สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วกับโครงการ Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) จาก เสนา หนึ่งในโครงการคอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีส้มที่กำลังก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในอนาคต และใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ตอนนี้สร้างเสร็จแล้วและกำลังทดลองเปิดให้บริการอยู่ มีอาคารให้เลือกทั้ง High Rise และ Low Rise โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ทำเล : โครงการตั้งอยู่ติด MRT สถานี รามคำแหง 34 รถไฟฟ้าสายสีส้ม ในย่านรามคำแหง ซึ่งในอนาคตจะทำให้พื้นที่บริเวณนี้พัฒนาขึ้นไปอีก
- ความอุดมสมบูรณ์สูง : ทำเลสะดวก หาของกินง่ายมากๆ ใกล้โรงพยาบาลรามคำแหง
- เดินทางสะดวก : ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ช่วงซอยรามคำแหง 34 เรียกรถง่าย มีรถสาธารณะต่างๆ เป็นทางเลือก ทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเหลือง ไม่ไกลจากทางด่วน และยังสามารถนั่งเรือไปทำงานในเมืองได้ด้วย
- พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ : Facilities ที่ให้มาค่อนข้างเยอะและหลากหลาย ส่วนกลางขนาดใหญ่ 6.5 ไร่ 50 กิจกรรม โดยมีค่าส่วนกลางเพียง 33 บาท/ตร.ม.*
- ห้องพักอาศัย : มีให้เลือกทั้ง Fully Fitted และ Fully Furnished ฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วน ห้องน้ำทุก Type แบ่งเป็น 3 ส่วนแยกการใช้งานอย่างชัดเจน (แยกส่วนอาบน้ำ ส่วนห้องน้ำ และอ่างล้างหน้า)
ข้อมูลโครงการ
Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2566
ชื่อโครงการ | Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ระหว่างซอยรามคำแหง 36-36/1 ใกล้โรงพยาบาลรามคำแหง ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ |
ที่ดิน | 14-2-74 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise อาคาร A สูง 37, อาคาร B สูง 33 ชั้น | Low Rise อาคาร C,D,E สูง 7 ชั้น | รวมทั้งหมด 5 อาคาร |
จำนวนยูนิต | ยูนิตรวมทั้งหมด 1,698 ยูนิต ร้านค้าทั้งหมด 9 ยูนิต |
จำนวนยูนิตแต่ละอาคาร | อาคาร A = 747 , B = 663, C= 81 , D = 104 , E = 104 |
ที่จอดรถ | อาคารจอดรถ 5 ชั้น 870 คัน คิดเป็น 51% รวมซ้อนคัน |
เริ่มก่อสร้าง | 2018 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | 2022 สร้างเสร็จพร้อมอยู่ |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.6 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 2.19 ล้านบาท* |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 99,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | N/A |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
Call Center | 1775 ต่อ 69 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.762371262246678, 100.63730631424104
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) ตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่รามคำแหง ระหว่างซอยรามคำแหง 36 และ 36/1 โดยที่ถนนรามคำแหงนี้มีซอยทางลัดที่สามารถไปเชื่อมต่อกับถนนหัวหมากได้หลายซอย เช่น ซอย 32 และซอย 40 เป็นต้น โดยถนนเส้นนี้ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งถ้าโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จก็คาดว่าน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรไปได้มากทีเดียว และตอนนี้ก็สะดวกขึ้นกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่เพิ่งจะทดลองเปิดให้บริการ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวโครงการเพียง 1 กม. สถานทีแยกลำสาลี
ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนรามคำแหงจึงทำให้สะดวกต่อการเดินทางไปโซนบางกะปิ, ลาดพร้าว, นวมินทร์ และเสรีไทยหรือจะลงใต้เพื่อเชื่อมต่อกับถนนพัฒนาการ ถนนเพชรบุรี ไปอ่อนนุช สมุทรปราการ หรือจะเข้าเมืองมาทางฝั่ง ม.รามคำแหง พระราม 9 ก็ได้ค่ะ
สำหรับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะของย่านนี้ ถือว่ามีตัวเลือกที่หลากหลาย ในปัจจุบันมีทั้งรถเมล์ เรือ Taxi วินมอเตอร์ไซค์ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังทดลองให้บริการและที่สำคัญในตอนนี้ได้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) อยู่ด้วยค่ะ นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้วยังสามารถเดินทางด้วยเรือโดยสารที่คลองแสนแสบได้ โดยสามารถนั่งเรือเข้าเมืองไปทางอโศก ประตูน้ำ ไปสุดจนถึงผ่านฟ้าได้ง่ายมากๆ
เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในย่านบางกะปิ–รามคำแหง ซึ่งจัดว่าเป็นย่านแห่งมหาวิทยาลัย โดยมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ทั้งรามคำแหง และอัสสัมชัญ เรียกได้ว่าเป็น “แคมปัสทาวน์” อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ที่มีการแข่งขันกีฬารายการใหญ่มีผู้ชมนับแสนคน นับเป็นย่านที่มีศักยภาพสูง มีความคึกคักตลอดสาย และยังเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่นดั้งเดิมที่มีมานาน จึงมีความอุดมสมบูรณ์พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัย
ด้านความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการมากที่สุดคงหนีไม่พ้นห้างร้านและตลาดต่างๆบริเวณแยกบางกะปิ ทั้ง The Mall บางกะปิ, ตะวันนา, Makro, Lotus’s , ตลาดบางกะปิ และห้างพันธุ์ทิพย์ หรือถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็จะมี The Mall รามคำแหง และห้าง Major ให้แวะไปใช้งานกันได้ หากในอนาคตที่รถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ก็จะสามารถนั่ง MRT ไปลงที่หน้าห้างได้เลยค่ะ ค่อนข้างสะดวกมากๆ ห่างออกไปเพียง 2 – 3 สถานีเท่านั้น และใกล้กับโครงการจะเป็นโรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งรอบๆก็ค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว ส่วนบริเวณมหาลัยรามคำแหงนั้นจะมีสนามกีฬาขนาดใหญ่อย่าง ราชมังคลากีฬาสถาน ตั้งอยู่อีกด้วย โดยในช่วงที่มีวันจัดงานการแข่งขันก็จะทำให้บริเวณย่านนี้คึกคักมากๆเลยนะ แต่สำหรับคนที่อยู่ในย่านนี้และเป็นคอกีฬาด้วยแล้ว ก็สามารถไปชมการแข่งขันสดๆได้ไม่ยากเลยค่ะ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วค่ะว่าถนนรามคำแหงจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มวิ่งผ่านในอนาคต ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณปี 2566 โดยตำแหน่งของสถานีนั้นจะอยู่ติดกับรั้วโครงการด้านหน้าเลย คือ สถานี รามคำแหง 34 และถัดออกไปอีกแค่ 1 สถานี ก็จะเป็นสถานี Interchange กันระหว่างสายสีส้มกับสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) ที่วิ่งไปตามเส้นถนนลาดพร้าวและถนนศรีนครินทร์เพื่อไปทางสมุทรปราการ
โดยรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้ จะเริ่มให้บริการตั้งแต่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ (ถนนรัชดาภิเษก) ไปยังสถานีแยกร่มเกล้า (โซนมีนบุรี) เป็นสายที่ช่วยให้ชาวรามคำแหง-มีนบุรีเดินทางเข้ามาใจกลางเมืองโซนรัชดาฯ-พระราม 9 ได้ง่าย ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้จะมีจุดเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีอื่นอีก 3 สาย คือ
1) สายสีชมพู เชื่อมต่อที่สถานีมีนบุรี (เดินทางไปยังโซนรามอินทรา-แจ้งวัฒนะ)
2) สายสีเหลือง เชื่อมต่อที่สถานีแยกลำสาลี (เดินทางไปยังเส้นลาดพร้าว-สำโรง)
3) สายสีน้ำเงิน เชื่อมต่อที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ (เดินทางวนรอบใจกลางเมือง)
หากใครที่ทำงานในเมือง (ทองหล่อ – อโศก) แล้วไม่อยากเจอรถติดบนท้องถนน หรือรอใช้รถไฟฟ้าในอนาคตไม่ไหว สำหรับย่านนี้แล้วยังมีอีกการเดินทางหนึ่งที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกคือ “ท่าเรือคลองแสนแสบ” นั่นเองค่ะ โดยท่าเรือที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ ท่าเรือวัดกลาง อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 m. ซึ่งเป็นระยะที่พอเดินได้นะ แต่ก็แอบเหนื่อยหน่อย สามารถข้ามสะพานลอยที่อยู่ไม่ไกลเพื่อไปฝั่งตรงข้ามได้ และจะต้องเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ โดยความจริงแล้วเราสามารถเข้าซอยย่อยๆได้หลายซอย เพื่อไปเชื่อมต่อไปยังทางเดินเลียบคลองแสนแสบทางด้านหลังได้ แต่เราจะแนะนำให้ใช้ซอยรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นซอยใหญ่มากกว่า เพราะถนนกว้าง ไม่เปลี่ยว และทางเท้ากว้างปลอดภัยค่ะ
ส่วนทางด่วนจะสามารถใช้ได้ 2 เส้นทางเลยคือ ทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษศรีรัช โดยทางด่วนทั้ง 2 เส้นนั้น จะต้องเผื่อเวลารถติดตลอดเส้นทางบนถนนรามคำแหง โดยเฉพาะแยกรามคำแหง และแยกคลองตัน ประมาณครึ่งชั่วโมงกันด้วยนะคะ ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 4.9 – 5.6 km.
แต่สำหรับใครที่ต้องออกไปทำงานนอกเมืองแถวลาดกระบัง – ชลบุรี ก็ง่ายมากๆค่ะเพราะมีมอเตอร์เวย์ให้ใช้งานได้ ห่างจากโครงการประมาณ 4.7 km. และใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนมากจะเป็นชุมชนแนวราบนะคะ อาคารเน้น take view 2 ฝั่งเป็นหลัก มีอาคารสูงเป็นคอนโดเพื่อนบ้านอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : เป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ติดถนนรามคำแหง ได้วิวชุมชนแนวราบฝั่งลาดพร้าวและคลองแสนแสบ
- ทิศใต้ : ติดกับชุมชนแนวราบ และมองเห็นวิวฝั่งหัวหมาก
- ทิศตะวันออก : ติดกับชุมชนแนวราบ ที่ว่าง และเห็นคอนโดสูงอยู่บ้างในระยะ 300 m. ได้วิวฝั่งศรีนครินทร์
- ทิศตะวันตก : ติดกับชุมชนแนวราบ โรงพยาบาลรามคำแหง โรงงาน และโกดังสินค้า มีแนวคอนโดสูงอยู่ในระยะ 1 km.
มาเดินดูรอบๆโครงการกันค่ะ ทางด้านหน้าติดกับถนนรามคำแหง และฝั่งตรงข้ามเป็นชุมชนแนวราบดั้งเดิม ปัจจุบันยังไม่มีตึกสูงบังนะ
เดินมาบริเวณถนนใหญ่ฝั่งด้านหน้าโครงการจะเห็นว่าเต็มไปด้วยแนวร้านค้า ร้านอาหาร บรรยากาศคึกคัก หาของกินได้ง่ายมากๆ
ทางด้านนี้จะมีซอยรามคำแหง 36 ตั้งอยู่ ซึ่งบริเวณหน้าปากซอยจะมีป้ายรถเมล์ขนาดใหญ่ มีร้านกาแฟ Amazon เซเว่น และมีสะพานลอยให้เดินข้ามถนนได้อีกด้วย
ทางด้านซ้ายของโครงการจะอยู่ติดกับ MRT สถานี รามคำแหง 34 ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่เลยค่ะ
ขึ้นมาชมบรรยากาศจากด้านบนสะพานลอยกันค่ะ ทางฝั่งนี้เป็นทิศที่มุ่งหน้าไปทางรามคำแหง จะเห็นว่าส่วนมากยังเป็นชุมชนแนวราบ แต่ก็เริ่มมีอาคารสูงเกิดขึ้นมาในพื้นที่อยู่บ้างซึ่งจะเป็นพวกคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานเป็นส่วนใหญ่
แต่ที่น่าสนใจคือทางด้านซ้ายมือ คือถ้าเราเดินเลยสะพานลอยนี้ไปอีกหน่อยก็จะเจอซอยรามคำแหง 34 หรือซอยข้างโรงพยาบาลนั่นเอง โดยซอยนี้ค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากค่ะ ถัดมาจะเป็นโรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการเพียง 80 m. เท่านั้น โดยทางเข้านี้จะสามารถไปออกถนนหัวหมากทางด้านหลังโรงพยาบาลได้ด้วย หรือจะใช้เป็นซอยรามคำแหง 32 ที่อยู่ถัดไปก็ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับบรรยากาศภายในซอยรามคำแหง 34 หรือซอยข้างโรงพยาบาล (เป็นซอยตัน) บริเวณต้นซอยจะมีร้านค้าร้านอาหารตลอด 2 ข้างทาง ค่อนข้างคึกคักมากค่ะ เห็นหมอและพยาบาล หรือแม้แต่คนที่มาธุระที่โรงพยาบาล และคนในละแวกนี้ก็มาฝากท้องหรือมาอุดหนุนกันอยู่ตลอดทั้งวัน ซึ่งจากคอนโดเองก็สามารถเดินมาได้ไม่ยากเลยค่ะ
ถัดมาเป็นทางเข้าโรงพยาบาลรามคำแหง อย่างที่บอกไปแล้วว่าทางเข้านี้สามารถไปออกถนนหัวหมากที่ด้านหลังโรงพยาบาลได้ และภายในโรงพยาบาลเองก็จะมีร้านค้าต่างๆ เหมือนในโรงพยาบาลเอกชนทั่วไปอีกด้วย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตะวันนา ~ 2.6 กม. (ระยะเดิน : 1.2 กม.)
- บิ๊กซี หัวหมาก ~ 2.8 กม.
- พันธุทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ ~ 2.9 กม.
- เทสโก้ โลตัส ~ 3.6 กม.
- แม็คโคร ~ 3.7 กม. (ระยะเดิน : 1.2 ม.)
- เมเจอร์ ฮอลลีวูด รามคำแหง ~ 5 กม.
- The Nine พระราม 9 ~ 5.7 กม.
- เดอะมอลล์ บางกะปิ ~ 6 กม. (ระยะเดิน : 1.2 กม.)
- ลอนดอน สตรีท พัฒนาการ ~ 7.1 กม.
โรงพยาบาล
- รพ.รามคำแหง ~ 80 ม.
- รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 4.5 กม.
- รพ.เวชธานี ~ 4.6 กม.
- รพ.วิภาราม ~ 5.1 กม.
สถานศึกษา
- ม.รามคำแหง ~ 1.6 กม.
- รร.สาธิต ม.รามคำแหง ~ 2.8 กม.
- ม.อัสสัมชัญ ~ 3.1 กม.
- รร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ~ 3.5 กม.
- รร.นานาชาติ BGIS ~ 3.5 กม.
- รร.นานาชาติ RAIS ~ 4 กม.
- สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ~ 4.6 กม.
- รร.นานาชาติ SISB ~ 6.4 กม.
- รร.นานาชาติ LFIB ~ 6.4 กม.
- ม.เกษมบัณฑิต ~ 6.4 กม
- รร.นานาชาติเดอะรีเจ้นท์ ~ 6.5 กม.
สถานที่สำคัญอื่นๆ
- ราชมังคลากีฬาสถาน ~ 2 กม.
รายละเอียดโครงการ
Niche Mono เป็นแบรนด์คอนโดจากเสนา ที่เน้นทำเลติดถนนใหญ่ ไม่ไกลรถไฟฟ้านักสำหรับโครงการ Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ 5 อาคาร 1,698 ยูนิต ที่มีทั้ง High Rise และ Low Rise รวมอยู่ด้วยกัน เนื่องจากมีจุดเด่นคือพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 6.5 ไร่ รองรับ 50 กิจกรรม ทางโครงการจึงวางแนวคิดในการออกแบบเป็น Recharge โดยนําจังหวะการเต้นของหัวใจ มาสร้างเป็นกิจกรรมต่างๆ
เริ่มต้นจากส่วนที่หัวใจเต้นเบาที่สุด (WARM UP) จัดให้เป็นพื้นที่พักผ่อน เพิ่มความหนักของกิจกรรมเป็นลานโยคะ (FAT BURN) ลาน URBAN FARMING (CARDIO) จนถึงกิจกรรมที่หนักที่สุด (HARD TRAINING) คือส่วนที่บริเวณ SPORT COURT และค่อยๆเบาลง เป็นสระว่ายน้ำหลังโครงการ (CARDIO) จนกระทั่งเบาลงอีกบริเวณส่วนหลังโครงการ (FAT BURN) เดี๋ยวเราจะค่อยๆพาไปชมในแต่ละส่วนกันนะคะ
จาก Master Plan ด้านหน้าฝั่งที่ติดกับถนนใหญ่ ปัจจุบันจะเป็นสำนักงานขายซึ่งในอนาคตจะเป็น Shop เราสอบถามจากโครงการมา คาดว่าจะมีร้านกาแฟกับ 7-11 อย่างไรต้องรอดูอีกทีว่าจะมีอะไรมาลงนะคะ ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของคอนโด High Rise อาคาร A และ B ซึ่งจะมี Facilities อัดแน่นอยู่ใน 2 อาคารนี้เป็นหลัก และในชั้นสูงๆก็จะได้วิวที่เปิดโล่ง ถัดจากอาคาร High Rise คั่นด้วยสนามบาส ด้านในสุดจึงจะเป็นคอนโด Low Rise 3 อาคารค่ะ ซึ่งบรรยากาศจะเงียบสงบคล้ายรีสอร์ต ถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เราสามารถเลือกรูปแบบการอยู่อาศัยได้หลากหลายดีค่ะ
Sale Gallery
เริ่มจากทางด้านหน้าสุดก็คือ Sale Gallery ซึ่งถนนทางเข้าโครงการด้านขวามือจะมีพื้นที่ให้จอดรถชั่วคราวเพื่อแวะซื้อของที่ร้านค้าก่อนเข้าโครงการได้อีกด้วย ติดกับโครงการทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าสถานี MRT รามคำแหง 34 ถือว่าสะดวกมากๆ
ส่วน RETAIL MALL Concept โครงการจะเปรียบเสมือนการ WARM UP เตรียมความพร้อมก่อนออกกําลังกาย โดยจัดกิจกรรมเบาๆ เช่น กิจกรรมเดินเล่น ชอปปิง ทานอาหาร
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย ซึ่งจะมีห้องตัวอย่างและโมเดลให้เราดู
บริเวณสำนักงานขายด้านหน้าในอนาคตจะเป็น Shop ซึ่งร้านค้าเหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้พอสมควรเลย แน่นอนว่าพอตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าแบบนี้ก็อาจต้องมีคนภายนอกเดินมาใช้งานด้วยบ้าง (ติดถนนใหญ่และติดรถไฟฟ้าอีกด้วย)
เข้ามาด้านในจะเจอกับป้อมรปภ. CCTV และไม้กระดกกั้นเพื่อความปลอดภัย
ถัดจากสำนักงานขายมาจะเจอกับอาคาร High Rise ที่อยู่ด้านหน้าก่อนเลย คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 37 และ 33 ชั้น จำนวน 2 Tower แต่จะใช้ฐาน Podium เดียวกัน คือชั้นจอดรถ 2 – 5 มีชั้น Main Facilities อยู่ที่ชั้น 6 – 7 และชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 เป็นต้นไปค่ะ และที่ชั้นบนๆตั้งแต่ประมาณชั้น 29 เป็นต้นไป จะมีจำนวนห้องที่ลดลง จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และจะมี Roof Top Facilities ให้ขึ้นไปใช้งานได้แก่ สวน และ Sky Lounge
พื้นที่ส่วนกลางชั้นล่าง
ในส่วนของคอนโด High Rise จะประกอบด้วย 2 Tower คือ Tower A และ Tower B โดยชั้นล่างแต่ละอาคารจะมี Lobby ของใครของมันและมีพื้นที่ส่วนกลางที่เกี่ยวกับการนั่งทำงาน Work From Home เอาใจคนรุ่นใหม่ อย่าง Meeting Room , Social Lounge , Co-Working Space เป็นต้น ซึ่งสามารถลงมาใช้งานเองหรือนัดเพื่อนๆมาจัดประชุมก็ได้ โดยไม่ต้องเดินผ่านขึ้นไปชั้นบนตึก
เริ่มจากตอนเข้ามาในโครงการ ถ้าเราขับรถมาจะต้องเอารถวนเข้าไปจอดทางฝั่งซ้าย ส่วนคนที่วนรถส่งเพื่อนจะต้องมาส่งที่บริเวณ Drop off
ที่จอดรถจะมีทั้งรอบๆอาคารและในอาคาร รวมถึงยังมีอาคารจอดรถด้านหลังอีกด้วย ซึ่งรวมๆแล้วจอดได้ประมาณ 870 คัน คิดเป็น 51% รวมซ้อนคัน
วนมาด้านหลังก็จะมีทางขึ้นที่จอดรถแบบนี้
อาคาร A และ B ที่เป็น High Rise ที่จอดรถจะอยู่ในชั้น 2 – 5 มีลิฟต์เชื่อมเข้าไปในอาคารได้
สวนหย่อมด้านข้างอาคาร
ด้านข้างอาคารอีกฝั่งจะเป็นสวน Concept การออกแบบจะจัดให้มีกิจกรรมที่หนักขึ้นกว่าช่วงแรก คือมีสวนหย่อม ลานโยคะ และลู่วิ่ง เปรียบเสมือนการออกกําลังกายในช่วง FAT BURN หรือ ช่วงเผาผลาญไขมัน มีการออกกําลังกายที่หนักขึ้น
Lobby อาคาร A
เข้ามาด้านในอาคาร A จะเป็น Lobby ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ดำ มีที่ให้นั่งพักผ่อน ดูวิวจากหน้าต่างบานใหญ่ตลอดทั้งแนว
ทางโครงการมีการออกแบบพื้นที่เอาไว้รองรับการทำงานแบบ Work From Home อยู่พอสมควร อย่างห้องนี้จะเป็นห้องประชุม จุได้ 6-10 คน
ห้องจดหมาย
ถัดเข้ามาจะเป็นตู้จดหมายของทุกห้องบนอาคาร A ถ้าเดินออกไปตรงประตูจะเป็นทางไปที่จอดรถและ Co-Working Space
โถงลิฟต์
โถงลิฟต์จะกั้นแยกด้วย Card ซึ่งจะมีลิฟต์โดยสารให้ใช้ 4 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัว
ถัดมาด้านในจะเป็นห้อง Co-Working Space ที่ทางโครงการจัดที่นั่งมาให้ค่อนข้างเยอะ สามารถนั่งทำงานในบรรยากาศสบายๆ รับวิวสวนหย่อมจากกระจกบานใหญ่
หรือจะเป็นมุมอ่านหนังสือแบบชิลล์ๆ นั่งได้ นอนได้ ก็มีค่ะ ถ้าใครเบื่อทำงานที่ห้องก็สามารถลงมาใช้บริการได้
นอกจากนั้นยังมีห้องประชุมที่รองรับได้ประมาณ 8 ที่นั่งมาให้ด้วยค่ะ บรรยากาศจะตกแต่งโทนสีขาวสบายตา
ส่วน Lobby Tower B จะเปลี่ยนเป็นโทนสีส้ม จี๊ดจ๊าด จัดกับลายกราฟฟิกสีขาว ดำ มีที่นั่งพักผ่อนมาให้เยอะเช่นเดียวกันค่ะ
มีห้องน้ำมาให้ใช้บริเวณ Lobby เผื่อใครทำธุระด่วน
บรรยากาศภายในห้องน้ำ
ห้องจดหมายอาคาร B
อาคาร B ก็จะมีห้องจดหมายอยู่ชั้นล่างเหมือนกันค่ะ
โถงลิฟต์ของ Tower B คล้ายกับ Tower A ค่ะ
Niche-Mono-รามคำแหง_B-8
เดินถัดมาก็จะเจอ Social Lounge Chit Chat Space ที่สามารถนั่งพักผ่อน นั่งทำงานหรือใช้โต๊ะมาตีปิงปองเล่นกันก็ได้
พื้นที่ส่วนกลางชั้น 6-7
ถัดมาเราจะขึ้นไปดูกันที่ชั้น Main Facilities ซึ่งจะอยู่บริเวณชั้น 6 – 7 ของอาคาร A และ B กินพื้นที่สูงถึง 2 ชั้น และเชื่อมต่อกันไปทั้ง 2 อาคาร จึงทำให้มีขนาดพื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่ขึ้นค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 2 โซนคือ Passive zone ที่อาคาร A เหมาะสำหรับการพักผ่อน และ Active zone ที่อาคาร B เหมาะสำหรับการออกกำลังกายค่ะ
ขึ้นมาดูพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 6 เริ่มจากสระ Passive Pool ยาว 30 เมตร
Sunset Pool Lounge
ถัดจากโซนสระมาก็จะเจอ Sunset Pool Lounge ให้เรามานั่งพักผ่อนชมวิว หรือใช้เป็นพื้นที่นั่งรอเพื่อนออกกำลังกายก็ได้ค่ะ
Co-Kitchen
ติดๆกันจะเป็นห้อง Co-Kitchen ที่เราสามารถจองพื้นที่ใช้ทำครัวหรือจัดปาร์ตี้ได้ โดยทางโครงการจะมีอุปกรณ์ เครื่องครัวและที่นั่งมาให้
เดินถัดมาจะเจอกับทางเดินเชื่อมไปที่อาคาร B ซึ่งด้านข้างจัดเป็นสวนให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาใช้งาน นั่งพักผ่อนกันได้แบบส่วนตัว และมี Jogging Track ไว้วิ่งออกกำลังกาย
มี Squash Court มาให้ด้วยนะ
เราเดินออกมาจะเจอทางเชื่อมขึ้นไปดูพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 7 อาคาร B
ทางเดินเชื่อมไปพื้นที่ส่วนกลางอาคาร B จะเป็นสวนหย่อมและมีพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งโครงการนี้แม้จะอยู่ชั้นบนแต่ได้รับลมดีมากๆ มานั่งเล่นพักผ่อนระหว่างวันกันได้ค่ะ
อาคาร B ก็จะมี Lounge อยู่อีกจุดหนึ่ง ห้องนี้ชื่อ Sunrise Pool Lounge อยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำค่ะ
ระหว่างทางเดินไปสระก็มีห้องน้ำให้ใช้บริการ เป็นห้องน้ำที่แยกชายหญิง
บรรยากาศภายในห้องน้ำ
บรรยากาศภายในห้องน้ำค่ะ มีให้ครบทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ออกกำลังกายเสร็จก็สามารถมาใช้งานได้สะดวก
อาคาร B จะมีสระว่ายน้ำอยู่อีกสระหนึ่ง เป็น Active Pool ยาว 50 เมตร ว่ายออกกำลังกายกันได้อย่างเต็มที่
บริเวณมุมสระจะมี Jacuzzi ให้นั่งแช่ตัวชมวิว
Active Pool
สระนี้เป็นแบบ Semi Outdoor สามารถว่ายได้ทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง บริเวณริมสระจะเปิดรับวิวโล่งแบบนี้เลย มีที่นั่งพักผ่อนมาให้ สระเด็กที่มีความลึกไม่มากก็จะอยู่บริเวณนี้ด้วยค่ะ
ดูส่วนกลางชั้น 6 ครบแล้วเราจะพาไปชม Sport Village ที่ชั้น 7 กัน ซึ่งขึ้นได้หลายทางทั้งลิฟต์ หรือจะเดินขึ้นบันไดบริเวณสระว่ายน้ำก็ได้เหมือนกัน
บริเวณชั้น 7 ส่วนนี้เรียกว่า Sport Village หรือเป็นโซน Fitness ที่จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. (เฉพาะห้อง Boxing Studio, Cardio Studio, Fitness Studio) ถือเป็นจุด Signature ของโครงการที่มีการออกแบบพื้นที่แต่ละโซน และแต่ละฟังก์ชันแยกออกจากกันเป็นห้องๆ ไป ซึ่งเราเองก็มองว่าดีนะ เพราะแยกพื้นที่การใช้งานกันอย่างชัดเจนไม่รบกวนกัน
ขึ้นมาที่ชั้น 7 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางแนว Sport ยกชั้น สายออกกำลังกายต้องชอบมากแน่ๆ เพราะมีให้ใช้เยอะจุใจ แบ่งแต่ละฟังก์ชันออกเป็นห้องๆชัดเจน เหมือนยกฟิตเนสใหญ่ๆมาไว้ในคอนโดเลย ส่วนทางฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง มีล็อคเกอร์มาให้เก็บของเยอะพอสมควรเลยค่ะ
เริ่มจากห้องแรกเป็นห้องต่อยมวย ที่ไม่ใช่มีแค่นวมมาให้ แต่ยกมาทั้งเวทีเลย
Bike Studio
ต่อมาเป็นห้อง Bike Studio ให้มาใช้ปั่นจักรยานพร้อมชมวิวหรือจะเปิดคลิปวิดีโอ เพลงสนุกๆ ก็มีอุปกรณ์มาให้
Weight Training
ห้องสำหรับ Weight Training มีอุปกรณ์มาให้ครบครัน
โซน Cardio
พร้อมทั้งมีลู่วิ่งสำหรับ Cardio แบบแยกโซน
ห้อง Pilates ก็มีนะจ้ะ จัดมาให้ 2 เครื่อง ซึ่งเป็นห้องแยกใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัวเลย
ห้อง Yoga Studio ที่ค่อนข้างกว้าง สามารถให้เทรนเนอร์ขึ้นมาจัดกลุ่มคลาสเล็กๆได้สบายๆ
วิเคราะห์ชั้นห้องพักอาศัย
ตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจะเป็นชั้นพักอาศัยค่ะ โดยตัวอาคารจะวางโถงลิฟต์เอาไว้ช่วงกลางๆ ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งก็มีลิฟต์อยู่ถึง 4 ตัว พร้อม service lift อีก 1 ตัว ซึ่งมีจุดที่อยากให้สังเกตอยู่ 2 จุดด้วยกันค่ะ จุดแรก (กรอบสีส้มทางซ้ายของโถงลิฟต์) เป็นห้องที่อยู่ติดกับลิฟต์โดยสาร โดยบริเวณผนังที่กั้นระหว่างตัวห้องกับลิฟต์ตรงนี้จะเป็นผนัง 2 ชั้น ที่จะมีช่องว่างอากาศอยู่ตรงกลาง ซึ่งในส่วนนี้ก็จะช่วยลดเสียงรบกวนของลิฟต์ได้ในระดับหนึ่งค่ะ
ส่วนกรอบสีส้มทางด้านขวาเป็นห้องเก็บขยะ ซึ่งจะอยู่ด้านในประตูของห้อง service lift อีกทีหนึ่ง ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่มีห้องไหนเลยที่จะอยู่ติดหรืออยู่หน้าห้องทิ้งขยะ ที่อาจมีคนมาใช้งานบ่อยทำให้ขาดความเป็นส่วนตัว หรือไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวนหน้าห้องค่ะ ส่วนห้องที่เรามองว่าค่อนข้างดีสำหรับอาคาร A นี้คือตำแหน่งที่เราตีกรอบสีแดงด้านหน้าสุด เพราะห้องไม่ติดกับใครเลยจึงได้ความเป็นส่วนตัว แถมยังเป็นห้องมุมที่ take view ได้โล่งถึง 2 ด้าน อีกด้วย ในขณะที่ห้องอีกฝั่งหนึ่งของอาคารจะ take view ได้แค่ด้านเดียว เพราะด้านข้างจะมีอาคาร B อยู่นั่นเอง
ตัวอาคาร B จะมีลักษณะเหมือนกับอาคารที่แล้วเลยค่ะ คือเป็นลักษณะรูปตัว I ซึ่งจะเน้น take view 2 ฝั่งเป็นหลัก คือฝั่งแยกหัวหมาก-ศรีนครินทร์ทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งฝั่งนี้จะได้วิวที่ค่อนข้างเปิดโล่ง และอีกฝั่งหนึ่งคือทิศตะวันตกหรือฝั่งรามคำแหง ซึ่งด้านนี้อาจจะร้อนมากกว่าหน่อยนะคะ แต่ก็เป็นด้านที่จะมีห้อง type เล็กขนาด 28 ตารางเมตร ซึ่งมีราคาที่หยิบจับได้ง่ายกว่าอยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus 38 ตารางเมตร จะมีอยู่เพียง 3 ห้องต่อชั้น ในตำแหน่งบริเวณมุมอาคารเท่านั้น ซึ่งอีกมุมหนึ่งที่เหลือจะเป็นห้อง 2 Bedrooms ที่มีชั้นละ 1 ห้องนั่นเอง
พื้นที่ส่วนกลางชั้น 33 , 37
ขึ้นมาที่ชั้น 37 ของอาคาร A และ ชั้น 33 ของอาคาร B จะเป็นห้องพักอาศัยอยู่รวมกับพื้นที่ส่วนกลางคือ Sky Social Lounge ค่ะ
Niche-Mono-รามคำแหง-37
Sky Social Lounge ที่ชั้น 37 ของอาคาร A ค่ะ ซึ่งจะสามารถชมวิวได้ถึง 3 ด้าน แบบ Panorama เลยทีเดียว โดยห้องจะเป็นฝ้าเพดานสูง และมีกระจกล้อมรอบ สามารถชมวิวได้กว้างแบบนี้เลย มีที่นั่งแยกกันหลายจุดไม่รบกวนกันด้วย
Niche-Mono-รามคำแหง-32
Sky Social Lounge ที่ชั้น 33 ของอาคาร B มาในโทนขาวดำ สามารถชมวิวได้รอบด้านเช่นเดียวกันค่ะ
ออกจาก Tower A และ B เราจะพามาเดินดูในส่วนคอนโด Low Rise ซึ่งส่วนกลางมีสร้างเสร็จบางส่วนแล้ว เดี๋ยวจะพาไปชมกันค่ะ
ระหว่างคอนโด High Rise และ Low Rise นั้นจะมี Multi Sports Court (Basket Ball & Futsal) & Amphitheatre อยู่ตรงกลาง ซึ่งสนามนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนเป็นจากสนามบาสเป็นสนามฟุตซอลได้ แต่ในด้านการใช้งานจริงโดยมุมมองของคนที่เล่นกีฬาแบบนี้ เราคิดว่าควรทำกรงเหล็ก หรือตาข่ายล้อมรอบด้วยในอนาคตจะดีนะคะ เพราะไม่ว่าจะเตะฟุตบอล หรือชูตบาส ก็จะทำให้ลูกบอลเด้งไปไกล อาจไปโดนรถ ต้นไม้ หรือคนแถวๆนั้นได้
ต่อมาเรามาดูกันที่โซนอาคาร Low Rise สูง 7 ชั้นกันบ้างค่ะ ซึ่งที่ดินก็จะต่อเนื่องมาจากด้านหน้านะ แบ่งออกเป็นอีก 3 อาคารพักอาศัย และ 1 อาคารจอดรถ ข้อดีของโซนนี้คือค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมาก เพื่อนบ้านน้อยกว่า และไม่พลุกพล่านเหมือนโซน High Rise ด้านหน้า
นอกจากอาคารพักอาศัยแล้ว โซนด้านหลังนี้ยังมี Facilities เป็นของตัวเองแยกต่างหากอีกด้วย เพียงแต่จะไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนกับโซน High Rise แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า อย่างเช่นสระว่ายน้ำมุมนี้จะค่อนข้างสงบ ได้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ตค่ะ
ตัวสระเป็น Chill Pool ความยาว 30 เมตร พร้อมสระเด็ก
ซึ่งในบริเวณใกล้ๆกันมีห้องน้ำมาให้ใช้งานครบ
ในตัวอาคารส่วนของคอนโด Low Rise ก็มีฟิตเนสแยกมาให้ต่างหาก พร้อมอุปกรณ์ครบครัน
มุม Weight Training ก็มี แต่ถ้าใครอยากใช้ Facilities จริงจังก็สามารถไปใช้บนอาคารใหญ่ได้นะคะ
นอกจากจะจอดรถกลางแจ้งหน้าอาคารแต่ละหลังแล้ว ก็จะมีอาคารอาคารจอดรถแยกอยู่อีกด้วยค่ะ ซึ่งถ้าใครที่อยู่โซน High Rise แล้วที่จอดรถไม่พอ ก็สามารถมาจอดที่นี่ได้นะ (แต่อาจต้องเดินไกลหน่อย)
วิเคราะห์ชั้นพักอาศัยคอนโด Low Rise
อาคาร C
อาคาร Low Rise เหล่านี้จะมีห้องพักอาศัยเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 1 เลยนะ แล้วยังได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor อีกด้วย มีความเป็นส่วนตัวมากๆ สังเกตห้องทางซ้ายมือที่หันหน้าออกไปทางสนามบาส ซึ่งจากโถงลิฟต์จะแยกเข้าไปยังส่วนพักอาศัยจะมีประตูที่ต้องใช้ Key Card Access กั้นแยกเพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งห้องทางซ้ายนั้นจะมีอยู่แค่ 2 ห้องเท่านั้นที่ใช้งานโถงทางเดินร่วมกัน
ส่วนชั้น 2-7 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด แปลนจะเป็นรูปตัวแอล ห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกจะได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากๆ ส่วนทางฝั่งซ้าย ทิศเหนือ-ใต้จะเป็นห้องแบบ Double Corridor โซนนี้จะมีจำนวนยูนิต 6 ห้องเท่านั้นค่ะ
อาคาร D
สำหรับอาคาร D ชั้น 1 จะมี Lobby และ Fitness แยกโซนกันอย่างชัดเจน แต่ที่ชอบคือห้องทางปีกซ้าย ซึ่งเราอาจได้วิวสระว่ายน้ำแบบเต็มๆ โดยห้องทั้งหมดในชั้นนี้จะเป็นแบบ Single Corridor ค่ะ
ส่วนชั้น 2 – 7 ก็จะเป็นชั้นพักอาศัย แน่นอนว่ายังได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor อยู่นะ ซึ่งจะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง เน้นหันหน้ารับวิวส่วนกลางทางทิศตะวันออกเป็นหลัก แดดไม่ร้อนดีด้วยค่ะ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบวิวสระว่ายน้ำหรือวิวสวนก็ต้องเลือกกันดีๆ แต่สำหรับอาคาร Low Rise ถ้าต้องการ take view ชั้น 1 แนะนำว่าไม่เกินชั้น 4 – 5 กำลังดี มองลงมาจากระเบียงหรือหน้าต่างห้องยังได้วิวสวนหรือสระสวยๆอยู่ และมีจุดที่น่าสังเกตอีกอย่างตรงที่ตีกรอบสีส้มเอาไว้ จะมีการเว้นระยะห่างของผนังห้องกับลิฟต์โดยสาร เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนเหมือนกับโซนอาคารสูงเลยค่ะ
อาคาร E
ชั้น 1 ของอาคาร E แปลนจะเป็นแนวยาวทรงตัว I ตำแหน่งของโถงลิฟต์จะอยู่ตรงกลาง แบ่งห้องพักอาศัยออกเป็น 2 ฝั่ง ประกอบกับโถงทางเดินแบบ Single Corridor ทำให้จำนวนยูนิตแต่ละฝั่งไม่เยอะ มีความเป็นส่วนตัว ส่วนพื้นที่ส่วนกลางที่แยกออกมาทางด้านหน้าคือ Lobby Co-Working Space และ Co-Kitchen
ชั้น 2-7 จะเป็นห้องพักอาศัย แปลนจะคล้ายๆกับอาคาร D ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
High Rise
อาคาร A
- ชั้น 1 : Co-Meeting, Co-Working space
- ชั้น 6 : สระว่ายน้ำ Passive Pool ความยาว 30 เมตร + สระว่ายน้ำเด็ก, Co-Kitchen, Pool Lounge, Relaxing Area
- ชั้น 37 : Sky Social Lounge
อาคาร B
- ชั้น 1 : Co-Meeting, Co-Working space , Lady-Drop, Mail Box
- ชั้น 6 : สระว่ายน้ำ Active Pool ความยาว 50 เมตร (Lab Pool, Jacuzzi, Kid Pool)
- ชั้น 7 : Squash Court, Fitness Room (Weight Training), Cardio Room, Bike Studio,Yoga Room, Pilates Room, Boxing Room, Steam, Pool Lounge, Co-Kitchen, Jogging Track, Relaxing Area
- ชั้น 33 : Sky Social Lounge
ด้านนอกอาคาร
- Jogging Track, สนามบาส/สนามฟุตซอล
Low Rise อาคาร C,D,E
อาคาร C
- ชั้น1 : Juristic Office
อาคาร D
- ชั้น1 : Fitness
อาคาร E
- ชั้น1 : Co Working Space, Mail Box, Visitor Parking, Vending & Washing Machinine Area
ด้านนอก
- สระว่ายน้ำ Chill Pool ความยาว 30 เมตร พร้อมสระเด็ก
- ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร (High Rise)
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร (Low Rise)
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 121 : 1
- Service Lift 1 ตัว (High Rise)
- ที่จอดรถประมาณ 870 คัน คิดเป็น 51% รวมซ้อนคัน รวมทั้งโครงการ
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card
แบบห้อง
โครงการ Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) มีรูปแบบการขายให้ลูกบ้านเลือก 2 แบบทั้ง
- Fully Fitted : ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว, แอร์, ฉากกั้นอาบน้ำ
- Fully Furnished : เคาน์เตอร์ครัว, โต๊ะทานข้าว+เก้าอี้2ตัว, โซฟา, ฉากกั้นอาบน้ำ, ตู้วางรองเท้า, ฐานเตียง, ตู้เสื้อผ้า, แอร์
โดยแบบห้องของโครงการนี้มีอยู่ 3 แบบหลักๆคือ
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 – 31 ตารางเมตร
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 33.5 – 38 ตารางเมตร
- ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 45 – 51 ตารางเมตร
ห้องพักอาศัยในโครงการที่พัฒนาโดย SENA จะมีออกแบบภายใต้แนวคิด GeoFit ซึ่งจะเน้นการพัฒนาโปรดักส์ให้เข้ากับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องพัก ให้มีพื้นที่ในการเก็บของมากขึ้น และทำให้สามารถปรับฟังก์ชันได้หลากหลาย ผสมกับแนวทางการประหยัดพลังงานและการเพิ่มความปลอดภัย
โดยวันนี้จะพาไปชมในส่วนของห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus กันค่ะ
ห้องแรกจะเป็น 1 Bedroom 28 ตารางเมตร ตัวห้องนี้จะเป็นห้องตอนลึกแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวานะคะ เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องครัวก่อน ซึ่งถ้าเราซื้อของเตรียมมาทำอาหารก็สามารถเก็บเข้าตู้เย็นได้สะดวก ครัวจะถูกกั้นเป็นครัวปิดด้วยประตูบานเลื่อน จึงสามารถทำอาหารได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวกลิ่นควันลอยคลุ้งไปทั่วห้อง ถัดมาจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารต่อเนื่องไปกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ทางด้านในติดระเบียง
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นห้องนอน กั้นแยกออกจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เพื่อให้ทั้ง 2 ห้องมีความเป็นส่วนตัวแต่ก็ยังได้รับแสงธรรมชาติอย่างพอเพียง และเราก็สามารถเปิดประตูต่อเนื่องเพื่อระบายอากาศ เชื่อม Space เข้าด้วยกันได้ มีพื้นที่แต่งตัวให้หน้าห้องน้ำ สำหรับห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอน ในกรณีที่มีเพื่อนมาเยี่ยมเราก็อาจจะต้องจัดห้องจัดเตียงให้ดูเรียบร้อยหน่อยค่ะ เราชอบการจัดฟังก์ชันห้องน้ำของโครงการนี้นะ เพราะเค้ามีประตูกั้นพื้นที่อาบน้ำและโถสุขภัณฑ์มาให้ มันทำให้สามารถใช้ห้องน้ำได้พร้อมๆกันโดยไม่เคอะเขิน
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะเป็นห้องครัวอย่างที่บอกไป กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเป็นครัวปิด พื้นตรงนี้จะเลือกใช้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ง่ายในการทำความสะอาด
ครัวจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนเตรียมอาหารและประกอบอาหาร ซึ่งเราดูจากขนาดพื้นที่แล้วทางโครงการสามารถจัดฟังก์ชันได้เหมาะกับการใช้งาน
ตรงประตูทางเข้าทางโครงการมี Digital Door Lock มาให้ด้วย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้อีก 1 ชั้นค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวที่ให้มีขนาดเหมาะกับการใช้งาน 1-2 คน มีฟังก์ชันครบครัน จุดเด่นของครัวในโครงการของ SENA เลยคือการให้ชั้นเก็บของมาค่อนข้างเยอะ จัดเก็บเครื่องครัวและอุปกรณ์ครัวได้เต็มที่เลยค่ะ
อย่างชั้นเก็บของด้านบนจะมีชั้นพักจานมาให้ด้วย ทำให้สามารถเก็บของได้สะดวกและเป็นที่เป็นทางมากขึ้น
เตาไฟฟ้าให้มาแบบ 2 หัวของ Franke
อ่างล้างจานก็เป็นของ Franke ให้มาพร้อมก๊อกทรงโค้ง
อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่เหมาะกับการเตรียมอาหาร ซึ่งก็มีตู้ด้านล่างด้านบนสำหรับเก็บของมาและช่องสำหรับวางตู้เย็นมาให้ด้วย
ตู้ทั้งด้านล่างและด้านบนเปิดเก็บของได้แบบจุใจค่ะ
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่ Common Area ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน
พื้นที่ Common Area ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งบรรยากาศดูโปร่งโล่ง เพราะได้แสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนที่ระเบียง ส่วนพื้นจะเป็นไม้ลามิเนตค่ะ
มุมนี้จะสามารถวางชุดที่นั่งรับประทานอาหารได้แบบ 2 ที่นั่ง ตำแหน่งจะอยู่ใกล้ๆกับครัว ทำอาหารเสร็จแล้วสามารถยกมาทานได้สะดวกหรือจะใช้เป็นมุมนั่งทำงาน Work from Home ก็ได้ค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีประมาณ 2.20 เมตร เหมาะกับวางทีวีขนาด มุมนี้จะได้แสงสว่างจากบริเวณระเบียงเต็มๆอีกด้วย
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 2.55 x 0.80 เมตร สามารถออกมายืนสูดอากาศ ใช้ตากผ้าและวางเครื่องซักผ้าได้
ส่วน Condensing Unit ของแอร์จะอยู่ที่ด้านบน หันเป่าลมออกด้านนอกอาคาร เวลาเราออกมาใช้งานระเบียงก็จะไม่โดนลมร้อนและไม่มีอะไรมาขวางการใช้งานด้วยค่ะ
ห้องนอนจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอน แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน มุมนี้หากอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถติดม่านหรือสติกเกอร์ฝ้าเพิ่มได้นะคะ
ก่อนเข้าห้องนอนทางโครงการทำตู้เก็บของมาให้ซึ่งสามารถใช้เก็บรองเท้า ของใช้ต่างๆ ไม้กวาด ที่โกยผง ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นมาได้
เข้ามาภายในห้องนอนจะมีพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนและตู้เสื้อผ้า
อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้าทางโครงการก็ให้มาแบบนี้เลย
เปิดออกมามีชั้นเก็ของตามนี้ เก็บได้ทั้งชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่
จุดที่เราชอบสำหรับห้องน้ำโครงการนี้คือมีการกั้นแยกส่วนอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์มาให้ ทำให้สามารถใช้งานพร้อมกันหลายคนได้
อ่างล้างหน้าได้ของ Kohler หรือเทียบเท่า
พื้นที่โถสุขภัณฑ์ที่มีการกั้นด้วยกระจกเป็นสัดส่วน
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler ติดตั้งมาพร้อมอุปกรณ์
พื้นที่อาบน้ำก็แยกเป็นสัดส่วน ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆมาให้พร้อม ฝักบัวเป็นของ Kohler และที่ผนังข้างๆจะมีชั้นสามารถเก็บของได้ด้วย
อีกห้องที่เราจะพาไปชมคือ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.9 ตารางเมตร เริ่มด้วยพื้นที่ครัวด้านหน้าที่เป็นได้ทั้งครัวปิดทำอาหารได้ และยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่ foyer ต้อนรับไปด้วยในตัว ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งจะเชื่อมต่อทั้งห้องอเนกประสงค์และห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน จึงทำให้พื้นที่ห้องดูกว้าง โปร่งโล่ง และได้แสงสว่างที่เพียงพอจากทั้ง 2 ด้าน โดยระเบียงจะอยู่ในห้องนอน สามารถออกไปใช้งานได้ จุดเด่นของห้องนี้ที่เราชอบมีอยู่ 2 อย่างคือ ทางเดินข้างโซฟาที่จะมายังห้องนอนนั้นค่อนข้างกว้าง จึงทำให้ห้องเลยดูกว้างมากขึ้นไปด้วย
ส่วนอีกจุดหนึ่งคือห้องน้ำ ซึ่งมีการกั้นฟังก์ชันแยกพื้นที่ใช้งานอย่างชัดเจน ทั้งส่วนโถสุขภัณฑ์และส่วนอาบน้ำ ทำให้สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 2 คน เพียงแต่ห้องน้ำนี้จะอยู่ในห้องนอน อาจไม่สะดวกสำหรับคนที่มีแขกมาหาที่ห้องนักค่ะ ของจริงจะเป็นอย่างไรเราลองไปชมพร้อมๆกันเลย
เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับส่วนครัวก่อน อย่างที่บอกไปแล้วว่าจะได้เป็นครัวปิด และยังทำหน้าที่เป็น foyer ต้อนรับส่วนแรกในตัวด้วย พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สามารถใช้ทำครัวได้สะดวก
เคาน์เตอร์ครัว
เคาน์เตอร์ครัวมีที่เก็บของพอสมควร Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งทนทานกว่าลามิเนตหรือเมลามีน ด้านหลังติดตั้งกระจก backsplash เพื่อกันคราบน้ำหรือน้ำมันกระเด็น จะได้ทำความสะอาดง่าย
ตู้ด้านบนเคาน์เตอร์ครัว
สำหรับตู้เก็บของด้านบน เค้าจะไม่ได้ให้ชั้นวางของแบบดึงลงมาได้เหมือนโครงการอื่นๆของเสนา แต่จะติดตั้งเป็นชั้นคว่ำจานมาให้พร้อมถาดวาง ซึ่งจะมีขนาดใหญ่และจุของได้มากกว่าแบบชั้นที่ดึงลงมาแทน ที่สำคัญคือไม่พังง่าย เพียงแต่คุณผู้หญิงที่ตัวเล็กอย่างเราๆก็อาจต้องเอื้อมกันหน่อยนะ
อ่างล้างจาน
เตาและเครื่องดูดควัน เป็นของ Franke ติดตั้งมาพร้อมอ่างล้างจาน 1 หลุมยี่ห้อเดียวกัน
ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นชุดตู้ Built in สำหรับวางเครื่องซักผ้าและตู้เย็น โดยพื้นที่วางเครื่องซักผ้ามีขนาดประมาณ 70 x 60 cm. ส่วนพื้นที่วางตู้เย็นมีขนาดประมาณ 70 x 70 cm. สูง 1.7 m. ที่เราชอบคือที่ตู้ด้านบนมีที่แขวนผ้าด้วยค่ะ เอาไว้แขวนผ้าที่จะซัก หรือจะแขวนเสื้อคลุมที่ใช้บ่อยๆก่อนออกจากห้องก็ได้นะ
ห้องถัดไปจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ และกระจกใสธรรมดา
เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่ค่อนข้างโปร่งโล่งมาก เพราะได้แสงธรรมชาติจากผนังกระจกทั้ง 2 ด้าน อีกทั้งยังดูเป็นพื้นที่เชื่อมต่อถึงกันแต่ยังเป็นสัดส่วนดี โดยพื้นจะเปลี่ยนพื้นไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสี
โต๊ะทานอาหารที่เค้าแถมมาให้ ซึ่งสามารถวางโต๊ะได้ 2 ที่นั่งแบบนี้ ความจริงแล้วเราสามารถใช้โต๊ะแบบที่พับขยายด้านข้างเพิ่มอีก 2 ที่นั่ง ที่มีขายตาม IKEA ได้นะ เพราะยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออยู่ เวลาไม่ใช้ก็สามารถพับเก็บเป็นระเบียบแบบนี้ได้
พื้นที่นั่งเล่น มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2 เมตร สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 46 นิ้วได้
ห้องอเนกประสงค์
ภายในห้องอเนกประสงค์เค้าจัดมาให้ดูเป็นห้องนอนเล็กอีกห้อง โดยของจริงเราจะได้ Sofa bed ตัวนี้เลยด้วยนะ มีช่องแสงขนาดใหญ่ และเปิดบานกระทุ้งทางด้านขวาเพื่อระบายอากาศได้ด้วย
บรรยากาศที่เปิดประตูเชื่อมต่อกัน 3 ห้อง ห้องอเนกประสงค์ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ดูโปร่งโล่งดี เราไปดูต่อกันที่ห้องนอนค่ะ
ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่พอดีๆ สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ทางขวามือได้ ส่วนขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ห้องนี้ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ แต่จะมีระเบียงและห้องน้ำในตัวแทน
มีพื้นที่เหลือสามารถเดินได้รอบห้อง
ห้องนี้จะมีระเบียงด้วย ซึ่งการที่ประตูทางออกเป็นระเบียงเป็นกระจกทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้ดี
ระเบียงห้องนอนสามารถออกมาใช้งานได้
ซึ่งเค้าจะแขวน condensing unit เอาไว้ด้านบน และเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก ทำให้ระเบียงไม่ร้อน และมีระแนงบังสายตาจากภายนอกติดตั้งอยู่ด้านบนให้ด้วย
ส่วนอีกด้านของห้องนอนจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ
ตู้เก็บของ
ตู้ทางด้านขวาภายในจะสามารถแขวนเสื้อผ้าได้นิดหน่อย (แขวนแนวขวาง) และด้านล่างเปิดออกมาจะมีตะกร้าผ้าให้พร้อมเลยด้วย ถือเป็นอีกหนึ่ง signature ของเสนาเลยค่ะ
ส่วนบริเวณหน้าห้องน้ำจะมีตู้เก็บเสื้อผ้าซึ่งก็เพียงพอสำหรับอยู่ 1 – 2 คน หน้าบานเป็นไม้บานทึบฝั่งหนึ่ง ด้านในติดตั้งกระจกเงามาให้เพื่อใช้ส่องแต่งตัวได้ ส่วนหน้าบานอีกฝั่งจะเป็นกระจกสีดำแบบนี้เลย
ภายในห้องน้ำจะแบ่งฟังก์ชันการใช้งานอย่างเป็นสัดส่วนมากค่ะ เพราะแต่ละส่วนเค้าจะกั้นด้วยฉากกั้นกระจกทั้งหมด ทำให้สามารถใช้งาน 2 คนพร้อมกันได้
อ่างล้างหน้าของ Kohler พร้อมก๊อกน้ำจาก Englefield และมีที่วางของตรงผนัง low wall อีกเล็กน้อยค่ะ
โถสุขภัณฑ์
โถสุขภัณฑ์จะกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass (แบบขุ่น) ซึ่งค่อนข้างเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ ด้านบนมีไฟส่องสว่างและพัดลมดูดอากาศติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่อาบน้ำซึ่งกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเหมือนกัน พร้อมมีที่นั่งอาบน้ำเล็กๆมาให้ด้วยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
แบบแปลน
High Rise
แปลนห้องพักอาศัยบนอาคาร High Rise
Low Rise
แปลนห้องพักอาศัยบนอาคาร Low Rise
ราคา
Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) ราคา ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2566
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 28 – 31 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยภายใน 33.5 – 38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
- 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 45 – 51 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.3 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย เลือกได้ทั้ง Fully Furnished / Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
- จอง 999 บาท
- ทำสัญญา 9,001 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว)
- ค่าส่วนกลาง 33 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระปีละ 1 ครั้ง)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) ตั้งอยู่ติดถนนรามคำแหง ระหว่างซอยรามคำแหง 36 และ 36/1 ใกล้โรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งบริเวณนี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดี โดยเฉพาะซอยข้างโรงพยาบาลที่มีร้านค้าร้านอาหารเยอะแยะเลย หรือถ้าจะไปห้างใหญ่ๆก็จะมีบริเวณแยกบางกะปิ ทั้ง The Mall บางกะปิ, ตะวันนา, แม็คโคร, โลตัส และพันธุ์ทิพย์ และถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จก็ยังสามารถนั่งไปลงที่ The Mall รามคำแหง หรือเข้าไปในเมืองได้ง่ายอีกด้วย อีกหนึ่งจุดเด่นของย่านนี้คือโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เยอะมาก ทั้งม.รามคำแหง ม.อัสสัมชัญ NIDA และม.เกษมบัณฑิต อีกทั้งยังมีสนามกีฬาขนาดใหญ่อย่างราชมังคลาอยู่ไม่ไกลอีกด้วย น่าจะถูกใจคอกีฬาต่างๆนะคะ
การเดินทางโดยใช้รถ : ทำเลรามคำแหงนั้นขึ้นชื่อว่ารถติดมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าและทำถนนใหม่ในปัจจุบัน แต่ก็มีทางด่วนให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษฉลองรัช แต่ก็ต้องเผื่อเวลารถติดบริเวณแยกรามคำแหงและแยกคลองตันประมาณ 30 นาทีด้วยนะ อีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถออกเมืองไปทางชลบุรีได้ง่ายคือ มอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี ที่ขึ้นได้จากทางถนนศรีนครินทร์ ทั้งหมดนี้ห่างจากโครงการประมาณ 5 – 6 km. และโครงการก็มีที่จอดรถแบบรวมทั้งโครงการประมาณ 51% รวมจอดซ้อนคันค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีส้มสร้างเสร็จก็ถือว่าสะดวกมากค่ะ เพราะตัวสถานีจะอยู่ติดกับด้านหน้าโครงการเลยคือ MRT รามคำแหง 34 ซึ่งในปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่สร้างเสร็จและกำลังทดลองเปิดให้บริการอยู่ด้วย โดยจะใกล้กับสถานีแยกลำสาลี เพียงแต่ถ้าเราอยู่อาคารด้านในอาจจะเดินทางมาขึ้นไกลหน่อย ประมาณ 600 m. คงต้องพึ่งรถรับ-ส่งของโครงการหรือซื้อจักรยานปั่นมาเองอย่างที่บอกไปก็จะช่วยได้ และตัวโครงการเองก็จะสร้างเสร็จก่อนรถไฟฟ้า 1 – 2 ปี ดังนั้นคนที่ซื้อคอนโดโดยหวังจะใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักก็อาจต้องรอกันสักหน่อยนะคะ แต่ทำเลนี้ก็มีอีกตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองคือ ท่าเรือวัดกลาง ที่คลองแสนแสบนั่นเอง อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 m. ถ้าใครไม่อยากเดินก็แนะนำให้ใช้บริการพี่วินที่ซอย 34 ข้างๆก็ได้ มีป้ายรถเมล์ขนาดใหญ่อยู่ปากซอยด้วยนะ
วัสดุ : โครงการนี้ปัจจุบันมีให้เลือก 2 แบบทั้ง Fully Fitted และ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ถือว่าให้ของค่อนข้างดี เหมาะสมกับราคา พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนต พื้นครัวกระเบื้องแกรนิตโต้ Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ ชุดครัวของ Franke ให้เตาและพัดลมดูดอากาศ ประตูกระจกและหน้าต่างกรอบอลูมิเนียม กระจกภายในใสธรรมดา กระจกภายนอกเทาตัดแสง สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Kohler และก๊อกน้ำจาก Englefield ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบขุ่นมาให้ทั้ง 2 ฟังก์ชัน และให้แอร์ของ Panasonic อีก 2 ตัวค่ะ
การออกแบบโครงการ : Niche Mono รามคำแหง เป็นโครงการที่มีทั้งรูปแบบคอนโด High Rise และ Low Rise อยู่ในโครงการเดียวกัน ซึ่งแต่ละอาคารก็จะมีความแตกต่างในด้านการใช้งานและการอยู่อาศัยที่ไม่เหมือนกัน อย่างอาคาร High Rise ที่อยู่ด้านหน้าก็จะได้ความสะดวกสบายเพราะอยู่ใกล้ถนนมากกว่า มีที่จอดรถกับส่วนกลางอยู่ด้านล่างจึงสามารถใช้งานได้สะดวก รวมถึงยังมี roof top facilities อยู่บนดาดฟ้าทั้ง 2 อาคารอีกด้วย
เพียงแต่วิธีการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ จะเปิดโอกาสให้ใช้งานรวมกันทั้ง High Rise และ Low Rise ซึ่งอาจทำให้คนที่อยู่ High Rise ขาดความเป็นส่วนตัวไปได้ค่ะ แต่ชอบตรงโซน Low Rise ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะออกแบบอาคารแบบ Single Corridor และมีจำนวนยูนิตค่อนข้างน้อย เพียงแต่ว่าด้วยลักษณะที่ดินที่เป็นแนวยาวลึกยาวเข้าไป จึงทำให้อยู่ไกลจากหน้าโครงการค่อนข้างมากค่ะ
การออกแบบห้องพัก : ส่วนตัวคิดว่าฟังก์ชันเป็นมาตรฐานและเป็นสัดส่วนดี โดยเฉพาะการกั้นแยกฟังก์ชันห้องด้วยกระจก ซึ่งจะทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่งไม่อึดอัด รวมถึงในห้องน้ำยังแบ่งฟังก์ชันกันได้ชัดเจนด้วยฉากกั้นกระจกอีกด้วย
เราจะชอบห้อง 1 Bedroom plus 38 ตารางเมตร โดยเฉพาะครัวที่สามารถใช้งานได้จริง และให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านได้ดีอีกด้วย ส่วนห้อง 2 Bedrooms ก็มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะกั้นห้องด้วยผนังทึบ ส่วนตัวอยากเสริมว่าถ้าห้องมุมแต่ละ type เพิ่มช่องหน้าต่างด้านข้างอีกหน่อย ก็จะทำให้ห้องสว่าง โปร่งโล่ง และน่าอยู่เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ (ช่องแสงหรือหน้าต่าง ไม่จำเป็นต้องได้วิวอย่างเดียว บางทีก็ต้องการให้แสงเข้า หรือระบายอากาศมากกว่าค่ะ)
สาธารณูปโภค : ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ โดยเฉพาะ Sport Village ที่เปิด 24 ชม. ซึ่งการออกแบบจะแตกต่างจากคอนโดทั่วไป เพราะแยกฟังก์ชันการใช้งานแต่ละส่วนออกจากกัน ไม่รบกวนกัน ได้แก่ Yoga Studio, Pilates Studio, Cardio Studio, Weight Training, Cycling Studio, Steam Room และ Boxing Room ส่วนสระว่ายน้ำก็แยกโซนพักผ่อนอย่าง Passive Pool ยาว 30 m. และโซนออกกำลังกาย Active Pool ยาว 50 m. ออกจากกันอย่างชัดเจน มี Sky Lounge ไว้ชมวิวบนดาดฟ้าได้ และโซน Low Rise เอง ก็มีส่วนกลางเล็กๆของตัวเองเป็นส่วนตัวแยกต่างหาก แต่ก็สามารถมาใช้ที่ตึกใหญ่ได้ค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 – 100,000 บาท/ตร.ม., 16 มิถุนายน 2566
- ทำเล 8.25/10 – ติดถนนใหญ่ หาของกินง่าย ใกล้โรงพยาบาลและห้างสรรพสินค้า
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – มีทางด่วนเข้าเมือง 2 เส้นทาง และมอเตอร์เวย์ได้ มีที่จอดรถ 51%
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – อนาคตมีรถไฟฟ้าติดโครงการ มีเรือ และเรียกรถสาธารณะง่าย
- วัสดุ 7.75/10 – Fully Furnished ให้ของครบ เหมาะสมกับราคา
- แบบ 7.5/10 – ผังอาคารดี มีทั้งอาคารสูงและเตี้ย และแบบห้องให้เลือกหลากหลาย
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาเยอะ แบ่งแยกฟังก์ชันชัดเจน น่าใช้งาน
- MAIN CLASS
- 8.13 / 10.00
Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) เหมาะกับใคร
โครงการ Niche Mono Ramkhamhaeng (นิช โมโน รามคำแหง) เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดย่านรามคำแหง อยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต มีรูปแบบอาคารและแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง มีงบประมาณระดับ 2 – 5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,00 – 36,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc