รีวิวฉบับที่ 1939 … TAKKA Sriwara เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแห่งแรกจาก พันนา ลิฟวิ่ง ตั้งอยู่ในย่านทาวน์อินทาวน์ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเด่นของทำเลนี้ คือเรื่องอุดมสมบูรณ์ และเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกมากครับ ตัวโครงการออกแบบมาสไตล์ Modern Japanese และมีจำนวนยูนิตไม่เยอะ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เน้นขนาดห้องพักที่ใหญ่ มีราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 4 September 2019

  • TAKKA SRIWARA (ตรรกะ ศรีวรา)
  • บริษัท พันนา ลิฟวิ่ง จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนศรีวรา เขตวังทองหลาง
  • ที่ดินประมาณ 2-1-20 ไร่
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร 208 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิตที่อาคาร B
  • ที่จอดรถประมาณ 80 คัน หรือคิดเป็น 40% (รวมจอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 60%)
  • เริ่มก่อสร้าง :  Q4 ปี 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4 ปี 2563
  • 1 Bedroom 34.72 – 41.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 50 – 58.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานชั้น 1 สูง 2.8 เมตร, ชั้น 2 – 7 สูง 2.5 m.
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-083-7499

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.766577, 100.606069
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ ซึ่งเราจะเห็นเส้นทางรถไฟฟ้าถึง 3 สายด้วยกัน โดยสำหรับสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างกันแล้วนะครับ และจะแล้วเสร็จประมาณปี 2566 โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีรามคำแหง (ประมาณ 2 km.) สามารถนั่งวินมอไซค์ไปได้ง่ายๆครับ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ก็กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างเช่นกัน สามารถลัดเลาะไปตามซอยได้ ที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีฉลองรัช (ประมาณ 2.7 km.)

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) ยังอาจต้องรอกันต่อไปอีกหน่อยนะ แต่ถ้า ครม. อนุมัติแล้วเมื่อไหร่ ก็จะกลายเป็นรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุดเลยครับ โดยสถานีประชาอุทิศจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 – 500 m. เท่านั้น

โครงการ TAKKA Sriwara ตั้งอยู่บนถนนศรีวรา ซึ่งเป็นถนนเส้นสั้นๆ ที่วิ่งขนานกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เลียบด่วนรามอินทรา” ซึ่งตำแหน่งโครงการเรียกได้ว่า อยู่ “กึ่งกลาง” ของย่านสำคัญต่างๆ ถ้าเราวิ่งลงมาด้านล่างก็จะเข้าเมืองไปทางทองหล่อได้โดยตรง ขึ้นเหนือก็จะไปทางลาดพร้าว ด้านขวาไปรามคำแหง ส่วนด้านซ้ายต้องไปกลับรถมาหน่อย แล้วเข้าประชาอุทิศเพื่อไปรัชดา-ห้วยขวางได้เลย อีกทั้งยังมีทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ให้ใช้อยู่ไม่ไกลอีกด้วย

“ย่านทาวน์อินทาวน์” ถ้าเรียกชื่อนี้หลายๆคนอาจจะคุ้นหูกันมากกว่านะครับ ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ด้วยการที่เป็นย่านชุมชนแนวราบที่มีมานาน บวกกับมีสถานศึกษาชื่อดังอยู่หลายแห่ง ทำให้เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆตามมา ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต และคอมมูนิตี้มอลล์ ที่เราจะเห็นอยู่เต็มตลอดถนนช่วงสั้นๆนี้ อย่าง The Sene, ต้นซุงอเวนิว, ร้านอบอร่อย และต้องตาปูดอง เรียกได้ว่าครบ ไม่ต้องไปไหนไกลเลยครับ (บางร้านอาจเดินไปได้เลยด้วยซ้ำ) หรือถ้าใครจะไปเดินห้างใหญ่ๆ ก็สามารถใช้ถนนเลียบด่วนรามอินทราไปที่ Central Festival East Ville และ The Crystal Park ได้ไม่ยาก แต่ถ้ามาทาง The Mall รามคำแหง รถก็อาจจะติดมากกว่าหน่อย

ส่วนถนนภายในซอยถ้าใครเคยไปแถวนั้น แล้วเห็นว่ารถติดเยอะ ก็เพราะเป็นเขตชุมชนใหญ่ มีทั้งคนที่อยู่ที่นี่ และคนมาเที่ยวหาของอร่อยๆกิน ทั้งคนใช้เป็นทางลัดไปขึ้นทางด่วน แล้วยังมีโรงเรียนขนาดใหญ่ถึง 3 แห่งอีกด้วย นี่ยังไม่รวม SME ต่างๆที่อยู่ในย่านนี้อีกหลายราย เพราะชุมชนนี้เต็มไปด้วยโฮมออฟฟิศจำนวนมาก และมีอยู่หลากหลายธุรกิจเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ได้มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นในย่านนี้นานแล้วนะครับ โครงการนี้จึงเป็นโครงการแรกในรอบหลายปีเลยทีเดียว ที่นานๆทีเราจะได้เห็นกัน

การเดินทางด้วยรถยนต์ของทำเลนี้นับว่าสะดวกมาก และทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางพิเศษฉลองรัช หรือทางด่วนรามอินทรา–อาจณรงค์ ซึ่งเราสามารถไปขึ้นที่ด่านประชาอุทิศได้ครับ โดยจากถนนศรีวราก็ให้ขับย้อนกลับไปออกถนนใหญ่จากถนนอินทราภรณ์เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถหรือไปรถติดบนถนนใหญ่นานๆครับ หรือถ้าใครอยากกลับรถไปทางลาดพร้าว ก็สามารถใช้ทางออกตรงซอยประดิษฐ์มนูธรรม 2 เพื่อกลับรถใต้ทางด่วนก่อนถึงแยกได้เช่นกัน เพราะบริเวณแยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม ถ้าเรามาจากทางรามคำแหงจะไม่สามารถเลี้ยวขวาได้ทันทีนั่นเอง ส่วนขากลับก็สามารถลงจากทางด่วน แล้วไปกลับรถมาหน่อย ก็สามารถเลี้ยวเข้าซอยลัดมาที่ถนนศรีวราได้เลยครับ

ส่วนการเดินทางในวันนี้ผมมาจากทองหล่อนะ ซึ่งผมสามารถขับรถตรงมาเรื่อยๆได้เลยโดยไม่ต้องขึ้นทางด่วนก็ได้ แล้วมาเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนประชาอุทิศ ที่แยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายตรงแยกศรีวราที่มีเซเว่นเข้าสู่ถนนศรีวรา ขับเข้ามาประมาณ 180 m. ก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ

ตอนนี้ผมอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (หรือถนนเลียบด่วนรามอินทรา) ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ สังเกตป้ายบอกทางไปรามคำแหง ก็ให้เตรียมตัวเลี้ยวได้เลย

ตอนนี้ผมมาถึงแยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรมแล้วครับ ซึ่งผมมาจากทองหล่อก็จะต้องรอไฟแดงเพื่อเลี้ยวขวาแบบนี้ แต่ถ้าใครที่มาจากทางลาดพร้าวก็สามารถเลี้ยวซ้ายไปได้เลยนะ

เมื่ออยู่บนถนนประชาอุทิศแล้ว ให้สังเกตป้ายบอกทางไปอินทราภรณ์ ก็ให้เลี้ยวซ้ายตรงแยกไฟแดงที่มีเซเว่นอยู่ซ้ายมือเข้าสู่ถนนศรีวราได้เลย

ขับตรงเข้ามาประมาณ 180 m. ก็จะเจอกับที่ตั้ง Sale Gallery อยู่ทางขวามือครับ

โดย Sale Gallery นี้จะตั้งอยู่ติดกับถนนศรีวรา และเป็นอาคารที่โครงการมาเช่าทำเป็นสำนักงานขายชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ที่ตั้งโครงการจริงๆนะครับ (แต่ก็อยู่ข้างๆกันนี่เอง เดี๋ยวจะพาไปต่อ) ซึ่งถ้าใครที่ขับรถมาก็สามารถเลี้ยวเข้าไปจอดที่ด้านข้างอาคารได้เลยนะ

เมื่อเข้ามาภายในก็จะเจอกับ Model ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และมีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ให้ติดต่อสอบถามข้อมูลกันได้ ส่วนด้านในจะมีพื้นที่อีกจุดหนึ่งไว้รับรองลูกค้าครับ

ส่วนตัวโครงการจริงๆจะอยู่ถัดมาหน่อยนึง ซึ่งหน้างานปัจจุบันเค้ากำลังทำซุ้มประตูทางเข้ากันอยู่เลยครับ

ตั้งแต่ซุ้มประตูด้านหน้าเข้ามาถึงด้านใน ถนนและแปลงที่ดินจะเป็นพื้นที่ของโครงการทั้งหมดเลยครับ ซึ่งในอนาคตก็จะมีการปรับภูมิทัศน์ให้ดูดีมากขึ้นนะ

และสำหรับที่ตั้งของโครงการจริงๆ จะเป็นแปลงที่อยู่ด้านในสุดที่เค้าล้อมรั้วสีขาวเอาไว้ครับ ส่วนที่ว่างสีเขียวทางซ้ายมือก็เป็นที่ดินของโครงการเหมือนกัน แต่จะเป็นอีกโครงการที่รอพัฒนาในอนาคตนะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบส่วนมากจะเป็นอาคารพักอาศัยประเภททาวน์โฮมสูง 3 – 4 ชั้น และที่ด้านหลังของที่ดินจะเป็นคลองเล็กๆครับ โดยในวันที่ผมไปถ่ายรีวิวที่หน้างานนั้น ผมได้ถ่ายภาพจากแปลงที่ดินว่างข้างๆมาให้ดูบรรยากาศกันด้วย สามารถสรุปได้ดังนี้

ทิศเหนือ : เป็นบริเวณด้านหลังโครงการที่ติดกับคลองวัดตึก ถัดออกไปเป็นบ้านของชุมชนทาวน์อินทาวน์สูง 3 – 4 ชั้น แต่ที่น่าสนใจคือ ริมคลองจะมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งตรงบริเวณที่ดินของโครงการที่จะขึ้นตึกจริงก็มีเหมือนกันครับ

ทิศใต้ : เป็นถนนทางเข้าโครงการ และติดกับโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น

ทิศตะวันออก : ตรงรั้วสีขาวคือที่ตั้งโครงการที่แท้จริง ถัดไปเป็นชุมชนทาวน์อินทาวน์สูง 3 – 4 ชั้นเหมือนเดิมครับ แล้วคั่นด้วยคลองวัดตึกอีกทีหนึ่ง

ทิศตะวันตก : เป็นที่ว่างของโครงการที่รอการพัฒนาในอนาคต และถัดไปเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น และถนนศรีวราครับ

กลับมาที่ด้านหน้าโครงการกันอีกครั้ง คราวนี้เราลองไปเดินดูทำเลรอบๆกันดีกว่าครับ โดยฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าโครงการเป็นตึกแถวสูง 4 – 5 ชั้นแบบนี้

ด้านซ้ายจะเป็นทางไปออกถนนประชาอุทิศได้ครับ ติดกับทางเข้าโครงการเลยคือ District Sriwara เป็นโครงการโฮมออฟฟิศเพื่อนบ้านเรานั่นเอง ส่วนตึกแถวฝั่งตรงข้ามก็มีร้านค้าร้านอาหารด้วยครับ

มีทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ และข้าวหน้าเป็ด เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว

เดินต่อมาเราก็จะมาเจอกับแยกศรีวรา ซึ่งตรงหัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย แล้วถ้าเราเลี้ยวขวาก็จะไปออกถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือเลียบด่วนรามอินทราได้ ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็จะไปรามคำแหงนั่นเองครับ

ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็จะมีวินมอไซค์อยู่ด้วยนะ ตอนช่วงเวลาที่รถติดสามารถมาใช้บริการกันได้เลย อัตราค่าโดยสารก็ตามนี้

กลับมาที่หน้าโครงการกันอีกครั้ง คราวนี้เราจะไปดูทางด้านขวากันบ้างครับ ซึ่งทิศทางนี้จะมุ่งหน้าไปยังถนนอินทราภรณ์ เพื่อออกไปขึ้นทางด่วน และไปร้านค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ที่เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ได้นั่นเอง โดยติดกับทางเข้าเลยก็จะเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น และเป็นสำนักงานขายของโครงการที่ตั้งอยู่ก่อนหน้านี้

เดินต่อมาอีกหน่อยเราจะต้องข้ามคลอง ซึ่งนี่ก็คือ “คลองวัดตึก” ที่อยู่ด้านหลังโครงการของเรานั่นเองครับ และผมไม่แน่ใจว่าถ้าอยู่ในอาคารจะได้กลิ่นหรือเปล่า แต่ตอนที่ผมเดินผ่านคลองนี้เป็นคลองที่มีกลิ่นอยู่เหมือนกันนะ ซึ่งถ้ามีการขุดลอกคลองและปรับสภาพน้ำบริเวณที่ดินของโครงการหน่อย ก็จะช่วยได้อยู่เหมือนกันครับ

ข้ามคลองมานิดเดียวผมเจอ Makro Food Service ที่จะมีทั้งอาหารสด และวัตถุดิบทำอาหารต่างๆ ให้เรามาเดินซื้อของไปทำกับข้าวทานกันได้ง่ายๆ (ถ้าเป็นคนชอบทำอาหารคงจะถูกใจ) และในพื้นที่เดียวกันก็จะมีโฮมออฟฟิศ เปิดเป็นร้านกาแฟ และคลีนิคต่างๆ ให้มาใช้บริการกันได้ครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามกับ Makro Food Service ก็จะเป็นหมู่บ้านทาวน์อินทาวน์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อย่านนี้นี่เอง และบริเวณหน้าหมู่บ้านก็จะมีวินมอไซค์ให้เดินมาใช้บริการกันได้อีกจุดหนึ่ง รวมถึงด้านในเข้าไปไม่ลึกมากก็จะมีเซเว่นอยู่ด้วยครับ

แล้วถ้าเราเดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับร้านค้าร้านอาหารมากมายตลอด 2 ข้างทาง ยาวไปจนถึงถนนอินทราภรณ์เลยทีเดียว และระหว่างทางผมยังเจอโครงการโฮมออฟฟิศใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ โดยเค้ามีที่ดินอยู่ติดถนนเป็นแนวยาวเลย ซึ่งถ้าโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ก็จะทำให้ย่านนี้มีร้านค้าร้านอาหาร และความอุดมสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้นไปอีกครับ

ซึ่งพอเดินมาถึงตรงนี้ก็บ่ายแล้วนะ ผมเลยขอแวะทานอาหารที่ร้านไก่ทอดลำปางสักหน่อย (ทำไมต้องลำปาง?…ก็ผมเป็นคนลำปาง ฮ่าๆๆ) พออิ่มแล้วเราก็ไปลุยกันในพาร์ทต่อไปกันได้เลยครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ต้องตา ปูดอง ~ 60 m.
  • Makro Food Service ~ 160 m.
  • ต้นซุง Avenue ~ 600 m.
  • อบอร่อย ~ 650 m.
  • The Scene Town in Town ~ 800 m.
  • At Park Town in Town ~ 1 km.
  • Lotus Express Town in Town ~ 1.1 km.
  • โรงเรียนอุดมศึกษา ~ 1.2 km.
  • โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ~ 2.1 km.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 2.1 km.
  • ศูนย์แพทย์พัฒนา ~ 2.1 km.
  • โรงเรียนพระยาประเสริฐ ~ 2.7 km.
  • เดอะมอลล์ รามคำแหง ~ 4.4 km.
  • Central Festival East Ville ~ 4.9 km.
  • Crystal Design Center ~ 5.3 km.
  • The Crystal Park ~ 6.1 km.
  • โรงพยาบาลรามคำแหง ~ 6.6 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ TAKKA Sriwara เป็นคอนโด Low Rise สูงแค่ 7 ชั้น เพราะเค้าต้องการจำนวนเพียง 208 ยูนิต เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว ซึ่งจากชื่อโครงการ TAKKA หมายถึง “ความสมดุลทางความคิดของการอยู่อาศัย และการใช้ชีวิต เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองสู่ความเงียบสงบ” ภายนอกอาคารจะเห็น facade ออกแบบสไตล์ Modern Japanese ตกแต่งด้วยระแนงไม้แบบญี่ปุ่น ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าจะใช้ไม้จริงมาทำด้วยครับ ทำให้อาคารมีสีเป็นแนว Earth tone ดูเป็นธรรมชาติและอบอุ่น

Master Plan โครงการจะมีทางเข้าจริงๆอยู่ติดกับถนนศรีวราด้านหน้า ประกอบด้วยซุ้มประตูและป้อมยาม ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีระยะเดินจากตัวอาคารอีก 80 m. แต่ก็เป็นถนนในโครงการเอง จึงค่อนข้างปลอดภัยครับ โดยตรงจุดนี้ผมแนะนำว่า ถ้ามีทางเท้าให้เดินแยกจากทางเดินรถ และมีหลังคาคลุมให้ด้วยจะดีมากๆ เวลาเดินจะได้ไม่ต้องกลัวแดด/กลัวฝน แต่ถ้าเราขับรถเข้ามาก็จะมีทางเข้าที่จอดรถใต้ดินแยกออกเป็น 2 อาคารครับ หรือจะวนรถที่วงเวียนเพื่อรับ-ส่งคนตรงจุด Drop-Off ให้เดินเข้า Lobby เลยก็ได้

Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่ใต้อาคาร A และบริเวณตรงกลางโครงการ ซึ่งคนที่อยู่อาคาร A จะมาใช้งานได้สะดวกกว่า มีทั้ง Co-Working Area และ Fitness แลกกับความพลุกพล่านมากกว่า เพราะอาคาร B เค้าก็มาใช้งานได้ด้วยเช่นกัน ส่วนบริเวณโถงหน้าห้องน้ำก็จะสามารถเดินเชื่อมต่อออกไปยังสระว่ายน้ำได้เลย โดยที่ไม่ต้องเดิมอ้อมครับ และถ้าจะเข้าไปยังโซนพักอาศัย ก็จะต้องใช้ Key Card Access เพื่อเข้ามายังโถงลิฟต์เพื่อความปลอดภัยนะ

โดยห้องพักอาศัยของชั้นนี้จะมีความพิเศษอยู่ 2 อย่างคือ ความสูงฝ้าที่มากถึง 2.8 m. และมีห้องแบบ 2 ระเบียงครับ ซึ่งจะเป็นห้องที่อยู่เฉพาะชั้น 1 และหันหน้าเข้ามายังส่วนกลางด้านในเท่านั้นนะ เหมาะกับคนที่ชอบออกมาใช้ระเบียงบ่อยๆ มาสูดอากาศ และชมสวน แต่ก็อย่าลืมว่าพื้นที่ส่วนกลางก็ต้องมีคนมาใช้งาน อาจทำให้ขาดความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งถ้าคุณชอบความเงียบสงบ ก็อาจเลือกเป็นห้องที่หันออกไปด้านนอกก็ได้นะ

ภาพจำลองบรรยากาศด้านหน้าโครงการ บริเวณตรงกลางวงเวียนก็จะทำเป็นระแนงไม้แบบญี่ปุ่น เพื่อช่วยพรางสายตาให้กับทางเข้า Lobby และพื้นที่ด้านในโครงการได้นั่นเองครับ

และอย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าที่จอดรถจะอยู่ใต้ดินนะ และจะมีทางลงแยกอาคารกัน ซึ่งความจริงแล้วเราจะจอดฝั่งไหนก็ได้ แต่ถ้าจอดฝั่งที่เป็นอาคารของตัวเองก็จะขึ้นลิฟต์ตรงขึ้นห้องได้เลย แต่ถ้าไม่ใช่ตึกของตัวเองก็จะต้องขึ้นมาเปลี่ยนอาคารที่ชั้น Lobby ก่อนครับ รวมถึงตรงส่วน Drop-Off เราจะมองเห็นสระว่ายน้ำด้วย โดยส่วนตัวผมมองว่าอาจทำให้คนที่กำลังว่ายอยู่ขาดความเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควรเลย เพราะอยู่ในจุดที่คนต้องผ่านเข้า-ออก มองเห็นได้อยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ส่วนชั้นจอดรถใต้ดินทั้ง 2 อาคารจะไม่ได้เชื่อมต่อกันนะครับ โดยอาคาร A ทางด้านซ้ายจะมีที่จอดรถ 39 คัน และอาคาร B ทางด้านขวาจะมีที่จอดรถ 41 คัน รวมทั้งหมดเป็น 80 คันครับ

และถ้าดูจากโมเดลจะเห็นว่า ด้านหลังอาคาร B จะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถเพิ่มเติมด้วย ซึ่งความจริงแล้วตรงส่วนนี้ไม่ได้มีอยู่ในแปลนนะครับ จึงต้องรอดูในอนาคตอีกทีนะว่าเค้าจะทำเป็นแบบไหน

มาดูเรื่อง Facilities กันบ้างครับ หลักๆคือ สระว่ายน้ำขนาด 18 x 5 m. ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งห้องพักที่หันหน้าเข้ามาด้านในทั้งหมดจะสามารถมองเห็นสระได้ ส่วนด้านขวาเป็น Lobby และ Co-Working Area ของอาคาร A ซึ่งคั่นด้วยผนังกระจกแบบเต็มบาน ทำให้พื้นที่ด้านในและด้านนอกอาคารดูเชื่อมต่อกัน มีทางเดินด้านข้างสระกับ Lobby ให้อารมณ์เหมือนระเบียงไม้รอบบ้านของญี่ปุ่นเลยครับ

ส่วนภาพนี้เป็นบรรยากาศของ Lobby และ Co-Working Area ที่อยู่ใต้อาคาร A ซึ่งเค้าก็จะจัดออกมาเรียบๆ เน้นความเป็นธรรมชาติ และมีการกั้นฟังก์ชันด้วยผนังกระจก ที่ทำเป็นตารางเลียนแบบฉษกกั้นไม้ของญี่ปุ่น มีชุดโต๊ะเก้าอี้ และโซฟาให้เลือกนั่งหลายจุดเลย หรือจะนั่งประชุมแบบ Private ด้านในก็ได้ครับ

และอีกฟังก์ชันหนึ่งคือ Fitness ที่ตกแต่งด้วยวัสดุประเภทไม้สอดคล้องกับฟังก์ชันอื่นๆ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ภายในมีเครื่องเล่นอยู่หลายชิ้น และผนังด้านหนึ่งจะเป็นกระจกที่ Take view สระว่ายน้ำภายนอกได้ครับ

ชั้นพักอาศัยแบบ Typical Floor Plan จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 – 7 และมีความสูงฝ้าแบบปกติอยู่ที่ 2.5 m. จากผังอาคารทั้ง 2 ที่วางให้โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ และมีการสร้างบรรยากาศภายในให้น่าดูมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมากับต้องมองเห็นห้องฝั่งตรงข้ามในระยะใกล้ด้วยเช่นกัน ซึ่งบางคนที่ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัว ก็อาจเลือกห้องที่หันออกไปนอกโครงการแทนได้นะครับ ซึ่งก็ควรจะเลือกเป็นชั้น 4 – 5 ขึ้นไป เพื่อจะได้วิวที่เปิดโล่งนะ

แต่ถ้าใครที่ยังอยากมองเห็นส่วนกลางด้วย และไม่อยากหันหน้าห้องปะทะกับเพื่อนบ้านเต็มๆ ก็อาจเลือกเป็นห้องตรงต้นสระว่ายน้ำ ของอาคาร A ก็ได้ ซึ่งจะมีระยะห่างของสายตาพอสมควร และมองเห็นสระว่ายน้ำเป็นแนวยาวได้อีกด้วย หรือถ้าเป็นอาคาร B ก็อาจเลือกห้องที่หันออกมาด้านหน้าโครงการ เพื่อรับวิวเปิดโล่งเลยก็ได้ ซึ่งถ้ามองเฉียงๆย้อนกลับเข้าไปด้านในโครงการก็ยังมองเห็นส่วนกลางและสระว่ายน้ำได้อยู่ครับ

ส่วนในกรอบสีแดงจะเป็นห้องที่ได้ Single Corridor ทำให้บริเวณหน้าห้องค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก แต่หน้าต่างและระเบียงห้องก็จะปะทะกับเพื่อนบ้านใกล้หน่อยนะ แล้วถ้าคุณไม่อยากหันหน้าเจอเพื่อนบ้านเลย ผมก็จะแนะนำห้องในกรอบสีส้ม เพราะจะหันเจอด้านข้างของอาคาร B พอดี อาจไม่ได้วิวเปิดโล่งแต่ก็เป็นส่วนตัว ซึ่งตำแหน่งนี้ผมจะแนะนำห้องชั้น 2 – 3 จะดีมากครับ เพราะคุณจะมองเห็นสวนและอยู่ในระยะความสูงของพุ่มไม้พอดีอีกด้วย เหมาะกับคนรักความเป็นส่วนตัวและธรรมชาติมากๆ ส่วนห้องสีน้ำเงินในกรอบสีเขียว จะเป็นห้องเดียวในโครงการที่มีระเบียงใหญ่ที่สุดครับ

นี่เป็นภาพตัวอย่างจากมุมมองของห้องทางต้นสระอาคาร A ที่ผมพูดถึงนะ จะเห็นได้ว่าเป็นด้านที่มีระยะในการมองที่ไกลมากขึ้น แต่ก็ยังได้วิวสระอยู่ด้วย

ส่วนถ้าเป็นห้องที่อยู่ด้านหลังก็จะมองเห็นสวนสีเขียวได้ครับ ค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควร

ปิดท้ายกันด้วย facade ของอาคาร อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าโครงการนี้ออกแบบมาในสไตล์ Modern Japanese ซึ่งหน้าต่างและช่องแสงด้านข้างต่างๆ เค้าจะเลียนแบบระแนงไม้แบบญี่ปุ่น ที่มีการเว้นช่องว่างอย่างเป็นจังหวะ ตกแต่งด้วยไม้จริงเพื่อความเป็นธรรมชาติแบบนี้เลยครับ ซึ่งฟังก์ชันนี้เราจะได้เห็นในห้องตัวอย่างของโครงการด้วยนะ จะเป็นอย่างไรต่อตามไปดูกันต่อเลยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby แยกอาคาร
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 18 x 5 m.
  • Fitness
  • Co-Working Area
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 52 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 50 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 54 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 80 คันคิดเป็น 40% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 60%)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

แบบห้อง

ห้องพักของโครงการนี้จะมีอยู่ 2 แบบนะครับ ซึ่งปกติเค้าจะขายเป็นห้องเปล่า คือให้เฉพาะชุดครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำนะ แต่ถ้าลงทะเบียนรับโปรโมชั่นวันงาน Grand Opening วันที่ 5 – 6 ต.ค. 2562 จะได้ห้องแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบครบทุกอย่างเลย ขาดแค่ฟูกที่นอน และเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เข้าอยู่ได้แล้วครับ โดยรูปแบบห้องจะประกอบไปด้วย

  • 1 Bedroom ขนาด 34.72 – 41.60 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ขนาด 50 – 58.50 ตร.ม.

ซึ่ง Sale Gallery เค้าก็มีห้องตัวอย่างให้ดูทั้ง 2 แบบเลยครับ ซึ่งต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่า Sale Gallery แห่งนี้สร้างขึ้นจากโครงสร้างเก่าที่มีอยู่เดิม ดังนั้นเรื่องระยะและขนาดต่างๆ อาจไม่ตรงกับของจริงนะครับ โดยผมจะอธิบายเป็นจุดๆไปนะ จะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันเลย

ห้องตัวอย่างแรก 1 Bedroom 34.72 ตร.ม. เป็นห้องขนาดมาตรฐานของโครงการ ซึ่ง Common area จะเชื่อมต่อกันทั้งส่วนครัวและห้องนั่งเล่น ทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ค่อนข้างโปร่งโล่ง โดยพื้นที่ในส่วนนี้ทั้งหมดจะได้ช่องแสงจากระเบียงด้วยครับ และจะมีส่วนหนึ่งของระเบียงที่เป็นช่องผนังทึบ เอาไว้เก็บ Condensing Unit แยกเป็นสัดส่วนดี แต่ระเบียงก็ยังกว้างมากพอที่จะออกไปใช้งานได้นะ  อีกอย่างคือพอระเบียงมาอยู่ด้านนอกแบบนี้ จึงทำให้ห้องนอนที่อยู่ภายในกว้างมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับระเบียง แถมยังได้ความเป็นส่วนตัวเพราะกั้นด้วยผนังทึบอีกด้วย ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนซึ่งจะสะดวกสำหรับเจ้าของห้อง แต่อาจไม่เป็นส่วนตัวนักถ้ามีแขกหรือเพื่อนๆมาเยี่ยมที่ห้องนะครับ

ก่อนจะเข้าไปดูในห้องเค้าจะมี Digital Door Lock ที่จะติดตั้งมาให้ดูด้วย เป็นของ Yale หน้าตาแบบนี้เลย รองรับการใช้งาน 4 ระบบคือ 1.ใช้รหัสผ่าน 2.แสกนลานนิ้วมือได้มากสุด 20 ลายนิ้วมือ 3.ใช้กุญแจไข 4.เปิดผ่าน App. มือถือ

และนอกจากนี้ภายในเครื่องจะมีระบบตรวจจับความร้อนด้วย คือถ้าสมมุติเกิดเหตุเพลิงไหม้มันก็จะปลดล็อคให้อัตโนมัติ เพื่อให้คนด้านนอกสามารถเปิดประตูเข้าไปช่วยคนด้านในได้ครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราก็จะเจอกับ Common area ซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างจากห้องตัวอย่างที่เราเคยเห็นกันทั่วไปนิดหน่อย เพราะเค้าใช้วัสดุพื้นและบานตู้ต่างๆเป็นไม้โอ๊คสีเข้มแบบนี้ครับ ซึ่งก็ดูเท่ดีไปอีกแบบนะ

แต่สำหรับบางคนก็อาจคิดว่ามันดูมืดหรือทึบก็ได้ (อันนี้แล้วแต่คนชอบครับ) พื้นเป็นไม้ลามิเนตสีไม้โอ๊คหนา 8 mm. และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.5 m. (แต่ถ้าเป็นห้องที่อยู่ชั้น 1 จะสูง 2.8 m.) รวมถึงภายในห้องจะมีระบบ Home Automation ติดตั้งมาให้อีกด้วยครับ

สำหรับฟังก์ชันแรกที่อยู่หน้าห้องจะเป็นครัวครับ โดยเราจะได้เป็นครัวเปิดแบบนี้ อาจไม่เหมาะที่จะทำอาหารหนักๆมากนัก เพราะกลิ่นจะฟุ้งไปทั่วห้อง แต่สามารถอุ่นอาหารเบาๆได้นะ

เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว U มีพื้นที่ทำครัวกว้าง 1.1 m. แต่พื้นยังคงเป็นพื้นไม้ลามิเนต ซึ่งไม่ค่อยทนน้ำหรือความชื้นมากนัก เวลาทำอาหารจึงต้องเช็ดทำความสะอาดกันดีๆหน่อยนะครับ ไม่งั้นพื้นอาจบวมและเสียเร็วได้

ชุดครัวเราจะได้ทั้งหมดตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง (ยกเว้นชั้นแขวนลอยทางด้านซ้าย) แต่แค่นี้ภายในตู้ก็สามารถเก็บของได้ค่อนข้างเยอะแล้วล่ะครับ เหลือเฟือสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนเลย ซึ่งช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่าง ใช้งานได้สะดวกดีครับ

Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ ซึ่งเป็นหินธรรมชาติ มีความทนทานและสวยงาม แต่ไม่ค่อยทนต่อกรด-ด่าง เพราะเค้าจะมีรูพรุนตามธรรมชาติค่อนข้างมาก จึงทำให้เป็นคราบได้ง่ายครับ ดังนั้นถ้าเราอยากให้เคาน์เตอร์ยังสวยแบบนี้ต่อไปอีกนาน ก็ต้องดูแลรักษาเค้าดีๆหน่อยนะ

ที่ผนังติดตั้ง Black Splash กระจกสีดำมาให้แล้ว สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย อ่างล้างจานของ MEX ขนาด 48 x 33 cm. ลึก 17 cm. ติดตั้งมาพร้อมกับ Hob&Hood 2 หัว เป็นแบบหมุนเวียนภายในนะครับ ซึ่งถ้าเป็นคนทำอาหารประจำ ก็ต้องขยันถอดตัวกรองอากาศออกมาทำความสะอาดบ่อยๆด้วย

จากภาพแรกเป็นมุมมองของคุณแม่ทำอาหารอยู่ในครัว จะสามารถดูทีวีไป หรือเห็นคนในครอบครัวที่อยู่ที่ห้องนั่งเล่นไปได้ด้วย ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ของคนในห้องได้ดีเลย ซึ่งสำหรับเคาน์เตอร์ทางซ้ายนั้น นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่ประกอบอาหารแล้ว เค้ายังออกแบบให้ใช้เป็นที่นั่งทานอาหารได้ด้วยนะครับ

โดยคนที่นั่งอยู่ด้านนอกเช่น คุณพ่อ หรือคุณลูก ก็จะหันหน้าเข้ามาดูคุณแม่ทำอาหารในครัวแบบนี้ หรือมานั่งเป็นลูกมือช่วยอยู่อีกฝั่งก็ได้ แต่เนื่องจากเคาน์เตอร์นี้ด้านล่างจะเป็นตู้ทำให้เวลานั่งก็จะติดเข่า นั่งไม่ค่อยสบายนัก (แลกกันไปกับพื้นที่เก็บของที่เพิ่มขึ้นครับ)

ฝั่งตรงข้ามครัวจะมีช่องเว้าเข้าไปในผนัง ขนาดประมาณ 70 x 70 cm. สามารถวางตู้เย็นได้นะครับ แต่อย่าลืมว่าฟังก์ชันที่ยังขาดไปของห้องนี้คือ “ตู้ใส่รองเท้า” ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถ Built ตู้ที่ช่องนี้ให้กลายเป็นตู้เก็บรองเท้าเลยก็ได้

แล้วถ้าลองย้อนกลับไปดูภาพก่อนหน้านี้จะเห็นว่า ด้านหลังเก้าอี้ทานอาหารยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่ ซึ่งตรงนั้นเราสามารถวางตู้เย็นได้นะครับ แล้วเปลี่ยนให้เก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงหัวโต๊ะแทนก็ได้

ถัดเข้ามาในห้องเป็นพื้นที่นั่งเล่นครับ โดยของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าครับ แต่ถ้าเป็นโปรโมชั่นของโครงการ เราจะได้ทั้งชั้นวางทีวี และโซฟาขนาด 2 ที่นั่งแบบนี้เลย มีระยะดูทีวีประมาณ 2.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 46 – 50 นิ้วได้นะ

ส่วนชั้นวางทีวีที่เราจะได้ในแพ็คเกจ คือชั้นสีขาวทางด้านซ้ายครับ สามารถเก็บของได้พอสมควร และด้านบนเค้าจะติดแอร์มาให้ในตำแหน่งนี้ด้วยล่ะ ส่วนทางขวาของจริงจะไม่มีตู้และเสาแบบนี้นะครับ เป็นแค่โครงสร้างเดิมและการตกแต่งเท่านั้น

ติดกันเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไประเบียงภายนอกได้ ตัวกรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีน้ำตาลผิวเนื้อทราย กระจกสีเขียวตัดแสง และมีพื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 0.9 x 2 m. (ของจริงจะกว้างมากกว่านี้หน่อย)

ติดตั้งราวกันตกเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass ทำให้ take view ภายนอกได้ดีมากขึ้น และถ้าใครไปชมห้องตัวอย่างจริงแล้วเห็นว่า พื้นระเบียงและพื้นห้องสูงเท่ากัน กลัวว่าน้ำจะไหลย้อนเข้าห้องรึป่าวก็อย่าพึ่งตกใจไปครับ เพราะของจริงเค้าจะลดระดับลง 5 cm. ครับ

ซ้ายมือจะมีประตูเหล็กสีส้มติดตั้งมาให้ เพื่อที่ด้านในจะสามารถวาง Condensing Unit ได้ครับ เวลามองจากภายนอกก็จะดูเรียบร้อยมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วลมร้อนก็จะถูกปล่อยออกมาด้านข้างแบบนี้ ถ้าต้องการออกมาใช้งานระเบียง แนะนำให้ติดกริลแอร์ดันลมออกไปนอกระเบียงพอจะช่วยได้ครับ แต่พอมีประตูเหล็กบังอยู่แบบนี้ก็อาจทำให้ขวางทิศทางลมอยู่บ้างเหมือนกันนะ

มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง ต่อไปเราจะไปดูห้องนอนที่อยู่ทางขวามือกันครับ ซึ่งเค้ากั้นด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัว ก่อผนังด้วยอิฐมวลเบาทำให้แข็งแรง และเจาะผนังเพื่อแขวนชั้นวาง หรือต่อเติมตู้ Built in ได้ง่ายครับ

เข้ามาภายในห้องเราจะยังไม่เจอเตียงเลยทันที แต่เราจะเจอกับตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงกลางห้องก่อนนะ

พื้นที่แต่งตัวหน้าตู้ค่อนข้างกว้าง และมีระยะห่างจากวงสวิงของบานประตูห้องเยอะ ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าเปิดประตูเข้ามาแล้วจะชนกันครับ

สำหรับตู้ที่เค้า Built in จะมีลักษณะค่อนข้างแปลก คือบานตู้จะเปิดได้แค่ 2 ช่องตรงกลางแบบนี้เลยครับ และซ้าย-ขวาเค้าจะทำเป็นชั้นวางของในตู้ เอาไว้เก็บพวกกางเกงหรือชั้นในได้ จากนั้นถัดเข้าไปด้านในถึงจะเป็นราวแขวนเสื้อผ้าแบบยาวครับ ส่วนตัวผมมองว่าการใช้งานตู้นี้ค่อนข้างยาก เพราะเราจะต้องเอื้อมเข้าไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน และมองหาเสื้อที่หลบอยู่หลังชั้นวางนี้ค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน

ส่วนขวามือเป็นพื้นที่เตียงนอนครับ ซึ่งโครงการจะให้ในโปรโมชั่นจะเป็นฐานเตียงขนาด 5 ฟุตแบบนี้

พื้นที่รอบเตียงสามารถใช้งานได้สะดวกครับ ปลายเตียงกว้าง 50 cm. และติดกับหน้าต่างจะกว้าง 1 m. โดยที่ฐานเตียงก็สามารถเลื่อนลิ้นชักออกมาเก็บของได้ด้วย

แล้วถ้าเราอยากดูทีวีในห้องนอน ก็ติดตั้งทีวีแขวนผนังได้นะ เพราะห้องนี้ได้เป็นผนังทึบ ไม่ควรทำชั้นวางทีวีเพราะจะทำให้ทางเดินแคบไป เดินได้ไม่สะดวกครับ

พื้นที่ข้างหน้าต่างกว้างมากพอที่จะวางโต๊ะอเนกประสงค์ไว้ทำงานอ่านหนังสือได้ และเนื่องจากโครงการนี้มี concept ในการออกแบบเป็น Modern Japanese เค้าจึงทำช่องหน้าต่างที่แบ่งเป็นช่องยาวๆสูงๆแบบนี้ เวลาเรามองเข้ามาจากด้านนอกก็จะเห็น facade เป็นเหมือนระแนงไม้แบบญี่ปุ่นนั่นเองครับ ซึ่งช่องหน้าต่างนี้เป็นกระจกบาน Fixed สูงจากพื้นเกือบถึงฝ้าเลย แต่ก็มีช่องทางซ้ายมือที่เปิดเป็นบานกระทุ้งระบายอากาศได้ด้วย

แต่บางคนอาจไม่ชอบนะครับ เพราะหน้าต่างนี้เหมือนจะมีกรอบมาคั่นบังวิวเยอะ แต่จุดประสงค์หลักๆของการออกแบบนี้คือ ทำให้ห้องได้รับแสงสว่าง มากกว่าที่จะ take view ภายนอก เพราะอย่าลืมว่านี่เป็นคอนโด Low Rise แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบหน้าต่างกว้างๆ แบบเคลียร์ๆ ผมจะมีอีกแบบที่จะแนะนำตอนท้ายรีวิวครับ ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารเลยนะ

ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนครับ ซึ่งถ้ามีแขกมาที่ห้องแล้วจะเข้าห้องน้ำก็ต้องเข้ามาในนี้ อาจไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่นะ

ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนครับ ซึ่งเราจะได้ทุกอย่างตามที่เห็นในห้องนี้เลย ยกเว้นของตกแต่งนะ

เริ่มกันที่พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาด 1.2 x 1.8 m. และของจริงเค้าจะลดระดับจากพื้นห้องลง 5 cm. ด้วยนะครับ

อ่างล้างหน้าแบบฝังเคาน์เตอร์ของ Toto ขนาดประมาณ 48 x 33 cm. ลึก 17 cm. โดยที่ Top เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีขาวครับ ค่อนข้างสวยทีเดียว มีพื้นที่วางของค่อนข้างเยอะ แต่ก็เหมือนกับตรงครัวนะครับที่หินธรรมชาติจะเป็นรอยด่างได้ง่าย ต้องเช็ดทำความสะอาดดีๆนะ ส่วนด้านล่างเค้าก็จะ Built ตู้มาให้เก็บของด้วยแบบนี้เลย

ส่วนที่ผมชอบจริงๆคือ Smart Mirror ของ Focco ซึ่งมีทั้งระบบไฟส่องสว่าง ระบบไล่ฝ้าที่ติดอยู่ที่กระจก และด้านข้างยังมีช่องให้เสียบชาร์จ USB ได้อีกครับ ค่อนข้างสะดวกมากเลยทีเดียว

ด้านซ้ายเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Hafele ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษชำระสีดำแบบนี้ครับ

ฝั่งตรงข้ามเป็น Shower Box ซึ่งเค้าจะติดฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้เลย ตรงขอบกระจกมีแถบยางที่ช่วยให้ปิดประตูได้แนบสนิท กันน้ำไหลย้อนออกมาด้านนอก และมีพื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.17 x 0.95 m. สามารถใช้งานได้สะดวก

และพื้นที่อาบน้ำนี้ทางโครงการออกแบบพื้นให้ Slope เอียงลาดไปทางท่อระบายน้ำแทนการลดระดับพื้น และในห้องจริงท่อระบายน้ำจะได้แบบท่อกลมปกติ ไม่ได้เป็นลักษณะแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างครับ

ภายในติดตั้ง Hand Shower และ Rain Shower สีดำของ Hafele มาให้ โดยที่ตัวเสาสามารถปรับความสูงและองศาได้ตามต้องการ ส่วนด้านขวาก็จะมีที่วางสบู่เล็กๆมาให้ด้วย ซึ่งเราอาจต้องหาชั้นวางสบู่มาติดเพิ่มเองนะครับ เพราะวางแค่สบู่ก้อนเดียวไม่พอใช้แน่ๆ รวมถึงของจริงโครงการจะติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้อีกด้วยครับ

ส่วนฝ้าเพดานก็จะฉาบเรียบทาสีปกติ มีไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้าให้ถึง 3 จุด และมีพัดลมดูดอากาศของ Panasonic ติดตั้งมาให้เราด้วยครับ

ถัดมาคือห้อง 2 Bedrooms 52.75 ตารางเมตร มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นห้องหน้ากว้าง โดยทำเป็นครัวเปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่ทานอาหารและห้องนั่งเล่น ทำให้ Common area กลายเป็นพื้นที่รูปตัว L ที่มีขนาดใหญ่มาก แต่ถ้าสังเกตดีๆเราจะสามารถกั้นผนังทำเป็นครัวปิดได้นะครับ ซึ่งเหมาะกับที่ชอบทำอาหารทานเองแล้วไม่อยากให้กลิ่นรบกวนในห้อง ส่วนห้องนอนจะแยกเป็น 2 ห้องทางขวา กั้นด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัว และมีห้องน้ำใช้งานร่วมกันอยู่ด้านนอก ทำให้ห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 2 – 3 คน อาจเป็นครอบครัวเริ่มต้นที่วางแผนจะมีลูก หรือมีลูกแล้วก็ได้ เน้นการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางกว้างๆ ภายนอกเป็นหลัก แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวในห้องนอนของตัวเองอยู่ครับ

เมื่อเข้ามาในห้องก็จะเจอกับ Common area ที่ค่อนข้างกว้าง อย่างที่ผมบอกไว้ในแปลนเลยครับ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย ซึ่งนอกจากภายในห้องจะได้รับแสงธรรมชาติจากระเบียงแล้ว ยังเปลี่ยนสีวัสดุที่ใช้อีกด้วย จากเดิมที่เคยเป็นไม้โอ๊คสีเข้มในห้องที่แล้ว ก็เปลี่ยนมาเป็นสีโทนสว่าง จึงทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างมากขึ้นครับ

พื้นที่ส่วนแรกบริเวณหน้าห้องยังคงเป็นครัว และพื้นที่ทานอาหารเหมือนเดิมนะ ซึ่งถ้ามองดูดีๆนะเห็นว่าครัวทางซ้ายมือเราสามารถกั้นผนังกระจกทำเป็นครัวปิดได้เลย แต่ถ้าไม่ค่อยได้ทำอาหารบนห้องอยู่แล้วจะไม่กั้นก็ได้ครับ ห้องจะได้โปร่งโล่งดี

และอย่างที่ผมเคยบอกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า Sale Gallery นี้สร้างอยู่ในโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นระยะที่เราเห็นในห้องตัวอย่างจะน้อยกว่าความเป็นจริงอยู่พอสมควรนะ อย่างเช่น ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวและประตูเข้าห้อง ควรต้องมีพื้นที่วางตู้เย็นอยู่ครับ แต่พื้นที่หน้างานจริงมีไม่พอ เค้าเลยจัดมาให้ดูได้คร่าวๆประมาณนี้นะ

ส่วนภายในตู้ก็มีพื้นที่เก็บของเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการอยู่อาศัยมากกว่า 1 – 2 คนครับ

เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L แต่ Top ด้านบนเค้าจะเปลี่ยนเป็นหิน Quartz สีขาว ซึ่งทนทานและดูแลรักษาง่ายกว่าหินแกรนิตครับ ติดตั้งเครื่องครัวของ MEX พร้อม Backsplash กับซ่อนไฟมาให้แบบนี้เหมือนเดิมเลย แต่ถ้ายังจำกันได้ว่าห้องที่แล้วเค้าจะใช้วัสดุเป็นโทนสีเข้มใช่มั๊ยครับ แต่สำหรับห้อง 2 Bedrooms เค้าจะเปลี่ยนเป็นโทนสีสว่างทั้งหมดเลย ดูสะอาดตาดีไปอีกแบบนะ

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางโต๊ะอาหารได้ขนาด 4 ที่นั่งครับ ซึ่งด้านซ้ายยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะเลย เราสามารถ Built เป็นตู้เต็มผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บให้เยอะขึ้นได้ แล้วยังสามารถทำเป็นที่เก็บรองเท้าหน้าห้องได้สะดวกอีกด้วย

และจากมุมมองของโต๊ะอาหารนี้เราสามารถทานข้าวไปแล้วดูทีวีไปด้วยได้นะ หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ก็เหมาะเลย เพราะตำแหน่งนี้อยู่ตรงกลางห้องพอดี สามารถเห็นความเคลื่อนไหวได้ทั่วทั้งห้องครับ

ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นซึ่งมีระยะทีวีกว้างประมาณ 2.6 m. (ของจริงอาจกว้างมากกว่านี้อีกหน่อยครับ) เราสามารถใช้ทีวีขนาดมากกว่า 50 นิ้วได้เลย หรือจะใช้จอใหญ่กว่านี้ก็ได้ เผื่อจะได้ดูจากโต๊ะทานอาหารเมื่อกี้ได้ด้วยครับ

โซฟาที่จะแถมมาในโปรโมชั่นจะเป็นแบบ 3 ที่นั่ง และมีเบาะเสริมอีกตัวหนึ่งที่เคลื่อนย้ายได้ ทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะนำมาต่อกับโซฟาตัวใหญ่แบบนี้ เพื่อกลายเป็นโซฟารูปตัว L ให้นอนดูทีวีสบายๆ (เลือกได้ด้วยว่าจะต่อฝั่งไหนแล้วแต่ชอบ) หรือจะจัดแบบแยกที่นั่งก็ได้ เผื่อในกรณีที่มีแขกมาบ้านเยอะ แล้วต้องการที่นั่งเพิ่มครับ ส่วนชั้นวางทีวีเราจะได้เฉพาะตู้ชั้นล่างนะ ซึ่งเก็บของได้มากขึ้นกว่าห้องที่แล้วเยอะเลยครับ

ติดกันเป็นระเบียง ซึ่งถ้าใครที่ชอบออกมาใช้งานบ่อยๆ แล้วคิดว่าโซฟาตัวนี้เกะกะก็สามารถย้ายตำแหน่งได้อย่างที่บอกไปนะ ส่วนภายนอกระเบียงคราวนี้เค้าไม่ได้ปูเสื่อเอาไว้เหมือนห้องที่แล้ว ผมเลยได้ถ่ายพื้นมาให้ดูด้วย ซึ่งพื้นของระเบียงเค้าจะไม่ได้ปูกระเบื้องมาให้นะครับ แต่จะเป็นพื้นคอนกรีตทำลายและเป็นสีเขียวๆแบบนี้เลย รวมถึงยังมีห้องเก็บ Condensing Unit แยกเป็นสัดส่วนให้เหมือนเดิมด้วยนะ

มองย้อนกลับเข้ามาในห้อง ต่อไปเราจะไปดูห้องนอนและห้องน้ำ ที่แยกเป็นสัดส่วนอยู่ทางด้านขวากันบ้างครับ ซึ่งจากมุมมองนี้ก็ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ที่มีพื้นที่ใหญ่ๆดีอยู่เหมือนกันนะครับ

เริ่มที่ห้องนอนเล็กห้องแรกทางซ้ายมือ ภายในมีพื้นที่ที่สามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้พอดีๆ ส่วนที่เห็นว่าห้องสว่างแบบนี้ ก็เป็นเพราะมีช่องแสงมาให้เยอะ เหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ

ทางซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้าที่ Built in มาให้ จะแยกช่องแขวนเสื้อออกเป็น 2 ฝั่งแบบนี้ แล้วคั่นด้วยช่องเก็บของตรงกลาง ติดกันจะเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต ที่ด้านล่างจะมีลิ้นชักให้เก็บของเหมือนเดิมครับ ปลายเตียงเหลือ 50 cm. ติดทีวีแขวนผนังได้นะ และของจริงจะไม่มีเสาอยู่ข้างเตียงแบบนี้

ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำครับ ซึ่งภายในจะเหมือนกับห้องที่แล้วเลย เพียงแต่ลักษณะและการตกแต่งบางอย่างจะต่างกันเล็กน้อย ที่เห็นชัดๆเลยคือ ผนังห้องนี้จะเป็นกระเบื้องโมเสคแผ่นเล็กๆแบบนี้ทั้งหมดเลยครับ ซึ่งก็สวยดีไปอีกแบบนะ แต่เวลาล้างห้องน้ำต้องขยันขัดหน่อย เพราะคราบต่างๆมักจะติดอยู่ตามร่องกระเบื้องแบบนี้นี่แหละครับ

อ่างล้างหน้าของ Toto และฝังเคาน์เตอร์หินแกรนิตเหมือนเดิมครับ แต่เค้าจะเปลี่ยนก๊อกน้ำเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่สามารถเปิด-ปิดน้ำร้อนน้ำเย็นได้ครับ เพราะห้อง 2 Bedrooms เค้าจะติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนมาให้ด้วย รวมถึงสีของสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษชำระก็จะเปลี่ยนเป็นสีเงินอีกด้วย

Shower Box ติดฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass แยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกัน และไม่ได้ลดระดับพื้นห้องให้เหมือนเดิมครับ โดยภายในจะมีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.2 x 1 m. ใช้งานได้สะดวก

Rain Shower จะเป็นแบบฝังผนัง ทำให้ดูเรียบร้อยและมีขนาดใหญ่มากขึ้น รวมถึง Hand Shower ก็จะมีรูปร่างที่เปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่งด้วยครับ ไม่มีเสาให้เลื่อนปรับความสูงได้แล้ว แต่ยังมีที่วางสบู่เล็กๆติดมาให้ ซึ่งก็คงต้องติดเพิ่มเองเหมือนเดิมนะ

ห้องสุดท้ายคือห้องนอนใหญ่ ซึ่งมีขนาดพื้นที่แค่พอดีกับการใช้งาน เพราะโครงการนี้เน้นการใช้งานพื้นที่ Common area ภายนอกมากกว่าครับ

ซึ่งถ้าเราอิงพื้นที่รอบเตียงจากห้องตัวอย่าง ทางด้านซ้ายวัดจากขอบเตียงถึงผนังจะกว้าง 90 cm. แต่ถ้าวัดจากขอบเตียงถึงขอบตู้ก็จะเหลือ 30 cm. พอให้เดินผ่านได้เท่านั้นครับ ปลายเตียงเหลือ 55 cm. และทางด้านขวาของเตียงจะกว้างประมาณ 70 cm.

ส่วนหน้าต่างเราจะได้เหมือนเดิมครับ มีบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้ด้วย แต่ของจริงจะไม่มีเสาทางขวานี้นะ อย่างที่บอกว่ามันเป็นโครงสร้างเดิมของที่นี่นั่นเอง

ส่วนอีกด้านของห้องตรงที่เราเปิดประตูเข้ามาเจอตอนแรก จะเป็นตู้เสื้อผ้าที่ Built มาให้แบบนี้เลยครับ มีที่เก็บของค่อนข้างเยอะ ซึ่งจากห้องตัวอย่างจะเหลือพื้นที่แต่งตัวกว้าง 85 cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆครับ แต่เวลาแต่งตัวอย่าลืมล็อคประตูก่อนนะครับ ไม่งั้นมีคนเปิดเข้าห้องมาจะชนกันได้

ส่วนสวิตซ์ไฟภายในห้องทั้งหมดจะเป็นของ ART DNA สีดำหน้าตาแบบนี้เลยครับ

ส่วนแบบห้องอื่นๆของโครงการจะมีดังนี้ครับ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร ฟังก์ชันที่ต่างจากห้องมาตรฐานคือหน้ากว้างของห้องที่เพิ่มมากขึ้น และห้องน้ำในห้องนอนจะเปลี่ยนจากวางแนวตั้งเป็นแนวนอนแทน ซึ่งทำให้เปิดพื้นที่ Walk in Closet เล็กๆเป็นสัดส่วนหน้าห้องน้ำพอดี แลกกับพื้นที่ข้างเตียงที่น้อยลง แต่มีพื้นที่ปลายเตียงมากขึ้นครับ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.72 ตารางเมตร เป็นห้องที่ผมเคยบอกว่าจะอยู่ที่ชั้น 1 และหันหน้าเข้าสู่สวนและสระว่ายน้ำด้านในของโครงการ มีระเบียงขนาดใหญ่ 2 ระเบียง ซึ่งจะเพิ่มเข้ามาในห้องนอนครับ จึงทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องอาจลดน้อยลง แต่ห้องนี้ก็อยู่ที่ชั้น 1 ที่ความสูงฝ้าจะมากถึง 2.8 m. เราจึงได้พื้นที่ใช้สอยแนวตั้งเพิ่มขึ้นมาทดแทน ทำให้ห้องสูงโปร่งมากขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบออกไปใช้งานสวนภายนอกบ่อยๆ ส่วนฟังก์ชันภายในจะยังเหมือนเดิมครับ

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 41.6 ตารางเมตร เป็นอีกห้องที่ภายในมีฟังก์ชันเหมือนกับห้องมาตรฐานทั้งหมด แต่จะมีระเบียงขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาในห้องนอนครับ เหมาะกับคนที่ชอบการใช้งานระเบียงเพื่อตากผ้าหรือจัดสวนแบบส่วนตัวมากๆ ซึ่งห้องนี้จะมีเพียงชั้นละ 1 ห้อง ที่อาคาร A เท่านั้นนะครับ

ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 50 ตารางเมตร มีลักษณะเหมือนกับห้องตัวอย่างที่เราไปดูกันมาเลยครับ แต่จะต่างกันเล็กน้อยตรงตำแหน่งประตูทางเข้าห้องที่จะไปอยู่ตรงมุมห้องแทน และเคาน์เตอร์ครัวก็จะเป็นรูปตัว I ไม่ใช่ตัว L ซึ่งก็ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น และใช้งานได้ต่อเนื่องกันดีครับ

ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 58.5 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ และมีเพียงชั้นละ 1 ห้องที่อาคาร B ในตำแต่งด้านหน้าสุด จุดเด่นของห้องนี้คือรูปร่างของห้องนั่งเล่น ที่เป็นลักษณะเหมือนสี่เหลี่ยมคางหมู ป้านออกมาตามลักษณะการบิดของอาคาร ทำให้เกิดพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ได้ครัวรูปตัว C ที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งอาจกั้นเป็นครัวปิดได้ลำบากนิดนึงครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบกลับมาบ้านแล้วเปิดห้องมาเจอกับพื้นที่โล่งๆ ใหญ่ๆ เหมือนเราได้อยู่บ้านจริงๆ ห้องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์เหมือนกันนะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 4 September 2019

  • 1 Bedroom 34.72 – 41.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 50 – 58.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 – 2.8 เมตร
  • Kitchen & Sink / ห้อง 1 Bedroom ท็อปหินแกรนิต และ 2 Bedrooms ท็อปหิน Quartz
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
  • โปรโมชั่นเฉพาะวัน Grand Opening (5 – 6 ต.ค. 2562) ราคาพิเศษเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
  • และถ้าลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ก่อนวันงาน จะได้ราคาห้องปกติ แต่แถมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยครับ คลิก https://takkacondo.com/

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการตั้งอยู่บนถนนศรีวรา ที่อยู่ขนานกับถนนเลียบด่วนรามอินทรา หรือย่าน “ทาวน์อินทาวน์” ซึ่งเป็นย่านที่มีความอุดมสมบูรณ์และคึกคักมากครับ เต็มไปด้วยคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารอร่อยๆ และสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง มีหลายร้านที่อยู่ในระยะเดินก็มี รวมถึงห้างใหญ่ๆในพื้นที่ก็เลือดไปได้ไม่ยากเลยครับ ไม่ว่าจะไป Central Festival East Ville และ The Crystal Park บนถนนเลียบด่วนรามอินทรา หรือจะไป The Mall รามคำแหง และ Major ก็ได้ ที่สำคัญคือเรื่องการเข้าถึงตัวโครงการครับ ถึงแม้ตัวอาคารจะไม่ได้อยู่ติดถนนศรีวราเลยซะทีเดียว อาจต้องเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาอีกนิด แต่ก็โชคดีหน่อยที่เป็นถนนส่วนบุคคลของโครงการเอง ทำให้ค่อนข้างปลอดภัยกว่าเดินเข้าซอยสาธารณะครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : นับว่าเป็นจุดเด่นของทำเลนี้เลยครับ เพราะ “ย่านทาวน์อินทาวน์” นับว่าอยู่กึ่งกลางของทำเลสำคัญ มีถนนหลักอย่างถนนประชาอุทิศที่จะไปรามคำแหง หรือรัชดา-ห้วยขวางก็ได้ แล้วยังมีถนนประดิษฐ์มนูธรรมที่ไปลาดพร้าว หรือวิ่งตรงยาวๆเข้าเมืองไปทองหล่อเลยก็สะดวก แถมทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ให้ใช้อยู่ไม่ไกล มีทางลัดไปออกถนนใหญ่เพื่อขึ้นทางด่วนได้โดยไม่ต้องไปเสียเวลากลับรถอีกต่างหาก แต่รถบริเวณนี้อาจติดสักหน่อยนะครับ เพราะมีสถานศึกษาและร้านอาหารหลายแห่งเลยทีเดียว ส่วนที่จอดรถของโครงการแบบไม่รวมซ้อนคัน 40% และรวมซ้อนคัน 60% ก็ถือว่าปานกลางครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถ้าเป็นวินมอไซต์ที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ในหมู่บ้านทาวน์อินทาวน์กับตรงแยกศรีวรา ระยะประมาณ 180 – 200 m. แต่ถนนศรีวราหน้าโครงการก็มีแท็กซี่ขับผ่านอยู่นะครับ และในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าให้ใช้บริการได้อีกด้วย

วัสดุ : โครงการขายเป็นห้องเปล่า จะต้องเผื่อเงินตกแต่งห้องเพิ่มเติมนะครับ โดยของที่ได้จะประกอบไปด้วย Digital Door Lock ของ Yale มีระบบ Home Automation ผนังในห้องเป็นก่ออิฐมวลเบา พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. ชุดเคาน์เตอร์ครัว Top หินแกรนิตสีดำ (สำหรับห้อง 1 Bedroom) และหิน Quartz สีขาว (สำหรับห้อง 2 Bedrooms) ได้อ่างล้างหน้า Hob&Hood ของ MEX กรอบประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียม Powder Coat สีน้ำตาลผิวเนื้อทราย กระจกสีเขียวตัดแสง พื้นระเบียงเป็นปูนขัดมันทำลายและทาสี สุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำเป็นของ Toto และ Hafele พร้อมกับได้ Smart Mirror ของ Focco และเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นหินแกรนิต ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้ด้วย

การออกแบบโครงการ : แนวคิดโครงการออกแบบเป็นสไตล์ Modern Japanese ตกแต่ง facade เป็นระแนงไม้ธรรมชาติแบบญี่ปุ่น ซึ่งใช้เทคนิคการออกแบบช่องแสงภายในห้องมาช่วย รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางเองก็มีระเบียงล้อมรอบสระว่ายน้ำ ได้อารมณ์แบบ้านญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ตึก โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องด้านในสามารถรับวิวสระว่ายน้ำและสวนได้ โดยที่นี่จะเน้นความเป็นส่วนตัว เพราะทำตึกออกมาสูงแค่ 7 ชั้น และมีห้องพักอาศัยเพียง 208 ยูนิต ส่วนผังอาคารก็มีหลายมุมให้เลือกเยอะครับ มีทั้งแบบที่ติดสระและสวนชั้น 1 เลยก็มี เป็นห้อง 2 ระเบียง แล้วยังได้ฝ้าเพดานสูง 2.8 m. อีกด้วย ส่วนห้องพักชั้นบนถ้าเป็นตำแหน่งที่ได้ Single Corridor ตรงหน้าต่างห้องก็อาจต้องปะทะกับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามใกล้หน่อย แต่ก็มีห้องตรงต้นสระที่ได้วิวสระแนวยาว และมีระยะห่างของสายตาที่เยอะอยู่ด้วย แต่ถ้าเป็นคนชอบความเป็นส่วนตัวมากๆ ไม่สนเรื่องวิว ก็จะมีห้องทางด้านหลังให้เลือกได้เช่นกันครับ

การออกแบบห้องพักอาศัย : จุดเด่นอีกอย่างของโครงการนี้คือขนาดห้องที่ใหญ่ และเป็นห้องหน้ากว้างครับ ฟังก์ชันหลักๆจะเน้น Common area ที่โปร่งโล่ง เพราะจะไม่ได้กั้นห้องครัวมาให้ บวกกับคนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับการอยู่อาศัยแบบแนวราบ จึงทำให้ห้องดูกว้างเหมือนอยู่บ้าน แต่ก็มีพื้นที่ประกอบอาหารเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนระเบียงก็ค่อนข้างใหญ่นะ แล้วเค้ายังแบ่งพื้นที่เป็น Condensing Unit แยกไว้เป็นสัดส่วนอีกด้วย แต่ที่ผมชอบจริงๆคือมีแบบห้องที่มีระเบียง 2 ระเบียงให้เลือก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่เฉพาะชั้น 1 ติดกับสวนและสระว่ายน้ำเท่านั้น เหมาะกับคนชอบออกมาใช้งานระเบียงและชมสวนมากๆครับ ส่วนห้องนอนจะไม่ได้เน้นมาก มีขนาดพื้นที่ใช้งานพอดีๆ แต่เป็นส่วนตัวเพราะกั้นด้วยผนังทึบทั้งหมดครับ

สาธารณูปโภค : หลักๆจะอยู่ที่ตรงกลางโครงการ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 18 x 5 m. และสวนระหว่างอาคารให้เดินเล่นและนั่งพักผ่อนกันได้ และที่ใต้อาคาร A ก็จะมี Co-Working Area และ Fitness อยู่ด้วย ทำให้คนที่อยู่อาคาร A จะสามารถมาใช้งานได้สะดวกมากกว่า แต่ก็จะมีความพลุกพล่านมากกว่าเช่นกันครับ แต่โดยรวมส่วนกลางทั้งหมดจะตกแต่งเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ดูเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และน่าใช้งานดีครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 90,000 บาท/ตร.ม., 4 September 2019

  • ทำเล 7.75/10 – ทำเลทาวน์อินทาวน์ ติดถนนศรีวรา มีอุดมสมบูรณ์
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้าออกได้หลายทาง ไปทางด่วนไม่ต้องกลับรถ มีที่จอดรถ 40% และจอดซ้อนคันได้เป็น 60%
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกรถแท็กซี่หน้าโครงการได้ มีวินมอไซค์ไม่ไกล อนาคตมีรถไฟฟ้าใช้
  • วัสดุ 8/10 – เป็นห้องเปล่า ต้องแต่งเพิ่ม แต่ให้วัสดุค่อนข้างดี
  • แบบ 7.75/10 – ตกแต่งแบบญี่ปุ่น เน้นความเป็นส่วนตัว ห้องใหญ่และหน้ากว้าง
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบ ตกแต่งสวยงาม น่าใช้งาน

  • UPPER CLASS
  • 7.73 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ TAKKA Sriwara เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใหม่ย่านทาวน์อินทาวน์ ทำเลอุดมสมบูรณ์ และเดินทางด้วยรถยนต์สะดวก ชอบความเป็นส่วนตัว และห้องแบบหน้ากว้างที่เป็นสัดส่วน มีส่วนกลางหลักๆให้ใช้งานครบ มีงบประมาณ 3.4 – 5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 24,000 – 35,000 บาท/เดือน


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving