวงที่ไม่มี CBD ที่ชัดเจนเป็นวงแคบๆ แต่ถ้านับตามความหนาแน่นผู้คนที่สัญจรในแต่ละวัน แยกอโศกมนตรีถือเป็นย่านหนึ่งที่เข้าข่ายเพราะมีระบบขนส่งมวลชนสุดถนนทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็น BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ส่วนฝั่งเพชรบุรีก็มี MRT เพชรบุรี ตลอดความยาวถนนก็มีสิ่งปลูกสร้างทั้งที่เป็นตึกออฟฟิส High rise ที่มีค่าเช่าต่อตารางเมตรสูง มีโรงแรมดัง มีคอนโดนิยมมาเปิด มีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเก่าแก่ และแน่นอนมีความอุดมสมบูรณ์ในการใช้ชีวิตประจำวันดีมาก ทั้งตลาด ร้านค้า คาเฟ่ โรงพยาบาล คลีนิก ฟิตเนส
จุดเด่นสำคัญคือความเป็นใจกลางของอโศก ที่มีทั้งข้อดีและไม่ดีในตัวอยู่เยอะ ถ้าเป็นคนทั่วๆไปในกรุงเทพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทำเลนี้ก็จะคิดว่าเป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติด ไม่ใช่ในชั่วโมลเร่งด่วน แต่ตลอดทั้งวัน แต่คนที่ที่ทำงานในพื้นที่จะรู้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความครบในตัวเองสูง ถ้าเป็นคนเมืองในปัจจุบันก็จะนิยมความรวดเร็วในการเดินทางจะใช้ขนส่งสาธารณะซะมากกว่าโดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถที่บนถนนอโศกมนตรีนี้เรียกว่ากะเวลาเดินทางกันไม่ได้เลย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถเข้า-ออกโครงการได้ทางเดียวจากถนนอโศกมนตรี โดยจะมีแยกอโศกที่เป็นที่ตั้งของสถานี Interchange ระหว่าง BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท โดยระยะเดินจากตัวสถานีจะอยู่ที่ราวๆ 700 เมตร และ 600 เมตร ตามลำดับ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งที่ตัดกับถนนเพชรบุรีก็จะมีสถานี MRT เพชรบุรี ระยะเดินจะอยู่ที่ 600 เมตร คือจะเดินไปฝั่งไหนก็ระยะพอๆกัน ไกลออกไปหน่อยก็จะมีสถานี APL มักกะสัน ที่สุดปลายทางที่พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนั้นก็จะมีส่วนของการเดินทางด้วยเรืออโศกที่คลองแสนแสบ
ส่วนการเดินทางด้วยวิธีการอื่นๆอย่างพี่วินก็มีอยู่ที่หัวมุมหน้าอาคาร Asoke Midtown ซอยข้างๆเลย หรือถ้ามาจาก BTS หรือ MRT หรือ APL ก็จะมีพี่วินประจำการอยู่แน่นอน นอกจากนั้นถนนอโศกมนตรีก็ยังมีรถเมล์วิ่งทั้งแบบปรับอากาศและแบบรับลมธรรมชาติ การเดินข้ามถนนไปมาก็จะมีทางม้าลายอยู่ที่หน้าอาคาร Asoke Midtown ที่อีกฝั่งเป็นอาคาร GMM grammy พอดี ซึ่งเวลาจะเดินข้ามไปมาก็ระมัดระวังหน่อยนะคะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วยเส้นทางถือว่ามีความสะดวก จะไม่สะดวกก็ตรงที่รถติดอย่างที่รู้ๆกัน ตัวแยกอโศกถือว่าเป็นแยกวัดใจกลางใจเมือง สามารถเข้า-ออกได้จากหลายเส้นทาง ทั้งวิ่งมาจากสยามหรือสุขุมวิทตอนต้นอย่างชิดลม-นานา จะวิ่งออกไปยังสุขุมวิทตอนปลายหน่อยอย่างพร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย คือจะไกลกว่านั้นก็คือบางนา-สมุทรปราการ ถ้าเป็นเส้นเหนือใต้อย่างเส้นรัชดาภิเษกที่อีกฝั่งตัดกับพระรามสี่ก็จะเคลื่อนตัวได้ดีหน่อย สุดปลายถนนอีกติดกับถนนเพชรบุรีก็เป็นเส้นที่ขนานกับสุขุมวิทที่ใช้เป็นถนนเส้นรองก็จะมีปริมาณรถน้อยกว่า แต่จะเป็นทางผ่านไปยังรัชดา-พระราม9-ลาดพร้าว ข้อเสียคือตัวโครงการตั้งอยู่ตรงกลางบนถนนอโศกมนตรี ซึ่งถ้าจะใช้รถในเวลาเร่งด่วน ไม่ว่าจะใช้เส้นทางไหนก็จะติดอยู่ตรงกลางแน่นอน
สำหรับการขึ้น-ลงทางด่วนค่อนข้างง่าย จากโครงการวิ่งไปจุดทางขึ้นทางด่วนศรีรัช (ทางด่วนบางนา-แจ้งวัฒนะ) ขึ้นไปทางเหนือใกล้ๆกับสถานี APL มักกะสัน หรือถ้ามาจากทางแยกรัชดา-พระราม9 ก็มีจุดขึ้นอีกจุดนึง (พระราม9,มอเตอร์เวย์) ได้ค่ะ
เส้นทางที่เราจะพาเดินวันนี้คือจากแยกอโศก-เพชรบุรี เดินลงมาเรื่อยๆจากสถานี MRT เพชรบุรี แวะไปดูท่าเรืออโศกที่คลองแสนแสบ แล้วเดินตามทางเท้าถนนอโศกมนตรีมาเรื่อยๆจนถึงหน้าโครงการ จากนั้นเราจะพาไปซอกแซกกันอีกหน่อยที่ซอยข้างโครงการที่เป็นซอยตันเป็นทางเข้า-ออกโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยไปดูพื้นที่รอบๆกันค่ะ
จากทางขึ้น-ลง MRT เพชรบุรี ทางออกที่ 2 ทางออกที่ทำให้เราอยู่ตรงแยกอโศก-เพชรบุรีพอดี ซึ่งทางออกนี้จะมีลิฟท์ มีทางลาดให้เรียบร้อย ทางซ้ายมือที่ล้อมรั้วอยู่ในอนาคตมีแผนสร้างเป็น Singha Complex เราจะเดินตรงเข้าถนนอโศกมนตรีกันนะคะ
จากพื้นที่ข้างสถานี แหงนหน้ามองขึ้นไปหน่อยจะเจอกับคอนโด Q Asoke ที่เข้าได้จากถนนเพชรบุรี
อัตราค่าโดยสารพี่วินท่าเรืออโศก
พามาดูท่าเรืออโศกกันหน่อยนะคะ เราเดินเลียบมาทางขวา ไม่ได้ขึ้นบันได เดินมาก็จะมีป้ายบอกท่าเรือชัดเจน
โดยการสัญจรด้วยเรือโดยสารคลองแสนแสบเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่มีประโยชน์ สำหรับคนที่ต้องการเข้าเมืองอย่างสยาม หรือไกลออกไปอย่างเมืองเก่าแถวเกาะรัตนโกสินทร์ หรืออีกฝั่งคือรามคำแหง แต่จะมีผู้โดยสารหน่าแน่นหน่อยในชั่วโมงเร่งด่วน โดยเราสามารถซื้อตั๋วโดยสารบนเรือ โดยอัตราค่าโดยสารจะอยู่ระหว่าง 10 ถึง 20 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง เรือโดยสารให้บริการทุกวัน 5:30 – 20:30 น. (วันหยุดสุดสัปดาห์ 19:00 น.)
มองไปทางซ้ายจะเป็นจุดขึ้นเรือของฝั่งไปทางประตูน้ำ-ผ่านฟ้า มีร้านกาแฟเล็กๆให้บริการ
อัตราค่าโดยสารเรือเลียบคลองแสนแสบค่ะ
กลับมาที่ทางเดินริมฟุตบาท เราจะเดินขึ้นบันไดเพื่อข้ามสะพานคลองแสนแสบ มุ่งหน้าโครงการกันต่อ
เดินข้ามคลองแสนแสบหรือสะพานมิตรสัมพันธ์ 2
ลงสะพานมาก็จะเป็นทางเดินเท้าต่อไป ทางขวามีการเปิดพื้นที่เป็นร้านขนม คาเฟ่ ร้านเช่าชุด ร้านรองเท้าและร้านอาหารอยู่สองฝั่ง ตรงกลางเป็นทางเดิน
เดินต่อมาจะเจอ 253 Asoke เป็นอาคารสำนักงานให้เช่ารุ่นเก่านิดนึง
ถัดไปหน่อยจะเป็นพื้นที่โครงการ Lofts Asoke อยู่ทางขวามือที่ตอนนี้กำลังล้อมรั้วก่อสร้างเลย เยื้องๆกันเป็นโรงพยาบาลจักษุรัตนิน
เดินต่อไปจะเห็นทางเข้าของ Sukhumvit Living Town สูงประมาณ 39 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามกับ Sukhumvit Living Town จะเป็นร้านอาคารหลังเดียว เปิดเป็นร้านค้าเชิงพาณิชย์อย่างพวกร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ ร้านอาหาร ที่ได้อานิสงค์จากต้นไม้ใหญ้ทำให้ดูร่มรื่นดีมาก
ถัดมาเป็นประตูใหญ่ของมศว. มีทางม้าลายข้ามพอดี ภายในจะมีการจัดตลาดนัดนานาชาติทุกวันอังคารและพฤหัสบดีช่วงเวลาสายๆจนถึงประมาณบ่าย 3 มีของขายเยอะมากทั้งของกินและของใช้ วันนี้โชคดีตรงกับวันอังคารที่มีตลาดนัด เดี๋ยวเราจะพาไปดูบรรยากาศข้างใน มศว กันสักหน่อยค่ะ
ตลาดนัดมศว. ค่อนข้างคึกคัก มีการกางเต้นท์ผ้าใบสีฟ้าเป็นล็อกๆเพื่อให้ตั้งขายสินค้า โซนด้านหน้านี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ในบ้าน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ ในช่วงกลางวันแบบนี้ก็จะมีทั้งนักศึกษาและพนักงานออฟฟิศในละแวกใกล้เคียงค่ะ พอซื้ออาหารมาส่วนใหญ่ก็จะซื้อกลับไปกินที่ออฟฟิศหรือมานั่งกินตามม้านั่งอาคารเรียน
ซึ่งนอกจากส่วนของตลาด มศว แล้ว อาคารในมหาวิทยาลัยก็จะมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้เลือกหลากหลาย รวมทั้งมีธนาคาร เช่น ธนาคารกรุงไทย ให้ไปทำธุรกรรมการเงินและมีสวนกิจกรรมและส่วนของอาคารเรียนต่างๆ หากเดินเข้าไปเรื่อยๆก็จะสามารถไปยังท่าเรือ มศว (คลองแสนแสบ) ได้ค่ะ
ออกมาบนถนนอโศกมนตรีกันต่อ ถัดจากมศว. มาเราจะเจอกับ Supalai Premier Place คอนโด High Rise จากศุภาลัย สีฟ้าเห็นเด่นชัด
มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นตลาดรวมทรัพย์ซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ มีทางเข้า-ออกถึงสองทาง ภายในตลาดมีร้านอาหารประเภทจานเดียวให้นั่งกินและมีขายของอื่นๆให้ช้อปปิ้งด้วย
พื้นที่ช้อปปิ้งด้านใน เป็นทางเดินตรงกลาง สองฝั่งเป็นร้านค้า
เป็นตลาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เน้นขายอาหารกลางวันเป็นหลักตั้งแต่ประมาณเก้าโมงเช้าถึงบ่ายสอง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็พนักงานออฟฟิสหรือคนทำงานในละแวกนี้
ส่วนตรงข้ามกันก็จะมีตลาดสุขตา ขนาดของตลาดจะเล็กกว่าตลาดรวมทรัพย์หน่อย ด้านในมีร้านค้าแผงลอยขายทั้งอาหารและเสื้อผ้า พื้นที่คอร์ทนั่งรับประทานอาหารมี 2 ชั้นค่ะ
กลับมาที่หน้าตลาดรวมทรัพย์ เราจะเดินต่อไปบนถนนอโศกมนตรี ข้างๆตลาดมี 7-11 บนทางเท้าจะสังเกตว่าคนเดินไปมาเยอะมาก และไม่มีพี่วินปีนขึ้นมาขับขี่เหมือนที่อื่นๆ
ถัดมาเป็นอาคาร Midtown asoke ด้านหน้าเป็นส่วนของร้านค้าเชิงพาณิชย์อย่างพวกร้านอาหาร มีทั้งส่วนที่อยู่ภายในอาคาร และส่วนที่นั่งกินบรรยากาศแบบ Outdoor ด้านนอก
หน้าอาคารก็จะมีพื้นที่เดินยกสูงขึ้นมาจากทางเท้าอีกที โดยจะเป็นทางเข้าอาคาร ทั้งในส่วนของการเดินขึ้นบันไดไปร้านอาหารภายในอาคาร หรือจะเดินลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินที่มีทั้งร้านสะดวกซื้อ สำนักงานสาขาย่อยต่างๆ
ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคาร BB Building เป็นอาคารสำนักงาน ด้านล่างเปิดเป็นธนาคารสาขาย่อยและร้านขายเครื่องสำอางขวัญใจสาวออฟฟิส
ถัดจากอาคาร BB building ไปทางขวาก็จะมีอาคารสูง 4 ชั้น เปิดเป็นร้าน Verasu ทั้งส่วนที่ขายเครื่องครัวและอุปกรณ์และส่วนของคาเฟ่ที่ขายเบเกอรี่ ขนมและเครื่องดื่ม ชั้นบนเป็นร้านอาหาร ร้านสอนภาษา ส่วนตึกทางขวาที่ติดกระจกสีฟ้าๆจะเป็นอาคาร GMM grammy ที่ด้านหน้าอาคารจะมีทางม้าลายพอดี
กลับมาที่หน้าอาคาร Midtwon Asoke ก็จะมีป้ายรถเมล์ฝั่งมุ่งหน้าถนนเพชรบุรีอยู่ ถือเป็นป้ายที่ใกล้ที่สุดนับจากโครงการ เพราะเดินไปอีกไม่เกิน 50 เมตรก็จะเป็นทางเข้าโครงการ THE ESSE Asoke แล้วนะคะ
ที่หัวมุมอาคารตรงนี้จะตรงกับซอยที่เป็นทางเข้า-ออกของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยด้วย เลยมีทั้งพี่วินและพี่ขับรถส่งพิซซามาจอดกันเต็ม
ยืนอยู่ตรงข้างๆวิน ซอยทางขวาคือซอยทางตันเข้าโรงเรียน ส่วนฝั่งตรงข้ามซอยที่เปิดเป็นจอทีวีขนาดใหญ่จะเป็นที่ตั้งของ Sales Office โครงการที่อยู่ภายในพื้นที่โครงการคอนโดเลย เด่วเราจะพาเดินไปบนถนนอโศกมนตรีอีกนิดหน่อย แล้วเราจะกลับมาเข้าซอยตันทางขวามือกันต่อนะคะ
และนี่คือ Sales Office ของโครงการคอนโด THE ESSE Asoke ที่ตั้งอยู่บนลานเบียร์เก่าของสิงห์ เป็นอาคาร 2 ชั้น ภายในมีห้องตัวอย่างและพื้นที่รองรับผู้สนใจ
ข้างๆตัว Sales Office ก็จะยังเป็นแปลงที่ดินโครงการไปถึงกำแพงด้านหน้าที่ชิดกับอาคารพาณิชย์ข้างๆ ระยะระหว่างกำแพงและพื้นที่ Sales Office ตรงนี้จะเป็นส่วนของทางเข้า-ออกไซท์จากถนนอโศกมนตรี ซึ่งจะเป็นทางเข้า-ออกจริงๆเวลาคอนโดเปิดให้ใช้บริการ
ติดป้ายเรียบร้อย
เดินผ่านมาอีกซักหน่อยก็จะเจอกับอาคารพาณิชย์สูง 7 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านอาหาร แบงค์สาขาย่อยและร้านค้า
ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่โครงการแต่ก่อนเคยเป็นปั้มน้ำมัน แต่ปัจจุบันไดปิดตัวลงเป็นการล้อมรั้วพื้นที่ก่อสร้างแทน ซึ่งก็ยังไม่แน่นอนว่าจะปรับเปลี่ยนออกมาในรูปแบบไหน
ข้างๆกับพื้นที่ที่เคยเป็นปั้มน้ำมันเก่าก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นเรียงกันไปประมาณ 8 คูหา
สภาพถนนหน้าโครงการดูเรียบร้อยดี ทั้งในส่วนของถนนอโศกมนตรี 4 เลนที่รถวิ่งและทางเท้าหน้าโครงการอยู่ในสภาพดี ต่อไปเราจะเดินย้อนกลับไปซอยตันข้างๆโครงการเพื่อเดินซอกแซกกันหน่อย
มาที่ซอยข้างๆโครงการที่เป็นซอยตันนะคะ แต่ก่อนเคยเป็นซอยที่ใช้เข้า-ออกโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยโดยเฉพาะ แต่ต่อมาก็ยกให้เป็นถนนสาธารณะที่คนทั่วไปสามารถวิ่งรถเข้า-ออกได้ แต่ก็ยังเป็นซอยตันอยู่
ฝั่งซ้ายมือของซอยจะเป็นด้านข้างของ Sales Office โครงการ
เงยหน้าขึ้นไปด้านบนหน่อยก็จะเห็นว่าทางขวามือจะมีอาคารสูงชื่อว่า Ocean tower2 สูง 42 ชั้นอยู่ที่แปลงข้างๆ
ส่วนฝั่งขวาของซ้ายจะเป็นที่ปักหลักของพี่วินและพี่ส่งพิซซาที่หัวมุมอาคาร Asoke Midtown
แต่พอมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นว่ามี 2 อาคารอยู่ด้านหลัง อาคาร Asoke midtown จะเป็นอาคารด้านหน้าสีน้ำตาลเข้ม ส่วนด้านซ้ายมือที่อยู่ด้านในซอยจะเป็นคอนโด Grand park view สูง 32 ชั้น
ลึกเข้ามาด้านในหน่อยฝั่งพื้นที่โครงการก็จะมีการล้อมรั้วไว้เรียบร้อย ด้านหน้าที่เป็นที่ตั้งของ Sales Office จะเป็นส่วนของ THE ESSE court สวนหน้าอาคาร ส่วนที่ล้อมรั้วอยู่ด้านหลังนี้จะเป็นส่วนของตึกคอนโดเลยซึ่งมี Set back จากถนนอโศกมนตรีเข้ามาพอสมควร
ตรงส่วนที่อนาคตเป็นตึกคอนโดปัจจุบันก็ยังเป็นให้บริการเป็นที่จอดรถอยู่ มีทางเข้า-ออกได้จากซอยตันข้างๆอย่างที่เห็น
มองเข้าไปด้านในซอยก็จะเห็นรถจอดอยู่ทางฝั่งซ้ายเรียงกันไป ด้านในสุดเป็นทางเข้า-ออกโรงเรียนที่เป็นทางเดินเท้าและเป็นทางออกของรถเท่านั้น รถเข้าไม่ได้ ส่วนทางขวามือจะเป็นคอนโดพักอาศัยอีกตึกหนึ่งคือ The room
ทางเข้า-ออกของโครงการ The room อยู่ทางขวามือของซอย ถือว่าเป็นอาคารสุดท้ายที่มีทางเข้า-ออกได้จากซอยตันนี้
The room sukhumvit 21 นี้สูง 29 ชั้น เป็นอาคารสร้างเสร็จเรียบร้อย มีลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว แต่ถือว่าเป็นคอนโดรุ่นใหม่ในย่านอโศก
ทางเข้า-ออกของโรงเรียนจะเป็นทางออกจากที่จอดรถเท่านั้น เดินรถทางเดียวห้ามเข้า ส่วนทางขวามือก็จะเป็นทางเดินเท้าไปยังส่วนภายในของโรงเรียนและศริสตจักรวัฒนา
สภาพภายในโรงเรียนร่มรื่นมากๆ สมกับเป็นโรงเรียนที่เปิดมานาน
เดินตามทางออกทางซ้ายมือเข้ามาก็จะเจอกับที่จอดรถขนาดใหญ่พอสมควร จุได้เกิน 100 คัน
ถ่ายให้ดูทางที่เราเข้ามา
และแปลงที่จอดรถแปลงนี้จะเป็นแปลงที่อยู่ทางด้านหลังของคอนโด THE ESSE เลย ซึ่งถือว่าเป็นวิวฝั่งที่โล่งและปลอดภัยที่สุด เพราะที่จอดรถนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นที่แน่นอนว่าจะไม่ปรับเปลี่ยนเป็นอาคารสูงแข่งกับพื้นที่ข้างๆ นอกนั้นจากภาพแล้วก็จะเป็นอาคารข้างๆเคียงที่จะบังวิวภายในโครงการ โดยทางขวามือคืออาคาร The Ocean2 ทางซ้ายคือคอนโด Grand park view ส่วนฝั่งด้านหน้าโครงการยังคงเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่เดิมเป็นปั้มน้ำมัน
แต่ฝั่งซ้ายจะมีตึกที่แอบบังมุมอยู่อีกหน่อยคือ The room
จากที่ดูวิวระยะประชิดกันไป เราจะพาไปเดินออกซอยสุขุมวิท21 ซอย3 ที่เป็นทางเข้าของที่จอดรถนี้กันค่ะ
ทางเข้าของพื้นที่จอดรถนี้จะเข้าได้จากซอยสุขุมวิท21 ซอย3 หรือซอยก่อนหน้าอาคาร Ocean tower2 ถ้ามาจากแยกอโศก ส่วนทางออกก้จะไปออกที่ซอยตันข้างๆกับโครงการที่เราเดินเข้ามา
เดินออกมาดูทางเข้าของพื้นที่จอดรถของโรงเรียนด้านหน้า
มองไปทางซ้ายก็จะเป็นทางเข้าโรงเรียนอีกทางหนึ่ง ส่วนที่อยู่มุมซ้ายสุดคือทางเข้าศริสตจักรวัฒนา
ซึ่งซอยหน้าทางเข้าคริสตจักรวัฒนานั้นสามารถเข้าได้จากซอยสุขุมวิท 19 ที่เป็นซอยข้างๆกับ Terminal21 ถ้ามาจากในเมืองจะถึงก่อน Terminal ซึ่งถือว่าเป็นทางลัดในการเข้าโครงการอีกทางก็ได้สำหรับคนที่มาจากในเมืองโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องไปติดที่แยกอโศก โดยวิ่งมาบนเส้นสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 19 เลี้ยวขวาอีกทีเข้าซอยสุขุมวิท21 ซอย 3 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอโศกมนตรี ตัวโครงการจะอยู่ไม่ไกลประมาณ 100 เมตรทางซ้ายมือ
มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ทิศเหนือของโครงการ THE ESSE Asoke เป็นซอยตันที่เป็นทางเข้า-ออกของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โดยฝั่งตรงข้ามซอยก็จะมีทั้งอาคาร Midtown asoke ที่อยู่ติดกับถนนอโศกมนตรี ลึกเข้ามาหน่อยเป็นคอนโด Grand park view สูง 32 ชั้นที่เป็นคอนโดรุ่นเก๋า และใหม่หน่อยคือคอนโด The room สูง 29 ชั้น อ้อมไปทางด้านหลังโครงการหรือทางตะวันตก แปลงติดกันคือพื้นที่จอดรถของโรงเรียน และแปลงที่ไกลออกไปหน่อยคือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ส่วนด้านข้างโครงการฝั่งใต้ติดกับถนนอโศกมนตรีคืออาคารพาณิชย์สูง 7 ชั้น ลึกเข้ามาในซอยคืออาคาร Ocean tower2 สูง 42 ชั้น ส่วนฝั่งตะวันออกหรือฝั่งตรงข้ามกับถนนอโศกมนตรีปัจจุบันกั้นเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่แต่ก่อนเคยเป็นปั้มน้ำมัน เยื้องๆกันคืออาคาร GMM grammy สูง 32 ชั้น และทางตะวันออกเฉียงใต้คืออาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- อาคาร GMM Grammy 50 เมตร
- โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย 100 เมตร
- ตลาดรวมทรัพย์ 150 เมตร
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์ประสานมิตร 250 เมตร
- อาคาร Fico 400 เมตร
- โรงพยาบาลจักษุรัตนิน 400 เมตร
- สยามสมาคม 450 เมตร
- สถานี MRT สุขุมวิท 600 เมตร
- สถานี MRT เพชรบุรี 600 เมตร
- สถานี BTS อโศก 700 เมตร
- ท่าเรือสะพานอโศก 700 เมตร
- Terminal 21 700 เมตร
- อาคาร Interchange Tower 800 เมตร
- สถานี Airport Rail Link มักกะสัน 850 เมตร
- โรงแรม The Continent Sukhumvit 850 เมตร
- โรงพยาบาลผิวหนังอโศก 850 เมตร
- อาคาร Exchange Tower 950 เมตร
- โรงเรียนเซนต์ดอมินิก 1.1 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลพระราม 9 1.7 กิโลเมตร
ภาพจำลองภายนอกของโครงการ THE ESSE Asoke คอนโด High Rise สูง 55 ชั้น 419 ยูนิต ตัวอาคารเป็นรูปตัว L หันหน้าโครงการออกถนนอโศกมนตรี มี Lobby ที่ชั้น 1 โดยส่วนหน้าอาคารจะมี THE ESSE court ที่เป็นพื้นที่ Sales office ปัจจุบัน และที่จอดรถรอบๆอาคารและที่จอดรถ Superbike มีชั้น 1-9 เป็นชั้นจอดรถ เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 10 และมี Sculpture court สวนหย่อมกลางแจ้งอยู่หน้าดครงการ ตั้งแต่ชั้น 11 ไปจนถึงชั้น 32 จะมีห้องพักล้วน และชั้น 33 จะเป็นส่วนของ Facility ทั้งชั้นที่ยกขึ้นมาไว้ด้านบน มีทั้ง Sky panoramic pool ที่แบ่งออกเป็นทั้งสระว่ายน้ำเด็ก, Lap pool และ Jacuzzi ที่อยู่ส่วนหน้าโครงการ ส่วนฝั่งหลังโครงการก็จะเป็น Facility ที่อยู่ภายในห้องอย่าง Sku gym และ Golf stimulator ต่อไปที่ชั้น 34-42 ก็จะเป็นห้องพักอาศัย แต่เปลี่ยนเป็นรูปร่างตัว O แทน และที่ชั้น 43 จะเป็น Facility อีกส่วนที่เป็น Passive activity มากกว่าอย่าง THE ESSE residence lounge, Business lounge, Meeting room และ Reading chamber ส่วนด้านหน้าจะมีพื้นที่ Outdoor เพิ่มเข้ามาหน่อยคือ Skyscraper deck อยู่ด้านหน้าโครงการ และต่อมาที่ชั้น 44-50 ก็จะเป็นชั้นของห้องพักอาศัยขนาดปกติเหมือนเดิม และขับขึ้นไปเป็นห้องใหญ่อย่าง Penthouse ที่ชั้น 51-54 ที่มีจำนวนห้องพักประมาณ 3 ยูนิต
เร่ิมรายละเอียดกันที่ผังชั้น 1 โครงการเข้า-ออกได้ทางเดียวจากถนนอโศกมนตรีฝั่งมุ่งหน้าไปถนนเพชรบุรี ภายในอาคารชั้นล่างๆหน่อยจะเป็นรูปตัว I ที่ Setback จากถนนไปพอสมควร จากทางเข้าโครงการจะมีที่จอดรถผู้มาติดต่ออยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นสวนส่วนกลางที่เรียกว่า THE ESSE court ขับรถเข้ามาถ้าจะมาส่งก็จะเลี้ยวขวาส่งที่ Drop-off หน้า Waiting area ที่อยู่ก่อนถึง Lobby แล้วดลับรถออกไป ส่วนผู้อยู่อาศัยจากทางเข้าก็ขับตรงเข้าไปจอดข้างๆอาคารหรือขึ้นไปจอดรถที่ภายในอาคารได้เลยตั้งแต่ชั้น 2-9 ประมาณ 432 คันคิดเป็น 102 % และที่จอดรถ Superbike 9 คันที่ชั้น 1 ด้านใน จาก Lobby ข้างๆจะเป็นห้องจดหมาย ห้องน้ำและห้องนิติบุคคล ส่วนถ้าแตะ Keycard เข้าไปจะเจอกับโถงลิฟท์ที่มีลิฟท์โดยสาร 5 ตัว และ Service lift อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 84 : 1 และมีห้อง Laundry ข้างๆ
ที่ชั้น 10 เริ่มเป็นชั้นที่มีส่วนของห้องพัก และ Sculpture Court ที่เป็นสวนกลางแจ้งอยู่หน้าโครงการ บนชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 11 ยูนิต เป็นการจัดเรียงห้องพักแบบ Single Corridor คือไม่มีห้องพักฝั่งตรงข้ามกับเรา ข้อดีคือจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในชั้นนี้ห้องพักจะแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนที่อยู่รอบโถงลิฟท์ และส่วนที่อยู่ส่วนหน้าข้าง Court โดยเป็นปกติที่ชั้นที่มี Facility จะต้องมีการแตะบัตรอีกชั้นหนึ่งก่อนจะเข้าทางเดินเข้าห้อง ห้องพักมี 2 แบบใหญ่ๆ คือ 1 ห้องนอน 9 ยูนิตและ 2 ห้องนอน 2 ยูนิตที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือ และห้องมุมที่ข้างกับ Court
ข้อดีของผู้พักอาศัยชั้นนี้คือเหมือนได้สวนส่วนตัวภายในชั้นที่พักอาศัยของตัวเอง เนื่องจากปกติแล้วผู้ใช้ที่พักอาศัยชั้นอื่นก็จะไม่ค่อยเดินลงมาเดินเล่นใน Facility อย่างสวนเท่าไรนัก
ในชั้น 11-32 จะเป็นชั้นที่มีห้องพักล้วนๆคือมี 12 ยูนิต เป็นชั้นที่มีจำนวนห้องพักสูงที่สุดของโครงการ โดยมีห้องแบบ 1 ห้องนอน 10 ยูนิตและห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ยูนิตที่ตำแหน่งเดิม
ส่วนการจัดวางรูปทรงอาคารแบบตามตะวันคือส่วนที่กว้างกว่าอยู่ทางทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ส่วนห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า
ชั้น 33 เป็นชั้นที่มี Facility ล้วนๆอีกชั้นหนึ่ง ตั้งแต่ส่วนหน้าที่เป็นแบบ Outdoor คือ คือ Pool terrace ที่เป็นทางเดินเชื่อมระหว่างโถงลิฟท์และสระว่ายน้ำ โดยสระว่ายน้ำที่อยู่ฝั่งหน้าโครงการประกอบไปด้วย Sky panoramic view ที่ยาว 25 เมตร, kid’s pool, lap pool และ jacuzzi ส่วน Facility ภายในห้องส่วนด้านหลังก็จะมีทั้ง Sky gym และ Golf stimulator ที่ได้วิวลานจอดรถด้านหลังและวิวโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่ร่มรื่นมาก
ชั้น 34-42 ก็จะเป็นชั้นห้องพักล้วน แต่จำนวนห้องพักน้อยลงเนื่องจากมีระยะ Setback จากถนนอโศกมนตรีมากขึ้น รูปร่างแปลนยังเป็นตัว L อยู่ จำนวนห้องพักอยู่ที่ 9 ยูนิต แบ่งออกเป็นแบบ 1 ห้องนอน 7 ยูนิตและแบบ 2 ห้องนอน 2 ยูนิตเป็นห้องมุมที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และห้องสุดปลายทางเดินฝั่งหน้าโครงการ
ต่อมาชั้น 43 จะเป็นชั้น Facility ล้วนอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางที่จัดอยู่ภายในชั้นนี้จะเป็นกิจกรรมแบบ Passive มากกว่า คือกิจกรรมประชุมหรือนั่งคุยมากกว่าการออกกำลังกาย อย่าง THE ESSE residence lounge, Business center มีระเบียง Sky terrace ข้างๆ, Reading chamber และ Reading room โดยส่วนหน้าโครงการก็จะมีสวน Outdoor หน่อยอย่าง Skyscraper deck ที่อยู่ส่วนหน้าโครงการเหมือนเคย
มาต่อที่ชั้นห้องพักล้วนกันต่อที่ชั้น 44-50 รูปร่างแปลนจะเปลี่ยนเป็นรูปตัว O คือ มีโถงลิฟท์ตรงกลาง รอบๆด้วยห้องพักทั้งหมด 8 ยูนิต โดยมีแบบ 1 ห้องนอน 6 ยูนิตและแบบ 2 ห้องนอน 2 ยูนิตอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือและมุมตะวันออกเฉียงเหนือ จะสังเกตว่าตัวโถงลิฟท์จะอยู่ตรงกลาง แต่การเลือกวางผังห้องพักของแต่ละชั้นจะพยายามเลี่ยงฝั่งใต้ให้เป็นส่วนของบันไดหนีไฟและงานระบบไป เนื่องจากมีอาคาร Ocean tower2 ที่สูงถึง 42 ชั้น ตั้งอยู่ในระยะประชิด ซึ่งแม้ว่าฝั่งเหนือจะมีอาคารสูงและคอนโดสูงเช่นกัน แต่จะมีระยะเป็นซอยตันข้างๆและความสูงที่น้อยกว่านิดหน่อยทำให้เลือกที่จะวางห้องพักฝั่งเหนือมากกว่าฝั่งใต้
ต่อมาที่ชั้น 51-54 เป็นชั้นที่มีห้องพักขนาดใหญ่อย่างห้อง Penthouse โดยชั้นที่ 51 นี้จะมีห้องพักด้วยกัน 3 ยูนิต คือแบบ Penthouse 1, 2 และ 3 โดยทั้งสามแบบเป็นห้อง Penthouse แบบ 2 ห้องนอนทั้งหมด และจำนวนลิฟท์ที่ขึ้นมาถึงชั้นนี้ก็จะมีลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service ลิฟท์ 1 ตัว
ชั้นที่ 52 ก็เช่นกันเป็นชั้นที่มีห้องเฉพาะแบบ Penthouse แต่มีจำนวนน้อยลงอีกคือ 2 ยูนิตคือแบบ Penthouse 1 ที่เป็นแบบ 2 ห้องนอน อยู่มุมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้และ แบบ Penthouse 4 ที่มี 3 ห้องนอนอยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือ
ชั้นที่ 53 มีห้อง Penthouse 1 ที่เป็นแบบ 2 ห้องนอน อยู่มุมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้และเปลี่ยนรูปแบบนิดหน่อยเป็น Penthouse 5 ที่มี 3 ห้องนอนอยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือ
ชั้นที่ 54 ชั้นที่สูงที่สุดแล้ว รอบๆไม่มีอะไรบังเลย ภายในชั้นมีห้อง Penthouse 1 ที่เป็นแบบ 2 ห้องนอนอยู่มุมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้และเปลี่ยนรูปแบบอีกเป็น Penthouse 6 ที่มี 3 ห้องนอนอยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งถือว่าเป็นทิศที่ดีที่สุดถ้าให้เลือกห้องมุม เนื่องจากฝั่งเหนือมีระยะซอยตัน และฝั่งตะวันตกเป็นฝั่งโรงเรียน
ผังวิวแบ่งพื้นที่ใหญ่ๆออกเป็น 4 วิวตามรูปแบบอาคาร คือ
- ทิศตะวันออก : ติดกับถนนอโศกมนตรีความกว้าง 4 เลน ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่ล้อมรั้วไว้ แต่ก่อนเคยเป็นปั้มน้ำมัน เยื้องๆกันคืออาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และอาคาร GMM grammy สูง 32ชั้น แปลว่าปัจจุบันวิวระยะประชิดหันหน้าโครงการยังโล่งอยู่
- ทิศเหนือ : มีซอยตันที่เป็นทางเข้า-ออกของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยคั่นระหว่างอาคาร Midtown asoke ที่เป็นอาคารเชิงพาณิชย์ และคอนโด Grand park view สูง 32 ชั้น และในสุดคือคอนโด The room สูง 29 ชั้น วิวฝั่งนี้ถือว่ามีตึกบังในระยะใกล้ แต่ไม่ได้ประชิด และสูงแต่ไม่มาก ทำให้ไม่บังวิวชั้นบนๆ
- ทิศตะวันตก : แปลงข้างๆคือพื้นที่จอดรถของโรงเรียน ไกลออกไปหน่อยก็เป็นพื้นที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่เป็นโรงเรียนเก่าแก่ ทำให้วิวทางใต้ค่อนข้างจะปลอดภัยที่สุดสำหรับใครที่ชอบวิวนิ่งๆ และมีต้นไม้ใหญ่เขียวๆ
- ทิศใต้ : มีอาคาร Ocean tower2 สูง 42 ชั้นตั้งอยู่ในระยะประชิด ซึ่งระยะ Setback ก็ใกล้เคียงกับตัวคอนโด แต่โชคดีที่ทางผู้ออกแบบได้ปรับฝั่งทางใต้เป็นส่วนบันไดหนีไฟและส่วน Service ทำให้ห้องที่ได้รับผลกระทบจะเป็นห้องชั้นตั้งแต่ 32 ลงไปที่แปลนยังเป็นตัว L
สรุปแล้ววิวระยะใกล้แบบประชิดที่สุดคือฝั่งทิศใต้ที่มีอาคาร Ocean tower2 ตั้งอยู่ รองลงมาเป็นทิศเหนือที่มีคอนโด Grand park view และคอนโด The room ซึ่งสูงแต่ไม่มากทำให้ชั้นบนๆไม่ได้รับผลกระทบและมีระยะเว้นหน่อยจากซอยตันข้างๆ จากนั้นก็จะเป็นวิวทิศตะวันออกที่เป็นฝั่งถนนอโศกมนตรีที่ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ล้อมรั้วซึ่งด้วยขนาดพื้นที่และทำเล มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นตึกสูงในอนาคต ซึ่งก็มีบางคนที่ชอบวิวที่มีความเคลื่อนไหวมากๆหน่อยจะชอบทิศตะวันออก แต่ทิศที่น่าจะปลอดภัยที่สุดคือทิศฝั่งตะวันตกที่เป็นวิวโล่งๆของโรงเรียนและที่จอดรถ จากการคาดการณ์ ด้วยชื่อเสียงและความเก่าแก่ของโรงเรียน ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทำให้จะได้วิวที่โล่งและนิ่งกว่าด้านอื่นๆ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะค่ะ
มาดูโมเดลโครงการให้เห็นภาพมากขึ้นกันนะคะ เร่ิมจากทางเข้า-ออกโครงการจะทำได้ทางเดียวจากถนนอโศกมนตรี ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปก็จะเป็นที่จอดรถของผู้มาติดต่อ เลี้ยวขวาจะเป็นส่วน Drop-off หน้าอาคารหรือตรงไปเพื่อขึ้นที่จอดรถภายในอาคารชั้น 2-9 ส่วนด้านหน้าโครงการที่เป็นระยะ Setback จะเป็น THE ESSE court ที่มีน้ำพุและพื้นที่สีเขียว
รูปด้านอาคารทางฝั่งใต้ที่ติดกับอาคาร Ocean tower2 จากด้านข้างจะเห็นว่าตัวอาคารจะมี Setback จากถนนตามความสูงชั้นต่างๆเหมือนกับขั้นบันได และชั้นบนสุดก่อนจะโดนแต่ละระยะ Setback ก็จะจัดเป็นชั้น Facility
ด้านหลังของอาคารหรือทิศตะวันตกจะเป็นทรงสูงชะลูดขึ้นไปเลย ฝั่งนี้จะติดกับพื้นที่จอดรถของโรงเรียนวัฒนาฯ
ด้านข้างฝั่งเหนือกันบ้าง จะเห็นว่าอาคารเป็นรูปตัว L ที่ปลายหางจะยาวที่ชั้นล่างๆ และหางสั้นลง และกลางเป็นอาคารรูปตัว O ทรงเหลี่ยมๆในที่สุดด้านบน ฝั่งนี้จะติดกับคอนโด Grand park view และคอนโด The room
มาที่ชั้น 10 ที่มีทั้งส่วนห้องพักและ Facility ฝั่งหน้าโครงการอย่าง Sculpture court ก็จะเป็นสวนสวย มีทั้งพื้นที่สีเขียวแบบปูหญ้าและแบบลงต้นไม่ใหญ่
ขึ้นมาบนชั้น 33 ที่เป็นชั้น Facility ล้วนๆเลย ด้านหน้าโครงการอีกเช่นเคยก็จะมีสระว่ายน้ำที่เป็นแบบ Outdoor ต่อเนื่องมาจากโถงลิฟท์ด้านใน สระว่ายน้ำก็จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นทั้งสระว่ายน้ำแบบยาว 25 เมตร สระว่ายน้ำเด็กในร่มหน่อย Lap pool และ Jacuzzi
ขึ้นมาอีกหน่อยที่ชั้น 43 ก็จะเป็นชั้น Facility แบบผู้ใหญ่ๆ Passive หน่อย หลักๆจะเป็นพวกห้องประชุม Business lounge และ Reading chamber ส่วนด้านหน้าก็จะเป็นที่ออกมาเดินเล่นได้หน่อย แต่จะเป็นสวนที่ขนาดเล็กกว่าชั้นอื่นๆเรียกว่า Skyscraper deck
มาดูรูป Rendered บรรยากาศจำลองกันบ้างนะคะ เร่ิมจากชั้น 1 ที่ส่วนหน้าโครงการจะเป็นพื้นที่สวนกลางแจ้ง THE ESSE court มีน้ำพุ ทางเดินและที่นั่ง ด้านหลังจะเป็นจุด Drop-off และทางเข้าไปยัง Waiting area และ Lobby
เข้ามาในอาคารจะเจอกับส่วน Lobby ที่จะมีการจัดพื้นที่โซฟาให้นั่งเป็นจุดๆ ด้านในจะเป็นโถงลิฟท์โดยสารที่ขึ้นไปยังชั้นห้องพักและชั้น Facility
ขึ้นมาบนชั้น 10 กับ Sculpture court ที่อยู่ส่วนหน้าของโครงการฝั่งถนนอโศกมนตรี แต่ชั้นนี้จะมีห้องพักด้วย
ขึ้นมาอีกทีที่ชั้น 33 เป็นชั้น Facility ล้วนๆ คือมีสระว่ายน้ำอยู่ส่วนหน้าอาคาร แบ่งออกเป็นหลายๆพื้นที่คือ Sky panoramic pool, สระว่ายน้ำเด็ก, Lap pool และ Jacuzzi
ส่วนด้านหลังของอาคารที่อยู่ในห้องแอร์คือฟิตเนส วิ่งไปก็จะได้วิวโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยและพื้นที่สุขุมวิทตอนต้นไป
ขึ้นมาชั้น Facility เต็มๆอีกชั้นหนึ่งที่ชั้น 43 เป็นส่วนของ Passive activity ขึ้นมาหน่อยคือ The ESSE residences lounge, Reading chamber, Business centre and Board room และ Skyscraper deck ที่เป็นสวนหย่อมอยู่ส่วนหน้าของอาคาร
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- The ESSE court 1000 ตารางเมตร สวน
- Locker for superbike accessories
- Central storage for golf bag and suitcase
- ชั้น 10 Sculpture court ชั้น 10
- ชั้น 33 Sky panorama pool ยาว 25 เมตร with kids pool, lap pool and jacuzzi
- ชั้น 33 Sky gym and golf simulation
- ชั้น 43 The ESSE residences lounge
- ชั้น 43 Reading chamber, business centre and board room
- ชั้น 43 Skyscraper deck
- ลิฟท์โดยสาร 5 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 84 : 1 + ลิฟท์ขนของ 1 ตัว
- ที่จอดรถ : ประมาณ 432 คันคิดเป็น 102 % และที่จอดรถ Superbike 9 ที่
- ระบบ CCTV / Access Card
เริ่มจากวิเคราะห์ผังห้องจากห้องขนาดเล็กที่สุดของโครงการไล่ไปเรื่อยๆจบที่ห้อง penthouse นะคะ ห้องนี้เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ความจริงแล้วแบบ 1 ห้องนอนแบ่งออกเป็นแบบย่อยลงไปอีกรวม 4 แบบ เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในอาคาร แตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง
ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type 1B พื้นที่ห้องขนาด 37 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมเกือบจะเป็นจตุรัส แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอส่วนครัวอยู่ทางซ้ายมือก่อน ด้านในเป็นเก้าอี้ 2 ที่นั่งวางหันหน้าเข้าหาครัวเหมือนจัดเป็นเคาท์เตอร์ ลึกเข้าไปอีกคือส่วนนั่งเล่น ด้านหนึ่งจะเป็นโซฟาและโต๊ะเข้าชุดกัน ฝั่งตรงข้ามของห้องจะเป็นชั้นวางทีวี ลึกสุดคือประตูบานเลื่อนเปิดเพื่อออกไปยังระเบียงด้านนอก ระหว่างส่วนครัวและส่วนนั่งเล่น ตรงกลางจะเป็นประตูห้องนอน มีเตียงและโต๊ะข้างเตียงอยู่ทั้งสองฝั่ง เลี้ยวขวามาจะมีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ข้างห้องน้ำภายในห้องนอน การจัดผังห้องให้ห้องน้ำและส่วนครัวอยู่ส่วนด้านในของอาคาร คือไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ ห้องนี้มีห้องตัวอย่างแบบตกแต่งเรียบร้อยที่ Sales Office โครงการนะคะ
ภายใน Sales office โครงการนอกจากจะมีแบบ 1 ห้องนอนขนาดเล็กแล้ว ยังมีห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่ขยับขนาดขึ้นมาเป็น 44.5 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นไซส์แบบ 1 ห้องนอนที่อยู่สบายมากๆ ด้วยขนาดทำให้สามารถจัด function การใช้งานได้ครบโดยไม่ต้องเบียดกัน รวมๆแล้วการวางผังจะเหมือนกับห้องขนาด 37 ตารางเมตรด้านบน แต่ส่วนที่แตกแต่างออกไปคือห้องมีขนาดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบหน้ากว้าง ทำให้เพื่มพื้นที่ภายในห้องทั้งส่วน Living และส่วนห้องนอนให้กว้างมากขึ้น ระยะดูทีวีทั้งภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนมากขึ้น เดินได้สบาย และห้องน้ำก็เปลี่ยนจากแบบ 3 ส่วนการใช้งานธรรมดาเป็นแบบ 4 ส่วน คือมีการเพิ่มอ่างอาบน้ำเข้ามาและเปลี่ยนผนังห้องน้ำภายในห้องนอนเป็นแบบ sexy bath
เริ่มตั้งแต่หน้าประตูกันเลย ประตูบานใหญ่มีตาแมวพร้อม Digital doorlock จาก yale
Digital doorlock รุ่นนี้เป็นแบบแตะบัตรก็ได้หรือจะกดรหัสก็ได้ เป็นมือจับเปิด-ปิดประตูไปด้วยในตัว
เปิดเข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนที่ด้านหน้า ส่วนที่ลึกเข้าไปคือพื้นที่นั่งเล่นและประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก ความสูงจากพื้นถึงฝ้าของโครงการนี้อยู่ที่ 3 เมตร ดังนั้นก็จะดูโปร่งหน่อย
หลังประตูก็จะมีช่องเก็บของแบบมีบานปิดให้ เป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าพร้อมที่แขวนด้านในนิดหน่อย
ขนาดพอดีเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า
ตรงข้ามกันก็จะเป็นครัว โดยโครงการนี้มีการขายแบบ Semi furnished หรือเรียกง่ายๆคือให้เฉพาะข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นแบบ Built-in อย่างครัวและห้องน้ำ ไม่นับเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนและของตกแต่ง ดังนั้นภายในห้องครัวนี้ถือว่าใช้ทุกอย่างตามที่เห็นนะคะ ทั้งเคาทเตอร์ครัวรูปตัว L ตู้เก็บของติดผนังด้านบน และทางซ้ายมือที่เป็นส่วนของตู้เย็นด้านใน ใต้ Hob and hood จะเห็นว่ามีไมโครเวฟจาก Siemens แบบขนาดพอดีช่องให้ด้วย
เปิดบานประตูออกมาก็จะมีตู้เย็นอยู่ด้านในพร้อมเรียบร้อย ซึ่งตู้เย็นนี้จาก Siemens นี่ก็ได้ไปเลยเป็นแบบ 2 ที่เปิดคือระดับปกติและและฝาด้านล่าง
ส่วนที่เป็นเคาท์เตอร์ก็จะได้เป็น Hob and hood จาก RCD แบบ 2 เตา มีพื้นที่ข้างๆพอที่จะวางของหรือเตรียมอาหาร โดยวัสดุปิดเคาทเตอร์จะเป็นหินจริงที่ตัดมา
อีกฝั่งหนึ่งก็จะเป็นลิ้นชักเก็บของและตู้แบบบานเปิดได้ ส่วนครัวนี้จะปูด้วยกระเบื้องสีอ่อนขนาด 60 x 60 เซนติเมตร เพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายหน่อยนะคะ
ถัดจากเคาท์เตอร์ครัวมาก็จะเป็นโต๊ะที่มีเก้าอี้ 2 ตัววางอยู่เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นลอย คือจะไม่ได้อยู่ในรายการขาย แต่จัดมาให้ดูพื้นที่ว่าสามารถวางหันหน้าเข้าครัวแบบนี้ หรือจะซื้อโต๊ะที่ขนาดเล็กหน่อยแต่หันหน้าเข้าหากัน
ภาพรวมของพื้นที่ส่วนแรกของห้อง แอร์ที่ใช้ภายในห้องพักทั้งหมดเป็นแบบฝังเข้าไปในฝ้า แล้วมีตะแกรงปิดอีกทีเพื่อความสวยงามเรียบร้อย แต่จะยุ่งยากหน่อยเวลาซ่อมบำรุง
ฝั่งด้านในจากห้องครัวก็จะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ที่ได้ภายในห้องนี้ก็จะเป็นพื้น Engineered wood และผนังพร้อม wallpaper แต่เฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟา โต๊ะกลาง หรือที่วางทีวีจะไม่ได้ ด้านในสุดจะได้เป็นกระจกบานใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องช่วงกลางวัน แต่จะมีร่องสำหรับการติดม่าน ที่โครงการจะให้เป็นม่านทึบชั้นเดียว ซ้ายสุดมีระเบียงที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนที่ข้างๆเพื่อออกไปยังระเบียงด้านนอก
จากประตูข้างๆกับชั้นวางทีวี เปิดเข้ามาก็จะเป็นห้องนอน โดยฝั่งซ้ายหรือส่วนที่ใกล้กับกระจกมองวิวมากกว่าจะเป็นส่วนของเตียงนอน โต๊ะข้างเตียง และฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี แต่ฝั่งขวาหรือด้านในจะเป็นส่วนของห้องน้ำและ Walk-in closet ตัวกระจกที่ใช้เป็นแบบ Double glazing glass คือเป็นกระจกที่มีความแข็งแรงสำหรับตึกสูงเวลาลมมาปะทะเพราะจะมีช่องว่างตรงกลางให้อากาศผ่านได้ และเป็นแบบ Low E คือแสงที่ผ่านเข้ามาภายในห้องจะถูกลดปริมาณความร้อนลง เพื่อให้อากาศภายในห้องไม่สูงมากและแอร์จะได้ไม่ทำงานหนัก
จากพื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายมองเข้าไปภายใน ก็จะเห็นว่าห้องน้ำเป็นแบบ sexy bath อยู่ทางซ้าย ทางขวาเป็นทางเดินเข้าห้องน้ำที่มี Walk-in closet แบบ built-in ให้พร้อม ด้านบนจะเป็นตำแหน่งของแอร์ฝังฝ้า
ทางเดินด้านขวาจะเป็นทางเดินเข้าห้องน้ำ พื้นที่ของ Walk-in closet จะอยู่ทางขวามือ มีบานปิดเรียบร้อย และด้านในจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง
ตัว Walk-in closet ที่ให้มาจะเป็นแบบรางบน คือจะไม่มีรางล่างให้มีรอยต่อระหว่างพื้น Engineered wood ตัวบานเป็นแบบ 2 ตอน ด้านในมีจัดพื้นที่แขวนเสื้อด้านบน แขวนกางเกงด้านล่าง และมีชั้นวางของนิดหน่อยด้านใน
หันหลังมาที่ห้องน้ำ ก็จะแบ่งออกเป็น 4 พื้นที่ใหญ่ๆเลยคือโถสุขภัณฑ์อยู่ทางขวามือสุด มีพื้นที่อาบน้ำที่มาพร้อมฉากกั้นอยู่ข้างๆ ตรงกลางเป็นอ่างล้างมือพร้อมเคาท์เตอร์ด้านล่างเก็บของ และชั้นวาง ส่วนซ้ายสุดเป็นอ่างอาบน้ำที่เป็นแบบ Sexy bath
ฝั่งขวามือได้โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น มีการก่อปูนขึ้นมาด้านหลังทำให้สามารถวางของหรือหนังสือได้ ข้างๆมีสายฉีดชำระและที่ใส่ม้วนทิชชู ส่วนทางซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืน กั้นด้วยฉากกั้นเข้ามุม 2 ฝั่ง
พื้นที่อาบน้ำด้านในขนาดประมาณ 1.2 x 1.2 เมตร มีธรณียกกั้นขึ้นมานิดหน่อย
ฝักบัวมีแบบมือจับจาก grohe ข้างๆเป็นช่องวางข้างของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำอย่างขวดแชมพูหรือสบู่ได้ ด้านบนมี rain shower ให้ด้วย
อ่างล้างมือเป็นแบบฝังเข้าไปด้านในจาก grohe เป้นแบบปรับอุณหภูมิน้ำได้ร้อนเย็น
อ่างอาบน้ำวางตามแนวยาว มีทั้งแบบก๊อกน้ำเปิดเติมน้ำ และแบบฝักบัวที่ลากสายยาวออกมาได้
ต่อมาเป็นห้องที่ 3 ที่มีห้องตัวอย่างภายใน Sales office คือแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ type 2B-2 ขนาด 75.5 ตารางเมตร เป็นห้องแบบหน้ากว้าง จากประตูทางเข้าเปิดเข้าไปจะเจอกับพื้นที่ครัวทางขวามือที่ Buit-in เข้าผนัง ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ Island ตรงกลาง ลึกเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่นที่มีระเบียง ฝั่งซ้ายของห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำแบบ 3 ส่วนอยู่ภายใน แต่ประตูห้องน้ำจะเปิดได้จากทั้งห้องนอนเล็กและจากครัว นั่นแปลว่าแขกก็จะใช้ห้องน้ำตรงจุดนี้ด้วย ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นก็จะมีประตูเปิดเข้าห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัวที่มาพร้อมอ่างอาบน้ำ กระจกแบบ Sexy bath และอ่างล้างมือ 2 จุดแบบ his and hers
เปิดประตูเข้ามาเหมือนกับห้องที่แล้ว จะเจอกับส่วนที่เป็นห้องครัวก่อน มีเคาท์เตอร์รูปตัว I อยู่ริมฝั่งหนึ่ง ข้างๆมีบานปิดตู้เย็นเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ Island ตรงกลาง พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาน 60 x 60 เซนติเมตร
ช่องเปิดก็จะเปิดได้ทั้งเคาท์เตอร์ล่างและบน top วัสดุเป็นหินจริง มีอ่างล้างจานแบบฝัง 2 หลุม ตรงกลางเป็นพื้นที่เตรียมอาหารและมี hob and hood เพิ่มเป็น 4 จุด ด้านล่างมีไมโครเวฟจาก Siemens เครื่องครัวจาก RCD
ฝั่งขวาเป็นตู้เย็นแบบ 4 บานเปิด เต็มที่ไปเลย ตู้เย็นก็เช่นกันจาก Siemens
ต่อมาเป็น Island ฝั่งที่ใกล้ครัวจะมีลิ้นชักเปิดได้พร้อม soft close ส่วนที่ตั้งเก้าอี้ด้านนอกจะเป็นแบบเรียบธรรมดา ไม่มีลิ้นชักฝั่งนั้นด้วย
ภาพรวมของส่วนแรกของห้องชุด ทางขวามือบานเปิดสีน้ำตาลก็จะมีช่องเก็บเครื่องซักผ้าเหมือนห้องที่แล้ว และข้างๆกันเป็นทางเข้าห้องน้ำ
บานเปิดเปิดออกมาเป็นที่วางเครื่องซักผ้า ด้านบนมีราวแขวนเล็กหน่อย
ข้างๆกันทางซ้ายมือเป็นทางเข้าของห้องน้ำแขก ซึ่งห้องน้ำนี้จะมี 2 ประตู เข้าได้จากทั้งห้องครัวเมื่อสักครู่และจากห้องนอนเล็ก ภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็น 3 ส่วนการใช้งาน คืออ่างล้างมือส่วนที่ใกล้สุดมาพร้อมกระจกบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์ตรงกลาง และในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำพร้อมฉากกั้น พื้นที่ปูในห้องน้ำก็จะเป็นพื้นกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
อ่างล้างมือแบบฝังจาก grohe มีการก่อปูนยื่นพื้นที่วางของออกมาให้ พร้อมทั้งมีช่องเก็บของใต้อ่างให้ด้วย ทางขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น สองฝั่งมีสายฉีดชำระและที่ใส่ม้วนทิชชู
ในสุดเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำให้เป็นประตูแบบผลักเข้า ภายในจะมีทั้งฝักบัวแบบถือ และ rain shower จากด้านบน
ฝั่งตรงข้ามกับโถสุขภัณฑ์ก็จะมีประตูอีกบานเปิดเพื่อออกไปยังห้องนอนเล้ก โดยพื้นก็จะเปลี่ยนวัสดุจากกระเบื้องเป็น engineered wood
ภายในห้องนอนเล็กก็จะมีเตียงวางอยู่ ฝั่งตรงข้ามเป็นจุดของทีวีแบบติดผนัง สองฝั่งมีโต๊ะข้างเตียงและโต๊ะทำงาน และ Walk-in closet ที่โครงการจะให้มาเป็นแบบบานเปิด ม่านที่ให้ก็จะเป็นม่านทึบชั้นเดียว แต่ในห้องตัวอย่างจะมีม่านสองชั้นคือโปร่งและทึบเพื่อกันแดด
ส่วน Walk-in closet เป็นบานเลื่อน 2 บาน ด้านในมีการแบ่งช่องเก็บของและราวแขวนเสื้อผ้า ข้างๆกันเป็นโต๊ะทำงานที่มีโต๊ะเก้าอี้ และชั้นวางของด้านบน เตียงที่อยู่ในห้องนอนเล็กเป็นเตียงเดี่ยวขนาด 3 ฟุต
จากพื้นที่ปลายเตียงมองไปยังฝั่งห้องน้ำของห้องนอนเล็กที่แขกใช้ร่วมด้วย ทางซ้ายมือก็จะเป็นประตูทางเข้าห้องนอนเล็กที่เชื่อมกับพื้นที่ครัวด้านนอก แม้จะเป็นห้องนอนเล็กแต่แอรืก็จะเป็นแบบฝั่งเข้าไปในฝ้ามีตะแกรงปิดเพื่อความเรียบร้อย
เดินออกมาจากห้องนอนเล็กก็จะเจอกับโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว ข้างๆเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่มีโซฟา โต๊ะกลางและทีวีแบบติดผนังสองฝั่งเป็นชั้นวางของ แต่จริงๆตามรายการขายเป็นผนังปูฉาบเรียบพร้อม Wallpaper แทน
พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟาตัวยาวได้ หรือถ้าจะเอาใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็เป็นโซฟารูปตัว L ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของที่มีทั้งแบบบานปิดและไม่มีบานปิด สามารถทำเป็นตู้โชว๋ได้ในตัว ฝั่งขวาก็จะเป็นประตูเข้าห้องนอนใหญ่ ซึ่งแปลนส่วนนี้ก็จะคล้ายๆกับห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอน
ส่วนผนังนอกตึกก็จะเป็นส่วนของระจก Double glazing glass ที่แข็งแรงกว่ากระจกชั้นเดียวและเป็นแบบประหยัดพลังงานแบบเข้ามุม ฝั่งซ้ายมือมีประตูบานเลื่อนแบบสองตอนเพื่อเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอก
โต๊ะทานข้าวก็จะอยู่ชิดผนังฝั่งหนึ่งหน้าประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียง ความสูงพื้นถึงฝ้าของโครงการนี้อยู่ที่ 3 เมตร
พื้นที่ระเบียงขนาด 1.0 x 1.6 เมตร ปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มีราวกันตกแบบเป็นกระจก tempered กรอบด้านบนปิดด้วยอลูมิเนียม
ภาพรวมของส่วน Living ที่อยู่ตรงกลางห้องชุด
หันหลังกลับเข้ามาก็จะเป็นส่วนของห้องนอนใหญ่ โดยฝั่งซ้ายหรือส่วนที่ใกล้กับกระจกจะเป็นส่วนของเตียงนอน โต๊ะข้างเตียงทั้งสองฝั่ง และฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ด้านในจะเป็นส่วนของห้องน้ำและ Walk-in closet ตัวกระจกที่ใช้เป็นแบบ Double glazing glass ก็จะมีแอบเข้ามุมด้วยนิดหน่อย
จากพื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายมองเข้าไปภายใน ก็จะเห็นว่าห้องน้ำเป็นแบบ sexy bath อยู่ทางซ้าย ทางขวาเป็นทางเดินเข้าห้องน้ำที่มี Walk-in closet แบบ built-in ให้พร้อม ด้านบนจะเป็นตำแหน่งของแอร์ฝังฝ้า
ทางเดินด้านขวาจะเป็นทางเดินเข้าห้องน้ำ พื้นที่ของ Walk-in closet จะอยู่ทางขวามือ มีบานปิดเรียบร้อย และด้านในจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง
ตัว Walk-in closet ที่ให้มาจะเป็นแบบรางบน คือจะไม่มีรางล่างให้มีรอยต่อระหว่างพื้น Engineered wood ด้านในกว้างกว่าแบบ 1 ห้องนอนเยอะ มีจัดพื้นที่แขวนเสื้อด้านบน แขวนกางเกงด้านล่าง และมีชั้นวางของนิดหน่อยด้านใน
นหลังมาที่ห้องน้ำ ก็จะแบ่งออกเป็น 4 พื้นที่ใหญ่ๆเลยคืออ่างล้างมือพร้อมเคาท์เตอร์ด้านล่างเก็บของแบบ His and hers คืออ่างใครอ่างมันไม่ใช้ร่วมกัน มีประจกติดยาว ตรงกลางเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ มีพื้นที่อาบน้ำที่มาพร้อมฉากกั้นอยู่ที่มุมห้องน้ำ ส่วนซ้ายสุดเป็นอ่างอาบน้ำที่เป็นแบบ Sexy bath
อ่างล้างมือเป็นแบบฝังเข้าไปด้านในจาก grohe เป้นแบบปรับอุณหภูมิน้ำได้ร้อนเย็น แบบ his and hers ทำให้มีพื้นที่วางของข้างๆเพิ่มอีกเยอะเลยนะคะ
โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น ข้างๆมีสายฉีดชำระและที่ใส่ม้วนทิชชู
ฝักบัวมีแบบมือจับจาก grohe ข้างๆเป็นช่องวางข้างของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำทั้งสองฝั่ง ด้านบนเป็น rain shower
พื้นที่อาบน้ำด้านในขนาดประมาณ 1.2 x 1.6 เมตร มีธรณียกกั้นขึ้นมานิดหน่อย
อ่างอาบน้ำวางตามแนวยาว
มีทั้งแบบก๊อกน้ำเปิดเติมน้ำ และแบบฝักบัวที่ลากสายยาวออกมาได้
อีกแบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำของโครงการ เป็นแบบห้องตรงเกือบจะสี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาดห้องใหญ่กว่าห้องที่แล้วนิดหน่อยที่ 84 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาจากห้องที่แล้วคือส่วนครัวที่จะเป็นครัวรูปตัว U และเป็นครัวแบบมีประตูปิดได้ เหมาะกับครอบครัวที่ทำอาหารค่อนข้างจริงจัง มีพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ได้ 4 ตัวใกล้กับห้องนั่งเล่น และห้องน้ำเล็กที่มีประตูทางเดียวคือจากทางเดิน ไม่ได้มีประตูเปิดแบบสองทางที่เข้าได้จากห้องนอนเล็ก นอกนั้นก็จะมีการใช้งานที่คล้ายคลึงกับห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนด้านบน
ต่อมาเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ที่มีด้วยกันทั้งหมด 6 แบบอยู่บนชั้น 51-54 แบบที่ยกมาให้ดูกันคือห้องแบบ Penthouse-1 2ห้องนอน 3ห้องน้ำ ขนาด 136.5 ตารางเมตร เป็นห้องที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชั้น 51-54 เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนนั่งเล่นทางซ้ายมือ มีประตูออกไปยังระเบียง และขวามือเป็นพื้นที่ทานข้าวแบบ 6 ที่นั่งและห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นเป็นห้องครัวไทยอีกที ตรงทางเดินก็จะมีห้องน้ำแขกหรือ powder room อยู่ข้างๆ ลึกเข้ามาซ้าย-ขวาก้จะมีประตูเข้าห้องนอนสองห้อง ห้องนอนใหญ่ก็จะมี Walk-in closet ขนาดใหญ่แบบตัว L สองฝั่ง และห้องน้ำในตัว มีอ่างอาบน้ำตั้งอยู่ตรงกลางให้มองวิวได้ ส่วนห้องนอนที่เล็กลงมาก็มี Function ครบและขนาดใหญ่คือมี Walk-in closet และห้องน้ำในตัว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 November 2015
- 1-Bedroom ชั้น 11 ห้อง 110A08 พื้นที่ห้อง 37 ตร.ม. ราคา 7.89 ล้านบาท หรือ 213,250 บาท/ตร.ม.
- 1-Bedroom ชั้น 22 ห้อง 220A08 พื้นที่ห้อง 37 ตร.ม. ราคา 8.19 ล้านบาท หรือ 221,350 บาท/ตร.ม.
- 1-Bedroom ชั้น 10 ห้อง 100A04 พื้นที่ห้อง 44.5 ตร.ม. ราคา 8.79 ล้านบาท หรือ 197,550 บาท/ตร.ม.
- 2-Bedroom ชั้น 12A ห้อง 120A03 พื้นที่ห้อง 75.5 ตร.ม. ราคา 15.39 ล้านบาท หรือ 203,850 บาท/ตร.ม.
- 2-Bedroom ชั้น 16 ห้อง 220A08 พื้นที่ห้อง 75.5 ตร.ม. ราคา 15.69 ล้านบาท หรือ 207,800 บาท/ตร.ม.
- 2-Bedroom ชั้น 22 ห้อง 220A03 พื้นที่ห้อง 75.5 ตร.ม. ราคา 16.19 ล้านบาท หรือ 214,450 บาท/ตร.ม.
- ส่วนลดถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558 นี้ทั้งที่ Sales Office บนถนนอโศกมนตรีและงาน Opening ที่พารากอน
- 1-Bedroom ลด 300,000 บาท
- 2-Bedroom ลด 600,000 บาท
- Semi Furnished
- เพดานสูง 3 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 1ห้องนอน 50,000 บาท/ 2ห้องนอน 100,000 บาท/ Penthouse 200,000 บาท
- ทำสัญญา ไม่มีค่าใช้จ่าย
- ดาวน์ 20% ผ่อนดาวน์ 36 งวด
- ค่ากองทุน 800 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 80 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
THE ESSE Asoke เป็นโครงการคอนโดตัวแรกของ Developer เจ้าใหม่แต่เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจอย่าง Singha Estate ทำให้คอนโดตัวแรกนี้จะเป็นตัวที่น่าจับตาและเป็นเหมือนการสร้างแบรนด์ โดยได้เลือกตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่บนถนนอโศกมนตรีฝั่งมุ่งหน้าไปถนนเพชรบุรี เยื้องๆกับอาคารแกรมมี่ ที่เดิมทีเคยเป็นที่ตั้งของลานเบียร์สิงห์อยู่แล้วจึงนำที่ดินแปลงนี้มาเปลี่ยนโฉมเป็นคอนโดระดับ Super luxury ในราคาเฉลี่ย 220,000 บาทต่อตารางเมตร โดยมีตัวชูโรงอยู่ที่ทำเลในกลางถนนอโศกมนตรี มีสถานีขนส่งอยู่ทั้งสองฝั่งของถนนในระยะเดินประมาณ 600 เมตร ส่วนทางรถก็จะได้ทั้งเข้า-ออกเมืองแต่ติดที่รถติดมากทำให้อาจจะมีเสียงรบกวนและควันรถบ้างที่ชั้นกลาง-ล่าง ความเป็นอโศกทำให้มีตึกสูงขึ้นอยู่เยอะมากบังวิวไปพอสมควร มีทั้งโรงแรม คอนโด และออฟฟิส แต่ก็ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินสูงมากเช่นกัน ทั้งตลาด ร้านอาหาร โรงพยาบาล โรงเรียน
การเดินทางโดยใช้รถ โครงการอยู่ตรงกลางถนนอโศกมนตรีจริงๆ ทำให้การเข้าถึงด้วยการใช้รถมีสองทางที่เท่าๆกันคือจากทั้งแยกอโศกมนตรีและแยกอโศก-เพชร สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้เลยเพราะไม่มีเกาะกลาง ไม่ต้องคอยกลับรถ แต่ก็จะมีทริกนิดหน่อยคือถ้ามาจากถนนสุขุมวิทตอนต้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 19 ซอยก่อนถึง Terminal 21 เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 21 ซอย 3 จะมาออกที่ข้างๆอาคาร Ocean tower2 ใกล้กับโครงการ ก็จะตัดช่วงสี่แยกอโศกไปได้หน่อย แต่ทำเลโดยกว้างแล้วก็เป็นจุดที่สามารถเข้าเมืองอย่างแยกราชประสงค์หรือออกเมืองอย่างบางนา-สมุทรปราการ หรือขึ้นเหนือไปลาดพร้าว ลงใต้ไปพระรามสี่ได้สะดวกถ้ารถไม่ติด รวมถึงยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนแถวมักกะสัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ มีระบบขนส่งอย่างแถวแยกอโศกอย่าง BTS อโศกที่เชื่อมกับ Terminal 21 ในระยะ 700 เมตร และมี MRT สุขุมวิทในระยะ 600 เมตร ที่เป็นสถานี Interchange เชื่อมกัน และที่แยกอโศก-เพชรบุรี อย่าง MRT เพชรบุรี ในระยะ 600 เมตร ส่วนจะเดินไปหรือจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็ได้นะคะ ถ้าจะเดินไปก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีหน่อยๆแบบรีบๆ ถ้าขึ้นพี่วินก็จะมีที่หัวมุมซอยเข้าโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่เป็นซอยตันข้างๆเลย ป้ายรถเมล์ก็จะมีอยู่ที่หน้าอาคาร Midtown asoke มีทางม้าลายอยู่ตรงหน้าตึกแกรมมี่ แต่ถ้าใช้รถเมล์ก็จะติดบนท้องถนนอยู่ดี นอกจากนั้นก็จะมีระบบขนส่งที่เชื่อมไปสนามบินอย่าง APL มักกะสันที่อยู่เหนือขึ้นไปหน่อย เผื่อถ้าเวลาเร่งด่วนจะไปสนามบินจะได้ใช้พาหนะที่กะเวลาได้มากกว่าการขับรถ
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว เป็นการขายแบบ Semi furnished คือการให้เฟอร์นิเจอร์บางส่วนที่เป็นแบบ Built-in อย่างครัว ห้องน้ำ ตู้เก็บของ พวกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นลอยตัวก็จะต้องหามาเติมเองเป็นปกติของคอนโดระดับสูง เนื่องจากความชอบและรสนิยมของผู้ซื้อก็จะค่อนข้างแตกต่างกัน พื้นส่วนครัว ห้องน้ำ ระเบียงก็จะปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่ Living และห้องนอนก็จะเป็น Engineered wood สีน้ำตาลกลางๆ มี Digital doorlock จาก Yale ตู้เก็บของจากทางเข้ารวมถึงตู้เก็บเครื่องซักผ้าให้หมด ชุดครัวเป็นแบบ Built-in ทั้งเคาท์เตอร์ล่างและบน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนจาก Siemens เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ และเครื่องครัวจาก RCD ห้องน้ำก็จะมีทั้งสุขภัณฑ์จาก grohe และ kohler แอร์เป็นแบบฝังฝ้าปิดด้วยตะแกรงเรียบร้อยทุกห้องทุกจุด กระจกฝั่งภายนอกอาคารเป็นแบบ Double glazing glass คือมีกระจกสองชั้นที่มีอากาศอยู่ตรงกลาง เพิ่มความแข็งแรง นิยมใช้กับอาคารสูงเพื่อป้องกันลม และเป็นแบบ Low E คือช่วยประหยัดพลังงานแอร์บางส่วน
การออกแบบอาคารโดยรวมก็ใช้แบบเต็มพื้นที่แปลง โดยมีการ Setback ตึกจากถนนอโศกมนตรีเข้าไปหน่อยเพื่อเพิ่มความสูงอาคาร ออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติอย่าง 1 ห้องนอนเริ่มต้นที่ 37 ตารางเมตร ทำให้จำนวนยูนิตต่อชั้นไม่เยอะมาก เยอะที่สุดคือ 12 ยูนิต โดยทั้งโครงการมี 419 ยูนิต การวางตำแหน่งห้องก็เลือกโดยใช้วิวรอบข้างเป็นเกณฑ์ อย่างทิศใต้ที่มีอาคาร Ocean tower2 สูง 42 ชั้นอยู่ในระยะประชิดทำให้เลือกที่จะวางงานระบบและบันไดหนีไฟไว้ทิศนั้น และอีกสามทิศที่เหลือเป็นห้องพักให้ได้วิวที่ดีกว่า ส่วนหน้าโครงการจะเหมาะกับคนที่ชอบวิวที่มีความเคลี่อนไหวหรือ dynamic หน่อยเพราะมีถนนอโศกมนตรี ตรงข้ามกับฝั่งตะวันตกที่ได้วิวโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่มีต้นไม้ค่อนข้างร่มรื่น ส่วนวิวทางเหนือก็จะเป็นวิวคอนโด Grand park view และคอนโด The room แต่ก็จะมีระยะห่างหน่อย ซึ่งเป็นห้องทางเหนือที่มีแสงแดดธรรมชาติอยู่ได้ทั้งวันเป็นตัวเพิ่มมูลค่าของฝั่งนี้อยู่แล้ว
การออกแบบห้องเป็นแบบ Single Corridor ทำให้มีความเป็นส่วนตัว ห้องส่วนใหญ่ของโครงการเป็นแบบ 1 ห้องนอนที่มีขนาดค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ด้วยแปลนห้องแล้วมีความเหมือนกันอยู่เยอะ แบ่งออกเป็นส่วน Living ครึ่งหนึ่ง และส่วนห้องนอนครึ่งหนึ่ง ต่างกันที่ function ที่สมบูรณ์ขึ้นมาอย่างอ่างอาบน้ำ ความกว้างของระยะดูทีวีประมาณนี้ แต่ที่เหมือนกันในทุกๆห้องคือระเบียงมีขนาดค่อนข้างเล็ก อาจจะเป็นเพราะโครงการเป็นคอนโดใจกลางเมืองที่ไม่ได้เอาไว้นั่งพักผ่อนด้านนอกเท่าไรนัก และวิวที่ตำแหน่งเปิดไปก็จะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวมาก ส่วนห้อง 2 ห้องนอน หน้ากว้าง ก็จะเพิ่มห้องนอนเล็กและห้องน้ำแขกเข้ามาซึ่งก็เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก แต่ชั้นบนๆอย่างห้อง Penthouse ก็จะมีทั้งแบบ 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอนได้วิวกลางใจเมืองไปเต็มๆ
สาธารณูปโภคส่วนกลางถือว่าให้มาในระดับคอนโด Super luxury แต่ก็เยอะสำหรับคอนโดที่มี 419 ยูนิต โดยมีสวนที่ชั้น 1 ด้านหน้าอย่าง THE ESSE court ที่ปัจจุบันเป็นตำแหน่ง Sales office มี drop-off หน้าอาคาร หรือจะไปจอดรถที่ช่องผู้มาติดต่อ ส่วนลูกบ้านก็จะมีช่องจอดเกิน 100% บวกกับช่องจอด superbike ข้างอาคาร ด้านในก็จะมีทั้ง Waiting area และ lobby ก่อนจะถึงโถงลิฟท์ตรงกลางอาคาร ประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสาร 5 ตัว + 1 service lift ทำให้มีอัตราส่วนลิฟท์ที่ 84:1 มีชั้น Facility หลักๆ อยู่ 2 ชั้น และชั้นที่มีพื้นที่สีเขียวอย่างชั้น 10 มีพื้นที่ส่วนเรียกว่า Sculpture court และชั้น 33 ที่เป็นชั้นส่วนกลางทั้งหมดจำพวกกิจกรรมออกกำลังกายอย่างว่ายน้ำ ฟิตเนสที่วิ่งไปก็จะได้วิวโรงเรียนไป สระว่ายน้ำก็จะแยกพื้นที่ออกไปอีกเป็นสระว่ายน้ำยาว 25 เมตร สระเด็ก Jacuzzi และ Lap pool ขึ้นมาที่ชั้น 43 ก็จะเป็นส่วนของ Passive activity หน่อยอย่างห้องประชุมที่แยกอีกเป็น The ESSE residences lounge, Reading chamber, business centre และ board room ชั้นนี้ก็จะมีสวนเป็น Skyscraper court ด้านหน้าด้วย
Judgement
ราคาของคอนโดระดับ SUPER LUXURY CLASS ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดในระดับนี้คงต้องมีความพึงพอใจและความชอบจนมองข้ามราคาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ จึงมิอาจให้คะแนนได้ค่ะ
BOTTOM LINE
THE ESSE Asoke เป็นคอนโดตัวแรกจาก Singha Estate แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายจะต้องเป็นคนที่ชอบความหรูหราใจกลางอโศก เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านอโศก – เพชรบุรี – พระราม9 และแน่นอนว่าต้องไม่กลัวรถติด โครงการมีความเป็นส่วนตัว เพื่อนบ้านไม่มาก มีงบประมาณระดับ 7.5 – 40 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนตั้งแต่ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป หรือมีเงินเย็นในกระเป๋าซะเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดของจำนวน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )